คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : NAUGHTY&EVIL # 03
NAUGHTY&EVIL#03
“จงออบ เพราะมึงคนเดียวเลย”
“กูไม่ได้ตั้งใจนะ ใครๆก็รู้ว่าตาแก่นั้นไม่ชอบหน้ามึง”
“เพราะมึงรู้ มึงเลยพูดขึ้นมาใช่มั๊ยล่ะ”
มันดูเป็นอะไรที่ก๋ากั่นไม่เบา ผมกับจงออบกำลังแอบนินทาอาจารย์คนเมื่อเช้าอย่างเมามันส์ในขณะที่แกกำลังยืนชี้โบ้ชี้เบ้พูดถึงปรัชญาชีวิตอยู่หน้าชั้นเรียน
เอาจริงในวิชานี้ผมก็ไม่เห็นใครจะสนใจเรียนเท่าไหร่เลย ทุกคนเอาหนังสือปรัชญาเล่มใหญ่โตขึ้นมาตั้งเหมือนฉากกั้น
ยัยผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งเยื้องกับผมกำลังเพ้ออยู่กับหน้าพี่แดฮยอนในจอโทรศัพท์ ผู้ชายท่าทางโอตาคุตัวพ่อที่นั่งถัดไปอีกสามสี่โต๊ะก็กำลังทำหน้าหื่นกามอ่านการ์ตูนเรทเอ็กส์เซ็กแตก จงออบที่นั่งข้างๆผมก็ดูเอ็มวีของคริสบราวน์พร้อมใส่หูฟังหน้าตาเฉย
แล้วมันเรื่องอะไร เวลาผมอยากทำแบบเพื่อนคนอื่นในคาบของแก แกต้องมาเล็งความสำคัญในตัวผมทุกครั้งไป ไม่เรียกให้ยืนตอบก็โยนแปลงลบกระดานมาใส่ =___=;
“เห้ย มึงคุยกับกูหน่อย ไม่งั้นกูหลับแน่” ผมดึงหูฟังออกจากรูหูคนที่นั่งข้าง มันเป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างแรงที่ไปขัดขวางการดื่มด่ำในเพลงคริสบราวน์ของมัน ถ้าไม่ใช่ผมที่เป็นเพื่อนมันมาตั้งแต่เด็ก ผมว่ามันคงลุกขึ้นมาเอาหนังสือปรัชญาฟาดหัวแบะไปแล้ว
“มึงรู้จักพี่แดฮยอนได้ไงวะ”
“มึงไม่มีเรื่องอื่นคุยแล้วรึไง” ดวงตาคู่นั้นตะหวัดมาจ้องผม
“ก็กูอยากรู้อ่ะ”
“กูว่ามึงเลิกเสือกเรื่องชาวบ้านบ้างเถอะ จะน่ารักขึ้นเยอะเลย”
ได้ยินประโยคนี้แล้วมันชวนให้นึกถึงหน้าใครบางคนที่ผมอาศัยอยู่ด้วยขึ้นมาเลย บรรยากาศตอนอยู่กับจงออบมันเหมือนตอนอยู่กับพี่ยงกุกไม่มีผิด
“กู-เกลียด-จอง-แด-ฮยอน” มันพูดช้าๆชัดๆ เหมือนตั้งใจให้มันดังก้องเข้าไปในรูหู ซึมเข้าไปในซีรีบรั่มแล้วไหลเวียนไปทั่วทั้งร่างกายกระจายไปตามเส้นเลือดฝอยของผมให้ได้
“ใครตามที่กูเกลียด กูจำได้ขึ้นใจทั้งนั้นแหละ”
“ห๊ะ งั้นมึงก็เคยเกลียดกูมาก่อนอ่ะดิ กูเป็นเพื่อนคนแรกที่มึงจำชื่อได้ไม่ใช่หรอ” นั่นคือความจริงของผู้ชายคนนี้ มุนจงออบไม่ค่อยจำชื่อใครได้ดีนักนอกจากคนในครอบครัว ตั้งแต่พวกเรายังเด็ก เพื่อนคนเดียวที่มีชื่อฝั่งลึกอยู่ในหัวเค้าก็คือชื่อชเวจุนฮงนี่แหละ นี่หมายความว่า มันเคยเกลียดผมมาก่อนหรอเนี่ย ...มิน่าทำไมมึงชอบเล่นแรงๆกับกูนัก กะเอาให้ตายเลยสิท่า !
