คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : NAUGHTY&EVIL # 01
NAUGHTY&EVIL#01
หลังจากที่ด่าผมจนหนำใจ พี่ยงกุกก็เดินหายเข้าไปหลังประตูห้องน้ำ ทิ้งให้ผมยืนเคว้งคว้าง เออช่างเหอะอาจเป็นช่วงอารมณ์แปรปรวนของคนเริ่มมีอายุ ...ไหนๆผมก็พึ่งย้ายมาอยู่นี่ทั้งที คงต้องหาพื้นที่ดีๆเป็นของตัวเองสักหน่อย
ทันใดนั้นสายตาของผมกวาดไปปะทะเข้ากับประตูบานหนึ่งที่ถูกปิดอยู่ ถ้าเดาไม่ผิดนี่ต้องเป็นห้องนอนของพี่ยงกุกแน่ๆ เอิ่ม...คิดว่าข้างนอกนั้นแย่แล้ว ห้องนอนนี่แย่กว่าประมาณสามเท่าได้ บนเตียงริมพนังนั้นมีผ้าห่มยับๆวางกองอยู่ไม่รู้ว่าเคยเปลี่ยนบ้างมั้ยตั้งแต่ซื้อคอนโดนี้มา ...ผมเดาว่าไม่ =__=;
บนพื้นมีอะไรก็ไม่รู้วางระเกะระกะไปหมด ตู้เสื้อผ้าที่ไม่รู้จะมีไว้ทำไม ในเมื่อผมก็เห็นเสื้อผ้าพี่เค้าวางเรี่ยราดไปทั่ว นี่พี่เค้าใช้เวลานานแค่ไหนกับการทำห้องให้รก และซกมกให้ทุกอณูตารางนิ้วขนาดนี้นะ ??
“ทำอะไรของแก”
“อ้าว ก็พี่ให้ผมหาที่นอนเองอ่ะ”
“แตกตาดูซะมั่งว่านี่มันห้องฉัน ฉันไม่ยอมให้ตัวน่ารำคาญอย่างแกขึ้นไปนอนหรอก...” ยี๊ พูดเหมือนผมอยากนอนบนเตียงนั้นนักนี่ ถ้าไม่ตายเพราะโรคภูมิแพ้ อาจจะโดนเห็บหมัดจัดจนพรุนอ่ะ
“...ถ้าเป็นสาวๆก็ว่าไปอย่าง”
“!!” บัดสีที่สุด ! พี่พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ยังไง ถึงมันจะดูเข้ากับคาแร็คเตอร์ดิบเถื่อนต่ำช้าของพี่ แต่อย่าทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองต้องอาศัยอยู่กับตาเฒ่าตัณหากลับได้ป่ะ TT_TT
“แกไปนอนตรงนั้นก็ได้”
เขาชี้นิ้วไปยังที่นั่งที่อยู่ติดกับหน้าต่าง มันดูเป็นบริเวณเดียวที่ยังพอมีที่ให้ผมได้เหยียดกายอยู่บ้าง แต่ดูยังไงนั่นก็เหมาะจะเป็นที่นั่งเล่นมากกว่าที่นอนเป็นไหนๆ ...ช่างเถอะ ในห้องที่รกเหมือนรังหนูทั้งฝูงขนาดนี้ พี่เค้ามีที่ว่างให้ผมบ้างก็น่าดีใจพออยู่แล้ว
“ขอบอกไว้ก่อนฉันไม่ค่อยชอบเด็กม.ปลายเท่าไหร่ ยิ่งเป็นเด็กแบบแกเห็นแล้วยิ่งรำคาญลูกตา” พี่ยงกุกส่งเสียงขึ้นมาขณะที่สายตาก็จดจ่ออยู่กับงานบนโต๊ะทำงานที่ตั้งอยู่ถัดจากที่นอนผมไปสองสามก้าว
“แล้วฉันก็ไม่ค่อยชอบเวลามีใครมาเซ้าซี้ เพราะฉะนั้นอย่าพยายามทำอะไรให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด”
อะโด่ มาทำเป็นพูดดี พี่เค้าคิดว่าเค้ารู้สึกแบบนั้นแค่ฝ่ายเดียวรึไง ผมเองก็รู้สึกคำราญห้องรกๆกับสายตาที่คอยจิกกัดผมตลอดเวลา ไม่ต่างอะไรกับที่เค้ารำคาญผมหรอก
แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ยงกุกเค้าปากเสียแบบนี้มาตั้งแต่เกิดเลยรึเปล่า ? จริงๆนะ ผมอยากรู้มากว่าเวลาเค้าทำงานนี่จะพูดจากับหัวหน้าตัวเองยังไง แถมหน้าตาก็ไม่ค่อยเป็นมิตรแบบนั้นมีเพื่อนคบบ้างมั๊ยก็ไม่รู้ =O=;
“พี่คิดว่ามันโอเคแล้วหรอที่ผมมาอยู่ที่นี่อ่ะ”
“แกมีทางเลือกอีกด้วยเรอะ”
“....”
