คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : But heres my number so call me, maybe ?
But here’s my number so call me, maybe ?
“แถวเราคนมันดูเกินๆนะ”
“เออว่ะ เบียดๆกันยังไงก็ไม่รู้”
โฮวอนไล่สายตาจากตัวเอง มองไปยังเพื่อนหน้าประถมใจใหญ่ที่ย้ายมานั่งข้างๆ ...เลยไปอีกคือคิมมยองซูนักเรียนแลกเปลี่ยนจากยองกวังที่ไม่ว่าจะไปปรากฏกายที่ไหนก็มีจะมีซาวแทร็คเป็นเสียงกรี๊ดและเสียงซัตเตอร์จากกล้องมือถือดังตามมาด้วยตลอดเวลา
พนันได้เลยว่าเพียงใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมง สาวๆทุกคนในโรงเรียนซกโพก็กลายเป็นหนึ่งในฮาเร็มส่วนตัวของผู้ชายชื่อคิมมยองซูไปซะแล้ว
“แอลคิม นายมันส่วนเกิน ไอ้ติ่งแถว ย้ายก้นไปนั่งที่อื่นเดี๋ยวนี้นะ!”
โฮวอนยกมือขึ้นอุดหูอย่างรู้งานเมื่อซองยอลตะโกนเสียงแหลมใส่คนหน้าหล่อที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน แต่ที่แน่ๆ ทันทีที่ซองยอลพามยองซูมาแนะนำให้เพื่อนๆได้รู้จัก และบอกว่าเป็นสมาชิกใหม่ของห้อง ยัยชะนีดอกไม้สดทั้งหลายก็แทบจะรบรากันเพื่อจะแย่งชิงมยองซูไปนั่งข้างๆ
ในเมื่อมีตัวเลือกให้มากมายขนาดนั้น ทำไมไอ้หน้าหล่อนั่นต้องดันทุรังเอาโต๊ะมาต่อให้แถวมันเกินขวางทางเดินขนาดนี้ด้วย ?
“พี่ต้องดูแลผม ผมมานั่งข้างๆพี่ก็ถูกแล้วนี่”
“นายไปนั่งที่ว่างๆตรงนั้นเซ่”
“แล้วทำไมผมจะนั่งกับพี่ไม่ได้”
“ก็ฉันไม่อยากอ่ะ”
“แล้วทำไมพี่ต้องอยากนั่งกับ...” มยองซูชะโงกหน้าข้ามซองยอลมา ขณะใช้สายตาน่าขนลุกจ้องเขม็งมายังชายหน้าเข้ม คิ้วดกเหมือนชินจัง หุ่นบึกบึนทึนทึก แต่ดันเกิดมาเตี้ยไปหน่อย
“ทำมะ โฮย่าก็เพื่อนสนิทฉันอ่ะ”
หู๊ยยย กูไม่เคยอยากสนิทกับมึงเลยนะซองยอล =_=;
“เออๆ ฉันไปเองก็ได้ เชิญพวกนายตามสบาย” ด้วยความรำคาญที่อัดแน่นอยู่ในใจ แต่ไม่กล้าพูดออกไป ทำให้เขาตัดสินใจลุกขึ้นพร้อมหยิบกระเป๋าเป้เดินไปยังที่ว่างเกือบหน้าสุดของห้องที่เคยเป็นที่ของอูฮยอน แล้วนั่งลงตรงนั้นแทน พร้อมๆกับที่อาจารย์ประจำชั้นเดินเข้ามาพอดี
“วันนี้เราเริ่มวิชาแรกด้วยประวัติศาสตร์ ทุกคนหยิบหนังสือเรียนขึ้นมาเตรียมตัวให้พร้อม... แล้วก็ห้องนี้มีนักเรียนแลกเปลี่ยนมาอยู่ด้วย ช่วยให้คำแนะนำแก่เพื่อนใหม่ด้วยนะจ๊ะ ขอให้โชคดีตลอดปีการศึกษานะเด็กๆ”
หลังจากบรรยายถึงชั่วโมงเรียนอันน่าเบื่อที่กำลังจะเริ่มแบบนอนสต๊อป และฝากฝั่งนักเรียนใหม่ให้แก่เพื่อนๆเรียบร้อย อาจารย์สาวสวยก็เดินออกไปพร้อมใบหน้าของนักเรียนชายที่แทบจะลอยตามไปได้อยู่แล้ว
