ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NAUGHTY&EVIL ☠ ( B.A.P )

    ลำดับตอนที่ #8 : NAUGHTY&EVIL # 07

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 56



      

    NAUGHTY&EVIL#07
    [ SPECIAL ; DAEUP ]
     








                ตุบๆๆ

               

                จงออบเอาเท้ากระทืบดินบนพื้นให้เข้าที่เข้าทาง หลังจากนั่งหลังขดหลังแข็งเอาดอกไม้จากห้องทำงานของคณะกรรมการนักเรียน มาปลูกลงดินตามคำสั่งของท่านประธานนักเรียนที่นั่งดูดโค้กสบายใจเฉิบอยู่ใต้ต้นไม้

     

                “เสร็จล่ะ กลับได้ยัง

                ยกมือขึ้นปัดเศษขึ้นออกจากเสื้อผ้า ขณะตะโกนถามคนที่เป็นต้นเหตุให้เด็กเท่ห์ๆเสน่ห์ล้นเหลืออย่างเขาต้องมาทำอะไรดั่งกรรมกรแบบนี้

     

                แน่นอน ไม่ใช่ใครอื่น จองแดฮยอนสุดหล่อคนนี้เองล่ะ หึ .. =___,=

     

                ฉันว่านายวางต้นเบี้ยวๆนะ ดูดิ่เอียงจนดอกจะทิ่มลงดินอยู่ล่ะผมโยนขวดพลาสติกในมือลงถังขยะก่อนเดินอาดๆไปยังเด็กปีสองที่สภาพตอนนี้มอมแมมกำลังได้ที่

     

                 โว้ย ช่างแม่งเหอะ”       

                โวยวายตลอดนะน้อง ทีเมื่อวันก่อนน้องหักมือพี่พี่ยังไม่ว่าอะไรน้องสักคำ

                ...ผมเป็นผู้ชายแสนดีจริงๆนะ

     

                งั้นไปล้างเนื้อล้างตัวซะสิ อย่าบอกนะว่าจะกลับสภาพนี้จริงๆ ผมพูดพลางหยิบกระจกเล็กๆในกระเป๋าเสื้อขึ้นมายื่นให้เด็กนี่ส่อง (ผมไม่ได้ใจตุ๊ดนะถึงพกกระจกเหมือนสาวๆอ่ะ คนมันจะดูดีก็ต้องรู้จักสำรวจตัวเองตลอดเวลาสิ)

     

                จงออบขมวดคิ้วก่อนจะกระแทกเท้าปึงปังไปยังห้องน้ำที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก

                ผมเลือกที่จะนั่งลงที่เดิมแทนที่จะเดินตามไป ...ถามว่าผมไม่กลัวเด็กนั่นมันหนีไปหรอ ไม่หรอก ก็ผมเอากระเป๋านักเรียนพร้อมไอโฟน กระเป๋าตังค์ของมันมานั่งกกกอดไว้ซะขนาดนี้

     

                คุณคงสงสัย ทำไมผมถึงต้องทำตัวโรคจิตตามราวีไอ้เด็กปีสองตัวเตี้ยตาไม่มีเหลาเต้งแบบนี้ด้วย ?

                ขอตอบหน้าด้านๆเลยว่า ...ผมไม่รู้ =_=;

     

                ทั้งๆที่ผมออกจะหล่อ หรู รวย เก่ง ฉลาด ร้องเพลงเพราะ แถมยังเป็นประธานนักเรียนของคังฮวามุน สรุปง่ายๆว่าโคตรเพอร์เฟ็คเลยเถอะคนอะไร๊ !!

               

                ถ้าไม่นับข้อเสียที่น้องจงออบชอบด่าจนผมรู้สึกด้อยค่าอย่างแรง เช่น

                ไอ้ดำ (โถ่น้อง เค้าเรียกผิวสีแทนธรรมชาติ)

                ไอ้หน้าหลุม (เวอร์ไปหน่อย ผิวหน้าผู้ชายมันก็ต้องหยาบกร้านบ้างเป็นธรรมดา)

                ไอ้ปลาซัคเกอร์ (เอาผมไปเทียบกับปลาหน้าตาน่าเกลียดแบบนั้นได้ไง คาดว่ามันคงเห็นผมเป็นตัวกินดะ กินแม่งทุกอย่าง ของเหลือยังกิน... อ้าว ชาวนาชาวไร่ทำงานเหนื่อยเว้ย)

     

                ยอมรับเลยว่าจงออบมีความสามารถในการสังเกตคนอื่นผ่านดวงตาตีบๆคู่นั้นได้อย่างน่าตกใจ เพราะไอ้ที่น้องแกด่ามาแต่ละอัน ถ้าไม่ใช่คนใกล้ชิดกับผมมากๆไม่มีใครด่าแบบนั้นหรอก ...ขนาดหน้าผมจงออบยังไม่เคยมองตรงๆเลย แต่กลับรู้เรื่องของผมได้ขนาดนี้

     

                นั่นคงเป็นเหตุผลหนึ่งที่ผมสนใจเด็กนี่...

