ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    microphone รักร้ายๆของนายประหลาด [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #5 : stage 4 ประหลาดใจ

    • อัปเดตล่าสุด 25 ก.พ. 59


    เสียงเคาะประตูห้องปลุกผมขึ้นมาจากการหลับไหลที่แสนสุข ผมนอนบนที่นอนแข็งๆนี่ได้ยังไง?? ผมผละตัวขึ้นมาเล็กน้อย พบว่านี่ไม่ใช่ที่นอนมันเป็นร่างของไอ้ตัวประหลาดที่นอนอยู่บนเตียงอีกที ผมอยากจะแนบหน้าซบลงบนอกอุ่นๆนี่อีกครั้งเพราะมันช่างแสนอบอุ่นอย่างประหลาด แต่พอเรียบเรียงเหตุการณ์ทุกอย่างได้ในชั่ววูบ ผมก็ต้องลุกลงมาจากเตียงเพราะคงได้เวลาตรวจของพยาบาลแล้ว แล้วก็เป็นอย่างที่คาดการณ์ไว้ ผมลุกเดินไปเปิดประตูให้หลังจากที่ได้ยินเสียงเคาะเป็นครั้งที่สอง ก่อนจะเปิดประตูผมหันกลับไปมองใบหน้าที่ยังหลับไหลอยู่บนเตียงนั้น ร่างกายที่ใช้ต่างเตียงที่ผมนอนบนนั้นทั้งคืน เวลานี้ดูเหมือนเด็กทารกแรกเกิด ปากสีชมพูส้มเพราะผิวของมันค่อนข้างขาว ทำบู้บี้ๆ คล้ายกำลังบ่นว่าอะไรซักอย่าง ปากนี้เองที่ประกบบนริมฝีปากผมเมื่อคืน ตอนนี้ไอ้ทีมันหลับอยู่หรือเปล่านะ ถ้าหลับอยู่มันจะฝันว่าอะไรบ้าง

    "อรุณสวัสดิ์ค่ะ ได้เวลาตรวจแล้วนะคะ"พยาบาลยิ้มอย่างสดใส พลางเดินเข้ามาในห้อง แล้วตรงไปหาไอ้คนไข้นั้นทันที และรูดม่านปิด ไม่นานนักก็รูดม่านออกมา พร้อมกับเข็นรถอุปกรณ์ทั้งหลายออกมา ยิ้มให้ทีนึง แล้วเดินออกจากห้องไป ก่อนจะปิดประตูคืนความเงียบไว้ที่ห้องนี้อีกครั้ง

    "เป็นไงบ้างมึง หลับสบายมั้ย"ผมหันไปถามมัน แบบไม่มองหน้ามันด้วยซ้ำ เพราะพอเห็นสายตาของมัน ภาพเมื่อคืนที่มันหอมแก้มผม และจูบผม (- -") ก็ผุดขึ้นมาหลอกหลอน ทำให้มองหน้ามันไม่ติด

    "ไม่สบาย มีหมามานอนบนตัว หายใจไม่ออก อึดอัด" ไอ้ฟรายยยย มึงดึงกูไปเองแท้ๆ กูจะนอนบนโซฟานี่ต่างหาก -*-

    "งั้นมึงก็นอนต่อแล้วกันนะ กูขอตัวกลับบ้าน ไปเปลี่ยนเสื้อผ้า เดี๋ยวบ่ายๆ มาใหม่"

    "ไม่บ่าย มึงต้องกลับมาไม่เกิน 9 โมง" มันออกคำสั่ง ไอ้เผด็จการเอ้ยยย ถ้าไม่ติดว่ามันบาดเจ็บอยู่ ผมคงเดินไปตบหัวมันซักฉาด แล้วเดินออกมา กลับมาอีกทีก็ตอนบ่ายๆ ให้แม่งนอนเหงาอยู่คนเดียว แต่นี่มันนอนเจ็บอยู่บนเตียง แล้วที่บาดเจ็บนั่นก็เพราะผม คนดีๆอย่างผมเลยทำไม่ลง ฮ่าๆๆๆ

