คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : NAUGHTY&EVIL # 06
NAUGHTY&EVIL#06
เสียงเพลงจากหูฟังระดับพระกาฬที่เสียบอยู่ที่หูรู ปิดกั้นผมออกจากโลกภายนอก ตอนนี้พระอาทิตย์กำลังจะตก และบนทางเดินข้างทางก็มีแต่ผมเดินหัวโด่เด่อยู่คนเดียว มันโล่งๆนะเวลาที่ไม่มีจงออบมาเดินข้างๆด้วย จริงๆก็อยากจะรอมันหรอก แต่ท่าทางพี่แดฮยอนจะใช้งานมันอีกเยอะ ผมเลยตัดสินใจออกมาก่อน
ขณะที่กำลังเดินอยู่ ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่าง มันเสียวสันหลังวาบๆ โหวงๆอย่างบอกไม่ถูก เหมือนมีราหู เงาดำ รังสีอำมหิต หรืออะไรสักอย่างอยู่ด้านหลังนี่แหละ พอมองกลับไปก็เจอรถหรูเงาวับท่าทางจะราคาแพงระยับคันหนึ่งกำลังขับเอื่อยเฉื่อยอยู่บนถนน
แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องของผมสักหน่อย ตอนนี้ผมควรจะรีบกลับบ้านได้แล้ว เพราะไม่รู้ว่าพี่ยงกุกจะกลับไปเมื่อไหร่ ถ้าไม่เจอผมที่บ้านเค้าอาจจะองค์ลงแล้วอาละวาดขึ้นมาก็ได้
ปิ๊น !
ว้ะ แล้วไอ้รถบ้านั่นจะบีบแตรทำไมก็ไม่รู้เนอะ =___=;
ปิ๊น ! ปิ๊น!
ให้ตายเหอะ นี่มันอะไรวะเนี่ย ...รถปริศนาคันนั้นค่อยๆชะลอความเร็วลง ก่อนจะจอดสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าผมที่หยุดเดินพอดี ผมยกมือขึ้นดึงหูฟังออก สายตาก็พยายามเพ่งมองว่าเจ้าของรถสีดำติดฟิล์มมืดตึดตื๋อคันนี้ต้องการอะไรจากผมกันแน่
กระจกที่ถูกติดทับด้วยฟิล์มสีดำสนิทก็ถูกลดลง เจ้าของรถคันนั้นโผล่หน้าออกมาจากที่นั่งคนขับ ทำไมผมถึงรู้สึกเหมือนเงาหัวตัวเองมันชักจะจางลงไปเรื่อยๆนะพออยู่ใกล้รถคันนี้ ยิ่งพอได้ยินเสียงตะคอกจากเจ้าของรถ หัวใจก็แทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม
“จะยืนเซ่ออยู่ทำไม ไม่เห็นรึไงว่าฉันรอ!”
“O___O…”
“อย่าทำให้ฉันเสียเวลา!!”
เสียงคำรามของพี่ยงกุกแทบไม่สะเทือนประสาท เมื่อในใจผมมีแต่คำถามที่ว่า เพราะอะไรผู้ชายน้ำหน้าอย่างพี่ยงกุกที่อยู่ในคอนโดรกๆถึงมีปัญญาใส่สูทอย่างหล่อขับแอสตันมาร์ตินยี่ห้อเดียวกับเจมส์บอนด์ร่อนไปทั่วเมืองอย่างนี้ ?