     

     

                จริงๆผมก็อยากจะถามออกไปเหมือนกันว่าผมไปทำอะไรให้หรอ ทำไมถึงเกลียดขี้หน้าถึงขนาดไม่อยากมองหน้ากันขนาดนั้น ผมว่าผมก็ทำตัวตามปกติทั่วไปอ่ะ

     

                ตื่นเช้า อาบน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน เดินมาโรงเรียน

                แวะแขวะจงออบที่โดนทำโทษทุกเช้าสักหน่อย

                กลางวันไปกินข้าว ก็เดินไปตบกบาลจงออบมันสักทีด้วยความเอ็นดู ที่มักจะแย่งข้าวหน้าเนื้อจานสุดท้ายจากร้านโปรดของผมไปเสมอ

                ตอนเลิกเรียนเดินลงจากตึกก็เจอน้องจงออบรอเจลโล่เพื่อนรักวิ่งรอบสนามเพราะโดนทำโทษ เลยเดินไปยักคิ้วให้ทีสองที

                                                                                                                   

                ถามจริง ผมดูโรคจิตมากรึไง -_-            

     

     

                “ตัวดำแล้วยังนั่งในที่มืดอีก จงออบบ่นกับตัวเองแต่เหมือนจงใจจะให้ผมมันดังเข้าหูผมเต็มๆ เอาเหอะ ผมโดนจงออบด่าทุกครั้งที่เจอหน้าจนตอนนี้ไม่รู้สึกรู้สาอะไรแล้วล่ะ

                เด็กนั่นเดินมายังที่ๆผมนั่งอยู่ ผมสีอ่อนลู่ลงเล็กน้อย ผิวขาวๆมีหยดน้ำใสเกาะอยู่ประปราย เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวในดูบางลงอย่างเห็นได้ชัดคงเพราะเจ้าตัวไม่ได้ระวังตอนล้างหน้า นี่ถ้าผมเป็นไอ้โรคจิตหื่นกาม ป่านนี้ไอ้เด็กปากดีนี่คงเสร็จผมไปแล้ว

     

                โชคดีแค่ไหนนะ ที่ผมเป็นสุภาพบุรุษอันดับหนึ่งของโรงเรียนน่ะ

     

               

                ตาเล็กๆจ้องเขม็งมาเหมือนรู้ว่าผมกำลังมองสำรวจอยู่ ผมเลยจำใจต้องโยนกระเป๋านักเรียนคืนให้ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน

               

                ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว อีกไม่นานประตูโรงเรียงคงจะปิด ผมรีบๆก้าวเท้าออกมาจากบริเวณนั้นโดยไม่ลืมที่จะลากจงออบตามมาด้วย ...คุณคิดว่าเค้าจะเดินตามมาดีๆงั้นหรอ ไม่ล่ะ ไอ้เด็กนี่พยายามรั้งตัวเองไว้น่าดู นี่ถ้ามันลากต้นไทรใหญ่ยักษ์หลังโรงเรียนติดมือมาด้วยได้คงทำไปแล้ว

     

                จะจับทำไมวะ

                เดี๋ยวนายก็มาหักมือฉันอีกข้างหรอก

     

                เหอะ พูดแล้วก็ปวดจี๊ดขึ้นมาเลย

     

                เมื่อวันก่อนที่ผมเดินตามจงออบไป ไม่รู้อะไรดลใจหรอกนะ แต่ที่แน่ๆผมรู้สึกบันเทิงมากเวลาได้แกล้ง ได้เห็นหน้าดูหัวเสียแบบสุดๆ หรือไม่ก็เวลาที่จงออบทำท่าเหมือนจะขย้ำผมให้ตายเวลาที่ผมเผลอ ...โอเค ผมว่าผมควรไปพบจิตแพทย์บ้างแล้วล่ะ

                อ้อ เรื่องวันนั้น หลังจากที่ผมเดินตามไป อยู่ๆจงออบมันก็หยุดเดิน แล้วหันหน้ามาประจันหน้ากับผมเฉยเลย พร้อมกับคำด่าเก๋ๆ

