ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รอยยิ้มที่ผลิบาน

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 1 ก.ค. 60


    บทนำ

    อาตาเอะ ชินจิโร่ หนุ่มหน้าหล่อผู้มีนิสัยตรงข้ามกับคนที่ถูกเรียกว่าหนอนหนังสือกำลังเดินตรงเข้าไปในร้านหนังสือที่ตั้งอยู่ใกล้หอพักของเขา ซึ่งเป็นสิ่งที่ค่อนข้างย้อนแย้งอยู่สักหน่อยสำหรับคนที่เกลียดการอ่านหนังสือแบบเขา ตอนนี้เขากำลังยืนเลือกอ่านนิตยสารและหนังสือมาใหม่ในมุมที่เขาชอบมายืนอ่านประจำ แน่นอน เขาเพียงแต่ยืนอ่าน ไม่ซื้อกลับบ้านหรอก ซึ่งนั่นมันก็ไม่ใช่นิสัยที่ดีนักหรอกนะ เขาเองบางครั้งก็จะซื้อกลับไปอ่านหากว่าต้องการจริง ๆ เขาแค่มาอ่านบ้างเป็นครั้งคราวเพราะเขาไม่ใช่ผู้ชายที่ชอบเก็บสะสมหนังสือเป็นชีวิตจิตใจ แต่ก็นั่นแหละ เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่เจ้าของร้านก็มีเคืองเขาบ้างเมื่อเห็นว่าเขานั้นชอบเข้าร้านของตัวเองบ่อย ๆ แต่กลับไม่เคยคิดจะซื้อหนังสือสักเล่มกลับไปเลย

    และอีกมุมหนึ่งข้างนอกร้านนั่น หญิงสาวตัดผมสั้นบ๊อบย้อมผมทองทำไฮท์ไลต์สีชมพูอายุรุ่นราวคราวเดียวกับชินจิโร่ รูปร่างหน้าตาจัดว่าอยู่ในขั้นสวยมาก เธอเดินตรงเข้าไปหาหญิงชราคนหนึ่งที่กำลังยืนลังเลว่า หล่อนควรจะข้ามถนนนี้ดีหรือไม่ ก่อนที่เธอจะพูดกับหญิงชราอย่างสุภาพ

    ให้หนูพาข้ามไหมคะ? หญิงสาวเอ่ยถาม

    หญิงชราหันมาพร้อมกับยิ้มให้อย่างยินดี โอ้ว ขอบใจนะจ้ะหญิงชราจับแขนของหญิงสาวไว้ ก่อนที่เธอจะพาหญิงชราเดินข้ามถนน

    ชินจิโร่มองพฤติกรรมนั้นของเธอผ่านกระจกกั้นร้านหนังสือ ก่อนจะเผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

    ให้ตายสิ เธอสวยชะมัด

     

    ชินจิโร่เดินออกมาจากร้านหนังสือพร้อมกับหนังสืออีกสามเล่ม แน่นอน เป็นครั้งแรกที่เขายอมจ่ายเงินเพื่อซื้อหนังสือสามเล่มนี้ เพราะอะไรอย่างนั้นน่ะเหรอ

    มันต้องมีสักเล่มน่าที่จะช่วยให้เราได้กินมื้อเย็นของวันนี้ชินจิโร่มองหนังสือในมือพร้อมกับยิ้มแห้ง

    ก็เพราะตอนนี้เขากำลัง พยายามที่จะทำอาหารกินเองด้วยหนังสือคู่มือทำอาหารพวกนี้อยู่น่ะสิ

    เมื่อชินจิโร่เดินออกมาจากร้านหนังสือ เขาก็พบว่าหญิงสาวคนที่เขาเห็นเมื่อสักครู่นั้นหายไปแล้ว เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ได้เจอเธออีกครั้ง แต่แล้วก็ทำแค่เพียงยักไหล่และปลอบตัวเองว่าสาวสวยๆในเมืองหลวงยังมีให้เห็นอีกเยอะ ไม่ได้มีแค่สาวร่างเล็กคนนั้นคนเดียว

    หลังจากนั้นชินจิโร่ก็เข้าไปซื้อของในซุปเปอร์มาเก็ต แน่นอนว่าของที่เขาซื้อล้วนแต่เป็นวัตถุดิบในการทำอาหารเย็นในวันนี้ของเขาทั้งสิ้น เขาเองก็กะจะฝากท้องไปกับหนังสือคู่มือที่เขาเพิ่งจะซื้อมาเมื่อเร็ว ๆ นี้นี่แหละ

    ชินจิโร่หอบข้าวของพะรุงพะรังจนคนรอบข้างที่เดินผ่านไปมาพากันมอง เขาเองก็อาย ในใจได้แต่คิดว่าก็สมควรจะมองกันละนะ เล่นหอบของเป็นบ้าหอบฟางขนาดนี้ ไหนจะหนังสือ ไหนจะอุปกรณ์ทำอาหารเย็น ตั้งแต่เขาเกิดมาเขายังไม่เคยทำอาหารกินเองมาก่อน เห็นอะไรก็เลยหยิบซื้อมาซะหมดทุกอย่าง ก็เลยพะรุงพะรังอย่างที่เห็น ๆ กัน

    และแล้วเหตุการณ์ที่หนุ่มหล่อแทบไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น

    โป๊ก!!’

    อ๊ากกกก!!!” ชินจิโร่ล้มลงไปนอนหงายพร้อมกับของที่ทั้งแบกทั้งหิ้วมาประมาณยี่สิบกว่าอย่างที่หล่นทับตัวเขาให้ตายเถอะ ชินจิโร่เองก็ไม่ได้อยากเจอกับสถานการณ์แบบนี้หรอกนะ แต่ที่ต้องเป็นแบบนี้ก็เพราะข้าวของที่เขาแบกหิ้วมาเล่นบังตาเขาซะจนเผลอเดินชนเสาอะไรสักอย่างเข้าน่ะสิ!!

    ชินจิโร่ลูบหน้าผากตัวเองเบา ๆ ก่อนจะสบถ บ้าชิบ!! วันซวยอะไรวะเนี่ย!” แค่หิ้วของเยี่ยงบ้าหอบฟางมาเขาก็ขายหน้าคนที่เดินผ่านไปมาจะแย่อยู่แล้ว นี่ยังมาเดินชนเสาเข้าอีก หมดกันภาพลักษณ์

    ชินจิโร่ลูบหัวตัวเองเบา ๆ พร้อมกับคิดตัดพ้อในโชคชะตา

    ให้ฉันช่วยไหม?เสียงผู้หญิงดังขึ้นเหนือศีรษะของเขา ชินจิโร่ที่กำลังนั่งลูบหน้าผากตัวเองอยู่ด้วยความเจ็บปวดเงยหน้ามองเจ้าของเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นหญิงสาวคนเดียวกับที่เขาเห็นเธอช่วยหญิงชราข้ามถนนตอนที่เขากำลังอยู่ในร้านหนังสือนั่นเอง

    เอ่อ ครับ ขอบคุณครับ เขาพยักหน้าพลางดันตัวลุกขึ้นด้วย แม้จะยังมึน ๆ แต่เขาก็รู้สึกดีใจที่ได้เจอผู้หญิงใจดีมาช่วยเขา

    หญิงสาวเก็บของที่ตกรอบ ๆ ตัวชินจิโร่ขึ้นมาช่วยถือ ชินจิโร่เองก็เก็บของมาถือเช่นกัน เขารู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจหญิงสาวสุด ๆ จนแทบอยากจะบอกขอบคุณเธอสักล้านครั้งที่อย่างน้อยเธอก็เข้ามาช่วยเขา

    เดี๋ยวช่วยถือให้นะคะเธอพูดพร้อมกับยิ้มให้

    ขะ ขอบคุณมาก ๆ เลยครับชินจิโร่พูดพลางน้ำตาจะไหลพรากเพราะซึ้งมาก จากนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เขาคงถือของทั้งหมดนี้กลับที่พักของเขาในสภาพนี้ไม่ได้แน่ ๆ ดังนั้น เพื่อป้องกันเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ความอายซ้ำรอย เขาจึงจำเป็นต้องขอความช่วยเหลือจากผู้หญิงตรงหน้าของเขาอย่างช่วยไม่ได้

    เอ่อ จะว่าอะไรไหมครับถ้าผมจะให้ช่วยถือของเอาไปไว้ที่หอพักของผมน่ะครับชินจิโร่พูดอย่างเกรงใจ เพราะจริงๆเขาเองก็ไม่อยากจะรบกวนหญิงสาวมากนักหรอก เพียงแต่ ของที่เขาซื้อมานั้นมันมีเยอะมากจริง ๆ ซึ่งหากเขาต้องแบกของทั้งหมดนี่ ครั้งต่อไปเขาอาจจะไม่ได้โชคดีเหมือนครั้งนี้ที่แค่หน้าจูบกับเสาแล้วหงายท้องล้มลงด้วยท่วงท่าที่ไม่อยากจะอธิบายเท่าไหร่ แค่นี้ก็ทุเรศพอแล้วสำหรับชีวิตในวันนี้ อีกอย่างหอพักของเขาก็อยู่ใกล้ ๆ ซึ่งถ้าเดินอีกนิดก็ใกล้จะถึงแล้ว หากคิดในอีกแง่นึง มันอาจจะเป็นการรบกวนเธอ

    แต่ถึงกระนั้น คำตอบของหญิงสาวกลับเป็นคำตอบรับโดยไม่มีข้อโต้แย้ง

    ได้สิคะ แล้วหอพักของคุณอยู่ที่ไหนล่ะ? 