    ผมกลับมาทำธุระส่วนตัวอย่างที่ว่านั่นแหล่ะครับ ใช้เวลาไม่นานนัก ผมก็เสร็จธุระทุกอย่าง เลยเตรียมกระเป๋าเสื้อผ้าไปค้างที่โรงพยาบาลอีกคืนหนึ่งเลยครับ เพราะว่ามันจะต้องนอนอีกหนึ่งคืน กว่าหมอจะให้กลับบ้านได้ คงเป็นพรุ่งนี้ หวังว่าไข้คงไม่ขึ้นเพราะพิษแผลหรอกนะ หนังหนาๆอย่างมันคงไม่เป็นอะไรมากหรอกน่าา ผมจะได้กลับมานอนบนเตียงนุ่มๆที่บ้าน
    ผมซะที ^ ^ 






                         
    ก๊อกๆๆๆๆๆ
    ผมเคาะประตูห้องหน้าห้องผู้ป่วยห้องเดิมที่ผมนอนเมื่อคืนนี้ ซักครู่ก็มีคนมาเปิด ปรากฏว่าเป็นผู้หญิงวัยกลางคน ผมบ๊อบสั้น ที่ยังสวยและหุ่นดีอยู่เลย ยิ้มมาทางผม

    "เจ เหรอคะลูก"

    "ครับ..."

    "เข้ามาก่อน มาๆ"คนที่เรียกผมว่าลูกเมื่อครู่เชิญผมเข้าไป ผมเดินเข้าไปโดยมีมารยาท ในห้องมีผู้หญิงรุ่นราวคราวเดียวกับผม ร่างอ้วนๆ ดูจากการแต่งตัวน่าจะเป็นคนใช้

    "ใครคะ คุณนาย"นั่น.. จริงๆด้วย

    "อ้อ เจไง"รู้จักผมกันทั้งบ้านเลย ผมหน้าเอ๋ออยู่ซัก

    "ตายละ ลืมแนะนำตัวเลย มัวแต่ตื่นเต้นที่ได้เจอ" คนที่ถูกเรียกว่าคุณนายเมื่อครู่พูดอย่างเขินๆ จริงด้วยเจ๊...แนะนำมา ผมงงไปหมดแล้ว - -'

    "แม่ชื่อนงค์ เป็นแม่ของทีจ่ะ และนี่ ยัยลักกี้ คนรับใช้" เย้ยยยย คุณแม่ ที่เรียกเจ๊ในใจ ถอนคำพูดทันมั๊ยนั่น...  ผมยกมือขึ้นสวัสดี ทั้งสองรับไหว้

    "งงหล่ะสิว่าทำไมแม่ถึงรู้จักแล้วก็ตื่นเต้นที่ได้เจอเจ" เออ นั่นหน่ะสิ "ก็ตั้งแต่มาถึง ไอ้ลูกตัวดีของแม่ก็เอาแต่เล่าเรื่องเจไม่
    หยุด เออแล้วก็ขอบคุณมาก สำหรับเลือดที่บริจาคให้ทีมัน ทีเป็นคนแบบนี้แหล่ะ เอาเลือดใจร้อนมันออกไปบ้าง มีเลือดดีๆของหนูมาในร่างกายมัน เผื่อจะเป็นคนดีกับเค้าบ้าง"คุณแม่พูดกระซิบกระซาบ แต่ได้ยินทั้งห้อง

    "แม่หง่าาา"ไอ้คนป่วยนอนกระทืบเท้าบนเตียงเหมือนเด็ก มันก็น่ารักดีนะ ถ้าร่างมึงไม่ควายขนาดนี้ หึ !!

    "ฮ่าๆๆๆ แม่ล้อเล่นหรอกนะคะลูกที"แม่เดินเข้าไปโอ๋ลูกชาย ที่ดูเหมือนไม่โต เป็นภาพที่อยากให้ทุกคนได้เห็นจังครับ น่ารักชิบหาย ผมเผลออมยิ้มตาม เวลาไอ้นี่อยู่กับแม่ มันเป็นเด็กขี้อ้อน เวลาอยู่บนเวที มันเป็นนักร้องคุณภาพ เวลามันอยู่กับผม มันเป็นคนกวนโมโหที่สุดในโลก -*-

    "มึงยิ้มเชี่ยไร" น่าน เข้าสู่โหมดกวนโอ๊ย มันละ

    "กูแค่ขำไอ้เฒ่าทารก"

