คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Hey! I just met you, and this is crazy .
“แล้วครูใหญ่เรียกผมมา มีอะไรรึเปล่าครับ”
“อ่อ พอดีมยองซูเค้าบอกมา ว่าได้ให้เธอช่วยดูแลเค้าตลอดปีการศึกษานี้น่ะ”
“ห้ะ” ได้ยินแบบนั้น ใบหน้าหวานหันขวับไปมองคนต้นเรื่องโดยอัตโนมัติ ตาที่โตอยู่แล้วเบิกกว้างกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ไม่อยากจะเชื่อหูตัวเองจริงๆว่าไอ้เด็กนั่นมันจะรีเควสให้เขามาดูแลมันน่ะ ...ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกันมาก่อนเลยเนี่ยนะ แล้วมันไปเอาชื่อเขามาจากไหนเนี่ย
“ตลกล่ะ”
“หืม?”
“คือ...ผมว่าผมทำไม่ได้หรอกครับ ชีวิตผมยังเอาตัวเองแทบไม่รอดเลยเนี่ย ครูใหญ่ก็รู้”
“ว่าไงละมยองซู ครูก็ไม่ไว้ใจซองยอลเท่าไหร่เหมือนกัน แถมโรงเรียนเราก็มีนักเรียนดีๆอีกตั้งเยอะนะ”
ได้ยินแบบนั้นครูใหญ่ก็อดหนักใจขึ้นมาไม่ได้ จริงอย่างที่เจ้าตัวว่านั่นแหละไอ้เรื่องที่เอาชีวิตตัวเองแทบไม่รอด ใครๆก็รู้ว่าในโรงเรียนเอกชนซกโพ ลียองซอลไม่ใช่เด็กธรรมดาๆมาแต่ไหนแต่ไร ด้วยพฤติกรรมสุดห้าวหาญขัดกับใบหน้าหวานนั่นซะเหลือเกิน
“จริงๆแล้วผมว่าการที่จะหาใครสักคนมาดูแลผม ควรเลือกคนที่ไม่ได้โดดเด่นแบบนี้แหละครับดีแล้ว เพราะถ้าเลือกคนเด่นๆมา ภาพลักษณ์ของเราสองคนอาจจะพลอยเสียไปด้วย ส่วนถ้าเลือกพวกเนิร์ดๆมา นักเรียนหญิงซกโพต้องรุมทึ้งหมอนั่นตายแน่ๆ...”
เห้ย มันคิดได้ไงเนี่ย =[]=!
คนตัวขาวส่งเสียงร้องในใจพลางอ้าปากค้างกับเหตุผลของเจ้าชายกรุงโซลคนนั้น ตั้งแต่เกิดมาเขายังไม่เคยได้ยินอะไรที่ฟังดูตอแหลและกะล่อน แต่มีเหตุผลในเวลาเดียวกันมากขนาดนี้มาก่อนเลยนะเนี่ย โรงเรียนยองกวังเทรนเด็กมาดีจริงๆพับผ่า !
