ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    NAUGHTY&EVIL ☠ ( B.A.P )

    ลำดับตอนที่ #12 : NAUGHTY&EVIL # 11

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ค. 56


     

      

    NAUGHTY&EVIL#11







                “ว่าไงไอ้พี่ประธาน

                จงออบโยนกระเป๋าสะพายลงบนโต๊ะตัวใหญ่ในห้องคณะกรรมการนักเรียน ยันตัวเองขึ้นไปนั่งบนโต๊ะ ดวงตาเรียวเล็กเหลือบไปเห็นโหลลูกอม เลยเอื้อมมือไปยิบลูกอมรสเชอร์รี่สีแดงโยนใส่ปาก

     

                แหม่...ท่าทางน้องจะลืมไปนะว่านี่มันโต๊ะพี่ประธานจอง

                แล้วไอ้เจ้าของโต๊ะมันก็นั่งหน้าหล่ออยู่นี่ =_=

     

                วันนี้มีอะไรให้ทำล่ะ

                “ไม่มี

                แล้วให้มาทำไม

               

                จงออบย้ายตัวลงจากโต๊ะ แล้วหันไปดึงเก้าอี้ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามผมมานั่งแทน แขนขาวๆที่โผล่พ้นแขนเสื้อที่พับร่นขึ้นไปถึงข้อศอกวางพาดลงบนโต๊ะ ก่อนเจ้าตัวจะเอาหน้าซบลงมา ทำหน้ายังกับลูกหมานอนเบื่อเพราะเจ้านายไม่พาออกไปดินเล่น

     

                สนุกดีมั๊งเห็นหน้านายตอนเป็นอย่างเงี๊ย

                ถ่ายรูปตั้งหน้าจอเลยเสะ =_=;”

     

                ก็อยากจะโต้ประโยคกวนประสาทนั้นกลับไปอยู่หรอก แต่ขืนมัวแต่ทะเลาะกับจงออบ ท่าทางจะไฟท์กันถึงเช้า ก็ตอนนี้ใกล้ถึงกำหนดส่งรายงานประจำภาคเรียนแล้ว ถ้าทำส่งไม่ทันชื่อเสียงของท่านประธานจองอันเป็นที่รักของครูทั้งโรงเรียนต้องด่างพร้อยแหงๆ

               

                หึ ผมไม่ได้ทำตัวไร้สาระไปวันๆอย่างที่ไอ้เด็กตาตีบบางคนมันเข้าใจหรอกนะ !

               

                จริงๆช่วงเวลาเร่งรีบแบบนี้ผมมักจะไล่พวกคณะกรรมการคนอื่นกลับไปให้หมด จะได้มีสมาธิทำงานเงียบๆ แต่ก็เพราะผมขู่จะไปปล้ำใครบางคนไว้ ไอ้เพื่อนรักของคนๆนั้นก็เลยมาทำตามข้อตกลงที่ให้ไว้อย่างดีเยี่ยมไม่มีขาดตกบกพร่องเลยสักวัน

     

                ตอนนี้เลยได้เด็กนักเต้นปีสองคนดังของควังฮวามุนมานั่งเป็นเพื่อนด้วย

                ไม่ได้รู้สึกว่าน่ารำคาญอย่างเวลาทีคนอื่นด้วยนะ (ถึงมันจะบ่นงุ้งงิ้งเหมือนเสียงยุงจนน่าตบ)

                จริงๆแล้ว....ออกจะรู้สึกดีด้วยซ้ำ (พูดแล้วก็เขินว่ะ!)

     

                เจ้าของดวงตาคู่เล็กดูท่าทางจะไม่มีอะไรทำสุดๆ เพราะเห็นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก็ขึ้นเตือนว่าแบตใกล้หมด เลยวางไว้บนโต๊ะแทน ปากก็ดุนลูกอมเล่นไปมา จนน่ากลัวว่าถ้ามันหลุดออกมากลิ้งอยู่บนรายงานของผมจะทำยังไง ตาก็เหลือบมองซ้ายทีขวาที ก่อนจะจ้องมือของผมที่กำลังขยับไปมาอยู่บนโต๊ะ

               

                “มองอะไรนักหนา

                พี่เจ็บมือขวาไม่ใช่หรอ

                คำพูดนั้นทำเอามือของผมหยุดกึก ค่อยลดสายตาลงไปมองมือที่จับปากกาอยู่ แน่นอนว่ามันเป็นมือขวา ที่ผมโม้ไว้ซะเยอะเลยว่ามันเจ็บปวดจนทำอะไรเองไม่ได้ พูดง่ายๆว่าแทบเป็นง่อยและเป็นเหตุให้ไอ้น้องจงออบผู้ที่ผมโยนความผิดใส่ตู้มใหญ่ว่าเป็นคนทำ ต้องมานั่งรับโทษอยู่ตรงนี้

     

                ฉิบหาย....