“อู้วววว อาจารย์ฮโยซอง สวยเอ็กซ์เซ็กซ์เว่อร์ นี่สิถึงเรียกว่าแรงบันดาลใจ”
“ลามกกันจริงๆเลยพวกนายเนี่ย เช็ดน้ำลายหน่อยนะย๊ะ”
“แหม่ ยัยพวกดอกไม้ป่า สายตาพวกหล่อนก็แทบจะเขมือบแอลคิมได้หมดทั้งตัวแล้วเหมือนกันนั่นแหละ มองซะตาเยิ้มขนาดนั้น”
เสียงหัวเราะจากนักเรียนชายดังไปทั่วห้อง มันก็จริงอย่างที่ว่า สายตาของหนุ่มๆที่มองตามกระโปรงสั้นจู๋ของอาจารย์ฮโยซองไป ยังเทียบกับสายตาของสาวๆที่หันมามองเด็กแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนดังกันเป็นตาเดียว แถมคนที่ถูกจ้องก็เอาแต่ทำหน้านิ่งๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้อย่างน่าอัศจรรย์
“นี่คุณแอลครับ จะนั่งเก๊กอีกนานมั๊ยครับเนี่ย ?”
“ผมบอกให้เรียกผมมยองซูไง”
“ทำไมแอลถึงให้ไอ้เหงือกเรียกชื่อจริงได้ล่ะ พวกเราก็อยากเรียกแอลว่ามยองซูเหมือนกันนะ”
สาระแนกันจริงๆนะพวกเธอเนี่ย =___=* แล้วใครคือไอ้เหงือกวะห้ะ เค้าเรียกรอยยิ้มจริงใจเว้ย แหมมมม ไม่ใช่ไอ้มยองแอลของพวกหล่อนนี้ แค่หมอนั่นยกมุมปากขึ้นนิดหน่อยก็แหกปากกรี๊ดกันลั่นทุ่งแล้ว
“ก็ผมชอบให้คนที่ผมช...”
มยองซูยังพูดไม่ทันจบ มือขวาก็ตะครุบปากได้รูปไว้เต็มมือ ยิ่งสร้างความสงสัยกระหายใคร่รู้ให้แก่สาวๆเป็นยิ่งนัก ชอบให้คนที่ผมช... ไอ้ ‘ช’ ที่ว่ามันควรจะเป็นคำว่าอะไรกันแน่ แล้วทำไมนายเหงือกซองยอลต้องปกปิดขนาดนั้นด้วย ??
“นักเรียนทุกคนนั่งที่ได้แล้วววว~”
บรรยากาศชวนอึดอัดใจถูกทำลายลงด้วยเสียงคึกครื้นของอาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์ ที่คาดว่าแกน่าจะจบสาขาสอนเด็กอนุบาลมาก่อน เลยออกมาสติไม่ค่อยเต็มเต็ง แอ๊บแบ๊วเกินทน และไม่เหมาะกับเนื้อหาหนักๆของวิชาประวัติศาสตร์เอาซะเลย
“ทุกคนพร้อมจะเรียนกันรึยังจ๊ะ”
“ยังเลยครับ/ค่า”
“ครูก็ยังไม่พร้อม งั้นเอาเกรดศูนย์ไปเลยแล้วกันนะ เย้ ! \^O^/”
“ไม่เอาน๊าครูยังโย ~ TOT”
วิชาประวัติศาสตร์ จะเรียกว่าเป็นวิชาที่เด็กๆเฝ้ารอจะเรียนกันที่สุดในการใช้ชีวิตม.ปลายเลยก็ว่าได้ ด้วยท่าทางประหลาดๆเหมือนเด็กน้อย และคำพูดคำจาที่ไม่ค่อยถือตัวสักเท่าไหร่ แถมยังชอบออกทะเลอยู่บ่อยๆ ทำให้เวลาหนึ่งชั่วโมงครึ่งสำหรับวิชานี้จบเร็วนักในความคิดของหลายๆคน ...น่าเรียนสุดๆเลยใช่มั๊ยล่ะ ถ้าไม่นับการบ้านที่สั่งทีเดียวเหมือนให้เวลาทำทั้งเทอมน่ะนะ
“นั่นนักเรียนแลกเปลี่ยนของยองกวังใช่มั๊ย ยินดีที่ได้รู้จักนะคิมมยองซู”
“ครับ^^”
“เอ่อ...เพื่อนข้างๆช่วยให้เค้าดูหนังสือด้วยนะ เดี๋ยวครูจะเอาหนังสือเรียนมาให้ให้ทีหลัง ทีนี้เรียนกันต่อดีกว่า เปิดไปหน้าห้าสิบเก้า...”