“เออดิ่ เมื่อก่อนมึงมันน่ารำคาญจะตาย เห็นหน้าทีไรอยากเข้าไปฟาดสักป้าบ”
“...”
“ไม่ๆ จนตอนนี้มึงก็ยังน่ารำคาญอยู่”
เอ่อ งั้นกูกับมึงคงเริ่มเป็นเพื่อนกันยากแล้วแหละจงออบ =_=;
นี่ผมจะมีชีวิตรอดไปจนเรียนจบมั๊ยเนี่ย มันเป็นเพื่อนผมไม่ใช่หรอ ...หมายถึงมันเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ไม่คิดจะอยู่ใกล้ผมเพื่อหวังอะไรอย่างอื่นน่ะ
แล้วนี่มันเรื่องอะไร นึกว่าอยู่โรงเรียนแล้วจะหนีเรื่องโหดร้ายได้ อยากจะบ้า อยู่บ้านก็เจอผู้ชายประสาทโคตรที่ชื่อบังยงกุก มาอยู่นี่ยังต้องรบรากับมุนจงออบอีก ร่างกายผมมันไม่ได้บึกบึนขนาดทนมือทนเท้าสองคนนั้นหรอกนะ TT^TT
*****
“เอา วิ่งเร็วๆ เดี๋ยวพระอาทิตย์จะตกซะก่อน”
ตอนนี้เลิกเรียนแล้ว นักเรียนคนอื่นๆที่คังฮวามุนท่าทางจะแยกย้ายกลับบ้านกันหมด โรงเรียนเลยดูเงียบเหงาผิดปกติ แต่ผม ชเวจุนฮงคนนี้กลับต้องมาวิ่งรอบสนามกีฬาของโรงเรียน ไอ้สนามที่ผมพึ่งกวาดใบไม้ไปเมื่อเช้านี้แหละ
“มึงรีบๆวิ่งได้มั๊ยวะ กูจะรีบกลับไปดูแรงเงา”
เสียงของจงออบไม่ได้ช่วยให้ผมมีแรงใจอยากจะวิ่งต่อเลยสักนิด แหม๊ มันนั่งกระติกตีนฟังเพลงสบายใจเชิบอยู่บนบันไดหน้าอาคารเรียนนี่หว่า คนอย่างมึงจะมารับรู้รสชาติความเจ็บปวดแบบกูได้ยังไง
วันๆก็เอาแต่ตามซีรี่ย์ตบสนั่นกระทรวงอะไรของมึงน่ะ TT_____TT !!
เท้าของผมมันหมดแรงยืนเมื่อวิ่งครบรอบที่สาม ผมทิ้งตัวลงนอนบนขั้นบันไดข้างๆกับที่จงออบนั่งอยู่โดยไม่ได้สนใจว่ามันจะมีใครเดินเหยียบย่ำมันมาเกือบร้อยปี
“พรุ่งนี้ถ้าเธอมาเช้าๆ ครูอาจจะใจดียอมลดโทษให้บ้าง” อาจารย์ใจยักษ์พูดทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณนี้
การทำโทษที่กินเวลานานจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม อาคารเรียนของพี่ปีสามที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับอาคารของปีหนึ่งถูกฉาบด้วยสีทองของแสงอาทิตย์ตอนเย็น ในอาคารที่ไม่น่าจะมีใครอยู่แล้วในเวลาแบบนี้ กลับมีใครบางคนเดินผลักประตูออกมา
“อะไรวะ บ้านช่องไม่มีอยู่รึไง”
“ห่ะ มึงรู้ด้วยเรอะว่านั่นใคร” ผมลุกขึ้นแล้วถามจงออบทันทีที่ได้ยินมันพูดแบบนั้น ตาหยีเหมือนแป๊ะยิ้มของมัน มองเห็นทะลุทะลวงได้เลยรึไงว่าคนที่เดินออกจากอาคารคือใคร ไกลห้าร้อยเมตรขนาดนั้นผมยังมองเห็นแต่ภาพรางๆเลย