“ถ้าแกอยู่ที่นี่แล้วมันอึดอัดใจนักก็บินตามแม่แกไปที่อเมริกาซะสิ ถ้าไปแล้วก็ฝากบอกแม่แกด้วยว่าอย่าเอาภาระมาทิ้งให้คนอื่นอีก ฉันไม่ได้ว่างขนาดมานั่งดูแลเด็กไม่รู้จักโต ขี้แพ้ แถมยังไร้ที่ไป เห่อะ ประเทศชาติมันคงเชิญช้าลงไปสิบปี ถ้าบนเกาหลีมีเด็กอย่างแกสักสิบคน”
“=__=+!!” โว้ยยยยยยย อะไรจะดูถูกเหยียดหยามกันขนาดนั้นวะนั่น ไอ้คนที่ผมคิดว่าเป็นพี่ชายโคตรเท่ห์เมื่อสิบสองปีก่อนมันหายหัวไปไหน ทำไมเหลือไว้แต่ไอ้คนปากเสียที่เอาแค่พ่นคำด่าออกมาทุกวินาทีคนนี้ได้ล่ะ ถึงผมจะพึ่งอายุแค่สิบเจ็ด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพี่เค้าจะมาพูดแบบนี้ใส่ได้นะเว้ย
“เออ ผมไม่ไปไหนหรอก ถ้าพี่คิดว่าเรื่องแค่นี้ทำให้ผมยอมแพ้พี่ล่ะก็ คิดใหม่เห่อะ ผมจะอยู่ที่นี่ ไม่ว่าพี่จะชอบหรือไม่ ...ผมไม่เคยแพ้ แล้วก็ไม่อยากแพ้พี่ด้วยพี่ยงกุก”
“เรื่องของแก ฉันไม่ได้ใส่ใจอะไรแกอยู่แล้วนี่”
พี่ยงกุกยังจดกวาดสายตาอยู่ในเอกสารสลับกับหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจผมจริงๆอย่างที่เขาว่านั่นแหละ
ผมกวาดสายตามองไปรอบๆ ไม่ว่าจะซอกไหนมุมไหนก็ดูจะเต็มไปด้วยขยะไปหมด ไม่รู้ว่าเจ้าของห้องไม่มีเวลาว่าง หรือไม่รู้จักคำว่า’รักษาความสะอาด’กันแน่ แล้วจะให้ผมทนอยู่ในที่แบบนี้เนี่ยนะ ...ยี๊
“สิบสองปีผ่านไป พี่ไม่เห็นเปลี่ยนไปจากเดิมเลยสักนิด ซกมกยังไงก็ซกมกอย่างนั้นเลยเนอะ”
“…=___=+”
ฮ่าๆ ผมรู้สึกสะใจอยากบอกไม่ถูกแห๊ะ เวลาที่พี่เค้าจ้องหน้าผมแล้วไม่ปริปากโต้เถียงอะไรกลับมาสักคำแบบนั้น
“แต่ฉันว่าแกเปลี่ยนนะ” ว่าจบเขาก็เริ่มไล่สายตามองผมอีกครั้ง แค่คราวนี้ผมรู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้ร่างกายผมร้อนวูบวาบไปหมด มันก็แค่ดวงตาไร้แววสีดำมืดมนคู่หนึ่งเท่านั้น อะไรมันสร้างบรรยากาศอีโรติคปานนี้ แล้วยังรอยยิ้มแปลกๆของพี่เค้าที่ไม่ได้เห็นมาสิบกว่าปีนั้น เมื่อก่อนผมว่ามันดูตลกๆ แต่มาวันนี้ รอยยิ้มนั้นมันก็ดูเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอกซะเหลือเกิน
“อะไร พี่จะมองอะไรนักหนา”
“แกดูน่ารักขึ้น...” ไม่ว่าเปล่า เขายกนิ้วขึ้นมาลูบริมฝีปากตัวเอง โอ้ม่ายยยยย เห็นแล้วมันเสียวหลังวาบๆเลยแฮะ
“=///////////////=”
“สูงขึ้น ขาวขึ้น ผิวก็ดีขึ้น ดูดีกว่าไอ้เด็กขี้งอแงที่ชอบร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อสิบกว่าปีที่แล้วแยะเลย”
แหม ก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะว่า หน้าโหดๆของพี่จริงๆมันก็ไม่ได้แย่นักหรอก ก็หล่อดีอ่ะ ถึงก็น้อยกว่าผม แต่ก็นับว่าหล่อดี๊ เห้ยยยย TT[]TT มึงเป็นผู้ชายทั้งแท่งนะจ้ะเจลโล่ อย่าคิดอะไรไม่สมชายแบบนั้น !
“...”
“แล้วก็...”
โว้ยยย ยังจะมีอะไรมาบรรยายตัวผมอีกรึไง แค่นี้ก็รู้สึกร้อนที่หน้าจนไม่รู้จะเอาหัวไปมุดไว้ตรงไหนแล้ว ผมรู้สึกได้ว่าสายตานั้นกำลังมองอะไรบางอย่างที่อยู่ต่ำกว่าเข็มขัดผมลงไป
ต่ำกว่าเข็มขัด... เห้ยยย !!
“พ พี่คิดอะไรของพี่อ่ะ ผมพึ่งอายุสิบเจ็ด พรากผู้เยาว์ติดคุกหัวโตเลยนะ O////O”
ผมรีบคว้าหมอนอิงที่วางอยู่บนโซฟาขึ้นมากอดแน่น ขืนให้สายตาของพี่เค้าปะทะกับร่างผมตรงๆล่ะก็ มันต้องอ่อนยวบยาบลงไปมากกว่านี้แน่ๆ
“ร่างกายแบนๆของแกมันไม่ทำให้ฉันรู้สึกอะไรขึ้นมาหรอกเว้ย ...แค่จะบอกว่าขาแกนี่มันใหญ่ขึ้นเยอะเลยวะ น่าเกลียดจริงๆ หัดไปลดบ้างนะ ขาวๆใหญ่ๆยังกะขาหมูต้ม”
“!!!!!”
อ๊ากกกกกกก ตั้งแต่เกิดมาผมยังไม่เคยเจอใครนอกจากแม่ตัวเองที่พูดจี้จุดอ่อนผมได้ตรงเป๊ะขนาดนี้เลยนะเนี่ย ฮึก ช้ำใจชะมัด ใช่สิ๊ ผมไม่ได้ขาลีบเป็นตะเกียบเหมือนนักร้องไอดอลนี่ แต่อย่างน้อย ขาผมมันก็เนียนกว่าหน้าพี่แล้วกัน เห้อะ แล้วไม่ต้องจำเป็นมาสอนวิธีหาแฟนให้ผมหรอก พี่เอาเวลาไปทำตัวเองให้ดูดี จะได้มีผู้หญิงสักคนก่อนจะดีกว่า !!!