พรึบ !
จู่ๆ หนังสือประวัติศาสตร์หลายสิบเล่มก็ถูกยื่นมาให้เป้าหมายอย่างรวดเร็วปานลูกธนู มยองซูทำหน้าเลิกลักเมื่อเจ้าของหนังสือพวกนั้น มีสายตาเป็นรูปหัวใจวิ้งๆประกายสีชมพูบานเย็นกันแทบทุกคน
มยองซูไม่ได้ปฏิเสธหนังสือจากสาวๆเลยสักเล่ม เขาแค่ดึงหนังสือจากโต๊ะข้างๆมาหน้าตาเฉย ทำเอาเจ้าของหนังสืออย่างลีซองยอลต้องหันไปโวยวาย
“ไอ้หน้าด้านนั่นหนังสือฉันนะ”
ครืด !
พอด่าจบ เก้าอี้ที่ตัวเองนั่งอยู่ก็โดนแรงจากคนที่ขโมยหนังสือไปดึงเข้าหาอย่างหน้าตาเฉย จนตอนนี้เหมือนกันว่าเขาต้องเป็นฝ่ายมาขอยืมหนังสือนี้มากกว่า ท่าทางแบบนั้นทำเอาสาวๆหลายคนบ่นอุบด้วยความเสียดาย และส่งสายตาสาปแช่งไปทางซองยอลอย่างพร้อมเพรียง
จะให้ทำยังไงได้ล่ะ ฉันก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกันนะยัยชะนี
“นายกำลังจะฆ่าฉันคิมมยองซู...” ซองยอลกระซิบ ก่อนจะหยิบแว่นตามาสวม และทำท่าให้เป็นปกติที่สุดอย่างที่มยองซูกำลังทำอยู่ แต่ทำไมมันยากนักนะเวลาอยู่ใกล้ๆไอ้หมอนี่อ่ะ
“พี่ใส่แว่นด้วยหรอ”
“ก็ฉันสายตาไม่ค่อยดี มองอะไรใกล้ๆไม่ค่อยชัด”
“แล้วตอนอยู่กับผมทำไมพี่ไม่ใส่ล่ะ”
“ฉันไม่อยากมองหน้านายชัดๆไง”
“ชิ”
คนหน้าหล่อเบ้ปากก่อนดึงหนังสือไปทางอื่น พร้อมยกแขนขึ้นมาเค้าคาง บดบังรัศมีการดูหนังสือของคนข้างๆไปซะหมด ท่าทางแบบนั้นซองยอลไม่เคยโดนผู้ชายคนไหนมาทำใส่หรอกนะ แต่ถ้าให้เดา นายโรมิโอนี่กำลังงอนชัวร์ !