“แม่งดูท่าเดินก็รู้ว่าไอ้พี่แดฮยอนแน่ๆ ถ้าผิดกูเลี้ยงแมคนั่มมึงเลย” โห มันกล้าพูดขนาดนี้แสดงว่ามันมั่นใจกับคำพูดของตัวเองมากนะนั่น
“นี่ขนาดมึงเกลียดขี้หน้าเขายังรู้ขนาดนี้ ถ้าชอบขึ้นมามึงไม่รู้ไม่ถึงโคตรเลยเรอะ”
“ไปเหอะ” จงออบดึงแขนผมให้ลุกขึ้น ก่อนจะลากออกมาจากรั้วโรงเรียน เหมือนมันพยายามจะหลบอะไรบางอย่างนี่แหละ ทำไม ก็แค่พี่แดฮยอนเดินมาเองนะ ? =3=
จงออบลากผมเข้ามาในร้านขนมหน้าโรงเรียน แต่ท่าทางมันจะไม่ได้สนใจลูกกวาดหวานแหวว หรืออมยิ้มอันใหญ่โตที่วางเรียงเป็นตับตรงหน้านั้นเลย ตาตี่ๆของมันพยายามสอดส่องหาอะไรบางอย่างผ่านช่องว่างที่เหลืออยู่
“ทำอะไรของมึงเนี่ย”
“ไม่อยากเจอหน้ามันเลยว่ะ เห็นทีไรแล้วเหมือนมีราหู”
มึงจะเวอร์เกินไปละจงออบ =___=; พี่เค้าเคยไปเป็นชู้กับแม่มึงมารึไงห้ะ ถึงเกลียดขี้หน้าเขาขนาดนั้น เท่าที่ผมเห็น พี่แดฮยอนไม่เห็นจะไม่ดีตรงไหน เป็นทั้งประธานนักเรียน หน้าตาก็ดี เพอร์เฟ็คซะขนาดนั้น ใครได้เป็นแฟนคงสบายไปทั้งชาติ
ในจังหวะนั้นเอง พี่แดฮยอนก็เดินล้วงกระเป๋าผ่านหน้าพวกเราไปพอดี ท่าทางเขาจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครบางคนกำลังมองดูเขาอยู่จากมุมหนึ่งของร้านขนม และพอร่างของพี่เค้าเดินผ่านไป ก็ตามมาด้วยกลุ่มหญิงสาวที่พากันย่องตามไปติดๆ
“จงออบ...”
ผมกำลังเอื้อมมือไปสะกิดไหล่เพื่อนตัวเองที่ไม่รู้ว่ามันจะหลบอะไรนักหนา พี่แดฮยอนก็ผ่านไปให่เห็นๆอยู่แล้ว ทีนี้พวกเราก็น่าจะไปกันได้แล้วนะ
แต่ทว่า ยังมันทันที่มือผมจะเอื้อมไปถึง แผ่นหลังของใครบางคนก็โผล่เข้ามาในโฟกัสของผม เขาคนนั้นขยับเข้าใกล้จงออบด้วยเสต็ปที่เงียบกริบยิ่งกว่าตีนแมว
“มองอะไรอยู่หรอ”
“เห้ยมึง ไอ้พี่แดฮยอนแม่งไปยังวะ”
“ยัง”
“เห้ยย” จงออบร้องเสียงหลง เมื่อเสียงที่ได้ยินข้างๆหูนั่นไม่ใช่เสียงของผม แน่นอนมันไม่ใช่ตัวผมด้วยที่ยื่นหน้าเข้าใกล้มันขนาดนั้นน่ะ
เป็นผู้ชายชื่อจองแดฮยอนที่ไปยืนอยู่ตรงนั้น ข้างๆกับจงออบที่กำลังทำหน้าตกใจสุดขีด ผมพยายามหลบสายตามันที่ตวัดมาจ้องหน้าเขม็ง ...ใครจะไปรู้วะว่าเรื่องมันจะเป็นแบบนี้ กูก็เห็นพี่เค้าเดินผ่านไปแล้วนี่หว่า ใครจะไปรู้ว่าร้านนี้แม่งมีทางเข้าสองทาง !! มึงอย่ามามองหน้าเหมือนกูเตี๊ยมกับเค้ามาสิวะ !!!!