*****
“นี่ พี่ยงกุก”
“ว่าไง”
“พี่ทำงานอะไรหรอ”
ผมย้ายตัวเองมานั่งเท้าคางอยู่ที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะทำงานพี่ยงกุก ก่อนเริ่มเปิดประโยคสนทนาคุยกับพี่เค้า จริงๆผมก็แค่รู้สึกอัดอึดเวลาต้องอยู่กับใครเงียบๆในห้อง ผมเลยพยายามหาเรื่องคุยก็แค่นั้น ไม่ได้อยากรู้เรื่องราวความเป็นอยู่ของใครเท่าไหร่หรอก โดยเฉพาะเรื่องไอ้คุณน้าหน้าโหดคนนั้นน่ะ
“จะอยากรู้ไปทำไม”
“ก็อยากอ่ะ”
“แกนี่มันน่า...”
“น่ารักโคตรๆ”
“น่าจับฆ่าตั้งแต่เด็ก ปากอย่างแก โตขึ้นมาขนาดนี้ได้ยังไงวะ” พี่ยงกุกสบถก่อนยื้อมือขึ้นแล้วเคาะปากกาลงบนหัวผมเบาๆ
“พี่ตีผมทำไมเนี่ย บอกหน่อยดิ่ว่าพี่ทำงานอะไร ทำไมต้องมีเอกสารเยอะขนาดนี้ด้วย”
“เดินโพยหวย”
“โหหหห แล้วทำไมพี่มีตังค์เยอะจังอ่ะ คอนโดแถวนี้ค่าเช่าแพงไม่ใช่เล่นเลยนะ”
“เออ กูเล่นแชร์”
ผมว่าพี่เค้าต้องเริ่มรำคาญผมแล้วแน่ๆ ดูสายตาแข็งๆนั่นก็รู้ แถมยังเริ่มใช้คำมึงกูกับผมซะแล้วสิ ..แล้วยังไงอ่ะ คิดว่าผมแคร์ ? =3=
“หูยยย ทำเป็นปกปิด พี่เป็นแบทแมนรึไง เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงไม่ได้อ่ะ”
“เลิกกวนตีนฉันสักแป๊ปนึงได้มั๊ย”
“ไม่ได้”
แกร๊ก
สายตาคู่นั้นจ้องเขม็งมาที่ผม เขาทิ้งปากกา ท่าทางเหมือนยากูซ่าที่กำลังจะรีดไถเงินจากลูกหนี้ทำผมกลัวจนหัวหด มือชาเท้าชา จนตอนนี้หน้าผมกำลังจะชาตามไปด้วยเพราะกระแสความเย็นยะเยือกเหมือนพายุหิมะนั่น ผมรีบถอยตัวกลับไปนั่งบนที่นอนตัวเองเองพร้อมยกหมอนขึ้นมาปิดหน้า แผ่นหลังของผมดันติดพนักพิงเต็มที่ทั้งๆที่พี่เค้าก็ไม่ได้ขยับเข้าใกล้ผมมากไปกว่าเดิมเลยไม่แต่เซ็นเดียว
ย๊า น่ากลัวชะมัด !!!
“ฉันเตือนแกแล้วใช่มั๊ยว่าอย่าทำตัวน่ารำคาญ”
“ก็ผมมันปากไปก่อนความคิดทุกทีอ่ะ ให้ผมทำยังไงได้ล่ะ TT^TT”
“ฉันว่ามือกับเท้าฉันมันก็ไปเร็วกว่าความคิดเหมือนกัน”
พี่ยงกุกตะคอกใส่จบก็ละสายตากลับไปยังกองแผ่นกระดาษบนโต๊ะต่อ ยังดีที่พี่เค้าไม่เกิดบ้าคลั่งลุกขึ้นมาถีบยอดหน้าผมเข้าสักป้าบ ไม่งั้นไปโรงเรียนพรุ่งนี้ผมอาจมีรอยเท้าครบหน้านิ้วประทับอยู่ที่หน้าผาก
“งั้นผมไม่ยุ่งกับพี่แล้วก็ได้”
ผมย้ายตัวเองกลับมานั่งที่โซฟาติดหน้าต่างดังเดิม ตรงบริเวณนี้มีพื้นที่ตรงขอบหน้าต่างอยู่นิดหน่อย และในบริเวณเล็กๆนั้นถูกประดับด้วยกระถางต้นไม้เรียงรายเต็มไปหมด พวกมันดูท่าทางจะได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี ...คนๆเดียวที่อยู่ในห้องนี้ก็มีแต่พี่ยงกุก ถ้าพี่ดูแลต้นไม้พวกนี้ได้ พี่ดูแลส่วนอื่นๆของห้องบ้างไม่ได้รึไงนะ
“พี่ชอบปลูกต้นไม้หรอ ไม่เหมาะกับหน้าพี่เลยเนอะ”
“เปล่า ไม่ใช่ฉัน”
ไม่รู้ทำไม แต่พอได้ยินประโยคนั้น ในใจมันก็รู้สึกแปลกๆขึ้นมา นี่ผมเข้ามาเป็นส่วนเกินของใครไปรึเปล่าเนี่ย ในห้องนี้ดูยังไงก็เหมือนจะมีพี่อยู่แค่คนเดียวนี่ ?