ทำตัวแอ๊บแบ๊วก็น่ารักดี...แต่น้อยกว่าฉันอ่ะ เสียใจด้วยนายแอลมยองซูลูกไม้นี้ใช่กับซองยอลสุดหล่อไม่ได้
*****
YONGKWANG_________
เวลาพักเที่ยงที่โรงเรียนชายล้วนยองกวังดูน่าหวาดกลัวไปนิดในความคิดของนัมอูฮยอน ...เอ่อ จริงๆก็ไม่นิดเท่าไหร่หรอก
ที่นี่ไม่เหมือนซกโพ ที่ปกติจะมีเสียงวี๊ดว๊ายกระตู้ฮู้ของหญิงสาว แต่เพราะเป็นโรงเรียนชายล้วน จึงไม่มีเสียงเหล่านั้นมาเสียงแทงรูหูจะมีก็แต่...
“ว๊ายยยยยยยยยย คิมซองกยู~~”
เสียงแหบพร่าของกระเทยสักคนที่แฝงกายอยู่ท่ามกลางเด็กนักเรียนดูดีมาชาติตระกูลพวกนี้ ...แล้วมันเรื่องอะไร ทำไมต้องไปส่งเสียงกรีดร้องให้ผู้ชายหน้าเป๊ะยิ้ม ตาเป็นขีดเส้นตรงที่เดินมาพร้อมลูกกระจ๊อกเกือบยี่สิบ เหมือนจะยกพวกไปตีใครที่ไหนแบบนั้นด้วย
อูฮยอนวางถาดอาหารลงบนโต๊ะที่ดูจะว่างที่สุดแล้วในโรงอาหาร มันเป็นโต๊ะริมหน้าต่างที่มองออกไปก็เจอทะเลสาบและทุ่งหญ้าอย่างกับเอาไว้ถ่ายเอ็มวี แถมยังมีลมเย็นๆพัดให้ผมพริ้วๆ ข้างหน้าต่างก็มีดอกคาเมเลียกำลังโยกน้อยๆไปตามลม
ก็แปลกใจอยู่นิดๆว่าทำไมที่มุมดีขนาดนี้ ไม่มีคนมานั่งเลยสักคน แถมเวลามานั่งยังมีคนมองยิ่งกว่าเขาเป็นตัวประหลาดเสียอีก ...อะไรวะ เคยเป็นนัมสตาร์กินข้าวรึไง =_=;
“นี่ นายจะนั่งตรงนี้จริงๆหรอ พวกเรานั่งด้วยสิ” อยู่ๆพวกเนิร์ดแว่นกลมทั้งหลายก็โผล่มาจากไหนนักหนาไม่รู้ อูฮยอนพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต ทั้งๆที่ไม่ได้เข้าใจเลยว่า เด็กยองกวังแท้ๆอย่างพวกนั้น ทำไมต้องมาขอนั่งด้วย ?
“เห้ย ไอ้หน้าจืด ไม่รู้รึไงว่านี่มันที่ใคร....”
ข้อสงสัยทั้งหมดเกี่ยวกับที่นั่งโล่งๆและสายตาแปลกๆจากเด็กคนอื่น ถูกตอบด้วยจานข้าวที่ถูกวางกึ่งกระแทกลงบนโต๊ะ พร้อมกับเงาของชายร่างปรวดเปรียวที่วิ่งไล่เขามาตลอดเช้านี้ เพียงแค่ใช้สายตาเรียวเล็กมอง พวกแว่นหนาเตอะเทอะทะก็ลุกพรวด ก่อนที่จะได้หย่อนก้นถึงเก้าอี้ซะอีก
“นี่มันที่นั่งพิเศษของพี่ซองกยูเลยนะเว้ยย”
อูฮยอนเหลือบตาขึ้นมองเสียงแปร่งๆที่มักจะต่อท้ายประโยคของลูกพี่มันเสมอ ไม่เข้าใจว่าไอ้หน้ากระด้งนี่มันปล่อยให้ลูกพี่ซองกยูของมันพูดจนจบประโยคเลยทีเดียวไม่ได้รึไง หรือว่าไอ้ผู้ชายใจมารคนนั้นมันพูดจนจบประโยคไม่เป็น
แล้วแบบนี้ จะอยู่ให้เป็นเหยื่อทำไมล่ะเนอะ…คิดแล้วก็ยันตัวลุกขึ้นโดยไม่พูดอะไร แต่เสียงของชายคนนั้นกลับหยุดไว้ซะก่อน
“นั่งอยู่ตรงนี้แหละ!”