“เที่ยวถ้ำมองชาวบ้าน เป็นโรคจิตรึไง” อะหูยย ถามเสียงหล่อเหลือเกิน ขนาดผมอยู่ไกลๆยังรู้สึกเหมือนมีเค้ามาพูดอยู่ข้างๆเลย
“ใครมันจะโรคจิตเหมือนพี่วะ รู้ว่าไม่ชอบยังเสนอหน้ามาให้เห็นบ่อยๆอยู่ได้”
นั่นไง สงครามแบบเมื่อเช้ามันเริ่มเกิดขึ้นอีกแล้ว ท่าทางเหตุการณ์ตอนนี้ การเอาตัวรอดเห็นจะเป็นสิ่งที่น่าทำมากที่สุด
“เอ่อ....กูไปก่อนนะ บ๊ายบายจงออบ...”
“มึงกล้าไปจริงๆเรอะ”
จงออบกัดฟันพูดเต็มที่ จะให้ทำยังไงได้ละเว้ยย จะมีกูอยู่หรือไม่มี มึงประจันหน้ากับพี่แดฮยอนขนาดนั้น ยังไงก็ไม่รอดหรอกจงออบ กูช่วยอะไรมึงไม่ได้หร๊อกกก
“ส สวัสดีฮะพี่แดฮยอน” ผมรีบโค้งบอกลารุ่นพี่คนนั้นแล้วสาวเท้าออกมาจากร้านขนมอย่างรวดเร็ว ผมว่าถ้าผมหนีจงออบมันไปตอนนี้ เช้าวันรุ่งขึ้นมาตั้งอัดผมเละแน่ๆ ...แต่ถ้ายังยืนอยู่ตรงนั้น เมื่อไหร่ที่พี่แดฮยอนจากไป ผมก็ต้องโดนมันอัดเละอยู่ดีล่ะวะ เป็นตายเท่ากันเลยเนอะ เป็นเพื่อนกันมึงเนี่ย TT___TT
*****
“เจลโล่กลับมาแล้ว~”
หลังจากผ่านศึกหนักที่โรงเรียน ผมแวะซื้ออะไรที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตนิดหน่อย ก่อนกลับมาที่ห้องพร้อมถุงกระดาษบรรจุของสดต่างๆที่ควรจะมีติดตู้เย็นไว้บ้าง ผมวางมันลงบนเคาน์เตอร์ในครัว จากมุมนี้ ตรงข้ามกับโต๊ะทำงานของพี่ยงกุกพอดี พี่เค้าคงกำลังยุ่งอยู่ เลยไม่ได้สนใจอะไรเท่าไหร่
“พี่กินอะไรยัง”
“....”
“ผมจะทำข้าวห่อไข่ พี่เอาด้วยมั้ย”
“...”
โอเค ถ้าเงียบก็ถือว่าตกลงแล้วกัน
จริงๆผมก็ไม่ใช่คนชอบทำอาหารอะไรหรอก แต่เพราะงานของแม่ที่ต้องกลับบ้านดึก หรือไปทำงานที่นู่นที่นี่บ่อยๆ ผมเลยต้องอยู่คนเดียวหลายครั้ง การทำอาหารกินเองมันเลยเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”
“นานพอที่จะทำอาหารให้พี่กินอ่ะ”
ผมตอบพร้อมกับวางจานข้าวห่อไข่สองจานลงบนโต๊ะกินข้าว พี่ยงกุกมองมันแบบไม่เชื่อสายตา ถ้าไม่มีกลิ่นหอมอบอวนกับครัวเละๆเป็นเครื่องยืนยัน เค้าคงคิดว่าผมซื้อมาจากไหนแหงๆ หึ เจลโล่มันไม่ใช่เด็กขี้แงอย่างที่พี่คิดหรอกนะจะบอกให้
“ฉันไม่ได้เป็นเด็กแบบแกนะจะได้กินอะไรแบบนี้เนี่ย”
“โห่ บ่นอยู่ได้” ชิ เห็นหน้าแล้วอยากเตะสักป้าบจริงๆ ไม่ด่าผมสักคำนี่มันจะขาดใจตายรึไงห้ะ -_-* !
