คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : NAUGHTY&EVIL # 02
NAUGHTY&EVIL#02
“เห้ย จะนอนไปถึงไหนวะ ตื่นได้แล้ว!”
อืม...นั่นต้องเป็นนาฬิกาทีมีเสียงปลุกเลวทรามที่สุดในโลกแน่ๆ เสียงแบบนั้นถ้าเป็นไปได้เค้าคงอยากเดินถามมาเตะผมลงจากที่นอนเต็มที
ผมยกมือขึ้นขยี้ตาก่อนจะค่อยๆกวาดสายตาไปรอบๆ แสงแดดยามเช้าสาดใส่ผมได้อย่างเต็มที่เพราะที่นอนของผมมันอยู่ติดกับหน้าต่างพอดี แถมยังเป็นจุดที่แอร์พุ่งมาปะทะแบบเต็มๆ ทั้งคืนผมต้องนอนตัวขดเป็นกุ้งเพราะไอ้ผู้ชายบางคนมันแล้งน้ำใจ ไม่คิดจะเอาผ้าห่มมาให้เลยสักผืน
เปิดแอร์แรงขนาดนั้น แม่งเอาไว้แช่ศพใครรึไงวะ =_=*
ผมเดินงัวเงียไปยังห้องน้ำ น่าเสียดายที่พี่ยงกุกยืนอยู่ก่อนแล้ว ผมไม่มีกะจิตกะใจจะเจอหน้าเขาตั้งแต่เช้าหรอกนะ ถ้าไม่มีเวลาให้ตั้งสติก่อนอ่ะ แต่เขาดูเหมือนไม่ได้สนใจถึงการปรากฏตัวของผมด้วยซ้ำ
เราต่างคนต่างแยกกันยืนแปรงฟันเงียบๆ ห้องน้ำก็ไม่ได้กว้างอะไรมากแต่พี่ยงกุกยังขยับตัวไปยืนซะติดกำแพง ถ้าไม่ใช่เพราะเค้ารังเกียจผมขนาดไม่อยากยืนใกล้ เค้าอาจจะลืมไปก็ได้ว่าเราเป็นคนรู้จักกัน ...แต่แล้วจู่ๆผู้ชายคนนั้นจะเป็นฝ่ายเปิดบนสนทนาขึ้น
“ฉันต้องไปส่งแกที่โรงเรียนมั๊ย”
“ไอ้อ้อง”
จริงๆผมไม่ได้อยากกวนตีนพี่ยงกุกแต่เช้าหรอก แต่พี่เค้ามาถามตอนผมฟองฟอดเต็มปากอยู่ทำไมล่ะ ผมก็แค่ย้อนกลับไปว่า ‘ไม่ต้อง’ ก็แค่นั้นเอง
พี่ยงกุกหันมามองผมด้วยหน้าตาเต็มไปด้วยคำถามว่า ‘มึงพูดเหี้ยอะไรออกมา?’ (ผมไม่ได้คิดไปเองนะ คำว่าเหี้ยมันลอยอยู่เต็มหน้าเค้าซะขนาดนั้น =_=) เขาจัดการตัวเองเสร็จแล้วและกำลังจะเดินออกจากห้องน้ำ แต่ก่อนออกไปก็ไม่ลืมทิ้งท้ายมาให้ผมเจ็บใจเล่น
“แล้วก่อนไปเรียนฉันต้องจูบหน้าผากแกแบบที่แม่แกชอบทำตอนแกอยู่อนุบาลด้วยมั๊ย”
“โด่ จูบหน้าผากจะจูบทำไม๊ จูบปากเลยดีกว่า”
“=__=;” พี่ยงกุกหับมาทำหน้าเหม็นเบื่อเต็มทน ในใจคงคิดประมาณแบบ กูอยากจับไอ้เด็กเวรนี่โยนลงตึกซะเหลือเกิน
“หึ อย่าเลย เดี๋ยวแกติดใจ ...เป็นไอ้ตุ๊ดตั้งแต่เด็กมันไม่ดีนะ”
อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก พูดขนาดนี้มาต่อยกันเลยม๊า !!!! ต่อให้เรียวลิ้นพี่มันลีลาทะลุทะลวง สะท้อนใจเหมือนเกลียวคลื่นสึนามิซัดพนังถ้ำขนาดไหน มันก็ทำผมเคลิ้มไม่ได้หรอกโว้ย !!!
