ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NAUGHTY&EVIL ☠ ( B.A.P )

    ลำดับตอนที่ #4 : NAUGHTY&EVIL # 03

    • อัปเดตล่าสุด 29 ต.ค. 55



      

    NAUGHTY&EVIL
    #03




     

             
                “
    จงออบ เพราะมึงคนเดียวเลย

                กูไม่ได้ตั้งใจนะ ใครๆก็รู้ว่าตาแก่นั้นไม่ชอบหน้ามึง

                เพราะมึงรู้ มึงเลยพูดขึ้นมาใช่มั๊ยล่ะ

     

                มันดูเป็นอะไรที่ก๋ากั่นไม่เบา ผมกับจงออบกำลังแอบนินทาอาจารย์คนเมื่อเช้าอย่างเมามันส์ในขณะที่แกกำลังยืนชี้โบ้ชี้เบ้พูดถึงปรัชญาชีวิตอยู่หน้าชั้นเรียน

                เอาจริงในวิชานี้ผมก็ไม่เห็นใครจะสนใจเรียนเท่าไหร่เลย ทุกคนเอาหนังสือปรัชญาเล่มใหญ่โตขึ้นมาตั้งเหมือนฉากกั้น

     

                ยัยผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งเยื้องกับผมกำลังเพ้ออยู่กับหน้าพี่แดฮยอนในจอโทรศัพท์ ผู้ชายท่าทางโอตาคุตัวพ่อที่นั่งถัดไปอีกสามสี่โต๊ะก็กำลังทำหน้าหื่นกามอ่านการ์ตูนเรทเอ็กส์เซ็กแตก จงออบที่นั่งข้างๆผมก็ดูเอ็มวีของคริสบราวน์พร้อมใส่หูฟังหน้าตาเฉย

     

                แล้วมันเรื่องอะไร เวลาผมอยากทำแบบเพื่อนคนอื่นในคาบของแก แกต้องมาเล็งความสำคัญในตัวผมทุกครั้งไป ไม่เรียกให้ยืนตอบก็โยนแปลงลบกระดานมาใส่ =___=;

     

                เห้ย มึงคุยกับกูหน่อย ไม่งั้นกูหลับแน่ ผมดึงหูฟังออกจากรูหูคนที่นั่งข้าง มันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างแรงที่ไปขัดขวางการดื่มด่ำในเพลงคริสบราวน์ของมัน ถ้าไม่ใช่ผมที่เป็นเพื่อนมันมาตั้งแต่เด็ก ผมว่ามันคงลุกขึ้นมาเอาหนังสือปรัชญาฟาดหัวแบะไปแล้ว

     

                มึงรู้จักพี่แดฮยอนได้ไงวะ

                “มึงไม่มีเรื่องอื่นคุยแล้วรึไง ดวงตาคู่นั้นตะหวัดมาจ้องผม

                ก็กูอยากรู้อ่ะ

                “กูว่ามึงเลิกเสือกเรื่องชาวบ้านบ้างเถอะ จะน่ารักขึ้นเยอะเลย

                ได้ยินประโยคนี้แล้วมันชวนให้นึกถึงหน้าใครบางคนที่ผมอาศัยอยู่ด้วยขึ้นมาเลย บรรยากาศตอนอยู่กับจงออบมันเหมือนตอนอยู่กับพี่ยงกุกไม่มีผิด

     

                กู-เกลียด-จอง-แด-ฮยอน มันพูดช้าๆชัดๆ เหมือนตั้งใจให้มันดังก้องเข้าไปในรูหู ซึมเข้าไปในซีรีบรั่มแล้วไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายกระจายไปตามเส้นเลือดฝอยของผมให้ได้

                ใครตามที่กูเกลียด กูจำได้ขึ้นใจทั้งนั้นแหละ

                ห๊ะ งั้นมึงก็เคยเกลียดกูมาก่อนอ่ะดิ กูเป็นเพื่อนคนแรกที่มึงจำชื่อได้ไม่ใช่หรอนั่นคือความจริงของผู้ชายคนนี้ มุนจงออบไม่ค่อยจำชื่อใครได้ดีนักนอกจากคนในครอบครัว ตั้งแต่พวกเรายังเด็ก เพื่อนคนเดียวที่มีชื่อฝั่งลึกอยู่ในหัวเค้าก็คือชื่อชเวจุนฮงนี่แหละ นี่หมายความว่า มันเคยเกลียดผมมาก่อนหรอเนี่ย ...มิน่าทำไมมึงชอบเล่นแรงๆกับกูนัก กะเอาให้ตายเลยสิท่า !