พี่เค้าดึงช้อนไปจากมือผมหน้าตาเฉย ก่อนตักข้าวห่อไข่คำเล็กๆเข้าปากเคี้ยว ไอ้ตัวผมก็พยายามมองเต็มที่ว่าพี่เค้าจะทำหน้าตายังไง เห่อะ ทำหน้าตายอยู่ได้ ทั้งชีวิตพี่ทำให้แค่หน้านิ่งๆกับหน้าตอนโมโหเรอะ
“มันแย่ขนาดนั้นเลยหรอ”
“ก็งั้นๆ”
“โอเค ถ้าพี่ไม่ชอบวันหลังผมไม่ทำให้กินก็ได้ ไอ้ที่อยู่ในจานตรงหน้าพี่ก็โยนมันทิ้งไปเลย” ผมเบ้หน้าแล้วทำเสียงงุ้งงิ้ง รู้สึกได้ว่าใบหน้าตัวเองตอนนี้คงน่าหมั่นไส้พิลึก พี่ยงกุกที่กำลังจะตักข้าวห่อไข่คำที่สองเข้าปากถึงกับอ้าปากค้างแล้งทิ้งช้อนลงกับจาน
“ไม่ต้อง แกทำแหละดีแล้ว”
“มันอร่อยใช่มั้ยล่ะ น่ะๆๆ พี่ชอบก็บอกมาเด้”
“ฉันกินกลัวมันจะเสียของเว้ย รีบๆก้มหน้าก้มตากินข้าวแกเข้าไป ก่อนที่ฉันจะซัดแกจนไม่มีปากให้กินข้าว”
เฮือกกก !! O__O เสียงแบบนี้มันมาอีกแล้วแฮะ ไม่ใช่แค่เสียงด้วย หน้าพี่ยงกุกตอนนี้เหมือนปีศาจเข้าสิง ผมเลยไม่รู้ว่าพี่เค้าอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่ ที่ผมทำได้ก็แค่ก้มหน้าก้มตาตักข้าวห่อไข่ฝีมือตัวเองกินตามที่พี่เค้าสั่ง พอแอบเหลือบมองขึ้นไป ก็เจอพี่ยงกุกจ้องหน้าผมเขม็ง
ย๊ะ โดนจ้องเหมือนจะจับกินแบบนี้ ใครที่ไหนมันจะกลืนข้าวลงวะ คนอะไรโหดชะมัด
หลังจากกินข้าวเสร็จ ผมกับพี่เค้าก็แทบไม่ได้คุยอะไรกันอีกเลย เอาจริงเพราะไม่รู้จะพูดอะไรด้วยแหละ แค่เห็นหน้าแบบนั้นมันก็เหมือนมีก้อนอะไรบ้างอย่างมาจุกอยู่ที่คอหอยจนไม่กล้าพูดอะไรออกไปสักคำ ดี อยู่กับแบบนี้แหละ เอาให้มันอึดอัดตายกันไปข้างเลย
“เจลโล่นี่ชื่อแกเรอะ” อยู่ๆพี่เค้าก็เอ่ยถามขึ้น ขณะที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่บนโซฟาริมหน้าต่าง
“ช่ายย” ผมลากเสียงยาวๆ ในใจก็งงอยู่หรอกนะว่าอยู่ดีๆพี่เค้าจะมาถามเรื่องของผมทำไม
“มันหมายถึงอะไรวะ”
“เจนนิเฟอร์ โลเปซมั๊ง”
“=___=;”
“แกเรียนที่คังฮวามุนใช่มั๊ย”
“ไม่ใช่”
“กวนตีนล่ะ แกก็ใส่ชุดแบบเดียวกับตอนฉันอยู่ม.ปลาย”
“เหอะ ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายอย่างพี่จะจบออกมาจากโรงเรียนดีๆอย่างคังฮวามุนได้”
“ผู้ชายอย่างฉันมันทำไมวะห้ะ”
“หน้าตาก็ไม่ดี นิสัยก็เถื่อน ปากหมาแถมซกมกอีกต่างหาก ตัวพี่มันสุดยอดความเลวร้ายที่มารวมกันในที่เดียวชัดๆ”
ท่าทางการพูดอะไรไม่คิดจะเป็นปัญญาระดับชาติสำหรับผมไปแล้วล่ะ ยิ่งมาพูดไม่คิดต่อหน้าผู้ชายที่นึกจะกระทืบใครก็ทำได้โดยไม่ต้องคิดแบบนี้แล้วล่ะก็ มันเป็นการขุดหลุมฝังตัวเองดีๆนี่เอง
“ฉันเคยคิดว่าฉันน่าจะทนอยู่กับแกได้นะจุนฮง...” พี่ยงกุกค่อยๆเดินย่างสุมเข้ามาหาผมเรื่อยๆ ตอนนี้ตัวของผมแทบจะรวมกับโซฟานี้ได้อยู่แล้ว อ๊ากกก อย่าทำอะไรผมเลยนะพี่ยงกุก
“แต่ฉันว่าฉันคิดผิดไปวะ แม่แกนี่มันรนหาที่ให้ลูกตัวเองจริงๆ”
ฮึกกกก ท่าทางพี่จะเอากะผมจริงๆใช่ปะ งั้นอย่าทำแรงนะ T[]T !!!!!