    ณ หอพักยามางุจิ

                เมื่อมาถึงหอพัก เขาเชิญให้เธอเข้ามาในห้องของเขาเพื่อที่จะเอาของมาเก็บ ส่วนตัวเขาเองก็จะได้ไปหาน้ำมาให้เธอดื่มด้วย เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะตอบแทนหญิงสาวอย่างไรดีนอกจากคำขอบคุณสำหรับน้ำใจในครั้งนี้

    ขอบคุณมาก ๆ เลยนะครับ ไม่มีคุณช่วยเนี่ย ผมต้องแย่แน่ ๆ เลย

    หญิงสาวหัวเราะ ไม่เป็นไรค่ะ บ้านของฉันก็อยู่แถวๆนี้แหละ เดาว่าคุณคงจะเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่สินะคะ

    เอ่อใช่ครับเขาตอบตามจริง ว่าแต่ ขออนุญาตถามชื่อได้ไหมครับ เอ่อจะได้เรียกถูกน่ะครับ ตั้งแต่เมื่อกี้เรายังไม่ได้แนะนำตัวกันเลยชินจิโร่พูดพลางเกาหัว ผมอาตาเอะ ชินจิโร่

    ฉันอิโตะค่ะ อิโตะ จิอากิ

    อา อิโตะซัง ยินดีที่ได้รู้จักครับ

    ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะอาตาเอะซังจิอากิยิ้มให้เขา จากนั้นเธอก็เริ่มมองไปรอบ ๆ ห้องของชินจิโร่เพื่อแก้อาการอึดอัด ชินจิโร่รู้สึกเขินเล็กน้อยที่จู่ ๆ ก็มีคนเข้ามาในห้อง แน่นอน จิอากิคือแขกคนแรก และยังเป็นผู้หญิงคนแรกอีกด้วยที่ได้เข้ามาเยี่ยมในห้องใหม่ของเขา แถมยังเป็นผู้หญิงสวยอีกต่างหาก ถึงแม้ว่าห้องของเขาจะไม่รกและดูสะอาดเอี่ยมอ่องทุกคราที่มองเพราะคนอย่างเขาไม่มีวันปล่อยให้ห้องของตัวเองรกเป็นเด็ดขาด เขาก็ยังคงรู้สึกอายแขกที่เข้ามามองรอบ ๆ ห้องของเขาอยู่ดี

    จิอากิเหลือบมองไปยังของที่ชินจิโร่ซื้อมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ต เธอเอ่ยถามเขาขออนุญาตถามนะคะเธอชี้ไปที่ของเหล่านั้น ของพวกนี้ อาตาเอะซังจะเอามาทำอาหารเหรอคะ?

    เอ่ออ่า ใช่ครับชินจิโร่เกาหัวแก้เขิน แน่นอนว่าเขาอายมากถ้าต้องบอกว่าเขาซื้อเพื่อเอามาฝึกทำ

    มันคืออุปกรณ์ในการทำอาหารเย็นของผมในวันนี้

    จิอากิเบิกตาโต ต้องซื้อเยอะขนาดนี้เลยเหรอคะเนี่ย!” เธออุทานขึ้น นั่นทำให้ชินจิโร่หน้าแดงขึ้นมา จิอากิเหมือนรู้ตัวว่าทำให้เขาอายซะแล้ว ซึ่งใช่ ชินจิโร่อายมาก ความจริงก็อายตั้งแต่เริ่มมีความคิดที่จะทำอาหารเองแล้วละ จิอากิรีบพูดกลบเกลื่อน เอ่อ ขอโทษค่ะ คือแบบว่า ฉันแค่สงสัยน่ะค่ะ ว่าทำไมทำกับข้าวแค่นี้ต้องซื้อเยอะขนาดนี้เลย หรือเพราะจะเอาไว้ทำในมื้ออื่นด้วย?เหมือนการพูดกลบเกลื่อนของจิอากิจะไม่ได้ช่วยทำให้สถานการณ์มันดีขึ้น

    ชินจิโร่ยิ้มแห้ง ๆ อ่า ใช่ครับ ใช้ประมาณนี้แหละ ผมว่ามันเป็นส่วนผสมที่ถ้าใส่ลงไปทั้งหมดนี่มัน(อาจจะ)อร่อยนะเหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา

    งะ งั้นเหรอคะจิอากิยิ้มฝืน ๆ อืม จะว่าอะไรไหมคะถ้าฉันอาสาจะช่วยอาตาเอะซังทำอาหารเย็นสำหรับวันนี้?

    นั่นเป็นคำถามที่ชินจิโร่ไม่ได้คาดฝัน แต่มันก็เป็นอะไรที่โคตรวิเศษไปเลยสำหรับเขาหากว่าจิอากิต้องการอยากจะช่วยเขาทำอาหารจริง ๆ

    จะดีเหรอครับ อิโตะซังช่วยผมถือของมาให้ก็รบกวนจะแ…”

    ไม่รบกวนเลยค่ะ! เรื่องทำอาหารน่ะเรื่องโปรดฉันเลยนะคะ ยังไม่ทันที่ชินจิโร่จะพูดจบจิอากิรีบพูดสวนขึ้นมาทันที ตาของเธอลุกวาวไปด้วยไฟแห่งความมุ่งมั่น นั่นทำให้ชินจิโร่เดาว่าเธอคงไม่ได้แค่ชอบทำอาหาร แต่ยังรักการทำอาหารสุด ๆ ไปเลย

    งะ งั้นก็โอเคครับตามสบายเลยเขายิ้มอย่างยินดี แต่จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะให้อิโตะซังสอนผมทำอาหารด้วย?ชินจิโร่พูดพลางเกาหัวและก้มหน้างุด ๆ แหงสิ เขากำลังขอให้ผู้หญิงที่เพิ่งเจอกันวันแรกสอนทำอาหารนะ มันก็แอบรู้สึกเสียฟอร์มเล็ก ๆ ที่ต้องบอกว่าเขาแทบไม่มีความรู้ในการทำอาหารเลย

    จิอากิยิ้มเหมือนกับรู้อยู่แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เธอเหลือบตามองหนังสือฝึกทำอาหารบนโต๊ะที่ชินจิโร่ซื้อมาก่อนจะหัวเราะคิก ได้เลยค่ะ เดี๋ยววันนี้อิโตะเซนเซย์จะสอนอาตาเอะซังเอง!”

     

    สามชั่วโมงผ่านไปกับการทำอาหารและเรียนทำอาหารไปด้วยของชินจิโร่ ในที่สุดกับข้าวหน้าตาน่ารับประทานก็ได้ถูกจัดวางอยู่เต็มโต๊ะกินข้าว แน่นอนว่าทั้งหมดนี้ไม่ใช่ฝีมือเขาหรอก แต่เป็นจิอากิ

    หากจะถามว่า กับข้าวที่ชินจิโร่ทำเองล่ะ?

    เรียกได้ว่าอยู่ในขั้น เละเทะแทบทุกอย่าง แค่ทอดไข่ก็ไหม้แล้ว เขาเกือบทำหม้อหุงข้าวซื้อใหม่ป้ายแดงของตัวเองพังตั้งแต่ยังไม่ทันเดบิวท์ เขาใช้น้ำเปล่าทอดปลาแทนน้ำมัน และที่เลวร้ายกว่านั้นคือ เขาทำให้ทรงผมของตัวเองที่เซ็ตมาอย่างดีกลายเป็นทรงคล้ายฝอยขัดหม้อ

    โอเค เขายอมรับแล้วว่าเขาคงไปไม่รอดกับเส้นทางการทำอาหาร เขาคิดพลางทำท่าคอตกและลูบผมทรงใหม่ของตัวเองเมื่อเห็นปลาและไข่ไหม้ๆบนจานของเขา เขาดับฝันตัวเองลงทันทีพร้อมกับตั้งปณิธานว่าเขาจะคว้าผู้หญิงทำอาหารเก่งๆมาเป็นภรรยาเขาในอนาคตให้ได้เลย เพราะคงไม่มีหนทางไหนที่จะเยียวยาความสามารถในการทำอาหารของชินจิโร่ได้แล้วละ

    อาตาเอะซัง ไม่เป็นไรหรอกค่ะจิอากิพูดปลอบเมื่อเห็นสีหน้าแสนเศร้าของชินจิโร่ วันหลังสู้ใหม่นะคะ สำหรับวันนี้ ลองมาชิมอาหารเย็นฝีมือของฉันก่อนก็แล้วกันเนาะ

    ชินจิโร่ฉีกยิ้มดีใจที่ได้ยินคำปลอบของจิอากิ แม้เขาจะคิดไว้แล้วว่าอนาคตเขาจะไม่แตะต้องการทำอาหารด้วยตัวเองอีกต่อไปแล้วก็ตาม แต่ว่า ถ้าเขาไม่ทำอาหารเอง เขาก็ต้องออกไปหาอะไรกินด้านนอก ซึ่งนั่นเขาไม่ค่อยจะชอบสักเท่าไหร่ อีกอย่าง จิอากิก็ทำอาหารให้เขาได้แค่วันนี้วันเดียว ซึ่งนี่ก็ถือว่ารบกวนเธอมากพอแล้ว เขารู้สึกดีใจที่ได้เจอเธอวันนี้ แต่ก็รู้สึกเสียใจเมื่อต้องพบว่าเขาอาจจะไม่ได้เจอเธออีกเป็นครั้งที่สอง หากเป็นไปได้ เขาอยากให้เธอมาช่วยทำอาหารให้เขาทุกวัน!

    ชินจิโร่สะบัดหน้าไล่ความคิดนี้ออกไป งี่เง่าน่า อย่าเห็นแก่ตัวไปหน่อยเลยชินจิโร่ นายต้องพึ่งตัวเองเซ่!! เขาบอกกับตัวเอง

    งั้นก็ทานกันเลยดีกว่านะครับอิโตะซังชินจิโร่กล่าวชักชวน จิอากิยิ้ม เอ๋ จะให้ฉันร่วมโต๊ะด้วยอย่างนั้นเหรอคะ?

    ชินจิโร่พยักหน้า แน่นอนสิครับ อิโตะซังอุตส่าห์อาสามาทำอาหารให้ ทานกับผมก่อนสักมื้อนะครับ ถือว่าผมตอบแทนที่รบกวนอิโตะซังมากขนาดนี้

    เปล่าเลยค่ะ อาตาเอะซังไม่ได้รบกวนอะไรฉันเลยนะคะ ฉันแค่อาสาอยากจะทำเอง แต่ถ้าชวนกันฉันก็ไม่เกรงใจแล้วนะคะจิอากิยิ้มแป้น ก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะพร้อมกับเสิร์ฟถ้วยข้าวให้ตัวเองและชินจิโร่

    ในระหว่างที่รับประทานอาหาร ชินจิโร่ก็ชวนจิอากิคุยไปด้วย เขาเผลอถามด้วยว่าเธอมีแฟนหรือยัง ซึ่งเขาเองก็รู้สึกว่ามันอาจจะเป็นคำถามที่ดูละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวไปหน่อย ตอนแรกเขาจะเปลี่ยนเรื่อง แต่จิอากิก็ตอบเขาโดยไม่อิดออด

    แฟนน่ะฉันยังไม่มีหรอกค่ะเธอตอบยิ้ม ๆ นั่นทำให้ชินจิโร่รู้สึกดีใจจนอยากวิ่งกระโดดรอบบ้านแล้วร้อง เยสสสสสส!!!! งั้นเขาก็มีสิทธิจีบเธอสิน้า ~

    สวย ๆ แบบอิโตะซังนี่นะยังไม่มีแฟน? ผมไม่อยากจะเชื่อเลยครับเขาอุทานด้วยความประหลาดใจ แต่แล้วก็รู้ตัวอีกทีว่าตัวเองเผลอเสียมารยาทไปแล้ว เขารีบขอโทษ เอ่อ ขอโทษนะครับ

    จิอากิหัวเราะ ฮะ ๆ ๆ ๆ อาตาเอะซังคิดอย่างนั้นเหรอคะ งั้นฉันขอถามกลับบ้างนะ

    ถามมาเลยครับ ดูเหมือนผมจะถามอิโตะซังมาเยอะแล้ว แย่จัง แหะ ๆ ชินจิโร่เกาหัวยิ้มเก้อ ๆ

    อาตาเอะซังมีแฟนรึยังล่ะคะ?

