ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Alpha Romeo ★ ( infinite )

    ลำดับตอนที่ #5 : A guy like you should ware a warning .

    • อัปเดตล่าสุด 2 ม.ค. 56





    A guy like you should ware a warning.

               



                “ขอต้อนรับนักเรียนทุกคนเข้าสู่ปีการศึกษาใหม่ของยองกวัง...

                เสียงเข้มของผู้อำนวยการดังก้องไปทั่วบริเวณโรงเรียนที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง สนามหญ้าสีเขียวถูกล้อมด้วยอาคารเก่าแก่แลดูมีมนต์ขลัง ตรงประตูทางเข้าเป็นประติมากรรมจากศิลปินชื่อดัง พร้อมสวนดอกไม้และน้ำพุสูงตระหง่าน ...จนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นโรงเรียนพี่น้องกับซกโพอันแสนห่างไกล

               

                “ในปีการศึกษานี้ ทุกคนคงจะไม่ได้เจอหน้าคิมมยองซู เนื่องจากโรงเรียนเราได้ส่งเขาไปใช้ชีวิตอยู่ที่โรงเรียนพี่น้องที่ซกโพเป็นเวลาหนึ่งปีการศึกษา...

                เมื่อพูดมาถึงตรงนี้ บรรยากาศในแถวของนักเรียนเกือบๆจะกลายเป็นความเศร้าเหมือนอยู่ในงานศพ เหล่านักเรียนชายหน้าตาดียืนก้มหน้าก้มตาเมื่อรับรู้ถึงชะตากรรมของเพื่อนที่โดนส่งไปอยู่ในเมืองชนบทห่างไกลความเจริญจนขนาดไม่มีสัญญาณปรากฏบนจีพีอาเอสแบบนั้น

     

                ฮึก พี่แอลไป แล้วพวกเราจะอยู่ยังไง การมาโรงเรียนโดยไม่เจอหน้าพี่แอลมันจะไปมีความหมายอะไร โฮฮฮฮฮ TTOTT”

                ไอ้เหี้ยยย ทำไมต้องเป็นมันด้วยวะ ฮือออออ อย่างงี้จะเอาหน้าใครไปหลอกขอเบอร์สาวๆล่ะ

                เสียงร้องโอดครวญดังมาเป็นระยะๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าที่ยองกวัง คิมมยองซูเองก็ไม่ได้ธรรมดาเหมือนกัน ด้วยใบหน้าที่โดดเด่น ทำให้เขาเป็นเหมือนเครื่องมือหากินของเพื่อนทุกคนที่คิดจะจีบสาวเลยก็ว่าได้ และนั่นก็ทำให้ทุกคนตั้งข้อสงสัยเหมือนๆกัน ว่ามีหน้าตาที่พระเจ้าตั้งใจประทานให้ขนาดนั้น ทำไมมันถึงไม่มีแฟนสักคนก็ไม่รู้ ?

     

                ...และทางโรงเรียนซกโพ ก็ได้ส่งนักเรียนมาอยู่ที่นี่กับเราตลอดปีการศึกษาเช่นกัน... ว่าจบคว้าแขนคนที่ยืนตัวสั่นด้วยความตื่นเต้นมาจากด้านหลัง ทันทีที่ก้าวออกมายืนประจัญหน้ากับสายตาเป็นพันคู่ หัวใจก็พาลเต้นตูมตาม ยิ่งสายตาที่จกจ้องมานั้น เหมือนจะขย้ำเขาให้ได้ยังไงยังงั้น

                แนะนำตัวสิ ผู้อำนวยการหน้าดุอย่างกับสิงโตกระซิบข้างหู ก่อนจะดันหลังบางให้ตรงไปยังไมโครโฟนสีเงินเงาวิบวับ

     

                ผะ ผะ...ผม ชื่อนัมอูฮยอน ยะ ยินดี เอ่อ...ยินดีที่ได้รู้จัก ทุกคน...น นะครับ

     