    "ฮ่าๆๆๆ เด็กสองคนนี้อะไรกัน พอไม่อยู่ก็พูดถึงแต่กัน พอเจอกันก็ทะเลาะ น่ารักจังเลย"คุณแม่ฮะ เสียงแม่สูงไปนะฮะ ไม่พูดเปล่า คุณแม่เดินมาลูบหัวผมป้อยๆ เห็นผมเป็นเด็กเหมือนลูกคุณแม่หรือไงครับ - -'

    "เอาหล่ะ ลักกี้เรากลับบ้านกัน ปล่อยให้เด็กเค้าอยู่ด้วยกันดีกว่า เออเจแม่ซื้อของกินมาเพียบเลย ด้านนี้นะจ๊ะ อุปกรณ์ จานชาม อยู่นี่ ลักกี้เสร็จแล้วก็กลับเหอะ มาม๊ามามา" ผมเพิ่งรู้ว่าไอ้ทีมันร้องเพลงเก่งเพราะแม่มันเลย เวลาแม่พูดจะมีเสียงสูงเสียงต่ำน่าฟังอยู่เสมอ คุณแม่แจกแจงทุกอย่างเสร็จสรรพแล้วออกไป ทิ้งความเงียบไว้ที่ห้องอีกครับ    

    "ไงมึง แม่กูวุ่นวายดีมั้ย ฮ่าา" มันถามแกมหัวเราะ

    "น่ารักดีนะ กูชอบ"

    "ชอบก็ไปอยู่บ้านกูดิ"

    "...."

    "กูหมายถึง ไปเที่ยวเล่น บ้านกูมีเครื่องดนตรีเยอะเลยนะ พ่อกูเป็นนักดนตรีคลาสสิค ไม่ค่อยอยู่บ้านหรอก ไปออกคอนเสิร์ต" มันพูดร่ายยาว กูอยากรู้มั้ยเนี่ยย

    "มีแกรนด์เปียโนมั้ย"ผมถาม

    "มี"

    "โห้วววววววว"ผมตาลุกวาว มึงจะรวยไปไหนเนี่ยยย

    "ว่าแต่มึงเหอะ ทำตัวเป็นลูกแม่กูอีกคน ระวังรักแม่กูถอนตัวไม่ขึ้น"

    "แม่มึงน่ารักนะ มีแม่มึงก็ดีเหมือนกัน แม่กูเสียไปแล้ว"

    "เจ....กูขอโทษ"มันคงเห็นสายตาเศร้าของผม

    "เฮ้ย กูไม่เป็นไร กูอยู่คนเดียวมานานแล้ว พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่กูยังเด็ก แม่บอกว่าพ่อเล่นดนตรีเก่งมาก กูได้เชื้อเค้ามาเต็มๆ แม่กูเลยเลี้ยงกูมาคนเดียว จนกูเรียนจบ แล้วกูก็หาเลี้ยงเค้าตอบแทนได้ไม่นาน เค้าก็ป่วยหนัก แล้วก็จากไป กูเลยอยู่คนเดียวจนชินแล้ว"ผมพูดยังไม่จบดีก็รู้สึกว่ามีมืออุ่นมากุมมือผมไว้ จนใจที่กำลังจะหลุดลอยไปกับความเศร้าในครั้งนั้น ลอยกลับมาอยู่ที่เดิม เป็นมือที่เต็มไปด้วยความหวังดีที่สุดเท่าที่สัมผัสมา เป็นความอบอุ่นที่หามานาน ....

    "มึงยังมีกู มีแม่กูไง อยู่คนเดียวที่ไหนหล่ะ" เจ้าของมือนั้นพูดขึ้น พลางลูบหัวผมป้อยๆ ไปด้วย ทำไมไม่รู้ เวลามีคนมาปลอบใจ น้ำตาผมจะต้องไหลแบบนี้ทุกที มันห้ามตัวเองไม่ได้ซักที

    "เฮ้ยๆๆๆ ไม่ร้องดิวะ ไอ้ขี้แย มาๆๆกอดหน่อยๆ" ไอ้ทีดึงตัวผมไปกอดอีกครั้ง จนผมเริ่มชินกับอ้อมกอดของมันแล้ว ผมโถมตัวลงไปตามแรงดึงของมัน แล้วปล่อยน้ำตาออกจนเปียกเสื้อคนไข้ของมันอยู่พักหนึ่ง มันลูบหัวผมในเชิงเอ็นดู