พอเดินออกจากห้องน้ำ พี่ยงกุกนอนกระดิกเท้าอ่านหนังสืออะไรสักอย่างอยู่บนที่นอนของผม ท่าทางของเขาดูไม่เหมือนคนที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปทำงานเลยสักนิด
“พี่ไม่ต้องไปทำงานหรอ”
“ขี้เกียจ”
ตอบมาซะขนาดนี้ ผมเองก็ขี้เกียจจะถามอะไรกลับแล้วล่ะ ผมหันไปจัดเสื้อผ้าของตัวเองให้เข้าที่ที่หน้ากระจก ก่อนจะยกมือเซ็ตผมอย่างตั้งใจ แต่สายตามันดันเหลือบไปมองหน้าไอ้คุณน้าที่สะท้อนอยู่ในกระจก และดวงตาดุๆคู่นั้นก็กำลังเหลือบมามองผมพอดี
“แต่งอยู่นั่นแหละ นี่แกไปเรียนรึไปอะไรกันแน่ห้ะ”
“เห้อะ พูดเหมือนสมัยพี่เรียนม.ปลายพี่ไม่เคยเซ็ตผมไปโรงเรียนอ่ะ หัวมันหย๋องอย่างกับเอาหัวจุ่มถังน้ำมัน หู๊ยย จะแว๊นไปไหนคนอะไรเท่ห์สาดดดดดดดด สาวๆสมัยนั้นถามกันกระฉ่อนเลยละสิ มอ'ไซค์จอดไหนคะพี่”
“=____=;”
กี่ครั้งแล้วไม่รู้ที่เค้าทำหน้าแบบนั้นใส่ผม พี่ยงกุกไม่ได้ตอบอะไร เขาแค่ยกหนังสือพิมพ์ขึ้นมาบังหน้าตัวเองไว้
“พี่เอากาแฟมั๊ย”
ได้ยินแบบนั้น พี่ยงกุกก็ลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองหน้าผมพร้อมขมวดคิ้วยุ่ง
“เอ่อะ ผมชินแล้วอ่ะ ปกติผมต้องชงกาแฟให้แม่ก่อนแม่จะออกไปทำงาน พี่ไม่ใช่แม่ผมสักหน่อย ...งั้นผมไปโรงเรียนก่อนนะ” ว่าแล้วก็หยิบผ้าพับคอมาพันจนปิดขึ้นไปจะถึงปาก ก่อนจะหันไปคว้าสเก็ตบอร์ดที่วางพิงอยู่ข้างตู้รางเท้าติดมือมาด้วย ซึ่งพี่ยงกุกก็ขมวดคิ้วมองผม เค้าคงอยากจะถามว่า ‘ร้อนจะตายห่าใส่ผ้าพันคอทำไม’
ชิ ! ผมก็อยากตอบกลับไปเหมือนกันแหละว่า ‘จะอยากรู้ไปทำไม’
“เดี๋ยว อย่าพึ่ง...” เท้าของผมที่กำลังจะก้าวพ้นจากธรณีประตูชะงักทันที พี่ยงกุกเรียกให้ผมหันกลับไป อุแม่เจ้าไม่ยักรู้ว่าคนอย่างพี่ยิ้มเป็นด้วย แหม่...รอยยิ้มจริงใจดีเนอะ เห็นแล้วขนลูกเกรียวกราวเลยล่ะ
“ตอนกลับจากโรงเรียนซื้ออะไรมาให้กินด้วยก็ดี”
เขาว่าก่อนล้มตัวลงนอนต่อ สภาพเหมือนไอ้พวกสามีจอมขี้เกียจที่เอาแต่สั่งๆๆๆให้ภรรยาที่น่าสงสารทำนู่นทำนี่ ส่วนผมก็เหมือนเป็นภรรยาที่น่าสงสารที่ต้องคอยปรนนิบัติสามีสันหลังยาว ผู้มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆและไม่อาจขัดใจได้ ขืนลองขัดดู อาจจะโดนขัดขาสะดุดตกตึกตายไม่รู้ตัว
แหมๆๆๆ น่ารักซะไม่มีนะชีวิตผมเนี่ย ...ขอบคุณความหวังดีของไอ้พี่ยงกุกที่ให้ผมเตรียมพร้อมตั้งแต่อายุสิบเจ็ดขนาดนี้ โตไปไม่ต้องหาเมียอ่ะ หาผัวเลยดีกว่า TTwTT b !