                มือไม้เปียกชื้นไปหมด แถมที่หลังก็รู้สึกได้เลยว่าเหงื่อกาฬกำลังไหลเป็นน้ำตก ยูนิฟอร์มของยองกวังดูดีมาก และมันก็ทำจากผ้าเนื้อดีที่หนามากเช่นกัน ไม่เข้าใจว่าคนพวกนั้นทนใส่เสื้อผ้าหนาๆร้อนๆพวกนี้ยืนกลางแดดแบบนั้นได้ยังไงโดยไม่มีใครบ่นอะไรสักแอะ

     

                ตั้งแต่นี้ไป ขอให้พวกเราช่วยดูแลนัมอูฮยอนเหมือนเป็นญาติพี่น้อง หรือเพื่อนของตัวเอง ...อย่าให้มีปัญญาอะไรตามมาอย่างที่เกิดกับเด็กแลกเมื่อปีที่แล้วเป็นอันขาด เอาล่ะทุกคนแยกย้ายกันเข้าห้องเรียนได้แล้ว

     

                เฮือกกก !!

                แค่ได้ยินที่ผู้อำนวยการว่า อย่าให้เกิดปัญญาอย่างเด็กแลกเปลี่ยนเมื่อปีที่แล้วก็รู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่เรียกว่าเมฆฝน กำลังก่อตัวอยู่เหนือหัว ถึงไม่รู้ว่าเมื่อปีที่แล้วมันเกิดอะไรขึ้น แต่ในใจกลับร้อนรุ่มอย่างบอกไม่ถูก รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะโดนฆ่าตายภายในไม่กี่นาทีข้างหน้านี้นี่แหละ

     

                จะยืนเซ่ออยู่บนนั้นอีกนานมั๊ย!” เสียงที่ตะโกนขึ้นมาทำให้เขาตื่นจากภวังค์ เจ้าของเสียงนั้นเป็นชายผิวขาว รูปร่างปราดเปรียว กำลังยืนเคี้ยวหมากฝรั่งหยับๆพลางเอามือล้วงกระเป๋า ท่าทางเหมือนนักเลงนั้นไม่ได้เข้ากับใบหน้าแนวคุณชายสักเท่าไหร่เลย ดวงตาเรียวเล็กคู่นั้นนั่นแหละ ที่ทำให้อูฮยอนรู้สึกได้ถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นกับตัวเอง

     

              ไอ้แป๊ะยิ้มนี่มันเป็นใครกันวะ ?

               

                “เห้ยมึง พี่ซองกยูได้เหยื่อรายใหม่ของปีนี้แล้วว่ะ

                ได้ข่าวว่าพอแอลไม่อยู่ พี่ซองกยูเลยต้องคุมทั้งโรงเรียนเลยนี่หว่า ฉิบหายแน่มึง กูว่าไอ้แว่นแม่งตายก่อนเรียนจบแหง

               

                ตาขวากระตุกถี่ๆเมื่อได้ยินประโยคสนทนาจากกลุ่มนักเรียนที่พึ่งเดินผ่านไปพอดี เท่าที่สังเกต คนชื่อซองกยูอะไรนั่นท่าทางจะร้ายน่าดู บางทีอาจเป็นลูกเจ้าพ่อ ดูหน้าก็รู้ว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ๆ ....แล้วยังไง ที่ซกโพนัมอูฮยอนคนนี้ก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรเท่าไหร่เหมือนกันแหละน่า

                                                                                                                                

                นายสินะ เด็กแลกเปลี่ยนจากซกโพ

                “ถ้าใช่ แล้วจะทำไมอูฮยอนตอบเสียงห้าว ทั้งๆที่ในใจตอนนี้ร่ำร้องอยากจะเดินไปให้พ้นๆผู้ชายคนนี้ใจจะชาติ แต่สัญชาติญาณความบ้าบิ่นที่ฝังลึกอยู่ในจิตใจกลับทำให้เขาตอบออกไปแบบนั้น

     

                ยองกวังส่งนักเรียนที่ดีที่สุดอย่างแอลไป แล้วซกโพส่งอะไรมาให้เราเนี่ย ! ช่วยหาอะไรที่มันมาเติมเต็มยองกวังหน่อยไม่ได้รึไง

                “มีแปะยิ้มคนเดียวยองกวังก็มีหลุมดำแล้ว จะเอาอะไรอีกอ่ะ

                โห้ยยย พี่ซองกยู ไอ้นี่มันท้าทายว่ะพี่

     