“ผมคิดว่าเป็นการดีกว่านะครับ ถ้าเราจะเลือกคนหน้าบ้านๆที่มีนิสัยถึกๆแบบลีซองยอลมาดูแลผม”
“โอ้ววววว เยี่ยมยอดที่สุด ครูไม่เคยได้ยินอะไรที่มีเหตุผลลึกซึ้งขนาดนี้มาก่อน สมแล้วที่เธอคือเด็กที่ยองกวังส่งมาให้กับเรา !!” ครูใหญ่ลุกพรวดขึ้นมาปรบมือแปะๆทันทีที่ได้ฟังจนจบ ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วร้อยยิ้มแย้มอย่างยินดีประหนึ่งได้รับฟังการกล่าวสุนทรพจน์จากนักเรียนดีเด่น แถมยังส่งสายตามาให้ซองยอลยกมือขึ้นปรบมือตามไปด้วยอีกต่างหาก
เออ เยี่ยมยอดเลยคิมมยองซู ประเสริฐที่สุดในปฐพี ! =_=;
“เอ้า ยืนหน้านิ่งอยู่ทำไมลีซองยอล ได้เวลาเข้าเรียนแล้ว พามยองซูไปด้วยนะ ฝากดูแลเขาด้วยล่ะ”
“แต่ครูใหญ่ครับ ผมบอกไปแล้วไงว่าผมดูแลเค้าไม่ได้หรอก”
“งั้นเอางี้ ค่าเสียหายอุปกรณ์การเรียนนานาชนิดที่เธอชอบไปทำลาย ไม่ว่าจะด้วยความตั้งใจหรือเฟอะฟะของเธอ โรงเรียนจะยอมยกหนี้ให้ทั้งหมดโดยที่เรื่องจะไม่ถึงหูผู้ปกครองเลย”
ข้อเสนอนั่นทำดวงตาใสแจ๋วลุกวาว ...ค่าหลอดทดลองที่ทำแตกเทอมละครึ่งโหล ค่าหน้าต่างแตกกระจายเวลาโดนลูกบอลอัด ค่าทำขวัญครูประจำชั้นที่เขาชอบทำแปลงลบกระดานหล่นใส่หัวบ่อยๆ ... ว้าวววววว ถ้าไม่ต้องจ่ายหมดนั้นก็สบายล่ะสิ แถมไม่ต้องฟังที่บ้านบ่นหูชาเหมือนปีก่อนๆด้วย *0*
“โอเคครับครูใหญ่ ผมจะดูแลและคอยให้ความช่วยเหลือคิมมยองซูดีสุดชีวิตเลย !”
.
.
ซองยอลเดินนำหน้านักเรียนแลกเปลี่ยนจากยองกวังออกมาจากห้องครูใหญ่ ขณะที่ใบหน้าของมยองซูก็ยังคงขมวดคิ้วเหมือนเดิม เข้าแค่ยังนึกไม่ออกว่าจะรับมือกับสถานการณ์ประหลาดแบบนี้ยังไง ที่อยู่ๆรักแรกของเขากลายเป็นผู้ชายขึ้นมา
“เธอคือซองยอลเมื่อสิบปีที่แล้วนั่นจริงๆน่ะหรอ”
ชายหนุ่มบ่นกับตัวเองเบาๆ แต่นั่นก็ดังไปเข้าหูคนตัวสูงที่เดินอยู่ข้างๆพอดี
“ขอโทษนะนายแอล ฉันเป็นผู้ชายอย่ามาเรียกฉันว่าเธอได้มั๊ย มันจั๊กกะเดียมยังไงรู้ … ไหน เอาใบประวัตินายมาดิ๊ จะได้ไปส่งให้ถูกห้องเรียน”
“เรียกผมมยองซู” ร่างหนาชักมือกลับไปเสียตื้อๆ ดูท่าทางจะไม่ยอมให้กระดาษแผ่นนั้นแก่อีกฝ่ายง่ายๆ
“อะไรของนายกันแน่วะ ตอนแนะนำตัวก็บอกให้เรียกแอล ตอนนี้ให้เรียกมยองซู”
“ผมชอบให้คนที่ผมชอบ เรียกชื่อจริงผมมากกว่า”
“โว๊ะะะะ หน้าฉันไปเหมือนแฟนเก่านายรึไงห้ะมยองแอล เอามานี่เลยมะ”
ว่าแล้วมือขาวก็ดึงกระดาษประทับตราโรงเรียนมาจากมือของคนที่เดินอยู่ข้างๆ
“ที่ยองกวังนายเรียนปีหนึ่ง แต่มาอยู่ที่ซกโพนายได้เรียนปีสองเนี่ยนะ ได้ไงอ่ะ”
“ผมฉลาดพอจะเรียนเนื้อหาแบบเดียวกับพี่แล้วกันน่ะ”
“=___=;” คำตอบที่สวนกลับมาทำเอาเด็กซกโพโดยกำเนิดถึงกับพูดไม่ออก
“พี่แน่ใจนะว่าตอนเด็กๆไม่ได้เป็นผู้หญิงมาก่อน” ขณะที่เดินๆอยู่ มยองซูเอ่ยขึ้นจนคนฟังแทบสะดุดขาตัวเอง คำถามนั้นทำเอาตาโตเหลือกกว้าง ขาเรียวหยุดชะงักก่อนจะหันมาจ้องหน้าหล่อเหลาอย่างจริงจัง
“นายจะบ้าเรอะ ฉันไม่ใช่ไส้เดือนนะจะได้มีสองเพศในร่างเดียว”
“งั้นพี่แปลงเพศหรอ!”