                เออดิ่ เมื่อก่อนมึงมันน่ารำคาญจะตาย เห็นหน้าทีไรอยากเข้าไปฟาดสักป้าบ

                “...

                “ไม่ๆ จนตอนนี้มึงก็ยังน่ารำคาญอยู่

     

                เอ่อ งั้นกูกับมึงคงเริ่มเป็นเพื่อนกันยากแล้วแหละจงออบ =_=;

                นี่ผมจะมีชีวิตรอดไปจนเรียนจบมั๊ยเนี่ย มันเป็นเพื่อนผมไม่ใช่หรอ ...หมายถึงมันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไม่คิดจะอยู่ใกล้ผมเพื่อหวังอะไรอย่างอื่นน่ะ

     

                แล้วนี่มันเรื่องอะไร นึกว่าอยู่โรงเรียนแล้วจะหนีเรื่องโหดร้ายได้ อยากจะบ้า อยู่บ้านก็เจอผู้ชายประสาทโคตรที่ชื่อบังยงกุก มาอยู่นี่ยังต้องรบรากับมุนจงออบอีก ร่างกายผมมันไม่ได้บึกบึนขนาดทนมือทนเท้าสองคนนั้นหรอกนะ TT^TT

     

     

    *****

     

                “เอา วิ่งเร็วๆ เดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกซะก่อน

               

                ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว นักเรียนคนอื่นๆที่คังฮวามุนท่าทางจะแยกย้ายกลับบ้านกันหมด โรงเรียนเลยดูเงียบเหงาผิดปกติ แต่ผม ชเวจุนฮงคนนี้กลับต้องมาวิ่งรอบสนามกีฬาของโรงเรียน ไอ้สนามที่ผมพึ่งกวาดใบไม้ไปเมื่อเช้านี้แหละ

     

                มึงรีบๆวิ่งได้มั๊ยวะ กูจะรีบกลับไปดูแรงเงา

                 เสียงของจงออบไม่ได้ช่วยให้ผมมีแรงใจอยากจะวิ่งต่อเลยสักนิด แหม๊ มันนั่งกระติกตีนฟังเพลงสบายใจเชิบอยู่บนบันไดหน้าอาคารเรียนนี่หว่า คนอย่างมึงจะมารับรู้รสชาติความเจ็บปวดแบบกูได้ยังไง
    วันๆก็เอาแต่ตามซีรี่ย์ตบสนั่นกระทรวงอะไรของมึงน่ะ
    TT_____TT !!

     

                เท้าของผมมันหมดแรงยืนเมื่อวิ่งครบรอบที่สาม ผมทิ้งตัวลงนอนบนขั้นบันไดข้างๆกับที่จงออบนั่งอยู่โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะมีใครเดินเหยียบย่ำมันมาเกือบร้อยปี

                พรุ่งนี้ถ้าเธอมาเช้าๆ ครูอาจจะใจดียอมลดโทษให้บ้างอาจารย์ใจยักษ์พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนี้

                การทำโทษที่กินเวลานานจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม อาคารเรียนของพี่ปีสามที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารของปีหนึ่งถูกฉาบด้วยสีทองของแสงอาทิตย์ตอนเย็น ในอาคารที่ไม่น่าจะมีใครอยู่แล้วในเวลาแบบนี้ กลับมีใครบางคนเดินผลักประตูออกมา

     

                อะไรวะ บ้านช่องไม่มีอยู่รึไง

                ห่ะ มึงรู้ด้วยเรอะว่านั่นใคร ผมลุกขึ้นแล้วถามจงออบทันทีที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น ตาหยีเหมือนแป๊ะยิ้มของมัน มองเห็นทะลุทะลวงได้เลยรึไงว่าคนที่เดินออกจากอาคารคือใคร ไกลห้าร้อยเมตรขนาดนั้นผมยังมองเห็นแต่ภาพรางๆเลย