                “ขอโทษนะ ถ้าว่างมากก็เอาเวลาไปรักษาหน้าเหอะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลาโบ๊ะหน้าจนวอก ห่า คนอะไรเดินมาทีเห็นแต่หน้า

     

                นั่นทำเอาเส้นประสาทผมขาดผึง ...ถ้าด่าวันอื่นจะไม่ว่าเลย แต่มันดันเป็นเช้าวันที่ผมพึ่งไปอัพหน้ามาใหม่พอดี ไอ้เด็กนี่ทำไมมันไม่สังเกตเลยนะว่าวันนั้นหนังหน้าผมเรียบเนียนที่สุดใน 365 วันแล้ว ! ผมไม่ได้เสียเงินไปเกือบแสนวอนให้มันมาพูดแบบนี้ใส่นะ !!

     

                ยอมรับก็ได้ว่าโมโหที่จงออบดูไม่ได้ใส่ใจผมอย่างปกติ

                ก็ปกติแล้วจงออบมันจะติดตามข่าวสารผมทุกอย่าง ถึงตามจิกกัดได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องสักครั้ง

     

                พอผมเอื้อมมือไปจับแขนมันไว้เท่านั้นแหละ มือนุ่มอีกข้างก็ตะปบมือผมไว้อย่างอย่างรวดเร็ว ก่อนจะจับพลิกซะจนได้ยินเสียงดัง กร๊อก

                จงออบเองก็ดูตกใจอยู่เหมือนกัน เขารีบคว้ามือผมไปดูใหญ่เลย ดวงตาเล็กๆเบิกกว้าง และเปลี่ยนเป็นใบหน้าร้อนรนระคนตื่นตระหนกตกใจเมื่อผมส่งเสียงโอดโอยออกไป จริงๆก็ไม่ได้เจ็บอะไรนักหรอก แต่จงออบกลับปล่อยมือผมลงทันที แล้วโค้งปุลกๆอยู่อย่างนั้นก่อนวิ่งหายไปเฉยเลย

     

                ด้วยอำนาจบารมีนิดๆหน่อย ผมเลยได้ผ้าพันแผลมาดามมือตัวเอง ประหนึ่งว่าถ้าเอาออกแล้วมือข้างนี้จะแตกเป็นเสี่ยงๆ

                  หึ ...ผมเตือนไปแล้วนี่ว่าอย่าเล่นตุกติกกับจองแดฮยอน


                กลับมาที่ปัจจุบัน จงออบยอมให้ผมเดินกำข้อมือไว้แต่โดยดี ขณะที่ผมลากเขามายังป้ายรถเมย์ แอบเห็นดวงตารู้สึกผิดอยู่แว๊บนึง ก่อนที่เด็กนั่นจะเงยหน้าขึ้นมาคุยกับผมพอดี

     

                พี่ลดเวลาลงหน่อยได้ป่ะ แลกกับเบอร์เจลโล่มันก็ได้

               

                อยากด่าชะมัดว่า  ไอ้เพื่อนชั่ว ขายเพื่อนเอาตัวรอด

                แต่ประโยคที่เด็กนั่นพูดทำเอาสมองผมหยุดทำงานชั่วขณะ ...อาจเป็นเพราะที่ผมเขียนทิ้งท้ายไวในจดหมายก็ได้ ถึงดลใจให้จงออบเอาชื่อเจลโล่ขึ้นมาพูดถึง และอาจจะกำลังคิดอยู่ว่า ที่ผมทำแบบนี้ ก็เพื่อผมจะใช้เขาเป็นสะพานไปหาเจลโล่

     

                ผู้ชายแสนดีแบบผมจะทำอย่างนั้นให้ยากทำไม =_=^

                และเหตุผมจริงๆที่ผมเลือกใส่ชื่อเจลโล่ลงไป เพราะผมรู้ว่าจงออบรักและแคร์เพื่อนคนนั้นมากแค่ไหน ...มากจนผมอิจฉาตาร้อนผ่าวเลยล่ะ

     

                ไม่เอา ฉันไม่อ่อนขนาดนั้นหรอกนะ แค่ขอเบอร์ฉันเดินไปขอเองก็ได้

                จะเอาไงวะเนี่ย จงออบเบ้หน้า ท่าทางจะผิดหวังนะที่อุบายนี้ใช้กับผมไม่ได้ผล ผมยกยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะเสนอกลับไปบ้าง