                โว๊ะ ไอ้หน้ากระทะนี่ก็เสือกจริง เอาหน้าขนาดนั้นไม่ลงไปนั่งเลียแข้งเลียขาไอ้แปะนี้เลยล่ะ =__________=;

               

                หึ ถ้าคิดว่าการได้มาเหยียบโรงเรียนชายล้วนยองกวังเป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นนักล่ะก็ คิดใหม่เถอะ!” ชายคนนั้นตะคอกกลับพร้อมเชิดหน้าท้าทาย ทันใดนั้นพื้นที่รอบๆร่างเล็กก็โดนห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มนักเรียนชายจำนวนมากที่ไม่รู้ไม่หลบไปอยู่ไหนกันมาก่อนหน้านี้ ถึงกรูกันเข้ามาได้มากขนาดนั้น

     

                ฉันมีคำแนะนำง่ายๆในการมีชีวิตรอดที่นี่ซองกยูว่าแล้วชูนิ้วขึ้นมาสามนิ้ว

                ข้อที่หนึ่ง...ห้ามจ้องหน้าคิมซองกยูเกินสามวิ

                ข้อสอง...ห้ามทำให้คิมซองกยูหงุดหงิด ด้วยท่าทางเฉิ่มๆ กวนประสาท รกหูเกะกะตา หรืออะไรก็แล้วแต่

                ข้อสาม...ถ้าเจอหน้าคิมซองกยูเมื่อไหร่ วิ่งให้เร็วสุดชีวิต

     

              เผด็จการจังเว๊ย พ่อเป็นฮิตเลอร์รึไง =___=;

                ความคิดแรกที่สมองของนักเรียนแลกเปลี่ยนคนนี้จะคิดได้เมื่อฟังข้อแนะนำสามข้อจบ เขาไม่รู้หรอกนะว่าไอ้ผู้ชายตาหยีท่าทางเอาเรื่องตรงหน้ามันใหญ่มาจากไหนนัก ถึงได้ดูมีอิทธิพลขนาดเรียกชาวบ้านมายืนทำหน้าเฮี้ยมล้อมหน้าล้อมหลังได้มากมายขนาดนี้ แต่ที่แน่ๆ อูฮยอนรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย ยิ่งยืนอยู่ในรัศมีเงาของซองกยูมากเท่าไหร่ เงาหัวตัวเองดูจะยิ่งจางลงเรื่อยๆเท่านั้น

     

                ฉันจะนับหนึ่งถึงสาม ถ้าหน้าบ้านนอกๆของนายไม่หายไปจากตรงนี้ล่ะก็...

                ซองกยูยกมือขึ้นหักนิ้วดังกร็อกๆ พร้อมขยับคอไปมา ร่างเล็กสัมผัสได้ถึงออร่าสีดำทมิฬที่กำลังเปร่งออกมาจากร่างสูงโปร่งนั้น ร่างกายสั่งให้ขาเรียวค่อยๆก้าวถอยหลังทีละนิด

                                                                                                       

             

                หนึ่ง... เสียงเย็นๆกล่าวออกมาพร้องเท้าที่ย่างสุมเข้าใกล้เรื่อยๆ

     

                พี่เป็นไรกับเลขสามมากป่ะ

     

                สอง...

     

                ใจเย็นสิ มีอะไรก็ค่อยๆพูดกันก็ได้นะ

     

                สาม ล่อแม่งงงงงง !!!!!!!!”

     

                กรี๊ดดดดดดดดดดด TT[]TT”

     

                ข้อแนะนำข้อที่สาม ที่ว่าด้วยเรื่องการวิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนแรกก็ไม่เข้าใจหรอกว่ามันจะตั้งขึ้นมาให้ออกกำลังกายยามว่างรึไง แต่ตอนนี้อูฮยอนเข้าใจได้อย่างถ่องแท้เลยล่ะ ไอ้กฎบ้าๆข้อนั้น มันเป็นผลกระทบมาจากการกระทำโง่ๆในข้อหนึ่งและข้อสองนั่นเอง !

     

     

                .