“ไอ้ทุเรศศศศ ฉันมีไอ้นั่นติดตัวมาแต่เกิดแล้วเว้ย นี่นายฉลาดจริงๆรึเปล่าเนี่ย เด็กห้าขวบมันยังรู้จัดแยกเพศตัวเองเลย”
“พี่คิดว่าผมอยากมาที่ซกโพนี่นักรึไงถ้าไม่มีเหตุจริงๆนะ ผมกลับมาตามสัญญาที่ให้ไว้กับเด็กคนหนึ่งเมื่อสิบปีก่อน ...เด็กตัวขาวๆ ตาโตๆ ตัวสูงๆ เป็นลูกเจ้าของฟาร์ม ชื่อซองยอลแบบพี่เปี๊ยบเลย แต่ผมจะได้ว่าเธอเป็นผู้หญิงน่ะสิ่”
สิ่งที่พรั่งพรูออกมาจากเรียวปากได้รูป เรียกสีหน้าแปลกใจให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้าหวานเหมือนผู้หญิงได้ทันที ซองยอลถลึงตามองผู้ชายตรงหน้า ภาพในอดีตเริ่มไหลเวียนเข้ามาในหัวอีกครั้ง แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เขาก็ไม่รู้สึกคุ้นเคยกับคนๆนี้จริงๆนะ...
“นายแน่ใจหรอว่าไม่ได้จำผิดคน ซองยอลที่ซกโพมีตั้งหลายคนนะ”
“พี่คิดว่ามีสักกี่คนล่ะพี่จะให้ตุ๊กตาหมีสีขาวชื่อยอลลี่กับผมไว้น่ะ” มือหนาหยิบตุ๊กตาหมีที่ห้อยอยู่กับกระเป๋าขึ้นมา ทำเอาซองยอลยิ่งตื่นตะลึงเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
“เดี๋ยวนะๆ นายกำลังจะบอกว่า ฉันคือเด็กผู้หญิงเมื่อสิบปีก่อนที่นายพูดถึงงั้นหรอ....”
“พี่ฟังมาตั้งนาน ยังไม่รู้อีกหรอเนี่ยว่าผมพูดเรื่องอะไรอยู่”
“โอ้ยย ฉันต้องทำยังไงนายถึงจะเชื่อฉัน ว่าฉันไม่ใช่เด็กผู้หญิงคนนั้นแน่นอน”
“เธอคนนั้นไม่ใช่แค่เด็กผู้หญิง ลีซองยอลเมื่อสิบปีก่อนนั่นคือรักแรกของผม”
เคยได้ฟังชื่อตัวเองต่อว่าด้วยคำว่ารัก จังหวะของตัวใจเริ่มเต้นรัว จะบอกว่าเป็นเพราะคนหน้าหล่อเหมือนเจ้าชายที่ยืนอยู่ตรงหน้างั้นหรอ ...ไม่ใช่หรอกมั๊ง ที่หมอนี่พูดถึง คือเด็กสาวชื่อซองยอลอะไรของมันเมื่อสิบปีก่อนต่างหาก มันจะใช่ลีซองยอล นักเรียนม.ปลายตัวสูงกว่ามันที่ยืนหน้าจืดอยู่ตรงนี้ได้ยังไงล่ะ
“เสียใจด้วยที่ทำลายความฝันนาย”
“....”
