ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sunshine of Love : อ้อมกอดดวงตะวัน

    ลำดับตอนที่ #1 : Sunshine of Love : อ้อมกอดดวงตะวัน 1

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 50


    บทที่ 1
    “ตะวันจะว่ายังไงบ้างคะ…”

    คุณสินี นราภัทร มองบุตรสาวอย่างชั่งใจก่อนจะหลุดคำพูดออกไปอย่างระมัดระวัง

    “ถ้าแม่คิดจะแต่งงานใหม่”

    ประโยคสุดท้ายทำเอาพิชญ์ตะวัน นราภัทร ตะลึงไปพักหนึ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อหู คุณสินีมารดาผู้แสนดีที่ครองความเป็นหม้ายมาเกือบสิบปีหลังจากสามีสุดที่รักและบิดาของพิชญ์ตะวันจากไปด้วยอุบัติเหตุ มันนานมากจนเธอวางใจว่าแม่ของเธอคงไม่คิดจะหาใครมาแทนที่พ่อแต่ตอนนี้แม่กลับบอกว่าจะแต่งงานสิ่งที่ได้ยินมันเป็นเรื่องน่าตกใจ ไม่น้อยสำหรับเธอ

    “กับใครคะ” พิชญ์ตะวันเอ่ยถามหลังจากนิ่งเงียบไปพักใหญ่
     
    “คุณอาพิมานค่ะคนที่เป็นหุ้นส่วนกับบริษัทเราไงคะ” คุณสินีตอบพร้อมกับสังเกตสีหน้าของอีกฝ่าย

    “แล้วพวกพี่ๆว่ายังไงบ้างคะ” พิชญ์ตะวันหมายถึง อัสนี-วายุ นราภัทร พี่ชายอีกสองคนของเธอ

    “อัสกับวาบอกให้แม่มาถามตะวันเค้าให้ตะวันตัดสินใจ”

    พิชญ์ตะวันมองหน้าคุณสินีอย่างครุ่นคิดและพยายามอย่างยิ่งที่จะเข้าใจความรู้สึกของมารดา ความจริงก็น่าเห็นใจแม่ของเธอไม่น้อยถึงแม้ว่าอายุของคุณสินีจะล่วงเลยมาจนถึงวัยสี่สิบกะรัตแล้วแต่ด้วยความที่ไม่เคยลำบากทำให้แม่ของเธอยังสาวและสวยพริ้ง หลังจากที่คุณตรีภพบิดาของพิชญ์ตะวันเสียชีวิตก็ได้ทิ้งสมบัติเอาไว้มากมายขนาดที่ลูกเมียใช้ฟุ่มเฟือยตลอดชีวิตก็ไม่หมดและใช่ว่าเธอจะไม่ทราบว่ามีผู้ชายมากมายเช่นกันที่ต้องการจะเด็ดกระดังงาฝังเพชรเช่นมารดาของเธอไปเชยชมแต่คุณสินีกลับไม่เคยสนใจใครอย่างจริงจัง มาวันนี้มารดาบอกว่าจะแต่งงาน แน่นอนว่าคุณพิมานคนนี้ย่อมต้องมีอะไรดีอยู่ในตัว

    “ตะวัน”คุณสินีเอ่ยชื่อลูกสาวเบาๆพร้อมกับขยับตัวอย่างอึดอัดเมื่อเห็นพิชญ์ตะวันนิ่งไปนาน

    “แม่รักเค้าหรือเปล่าคะ” พิชญ์ตะวันหลุดคำถามออกไปอย่างยากเย็นพร้อมกับกลั้นหายใจรอฟังคำตอบ

    คุณสินีพอจะเข้าใจความรู้สึกของลูกสาว ด้วยความที่เป็นลูกสาวคนเล็กและคนเดียวของครอบครัวพิชญ์ตะวันจึงได้รับความรักและเอาใจใส่จากคุณตรีภพบิดาอย่างล้นเหลือไม่เคยมีสิ่งใดที่พิชญ์ตะวันต้องการแล้วบิดาหามาให้ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ในความรู้สึกของลูกคุณตรีภพคือฮีโร่ คือคนที่พิชญ์ตะวันไม่ต้องการให้ใครมาแทนที่และลบภาพพ่อออกไปจากหัวใจของแม่ คุณสินียิ้มให้ลูกสาวอย่างอ่อนโยนพร้อมกับรั้งตัวลูกสาวเข้ามากอด