    "แย่จังเลยนะ ให้คนไข้มาดูแล"ผมเช็ดน้ำตาออกแล้วพูด หลังจากที่ความเศร้าทั้งหมดได้หายออกหมดแล้ว
    "นั่นหน่ะสิ ขี้แยเอ๊ย" มันลูบหัวผม

    "กูหิวแล้วหล่ะ แม่ซื้อแอปเปิ้ลมาด้วย ทำให้กินหน่อยดิ" มันชี้ไปที่กองถุงพลาสติกที่เพนินอยู่ตรงนั้น เชี่ย แม่มันจะให้มันอยู่ซัก 3 เดือนรึไงวะ ซื้อของมาขนาดนี้ - -"

    ผมเดินมาที่ส่วนที่เป็นครัวของห้องพิเศษโรงพยาบาลเอกชนนี่ก็ดีแบบนี้นี่เอง อยู่เหมือนคอนโดเลย มีข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างครบครัน เหมือนจะอยากให้อยู่โรงพยาบาลนานๆ แต่ก็นั่นแหล่ะ ใครจะอยากอยู่ที่นี่นานๆวะ - -" ผมจัดแจงปลอกแอปเปิ้ล และส้มใส่จานสวยงาม (หราาาา)มาให้ไอ้ประหลาดที่นอนเป็นผักต้มอยู่บนเตียง จริงๆแล้วมันก็ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกครับ แต่พอมีคนดูแลเข้าหน่อยก็ทำสำออยทำนู่นทำนี่ไม่ได้ไปงั้น- -"

    "ป้อนหน่อยดิ" ไอ้ทีพูดแล้วอ้าปาก นี่ไม่ถือว่ารู้สึกผิดผมจะไม่ทำแบบนี้เด็ดขาด

    อ้ามมมม ... มันทำเหมือนเด็กๆ เคี้ยวตุ่ยๆ อย่าพอใจ หมั่นใส่ หึ!!

    "มึงก็กินบ้างสิ" มันยื่นส้มชิ้นนึงมาแบ่งผม

    "กูไม่ป่วย แดกเองได้"

    "ไม่เอา กูจะป้อน อ้ามมม เร็วๆดิ" นั่นคือการขอร้องใช่มั้ย - -"

    ผมเฝ้าไข้ ป้อนอาหารเที่ยง อาหารเย็นให้เพราะเราอยู่กันแค่สองคนครับ เพื่อนๆมันก็มีห่วงมันบ้าง แต่พอโทรมาถามแล้วไม่เป็นอะไรมาก ก็บอกว่าจะแห่มาเยี่ยมหลังเลิกงานเลยทีเดียว คงเพราะขี้เกียจแหวกรถติดมาตอนกลางวันมั้งครับ ระว่างที่ไอ้ทีป่วยอยู่ตรงนั้น มีแค่ผมกับนางพยาบาลสลับกันดูแลมัน จนเวลากลางคืน ผมรู้ตัวว่าจะต้องเฝ้าไข้ไอ้ทีซัก สามวันได้ เลยให้แตงโมร้องเพลงแทนทั้งสามวันเลย วันที่มันออกจากโรงพยาบาล ผมจะได้มีเวลาพัก เพราะเวลาอยู่ที่โรงพยาบาล ผมจะแอบงีบไม่ได้เลย ผมเปิดโทรทัศน์ดูสักพัก กะจะแอบงีบซักหน่อย ไอ้นั่นมันก็เรียก เหมือนเด็กขาดความอบอุ่น ไม่แดกนมกูให้รู้แล้วรู้รอดเลยหล่ะ -*- คนจะนอนไม่ได้นอน หึ !!! แล้วก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น ผมเดินไปเปิดประตูทันที เพราะคิดว่าเป็นนางพยาบาล ทว่า...