     

                แม่งดูท่าเดินก็รู้ว่าไอ้พี่แดฮยอนแน่ๆ ถ้าผิดกูเลี้ยงแมคนั่มมึงเลย โห มันกล้าพูดขนาดนี้แสดงว่ามันมั่นใจกับคำพูดของตัวเองมากนะนั่น

                นี่ขนาดมึงเกลียดขี้หน้าเขายังรู้ขนาดนี้ ถ้าชอบขึ้นมามึงไม่รู้ไม่ถึงโคตรเลยเรอะ

                ไปเหอะ จงออบดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากออกมาจากรั้วโรงเรียน เหมือนมันพยายามจะหลบอะไรบางอย่างนี่แหละ ทำไม ก็แค่พี่แดฮยอนเดินมาเองนะ ? =3=

     

                จงออบลากผมเข้ามาในร้านขนมหน้าโรงเรียน แต่ท่าทางมันจะไม่ได้สนใจลูกกวาดหวานแหวว หรืออมยิ้มอันใหญ่โตที่วางเรียงเป็นตับตรงหน้านั้นเลย ตาตี่ๆของมันพยายามสอดส่องหาอะไรบางอย่างผ่านช่องว่างที่เหลืออยู่

                ทำอะไรของมึงเนี่ย

                ไม่อยากเจอหน้ามันเลยว่ะ เห็นทีไรแล้วเหมือนมีราหู

               

                มึงจะเวอร์เกินไปละจงออบ =___=; พี่เค้าเคยไปเป็นชู้กับแม่มึงมารึไงห้ะ ถึงเกลียดขี้หน้าเขาขนาดนั้น เท่าที่ผมเห็น พี่แดฮยอนไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน เป็นทั้งประธานนักเรียน หน้าตาก็ดี เพอร์เฟ็คซะขนาดนั้น ใครได้เป็นแฟนคงสบายไปทั้งชาติ

     

                ในจังหวะนั้นเอง พี่แดฮยอนก็เดินล้วงกระเป๋าผ่านหน้าพวกเราไปพอดี ท่าทางเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนกำลังมองดูเขาอยู่จากมุมหนึ่งของร้านขนม และพอร่างของพี่เค้าเดินผ่านไป ก็ตามมาด้วยกลุ่มหญิงสาวที่พากันย่องตามไปติดๆ

     

                จงออบ...

                ผมกำลังเอื้อมมือไปสะกิดไหล่เพื่อนตัวเองที่ไม่รู้ว่ามันจะหลบอะไรนักหนา พี่แดฮยอนก็ผ่านไปให่เห็นๆอยู่แล้ว ทีนี้พวกเราก็น่าจะไปกันได้แล้วนะ

     

                แต่ทว่า ยังมันทันที่มือผมจะเอื้อมไปถึง แผ่นหลังของใครบางคนก็โผล่เข้ามาในโฟกัสของผม เขาคนนั้นขยับเข้าใกล้จงออบด้วยเสต็ปที่เงียบกริบยิ่งกว่าตีนแมว

     

                มองอะไรอยู่หรอ

                เห้ยมึง ไอ้พี่แดฮยอนแม่งไปยังวะ

                ยัง

     

                เห้ยย จงออบร้องเสียงหลง เมื่อเสียงที่ได้ยินข้างๆหูนั่นไม่ใช่เสียงของผม แน่นอนมันไม่ใช่ตัวผมด้วยที่ยื่นหน้าเข้าใกล้มันขนาดนั้นน่ะ

     

                เป็นผู้ชายชื่อจองแดฮยอนที่ไปยืนอยู่ตรงนั้น ข้างๆกับจงออบที่กำลังทำหน้าตกใจสุดขีด ผมพยายามหลบสายตามันที่ตวัดมาจ้องหน้าเขม็ง ...ใครจะไปรู้วะว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ กูก็เห็นพี่เค้าเดินผ่านไปแล้วนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่าร้านนี้แม่งมีทางเข้าสองทาง !! มึงอย่ามามองหน้าเหมือนกูเตี๊ยมกับเค้ามาสิวะ !!!!