     

                .                                                                                                                             

     

                เห้ย ใครใช้ให้ขึ้นไปหลบอยู่บนนั้นวะ ลงมาเดี๋ยวนี้นัมอูฮยอน

                ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นตะโกนใส่ร่างที่ยืนเก้ๆกังๆอยู่บนกิ่งก้านของต้นไม้ใหญ่บริเวณสวนหลังโรงเรียน ที่นี่ปกติแล้วแทบไม่มีใครคิดจะเข้ามา แต่ในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยลูกกระจ๊อกของคิมซองกยูผู้ยิ่งใหญ่

     

                ลงไปก็ตายอะดิ!”

                อ้าว ฉลาดนี่หว่า รู้แล้วจะรออะไรอยู่ล่ะน้องซองกยูแย้มยิ้มก่อนหันไปพูดอะไรสักอย่างกับลูกน้อง ทันใดนั้นคนกลุ่มใหญ่นำโดยไอ้หน้ากระทะก็พากันมาเขย่าต้นไม้อย่างแรง ...ถึงจะเส้นผ่าศูนย์กลองใหญ่โตขนาดนี้ ตัวอูฮยอนอยู่ดานบนยังรู้สึกได้ถึงแรงโยกเลย พับผ่าเถอะ พวกมันทำได้ยังไงเนี่ยยย T[]T !!!!!!

                “ว่าไง จะลงมาเอง รึอยากให้ฉันโค่นต้นไม้นี้ลงมาห้ะ!”

                ไม่ว้อยยยย

                “งั้นรีบลงมา ก่อนที่ฉันจะจัดการด้วยวิธีของฉัน

                “ถ้าผมลงไป แล้วพี่จะไม่ทำอะไรผมรึไง

                ทำ!”

     

                เห้ย อย่ามากวนประสาทลูกพี่จะเว้ย พี่ซองกยูไม่ได้ว่างมาไล่ตามแกทั้งวันนะ เรามีลิสต์รายชื่อนักเรียนใหม่ที่ต้องไปรับน้องอีกเพียบ รีบๆลงมาแล้วยอมเป็นลูกน้องพี่ซองกยูซะนายหน้าใหญ่ที่ยืนทำตัวเป็นวอลเปเปอร์ของซองกยูอยู่นานพูดขึ้นมาบ้าง

                “ทำไมฉันต้องเป็นลูกน้องไอ้แป๊ะยิ้มนี่ด้วยวะ ห๊ะไอ้หน้ากระด้ง

                เห้ย แกว่าใครไอ้แป๊ะยิ้มนะ

     

                ตาเรียวเวลานี้แข็งกร้าวขึ้นมาจนคนที่อยู่บนต้นไม้ยังรู้สึกได้ เขาและลูกน้องเกือบร้อยคนเดินดุ่มๆเข้ามาใกล้ต้นไม้ใหญ่มากขึ้น ถ้าเดาไม่ผิด ไม่นานต้นไม้นี่ต้องล้มลงด้วยฝีมือคนพวกนั้นแน่ๆ แล้วนัมอูฮยอนจะมีสภาพเละเป็นโจ๊ก แบบไม่ต้องหามส่งโรงบาลให้เสียเวลา คาดว่าน่าจะโยนลงหลุมฝังลงดินได้เลย

     

                ขอบคุณที่ทำให้เสียเวลา แต่ตอนนี้เวลาของนายหมดแล้ว!”

                ห้ะ อะไรหมดนะ เย้ยยย

               

                เสียงโซปราโนของนักร้องนำชมรมประสานเสียงแห่งซกโพ ร้องโหยหวนเมื่อร่างของตัวเองลอยละลิ่วลงมาจากต้นใหม่สูงกระง่าน การทางตัวดีเยี่ยมของเขาเสียไปตั้งแต่แข้งขาสั่นเมื่อนึกภาพชะตากรรมตัวเองได้ อูฮยอนหลับตาปี๋ ลงมาท่านี้ยังไงก็หน้าจูบพื้นแน่ๆ

     

                ลูกพี่ หลบเร็ววววว ฝูงชนแตกฮือเมื่อร่างนั้นอยู่ดีๆก็หล่นลงมา ซองกยูเงยหน้าขึ้นไปพบกับเงาดำที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ถ้าไม่หลบตอนนี้ มีหวัง....

     

                ผลัก!