    "อ้าวเจ..สวัสดีคะ" หมวยนั่นเองคงเลิกงานแล้วมา ยังใส่ชุดคุณครูสีกากีอยู่เลย

    "สวัสดีครับหมวย" ผมยิ้มทักทาย เพราะหมวยถือว่าเป็นสาวสวยคนหนึ่ง แต่เพราะหมวยสมชื่อ เธอเลยยิ้มน่ารักกว่าคนอื่นๆ ตาของเธอหายไปไหนหมดเวลายิ้ม จนผมต้องยิ้มตามทุกครั้ง ไอ้ทีนี่ตาถึง

    "ทีดื้อมั้ยคะเจ"หมวยแซวเล่นอย่างอารมณ์ดีเหมือนทุกครั้ง

    "โคตรๆอ่ะครับ แฟนใครก็ดูเองแล้วกัน"ผมหันไปค่อนมัน

    "น้อยๆหน่อยมึง กูดื้ออะไร ออกจะทำตัวน่ารัก ว่าง่าย" มันหันมาแขวะ ก่อนที่จะยิ้มให้แฟนสาวมัน

    "เป็นไงบ้างคะที ดีขึ้นบ้างมั้ย มีไข้รึป่าว แต่เพราะมีคนดูแลดี เลยไม่เป็นไรมากสินะคะ" หมวยหันมาพูดเชิงขอบใจผม ผมได้แต่ยิ้มแล้วพยักหน้า

    หมวยเดินไปที่เตียงคนไข้ แล้วนั่งลงใกล้ๆ ไอ้คนป่วย ที่ไม่ได้ป่วยเลยซักนิด เธอกุมมือของแฟนฟนุ่มเบสๆ เป็นเชิงให้รู้ว่าให้กำลังใจ สงสัยคงหายแล้วหล่ะม๊างงงง :p สายตาของหมวยจ้องมองไอ้ที พลางสำรวจร่างกายที่ช้ำเป็นจ้ำๆของไอ้นั่นอย่างสนใจ แต่สายตาของไอ้ทีหน่ะสิมันกลับหันมามิงผมเหมือนจะสำรวจอาการของผมบางอย่าง กูไม่ได้รู้สึกอะไรเล๊ยยย มึงจะกระหนุงกระหนิงเชี่ยไรก็เรื่องของมึง - -"

    "หมวยครับ ผมออกไปรอด้านนอกนะครับ"

    "อ๋อ ไม่เป็นไรคะ เจอยู่ที่นี่เถอะนะคะ เดี๋ยวซักพักหมวยก็จะกลับแล้วค่ะ แวะมาเยี่ยมทีเฉยๆ"หมวยพูดพลางยิ้มเช่นเคย ยิ้มแบบนี้แน่เลยที่ทำให้ไอ้ตัวประหลาดนั่น ยอมสยบกับเธอ เพราะมันทำให้โลกนี้สดใสจริงๆ ขนาดผมไม่ใช่แฟนหมวย ผมยังสัมผัสได้ "ทีคะ คุณพ่อฝากความเป็นห่วงมานะคะ"เธอหันไปทางที

    "ครับฝากขอบคุณคุณลุงทีครับ"ไอ้ทีพูดเสียงเรียบๆ

    "หมวยกลับแล้วนะคะ พรุ่งนี้ออกจากโรงพยาบาลใช่มั้ยคะ เดี๋ยวหมวยจะลางานครึ่งบ่ายมารับนะคะ"

    "ไม่เป็นไรครับหมวย แม่ให้คนที่บ้านมารับแล้ว อีกอย่าง มีคนอยากไปเที่ยวบ้านทีด้วย จริงป่ะมึงอ่ะ"

    "...." ห๊ะ กูเหรอ  เออ อยากไปก็ได้...???

    แล้วหมวยก็ลาผมกับไอ้ทีออกไป ...






    "ไงมึง หึงเหรอ"

    "ถุย หึงเชี่ยไร" เออนั่นสิ คิดได้นะมึง

    "ไม่หึงแล้วไมนิ่ง เงียบ"

    "จะให้กูลุกขึ้นร้องเพลงรึไง ไอ้เวร"

    "ก็ได้นะ เต้นด้วยก็ดี" เออไม่เคยคิดจะห้าม ดูมันๆ

    "มานี่ซิมึง" มันกวักมือเรียกผมหยอยๆ ผมเดินเข้าไปหามัน

    "เอาไรวะ"

    "มึงเป็นนักร้องใช่มั้ย ตั้งแต่รู้จักกันมา ไม่เคยได้ยินมึงร้องเพลงซักที"

    "ร้องที่โรงพยาบาลเนี่ยนะ มึงบ้ารึป่าว"

    "มึงสิบ้า เดี๋ยวพรุ่งนี้มึงไปส่งกูที่บ้าน เล่นเปียโน แล้วร้องเพลงให้กูฟังด้วย โทษฐานที่ทำให้กูบาดเจ็บ" อ้างบ่อยจังวะ - -"