     

                เที่ยวถ้ำมองชาวบ้าน เป็นโรคจิตรึไงอะหูยย ถามเสียงหล่อเหลือเกิน ขนาดผมอยู่ไกลๆยังรู้สึกเหมือนมีเค้ามาพูดอยู่ข้างๆเลย

                ใครมันจะโรคจิตเหมือนพี่วะ รู้ว่าไม่ชอบยังเสนอหน้ามาให้เห็นบ่อยๆอยู่ได้

               

                นั่นไง สงครามแบบเมื่อเช้ามันเริ่มเกิดขึ้นอีกแล้ว ท่าทางเหตุการณ์ตอนนี้ การเอาตัวรอดเห็นจะเป็นสิ่งที่น่าทำมากที่สุด

     

                “เอ่อ....กูไปก่อนนะ บ๊ายบายจงออบ...

              มึงกล้าไปจริงๆเรอะ

                จงออบกัดฟันพูดเต็มที่ จะให้ทำยังไงได้ละเว้ยย จะมีกูอยู่หรือไม่มี มึงประจันหน้ากับพี่แดฮยอนขนาดนั้น ยังไงก็ไม่รอดหรอกจงออบ กูช่วยอะไรมึงไม่ได้หร๊อกกก


                “ส สวัสดีฮะพี่แดฮยอนผมรีบโค้งบอกลารุ่นพี่คนนั้นแล้วสาวเท้าออกมาจากร้านขนมอย่างรวดเร็ว ผมว่าถ้าผมหนีจงออบมันไปตอนนี้ เช้าวันรุ่งขึ้นมาตั้งอัดผมเละแน่ๆ ...แต่ถ้ายังยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อไหร่ที่พี่แดฮยอนจากไป ผมก็ต้องโดนมันอัดเละอยู่ดีล่ะวะ เป็นตายเท่ากันเลยเนอะ เป็นเพื่อนกันมึงเนี่ย TT___TT








    *****

     

                เจลโล่กลับมาแล้ว~”

                หลังจากผ่านศึกหนักที่โรงเรียน ผมแวะซื้ออะไรที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนิดหน่อย ก่อนกลับมาที่ห้องพร้อมถุงกระดาษบรรจุของสดต่างๆที่ควรจะมีติดตู้เย็นไว้บ้าง ผมวางมันลงบนเคาน์เตอร์ในครัว จากมุมนี้ ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของพี่ยงกุกพอดี พี่เค้าคงกำลังยุ่งอยู่ เลยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่

     

                “พี่กินอะไรยัง

                ....

                ผมจะทำข้าวห่อไข่ พี่เอาด้วยมั้ย

                ...

               

                โอเค ถ้าเงียบก็ถือว่าตกลงแล้วกัน

     

                จริงๆผมก็ไม่ใช่คนชอบทำอาหารอะไรหรอก แต่เพราะงานของแม่ที่ต้องกลับบ้านดึก หรือไปทำงานที่นู่นที่นี่บ่อยๆ ผมเลยต้องอยู่คนเดียวหลายครั้ง การทำอาหารกินเองมันเลยเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว

     

                “กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

                นานพอที่จะทำอาหารให้พี่กินอ่ะ

                ผมตอบพร้อมกับวางจานข้าวห่อไข่สองจานลงบนโต๊ะกินข้าว พี่ยงกุกมองมันแบบไม่เชื่อสายตา ถ้าไม่มีกลิ่นหอมอบอวนกับครัวเละๆเป็นเครื่องยืนยัน เค้าคงคิดว่าผมซื้อมาจากไหนแหงๆ หึ เจลโล่มันไม่ใช่เด็กขี้แงอย่างที่พี่คิดหรอกนะจะบอกให้

     

                “ฉันไม่ได้เป็นเด็กแบบแกนะจะได้กินอะไรแบบนี้เนี่ย

                โห่ บ่นอยู่ได้ ชิ เห็นหน้าแล้วอยากเตะสักป้าบจริงๆ ไม่ด่าผมสักคำนี่มันจะขาดใจตายรึไงห้ะ -_-* !