     

                ถ้าฉันมาเจอหน้านายบ่อยๆ ฉันย่อมได้เจอเจลโล่บ่อยๆด้วยใช่มั๊ยล่ะ

     

     

                ก็ดี ...ผมจะปล่อยให้จงออบเข้าใจแบบนั้นต่อไป

                อ่า ท่าทางต้องไปปลุกกระแสสักหน่อยแล้วล่ะ มันจะได้สนุกขึ้นไปอีกไง

     

     
     

    *****

     

     

                ผมไม่รู้ว่าผมมาทำอะไรที่นี่ กับไอ้ผู้ชายที่ผมเกลี๊ยดเกลียดคนนี้ =_=

     

                จองแดฮยอน ประธานนักเรียนสองสมัยซ้อนยังคงกำข้อมือผมไม่ปล่อย ด้วยเหตุผลที่ว่า ถ้าปล่อยผมอาจบ้าคลั่งไปหักมือเขาอีกข้าง ...ไอ้บ้า ใครมันจะทำผิดซ้ำสองวะ ตัวดำแล้วความคิดยังมืดมนอีก

     

                คุณคงสงสัย ทำไมผมถึงจงเกลียดจงชังไอ้ผู้ชายเจ้าของใบหน้าที่ใครๆก็บอกว่าหล่อเหลาปานเทพบุตรนี้นักหนา ?

     

                ขอตอบมั่นๆเลยว่า ...ผมไม่รู้ =_=;

     

                รู้แต่ว่า ผมไม่ชอบที่เค้าเดินมาแซวผมทุกเช้า ตบหัวผมทุกกลางวัน ปิดท้ายด้วยเดินมาทำหน้ากวนตีนใส่ทุกเย็น ...ทั้งๆที่ผมแทบไม่รู้จักพี่เค้าเลย อยากรู้จริงๆว่าจะโรคจิตไปไหนครับ ?

     

                แล้วไอ้ที่ผมต้องมาเป็นทาสรับใช้พี่ประธานคนนั้น มันเริ่มจากเมื่อวันก่อน พี่แกเดินมากวนตีนผมแต่เช้า ...ไม่สิ่ ผมเองแหละที่ไปกวนตีนเค้าก่อน -_-^ อ้าว ก็เมื่อเย็นก่อนหน้านั้นแม่งแหย่ผมซะแทบเก็บไปฝันขนาดนั้น

     

                พอเห็นท่าไม่ดี ผมเลยเดินหนีมา แต่ใครจะไปคิดว่าอยู่ๆพี่แกจะวิ่งตามมาด้วย โคตรบ้าเหอะ สุดท้ายผมเลยหันไปประจันหน้ากับพี่เค้า พร้อมพ่นคำด่าออกไปทันทีโดยไม่ได้สังเกตเลยว่าหนังหน้าไอ้พี่แดฮยอนวันนี้มันออกจะดูเนียนใส ไม่เหมือน 354 วันที่ผ่านๆมา  หูย ด่าจบเท่านั้นล่ะ พี่แดฮยอนก็จับหมับเข้าที่แขนผม ด้วยความตกใจสุดขีดผมเลยรีบดึงมือนั้นออกอย่างรวดเร็ว

     

                แต่ไม่รู้ว่าทำอีท่าไหนนะ ผมจำได้ว่าผมแทบไม่ได้ออกแรงเลยด้วยซ้ำ แต่ไอ้พี่แดฮยอนแม่งร้องลั่นเลย อ้าว ซวยสิครับ จะให้ยืนเป็นคู่กรณีอยู่ทำไมละ ผมโค้งขอโทษเขายกใหญ่ ก่อนจะรีบวิ่งหนีอีกครั้ง

     

                แล้วจากนั้นไอ้พี่แดฮยอนมันก็ร่อนจดหมายสีชมพูช็อคกี้พิงค์มาให้

                และกลายเป็นอะไรที่ผมต้องมาชดใช้กรรมจนตอนนี้

     

                พี่ลดเวลาลงหน่อยได้ป่ะ แลกกับเบอร์เจลโล่มันก็ได้

     

                ผมยื่นข้อเสนอ ถึงจะดูเป็น ไอ้เพื่อนชั่ว ขายเพื่อนเอาตัวรอด ก็เถอะ

                แต่เพราะผมรู้ว่าไอ้พี่แดฮยอนแม่งชอบเจลโล่มันแหงๆ ไม่งั้นคงไม่เอาชื่อมาอ้างแบบนี้หรอก แต่ขอโทษ เห็นอย่างงี้ผมก็รักเพื่อนมากนะ (ถึงจะรักตัวเองมากกว่าในบางครั้ง)

     

                “ไม่เอา ฉันไม่อ่อนขนาดนั้นหรอกนะ แค่ขอเบอร์ฉันเดินไปขอเองก็ได้

                พี่แดฮยอนปฎิเสธ ก่อนยักคิ้วให้ เค้าจะรู้มั๊ยว่าที่เค้ายักคิ้วแต่ละทีนะ เห็นแล้วมันอยากเอารองเท้าฟาดชะมัด !!

