ตอนที่ 2 : ❁ bell
B e ll
wake up pls, and stop that!
ตีสี่สิบนาที บรรลัยมันเข้าไป!
“โฮ่งๆ!”
เสียงเห่าที่ดังไม่หยุดของไอ้หมายักษ์ข้างบ้านนั้น ทำให้บยอนแบคฮยอนต้องแหกขี้ตาตื่นมาตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างแบบนี้ หลังจากพยายามเอาหมอนปิดหูอยู่หลายนาที เอาผ้าคลุมหน้า เอาหูฟังมาใส่เพื่อทำให้ตัวเองไม่ได้ยิน เขาก็ได้ค้นพบว่ามันไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นได้เลย เสียงของไอ้หมายักษ์ยังคงดังต่อเนื่องจนทำให้เขาแทบจะเป็นบ้า สุดท้ายเลยต้องตัดใจลุกขึ้นจากที่นอน เดินตึงตังลงไปด้านล่างเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ใช่ ทุกวัน ทุกวันทุกวันทุกวัน ทุกวันมาหนึ่งอาทิตย์แล้ว!
ขอบตาเป็นหมาแพนด้าแล้ว ดำเหมือนเอาถ่านมาทา เห็นใจกันบ้างได้ไหม ทำไมมันถึงไม่มีใครเห็นใจเขาเลยนะ ไอ้ยักษ์มันก็ยังไม่เห็น!
“ยักษ์! หยุดเห่าสักที!” แบคฮยอนรู้ว่าตะโกนไปก็ไม่มีประโยชน์ แต่ก็ขอตะโกนไปก่อนเพื่อให้อารมณ์หงุดหงิดมันถูกระบายออกไปบ้าง เขาตะโกนไปไขกุญแจรั้วบ้านของตัวเองไป เพื่อที่จะออกไปกดกริ่งบอกให้เจ้าของไอ้ยักษ์มันตื่นมาเสียบปลั๊กพัดลมให้หมาตัวเองที
ใช่...เสียบปลั๊กพัดลม คิดว่าไอ้ยักษ์มันเห่าเพราะอะไรกันล่ะ มันไม่ได้ปวดท้องขึ้นมากะทันหันหรอก แต่มันเป็นเพราะพัดลมประจำตัวประจำใจหยุดหมุน แล้วยักษ์ก็ร้อน แล้วยุงก็กัดยักษ์ แล้วพอยักษ์เอาอุ้งตีนหน้าไปแปะ ๆ ปุ่มมันก็ไม่ติด เพราะว่ายักษ์เดินเตะสายไฟจนปลั๊กหลุด ถามว่าสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นมันเดือดร้อนใคร ก็ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าเดือนร้อนแบคฮยอนที่ห้องนอนดันอยู่ติดกับฝั่งที่ไอ้ยักษ์มันนอนพอดี รับเคราะห์เต็มที่ ต้องนอนฟังเสียงมันเห่าไปเต็ม ๆ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้เดินเตะสายไฟหลุดตอนตีสี่ทุกวันได้ มันจะซุ่มซ่ามเกินหมาไปแล้วมั้ง
ปกติมันก็ไม่มีเรื่องแบบนี้มากวนใจหรอก เรื่องแบบนี้มันเริ่มต้นขึ้นเมื่อหนึ่งเดือนก่อน ตอนที่ข้างบ้านมีคนย้ายเข้ามาใหม่พร้อมกับหมาพันธุ์โกลเด้น รีทีฟเวอร์ตัวเบ้อเริ่มที่แบคฮยอนแทบจะถลาไปกอดมันแล้วหอบเข้าบ้านตัวเองไปด้วยเลย แต่เจ้าของเค้าก็ตัวเบ้อเริ่มเหมือนกัน แบคฮยอนจึงทำแค่ยิ้มทักทายแล้วถามว่า‘ย้ายมาใหม่เหรอครับ?’