               

                พี่เค้าดึงช้อนไปจากมือผมหน้าตาเฉย ก่อนตักข้าวห่อไข่คำเล็กๆเข้าปากเคี้ยว ไอ้ตัวผมก็พยายามมองเต็มที่ว่าพี่เค้าจะทำหน้าตายังไง เห่อะ ทำหน้าตายอยู่ได้ ทั้งชีวิตพี่ทำให้แค่หน้านิ่งๆกับหน้าตอนโมโหเรอะ

     

                มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ

                ก็งั้นๆ

                โอเค ถ้าพี่ไม่ชอบวันหลังผมไม่ทำให้กินก็ได้ ไอ้ที่อยู่ในจานตรงหน้าพี่ก็โยนมันทิ้งไปเลย ผมเบ้หน้าแล้วทำเสียงงุ้งงิ้ง รู้สึกได้ว่าใบหน้าตัวเองตอนนี้คงน่าหมั่นไส้พิลึก พี่ยงกุกที่กำลังจะตักข้าวห่อไข่คำที่สองเข้าปากถึงกับอ้าปากค้างแล้งทิ้งช้อนลงกับจาน

                ไม่ต้อง แกทำแหละดีแล้ว

                มันอร่อยใช่มั้ยล่ะ น่ะๆๆ พี่ชอบก็บอกมาเด้

                ฉันกินกลัวมันจะเสียของเว้ย รีบๆก้มหน้าก้มตากินข้าวแกเข้าไป ก่อนที่ฉันจะซัดแกจนไม่มีปากให้กินข้าว

               

                เฮือกกก !! O__O เสียงแบบนี้มันมาอีกแล้วแฮะ ไม่ใช่แค่เสียงด้วย หน้าพี่ยงกุกตอนนี้เหมือนปีศาจเข้าสิง ผมเลยไม่รู้ว่าพี่เค้าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ที่ผมทำได้ก็แค่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวห่อไข่ฝีมือตัวเองกินตามที่พี่เค้าสั่ง พอแอบเหลือบมองขึ้นไป ก็เจอพี่ยงกุกจ้องหน้าผมเขม็ง

     

                ย๊ะ โดนจ้องเหมือนจะจับกินแบบนี้ ใครที่ไหนมันจะกลืนข้าวลงวะ คนอะไรโหดชะมัด

               

                หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมกับพี่เค้าก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย เอาจริงเพราะไม่รู้จะพูดอะไรด้วยแหละ แค่เห็นหน้าแบบนั้นมันก็เหมือนมีก้อนอะไรบ้างอย่างมาจุกอยู่ที่คอหอยจนไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักคำ ดี อยู่กับแบบนี้แหละ เอาให้มันอึดอัดตายกันไปข้างเลย

               

                เจลโล่นี่ชื่อแกเรอะ อยู่ๆพี่เค้าก็เอ่ยถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง

                ช่ายย ผมลากเสียงยาวๆ ในใจก็งงอยู่หรอกนะว่าอยู่ดีๆพี่เค้าจะมาถามเรื่องของผมทำไม

                มันหมายถึงอะไรวะ

                เจนนิเฟอร์ โลเปซมั๊ง

                “=___=;”

     

                แกเรียนที่คังฮวามุนใช่มั๊ย          

                ไม่ใช่

                กวนตีนล่ะ แกก็ใส่ชุดแบบเดียวกับตอนฉันอยู่ม.ปลาย

                “เหอะ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายอย่างพี่จะจบออกมาจากโรงเรียนดีๆอย่างคังฮวามุนได้

                ผู้ชายอย่างฉันมันทำไมวะห้ะ

                หน้าตาก็ไม่ดี นิสัยก็เถื่อน ปากหมาแถมซกมกอีกต่างหาก ตัวพี่มันสุดยอดความเลวร้ายที่มารวมกันในที่เดียวชัดๆ

                ท่าทางการพูดอะไรไม่คิดจะเป็นปัญญาระดับชาติสำหรับผมไปแล้วล่ะ ยิ่งมาพูดไม่คิดต่อหน้าผู้ชายที่นึกจะกระทืบใครก็ทำได้โดยไม่ต้องคิดแบบนี้แล้วล่ะก็ มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองดีๆนี่เอง

     

                ฉันเคยคิดว่าฉันน่าจะทนอยู่กับแกได้นะจุนฮง...พี่ยงกุกค่อยๆเดินย่างสุมเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ตอนนี้ตัวของผมแทบจะรวมกับโซฟานี้ได้อยู่แล้ว อ๊ากกก อย่าทำอะไรผมเลยนะพี่ยงกุก

     

                แต่ฉันว่าฉันคิดผิดไปวะ แม่แกนี่มันรนหาที่ให้ลูกตัวเองจริงๆ

                ฮึกกกก ท่าทางพี่จะเอากะผมจริงๆใช่ปะ งั้นอย่าทำแรงนะ  T[]T !!!!!