    หมับบบ.. ไอ้ฉวยโอกาสคว้าเอวผมไปนั่งบนเตียงคนไข้กับมัน แล้วกอดผมไว้แน่น จนผมดิ้นไม่หลุดอีกแล้ว นี่มึงบาดเจ็บจริงมั้ยเนี่ยย

    "ก็บาดเจ็บ ให้กูเปิดแผลให้ดูมั้ย" รู้ได้ไงวะ ว่ากูด่า..มันทำท่าจะถอดเสื้อทันที

    "ไม่ๆๆ ไม่ต้องกูเป็นคนประคบแผลให้มึงก่อนถึงโรงพยาบาลเอง ทำไมกูจะไม่รู้ว่าแผลใหญ่แค่ไหน" ผมเล่าเหตุการณ์คร่าวๆ ตอนที่มันสลบไสลไม่ได้สติอยู่นั้นให้ฟัง

    "มึงเล่าให้กูฟังบ้างได้มั้ย ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วไปเจอแรมเดือนที่ไหน" นั่นสิ เพราะตั้งแต่เกิดเรื่องมา ผมยังไม่รู้เรื่องราวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมหลังมันถึงได้เหวอะหวะขนาดนั้น

    ไอ้ทีจับผมหมุนหันหน้าไปทางมันโดยที่ยังนั่งอยู่บนตักของมัน หน้าผมกับหน้าแทบชนกัน จนอยากท้า ว่าทำไมมึงไม่จูบปากกูซะเลยหล่ะ แต่ไม่กล้าท้าครับ เพราะรู้ว่ามันทำจริงแน่ๆ เคยทำมาแล้วด้วย แล้วมันก็ทั้งเล่าทั้งโม้วีรกรรมของมัน ที่ไปช่วยแรมเดือนของผมออกจากโรงชำแหระออกมาได้ ผมฟังเรื่อราวก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เพราะไอ้นี่มันขี้โม้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

    "อย่าลืมสัญญานะ ร้องเพลงด้วย เล่นเปียโนด้วย กูจะรอฟัง" ไปสัญยิงสัญญากับมันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ

    "เออ"

    จุ๊บบบบ ...@_@

    "น่ารักจริงๆ"มันถอนปากออกจากปากผมแล้วพูดพลางหยิกแก้มเบาๆ

    "มึงทำเชี่ยอะไรของมึง"ผมมองหน้ามันจริงจัง

    "ก็...จูบ..ไง"มันตอบเสียงแผ่ว

    "จูบทำเชี่ยอะไร กูเป็นผู้ชาย มึงก็ผู้ชาย ทำไปทำไมวะ"

    "กูขอโทษ" มันพูดแผ่วเบา แล้วหลบตา พลางปล่อยมือที่กระชับแน่นออก ทำเอาผมใจหายเลยครับ เพราะส่วนลึกแล้ว ผมไม่อยากให้มันปล่อยมือออกจากผมเลย

    "มึงมีแฟนแล้วนะ ทำอะไรนึกถึงใจหมวยเค้าซะบ้าง"

    "....."

    "มึงทำแบบนี้ทำไมวะ ไอ้เชี่ยที"

    "....."

    "กู...เกลียด....มึง" ผมเริ่มกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ในใจก็คิดแต่ว่า ทำไมไอ้นี่มันชอบล้อเล่นกับความรู้สึกคนอื่นจังวะ ทำไมเวลาเห็นคนอื่นรู้สึกไม่ดี (?) แล้วมันจะสะใจดีใจรึไงกัน ในหัวผมคิดแต่ว่าทำไม ทำไม ทำไม??? เต็มไปหมด ผมถือโอกาสที่มันปล่อยมือหลวมจากผม ผลักมันนอนลง โดยที่ไม่สนใจ เสียงมันร้อง โอ๊ยยย คงเพราะเจ็บแผล ผมมานั่งตรงโซฟาเรียบร้อย เราทั้งคู่ เงียบกันอยู่นาน โดยไม่มีแม้กระทั่งเสียงโทรทัศน์ หรือเสียงอึกกระทึกที่อยู่ด้านนอก คงเพราะผมหูอื้อ จนโสตทั้งหมด มันดับลง