อะไรของมันวะ กูว่าหน้ากูจืดกว่าไอ้แว่นพวกนั้นอีกนะ =__=;
ฝ่ายผู้มาเยือนจากซกโพค่อยๆไล่สายตาขึ้นมองชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามช้าๆ คิมซองกยูยังคงอยู่ในชุดนักเรียน แต่เสื้อคลุมตัวนอกถูกถอดออกแล้วสวมคลุมไว้บนบ่าเฉยๆ ตราสัญลักษณ์รูปดอกคาเมเลียสีทองกำลังส่องแสงวิบวับแข่งกับต่างหูของเขา ที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะถูกกฎระเบียบ ไล่ขึ้นมาอีกหน่อยก็เจอผมทรงช่อๆตะกุยๆ ถ้าเป็นซกโพคนเฒ่าคนแก่คงบอกว่าไอ้หนุ่มนี่ไปฟัดกับหมาที่ไนหมารึเปล่า แต่ก็นะ พอมันอยู่รวมกับหน้าของเด็กยองกวัง อะไรๆมันก็ดูดีจริงๆ
โดยรวมก็โอเคอ่ะนะ หน้าตาดี การศึกษาดี แต่นิสัยนี่แบบ....
“สวัสดีตอนเที่ยง เมื่อเช้าฉันแทบไม่ได้แนะนำตัวเลย ฉันคิมซองกยู ปี 3”
“ห้ะ ป.3หรอ มิน่าาา ทำไมถึงทำอะไรเหมือนเด็กนัก” นัมอูฮยอนทำเสียงล้อเลียนก่อนจะคีบกิมจิเข้าปาก ทำเป็นไม่ได้สนใจหรือเกรงกลัวคนตรงหน้าสักนิด
เห็นท่าแบบนั้นแล้วที่นั่งอยู่โต๊ะข้างๆถึงกับต้องหันมามอง ในประวัติศาสตร์ยังไม่เคยมีใครคิดท้าทายพี่ซองกยูขนาดนี้มาก่อนเลยสักคน เด็กซกโพคนนี้ เห็นหน้าหงิ๋มๆมันไม่ธรรมดาจริงๆ
“โอ้ น่ารักแบบนี้ เอาตีนพี่ไปกินมั๊ยน้อง” ซองกยูว่า ก่อนยกขาขึ้นมานั่งไขว่ห้าง คงจะไขว่สูงไปหน่อย แข้งขานั้นแทบจะเอาขึ้นมาพาดโต๊ะได้อยู่แล้ว
“แหม เกรงใจ๊เกรงใจ ^O^;” คนตัวเล็กส่งยิ้มแหย ก่อนจะลุกจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว แต่ยังไม่เร็วพอ เมื่อใหญ่คว้าหมับเข้ามาข้อมือก่อนบีบแรงๆ แล้วดึงให้คนที่พึ่งลุกนั่งลงอีกครั้ง พร้อมส่งสายตาไปจ้อง
เฮือก คนบ้าอะไรวะ ตาตี่จนแทบจะลืมไม่ขึ้นอยู่แล้ว ทำไมถึงโฉบเฉียวนัก พี่แกกรีดอายไลน์เนอร์มาโรงเรียนทุกวันรึไง รอร้องเหอะ ขากูสั่นหมดแล้วเนี่ย ไอ้ปากเวรนี่ก็ชอบแส่หาเรื่องจริงๆเว้ย !