*****
จริงๆแล้วคอนโดของพี่ยงกุกอยู่ห่างจากโรงเรียนของผมไปประมาณสองช่วงตึกได้ ขนาดเวลาผมอยู่ในห้องของเขา มองออกไปยังมองเห็นอาคารเรียนก่อจากอิฐสีแดงโดดเด่นขึ้นมาจากอาคารอื่นๆได้อย่างชัดเจน ...ผมว่ามันคงเป็นเรื่องบังเอิญแน่ๆที่ผมกับพี่เค้าอยู่ใกล้กันแค่นี้มาตลอดสิบสองปี ได้ไม่มีโอกาสได้เจอหน้ากันเลยแม้แต่ครั้งเดียว
เอ่อะ...ขอพูดใหม่ ผมว่าเป็นโชคช่วยมากกว่า ที่ทำให้ไม่ได้เจอมาตลอดสิบสองปี
ลองเจอเข้าไปทีนึงสิ ....ยิ่งกว่าตกนรกหมกไหม้เลยไง =_________=^
วันนี้วันจันทร์หลายคนดูจะกระดี้กระด้าเป็นพิเศษหลังจากผ่านวันหยุดมาสองวัน โดยเฉพาะสาวๆที่เหมือนจะขนเรื่องราวทุกอย่างในชีวิตมาเมาส์มอยกันกระจายราวกับไม่เคยได้คุยกันมาก่อนตั้งแต่เกิด ขณะพวกนักเรียนชายหน้าตาเบื่อหน่ายกับชีวิตอย่างที่สุดเพียงแค่จินตนาการถึงบรรยากาศการเรียนการสอนที่ต้องเจอต่อจากนี้ไปอีกหนึ่งอาทิตย์
แต่ในชีวิตการเป็นนักเรียนของผมไม่มีอะไรที่เป็นสีสันให้ผมได้มากไปกว่าตำแหน่งหนุ่มฮ๊อตที่สุดของโรงเรียนอีกแล้ว อั๊ยย๊ะ >[]< !!!! ไม่ได้ยกยอปอปั้นหรือหลงตัวเองเลยนะ ผมได้ตำแหน่งนี้มายังไงยังไม่แน่ใจเลย ถึงแฟนคลับกว่าเจ็ดสิบเก้าเปอร์เซ็นต์ของผมจะเป็นผู้ชาย อีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์เป็นแก๊งกะเทยป่า และหนึ่งเปอร์เซ็นต์ที่เหลือจะเป็นผู้หญิง ...ทำไมผมถึงไม่ค่อยมีผู้หญิงมาชอบน่ะหรอ เพราะพวกหล่อนบอกว่าตัวการสำคัญที่ทำให้แฟนหนุ่มขอเลิกกับพวกเธอ...
ขอโทษเถอะ หนังหน้าอย่างงี้ มีผู้ชายที่ไหนมองว่าสวยกว่าพวกหล่อนด้วยเรอะ =__=;? ยัยชะนีพวกนี้มันน่าจะไปตรวจเช็คสายตาซะมั่งนะ ดูแต่หนังโป๊ผู้ชายได้กันทั้งวัน มันก็เป็นบ่อนทำลายวิสัยทัศน์ในการมองโลกของพวกหล่อนแบบนี้แหละ
“จุนฮง เธอมาสาย” เสียงราวฟ้าผ่าฟาดแสกกลางกบาล ดังมาจากอาจารย์วัยกลางคนที่ยืนถือไม้เรียวอยู่หน้าประตูโรงเรียนแต่เช้ามืด นี่แกคิดว่าใครก็ตามที่เดินเข้าประตูมาหลังแกมาสายหมดเลยรึไง?
“นี่มันพึ่งเจ็ดโมงครึ่งเองนะครับอาจารย์”
“เธอต้องมาบำเพ็ญประโยชน์ตอนเจ็ดโมงไม่ใช่รึไง…” แกขมวดคิ้วย่นแล้วเอาไม้แข็งๆมาเคาะหัวผม ขอโทษ...ผมว่าหัวผมมันแข็งกว่าไม่นั้นซะอีก ถ้าไม่ใช่มือที่ยงกุกมาตบ ไม่มีอะไรสะเทือนไปถึงสมองผมได้หรอก
เอ่อะ... แล้วมันใช่เวลาที่ผมจะมานึกถึงพี่เค้าที่ไหนวะเนี่ย TT[]TT
“ถ้าไม่อยากต้องมากวาดใบไม้ที่สนามโรงเรียนทุกเช้า ช่วยไปเปลี่ยนสีผมให้มันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆด้วย”
“อาจารย์ยังย้อมผมดำได้เลย ทำไมผมย้อมผมทองบ้างไม่ได้ล่ะครับ”
“เธอว่ายังไงนะ อยากมีปัญหาเรอะ !”