    “ตะวันจ๋า…แม่รู้ว่าตอนนี้ตะวันกำลังกลัวและไม่แน่ใจต่อสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น แม่อยากให้ตะวันรู้ว่าถึงแม้ว่าแม่จะมีใครเข้ามาในชีวิตแต่รับรองได้ว่าจะไม่มีใครมาแทนที่พ่อของลูกได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นหรือเปลี่ยนแปลงไปแค่ไหนพ่อของลูกจะเป็นที่หนึ่งเสมอในใจแม่”

    คุณสินีลูบหัวลูกสาวเบาๆอย่างปลอบโยน และด้วยคำพูดนี้เองทำให้พิชญ์ตะวันตัดสินใจได้ในวินาทีนั้น

    “ถ้ามันเป็นความสุขของแม่ตะวันก็ไม่ขัดข้องค่ะ”

    พิชญ์ตะวันบอกออกไปอย่างนั้นทั้งๆที่ยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าจะทนได้หรือไม่ที่จะเห็นผู้ชายอีกคนมาแทนที่พ่อของเธอ แม่เสียสละมามากและไม่เคยเอ่ยปากบ่นหรือขออะไรจากลูกๆเลยมาวันนี้สิ่งที่แม่ขอกลับทำให้พิชญ์ตะวันต้องคิดหนักแต่เธอจะเห็นแก่ตัวทำลายความสุขของแม่ได้อย่างไร ถ้าคุณพิมานคนนั้นเป็นคนที่จะทำให้แม่มีความสุขและมีชีวิตครอบครัวที่สมบูรณ์ถึงแม้จะแลกด้วยความสุขของเธอพิชญ์ตะวันก็ยินดี

    “ขอบ…ขอบใจมากลูก”

    คุณสินียิ้มอย่างยินดี เธอคิดไม่ผิดจริงๆที่ลองคุยกับลูกด้วยเหตุผลตามที่คุณพิมานแนะนำ ทั้งๆที่ตอนแรกเธอกลัว..กลัวเหลือเกินว่าลูกจะรับไม่ได้ในเรื่องนี้ อัสนีกับวายุคงไม่มีปัญหาเพราะต่างโตเป็นผู้ใหญ่แล้วและถึงแม้จะสนิทกับพ่อแต่ก็ไม่ได้ฝังจิตฝังใจเหมือนน้องสาวคือพิชญ์ตะวันที่เอาแต่ลงโทษตัวเองว่าเป็นต้นเหตุให้บิดาเสียชีวิตจากเด็กสาวที่เคยร่าเริงดวงตาพร่างพราวอย่างคนที่มีพร้อมทุกสิ่งและมีความสุขอย่างล้นเหลือกลับกลายเป็นอีกคนที่ดูเงียบขรึมและนิ่งจนบางครั้งคุณสินีซึ่งเป็นแม่แท้ๆยังอ่านไม่ออก
    ***********************************
    เย็นวันต่อมาระหว่างที่พิชญ์ตะวันกำลังคุยอยู่กับอัสนีและวายุภายในบ้านคุณสินีก็กลับเข้ามาพร้อมกับชายหญิงคู่หนึ่ง

    “อัส วา ตะวัน นี่คุณอาพิมานค่ะลูก”

    อัสนี วายุและพิชญ์ตะวันต่างลุกขึ้นยืนและไหว้ชายวัยกลางคนท่าทางภูมิฐานตามที่มารดาแนะนำ คุณพิมานรับไหว้ลูกทั้งสามของคุณสินีอย่างนุ่มนวลจนพิชญ์ตะวันเองยังอดชมอยู่ในใจไม่ได้

    “สวัสดีครับนี่ลูกสาวอา พิมพ์…พิมพ์มาดา” คุณพิมานแนะนำหญิงสาวที่ตามมาด้วย

    “ยินดีที่ได้รู้จักครับคุณพิมพ์” อัสนี-วายุ นราภัทร ทักทายพิมพ์มาดาอย่างเป็นกันเองตามนิสัยที่ขี้เล่นและเข้ากับคนได้ง่ายส่วนพิชญ์ตะวันเพียงแต่พยักหน้าและยิ้มให้อีกฝ่ายเล็กน้อยเท่านั้น