“จะไปไหน”
“ครบสามวิแล้ว ผมจะอยู่ทำไมละ”
“นายสัมผัสได้ถึงอำนาจของฉันแล้วใช่มั้ยล่ะ”
“เออ ไร้สาระดีนะ ชอบๆ”
“=___=*”
รู้สึกได้ว่าเส้นเลือดที่ขมับของซองกยูกำลังเต้นตุบๆ แถมคิ้วก็ขมวดยุ่งขนาดนั้น บอกได้เลยว่ามันไม่ใช่ลางดีแน่ๆ แล้วกูจะเอาตัวรอดได้อย่างไง ถ้ามีมืออย่างกับคนเหล็กจับไว้ขนาดนี้ ไม่ไหวแล้ว ยอมแพ้ นามูขอยอมแพ้ TTOTT
“คนอื่น ฉันให้เวลาแค่สามวิ...” อยู่ๆ มือที่จับแขนก็เลื่อนขึ้นจับคางมนให้หันมาจ้องตา ด้วยอะไรบางอย่างที่ไม่สามารถพูดออกมาเป็นคำพูดได้ หัวใจดวงน้อยๆของอูฮยอนเต้นผิดจังหวะไปนิด และดูท่าทางจะกลับเข้าจังหวะเดิมไม่ได้อีกเลย ตราบใดที่ยังถูกบังคับให้นั่งมองไอ้เส้นขีดสองเส้นที่ประดับอยู่บนใบหน้าเรียวของรุ่นพี่ชื่อคิมซองกยูคนนี้
“….สำหรับนาย ฉันให้วันละสามเวลาเลยเป็นไง”
“ม ไม่เอาอ่ะ ผมขอสามวิแบบเดิมดีกว่า”
“ไม่ได้ ฉันเป็นพูดคำไหนคำนั้น”
“ห้ะ อะไรนะ” อูฮยอนยกนิ้วขึ้นแคะขี้หูขณะถามทวนถึงวลีเมื่อครู่ เขาไม่ได้ตั้งใจทำท่าทางให้มันดูกวนประสาทซองกยูแบบนี้หรอกนะ แต่ให้ทำไงได้ก็มันได้ยินไม่ค่อยชัดนี่
“แปลให้คนอย่างนายเข้าใจง่ายๆคือ ไม่ว่าฉันจะพูดคำๆไหนออกมา ไม่มีใครขัดคำๆนั้นของฉันได้ ชัดยัง!”
ผู้นำจอมเผด็จการของยองกวังประกาศเสียงแข็ง มือหนาละจากไปหน้าอูฮยอนแต่เลื่อนไปกระชากคอเสื้อขึ้นมาจนถึงคาง มื้อกลางวันที่พึ่งกินไปนี่แทบจะทะลักออกมาอยู่รอมร่อแล้ว
อะโห ชัดเจน ชัดเป๊ะ เต็มสองรูหูนัมอูคนนี้เลยล่ะ TT____TT ~
“เออใช่” ซองกยูปล่อยมือออกจากคอเสื้อร่างบาง เขาเอื้อมมือไปหยิบปากกาและกระดาษแผ่นเล็กมาจากกระเป๋าเสื้อ ...มันคงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอก ถ้าสิ่งของในมือนั้น เขาไม่ได้หยิบมันออกมาจากกระเป๋าเสื้อของอูฮยอน
“โห ยื่นมาซะใกล้ ทำไมไม่ล้วงเข้าไปลูบไล้เลยล่ะ”
“ฉันไม่เอามือฉันไปสัมผัสผิวกายหยาบกร้านของนายหรอกนะ…” ซองกยูโต้กลับขณะที่กำลังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรบางอย่างบนกระดาษแผ่นนั้น โดยมีฉากหลังเป็นพวกลูกน้องที่พยายามชะเง้อหน้ามองอย่างกระหายใครรู้
“...อะ เอาไป ถ้าเป็นไปได้อย่าโทรมาหลังสามทุ่ม” ประโยคแปลกๆที่แถมมากลับกระดาษแผ่นนั้นทำเอาร่างบางต้องก้มหน้าลงมอง ตัวเลขสิบเอ็ดหลักเรียงรายอยู่บนกระดาษสี่เหลี่ยม ไม่ต้องบอกอะไรให้มากความก็พอจะรู้ว่ามันเป็นเบอร์โทรศัพท์
‘หูยยย ไอ้หน้าจืดนี่มันมีดีอะไรวะ พี่ซองกยูแม่งให้เบอร์เลยนะเว้ยย’
เสียงฮือฮาของลูกน้องทั้งหลายดังขึ้น เข้าใจนะว่าพวกเขาก็พยายามกระซิบกระซาบกันเต็มแล้ว แต่ตัวโตกะบังลมใหญ่กันขนาดนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกที่จะพูดอะไรเบาๆ ยิ่งลองมีคนแบบนั้นอยู่สักยี่สิบคนรวมกัน ไอ้เรื่องพี่ซองกยูให้เบอร์เด็กบ้านนอกจึงกระจายไปทั่วโรงอาหารของยองกวังอย่างรวดเร็ว
เชี่ยยยยย แล้วกูจะเอาหัวไปมุดไว้ที่ไหนได้วะเนี่ย !