                “ไหนพี่บอกว่าเจ็บมือไง

                จงออบตวัดสายตาขึ้นจ้องหน้าเขม็ง เรียกเอาเหงื่อเม็ดเป้งไหลลงมาอาบขมับ  

                พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมน้องเจลโล่ถึงดูยำเกรงเพื่อนรักคนนี้นัก ลองมานั่งเป็นเป้าให้ตาตี่ๆคู่นั้นจ้องดูสิ ขนาดผมยังต้องนั่งตัวตรงโดยอัตโนมัติเลยเหอะ

     

                ว่าไง ตกลงมือน่ะมันเป็นยังไง?”

                อะไรวะ ฉันเป็นรุ่นพี่นายนะเว้ย ทำไมบรรยากาศในห้องทำงานคณะกรรมการนักเรียนอยู่ดีๆก็เปลี่ยนเป็นห้องสอบปากคำอย่างงี้ได้วะเนี่ย

     

                มัน...มันดีขึ้นแล้วไง

                “=_____=*”

                จริงๆนะ

                “หรอ จงออบดูท่าทางจะไม่เชื่อเท่าไหร่ (ปกติก็ไม่ค่อยเชื่ออะไรที่ผมพูดอยู่แล้วนี่)        

                ฉันจะโกหกไปทำไมล่ะ

     

                พูดถึงตอนนี้ถึงกับต้องลอบถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ก็ที่ทำๆอยู่นี่มันโกหกทั้งนั้นเลยนี่หว่า โอ้ย อึดอัด บรรยากาศมันตึงๆยิ่งกว่าตอนแอบหยิบขนมกินระหว่างประชุมกับผู้บริหารโรงเรียนอีกนะเนี่ย

               

                “ถ้าหลอกผมนะ หึ!”

                เสียงท้ายประโยคของคุณน้องแทบกลืนหายไป เมื่อถูกกลบด้วยเสียงมือน้อยๆที่ทุบลงบนโต๊ะไม้จนเกิดเสียงดังลั่น ...นี่ถ้าแผ่นไม้ใต้มือจงออบมันเป็นกบาลผมล่ะก็ ป่านนี้คงแยกเป็นสองซีกไปแล้ว

     

                ไม่ได้การล่ะ จะเล่นอะไรผมคงต้องระวังให้มากขึ้นแล้ว ไอ้น้องจงออบนี่ไม่ธรรมดาจริงๆ แม่งทำผมสะดุ้งจนแทบหมดสิ้นความเหนือกว่าที่สั่งสมมานั้งนานนม =A=;;;

     

                ดวงตาคู่เล็กหรี่มองผมอยู่สักครู่หนึ่งก่อนเอนตัวไปนั่งพิงพนัก ยกมือขึ้นทุบไหล่ตัวเองคลายความเหมื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน

                ผมรู้น่าว่าวันนี้เด็กห้องนั้นโดนตาแก่วิชาปรัชญาทำโทษด้วยการนั่งคุกเข่าแล้วชูมืออยู่เกือบทั้งชั่วโมง เพราะมีผู้หญิงคนหนึ่งในห้องส่งเสียงกรี๊ดดังลั่นขณะกำลังนั่งดูคลิปพี่แดฮยอนซ้อมร้องเพลง ที่ถูกโพสอยู่ในปูชานบอยแฟนเพจ =_=^ ผมรู้ว่าตัวเองฮ๊อต แต่ผมไม่ผิดนะ ! ยัยเด็กนั่นอยากมานั่งดูเสน่ห์อันล้นเหลือของผมทำไมล่ะ

     

                สงสัยกันล่ะสิ ทำไมผมถึงรู้เรื่องรอบๆตัวจงออบมากมายขนาดนั้น

                ........ผมเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าจะสนใจอะไรเด็กคนนี้นักหนา

     

                แล้วพี่ คิดจะไม่คิดจะรีบทำคะแนนเลยหรอ

                คะแนนอะไร?”