“ต้นไม้พวกนั้นของแฟนเก่าฉัน”
“ครับ?”
จริงๆผมไม่ได้ถามเลยนะว่าพี่มีแฟนเก่าหรืออะไรยังไง แล้วก็ยงกุกก็ดูท่าทางจะไม่ใช่คนที่พูดเรื่องของตัวเองให้ใครฟังง่ายๆด้วย แต่คำตอบนั้นทำให้ผมแปลกใจ ขนาดเป็นของๆแฟนเก่า พี่ยังดูแลมันซะดิบดีเลยนะเนี่ย ไม่ธรรมดาแล้วพี่ยงกุก
“แกพูดเรื่องบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย แล้วมาจ้องดอกไม้พวกนั้นซะเหมือนจะเขมือบ”
“ก็ผมหิวอ่ะ”
“มีปากก็หัดพูดสิวะ ฉันไม่ได้รู้เรื่องของแกได้ทั้งหมดหรอกนะเว้ย”
ถึงพี่ยงกุกบ่นปาวๆ แต่เขาก็ลุกมาจากโต๊ะทำงานแล้วเดินผ่านผมเลยเข้าไปในส่วนที่ถูกกั้นเป็นห้องครัว
ตัวผมก็ได้แต่นั่งกอดหมอนกระพริบตาปริบๆ มองภาพผู้ชายในชุดเสื้อยืดสีเข้มที่เดินวนไปวนมาอยู่ในพื้นที่เล็กๆ ใจจริงก็อยากไปช่วยอยู่นิดๆ แต่คิดไปคิดมาเกิดทำอะไรไม่ถูกใจไปพี่เค้าเอามืดจ้วงขึ้นมานี่ไม่คุ้มเลยนะนั่น ทางที่ดีผมนั่งรออยู่นี่แหละดีที่สุด
ไม่นานชามข้าวสองชามก็ถูกเอามาวางกระแทกบนโต๊ะ มันเป็นรามยอนสีแดงเดือดจนน่ากลัว ผมมองอาหารในชามสลับกับหน้าพี่ยงกุก มองย้อนขึ้นๆลงๆอยู่หลายรอบเลยล่ะ
“เอ่อ...พี่กินอะไรแบบนี้ทุกวันเลยหรอ”
“มีอะไรให้กินก็กินไปเถอะ”
“โห่ ผมนึกว่าพี่จะทำให้ได้ดีกว่านี้ซะอีก”
ผมหยิบตะเกียบขึ้นมาคืบรามยอนขึ้นมาเข้าปาก ...แหวะ นอกจากหน้าตาไม่ดีแล้ว รสชาติยังห่วยอีก ไม่อยากจะเชื่อว่าบนโลกนี้จะมีคนทำอาหารกึ่งสำเร็จรูปได้รสชาติห่วยแตกขนาดนี้ด้วย
“ขอบคุณที่ทำให้นะพี่ แต่วันหลังไม่ต้องทำเผื่อผมนะ”
“แกจะเอายังไงกับฉันวะ”
“ใครจะไปอยากเอากับคนอย่างพี่วะ”
“มึงอยากลอง??”