อูฮยอนเงยหน้าขึ้นอย่างต้องการคำอธิบายจากคนตรงหน้า
“บอกไว้ก่อนว่าฉันไม่เคยให้เบอร์ใครง่ายๆ...” ร่างสูงตอบก่อนก้มหน้าลงจัดการกับมื้อเที่ยงของตนที่วางอยู่นานพอควรแล้ว แต่เพราะรู้สึกได้ว่ายังมีใครจ้องอยู่ จึงเงยหน้าขึ้นมาพูดต่อ
“ฉันเห็นว่านายพึ่งมาจากซกโพ เลยอาจจะยังไม่รู้อะไรหลายๆอย่าง มีปัญญาอะไรก็โทรมาเบอร์นั้นได้ แต่อย่าคิดว่าฉันจะยอมช่วยนายง่ายๆ ตราบใดที่นายยังไม่มีลูกน้องฉัน ...ถึงพี่จะหล่อ แต่พี่เลวมากนะน้อง”
พูดบ้าอะไร ฟังไม่เห็นเข้าใจเลย =_=;
นั่นคือความคิดแรกที่อูฮยอนนึกได้เมื่อฟังประโยคยาวเหยียดนั้นจบ แต่ไม่ใช่เรื่องดีแน่ที่จะตอบกลับแบบนั้น ขืนพูดขึ้นมา ชีวิตนัมสตาร์อาจจบลงตรงนี้เลยก็ได้นะ
“ซึ้งจังเลย เป็นบุญของผมแท้ๆ”
“ก็ใช่นะเซ่ ฉันเป็นคนที่ต้องดูแลนักเรียนทุกคนในยองกวังเลยนะ เกิดนายเดินทำหน้าบ้านนอกๆร่อนไปทั่วโรงเรียนแล้วไปสะกิดต่อมใครเข้าโดนกระทืบตายขึ้นมาฉันก็แย่ล่ะสิ นายไม่รู้หรอกว่าพื้นหินอ่อนในอาคารเรียนราคาตารางนิ้วละเท่าไหร่ ไม่ได้ทำความสะอาดง่ายๆนะ”
“อ่อ ครับ เยี่ยมเลยครับ”
โถ๊ ~ นัมขอบอกตรงๆเลยนะ ตั้งแต่เดินเข้ารั้วโรงเรียนมาก็ไม่มีใครเข้าอยากวิ่งมาไล่ฆ่านัมนอกจากผู้ชายหน้าหล่อเลวชื่อคิมซองกยูแล้วแหละ ก่อนจะไปพาลถึงเรื่องคนอื่นอ่ะ หัดดูสันดานตัวเองซะมั่งเหอะแปะ =____=;
เอาเป็นว่าหลีดนัม ซัดกันไปอีก1ยก อ่านคอมเม้นมา ทุกคนต่างบอกว่า
คาแรคเตอร์ขัดจบแปะมากนะ ! 55555555555555 อ้าวแหม คนเป็นหลีดเดอร์นะ
ก็ต้องมีมุมน่าเกรงขามกันบ้าง (จริงดิ่=A=;;) ขอบคุณที่ติมตามอัลฟากันนะคะ
แล้วเจอกันใหม่น้า ~ ♥
พ่อคุณเอ๊ยย ใส่เสื้อผ้าสีลูกทุ่งขนาดนี้ยังหล่อ =///=
ความคิดเห็น