                เจลโล่ไง ! พี่จะจีบมันพี่ต้องรู้จักเข้าหามันซะบ้าง

               

                จนตอนนี้จงออบยังคิดว่าผมจีบเจโล่เพื่อนรักอยู่อีกหรอ ...คงเป็นเรื่องเมื่อตอนกลางวันล่ะสิ จริงๆผมก็สงสารเจลโล่อยู่หรอก โดนสาวๆมองด้วยสายตาจองเวรเข้าไปขนาดนั้นเป็นคนอื่นคนไม่กล้ามาโรงเรียนอีกเลยล่ะ

     

                พี่ขอโทษจากใจเลยนะน้อง แต่พี่สนุกของพี่ว่ะ ปล่อยให้พี่ทำในสิ่งที่พี่รักเถอะ

     

                ส่วนเรื่องที่จะจีบนะ จะบอกอะไรให้ ตอนแรกผมจริงจังนะ !

                ใช่สิ ท่านประธานนักเรียนสองสมัยซ้อนอย่างพี่ประธานจอง จะมีแฟนทั้งทีก็ต้องสมศักดิ์ศรีหน่อย ...แต่พวกผู้หญิงโรงเรียนนี้ก็ไม่เห็นเข้าตาผมสักคน รุ่นน้องก็มากรี๊ดผมกันหมดแล้วผมจะไปตามจีบใครได้ล่ะ เพื่อนผู้หญิงรุ่นเดียวกันน่ะเรอะ ...ผมรู้จักพวกเธอหมดไส้หมดพุง พวกเธอสวยเหมือนเทพีอยู่หรอกนะ แต่ทุกคนกลับมีคุณสมบัติของการเป็นผู้หญิงร้ายกาจอย่างครบถ้วน ส่วนเพื่อนๆในชั้นเดียวกันก็ดูจะรักกันดี (ดูจากคู่หน้าเป๊ะกับน้องเหงือกนั่นเป็นตัวอย่าง) จนผมไม่รู้จะไปยื้อแย่งพวกมันมาเป็นแฟนตัวเองได้ยังไง

     

                นั่นเลยทำให้ผมคิดมองหาทางเลือกใหม่ ถ้าพูดถึงคนดังของควังฮวามุน แน่นอนว่าต่อจากชื่อผมทุกคนก็ต้องพูดถึงน้องเจลโล่ ปฎิบัติการตามตื้อจึงเริ่มต้นขึ้น

               

                ผมเริ่มสังเกตการณ์น้องเจลโล่อยู่เงียบๆ ท่าทางน้องตัวขาวโบ๊ะจะไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำ ...นอกจากจะได้รู้เรื่องแทบทุกอย่างเกี่ยวกับน้องเขาแล้ว ผมยังได้รู้จักกับบางสิ่งที่ตามติดน้องเจลโล่เป็นเงาตามตัวตลอดเวลาที่อยู่ในเขตโรงเรียน เด็กตาตี่ที่ชื่อมุนจงออบ

     

                จงออบดูท่าทางจะเป็นเพื่อนที่สนิทกับเจลโล่มากที่สุด ดูจากที่เขามักจะเดินมาตบหัวตบไหล่เจลโล่บ่อยๆ เห็นแล้วก็อยากจะเดินไปเครียร์ให้รู้เรื่องหรอกว่าทำไมมันถึงชอบทำร้ายร่างกายน้องเจลโล่ของผมนักหนา

     

                แต่ครั้งแรกที่ผมก้าวเท้าไปเข้าใกล้รัศมีของน้องโจลโล่ ...ผมก็รู้สึกได้เลยว่าตัวเองไม่คู่ควรกับน้องเขาอย่างแรง ไม่ใช่เรื่องหน้าตา การศึกษา หรือฐานะ อะไรหรอกนะ ก็แค่รูปร่างสูงโย่งกับผิวสีน้ำนมของน้องเค้า ถ้าให้มาเดินข้างผม ที่ตัวเตี้ยกว่าแถมสีผิวยังกระเดียดไปทางเข้มถึงเข้มมาก มีหวังต้องโดนเพื่อนแซวไปจนแต่งงานมีลูกแหง แถมน้องเค้ายังดูงงๆก่งก๊งอย่างบอกไม่ถูกด้วย

     

                แต่ก็น่ะ...ผมว่าแบบนั้นล่ะโคตรน่ารักเลย

     

                วินาทีนั้นสมองอันชาญฉลาดของผมก็เริ่มประมวลผลออกมาอย่างรวดเร็ว ถ้าเป้าหมายอย่างน้องเจลโล่ดูยากจะเข้าถึง การเข้าทางเพื่อนจึงเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ยังไม่ทันจะได้เต๊าะเด็ก ปากพาจนของผมกลับเอื้อนเอ่ยคำทักทายใส่หน้าจงออบไปก่อนซะแล้ว

     

              เห๊ย ไอ้เตี้ย...