    นั่น!! เขาโดนถามกลับแล้ว เขารู้สึกสมน้ำหน้าตัวเองที่ไปถามจิอากิแบบนั้น

    ผมเองก็ยังโสดครับเขาตอบยิ้ม ๆ

    จริง ๆ เหตุผลที่ชินจิโร่ยังโสด เป็นเพราะเขายังไม่เจอใครที่ถูกใจ จะบอกว่าเขาเป็นผู้ชายที่ค่อนข้างจะ เลือกก็ไม่ผิดแต่ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่เคยคบกับใครมาก่อน เขาแค่ไม่อยากจะเอ่ยถึงผู้หญิงคนที่เขาเคยคบด้วยก่อนหน้านี้ คนที่บอกเลิกเขาอย่างเจ็บปวด เขาไม่มีทางลืมเธอแน่

    จิอากิเบิกตาโตเหมือนเขาในตอนแรก หล่อ ๆ แบบอาตาเอะซังนี่นะยังไม่มีแฟน? ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยค่ะชินจิโร่แทบสำลักข้าว เขารู้สึกเหมือนโดนประโยคที่เขาพูดกับจิอากิเมื่อกี้ตอกกลับ แต่เขาก็(แอบ)รู้สึกดีใจที่อย่างน้อยจิอากิก็ชมว่าเขาหล่อ ขะ ขอบคุณนะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ ตอบเหมือนกันเด๊ะเลย แหะ ๆ ๆ ชินจิโร่หัวเราะเขิน ๆ และเขาเองก็สังเกตว่าจิอากิเองก็เขินเหมือนกัน

    จิอากิพูดกลบเกลื่อนแก้เขิน ก็ก็ถือว่าชมกลับแล้วกันนะคะ แล้วพวกเขาทั้งสองคนก็หัวเราะพร้อมกัน

     

    หลังจากที่ทั้งสองคนทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว พวกเขาก็ช่วยกันเก็บจานชามพร้อมกับล้างเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ซึ่งทำให้ชินจิโร่รู้สึกปลื้มมากที่เห็นจิอากิเก็บของทุกอย่างของเขาเข้าที่อย่างเป็นระเบียบโดยไม่จำเป็นต้องถามเขาเลยว่าต้องเก็บอะไรยังไงตรงไหน เขาชอบนิสัยจิอากิที่เหมือนกับเขาตรงนี้ ผู้หญิงที่ระเบียบจัดเป็นสเป็กของเขาเลยละ

    จนกระทั่งเมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ชินจิโร่ดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ เวลาสองทุ่ม แน่นอนว่ามันเริ่มจะดึก เขาเป็นห่วงจิอากิในตอนขากลับบ้าน เขาจะปล่อยให้ผู้หญิงที่วันนี้อุตส่าห์สละเวลามาเป็นธุระให้กับคนแปลกหน้าอย่างเขากลับบ้านคนเดียวในยามวิกาลแบบนี้ไม่ได้ ชินจิโร่เอ่ยถามจิอากิที่กำลังล้างมืออยู่ที่อ่างล้างมือ อิโตะซังบ้านอยู่ที่ไหนเหรอครับ ไกลรึเปล่าให้ผมไปส่งไหม? ตอนนี้มันก็มืดแล้วนะ

    จิอากิหันมายิ้มให้ชินจิโร่ก่อนจะตอบ ไม่ไกลหรอกค่ะ แต่ฉันคิดว่า ฉันคงต้องรบกวนอาตาเอะซังแล้วละค่ะ

     

    บ้านของจิอากินั้นจัดว่าหลังใหญ่มากทีเดียว ฐานะของเธอแทบไม่ต่างกันกับเขา จะบอกว่าเธอเป็นลูกเศรษฐีก็ไม่แปลก ผู้หญิงคนนี้นอกจากจะสวย ฐานะดีแล้วยังมีน้ำใจอีกด้วย นั่นทำให้ชินจิโร่รู้สึกชอบเธอมากและอยากจะเป็นเพื่อนกับเธอ

    ชินจิโร่นั้นเพิ่งจะย้ายจากเกียวโตบ้านเกิดขึ้นมาที่โตเกียวเพื่อมาเข้าไฮสคูลที่นี่ เหตุผลที่เขาขอที่บ้านย้ายมาอยู่คนเดียวนั่นก็เพราะเขาอยากจะลองใช้ชีวิตคนเดียวในเมืองหลวง ชีวิตการเป็นคุณหนูอยู่ที่บ้านนั่นไม่ใช่สไตล์ของเขาสักเท่าไหร่ เขาจึงได้มาเช่าหอพักเดี่ยวอยู่ที่นี่ แต่ประเด็นปัญหาในตอนนี้คือ ที่แห่งนี้เขาไม่รู้จักใครเลย เขาจึงดีใจมากที่ได้มาเจอกับจิอากิที่บ้านของเธอนั้นอยู่ใกล้กับหอพักของเขาเนื่องจากอยู่ซอยเดียวกัน

     

    ขอบคุณนะคะที่มาส่งจิอากิหันมายิ้มให้ชินจิโร่

    ถือเป็นการตอบแทนด้วยครับที่อิโตะซังช่วยผมถือของและทำอาหารมื้อเย็นด้วย อีกอย่างคุณเป็นผู้หญิง เดินในซอยเปลี่ยวคนเดียวมันอันตรายน้า

    นั่นสิเนาะคะจิอากิหัวเราะ เป็นผู้หญิงนี่มันอยู่ยากจริง ๆ”

    เป็นเพศที่น่าปกป้องน่าทะนุถนอมต่างหากละครับเป็นคำพูดที่ฟังแล้วจั๊กจี้ชะมัด ร้อยวันพันปีชินจิโร่ไม่เคยแม้แต่จะพูดอะไรแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนมาก่อน เมื่อเขารู้ตัวอีกทีว่าพูดประโยคแบบนี้ออกไป เขาเลยรู้สึกเขินเล็กน้อย ซึ่งก็เหมือนจะไม่ต่างกันกับจิอากิที่ตอนนี้แก้มของเธอเริ่มกลายเป็นสีชมพูเข้ม

    งะ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับชินจิโร่บอกลาแก้เขิน เพราะดูเหมือนเขาจะมายืนคุยกับจิอากิตรงหน้าบ้านของเธอนานแล้ว เขาไม่อยากรบกวนเธอนัก

    เจอกันที่โรงเรียนนะคะ!”

    เอ๋?ชินจิโร่อุทานขึ้น เขาอยู่โรงเรียนเดียวกับเธองั้นเหรอ? เอวันนี้เขาไม่ได้ไปโรงเรียนนี่นา เพราะเขาเพิ่งจะมาถึงโตเกียวในวันนี้

    แล้วเธอรู้ได้ยังไง? แต่ท่าทางและน้ำเสียงที่ยืนยันมั่นใจแบบนั้น

    มีอะไรเหรอคะ?จิอากิถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของชินจิโร่

    เอ่อ เปล่าครับ แต่แล้วเขาก็ล้มเลิกความคิดที่จะถามต่อ ก่อนจะเดินออกไป เจอกันครับ บ๊าย บาย!” ชินจิโร่หันมาโบกมือให้หญิงสาว จิอากิเองก็ยืนโบกมือส่งเขาอยู่หน้าประตูบ้านเช่นกัน จนกระทั่งร่างของชินจิโร่เดินไกลจนลับตาหล่อนไป

     

    จิอากิถอนหายใจยาว เธอยิ้มพร้อมกับน้ำตาที่เริ่มไหลอาบแก้ม เธอพึมพำกับตนเอง

    ในที่สุดฉันก็พบนายซะทีนะชินจัง

     

         เป็นเรื่องแย่ๆเรื่องหนึ่งในชีวิตที่วันนี้เธอต้องเดินกลับบ้านคนเดียวหลังจากที่เพิ่งไปเดทกับแฟนมา อุโนะ มิซาโกะ หญิงสาวมาดมั่นใจผู้ไม่เคยโดดเดี่ยวเลยสักครั้ง แต่วันนี้เธอกลับต้องถูกทิ้งแล้วเดินกลับบ้านคนเดียวมันเป็นอะไรที่ แย่สำหรับเธอสุด ๆ

    โธ่เว่ย!” เธอสบถพลางเดินเตะฝุ่นไปตามทาง เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดมากเมื่อแฟนหนุ่มของเธอที่คอยมาส่งเธอกลับบ้านทุกครั้งต้องมาติดธุระแสนงี่เง่าจนไม่สามารถมาส่งเธอกลับบ้านได้

    แต่แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงและผู้ชายสองคนที่เดินถือของมาด้วยกัน นั่นเป็นอะไรที่ดึงดูดความสนใจของมิซาโกะมากทีเดียวเมื่อเธอเห็นว่าผู้หญิงคนที่เดินมากับผู้ชายคนนั้นคือ อิโตะ จิอากิ สาวสวยลึกลับที่คนทั้งโรงเรียนต่างก็ยี้หล่อนอย่างไม่มีเหตุผล

    ว้าว ดูซิว่าฉันเจออะไรมิซาโกะยักไหล่ ยัยคุณหนูไร้เดียงสาที่โดนเกลียดทั้งโรงเรียนกับหนุ่มรูปหล่อนิรนาม น่าสนใจแฮะว่าแต่ ผู้ชายคนนั้นใครกันมิซาโกะสงสัยเมื่อเพ่งมองไปยังใบหน้าของชายหนุ่ม เธอไม่เคยเห็นและไม่คุ้นหน้าเขามาก่อน ด้วยความอยากรู้อยากเห็นบวกกับความหงุดหงิดใจทำให้เธออยากหาอะไรทำแก้เซ็งก่อนจะกลับถึงบ้าน เธอจึงตัดสินใจเดินตามทั้งสองคนไป จนกระทั่งพบว่าผู้ชายคนนี้เช่าหอพักเดี่ยวอยู่ และยังอาศัยอยู่ในซอยใกล้บ้านของเธอและจิอากิอีกด้วย