“นี่มันสิบปีมาแล้ว ฉันในอดีตคงจะเหมือนผู้หญิงในสายตานายมากไปหน่อย แต่ตอนนี้ดูฉันสิ...มันมีอะไรที่นายคิดว่าผู้ชายแสนเพอร์เฟ็คอย่างนายจะชอบได้บ้างล่ะห้ะ ไม่มีเลย !!”
มือบางจับใบหน้าหล่อเหลาให้หันมามองตัวเองชัดๆ หวังว่าจะให้มยองซูได้เข้าใจสักที และจะได้เลิกคิดมากอีก แต่ทว่า...คิมมยองซูไม่ใช่พวกหัวอ่อนที่จะยอมเข้าใจอะไรง่ายๆนี่สิ
“ผมไม่เลิกรักคนที่ผมรอมาสิบปีจนไปรักคนอื่นไม่ได้ เพราะเหตุผลแค่นี้หรอก ...ผมใสซื่อบริสุทธิ์แค่ไหนที่รอเจอคนที่ตัวเองรักมาเป็นสิบปีทั้งๆที่หน้าตาดีขนาดนี้ ถ้าผมไม่หลงรักพี่ตั้งแต่แรกเจอ ป่านนี้ผู้หญิงค่อนเกาหลีคงเป็นแฟนผมไปแล้ว”
“เออ ถ้าหน้าอย่างนายมันหาแฟนง่ายนัก นายก็ไปหาแฟนผู้หญิงเซ่!”
“บอกแล้วไงว่าผมทำไม่ได้ ก็พี่ ...โอ้ยย ไม่อยากจะเชื่อ”
“โว้ยยย ฉันก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกันแหละว่าอยู่ๆจะมีผู้ชายมาชอบอ่ะ คิดว่าฉันทำใจได้รึไง”
“ผมต่างหากที่ควรพูดคำนั้นน่ะ !! เป็นพี่จะทำยังไงห้ะถ้าอยู่ๆดันมีแฟนเป็นกระเทย ! แต่ช่างเหอะ ผมเชื่อว่านี่คือเรื่องของพรหมลิขิต ถึงมันจะดูพิลึกไปหน่อย แต่มันก็คือพรหมลิขิต”
“พระเจ้าที่ไหนจะขีดเส้นพรหมลิขิตให้เราสองคนมาเจอกันวะห้ะ เห้ย ใครเป็นกระเทยไม่ทราบ บอกแล้วไงว่าฉันเป็นผู้ชาย !!! ...แล้วขอโทษ นายบอกว่าใครเป็นแฟนนายนะ !”
เสียงโหวกเหวกดังไปทั่วโถงทางเดิน โชคยังเข้าข้างคนทั้งสองที่บริเวณนี้ไม่มีใครอยู่เลย ไม่เช่นนั้นเรื่องของมยองซูกับซองยอล ป่านนี้คงดังไปถึงอำเภอข้างๆแล้ว
”พี่คงจะลืมสัญญาที่เคยให้ไว้กับผมแล้วล่ะสิ”
“ห้ะ สัญญาอะไร”
“พี่บอกเองว่าถ้ากลับมา จะยอมเป็นแฟนผม เราจะแต่งงานกัน”
“ตลก! ตอนแปดขวบฉันจะไปพูดอะไรแบบนั้นได้ยังไงวะ อย่ามาเพ้อเจ้อ! นั่นมันคำสัญญาที่นายเคยบอกกับใครไว้เมื่อชาติภพที่แล้วรึเปล่า บอกแล้วไงว่าฉันไม่ใช่รักแรกของนาย ให้ฉันแก้ผ้าให้ดูเลยมั๊ยล่ะ ฉันก็มีอะไรเหมือนที่นายมีนั่นแหละ !!”
“เอาเลย ผมก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าถ้าเห็นเรือนร่างพี่แล้วมันจะยังรู้สึกอะไรอยู่รึเปล่า !”