“จะยืนเล่นตัวอีกนานมั๊ย อย่าให้ฉันต้องลงไปกระชากหัวแกขึ้นมานะ”
“พี่ไปขโมยรถใครมาวะ”
พี่ยงกุกไม่ตอบคำถาม เขาแค่เปิดประตูรถแล้วเดินดุ่มๆมาทางผมพร้อมชูหมัดขึ้นเหนือหัว เห็นแล้วน่ากลัวเป็นบ้า Q[]Q
มารู้สึกตัวอีกที ผมก็มานั่งเสนอหน้าอยู่บนที่นั่งข้างๆคนขับเรียบร้อย ไม่สงสัยเลยสักนิดว่าทำไมผมถึงรู้สึกขยาดไอ้รถคันนี้ทันทีที่ได้เห็นขนาดนั้น ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับหันมาจ้องหน้าผม ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นเหมือนจะกลืนเข้าไปทั้งตัวให้ได้ คิ้วหนาขมวดยุ่ง ก่อนจะปริปากพูดออกมา
“ทำดั้งมาเรอะ” เขาว่าพร้อมยกมือขึ้นบีบจมูกผมแน่น ย๊า ไม่เห็นรึไงว่าแปะพลาสเตอร์อยู่ มันเจ็บนะว้อยยย ! เจ็บจมูกไม่เท่าไหร่ เจ็บใจจี๊ดๆนี่ดิ่หนัก ดั้งไม่มีมันผิดตรงไหน !!!
“ถ้าผมทำดั้ง พี่คงต้องไปศัลยกรรมเหงือกอ่ะ”
“อ้อหรอ” เขาพูดเสียงสูง พร้อมบีบสันจมูกผมแรงขึ้น นี่ถ้าแม่งเป็นดินน้ำมันคงย้วยติดนิ้วพี่เค้าไปแล้ว
“โอ้ยยยยยย ก็เมื่อเช้าผมรีบๆอ่ะ เลยสะดุดล้ม พี่ ไม่สงสารผมเลยหรอ T__T”
“ไม่” ว่าแล้วก็ทิ้งมือตัวเองลง พี่ยงกุกตอบเสียงต่ำแล้วเคลื่อนรถออกจากข้างทาง
“ถามจริงๆรถนี่พี่เช่ามาคันละเท่าไหร่อ่ะ” ผมถามไปเพราะอยากรู้ที่มาที่ไปของรถคันนี้ ดูยังไงๆมันก็ไม่น่าจะใช้รสนิยมของพี่ยงกุกหรอก =___=;
“ทำไม? น้ำหน้าอย่างฉันขับรถคันละสองร้อยล้านวอนไม่ได้รึไง”
“O[]O สะ สองร้อยล้าน ! ป๊าดด บ้านพี่ค้ายาเร๊อะ”
“จะตกใจอะไรนักหนา มันก็แค่รถ”
รถหรูคันนี้ทำผมนั่งตัวแข็งทื่อจนไม่กล้าขยับไปไหนด้วยกลัวว่าเบาะหนังสีดำขลับเกิดรอยขีดข่วนแล้วพี่ยงกุกจะหันมาหักคอ รถบ้าอะไรราคาตั้งสองร้อยล้าน มีเงินอย่างเดียวซื้อไม่ได้นะเนี่ย ต้องโง่และกระแดะในระดับนึงด้วยแหละ
เห้อะ แค่ยี่ห้อรถก็น่าหมั่นไส้อยู่แล้ว เวลาจะขับมันต้องยกมือข้างหนึ่งเท้ากับขอบหน้าต่าง แล้วใช้มือข้างเดียวบังคับพวกมาลัยด้วยรึไง ขนาดขับรถในถนนที่ไม่น่าจะมีใครมาเห็น ยังต้องเก๊กท่ามากขนาดนี้อีกหรอเนี่ย ทำไมพี่ไม่เอาแว่นดำมาใส่ด้วยเลยวะ สาดดด คิดว่าตัวเองเป็นพระเอกหนังรึไงวะ !