    “ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันค่ะ” พิมพ์มาดา ธีรวัฒน์ ทักทายตอบพร้อมกับยิ้มให้อัสนีและวายุอย่างอ่อนหวานทั้งเผื่อแผ่ไปยังอีกคนที่ยืนอยู่หลังสุดด้วย

    สวย…พิชญ์ตะวันคิดในใจ ผู้หญิงผมยาว ผิวขาวอมชมพู รูปร่างกลมกลึงสวยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าและเธอไม่คิดว่าพี่ชายทั้งสองคนของเธอจะตาบอดจนมองไม่เห็นความสวยนี้ ยิ่งเห็นท่าทางของพี่ชายที่ต่างแย่งกันเป็นสุภาพบุรุษบนโต๊ะอาหารก็ยิ่งทำให้พิชญ์ตะวันมั่นใจว่าพี่ชายทั้งสองคนของเธอกำลังหลงเสน่ห์ผู้หญิงที่กำลังจะมาเป็นสมาชิกอีกคนหนึ่งของครอบครัวเข้าให้แล้วและตัวเธอเองล่ะ…กำลังหลงอยู่ในวังวนเสน่ห์ของผู้หญิงคนนี้หรือเปล่า…พิชญ์ตะวันได้แต่ตั้งคำถามให้กับตัวเอง

    หลายครั้งหลายคราบนโต๊ะอาหารที่ดวงตาคมๆของพิชญ์ตะวันประสานเข้ากับดวงตาหวานซึ้งโดยไม่ตั้งใจต่างก็นิ่งอยู่อย่างนั้นชั่วครู่เหมือนอยากจะอ่านความรู้สึกอีกฝ่ายและแล้วก็เป็นเจ้าของใบหน้างดงามที่ส่งรอยยิ้มหวานๆมาให้พร้อมกับเป็นฝ่ายเมินหลบก่อนทุกครั้งโดยไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นก็ทำเอาหัวใจของพิชญ์ตะวันกระตุกได้ทุกครั้งเช่นกัน

    งานแต่งงานเล็กๆ ถูกจัดขึ้นที่บ้านของฝ่ายเจ้าสาวเนื่องจากเป็นความประสงค์ของคู่บ่าวสาวเองที่ ไม่ต้องการให้เอิกเกริกด้วยต่างมีอายุและผ่านการแต่งงานมาแล้วทั้งคู่

    “แก่แล้วอายเด็กมัน” นี่คือเหตุผลที่เจ้าบ่าวบอกแก่ญาติสนิทที่ได้รับเชิญมาในงาน

    ความจริงคุณพิมานก็ไม่เลวนักหรอกในความคิดของพิชญ์ตะวันหลังจากที่ได้มีโอกาสพบปะกันหลายครั้งโดยความตั้งใจของคุณสินีที่ต้องการสร้างความเป็นกันเองให้กับว่าที่สามีและลูกๆ คุณพิมานถือได้ว่าเป็นผู้ชายที่มีความสามารถคนหนึ่งเลยทีเดียวไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถตั้งตัวจากคนที่ไม่มีอะไรจนเข้าขั้นมหาเศรษฐีอย่างทุกวันนี้ เมื่อคิดถึงคุณพิมานพิชญ์ตะวันก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงใครอีกคนที่เกี่ยวข้องกับคุณพิมาน..