“ม ไม่ล่ะครับ ผมไปกวาดโรงเรียนก่อนดีกว่าเนอะ ฮะๆ ^O^”
มันเป็นกิจวัตรที่เริ่มมาตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย เมื่อเข้ามาในโรงเรียน สิ่งแรกที่ผมต้องทำในตอนเช้าคือการกวาดใบไม้ที่หล่นเกลื่อนพื้นตลอดปีการศึกษาเหมือนมีใครตั้งใจเอามาโปรยเล่น ต่อจากนั้นก็คือการเข้าฟังคำเทศนา และก่อนกลับบ้านก็ต้องวิ่งรอบสนามกว้างมาตรฐานโอลิมปิคสามรอบ
ผมว่าตอนนี้ร่างกายผมแข็งแรงกว่าพวกนักกีฬาโรงเรียนซะอีก ไม่เข้าใจว่าทำไมกล้ามเนื้อพวกนั้นมันถึงไปปูดอยู่ที่ขาผมหมด TT^TT
“นี่เธอ บอกแล้วไงว่าวันนี้โรงเรียนเราตรวจเครื่องแต่งกาย ทำไมไม่ยอมพูดเนคไทมา นู่น ไปช่วยเพื่อนกวาดโรงเรียนเลย”
นักเรียนชายคนหนึ่งกำลังเดินมาทางนี้ เขาก็แต่งตัวตามปกตินั่นแหละ แค่ไม่ได้ผูกเนคไทมาด้วยเท่านั้น ผมพยายามหรี่ตามองว่าผู้โชคร้ายที่โดนอาจารย์แกเล่นงานแต่เช้าเป็นใคร ก่อนจะได้คำตอบกลับมาด้วยประโยคเหวี่ยงๆที่ผมคุ้นเคย
“เชี่ยอะไรวะ ทีนักเรียนสาวๆแม่งไม่เห็นโดนอะไรเลย”
“มึงยังไม่ชินหรอจงออบ”
“อย่าให้กูมีตูดมานมบ้างนะมึ๊งงงง ล่อแม่งงงงง!!!!”
มุนจงออบเป็นนักเต้นที่ดีที่สุดเท่าที่คังฮวามุนเคยมีมา เขาไม่เหมือนใครและก็เท่ห์โคตร ! ที่สำคัญเขาเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ประถมจนมาถึงตอนนี้ จงออบเป็นคนหน้าตาจัดอยู่ในเกณฑ์ใช้ได้นะ (ถึงจะน้อยว่าผมเยอะ) งานอดิเรกคือการทำตัวเหมือนเป็นเมียคริสบราวน์ และปักครอสติส (ดูไม่เข้ากับหนังหน้ามันเลยบอกตรงๆ) นิสัยแอคทีฟดีมากเหลือเกินจนค่อนไปทางชอบหาเรื่องชาวบ้าน ถ้าใครมาทักหมอนี่สุ่มสี่สุ่มห้า ไม่แน่อาจจะเกิดโศกนาฏกรรมขึ้นก็ได้ (แต่อาจจะน้อยกว่าพี่ยงกุกหน่อย รายนั้นน่ะระดับอภิมหาโคตรโศกนาฏกรรมเลยล่ะ)
“คิดจะล่อกับอาจารย์แก่ๆแบบนั้นมันไม่ดีหรอกนะเพื่อน”
“เชิญมึงไปล่อกับน้าวัยหนุ่มของมึงเถอะจ้า”
“…..” โอเค๊ ยอมแพ้ก็ได้ =____=;
จงออบเป็นคนแรกและคนเดียวในโรงเรียนที่รู้เรื่องราวความเป็นไปในครอบครัวผมแทบทุกอย่างราวกับมันเป็นญาติโกโหติกาผมมาตั้งแต่ชาติปางไหน รู้ลึกรู้จริงขนาดผมยังสะดุ้งเลยเวลามันพูดอะไรออกมา
“หลบ…”
ระหว่างที่กำลังเพลิดเพลินอยู่กับการโกยไปไม้อยู่นั้นเสียงแข็งๆดังขึ้นใกล้เราสองคน ทำให้ผมกับจงออบต้องหยุดการกระทำของตัวเองไว้แล้วเงยหน้าขึ้นไปมอง