พาหนะคันงามขับช้าๆไปตามถนนที่เต็มไปด้วยรถรา ตอนนี้ฝนโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีเค้ามาก่อน เสียงเม็ดฝนดังกระทบกับตัวรถด้านอกไม่หยุด แต่ภายในรถกลับมีแต่ความเงียบ ทำไมพี่ยงกุกเค้าไม่พูดอะไรบ้างนะ โอเค ได้ ถ้าพี่ไม่พูด งั้นผมพูดเอง
“พี่ยงกุก…”
“อะไร” พี่ยงกุกไม่ได้หันมาขณะที่ตอบกลับ ดวงตาของเขาคงมองไปยังถนนตรงหน้าเท่านั้น
“แค่ขับรถทำไมต้องเก๊กด้วยอ่ะ”
“ฉันจะเก๊กหาป้าแกเรอะ”
“อ้าวๆ ป้าผม...ก็แม่พี่นะ”
“หุบปากสักที”
เหอะ เจอประโยคนี่เมื่อไหร่ นั่นหมายความว่าพี่ยงกุกกำลังใช้ความคนที่มีอายุมากกว่ามาหยุดอาการปากมากผิดปกติของผม ซึ่งจะเป็นตอนที่เค้าเริ่มเถียงไม่ได้ คิดอะไรไม่ออก หมดมุก จนปัญญาจะต่อปากต่อคำ ...นั่นเป็นอะไรที่ผมรู้สึกดีที่สุดในการอยู่กับพี่เค้าแล้ว ฮ่ะๆ =__,=
“อยู่กับพี่มาตั้งนานผมยังไม่มีเบอร์พี่เลยอ่ะ ขอไว้ได้ป่ะ เวลาไปไหนผมจะได้บอกก่อน พี่จะได้ไม่ต้องขับรถออกมาตามหาอีก”
“เห้อะ แกคิดว่าฉันจะยอมเสียค่าน้ำมันรถออกมาหาแกโดยเฉพาะเลยรึไง”
พี่ยงกุกส่งเสียงฮึดฮัดแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด เพียงแค่เสี้ยววินาที โทรศัพท์ในกระเป๋าผมก็ส่งเสียงขึ้นพร้อมกับสั่นครืดๆ
“พี่รู้เบอร์ผมหรอ ตั้งแต่เมื่อไหร่อ่ะ”
“แกคิดว่าฉันเป็นใครห้ะ แค่เรื่องหาเบอร์โทรหลานตัวเองยังทำไม่ได้ชาตินี้ก็ไม่ต้องทำอะไรกินแล้ว”
“อ่ะหรอ”
ผมขานรับแล้วก้มลงพิมพ์ชื่อพี่ยงกุกเพื่อเมมเก็บไว้ในเครื่อง ที่อยากรู้ตอนนี้ ไม่ใช่ว่าพี่เค้าหามาจากไหนหรอก แต่อยากรู้ว่าทำไมไม่มาขอผมตรงๆวะ มันง่ายกว่าการไปหาจากคนอื่นป่ะ ? …หูยย ถามไปคงโดนไล่ลงตรงนี้แน่ๆเลยนะ ;-;
ชื่อของคนสำคัญผมจะใส่รูปหัวใจไว้ตรงหน้าชื่อ เพื่อที่จะได้มีชื่ออยู่บนๆจะได้โทรออกง่ายๆหน่อย อย่างชื่อจงออบ .... แต่ปัญญาคือ ผมไม่ได้อยากใส่ชื่อพี่ยงกุกแล้วมีหัวใจอยู่ด้วยเลยอ่ะ
♥ยงกุกฮยอง
โห้ยย เห็นแล้วแสลงใจชวนท้องไส้ปั่นป่วนจริงๆ TT___TT
“ผมเหนื่อยอ่ะ หิวด้วย” ตอนนี้ผมพยายามหาเรื่องอื่นขึ้นมาคุยอีกครั้ง และก็เหมือนเดิม พี่ยงกุกเพียงแค่ชายตามามอง เขาตอบกลับมาแบบที่ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่สามารถพูดอะไรต่อจากนั้นได้อีก
“เลิกพูดมากสิ มันจะได้ลดการเผาพลาญพลังงาน”
เยี่ยม ! พี่ทำให้จากเดิมที่ไม่มีอะไรจะพูดอยู่แล้ว ยิ่งพูดไม่ออกหนักขึ้นไปอีก เชิญพี่จมอยู่กับความเงียบของพี่ไปก็แล้วกัน