    ก๊อกๆๆๆๆๆ 

    ยังดีที่มีเสียงเคาะประตูเข้ามาช่วยให้ทุกอย่างไม่เงียบแบบนี้ ผมเดินใจลอยๆ มาเปิดประตู

    "เฮ้ยไอ้เจ อยู่ด้วยกันทั้งวันเลยเหรอ" ดุ๊กโผล่เข้ามาก่อน แล้วทักทายก่อนใคร แล้วก็มีเสียงโห่ หิ้วววว จากไอ้พวกกลองแต๊กข้างหลังเป็นพรวน

    "รักกันดีจริงๆเลยนะ ผัวเมียคู่นี้..." คนชื่อมาร์คเสริมทัพ

    "ผัวเมียพ่องงงง ไอ้พวกเวร"เป็นเสียงของไอ้ที ครั้งแรกในรอง 30 นาที ที่เราเงียบให้กัน

    "ไม่ใช่ได้ไง เมียมึงเขินใหญ่แล้ว หน้าแดงเลย เห็นมั้ยๆๆๆ กิ๊วววว" ดุ๊กยังไม่เลิก ... เอ๊ะ หรือว่าผมหน้าแดงจริงๆ เพราะพวกนั้นมันแซว ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวๆ กูเขินจริงๆนะเนี่ยย - -' ผมเผลอเอามือลูบหน้าตัวเองเบาๆ

    "นั่นไง ลูบหน้าจริงๆ แสดงว่าเขิน..ฮ่าาาา" ไอ้คนชื่อมาร์คยังแซวไม่หยุด อ้าวเชี่ย หลอกกูเหรอเนี่ย -*-
                               
    "พวกมึงเลิกแซวมันเลย ไอ้เวร แล้วก็เลิกเสียงดังได้แล้ว นี่โรงพยาบาล" ไอ้ทีพูดมีเหตุผล หรือมันปกป้องผมวะ

    "อ้าว ไล่แล้วเหรอวะ เพื่อนเพิ่งมานะเว้ย"

    "คำไหนคือไล่วะ สัส"

    "เออ เดี๋ยวกูก็ไปแล้ว ขอแดกเบียร์ซัก 3
    ขวด เฮ้ยพวกมึง ใครสนบ้าง ยั่วน้ำลาบไอ้ทีหน่อยเว้ย"

    "เชี่ยเอ๊ยยย รู้ว่ากูแดกไม่ได้ ยังเามายั่ว ไปไกลๆเลย"

    แล้วเพื่อนๆของไอ้ทีก็เข้ามาสร้างความวุ่นวายอยู่นานพอสมควรครับ จากนั้นก็หายไปทีละคนสองคน เหลือไอ้ดุ๊กเป็นคนสุดท้าย ก่อนจะเข้าไปกระซิบกระซาบอะไรกับไอ้ทีอยู่นาน แล้วจึงลาผมออกไป

    "อย่าหนักมากนะเว้ยเจ เพื่อนกูบาดเจ็บ เดี๋ยวแผลปริ...ฮ่าๆๆๆๆ" ไอ้ทีขว้างหมอนไล่ไอ้ดุ๊กออกไปมันรีบปิดประตูหนีโดยไว ตึ้ง.!!!!

    ความเงียบกลับมาอีกครั้ง






    ที...