‘ครับ’ อีกคนตอบกลับมาก่อนจะยิ้มให้เพื่อสานสัมพันธ์ฉันเพื่อนบ้าน
บอกตามตรงว่าไม่ได้คุยอะไรกันมาก แบคฮยอนสนใจแต่หมายักษ์อย่างเดียวเท่านั้น จนแม่ของแบคฮยอนที่มีความเป็นกันเองกับผู้คนทุกหมู่เหล่าก็พูดขึ้นมาวันหนึ่งว่าคนข้างบ้านเป็นนักศึกษาจบใหม่ ตกลงมาเช่าบ้านที่นี่ไว้เพราะใกล้ที่ทำงาน ฐานะเองก็ไม่ใช่จะย่อยๆ ท่าทางจะเป็นลูกคุณหนูแต่นิสัยแสนดี มีสัมมาคารวะสุดๆ ตบท้ายด้วยคำว่า หวังว่าลูกตัวเองจบมาคงมีบริษัทมาติดต่อให้ไปทำงานกับเค้าบ้างเนอะ
เพิ่งจะปีสอง สอบไฟนอลแล้วไม่ตายก็บุญหัวแล้วเถอะ
แบคฮยอนเดินไปหน้าบ้านของเจ้ายักษ์ก่อนจะกดกริ่งรัวๆ กดย้ำๆ กดจนมันอาจจะพังแต่บอกเลยว่าไม่สน เจ้าของจะต้องออกมาเดี๋ยวนี้ ออกมาได้แล้ว!
เมื่อหนึ่งอาทิตย์ก่อนตอนที่แบคฮยอนกำลังฝันว่าตัวเองกำลังจะได้กินสายไหมสีชมพู เสียงโฮ่งๆ ของไอ้ยักษ์ข้างบ้านมันก็ลอยเข้าโสตประสาทมาจนสายไหมแตกกระเจิงกลายเป็นความหงุดหงิดที่เอาหมอนปิดหูเท่าไหร่ก็ไม่หายไป เสียงไอ้ยักษ์ดังลั่นและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงจนแบคฮยอนต้องเปิดหน้าต่างออกไปดูว่ามันมีอะไร มันเกิดอะไรขึ้น
‘ยักษ์ พี่นอนอยู่นะ เห่าทำไม!’
‘โฮ่ง โฮ่ง!’
เหมือนยักษ์จะฟังรู้เรื่องเพราะมันเงยหน้ามามองแบคฮยอนที่โผล่หัวออกมาจากหน้าต่างห้องนอนของตัวเอง สลับกับการมองพัดลมที่หยุดหมุนไปแล้วพร้อมกับใช้เท้าตบๆ ไปที่ปุ่มของพัดลมด้วย พอเห็นแบบนั้นแล้วแบคฮยอนก็คว้ากุญแจบ้านที่วางอยู่บนโต๊ะทำการบ้านของตัวเองก่อนจะเปิดประตูลงไปที่ชั้นล่างของบ้าน ออกไปยืนเกาะตรงกำแพงกั้นระหว่างบ้านที่ฝั่งตรงข้ามเป็นบ้านของเจ้ายักษ์
‘เดินเตะปลั๊ก?’ แบคฮยอนหาววอด‘ยักษ์ทำไมโง่ล่ะ?’
‘โฮ่ง!’
‘ทำไงอ่ะ ปีนได้ไหมเนี่ย...’