              อะไรนะไอ้ดำ

     

                เท่านั้นแหละ มุนจงออบก็ประกาศตัวเป็นศัตรูกับผมตั้งแต่นั้นมา ไม่ว่าผมจะพยายามเข้าใกล้เจลโล่วิธีไหน ไอ้เด็กนี่ก็ต้องมาขัดขวางผมไว้ตลอด ขนาดเจลโล่ไม่ได้เดินอยู่กับเขา เขายังอุตส่าห์ทำหน้าขู่ฟ่อๆใส่ได้อีก ไม่รู้จะอะไรกับผมนักหนา

                จนท่าทางเจลโล่ดูจะไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของผมเลยแม้แต่น้อย ...ทั้งๆที่น้องเค้าออกจะเฟรนลี่น่ารักถูกใจพี่ประธานจองเป็นที่สุด แต่ไอ้เพื่อนรักตัวดีนี่แหละที่ขัดหูขัดตานัก หึ =_=+

     

                จนหลังๆมานี้ จากที่ไล่ตามเจลโล่ ใจผมมันกลับรู้สึกสนุกสนานกับการแกล้งหยอกเอินกับจงออบมากกว่าเป็นไหนๆ ไม่ว่าจะหน้าตี๋ๆที่มักจะชักสีหน้าใส่มาโดยอัตโนมัตทันทีที่เห็นหน้าผมแม้อยู่ในระยะไกลห้าร้อยเมตร หรือท่าทางโหดๆที่เจ้าตัวมักจะทำ อย่างกับว่ามันน่ากลัวนักนี่

     

                ไม่รู้หรอกว่ามันออกจะ... 

     

                นั่งเหม่ออะไรอยู่ได้

                อยู่ๆเสียงของจงออบก็เสียงแทงเข้ามาทำลายสารระบบความคิดของผมจนกระเจิดกระเจิง รีบเหลือกตาลงมามองงานบนโต๊ะอย่างรวดเร็ว ...อย่างน้อยเสียงจงออบมันก็หยุดความคิดของผมไว้ได้ ก่อนที่ผมจะพูดอะไรต่อจากนั้น ซึ่งมันต้องไม่ดีกับจิตใจผมแหงๆ

     

                ฉันหิวแล้ว

                บอกทำไม

                ไปซื้ออะไรให้กินหน่อยสิ

                จงออบมองหน้าผมเหมือนอยากได้ยินผมพูดทวนอีกรอบ

     

                ผมไม่ตอบอะไร แค่หยิบเอกสารทั้งหมดขึ้นมาเคาะบนโต๊ะให้เข้าที่ ก่อนหันเป็นหยิบเป้ขึ้นมาสะพายไว้บนไหล่ข้างหนึ่ง

                อยากกินเนื้อย่าง ไปเป็นเพื่อนหน่อย

                จะบ้าเรอะเขาเบ้หน้าแล้วหันไปทางอื่น เห็นปากบางบ่นงุบงิบๆ พอจะจับใจความได้รางๆประมาณว่า ไม่ใช้งานอะไรเสือกเรียกมาอีก แล้วยังให้ไปกินเนื้อย่างเป็นเพื่อนเนี่ยนะ มึงคิดว่ากูไม่มีบ้านกลับรึไง

     

                แต่คิดว่าผมจะสนใจที่หมอนั่นพูดเรอะ ไม่มีทาง

     

                มันก็น่าด่าอยู่หรอกที่ผมชวนเค้ามากินเนื้อย่างเวลานี้ มันดึกแล้ว และจงออบกำลังโต้ตอบกับคนปลายสายทางโทรศัพท์หัวสั่นหัวคลอน

                แม่ วันนี้ผมกลับดึกนะ แม่ไม่ต้องรอก็ได้ครับ ....อ๋อ พอดีมีงานที่โรงเรียนน่ะ ไม่เป็นไรๆผมกลับเองได้ แม่ไม่ต้องห่วง ..เปล่า ไม่ได้อยู่กับเจลโล่...

                พูดถึงตรงนี้น้องตัวขาวก็เหลือบตาขึ้นมามองหน้าผม เบ้ปากลงแล้วกรอกเสียงใส่สายต่อ

     

                อยู่กับไอ้พี่ประธานนักเรียน อืมๆ โห แม่ ไม่เอาอ่ะ ผมกลับเองดีกว่า ไม่ต้องไปรบกวนพี่เค้าหรอก ดะ เดี๋ยวสิ!”