“โหยย พี่อย่าทำเสียงโหดๆแบบนั้นซี่~”
ผมรีบตอบกลับให้เร็วที่สุดแล้วก้มหน้าก้มตากินรามยอนพวกนั้นให้หมด ก่อนพี่ยงกุกจะวางอะไรบางอย่างลงบนโต๊ะ
แก้วเซรามิกสีชมพูลายจุดถูกยื่นมาให้ผม พี่เค้าคงเห็นว่าผมเผ็ดจนหน้าจะไหม้ แต่ที่ทำให้ผมแปลใจไม่ใช่ท่าทางของพี่เขา แต่เป็นซื้อแก้วลายจุดพวกนี้ นี่พี่เค้ากล้าซื้อมาใช้เองจริงๆงั้นหรอ ?
“แก้วโคตรสาวอ่ะ แฟนเก่าพี่ซื้อให้อีกอ่ะดิ่”
“เออ”
ท่าทางพี่เค้าจะเริ่มอารมณ์ไม่ดีอีกแล้ว เขาส่งเสียงกลับมาแค่นั้นก่อนจะยกแก้วสีฟ้าลายจุดขึ้นดื่มน้ำ ...โรแมนติกซะไม่มี ใช้กงใช้แก้วคู่กันซะด้วย
“นี่ ผมถามจริงๆนะ พี่อย่าลุกขึ้นมาเตะผมล่ะ …เห็นคนอื่นๆเวลาเค้าเลิกกันแฟน เค้าก็ทิ้งของทุกอย่างที่แฟนให้ไปหมด ทำไมพี่ถึงยังเก็บไว้ล่ะ ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรอ”
“....”
เอ่อ ผมว่าผมพูดบางอย่างที่ไม่สมควรจะพูดอย่างแรงออกไปซะแล้วล่ะ TT____TT ดูหน้าเค้าดิ่ เหมือนกำลังจะเชือดคอผมซะให้ได้ เอาจริงมันเป็นคำถามที่ไม่น่าจะถามเลยด้วยซ้ำ แม้ว่าผมกับเค้าจะอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างจะใกล้ชิดกันแบบนี้ ให้ตาย พี่เค้าต้องเกลียดผมแล้วแน่ๆ
“ฉันไม่ได้อยากเลิกกับจีอึน ฉันยังรักเธอ ...ก็แค่นั้น”
“......”
พี่ยงกุกวางแก้วน้ำในมือลง ก่อนจะลุกจากโต๊ะแล้วเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะทำงานของเขาอีกครั้ง ต่อจากนั้นก็ไม่มีการสนทนาการขึ้นอีกเลยระหว่างเรา
ท่าทางของพี่เค้าทำผมรู้สึกแปลกๆแฮะ ...ถ้าพูดถึงแฟนเก่าแล้วมันชีช้ำมากนัก จะพูดถึงทำไมบ่อยๆก็ไม่รู้ เหมือนกับผมอยากฟังเรื่องราวดราม่าชวนน้ำตาแตกกระจายของพี่เค้านักแหละ ชิ !
- มาอัพตอนแรกแบบเต็มพาร์ทให้แล้วนะจ๊ะทุกคน
เป็นขวัญกำลังใจก่อนไป สอบแพทพรุ่งนี้ ! #สอบพรุ่งนี้ นางยังมีหน้า....
ม.6แล้ว อะไรๆก็ดูยากเย็นเหลือเกิน เข้ามหาลัยมิตายพอดีหรอฮร้าา TOT
วุ้ยยยย ตอนนี้ก็พยายามแต่งมาให้ทุกคนได้รู้จักพี่ยงกุกของเรามากขึ้น อิอิ
เป็นคาแร็คเตอร์ที่มืดมนน่าดู น้องโล่ก็สว่างไสวยังกะไฟนีออน ปุโธ๊ะ =[]=; !
เป็นสมการที่ดูน่าจับมาหักล้างกันดีเหลือเกิน ฮ่าๆๆๆๆๆ >[ ]< ~
ความคิดเห็น