ผู้ชายหน้าเรียวในชุดยูนิฟอร์มแบบเดียวกันกำลังมองเราด้วยสายที่ไม่อาจบอกได้เลยว่ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ที่แน่ๆ เขาหล่อไม่ใช่เล่น รูปร่างสมส่วน ผิวขาวของเขาแทบจะกลืนไปกับ ผมสีอ่อนเซ็ตมาอย่างพอดีกับใบหน้าเรียว ผมว่าผมคุ้นๆนะ เหมือนเค้าจะเป็นประธานนักเรียนที่ไม่เคยมีแสดงตัวเท่าไหร่ ชื่อแดยอน แดฮยอง แดฮุน แดจังกึม แดๆ อะไรสักอย่างนี้แหละ
ในขณะที่เราสามคนยืนโด่เด่กันอยู่กลางสนามหน้าอาคารเรียน เสียงวี๊ดว๊ายก็ค่อยๆดังขึ้นเหมือนมีบอยแบนด์มารวมตัวกันให้พวกเธอควักโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน เคล้าด้วยเสียงตัดพ้อที่ลอยมากับสายลม
คนหนึ่งก็น้องเจลโล่ อีกคนก็น้องจงออบ แถมยังมีพี่แดฮยอนที่วันๆแทบไม่ค่อยโผล่หน้าออกมาให้ใครได้เห็นอีก นี่มันสวรรค์ชัดๆ ว๊ายยๆๆๆๆๆ ฉันเลือกไม่ถูกเลยนะเนี่ยยยยยย ~
“โรงเรียนแม่งกว้างอย่างกับสวนสัตว์เปิด ไปเดินที่อื่นดิ่”
แหม่ กูละนับถือในความกล้าของมึงมากจงออบ ท่าทางพี่เค้าไม่ค่อยจะสบอารมณ์กับมึงเท่าไหร่เหมือนกันนะเนี่ย แล้วเข้าใจเปรียบโรงเรียนมึงเป็นสวนสัตว์เนอะ ใครที่แม่งเดินๆอยู่ก็สัตว์หมดเลยล่ะสิท่า อืมม น่ารักสดใสอย่างผมขอเป็นกระต่ายน้อย ส่วนพี่แดฮยอนเท่ห์หน่อยก็เป็นเสือ ....ไอ้ห่าจงอบบ อย่างมึงมันก็แค่ ไอ้นกฟรามิงโก้ -__-+
“เห้อะ นึกว่าใคร มุนจงออบนี้เอง”
“ยุ่งจริง”
หืม ? ได้ยินมาว่าไอ้พี่แดฮยอนใจยักษ์(ตามที่จงออบมันเรียก) เป็นคนพูดน้อยมากถึงมากที่สุด บางวันไม่พูดอะไรเลยก็มี แต่นี่เขากำลังปริปากสนทนากับไอ้จงออบอยู่งั้นเรอะ !? ถึงประโยคพวกนั้นจะดูไม่ค่อยสมบูรณ์ก็เถอะ
ช่วงเวลาที่สองคนนี้คุยกัน ผมรู้สึกได้ถึงกระแสไฟที่ทั้งสองใช้เชือดเฉือนกันทางสายตาผ่านหน้าไปมาครั้งแล้วครั้งเล่า ท่าทางของจงออบไม่ได้เหมือนกับคนที่พึ่งคุยกับพี่แดฮยอนครั้งแรก และไม่ได้เหมือนคุยกับรุ่นพี่คนอื่นๆ ขณะเดียวกันพี่แดฮยอนก็ดูร้ายกาจขึ้นเยอะพอได้คุยกับรุ่นน้องคนนี้ ...ผมว่านี่ต้องไม่ใช่ครั้งแรกแน่ๆที่สองคนนี้ล่นสงครามประสาทกันตัวต่อตัว
จะตัวตัวกันอะไรก็ตามแต่เหอะ แต่ไอ้คนมายืนคั่นกลางอย่างผมรู้สึกขนลุกขนพองไปหมดแล้วนะเนี่ย T[]T
“อรุณสวัสดิ์เจลโล่ ^--^”
“ค ครับ!”