                จะเอาไงวะเนี่ย

     

                ไอ้ประธานหันมายิ้มกริ่ม

                ถ้าฉันมาเจอหน้านายบ่อยๆ ฉันย่อมได้เจอเจลโล่บ่อยๆด้วยใช่มั๊ยล่ะ

     

                อึก ...ฟังแล้วชวนใจเต้นตึกตักดีเนอะ แต่แม่งฟังดูแปลกๆพิกล =_=;

                ที่เค้าพูดมา ประเด็นหลักมันคงอยู่ที่ว่า ได้เจอเจลโล่บ่อยๆ...ส่วนไอ้ มาเจอหน้านายบ่อยๆ เนี่ย มันเป็นแค่ประเด็นรอง

     

                อย่าคิดว่าผมรู้สึกน้อยอกน้อยใจอะไรนะ

                ก็แค่สงสัยว่ามนุษย์อย่างไอ้พี่แดฮยอนเนี่ย เวลาคิดจะจีบใครต้องเข้าทางเพื่อนให้มันยากอย่างงี้ด้วยหรอ หน้าด้านขนาดนั้นไม่จำเป็นหรอกมั๊ง

     

                ยิ่งคิดก็ยิ่งสงสัยว่าเค้าจะมายุ่มย่ามวุ่นวายอะไรกับผมหนักหนา ก็แค่เพื่อให้ได้เจอเจลโล่มันบ่อยๆเนี่ย -_- ?

     

                “ผมไปล่ะ รถเมย์มาแล้ว

     

                ผมลุกขึ้นยืนทันทีที่รถเมย์สายประจำกำลังขับตรงมา พี่แดฮยอนเงยหน้าขึ้นมาจากโทรศัพท์ เขายิ้มแล้วยกมือขึ้นเล็กน้อย ...กำลังจะยิ้มกลับหรอก แต่ท่าทางจะไม่ได้ยิ้มให้ผมอ่ะ หันกลับไปก็เจอสาวๆเครื่องแบบโรงเรียนหญิงล้วนใกล้ๆกันส่งเสียงวีดว้ายอยู่บนรถเมย์คันนั้น พวกเธอประมาณสามสี่คนโบกมือหยอยๆให้ไอ้พี่แดฮยอน พอไอ้ดำนี่ทักกลับก็ทำท่าเขินจะเป็นจะตายอยู่อย่างงั้น

     

                อ่อ ม่อสาวนี้เอง เกือบหน้าแตกแล้วจงออบ ไอ้พี่แดฮยอนแม่งไม่มีทางยิ้มหวานหยดมดตอมแบบนั้นให้มึงหรอก    ยัยสาวๆพวกนั้นก็แปลกคน มันดีตรงไหนห้ะถึงกรี๊ดมันนัก

               

                ขณะที่ผมกำลังจะเดินก้าวขึ้นรถ พี่แดฮยอนก็พูดขึ้นแบบไร้ที่มาที่ไปสุดๆ

                พรุ่งนี้ ซื้อชีสเค้กมาให้ด้วย เอาร้านที่กำลังดังๆตรงเมียงดงนะ

     

                บอกทำไม กูไม่ใช่แม่ทูนหัวมึงนะ -_-* !

                                                                                                                           

     


     








    เจ๊าะแจ๊ะ , }
    - หมดไปหนึ่งยก แด้ออบซัดกันไปคนจะหมัดสองหมัด
    5555555555555 หวังว่าจะชอบกันนะคะ เพราะดูเป็นคู่ที่มีอะไรสุดล้ะ
    ดูอีกคู่ดิ๊ เถียงกันอย่างกับคู่ผัวเมียเก่าแก่ =_= #ไม่ได้แซะบังโล่หรอกนะ *ฮาาาา
    ใครกำลังรอบทความฮิมชานกับยองแจ รออีกนิสสส คาดว่าจะได้ออกมาเร็วๆนี้ อิอิ !




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×