    มิซาโกะหยิบมือถือขึ้นมาถ่ายรูปของทั้งสองคนไว้ทันทีในขณะที่ทั้งสองคนเดินเข้าไปในหอพักของผู้ชายคนนั้นด้วยกัน ข่าวเด็ดแน่ ๆ ถ้าฉันเอาภาพไปขายให้หัวหน้าชมรมข่าวของโรงเรียน แปลกชะมัด ยัยจิอากิเห็นซื่อๆแบบนั้นดันมั่วผู้ชาย ข่าวแซ็บขนาดนี้ราคาดีแน่ ๆ ฮึ ๆ เธอแสยะยิ้มอย่างนึกสนุก เธอเก็บมือถือที่ใช้ถ่ายรูปเข้ากระเป๋าเสื้อ ก่อนจะเดินออกมาจากตรงนั้นเมื่อบรรลุเป้าหมายแล้ว

    จู่ ๆ มิซาโกะก็มีความรู้สึกเหมือนว่ามีใครบางคนกำลังเดินตามเธอมา เธอหยุดเดิน ก่อนจะเหลียวหลังหันไปมอง จากนั้นก็หันซ้ายขวาไปมาเพื่อความมั่นใจและปลอดภัยว่าเธอคงจะคิดไปเอง แน่นอนว่าเธอไม่เจอใคร ความคิดที่ว่าเธอคิดไปเองคือคำตอบ

    เมื่อมิซาโกะเดินออกมา เธอไม่ตรงกลับบ้าน เธอมีแผนที่จะแวะไปเที่ยวที่อื่นต่อ ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น นั่นเป็นสายจากโทมัสแฟนฝรั่งสุดหล่อของเธอ เธอเบะปากใส่มือถือหนึ่งครั้ง ก่อนที่เธอจะรับสายนั้นโดยไม่อิดออด

    ว่าไงยะโทมัสเธอพูดกับปลายสายเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน

    มิซาโกะ โทษทีนะ ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน? มิซาโกะมองไปรอบๆตัวเพื่อจะได้หาตำแหน่งบอกที่อยู่ของเธอในตอนนี้ได้ถูกต้อง ในขณะที่มิซาโกะกำลังจะบอกปลายสายว่าเธออยู่ที่ไหน ปลายสายก็ชิงพูดขึ้นก่อน โอ้ว ฉันเจอเธอแล้วดาลิ้งโทมัสพูดจบเขาก็ตัดสายไป มิซาโกะเห็นเขาปั่นจักรยานมาหาเธอจากด้านหลัง

    ไปไหนมาเนี่ย? แล้วนี่ไปเอาจักรยานมาจากไหน?มิซาโกะเอ่ยถามเมื่อโทมัสปั่นจักรยานมาจอดตรงหน้าเธอ

    เพื่อนของฉันมีปัญหานิดหน่อยน่ะมิซาโกะ ส่วนนี่ก็จักรยานฉันยืมเพื่อนมาเพื่อมาหาเธอเลยนะ

    มาหาฉัน? มาทำไมล่ะ?มิซาโกะทำท่าเง้างอน เธอยืนหันหลังให้โทมัสแล้วกอดอก ในเมื่อเรื่องของเพื่อนนายสำคัญกว่าแล้วนายจะมาหาฉันทำไมล่ะ?

    โทมัสจอดรถจักรยาน ก่อนจะเดินไปสวมกอดมิซาโกะ โอ๋ อย่างอนน้า มันเป็นธุระสำคัญจริงๆครับ แล้วนี่ที่ฉันมาหามิซาโกะเนี่ย เพราะฉันมีเรื่องสำคัญที่จะมาบอกเธอ ตั้งแต่ที่เราคบกันมาฉันไม่เคยทิ้งให้มิซาโกะไปไหนมาไหนคนเดียวมาก่อนเลย ครั้งนี้ครั้งแรก ฉันเลยเป็นห่วงมิซาโกะน่ะก็เลยมาหา แล้วก็กะว่า…”

    มิซาโกะหันมาถามอย่างอยากรู้กะว่าอะไร?

    โทมัสผละกอดมิซาโกะก่อนจะยิ้มแป้น ก็กะว่าจะชวนมิซาโกะไปทานอาหารเย็นด้วยกันไงครับ

    ดะ ดินเนอร์งั้นเหรอ…” มิซาโกะหน้าแดงระเรื่อ ละ แล้วเรื่องสำคัญที่นายจะบอกล่ะ?

    ถ้ามิซาโกะตกลงจะไปดินเนอร์กับฉัน ฉันก็จะคุยเรื่องนี้กับมิซาโกะที่นั่น

    ซึ่งแน่นอนว่าเธอตอบตกลงไปทานอาหารเย็นกับโทมัสทันทีโดยไม่ปฏิเสธ

     

    ณ ตอนนี้มิซาโกะและโทมัสได้มานั่งอยู่บนโต๊ะอาหาร แน่นอนว่าไม่มีอะไรจะโรแมนติกมากไปกว่านี้อีกแล้วสำหรับมิซาโกะเท่ากับการได้มาเดทช่วงเย็นด้วยการดินเนอร์สองต่อสองกับโทมัสในภัตตาคารสุดหรู

    สั่งอะไรดีครับ?โทมัสเอ่ยถามมิซาโกะ เธอเปิดเมนูไปเรื่อย ๆ และไม่ได้คิดจะสั่งอะไรเป็นพิเศษอยู่แล้ว ความจริงมิซาโกะไม่ใช่คนที่ชอบทานอาหารเย็น แน่นอนว่าตอนนี้เธอไม่หิว แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเป็นเพราะแฟนหนุ่มของเธอชวนเธอมาดินเนอร์ครั้งแรกตั้งแต่คบกันมาหนึ่งเดือนเต็ม เธอไม่อยากเสียโอกาสนี้ไป

    นายสั่งก่อนเลยโทมัสมิซาโกะวางเมนูลง ฉันขอไปเข้าห้องน้ำแป๊บนึง

    อือ ได้สิ

    มิซาโกะลุกจากโต๊ะอาหารก่อนที่เธอจะตรงไปยังห้องน้ำ เป็นจังหวะพอดีกับผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ เธอที่เขาเองก็เหมือนจะลุกไปเข้าห้องน้ำเช่นกัน

    มิซาโกะมาถึงห้องน้ำ เธอยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจก จัดผมเผ้าของตัวเองให้เรียบร้อย พร้อมกับแต่งหน้าเพิ่มอีกนิด เธอถอนหายใจยาว รู้สึกตื่นเต้น

    เธอล้วงถุงยางอนามัยที่เธอพกไว้ในกระเป๋าถือออกมาดู แน่นอน วันนี้เป็นวันที่เธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะมีเซ็กส์กับโทมัส ซึ่งนั่นเป็นครั้งแรกของเธอ

    มิซาโกะเหม่อลอยเมื่อนึกถึงว่าวันนี้เธอกำลังตัดสินใจจะทำอะไรลงไป ก่อนจะตั้งสติแล้วรีบเก็บถุงยางอนามัยเข้ากระเป๋า

    เธอเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกันกับผู้ชายที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ เธอเมื่อสักครู่โดยบังเอิญ

     

    รอนานไหมโทมัส?มิซาโกะเดินกลับมานั่งที่เก้าอี้ของเธอ โทมัสส่ายหน้าเบา ๆ เป็นเชิงว่า ไม่ ไม่นานเลย

    มิซาโกะถามต่อเมื่อนั่งประจำที่แล้ว ว่าแต่ นายสั่งอะไรบ้างล่ะ?

    ก็ หลายอย่างนะ จำไม่ได้แล้วซี…” โทมัสเกาหัวแกรก ๆ เป็นเชิงนึกไม่ออก มิซาโกะหลงใหลกับท่าทางแบบนี้ของเขาจริง ๆ จากนั้นโทมัสก็ยื่นเมนูมาให้มิซาโกะไม่คิดจะสั่งอะไรหน่อยเหรอ? สั่งเพิ่มได้นะ

    มิซาโกะโบกมือ ไม่ดีกว่า ฉันคิดว่านายคงสั่งให้ฉันเรียบร้อยแล้ว ใช่มะ?

    แหะ ๆ รู้ทันอีกโทมัสเกาหัวอีกครั้งพร้อมกับหัวเราะแห้ง ๆ

    หลังจากที่อาหารที่โทมัสสั่งมาถึงโต๊ะแล้ว โทมัสจัดการกับมันทันที ด้วยท่าทางนั้นมิซาโกะรู้ได้ทันทีว่าเขากำลังหิวมากๆ ส่วนมิซาโกะนั้นกินแค่เล็กน้อยเพราะเธอต้องรักษาหุ่น หลังจากนั้นเธอก็เอาแต่นั่งมองแฟนหนุ่มของเธอกินอาหารบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย

    กินน้อยจังเลยโทมัสมุ่ยปากเมื่อเห็นอาหารที่เหลือบนจานของมิซาโกะ

    มิซาโกะแค่นหัวเราะ เธอไม่อยากให้แฟนหนุ่มของเธอผิดหวังที่ชวนเธอมา แต่เธออิ่มแล้วจริง ๆ ฉันอิ่มแล้วน่ะโทมัส ฮะ ๆมิซาโกะนึกขึ้นได้ว่าโทมัสมีเรื่องสำคัญอยากจะบอกเธอ ว่าแต่ เรื่องสำคัญที่นายอยากจะบอกฉัน มันคือเรื่องอะไรเหรอ?

    เมื่อมิซาโกะเอ่ยถาม โทมัสที่กำลังกินอาหารอย่างเอร็ดอร่อยกลับหยุดชะงัก ก่อนจะวางส้อมและมีดลงทันที เขามีสีหน้าลำบากใจก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ แน่นอนว่าท่าทางแบบนี้ของโทมัสทำให้มิซาโกะรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาทันทีมันจะต้องมีเรื่องอะไรแน่ ๆ

    มีอะไรอย่างนั้นเหรอโทมัส? มีอะไรบอกฉันได้นะ เรื่องใหญ่มากรึเปล่า?

    คือว่าอย่างนี้นะมิซาโกะโทมัสพูดขึ้นพลางยิ้มอ่อน ๆ เขามีสีหน้าจริงจัง ฉันก็ไม่อยากจะทำแบบนี้กับเธอนะแต่พอมาคิด ๆ ดูแล้ว ตอนนี้

    มิซาโกะขมวดคิ้ว เรื่องอะไรกันโทมัส?

    มิซาโกะ

    ?

    เราเลิกกันเถอะ

    ห๊ะ!!??”