     

                จงออบลดมือลงมาดูหน้าจอที่ตอนนี้คนปลายสายท่าทางจะตัดสายไปเสียแล้ว

                มีอะไรหรอ

                เปล่า

                โกหก

                พูดไปก็สะเทือนใจเล็กๆ เพราผมขี้โกหกกว่าเยอะ

     

                แต่ผมก็ไม่ได้ไร้มารยาทขนาดจะซักไซ้ต่อในเรื่องที่คนอื่นเค้าไม่อยากบอก ผมพาจงออบเดินเลี้ยวเข้าในเต็นท์ขายเนื้อย่างข้างทาง ควันสีเทาตลบอบอวนไปทั่วทั้งบริเวณ เสียงจอแจของพนักงานบริษัทที่พึ่งจะเลิกงานดังแข่งกับเสียงเครื่องยนต์รถบนถนน ผมเลือกที่นั่งริมด้านในสุด โดยมีจงออบเดินหน้ามู่ทู่ตามเข้ามาติดๆ

     

     

                แล้วเรื่องเจลโล่ ฉันควรจะทำยังไงล่ะ

     

                ดวงตาเรียวเล็กคู่เหลือกมองผมอย่างรวดเร็วกลังจากเอาแต่จดจ่ออยู่กับการพลิกเนื้อบนเตามาได้พักใหญ่ ปากเล็กพยายามเคี้ยวเนื้อชิ้นโตให้หมดเพื่อที่จะหันมาคุยกับผมอย่างจริงจัง

     

                เจลโล่ชอบคนที่แก่กว่า แล้วก็อบอุ่น มีความเป็นผู้ใหญ่ สามารถดูแลเค้าได้

                นั่นจะเอาไปเป็นแฟนหรือผู้ปกครอง

                ก็ดูนิสัยมันสิ

     

                จงออบพูดแค่นั้น เขาหันไปหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อเข้าปากต่ออีกชิ้น จนน่าสงสัยว่า ไอ้อาการเล่นตัวว่าไม่อยากมาในตอนแรกน่ะมันหายไปไหนหมด ผมว่าผมเป็นคนกินเยอะแบบแดกล้างแดกผลาญแล้วนะ ไอ้เด็กนี้โหดพอๆกับผมเลยให้ตายสิ =A=;;

               

                อะไรวะ เป็นคนชวนมาแต่ไม่เห็นกินอะไรเลย

                คงเห็นว่าผมเอาแต่นั่งถือตะเกียบไม่ยอมกินอะไรสักทีเลยเอ่ยถามขึ้นมาแบบนั้น

                กำลังคิดอยู่ว่าจะตอบกลับไปยังไง จงออบก็ยื่นตะเกียบคีบขึ้นหมูสามชั้นย่างมาจนแทบจะชนหน้า พร้อมรอยยิ้มกว้างจนตาปิด

     

                ลืมไปว่าเจ็บมือ กินไม่ได้

     

                เห็นแล้วแทบไม่รู้เลยว่าควรจะโฟกัสอะไรมากกว่ากันระหว่างชิ้นหมูสามชั้นย่างกลิ่นหอมฉุย กับรอยยิ้มแสนจริงใจที่ตั้งแต่อยู่ควังฮวามุนมา ผมเป็นแค่ไม่กี่คนที่ไม่เคยได้จากคนๆนี้

     

                ผมว่าผมขอมองหมูสามชั้นยังดีกว่า เพราะรอยยิ้มนั้นทำผม

                ใจเต้นแรง...

     

                

     






     
    เจ๊าะแจ๊ะ , }
    - อัพ100%แล้วนะคะ อิอิอิอิอิอิอิอิอิอิ
    จัดแด้ออบให้ล้วนๆเลย หวังว่าแม่ยกจะถูกใจ
    ขอบอกเลยว่าตอนนี้วางพล็อตไปจนใกล้จะจบแล้ว
    แต่ยังแต่งได้แค่นี้เอาค่ะ แย่จริง! TT_______TT
    ยังไงก็ขอบคุณที่ติดตามนอร์ตี้นะคะ เจอกันตอนหน้า
    พร้อมบังโล่เด้อ ~ ♥♥♥♥

    สุดท้ายนี้ หมูสามชั้นย่างน่ากินจังเลยโน๊ะ =.,,,=


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×