    พิมพ์มาดาผู้หญิงสวยจัดเสน่ห์แรงคนนั้นนับวันก็ยิ่งทำให้อัสนีและวายุหลงใหลมากขึ้นพี่ชายทั้งสองคนของเธอต่างแย่งกันเอาอกเอาใจผู้หญิงคนนั้นจนออกนอกหน้าและมันก็ทำให้พิชญ์ตะวันหงุดหงิดได้ทุกครั้งที่เห็น

    “ตะวันขา” เสียงหนึ่งกระซิบอย่างเย้ายวนอยู่ข้างหู

    “คะ”

    “คิดอะไรอยู่คะ” สร้อยแก้วม่ายสาวคนสวยคู่ควงคนล่าสุดถามขึ้นพร้อมกับเบียดร่างอวบอิ่มเข้ามาจนชิดร่างสูงเพรียวของพิชญ์ตะวัน

    “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” พิชญ์ตะวันพุ่งสายตามองไปยังสระว่ายน้ำเบื้องหน้าเหมือนกับเป็นสิ่งที่น่าสนใจเต็มประดาก่อนจะตอบเสียงเรียบ

    “ไม่บอกก็ไม่เป็นไรค่ะแต่หวังว่าคงไม่ใช่กำลังคิดถึงผู้หญิงคนอื่นอยู่นะคะ” คำพูดของสร้อยแก้วจี้ใจดำจนพิชญ์ตะวันต้องเสยิ้มและรวบร่างอีกฝ่ายเข้ามากอดเพื่อกลบเกลื่อน

    “อยู่กับคุณตะวันไม่มีแก่ใจคิดถึงคนอื่นหรอกค่ะ” พิชญ์ตะวันพูดอย่างเอาใจ

    “แหม…ให้มันจริงเถอะค่ะ” สร้อยแก้วยิ้มอย่างยั่วยวนก่อนจะโน้มใบหน้าของพิชญ์ตะวันลงมาหาแล้วจูบอย่างดูดดื่ม ...ดีนะที่ตอนนี้คนอื่นกำลังวุ่นวายอยู่ในงานกันหมดไม่เช่นนั้นถ้ามีใครมาเห็นเข้าคงได้หัวใจวายกันบ้างล่ะ พิชญ์ตะวันคิดอย่างขันๆ ความจริงเรื่องที่เธอมีรสนิยมแบบนี้ก็ไม่ได้เป็นความลับแต่อย่างใดด้วยรูปร่างที่สูงเพรียวทรงผมสไลด์สั้นที่รับกับใบหน้าคมเข้มประกอบกับท่าทางห้าวเกินหญิงที่เธอไม่คิดจะปกปิดทำให้พิชญ์ตะวันแน่ใจว่าแม่และคนอื่นทราบเพียงแต่ไม่เคยมีใครคิดจะถามเท่านั้นและพิชญ์ตะวันเองก็มองไม่เห็นประโยชน์อันใดที่จะอธิบายเนื่องจากเธอคิดว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวและชีวิตก็เป็นของเธอพิชญ์ตะวันคิดว่าตัวเองมีสิทธิ์จะเลือกทางเดินของตัวเอง

    …พิมพ์มาดาถอยห่างออกมาอย่างเงียบกริบหลังจากตะลึงทำอะไรไม่ถูกไปชั่วครู่ด้วยไม่คิดว่าจะ
    เข้ามาพบกับฉากรักของผู้หญิงกับผู้หญิงเข้าโดยไม่ตั้งใจตอนแรกเธอเพียงแค่คิดอยากจะหลบความวุ่นวายของ
    งานเลี้ยงตรงส่วนหน้าของบ้านมานั่งพักเหนื่อยสักครู่หลังจากที่ต้องทนนั่งพูดคุยกับพวกผู้ชายซึ่งพูดมากและ
    เอาอกเอาใจจนน่ารำคาญแต่ไม่นึกว่าจะมาเจอกับภาพที่ทำเอาเธอหัวใจแทบวายเช่นนี้

    พิมพ์มาดากำลังนึกถึงพิชญ์ตะวัน นราภัทร ผู้หญิงรูปร่างสูงเพรียวท่าทางคล้ายชายคนนั้นนับจาก
    วันแรกที่พบกันวันที่พ่อพาเธอมาที่บ้านหลังนี้เพื่อแนะนำให้รู้จักกับลูกๆของคุณอาสินี ผู้หญิงที่พ่อจะแต่งงานด้วย วันนั้น..เพียงแวบแรกที่สบตาพิมพ์มาดาก็รับรู้ได้ถึงความระแวงแคลงใจในดวงตาคมๆ คู่นั้นและด้วยท่าทีที่เงียบขรึมบวกกับสายตาที่มองเธอและพ่ออย่างครุ่นคิดบนโต๊ะอาหารในวันนั้นทำให้พิมพ์มาดาประจักษ์ชัดว่ายังมีคนอีกผู้หนึ่งที่ไม่ได้มีความสุขนักกับการที่พ่อของเธอและคุณสินีจะใช้ชีวิตร่วมกัน