    *ตึง!!* มิซาโกะร้องห๊ะพร้อมกับตบโต๊ะเสียงดังก้องไปทั่วภัตตาคาร ทำเอาคนทั้งภัตตาคารถึงกับหันมามองเธอเป็นจุดเดียวไม่สิ สองจุดต่างหาก เพราะชายหนุ่มที่โต๊ะข้าง ๆ ของมิซาโกะเองก็มีท่าทีเดียวกันกับมิซาโกะเปี๊ยบบนโต๊ะของเขาเช่นกัน ซึ่งมันคือเหตุการณ์โคตรบังเอิญที่คนแต่งเองก็ยังสงสัย

    ทะ ทำไมมิซาโกะช็อกมาก ตอนนี้แค่เธอจะบังคับตัวเองให้นั่งลงที่เดิมยังยากเลย

    โทมัสเอามือกุมหัว เขาพยายามอธิบาย คะ คือ ฉันขอโทษมิซาโกะ ฉันคิดว่าเส้นทางของเรามันควรจะจบลงแค่นี้

    โทมัส…”

    ฉันพยามแล้ว พยามที่จะทำให้ทุกอย่างมันออกมาดีที่สุด แต่มันก็มาได้แค่นี้ฉันขอโทษ

    ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!!!!!!!” แล้วมิซาโกะก็ปล่อยโฮเสียงดังลั่นภัตตาคารพร้อม ๆ กันกับผู้ชายคนที่นั่งโต๊ะข้าง ๆ เธอเช่นกัน

     

    มิซาโกะวิ่งออกมาจากภัตตาคารทันทีที่เธอกรีดร้องออกไป ซึ่งเธอเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ามีผู้ชายอีกคนที่อยู่โต๊ะข้าง ๆ กันกับเธอก็กรีดร้องแล้ววิ่งออกมาจากภัตตาคารนั้นพร้อม ๆ กับเธอเช่นกัน

    มิซาโกะจำไม่ได้ว่าเธอวิ่งออกมาไกลแค่ไหน เธอไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงลมหวีดหวิวผ่านหูของเธอเวลาเธอวิ่ง สมองของเธอตื้อและชา มันไม่พร้อมจะรับรู้อะไรในตอนนี้ทั้งสิ้น นี่น่ะเหรอความรู้สึกที่ผู้หญิงมักจะเป็นเมื่อพวกเธออกหัก

    มิซาโกะหยุดวิ่งเมื่อเธอมาถึงฮับผับที่เปิดอยู่ใกล้ ๆ เธอเดินเข้าไปนั่งทันทีโดยไม่สนเรื่องอายุของตัวเองแล้วสั่งเครื่องดื่ม พร้อม ๆ กันกับผู้ชายที่วิ่งมาพร้อมกับเธอด้วย เธอและเขาสั่งเบียร์เหมือนกัน

    วันนี้ฮับผับแห่งนี้ไม่ค่อยมีคนเข้า ซึ่งแน่นอนว่าตอนนี้ถ้าไม่นับเจ้าของร้านก็เหลือเพียงแค่มิซาโกะกับผู้ชายปริศนาอีกคนที่วิ่งออกมาจากภัตตาคารพร้อมกันกับเธอ

    มิซาโกะร้องไห้คร่ำครวญพร้อมกับสั่งเบียร์เพิ่มไม่ยั้ง พอ ๆ กับชายหนุ่มที่นั่งข้าง ๆ เธอก็มีอาการเดียวกัน เป็นแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง

    ทำไมโทมัส นายบอกเลิกฉันทำไมเราคบกันมาตั้งหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนเลยนะ!! มาเลิกกันง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง ฉันมันไม่ดีตรงหนาย ทั้ง ๆ ที่วันนี้เป็นวันที่ฉันตัดสินใจจะมอบความบริสุทธิ์ของฉันให้นายแท้ ๆ ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆมิซาโกะร้องไห้ เธอพูดคร่ำครวญกับแก้วเบียร์ ก่อนจะเผลอไปได้ยินเสียงอีกฝ่ายที่เขาเองก็คร่ำครวญเช่นเดียวกันกับเธอ

    ทำไมล่ะฮารุจัง เธอบอกเลิกฉันทำไมเราคบกันมาตั้งหนึ่งเดือน หนึ่งเดือนเลยนะ!! มาเลิกกันง่าย ๆ แบบนี้ได้ยังไง ฉันมันไม่ดีตรงหนาย ทั้ง ๆ ที่วันนี้ฉันอุตส่าห์เตรียมซิงมาให้เสียแล้วแท้ ๆ  ฮือ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ

    เมื่อมิซาโกะได้ยินชายหนุ่มพูดประโยคเหมือนเธออย่างกับก็อปปี้วางแบบนั้น เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที เธอหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งโอดครวญกับแก้วเบียร์ในมือ เธอวางแก้วเบียร์ในมือของตัวเองลงบนโต๊ะดัง ตึง!!’ ก่อนจะเริ่มตวาดใส่ชายหนุ่มว่า นี่นาย! มาเลียนแบบคำพูดฉันทำไมยะ ห๊ะ!!”

    ชายหนุ่มหยุดร้องไห้ เขาสูดน้ำมูกดัง ฟื้ดดดดดดดก่อนจะสะบัดหน้าหันมาทางมิซาโกะ ฉันไปเลียนแบบคำพูดของเธอตอนไหน ห๊ะ!!!!” เขาตวาดกลับ เมื่อมิซาโกะเห็นใบหน้าของเขาเท่านั้นแหละ ให้ตายสิ หมอนี่หน้าตาหล่อเหลาอย่างเหลือเชื่อเลยแหละ ไม่สิ สวยต่างหาก หน้าสวยอย่างกับผู้หญิงแม้จะมีน้ำมูกน้ำตาไหลเลอะเทอะปะปนกันบนใบหน้าหล่อเหลานั่นก็เหอะ อี๋ สภาพทุเรศกว่าที่คิดไว้ซะอีก แต่ว่านะ หน้าตาดีแล้วไงล่ะ เมื่อตะกี้ยังมาริอ่านเลียนแบบคำพูดของมิซาโกะ เธอไม่ยอมแพ้ให้กับผู้ชายแบบนี้หรอก

    เอ๊ะ!! ไอ้นี่ มาปฏิเสธหน้าด้านๆแบบนี้เลยหรอ! ห๊ะ!!! เมื่อกี้ฉันได้ยินเต็มสองหูเลยนะว่านายกำลังเลียนแบบคำพูดคร่ำครวญอันแสนดราม่าของฉันอยู่น่ะ

    อ๋อหรอ ขอโทษทีนะ ฉันไม่มีจิตใจไปฟังคนอย่างเธอคร่ำครวญคำพูดแสนดราม่าแล้วเอามาเป็นแบบอย่างมาพูดหรอก ตอนนี้ฉันอกหักอยู่ เข้าใจม๊าย อกหักน่ะ!!!! คำพูดพวกนี้มันออกมาจากจิตใจอันแสนบอบบางของฉัน อย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลยยัยมนุษย์ป้า!!!”

    มนุษย์ป้าคำ ๆ นี้เพิ่มความโมโหให้มิซาโกะเป็นเท่าทวีคูณ นั่นทำเธอปรี๊ดแตก

    หนอย!! เรียกฉันว่ายัยมนุษย์ป้าหรอ ห๊า!!!!”

    ก็เออน่ะสิ ยัยมนุษย์ป้าไร้เหตุผล เอะอะ ๆ ก็โวยวาย ใส่ร้ายคนอื่น เหมือนเธอเลย!!!”

    มันจะมากไปแล้วนะ ไอ้หน้าปลาจรวด!!!” มิซาโกะโกรธมากถึงขั้นปัดแก้วเบียร์บนโต๊ะลงพื้น นั่นทำให้เจ้าของร้านไม่พอใจมากทีเดียว แต่ไหนเลยมิซาโกะจะสน ตอนนี้เธอมีคู่อริใหม่ให้ต้องจัดการเปิดศึกปะทะฝีปาก

    ปะ ปลาจรวด?ชายหนุ่มทำท่างงกับฉายาใหม่ที่มิซาโกะตั้งให้ คืออะไรอะ?

    ก็คือหน้าแกไงละ ไอ้บ้า!!!!”

    เธอนั่นแหละบ้า ยัยมนุษย์ป้า!!!!!!”

    พอได้แล้วโว้ยยยยยยยยยย!!!!!!!!!” เจ้าของร้านวิ่งเข้ามาห้าม ทั้งสองคนเลย เมาแล้วทำไมต้องหาเรื่องกันด้วย นี่ฮับผับนะครับ ไม่ใช่สนามโต้วาที สงบสติอารมณ์แล้วก็หุบปากกันได้แล้วครั…”

    มิซาโกะและชายหนุ่มหันมาทางเจ้าของผับก่อนจะตวาดพร้อมกัน แกนั่นแหละหุบปาก!!!!!!”

     

    ตลอดอายุ 17 ปีของฮิดากะ มิตสึฮิโระไม่เคยเจอเหตุการณ์อะไรแบบนี้มาก่อนนับตั้งแต่ที่พ่อเขาแอบหนีไปเที่ยวต่างประเทศกับแม่พร้อมกับทิ้งฮับผับไว้ให้เขาดูแลแทนชั่วคราว ซึ่งมิตสึฮิโระโกรธมากพร้อมสัญญากับตัวเองว่าถ้าพ่อกับแม่กลับจากเที่ยวมาเมื่อไหร่จะตามเฉ่งเป็นรายตัวเลย แน่นอนว่าเขาเองก็ไม่รู้จะรับมือยังไงกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ ลูกค้าในร้านเขาที่เหมือนเป็นโรคพิษสุนัขบ้ากำลังมีศึกกันเนื่องจากความเข้าใจผิดที่เขาเองก็ตามนั่งเผือกฟังอยู่ห่างๆ(ก็แหม) จากศึกปะทะริมฝีปากระหว่างชายหญิงหน้าตาดีสองคนที่อกหักมาพร้อมกันทั้งคู่ กำลังจะกลายเป็นศึกปาแก้วเบียร์โดยมีแก้วของร้านและหัวของเขาเป็นเดิมพัน สนามรบคือร้านของพ่อเขาเอง

    และให้ตายซี่พอเขาทนไม่ไหวออกปากห้ามศึก กลับโดนทั้งคู่ด่ากลับมาพร้อมกันเป็นใจความประมาณ หุบปาก อย่าเสือกเรื่องของพวกข้าแล้วไปให้พ้น!!”