*****
“แกจะนอนอยู่บนนี้ก็ตามใจนะ” เสียงทุ้มเรียกให้ผมต้องสะดุ้ง ตอนนี้รถของพี่ยงกุกมาจอดอยู่หน้าคอนโดเรียบร้อยแล้ว ที่ผมเห็นคือผู้ชายในชุดสูทกำลังเดินกางร่มเข้าไปในอาคาร ...เขาลืมผมไปรึเปล่านะ
จะให้โวยวายไปก็ใช่ที่ ที่ผมทำได้ก็มีแค่วิ่งออกจากรถแล้วใช้มือบังฝนต่างร่มเท่านั้น แล้วเหมือนใส่เสื้อนักเรียนพวกนี้จะกันฝนดีนักนี่ เปียกข้างนอกไม่พอ ซึมเข้าข้างในเร็วยิ่งกว่าฟองน้ำซะอีก พอเข้าไปในห้อง แอร์ที่เปิดเองโดยอัตโนมัติก็ทำงานของมันอย่างเต็มที่
เมื่อร่างกายเปียกชื้น ปะทะกับความเย็นขนาดนั้น ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองใส่เสื้อยืดบางๆยืนอยู่กลางอลาสก้า ...ส่วนไอ้ผู้ชายเลือดเย็นคนนั้นคือหมีหิมะ และผม...เจลโล่ผู้น่ารัก สดใส และไร้ทางสู้ ที่สะเหร่อมาอยู่ในถ้ำหมี =___=;
“ไปอาบน้ำสิ เดี๋ยวไม่สบายหรอก” อยู่ดีๆ หมีอลาสก้า เอ้ย ไอ้พี่ยงกุกก็พูดขึ้น พร้อมโยนผ้าเช็ดตัวผืนหนามาให้
“โหะ ถ้าผมเป็นอะไร พี่แคร์ด้วยหรอ”
“ไม่”
โอ้ ได้ความรู้ใหม่แล้ว เวลาที่พี่ยงกุกจบประโยคสนทนาด้วยคำสั้นๆเพียงคำเดียวแล้วเดินจากไป แสดงว่าพี่เค้าต้องเริ่มอารมณ์บูดอีกแล้วแน่ๆ ต่อให้ผมเป็นคนทำให้เขาอารมณ์เสียหรือไม่ เขาก็จะมาลงที่ผมงั้นสิ ? คนอะไรจะไร้เหตุผลขนาดนั้น
เออดี เป็นแบบนี้ก็ดี ผมกันพี่จะได้ไม่ต้องมาจ๊ะเอ๋กันบ่อยๆไง
“ฉันหิวแล้ว”
“….”
“ทำกับข้าวเสร็จแล้วเรียกด้วย”
ห่ะ …
ไอ้หน้าบึ้งๆที่โผล่ออกมาจากห้องเมื่อกี้ ก่อนจะพูดอะไรไม่รู้สองสามประโยคแล้วปิดประตูกลับไปมันคืออะไรวะ ???
เขาไม่ได้ขอร้องว่าผมต้องทำอาหารให้เขา แถมไม่ได้สั่งด้วยว่าถ้าไม่ทำผมต้องตายแน่ๆ แต่ไอ้ประโยคที่พูดๆมา ทำไมมันเหมือนประโยคคำสั่งที่ทำให้ผมต้องรีบเดินไปหยิบผ้ากันเปื้อนแล้วหันหน้าเข้าครัวแบบนี้ก็ไม่รู้
เมนูวันนี้ น้องเจลโล่แสนซนคนน่ารักขอนำเสนอ ต้มยำปลาตีนให้พี่หมีอลาสก้า \^O^/
...ถุ้ย แค่มาขออาศัยอยู่ด้วย ใช้งานเหมือนกูเป็นนางทาสเลยนะ
- อัพร้อยเปอร์จ้ะ จริงๆว่าจะอัพพรุ่งนี้
แต่ทั้งตอนมันก็มีแค่เนี๊ย 555555555
ยอมรับเลยว่าสั้นมาก สั้นกว่าตอนอื่นๆ จะสั้นไปไหน
(แล้วทำไมไม่แต่ง หืม??? =___=) แต่เอาเป็นว่า
แต่งมาให้พี่บังดูมีบทบาทต่อชีวิตโล่และผู้อ่านมากขึ้น
ก่อนทุกคนจะมัวแต่ฟินและอยากอ่านแต่แด้ออบเพียงคู่เดียว
เรื่องนี้คู่เด่นบังโล่นะจ๊ะๆ 555555555555555555
ขอบคุณที่ติดตามค่าาา ♥
ความคิดเห็น