    “คุณพิมพ์หายไปไหนมาครับผมตามหาซะแทบแย่” อัสนี นราภัทร รีบเดินเข้ามาหาหลังจากที่พิมพ์มาดาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยจนเดินกลับเข้ามาในงานโดยไม่รู้ตัว

    “พิมพ์อึดอัดค่ะก็เลยเข้าไปนั่งพักข้างใน” พิมพ์มาดาฝืนยิ้มให้อีกฝ่าย

    “แหม เสียดายจริงน่าจะชวนผมบ้างจะได้ไปนั่งเป็นเพื่อนคุย”

    พิมพ์มาดาแอบถอนหายใจอย่างรำคาญในการตามติดทุกฝีก้าวของอีกฝ่ายถ้าไม่บังเอิญไปเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็นซะก่อนป่านนี้เธอคงได้นั่งพักอย่างสบายใจไปแล้ว

    “ อะแฮ่ม คุยอะไรกันอยู่ครับ” วายุ นราภัทร มายืนอยู่ตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ

    “อ้าว..วามีอะไรเหรอ” อัสนีถามน้องชายอย่างสงสัย

    “ถึงเวลาส่งตัวเจ้าบ่าวเจ้าสาวแล้วครับ”

    “อ้าวเหรอแล้วไปเรียกเจ้าตะวันรึยัง” อัสนีและวายุมักเรียกพิชญ์ตะวันอย่างนี้เสมอจนติดปาก

    “ให้คนไปตามแล้วครับเดี๋ยวคงมา ไปเถอะครับน้องพิมพ์” วายุตอบพี่ชายพร้อมกับหันมาชวน
    พิมพ์มาดาซึ่งตอนนี้กำลังนึกสงสารคนที่ได้รับคำสั่งให้ไปตามพิชญ์ตะวันถ้าเกิดเข้าไปเห็นฉากเลิฟซีนนั่นเข้า
    คงถึงกับช็อคแน่ขนาดเธอซึ่งไปเรียนเมืองนอกเมืองนามาซะนานเห็นเรื่องแบบนี้มาก็เยอะยังแทบช็อคนี่นา
    พิมพ์มาดาคิดขณะเดินตามสองพี่น้องไปยังห้องหอเพื่ออวยพรให้กับบิดาและคุณสินี

    …พิชญ์ตะวันเข้ามาในห้องเป็นคนหลังสุดหลังจากที่ทุกคนอวยพรกันหมดแล้ว

    “ขอให้แม่มีความสุขมากๆนะคะ” พิชญ์ตะวันก้มลงกอดมารดาที่นั่งอยู่บนเตียงพร้อมกับจูบที่แก้มจากนั้นก็หันมาพูดกับคุณพิมาน

    “หวังว่าคุณอาคงจะทำให้แม่มีความสุขนะคะ” คุณพิมานยิ้มให้พิชญ์ตะวันอย่างอบอุ่นก่อนที่จะเอื้อมมือมาบีบกระชับที่ไหล่ “อาสัญญาว่าจะทำหน้าที่สามีให้ดีที่สุดและหวังว่าตะวันจะให้โอกาสอาได้ทำหน้าที่พ่อที่ดีด้วยนะ”

    พิชญ์ตะวันสบตากับบิดาเลี้ยงชั่วครู่พร้อมกับเอ่ยขอตัวและถอยห่างออกมาอย่างนุ่มนวลโดยไม่พูดอะไรอีก

    คุณพิมานหันไปสบตาภรรยาพร้อมกับยิ้มปลอบใจมันคงต้องใช้เวลาในการที่เขาจะ พิสูจน์ตัวเองและพิชญ์ตะวันเองก็คงต้องการเวลาทำใจเช่นกันในการจะยอมรับเขาในฐานะคุณพ่อคนใหม่

    ***********************************
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×