    มิตสึฮิโระแทบอยากจะร้องไห้และร้องเหี้Eเพราะเขาไม่รู้จะทำยังไงดี จะโทรแจ้งตำรวจเขาเองก็ไม่กล้าเพราะตัวเองก็เพิ่งจะเป็นผู้เยาว์อายุยังไม่ถึงสิบแปด มาเปิดร้านพร้อมกับนั่งขายเหล้าเบียร์(แทนพ่อ)เชื่อสิว่าเขานั่นแหละจะโดนโทษที่หนักกว่าทั้งคู่ที่กำลังก่อการทะเลาะวิวาทในร้านของ(พ่อ)เขา แต่ว่านะ หญิงชายทั้งสองคนก็ใช่ว่าอายุจะถึงสิบแปด พวกเขาเข้ามาในฮับผับนี้โดยไม่แม้แต่จะชะเง้อดูป้ายคำเตือนเลยสักนิดมิตสึฮิโระถอนหายใจ เขาไม่ได้กลัวหรอกว่าสองคนนี้จะเป็นอะไรหากมีศึกปาแก้วเบียร์ แต่สิ่งที่เขาแคร์ก็คือ แก้วเบียร์ที่ราคาแสนแพงและฮับผับแสนสวยที่พ่อของเขาตกแต่งทะนุถนอมจะต้องพังพินาศ เขายังไม่อยากโดนพ่อของเขาอาละวาดเมื่อกลับมาเห็นความพินาศของร้านที่เกิดจากความขี้ขลาดของลูกชาย ความคิดเหล่านี้ทำให้มิตสึฮิโระโมโหขึ้นมาทันที เอาละ โอเค อยากมีเรื่องกันนักใช่ไหม

    เฮ้ๆ! สาวสวยและหนุ่มหล่อสองคนตรงนั้นน่ะ โอเค ผมไม่อยากจะยุ่งเรื่องของพวกคุณหรอกนะหากว่าที่นี่ไม่ใช่ร้านของ(พ่อ)ผม แน่นอนว่าผมจำเป็นต้องยุ่งเมื่อพวกคุณกำลังก่อการทะเลาะวิวาทและทำลายข้าวของของร้าน ช่วยตั้งสติกันได้แล้ว ดึงสติกันหน่อย ทั้งสองคนเลย ไม่งั้นผมจะโทรแจ้งตำรวจจริงๆด้วยมิตสึฮิโระว่าพลางชูโทรศัพท์มือถือขึ้นพร้อมกับกดหมายเลขที่จะแจ้งตำรวจไว้รอแล้ว เอาละ ทีนี้เป็นไงเป็นกัน

    ผู้หญิงและผู้ชายสองคนนั้นเหมือนจะรู้ตัวว่าพวกเขาทำอะไรกันอยู่ พวกเขาดูสงบลง ก่อนที่ฝ่ายชายจะวางแก้วเบียร์ในมือลงเช่นกัน เขาพูดขึ้น คนอย่างนิชิจิมะ ทาคาฮิโระไม่รังแกผู้หญิง โดยเฉพาะยัยมนุษย์ป้าหน้าแก่บ้าพลังและปากเน่าเฟะแบบยัยนี่ยิ่งไม่อยากจะเข้าใกล้หรือสุงสิงด้วย เฮอะ!!”

    คำพูดนี้เหมือนไปจี้อารมณ์ของอีกฝ่าย แต่เธอเหมือนกับพยามข่มอารมณ์ไว้แล้วเค้นรอยยิ้มออกมา ก็ได้ย่ะคุณเจ้าของร้าน ฉันเป็นผู้หญิงที่มีความเป็นเลดี้พอ ฉันเองก็ไม่ได้อยากจะต่อล้อต่อเถียงกับผู้ชายที่ไม่มีความเจนเทิลแถมหน้าตายังคล้ายกับปลาจรวดมิตไซส์อย่างหมอนี่เหมือนกัน!!”

    ซึ่งทั้งสองคนต่างก็แยกเขี้ยวใส่กันก่อนจะสะบัดหน้าเชิดกอดอกไม่ยอมมองหน้ากันอีก

    มิตสึฮิโระรู้สึกโล่งอกที่ศึกมันจบง่ายแบบนี้ อย่างน้อยมันก็ไม่มีอะไรเสียหายนอกจากแก้วเบียร์แก้วเดียวที่แตกกระจายบนพื้นเนื่องจากผู้หญิงคนนี้เป็นคนปัดมันลงด้วยความโมโห ซึ่งก็เหมือนเธอจะรู้ตัวและรู้สึกผิดเมื่อเห็นสายตาของมิตสึฮิโระที่มองไปยังแก้วที่แตกกระจายใบนั้น

    เธอถาม ทั้งหมดนี่เท่าไหร่คะมิตสึฮิโระเหมือนจะรู้ว่าเธออยากจะรับผิดชอบและอยากจะออกไปจากร้านนี้เร็วๆ เขารีบคำนวณเสร็จสรรพ เขาบอกราคาตามจริงพร้อมกับบวกด้วยค่าเสียหาย ผู้หญิงคนนี้จ่ายโดยไม่อิดออด เธอจ่ายมาเกินเยอะอยู่แต่ไม่รอเงินทอน ก่อนจะรีบเดินออกไปด้วยอารมณ์ที่หงุดหงิด

    ฝ่ายชายที่ชื่อทาคาฮิโระเองก็ทำท่าเหมือนจะจ่าย แต่แล้วเมื่อเขาล้วงเงินที่จะเอามาจ่าย ดูเหมือนจะมีอะไรหายไป

    เห้ย! กระเป๋าตังค์ผม!” เขาดูแตกตื่นเมื่อพบว่ากระเป๋าตังค์หาย ซึ่งแน่นอนว่ามิตสึฮิโระเองก็แตกตื่นเช่นกัน เพราะไม่อย่างนั้น ผู้ชายคนนี้ก็จะไม่มีเงินมาจ่ายค่าเบียร์ให้เขา รึเปล่านะ?

    ให้ผมช่วยหาไหม? กระเป๋าเงินลักษณะแบบไหนครับ?

    สีเทาครับ รูปร่างคล้ายกระเป๋าผู้หญิง ใบขนาดกลางและปักหมุด รู้สึกผมจะวางไว้บนโต๊ะข้างตัวผมครับ

    มิตสึฮิโระนึกลักษณะของกระเป๋า ก่อนที่เขาจะนึกออกว่าเขาเห็นมันที่ไหน เขาหันไปบอกทาคาฮิโระ ผู้หญิงคนเมื่อกี้ครับ กระเป๋าเหมือนกับที่ผู้หญิงคนเมื่อกี้ที่ล้วงเงินจ่ายเงินให้ผมเปี๊ยบเลย!”

    อะไรนะ!” ทาคาฮิโระตบโต๊ะ หนอย ที่แท้ยัยมนุษย์ป้าก็ขโมยของฉันไปนี่เอง ให้ตายสิยัยตัวแสบ! นี่เจ้าของร้าน ฉันขอติดไว้ก่อ…”

    ไม่ต้องหรอกครับ เพราะส่วนที่ผู้หญิงคนนั้นจ่ายเกินมาให้ผม มันเหมือนจะรวมกับค่าเบียร์ของคุณพอดีเป๊ะเลย

    งั้นเหรอทาคาฮิโระเหมือนโล่งอก แต่เขาก็ดูจะโกรธมากไม่น้อยเหมือนกัน เขารีบเดินตามผู้หญิงคนนั้นออกจากร้านไปทันที

     

    เมื่อมิตสึฮิโระเห็นว่าทาคาฮิโระออกไปพ้นจากร้านของเขาแล้ว เขาแสยะยิ้ม ก่อนจะหยิบกระเป๋าตังค์สีเทาของทาคาฮิโระใบนั้นขึ้นมา โง่ชะมัดเขาว่าพลางจุดบุหรี่สูบ

    นี่ก็ดึกมากแล้ว เขาคิดว่าคงจะไม่มีใครเข้าร้านเขาแล้วละ อีกอย่าง เขาง่วง พรุ่งนี้เขาต้องตื่นแต่เช้าไปโรงเรียนเพราะมันเป็นวันเปิดเทอม ซึ่งคนอย่างเขาก็ไม่อยากจะไปเรียนนักหรอก หากไม่ติดว่าพ่อโทรมาขู่เขาว่าถ้าเขาไม่ไปโรงเรียน เขาจะถูกตัดเงินเดือนละก็นะ

    ในขณะที่เขากำลังปิดร้าน จู่ๆก็มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาเขาโดยที่มิตสึฮิโระไม่ทันได้ตั้งตัว เธอโผเข้ากอดเขาแล้วจูบเขาทันที

    แน่นอนว่ามิตสึฮิโระเองก็จูบเธอกลับ เมื่อทั้งสองผละจูบกันแล้ว มิตสึฮิโระก็เปิดประเด็นถามเธอทันที ไปหักอกใครมาอีกแล้วละสิ ฮารุนะ

    ฮารุนะยิ้มให้เขาก่อนจะจูบเขาอีกครั้ง เธอกระซิบข้างหู ไปห้องนอนดัชจังกัน เดี๋ยวฉันเล่าให้ฟัง

     

    นี่ไม่ใช่คืนแรกที่พวกเขาทั้งสองคนมีเซ็กซ์กัน แน่นอน พวกเขาคบกันมานานแล้ว มิตสึฮิโระรู้นิสัยของฮารุนะดี เธอเป็นสาวรักสนุก เธอคบใครไม่ซ้ำหน้าและไม่ชอบผูกมัด บอกเลิกผู้ชายและหักอกใครต่อใครไม่เว้นวัน ยกเว้นก็แต่มิตสึฮิโระซึ่งเขาเป็นแฟนตัวจริงของเธอ พวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์แบบเปิด คบกันโดยไม่มีหึงหวง ใครจะไปนอนกับใครไม่มีใครห้าม แต่พวกเขาก็รักกันมาก

    มิตสึฮิโระรู้สึกปลดปล่อยทุกครั้งเมื่อได้นอนกับฮารุนะ เธอเป็นผู้หญิงที่แกร่งและเชี่ยวชาญในเรื่องบนเตียงพอตัวเลยละ เธอสามารถทำให้เขามีอารมณ์และสนุกกับเธอได้ทั้งคืน เขาฟังเธอเล่าเรื่องชายหนุ่มที่เธอไปหักอกเขามาในวันนี้ เธอบอกเขาว่าเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาพอตัวเลยละ จะว่าไปเธอก็แอบเสียดาย แต่ด้วยกฏเหล็กที่เธอตั้งไว้ว่าเธอจะไม่คบใครเกินหนึ่งเดือน เธอจึงต้องจำใจบอกเลิกเขา ซึ่งมิตสึฮิโระก็รู้อยู่แล้วว่าหนุ่มหล่อคนนั้นคือนิชิจิมะ ทาคาฮิโระที่มาเปิดศึกปะทะฝีปากกับผู้หญิงที่อกหักมาเหมือนกันอีกคนในร้านของเขาไม่ผิดแน่

    มิตสึฮิโระตื่นจากภวังค์ของความคิดเมื่อฮารุนะมุดเข้ามาใต้ผ้าห่มของเขาพร้อมกับเข้ามาสะกิดต่อมอารมณ์ของเขาอีกครั้ง พอแล้วมิโซโนะ ผมอยากนอนแล้ว พรุ่งนี้ผมมีเรียนนะ เธอก็มีเรียนเหมือนกันนี่