     

                ตอนนี้ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่อยู่ห่างออกไปนิดเดียวเท่านั้น พระเจ้า เกิดมายังไม่เคยมีใครเข้าใกล้ผมขนาดนี้มากก่อน ดวงตาคู่โตปิดสนิทโดยอัตโนมัติ ถ้าขืนลืมขึ้นมาผมอาจจะเจอภาพที่จะติดตาไปจนวันตายเลยก็ได้ อย่างเช่นพี่ยงกุกที่กำลังจะกระแทกหมัดเข้าหน้าผม หรือไม่ก็ภาพพี่เค้ากำลังจะยกเท้าขึ้นกระทืบ ถ้าแย่กว่านั้น อาจจะเป็นภาพพี่เค้าเตรียมจะปลุกปล้ำผมก็ได้ (อันหลังนี่มันอะร๊ายย =[]=!)

     

                “จะหลับตาทำไม คิดว่าฉันจะทำอะไรรึไง

     

              ห่ะ...พี่จะไม่ทำอะไรผมเลยจริงๆน่ะหรอ ?...

                ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพบว่าพี่ยงกุกมานั่งอยู่ข้างผมแล้วตอนนี้ เห้ยย มันไม่ใช่ประเด็นเลยนะว่าพี่เค้าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรผมน่ะ ...ประเด็นมันก็คือ ผมคาดหวังจะให้พี่เค้าทำอะไรกับผมต่างหาก ?

               

                โว้ยยยย เป็นแบบนี้สู้พี่เอาเท้ามาลูบหน้าผมเลยดีกว่า T[]T

     

                “พึ่งรู้นะเวลาโดนใครขู่ แกจะหลับตาปี๊แบบนี้พี่ยงกุกด้วยเสียงทุ้มต่ำเหมือนเดิม แต่คราวนี้ความรู้สึกที่แถมมากับเสียงนั้นมันไม่ได้มีแค่โทนดุๆเหมือนแต่ก่อน ...มันอบอุ่นจนน่าแปลกเลยล่ะ

                ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน แกคงเสร็จมันไปแล้วเขาวางมือลงบนหัวผมก่อนจะขยี้จนยุ่ง ปกติผมออกจะไม่ชอบเวลามีใครเข้ามาใกล้ๆ และยิ่งไม่ชอบใหญ่ถ้าใครคนนั้นมันทำทรงผมของผมเสียทรง

     

                แล้วอย่างงี้ฉันจะปล่อยให้แกอยู่คนเดียวได้ยังไงวะ...

     

                แต่กับพี่...ทำไมผมถึงชอบนักก็ไม่รู้

     














    เจ๊าะแจ๊ะ , }
    - มาอัพเต็มพาร์ทรับเปิดเทอมสอง !!!!
    กรี๊ดดดดด สี่เดือนสุดท้ายแล้วเอ่อะที่ไรเตอร์จะอยู่ในคราบเด็กม.ปลาย
    คิดแล้วก็เศร้า อัพฟิคดีกว่า !  5555555555555555555555
    อย่าพี่บอกจ้า 50% หลัง ขอจัดบังโล่ให้ไปเลย อิอิอิอิอิอิอิอิอิ
    แต่อ่านคอมเม้นที่ผ่านมา รีดเดอร์สนใจแด้ออบมากกว่าคู่หลักนี้่อีกอ่ะ
    เอาเป็นว่า ถ้าฟ้าฝนเป็นใจ
    จะแต่งตอนพิเศษของแด้ออบมาให้อ่าน *ว้าววววว*
    ไขข้อข้องใจไปเลยว่าทำไมน้องจงออบถึงเบื่อขี้หน้าพี่แดฮยอนสุดหล่อของเรานัก !?
    แล้วเจอกันนะจ๊ะ ! >.^// ~







     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×