ตอนนี้ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่อยู่ห่างออกไปนิดเดียวเท่านั้น พระเจ้า เกิดมายังไม่เคยมีใครเข้าใกล้ผมขนาดนี้มากก่อน ดวงตาคู่โตปิดสนิทโดยอัตโนมัติ ถ้าขืนลืมขึ้นมาผมอาจจะเจอภาพที่จะติดตาไปจนวันตายเลยก็ได้ อย่างเช่นพี่ยงกุกที่กำลังจะกระแทกหมัดเข้าหน้าผม หรือไม่ก็ภาพพี่เค้ากำลังจะยกเท้าขึ้นกระทืบ ถ้าแย่กว่านั้น อาจจะเป็นภาพพี่เค้าเตรียมจะปลุกปล้ำผมก็ได้ (อันหลังนี่มันอะร๊ายย =[]=!)
“จะหลับตาทำไม คิดว่าฉันจะทำอะไรรึไง”
ห่ะ...พี่จะไม่ทำอะไรผมเลยจริงๆน่ะหรอ ?...
ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาและพบว่าพี่ยงกุกมานั่งอยู่ข้างผมแล้วตอนนี้ เห้ยย มันไม่ใช่ประเด็นเลยนะว่าพี่เค้าจะทำอะไรหรือไม่ทำอะไรผมน่ะ ...ประเด็นมันก็คือ ผมคาดหวังจะให้พี่เค้าทำอะไรกับผมต่างหาก ?
โว้ยยยย เป็นแบบนี้สู้พี่เอาเท้ามาลูบหน้าผมเลยดีกว่า T[]T
“พึ่งรู้นะเวลาโดนใครขู่ แกจะหลับตาปี๊แบบนี้” พี่ยงกุกด้วยเสียงทุ้มต่ำเหมือนเดิม แต่คราวนี้ความรู้สึกที่แถมมากับเสียงนั้นมันไม่ได้มีแค่โทนดุๆเหมือนแต่ก่อน ...มันอบอุ่นจนน่าแปลกเลยล่ะ
“ถ้าเป็นคนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน แกคงเสร็จมันไปแล้ว” เขาวางมือลงบนหัวผมก่อนจะขยี้จนยุ่ง ปกติผมออกจะไม่ชอบเวลามีใครเข้ามาใกล้ๆ และยิ่งไม่ชอบใหญ่ถ้าใครคนนั้นมันทำทรงผมของผมเสียทรง
“แล้วอย่างงี้ฉันจะปล่อยให้แกอยู่คนเดียวได้ยังไงวะ...”
แต่กับพี่...ทำไมผมถึงชอบนักก็ไม่รู้
- มาอัพเต็มพาร์ทรับเปิดเทอมสอง !!!!
กรี๊ดดดดด สี่เดือนสุดท้ายแล้วเอ่อะที่ไรเตอร์จะอยู่ในคราบเด็กม.ปลาย
คิดแล้วก็เศร้า อัพฟิคดีกว่า ! 5555555555555555555555
อย่าพี่บอกจ้า 50% หลัง ขอจัดบังโล่ให้ไปเลย อิอิอิอิอิอิอิอิอิ
แต่อ่านคอมเม้นที่ผ่านมา รีดเดอร์สนใจ แด้ออบมากกว่าคู่หลักนี้่อีกอ่ะ
เอาเป็นว่า ถ้าฟ้าฝนเป็นใจ จะแต่งตอนพิเศษของแด้ออบมาให้อ่าน *ว้าววววว*
ไขข้อข้องใจไปเลยว่าทำไมน้องจงออบถึงเบื่อขี้หน้าพี่แดฮยอนสุดหล่อของเรานัก !?
แล้วเจอกันนะจ๊ะ ! >.^// ~
ความคิดเห็น