    แต่เหมือนฮารุนะจะไม่ฟังเขา เธอยังคงกระตุ้นอารมณ์ของเขาต่อไป ให้ตายสิ แต่ก็รู้สึกดีชะมัด

    เฮ้สาวน้อย ให้ตายสิมิตสึฮิโระเปิดผ้าห่มออก เขาผลักฮารุนะให้ไปนอนข้าง ๆ ก่อนที่เขาจะขึ้นคร่อมร่างเธอ

                การมีสัมผัสพิเศษไม่ได้ช่วยทำให้ชีวิตของคนอย่างเขา ซูเอโยชิ ชูตะ สงบสุขได้เลย จะบอกว่ามันโคตรจะพาเรื่องเดือดร้อนมาหาเขาโดยไม่เว้นวันเลยก็ว่าได้ สำหรับสัมผัสพิเศษที่ว่านี้ ชูตะเองไม่ได้อยากจะได้มันเลยด้วยซ้ำ เขารู้สึกเสียใจที่มีมันติดตัวมาตั้งแต่เกิด เขาเกลียดพลังนี้ ซึ่งก็ตรงกันข้ามกับคนรอบข้างที่ต่างก็พากันอิจฉาในพลังของเขา ซึ่งพลังที่ว่านี้คือหากเขาใช้มือของตัวเองสัมผัสอะไรก็ตาม ไม่ว่าจะมือข้างไหน เขาจะสามารถมองเห็นเหตุการณ์ในอดีตและอ่านความคิดคนได้

    ที่จริงแล้วมันก็ดูเจ๋งดีใช่มะสำหรับบางคน แต่หากคุณลองมาเป็นเขาดูล่ะ? คุณอาจจะไม่ได้คิดอยากจะมีไอ้พลังบ้า ๆ แบบนี้อยู่ในตัวหรอก และคุณอาจจะไม่คิดว่ามันเจ๋งอีกต่อไป

    ปัจจุบันชูตะเป็นไมเกรน เนื่องจากโรคเครียดและปัญหาต่าง ๆ ที่คอยรุมเร้าเขา แน่นอนว่าปัญหาเหล่านี้ล้วนเกิดมาจากไอ้พลังนี้ทั้งสิ้น เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงกับตัวชูตะซึ่งแน่นอนว่าไม่เหมือนในหนังเรื่องใดหรอกที่เมื่อมีสัมผัสพิเศษแค่ใส่ถุงมือก็ไม่เป็นไรแล้ว กรณีชูตะเลวร้ายกว่านั้น เขาแทบแตะอะไรไม่ได้เลยแม้แต่อากาศ เรื่องทุกอย่าง ทุกเหตุการณ์ ทุกความคิด ทุกอย่างลอยมากับอากาศ และชูตะก็อยู่กับสิ่งเหล่านี้ตลอดเวลา เขาต้องเจอกับความคิดที่หลากหลาย บางครั้งก็เจอกับเรื่องราวน่ากลัวต่าง ๆ ที่เขาเองก็ไม่อยากจะเจอ แต่เขาไม่สามารถหลีกหนีมันได้ นี่แหละคือจุดอ่อนของพลัง แม้เขาจะชินชากับมันแล้ว แต่เขายังต้องทนทุกข์ทรมานกับมันไปอีกตลอดชีวิต แม้ใคร ๆ จะบอกว่าชูตะโชคดีที่เขามีพลังที่แสนวิเศษแบบนี้ติดตัว แต่ชูตะไม่ได้ยินดีเลย เขาแทบอยากจะเปลี่ยนชื่อจากพลังวิเศษเป็นพลังแสนเฮ็งซวยไปเลยด้วยซ้ำ

    ชูตะมีความลับที่เขาเองไม่เคยเปิดเผยที่ไหนมาก่อน ความลับที่ว่านั่นคือเรื่องที่เขานั้นแอบไปชอบผู้หญิงคนหนึ่งเข้า เธอเป็นผู้หญิงที่เรียนโรงเรียนเดียวกันและห้องเดียวกันกับเขา เธอเป็นคนที่สวยมากทีเดียว หน้าตาน่ารักดูไร้เดียวสาและมีฐานะร่ำรวย แต่สิ่งที่ทำให้เธอน่าดึงดูดสำหรับชูตะไม่ใช่ความสวยหรือฐานะของเธอ หากแต่เป็นเรื่องที่เธอเป็นผู้หญิงที่คนทั้งโรงเรียนต่างไม่กล้าเข้าใกล้และไม่กล้าแตะต้อง ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าประหลาดใจสำหรับเขามาก ในสมัยมอต้นเขาเคยพยามอ่านความคิดของเธอจากการแกล้งเดินชน แต่สิ่งที่เขาได้กลับคืนมาคือความว่างเปล่า นั่นทำให้เขายิ่งสนใจเธอมากยิ่งขึ้น ไม่มีใครที่เขาไม่สามารถอ่านความคิดได้นอกจากเธอ นี่จึงเป็นสาเหตุที่ว่าทำไมเขาถึงได้ตกหลุมรักเธอ

    สำหรับวันพรุ่งนี้คือวันเปิดเรียนของโรงเรียนเขา และแน่นอน เป็นวันเปิดเรียนของเธอคนนั้นด้วย นั่นทำให้เขารู้สึกดีใจอย่างประหลาดที่จะได้เรียนร่วมห้องและอาจจะได้อยู่ใกล้ชิดกับเธออีกครั้ง

    ชูตะเดินเตะฝุ่นข้างถนนไปเรื่อย ๆ ความคิดและภาพอดีตต่าง ๆ ที่มากับอากาศถาโถมเข้ามาให้หัวของเขา แม้ว่าชูตะจะชินกับมันแล้ว แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงเป็นสาเหตุให้อาการไมเกรนของเขากำเริบและมักจะทรมานกับมันทุกครั้ง ซึ่งนั่นมันก็ไม่เจ๋งเลย

    ในระหว่างที่ชูตะกำลังจมอยู่กับความคิดของตัวเอง เขาเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ทำให้คนอย่างเขาแทบจะล้มทั้งยืน มันเป็นภาพที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะได้เห็น

    ผู้หญิงที่เขาแอบชอบกำลังเดินถือของมากับผู้ชายแปลกหน้า! เห้ย ให้ตายสิ เขาทั้งตกใจและแปลกใจ แต่เดี๋ยวนะทำไมเขาถึงได้รู้สึกเจ็บปวดแบบนี้ ถึงแม้ว่าเหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้าของเขามันอาจจะไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ซี่งแน่นอนว่าคนอย่างเธอไม่มีวันที่จะเข้ากับใครได้ ยิ่งคิดว่านั่นคือแฟนหนุ่มของเธอนั่นยิ่งเป็นไปไม่ได้! ชูตะไม่ได้ดูถูกเธอ เธอเป็นคนที่สวยและไม่ใช่เรื่องแปลกถ้าหากจะมีคนมาหลงชอบเธอ แต่ฮึ่ย! ให้ตายสิ หมอนี่มันใครวะ นี่เขากำลังหึงเธอสินะ ไม่ว่าชายหนุ่มคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม แต่แน่นอนว่าตอนนี้เขาได้ถูกชูตะผูกใจเจ็บเอาไว้แล้ว

    ชูตะไม่ใช่คนอารมณ์ร้าย ทั้ง ๆ ที่เขาผ่านเรื่องราวอะไรมามากมาย มีพลังที่ผิดมนุษย์มนา แต่เขาก็เป็นคนที่สุขุมมากทีเดียว กลับกัน ชูตะเป็นคนที่เก็บกดและน่ากลัวมาก ๆ เลยล่ะหากเขาได้ระบายมันออกมา

    ยิ่งเป็นเรื่องที่กระทบจิตใจของเขาอย่างรุนแรงด้วยล่ะก็

    แต่ชูตะไม่ใช่คนไร้เหตุผล ฉันต้องรู้ให้ได้ว่าคน ๆ นั้นคือใครชูตะตัดสินใจที่จะเดินตามสองคนนั้น เขายังไม่ปักใจเชื่อหรอกว่าสองคนนั้นจะมีความสัมพันธ์กันอย่างที่เขาคิดหากยังไม่ได้พิสูจน์ ในขณะนั้นเองจู่ ๆ ชูตะก็เหลือบไปเห็นหญิงสาวอีกคนที่กำลังเดินตามสองคนนั้นจากซอยตรงข้ามมาเหมือนกัน เพียงแค่เขาเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นแค่แว้บเดียว เขาก็รู้ได้ทันทีว่านั่นคือ อุโนะ มิซาโกะ ผู้หญิงอันตรายมาดสาวมั่นผู้ไม่กลัวใคร ซึ่งหากเป็นไปได้ การถอยห่างจากผู้หญิงคนนี้เป็นเรื่องดีที่สุดที่ควรทำ

    แต่เดี๋ยวนะ!! นั่นเธอกำลังทำอะไรน่ะ!? แน่นอนว่าชูตะไม่ไว้ใจผู้หญิงคนนี้ เขาเดาว่าการทำตัวเป็นสตอล์กเกอร์ของมิซาโกะมันต้องมีอะไรที่ทำให้เธอต้องสนใจติดตามสองคนนั้นแน่ ๆ

    ชูตะเดินตามไปอย่างเงียบ ๆ เขาสะกดรอยตามหญิงชายคู่นั้นและมิซาโกะ จนกระทั่งมาถึงสถานที่ ๆ น่าจะเป็นหอพักของชายหนุ่มคนนั้น

    ชูตะกำหมัดแน่นเมื่อเห็นเธอคนนั้นเดินเข้าไปในห้องตามคำเชื้อเชิญของชายหนุ่ม แม้เขาจะยังไม่ปักใจเชื่อว่าสองคนนี้อาจจะไม่ใช่แฟนกัน แต่เขาก็ยังอดจินตนาการในสิ่งที่ไม่อยากคิดไม่ได้ว่าพวกเขากำลังเข้าไปทำอะไร ถึงอย่างนั้นชูตะก็ไม่มีทางถอดใจ เขายังคงยืนคอยเฝ้าหอพักนั้นไว้ เผื่อว่าเธอคนนั้นอาจโดนหักหลังจากชายหนุ่มคนนั้นขึ้นมา เขาอาจจะช่วยเธอได้