พี่แดฮยอนกล่าวทักทายผมพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะเดินชนไหล่จงออบจนเซ แล้วเดินย่ำเท้าขึ้นตึกเรียนของปี3ไป
โอเค ผมพอจะเข้าใจแล้วล่ะว่าทำไมผู้ชายที่ไม่ค่อยพูดอะไรเลยทั้งวัน แถมไม่ค่อยโผล่หน้าออกมาให้ใครเห็นนี้ มีแฟนคลับเยอะนัก ! รอยยิ้มนั่นมันยาพิษดีๆนี่เอง ยาพิษอันตรายขั้นรุนแรงที่มีผลต่อใครก็ตามที่ได้รับมัน ให้ตายเถอะะะะะ >[]< !!!!!!!!!!!!!!!!!! ขนาดในชีวิตนี้ผมไม่คิดจะสนใจผู้ชาย ยังอดคิดไม่ไดเลยถ้าได้พี่แดฮยอนเป็นแฟน โลกคงสวยขึ้นเยอะ
“ว๊ายยยยย เมื่อกี๊เธอเห็นเหมือนฉันเห็นใช่มั๊ย พี่แดฮยอนยิ้ม พี่-แด-ฮยอน-กำ-ลัง-ยิ้ม”
“อ๊ากกกกก ฉันต้องตายแน่ๆเลยเธอ หัวใจฉันมันเต้นไม่หยุด คิดแล้วอยากจะเอาตัวเองไปยืนแทนที่เจลโล่มันจริงๆ”
“ใครถ่ายช็อคเมื่อกี้ได้ เอาลงแฟนเพจพี่แดฮยอนเค้าด่วน อ๊ายๆๆๆๆๆ ฉันต้องเอารูปนี้ไปเข้าคอแลคชั่นแดฮยอนสไมล์ของฉันซะแล้ว”
“เห็นบ้าอะไรกันไปหมดวะ ไอ้ผู้ชายเซงซวยนั่นมันมีดีอะไรนักหนา” จงออบบ่นอย่างหัวเสียก่อนก้มหน้าก้มตากวาดใบไม้บนพื้นหญ้าอย่างแรง นี่มันเป็นสนามหญ้าสีเขียวๆนี้เป็นหน้าพี่แดฮยอนรึไง ตะกุยซะพื้นดินแทบพังพินาศหมดซะขนาดนั้น
ผมว่าจงออบคงจะเป็นคนเดียวในรั้วโรงเรียนนี้ที่รอยยิ้มนั้นไม่สามารถทำอะไรได้ ตาตี่จนมองไม่เห็นความสวยงามบนโลกไปแล้วแน่ๆ
“นี่พวกเธอ ตั้งใจทำงานหน่อย อย่ามัวโอ้เอ้ เด็กสมัยนี้มันจริงๆเล๊ย สั่งอะไรไม่ได้สักอย่าง ไม่ได้เรื่อง”
“โว้ยยยยยย ก็ทำอยู่นี่ไง”
ฉิบแล้ว... ผมรู้ว่าจงออบมันเป็นคนเก็บอาการไม่ค่อยเก่ง ไม่ว่ามันจะคิดอะไรมันก็พูดออกมาได้หมดโดยไม่สนใจหรอกว่าคนที่มันสนทนาด้วยจะอยู่ในสถานะไหน นั่นทำให้ตาแก่เดินดุ่มๆมาทางพวกเราพร้อมกับยกไม้หนักๆขึ้นซะน่ากลัว
เห็นแค่นี้ผมก็พอจะรู้ชะตากรรมตัวเองแล้วแหละ TT[]TT
“โอ้ยย อย่าตีผมนะ ผมเจ็บบ โอ้ย พอแล้วๆ ผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะ จงออบมันพูดอ่ะ ทำไมอาจารย์ไม่ตีมันบ้างเล่า !!!”
- มาอัพต่อแล้วจ้าาาา XD ตอนนี้เปิดตัวสองตัวละคร>
ไอ้พี่แดฮยอนกับไอ้น้องจงออบ <-- ต้องเรียกกันแบบนี้จริงๆนะเนี่ย
555555555555 เป็นใครมากจากไหนไม่สำคัญหรอก แต่ที่แน่ๆ
หล่อมากเอ่อะ , ขอโทษที่ให้รอกันจนเหงือกแห้ง แบบว่าไรเตอร์
มันเล่นตัวก็อย่างงี้แหละ YOY ~ ขอบคุณทุกคนที่ยังติดตามอยู่นะคะ <3
ความคิดเห็น