มยองซูเชิดหน้าขึ้นตะคอกด้วยเสียงที่ดังกว่าซะอีก ...ยิ่งซองยอลโวยวาย เหมือนยิ่งจะสร้างความลำบากให้ตัวเองมากขึ้น ยิ่งดิ้นรนก็เหมือนยิ่งเข้าทางอีกฝ่าย เอาเป็นว่ายอมๆไปเจอกันครึ่งทางน่าจะดีกว่า
“งั้นฉันให้นายเป็นแฟนคลับฉันก็ได้”
“ไม่เอา...จนกว่าพี่จะแก้ผ้าให้ผมดู”
ไม่อยากจะเชื่อว่านั้นคือคำพูดคำจาของนักเรียนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนจาก อภิมหาโรงเรียนชายล้วนยองกวัง ...หยาบคายสิ้นดี เด็กลูกทุ่งอย่างซองยอลที่ว่าทะลึงตึงตังแล้วยังรู้สึกรับไม่ได้อย่างแรง !
ในช่วงเวลาที่ซองยอลกำลังใช้ความคิด สายตาคมกริบประดุจเหยี่ยวหิวกระหายก็สแกนไปทั่วร่างสูงโปร่งที่ยืนห่างออกไปไม่เท่าไหร่
...ไม่ว่าจะมองยังไง ซองยอลเมื่อสิบปีที่แล้วกับซองยอลในตอนนี้ ก็แทบไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลย ผิวขาวก็ยังขาวเหมือนเดิม แถมดูดีกว่าเมื่อก่อนอีก ดวงตาคู่นั้นก็ยังดูสดใสเหมือนเดิม จะว่าไปใบหน้านี้ดูน่ารักขึ้นกว่าเดิมเยอะด้วยซ้ำ ริมฝีปากสีแดงที่มักจะพูดแต่ประโยคห้าวๆออกมาเสมอ มันน่าจะจับจูบแรงๆสักรอบเหมือนกันนะ …ไม่สิ น่าฟัดไปทั้งตัวเลยมากกว่า
คนอะไรน่าแกล้งชะมัด...
รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าหล่อจนน่าอิจฉา ยิ่งมองนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดูเจ้าเล่ห์เหมือนหมาจิ้งจอกมากขึ้นไปทุกขณะ ทั้งที่ซองยอลสูงกว่าและอายุมากกว่า กับอีแค่เด็กคนนี้ทำไมเขาถึงเอาตัวรอดออกมาไม่ได้ก็ไม่รู้ ซองยอลที่ลื่นยิ่งกว่าปลาไหล กำลังจะโดนขย้ำด้วยน้ำมือเจ้าชายหน้ามนนี่แล้วรึไง !
“ขอบคุณในความหวังดี แต่ฉันยังไม่พร้อมอ่ะ”
ซองยอลว่า ก่อนจะผละออกจากชายคนนั้นแล้วเดินกระแทกเข้านำไปยังห้องเรียน ...ไม่รู้จะชื่นชมในความตั้งใจแน่วแน่ที่มีต่อหัวใจอันบริสุทธิ์เฝ้ารอคนเพียงคนเดียวของมันมาตลอดสิบปี หรือว่าจะกรีดร้องกับวิบากกรรมของตัวเองที่ไม่รู้ไปก่อมาตั้งแต่ชาติไหน ทำไมถึงได้เกาะแน่นอย่างกับเงาตามตัวขนาดนั้น
บอกตรงๆว่าทำใจไม่ได้ อยู่ดีๆมีเด็กนักเรียนแลกเปลี่ยนจากโรงเรียนไฮโซ มาบอกว่าเขาคือคนที่เฝ้ารอมาสิบปี ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชายก็จะเอา ! นี่มันจะไม่ฟังดูบ้าบอคอแตกไปหน่อยรึไงคิมมยองซู TT[]TT
รู้สึกตอนนี้มิงดูขี้โวยวายผิดอิมเมจมากข่าาาาา 555555555
ก็เวลาอยุ่กับยอล เค้าเป็นมยองซูไม่ใช่แอลนี่เนอะ =_=;
สำหรับแม่ยกหลีดนัม ตอนหน้าเจอกัน ,ส่วนย่าดง รอต่อไปที่รัก ♥
ความคิดเห็น