    เสียงปิดประตูของไอ้ดุ๊กผ่านไป หลังจากที่ทิ้งเรื่องหนักใจไว้ให้ผมคิดหนักไว้เรื่องหนึ่ง ที่จริงแล้วเป็นเรื่องนานมาแล้ว แต่ยังคาราคาซังกันอยู่ไม่เสร็จสิ้นซักที แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ผมหนักใจ เท่าอาการของไอ้หน้าอ่อนที่อยู่ในห้องกับผมตอนนี้ ไอ้นี่มันบังอาจมาว่าผม ด่าฉอดๆ แล้วก็เงียบไป ถ้าเป็นคนอื่น ผมคงด่ากลับ หรือไม่ก็เดินเข้าไปเตะแรงๆ ให้เงียบซักที แต่กับไอ้นี่ ทำไมผมทำไม่ลงก็ไม่รู้ ยิ่งเวลามันร้องไห้ ทำให้ผมเศร้ากับมันไปด้วยทุกครั้ง น้ำตาของมันทำให้ผมรู้สึกเจ็บยิ่งกว่าเข็มเป็นพันเล่มมาสักบนร่างกาย จนผมบอกกับจัวเองว่า ผมจะไม่มีวันที่จะให้คนคนนี้ร้องไห้อีก แต่ก็เป็นเพราะผมเองที่ทำให้มันร้องไห้ในครั้งนี้สาเหตุเพราะผม จูบ มัน ก็จะไม่ให้จูบได้ยังไง เวลาเห็นหน้ามัน มอบไม่คิดอะไรเลยครับ แค่อยากกอด แล้วก็อยากจูบไอ้หน้าอ่อนนี้อย่างเดียว อยากหยุดเวลาไว้ที่ริมฝีปากนุ่มๆของมัน ไอ้หน้าอ่อนนี่มันทำให้ผมแทบเป็นบ้าให้ได้ สองสามวันมานี้ ผมมัวแต่ทำบ้าอะไรไม่รู้ ใจคิดอย่างเดียวว่าต้องได้เจอมัน พอเจอมัน แล้วก็ต้องจูบมัน แล้วพลันผมก็มานึกถึงหมวย ผู้หญิงที่กำลังจะเป็นคู่หมั้นของผมในอนาคต ผมควรจะคิดถึงเธอ ในเวลาที่เจ็บป่วยแบบนี้ ไม่ไม่เลย ผมมองไปที่ร่างเล็กๆ ที่นอนขดบนโซฟานั่นพลางใจสั่น นึกสงสารมันจับใจ เจ ... มึงหนาวมั้ย ผมถามมันแผ่วเบา จนได้ยินแค่ผมคน
    เดียว ไร้ซึ่งการตอบรับ ไร้ซึ่งการขยับเขยื้อน ไร้ซึ่งเสียงอะไร ไอ้นี่มันคงโกรธผมเข้าจริงๆซะแล้วสิ ผมไม่อยากให้มันเกลัยดผมเลย ตอนที่มันถาม ว่าทำไมจูบมัน ทำไมผมตอบไม่ได้ก็ไม่รู้ เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่ที่คอ มันทำให้ผมพูดอะไรไม่ออก ตัวผมเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

    ผมตัดสินใจยืนขึ้นมาจากเตียงลากสายน้ำเกลือที่แขวนอยู่บนเสาปลายเตียงมาด้วย ผมเดินมาที่ร่างที่หลับไหลบนโซฟานั้นอย่างช้าๆ พลางโน้มตัวลงใกล้หน้ามันที่สุด หวังว่ามันจะไม่ตื่นขึ้นมาเจอหน้าผม แล้วเกลียดผมมากกว่านี้นะ

    "เจ...กูขอโทษ" ผมกระซิบข้างหูแผ่วเบา พลางร่างเล็กๆนั้นขยับผมตกใจผละหน้าออกมาจากทีเดิม แต่ก็มีมือมือนึง มาดึงคอ
    เสื้อผมไว้แน่น แล้วหน้าขาวๆนั้นก็มาซบที่อกผม ร่างมันสั่นริกๆ ผมรู้ทันทีว่ามันกำลังร้องไห้ ผมโอบกอดร่างนั้นไว้ทันที วินาทีนี้ ผมไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น หวังเพียงว่าให้มันเลิกร้องไห้ซะที ผมเจ็บจนไม่รู้จะเจ็บยังไงแล้ว

    "กูขอโทษนะ ขออยู่แบบนี้ซักพักได้มั้ย" มันพูดพลางร้องไห้เสียงสั่น

    "มึงจะอยู่ตรงนี้นานเท่าไหร่ก็ได้" ผมบอกกับมัน

    ..มีไหล่เอาไว้ให้ซบ มีมุมให้เธอได้พัก มีตักให้เธอหนุนหนอน เมื่อเธอเหน็ดเหนื่อยใจ ถึงไม่ได้รักตัวฉัน ขอแค่ให้เธอไว้ใจ ผู้ชายคนนี้หวังดีกับเธอเสมอ...

    รัก....หรือมันจะใช่ ความรัก....ผมยังถามตัวเองอยู่ในใจ










    ...............................................................
    วันนี้ไม่มีบทสัมภาษณ์ใครนะครับ เหนื่อยมากเลย ติดไว้ก่อนแล้วกันครับ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×