     

                “โอ้ยยย

                มือบางยกขึ้นกุมหัวตัวเองที่ไม่รู้ไปกระแทกเข้ากับอะไรจนมึนไปหมด แต่น่าแปลกที่การหล่นจากต้นไม้สูงเกือบสองเมตร ไม่ได้เก็บปวดอย่างที่คิด แล้วก็ไม่รู้สึกถึงพื้นดินพื้นหญ้าด้วย อะไรบางอย่างที่หน้าเขาแนบอยู่เหมือนเป็นเนื้อผ้า ที่มีกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆลอยฟุ้งซะมากกว่า

     

                เดี๋ยวนะ ถ้ากูหล่นลงมาเจอสภาพนี้ งั้นแสดงว่า...

     

                เห้ย!” ดวงตาที่ปิดสนิทเมื่อครู่ เบิกโพลงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว สายตานับร้อยคู่กำลังเห็นภาพที่เหมือนกันหมดก็คือ เด็กจากเมืองชนบทซกโพ กำลังเอาหน้าแนบอยู่กับหน้าออกของพี่ซองกยู แถมตัวพี่ซองกยูเองก็โอบรับร่างนั้นไปซะเต็มอ้อมแขนเลยด้วย

     

                โอ้พระเจ้า...

                นายหน้ากระด้งพูดเสียงเบาหวิว ขณะที่คนอื่นๆต่างพากันทำหน้าแตกตื่นไปหมด ทุกคนเข้าใกล้พี่ซองกยู ไม่ใช่เพราะแค่ความน่ากลัวจนต้องยอมสยบ แต่ด้วยหน้าตาดูดีสูสีกับคิมมยองซู เป็นใครก็ต้องอยากอยู่ใกล้ๆ หวังได้สัมผัสบ้างอะไรบ้างก็เท่านั้น

     

                แต่ก็ไม่เคยมีใครถึงเนื้อถึงตัวลีซองกยูได้มากขนาดนี้มาก่อน ใครๆก็รู้ว่าพี่เค้าจะอารมณ์ไม่ค่อยดีเวลามีใครมาเข้าใกล้เกินเหตุ ขืนไอ้บ้านนอกนั่นยังอยู่แบบนี้ต่อไป ต้องเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นแน่ๆ

     

                ออกไปนะเว้ย ก่อนที่ฉันจะ...

                ซองกยูขมวดคิ้ว ก่อนจะค่อยๆยืนตัวขึ้นนั่ง พลางยกมือขึ้นทุบหลังตัวเองที่รู้สึกปวดแปล๊บเหมือนกระดูกกระเดี้ยวจะหักจากแรงกระแทกเมื่อครู่ แถมยิ่งรู้สึกอารมณ์เสียมากขึ้นเมื่อดวงตาคู่นั้นของคนที่หล่นมาทับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ให้ได้

     

                ทำไมมันต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยวะ คนเสียหายคือฉันไม่ใช่รึไง หลังฉันยิ่งไม่ค่อยแข็งแรงอยู่นะ...แล้วมันน่ารังเกียจมากเลยเรอะที่ต้องเข้าใกล้คนอย่างฉันเนี่ย =___=;

     

                ข ขอโทษครับ เสียงสั่นๆตอบกลับมาก่อนที่ร่างของอูฮยอนจะรีบวิ่งฝ่าวงล้อมออกไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ซองกยูยังคนนั่งเปะอยู่กับพื้นหญ้าด้วยคำถามที่ยังค้างคาในใจ

     

                แต่ที่แน่ๆ เขารู้สึกได้ว่าเล่นเกมส์ไล่จับสไตล์คิมซองกยูนี้มาตั้งแต่ป.1 ยังไม่เคยเห็นใครวิ่งขึ้นไปหลบบนต้นไม้แบบนั้นได้เลยสักคน แถมปกติก็มันจะกลัวจนหัวลีบหัวแบน พากันกรูเข้ามาสมัครเป็นลูกน้องเขาไปซะหมด ไม่มีเลยนะกล้าหาญมากขนาดนี้น่ะ

     

                ...ท่าทางคงต้องเก็บนัมอูฮยอนคนนั้นไว้เล่นด้วยนานๆหน่อยซะแล้วล่ะ

                

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×