    ชูตะผละความสนใจจากประตูก่อนจะหันมาแอบมองพฤติกรรมของมิซาโกะแทน แน่นอนว่าลางสังหรณ์เขาไม่เคยผิด มิซาโกะต้องการ อะไรจากสองคนนั้นจริง ๆ ตอนแรกเขาไม่ได้สังเกตว่าก่อนหน้านี้มิซาโกะทำอะไรในขณะที่เขากำลังจ้องมองผู้หญิงที่เขาแอบชอบเดินตามผู้ชายคนนั้นเข้าห้องไป แต่ตอนนี้เขาเห็นมิซาโกะเก็บบางอย่างเข้ากระเป๋าก่อนจะแสยะริมฝีปากยิ้มอย่างมีชัย นั่นทำให้ชูตะรู้สึกโกรธกับท่าทางแบบนั้นของเธอมาก เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เธอกำลังจะทำต่อจากนี้มันเป็นเรื่องที่ดีนักหรอก

    มิซาโกะเดินออกมาจากสถานที่แห่งนั้น พร้อมๆกับที่ชูตะเดินตามเธอไปด้วย ชูตะพยามคิดหาวิธีที่จะแตะตัวของมิซาโกะเพื่ออ่านความคิดของเธอ เขาต้องรู้ให้ได้ว่ามิซาโกะกำลังคิดจะทำอะไรไม่ดีกับผู้หญิงที่เขาชอบหรือเปล่า ซึ่งเป็นเรื่องที่ชูตะจะปล่อยไว้ไม่ได้

    หลังจากที่เดินออกมาสักพัก เหมือนมิซาโกะจะรู้สึกตัวว่ามีคนตามเธอ เธอหยุดเดิน ก่อนจะหันหลังมามอง จากนั้นก็หันซ้ายเหลียวขวาเหมือนกับจะดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครตามเธอมา ชูตะรู้อยู่แล้วว่ามันต้องเป็นแบบนี้ เขาซ่อนตัวได้ดี และกำลังรอจังหวะที่จะเข้าไปหามิซาโกะเพื่อที่จะถามเรื่องที่เกิดขึ้น ทว่า จู่ ๆ มือถือของมิซาโกะก็ดังขึ้น เธอรับและพูดสาย จากนั้นสักพักชูตะก็เห็นผู้ชายชาวต่างชาติปั่นจักรยานผ่านเขาไปพร้อมกับตรงไปหาเธอใช่แล้ว หมอนั่นคือโทมัส แฟนหนุ่มของมิซาโกะ เขาเห็นสองคนนี้คุยกันอยู่สักพัก ก่อนที่มิซาโกะจะซ้อนจักรยานของโทมัสไป นั่นทำให้ชูตะพลาดโอกาส! แต่เขาก็ไม่กล้าพอที่จะออกไปถามมิซาโกะโต้งๆต่อหน้าแฟนของเธอหรอก เขารู้ เธออาจบอกว่าเขาใส่ร้ายเธอและเขาอาจถูกจับได้ว่าเขาเองก็ตามแอบดูพฤติกรรมของสองคนนั้นเหมือนกัน ถึงแม้ว่าเขาจะหมดโอกาสในการสืบหาความจริงต่อ แต่เชื่อสิ เขาจะขัดขวางทุกทางแน่ถ้าหากมิซาโกะคิดจะทำอะไรก็ตามที่ทำให้ผู้หญิงที่เขาชอบอยู่ต้องเดือดร้อน

    ชูตะเลิกคิดถึงเรื่องของมิซาโกะ ก่อนจะพุ่งความสนใจไปยังหอพักของผู้ชายคนนั้นแทน

    เขายืนเฝ้าที่นั่นเป็นเวลาหลายชั่วโมง ซึ่งตัวเองก็จำไม่ได้ว่านานแค่ไหน เขารู้แค่เพียงว่า ทำไมจนป่านนี้ เธอคนนั้นยังไม่ออกมาจากหอพักหลังนั้นอีก นี่ก็เริ่มดึกแล้วด้วย

    ในขณะที่ชูตะกำลังกังวลอยู่นั้น เป็นจังหวะเดียวกันกับที่เขาเห็นทั้งสองคนออกมาจากหอพักนั่นพอดี พวกเขายิ้มแย้มแจ่มใส ซึ่งนั่นก็ทำให้ชูตะรู้สึกโล่งอก แต่ก็รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย เขารู้สึกอิจฉาชายหนุ่มผู้โชคดีคนนั้นจริง ๆ

    ในขณะที่ชายหนุ่มคนนั้นทำท่าว่าจะไปส่งผู้หญิงที่เขาชอบกลับบ้าน ชูตะเองก็กะว่าจะตามไปอารักขาเธออยู่ห่าง ๆ แต่ทว่า

    หวัดดีพ่อสตอล์กเกอร์เสียงของผู้ชายดังขึ้นจากด้านหลังของชูตะ บุคคลปริศนาพูดพลางเอามือตบไหล่ชูตะเบา ๆ ชูตะหันหลังไปมองบุคคลผู้นั้นทันทีอย่างตกใจ

    นะ นายเป็นใคร?!”

    ชู่ว ~ เบา ๆ สิ เดี๋ยวสองคนนั่นก็เห็นพวกเราหรอกผู้ชายคนนั้นทำท่าเอานิ้วชี้แตะปาก ชูตะรู้ตัวว่าเมื่อกี้ตัวเองเผลอเสียงดัง เขารีบหันกลับไปมองยังบุคคลสองคนที่เขากำลังแอบตามอยู่ และก็ต้องโล่งอกเมื่อเห็นว่าสองคนนั้นยังไม่รู้ตัว

    ชูตะหันไปถามอีกรอบ สรุปว่านายเป็นใคร แล้วมาทำไมเนี่ย

    ชายคนนั้นยักไหล่ นายจะรู้ไปทำไมเล่า ~ ก็ไม่ได้อยากบอกหรอกนะว่าฉันคือ…” ผู้ชายคนนั้นพูด วางมาดพร้อมกับทำท่ากอดอก เก๊กเตรียมบอกชื่อ แต่ไหนเลยที่ชูตะจะสนใจเขา

    เฮ้ๆ นายกำลังทำฉันคลาดกับสองคนนั่นนะ!” ชูตะโวยและเหมือนจะไม่ได้สนใจผู้ชายคนนี้ที่กำลังเก๊กท่ารอเตรียมแนะนำตัวอยู่

    ผู้ชายคนนี้รู้สึกเสียเซลฟ์เล็กน้อย จะตามไปทำไม บ้านผู้หญิงคนนั้นอยู่ใกล้แค่ข้ามซอย…” เขาเบะปาก หรือนายสนใจไอ้ผู้ชายคนนั้นมากกว่า

    นี่! ฉันไม่รู้จักแกนะโว้ย อย่ามายุ่งเรื่องของคนอื่นได้มะเห้ย!!!!!!!” ชูตะร้องลั่นเมื่อผู้ชายคนนั้นเอามือของเขามาแตะกับมือของชูตะ ภาพอดีตและความคิดของผู้ชายคนนั้นหลั่งไหลเขาสู่หัวสมองของชูตะอย่างรวดเร็ว ใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที ชูตะก็รู้เรื่องของชายคนนี้จนหมดเปลือก

    โอเค ฉันแนะนำตัวเองก็ได้ ฉันอุราตะ นาโอยะในที่สุดเขาก็แนะนำตัวอย่างจริงจัง ฉันเป็นใครนายเองก็คงรู้หมดแล้วล่ะมั้ง คราวนี้รู้จักยังล่ะ

    เฮ้…” ชูตะมองนาโอยะอย่างระแวง นายรู้พลังของฉันได้ยังไง

    อ้าว ในความคิดฉันไม่ได้บอกเอาไว้หรอกเหรอ หวา แย่จัง

    ชูตะเข้าประเด็นทันที โอเค ไม่ถามเรื่องนั้นก็ได้ แต่สิ่งที่ฉันต้องการถามในตอนนี้ก็คือ จุดประสงค์ที่นายมาที่นี่

    บอกก็ได้นาโอยะมุ่ยหน้า ฉันแค่สงสัยว่ายายนั่นมันแปลกยังไง

    เป็นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วยชูตะพยักหน้าอย่างเข้าใจ นายก็เลยตามมาส่องพฤติกรรมของเธองั้นเหรอ?

    เปล่านาโอยะปฏิเสธด้วยท่าทางจริงจัง คนอย่างฉันไม่เสียเวลามาเดินตามสังเกตผู้หญิงต้อย ๆ อย่างนายหรอก

    คำพูดแบบนี้ทำเอาชูตะเกือบจะชกหน้าหมอนี่เข้าให้แล้ว แต่เขาก็ปล่อยให้นาโอยะพูดต่อไป คนที่ฉันมาหามันคือนายต่างหากละซูเอโยชิคุง

    ฉัน?เขาชี้ไปที่ตัวเอง

    ใช่ จุดประสงค์ที่ฉันมาที่นี่ เพื่อมาหานายเพราะคิดว่ายังไงนายก็ต้องอยู่ที่นี่ และถ้าถามว่าฉันมาหานายทำไม เหตุผลก็คือ ในวันเปิดเทอมฉันมีชมรมอยู่ชมรมหนึ่ง และฉันก็อยากให้นายเข้าร่วม

    เห? มาหาเพื่อมาดักชวนฉันเข้าชมรมเนี่ยนะ?

    แน่นอนที่สุด!” นาโอยะกอดอกอย่างมั่นอกมั่นใจ ตกลงไหมล่ะ?

    ชมรมอะไรล่ะ?

    “Attack All Around”

    นั่นชื่อชมรม?ชูตะขมวดคิ้วอย่างสงสัย ชื่ออย่างกับหนังไซไฟหรืออะไรสักอย่าง

    เออน่า ตกลงจะเข้าหรือไม่เข้า?นาโอยะเริ่มรำคาญ ซึ่งเป็นท่าทางที่ชูตะไม่ค่อยจะปลื้มนักหรอกเมื่อใครก็ตามนั้นจะขอร้องเขาแต่กลับทำท่าทางรำคาญใส่เขา

    ขอคิดดูก่อน ถ้าฉันไม่เจอชมรมที่เจ๋งกว่านี้ซะก่อนน่ะนะชูตะว่าพลางยักไหล่แล้วเดินหนี นาโอยะท้วงเขา

    เฮ้ จะไปไหน ยังคุยกันไม่จบเลยนะเฟ่ย!”

    จะกลับบ้าน! ฉันไม่มีอารมณ์จะมาตามใครแล้วโว้ย!” ชูตะหันมาทำสีหน้าหงุดหงิดใส่นาโอยะ ก่อนจะเดินออกไป

     

    อย่างงั้นเหรอนาโอยะพึมพำกับตัวเองเมื่อเขาเห็นชูตะเดินไปไกลแล้ว เขาจุดบุหรี่สูบ เดี๋ยวก็รู้อะไรที่จะทำให้นายยอมเข้าชมรมนี้ นายไม่มีทางหนีพ้นชะตากรรมที่ถูกกำหนดไว้หรอกนะซูเอโยชิคุง


    .......................................................................................................................................................................................

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×