แต่แบคฮยอนก็คิดได้ว่าเราไม่ควรจะปีนกำแพงบ้านคนอื่นสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ว่ากำแพงนั้นจะเตี้ยแค่ไหนก็ตาม จึงเดินไปไขกุญแจรั้วบ้านตัวเองแล้วออกไปกดกริ่งหน้าบ้านเจ้ายักษ์ตั้งแต่ตีสี่ กดอยู่แบบนั้น กดอยู่ห้านาทีจนเจ้าของบ้านคนใหม่เปิดประตูออกมาด้วยสีหน้าที่เรียกว่าเพิ่งตื่น เห็นแบบนั้นแล้วรู้สึกสะใจพิลึก อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องตื่นอยู่คนเดียว
‘พี่ ไอ้ยักษ์มันเตะปลั๊กพัดลมจนหลุดอ่ะ พี่ไปเสียบปลั๊กให้มันหน่อยได้ไหม มันเห่าไม่เลิกเลย’
‘เราเข้ามาก่อน รั้วมันไม่ได้ล็อค’
อ้าวเหรอ...ทำไมไม่ล็อคล่ะ อันตรายนะเนี่ยขโมยขนของสบายเลย
‘ดูเบลให้พี่หน่อย เดี๋ยวพี่เข้าไปเสียบปลั๊กให้มันก่อน’
เป็นครั้งแรกที่แบคฮยอนได้รู้ว่าเจ้ายักษ์ที่เล่นมาด้วยตั้งนานมีชื่อว่าเบล แบคฮยอนไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมตัวเองถึงต้องเดินเข้าไปดูเจ้ายักษ์ที่นั่งมองกันอยู่ แต่ถึงจะคิดแบบนั้นเขาก็เดินเข้าไปหามัน นั่งลงยีขนหนาฟูที่คอเพื่อให้หยุดเห่าสักที
ทันทีที่พัดลมกลับมาหมุนอีกครั้ง ยักษ์ก็ทิ้งตัวนอนลงทันทีราวกับได้อากาศดีๆกลับมา พร้อมกับที่ประตูหลังบ้านถูกเปิดออกมาพร้อมกับหน้าพี่ชายข้างบ้านที่ส่งยิ้มมาให้
ไม่รู้ว่าให้หมาหรือให้คน แยกไม่ออกเหมือนกัน
‘ปลั๊กงอเลยเบล นอนท่าไหนเนี่ย’
อ่า...ให้หมาอย่างนั้นสินะ
‘โฮ่ง!’
‘ขอบใจเรานะ เสียงดังจนตื่นเลยเหรอ?’
‘ก็ใช่ฮะ’ แบคฮยอนเกาหัวแกร๊กๆ‘ตื่นเลย’
‘เบลมันขี้โวยวาย พี่ขอโทษแทนมันด้วยนะ’ พี่ตัวใหญ่พูดไปยิ้มไป‘...ว่าแต่เราชื่ออะไรล่ะ พี่ชื่อชานยอลนะ’
‘แบคฮยอนฮะ’
แต่ช่างเถอะ เรื่องพวกนั้นมันก็เป็นแค่เรื่องที่ผ่านมาแล้ว ถึงเขาจะต้องกลับมาเผชิญหน้ากับมันซ้ำอีกครั้งในวันนี้ สิ่งที่มันสำคัญมากที่สุดคือวินาทีที่เขากำลังยืนอยู่หน้าบ้านเจ้ายักษ์ พร้อมกับการชูกำปั้นให้กับคนที่ออกมาเปิดประตูให้
“พี่!” แบคฮยอนโวยวายทันทีที่เห็นหน้าพี่ชายข้างบ้าน“ผมจะตายอยู่แล้วนะ!”
“อีกแล้วหรอ” ชานยอลเองก็กุมขมับ“เข้ามาก่อนๆ”
แบคฮยอนเปิดประตูรั้วบ้านของพี่ชานยอลออกกว้าง ก่อนจะวิ่งไปหาเจ้ายักษ์ที่เอาแต่เห่าไม่เลิก
“เบลเงียบก่อน เดี๋ยวเสียบปลั๊กให้”
เหมือนคำพูดของพี่ชานยอลเป็นคำบัญชาจากสวรรค์ เบลหยุดเห่าทันทีทันใด ที่จริงแบคฮยอนก็ไม่อยากจะมากดกริ่งหน้าบ้านคนอื่นตอนตีสี่ทุกวันเหมือนกัน ถ้าไม่ติดว่าปลั๊กมันต่อมาจากในบ้านแบคฮยอนคงถือวิสาสะปีนเข้ามาเสียบให้เองไปแล้ว
“ยักษ์ แกรู้บ้างไหมว่าทำให้พี่นอนไม่พอนะ พี่ขึ้นไปนอนก็นอนไม่หลับ หกโมงก็ต้องตื่นไปเรียนแล้ว”
แน่นอนว่าเบลไม่รู้ เบลไม่เคยรู้เรื่องอะไรที่แบคฮยอนพูดสักอย่าง ไม่เคยเลย
“พี่ขอโทษนะ ทุกวันเลย” ชานยอลเปิดประตูหลังบ้านมาคุยกับแบคฮยอนที่กอดคอเจ้าเบลเอาไว้เหมือนเป็นตุ๊กตาขนฟู
“เหมือนมันสนุกอ่ะพี่ มันเตะต่อกันมาหนึ่งอาทิตย์แล้วนะ”
“พี่ก็ไม่รู้จะทำไง” ชานยอลไม่รู้จริงๆ“ว่าแต่ขอบตาเรานี่...”
“ก็เพิ่งนอนตอนเที่ยงคืนเองเนี่ย!” แบคฮยอนโวยวาย“ขึ้นไปก็นอนไม่หลับอีก!”
“เราเอาเบอร์พี่ไปไหม โทรมาแทนละกันจะได้ไม่ต้องมากดกริ่งตอนตีสี่อีก”
“ก็ดีนะ...” แบคฮยอนคิดว่ามันเป็นความคิดที่ดี“แต่ไม่ได้เอาโทรศัพท์ลงมาอ่ะ”
“งั้นเราเอาเบอร์เรามาก่อนเดี๋ยวพี่ยิงไป”
“โฮ่ง!”
“เบลเงียบหน่า” ชานยอลเอ็ดไอ้ตัวใหญ่ก่อนส่งโทรศัพท์ของตัวเองให้แบคฮยอนกดเบอร์
“ยักษ์เห่าทำไมอ่ะ?”
“โฮ่ง!”
“กวนตีน” ชานยอลด่าหมาตัวเอง“พี่ยิงไปแล้วนะ”
“รับทราบ!” แบคฮยอนลุกขึ้นยืนตะเบ๊ะ“ผมไปนอนต่อดีกว่า พี่ก็ฝันดีนะ”
คนตัวเล็กถือวิสาสะปีนข้ามกำแพงบ้านกลับไปเพราะขี้เกียจเดิน ส่วนประตูรั้วบ้านพี่ชานยอลที่เปิดค้างไว้ก็ให้เค้าไปปิดเองก็แล้วกัน แค่แบคฮยอนต้องตื่นมากดกริ่งแบบนี้ก็ยิ่งใหญ่มากแล้ว
“แบคฮยอน”
“ว่า?”
“ไปเรียนพร้อมพี่ไหมล่ะ ไถ่โทษแทนเบลมัน เดี๋ยวพี่ไปส่ง”
“ผ่านเหรอ?” แบคฮยอนตาโตทันทีเมื่อได้ยินว่าจะไม่ต้องไปมหาลัยเองแล้ว
“ผ่านทุกวันแหละ ไปไหมล่ะ?”
“ไป!” แบคฮยอนตอบแบบไม่ต้องคิด“พี่ออกไปทำงานกี่โมง?”
ค่ารถของแบคฮยอนจะกลายเป็นค่ากินหมูกระทะ แฮปปี้สุดๆไปเลย
“เจ็ดโมงกว่าๆ เราไปเรียนทันไหม?”
“ทันๆ” ต่อให้ไม่ทันแบคฮยอนก็บอกว่าทัน“งั้นเดี๋ยวผมมารอหน้าบ้านนะ”
“โอเค เจ็ดโมงเจอกัน”
“เจอกันครับพี่”
ชานยอลมองแผ่นหลังเล็กๆที่วิ่งหายเข้าบ้านไปด้วยท่าทีเริงร่าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
“โฮ่ง!”
“เบลอย่าแซว”
“โฮ่ง!”
“น่ารักอ่ะดิ ชอบเหมือนกันใช่ไหม?” ชานยอลหันไปมองเบลที่เห่าตอบกลับมาเหมือนกัน
เด็กโง่เอ๊ย...หมาที่ไหนมันจะเตะปลั๊กหลุดได้ทุกวันวะ
(never end.)
#ดซชานแบค
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

จะจาบแบคทั้งที ลงทุนตื่นตีสี่ทุกวันเลยนะคะพี่ชาน 5555
จีบแบบมีชั้นเชิง ใช้หมาเป็นตัวล่อ ร้ายนัก!
ก็ยังงงอยู่หมามันจะเตะปลั๊กอะไรตอนตีสี่ทุกวัน แล้วอิพี่จะตื่นมาดึงปลั๊กทำไมตอนตีสี่ทุกวัน