คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 (ยังคิดชื่อตอนไม่ออกเลย ติดเอาไว้ก่อนนะจ๊ะ)
บ้าน ตระกูลยุน กรุงโซล
หญิงสาววัยกลางคนกำลังมีท่าทีร้อนใจเป็นอย่างมากหลังจากได้รับโทรศัทพ์ เธอเดินไปเดินมาอยู่บริเวณหน้าห้องรับแขก เมื่อประตูห้องรับแขกเปิดของสีหน้าของเธอยิ่งกระวนกระวายมากไปกว่าเก่าเมื่อเห็นกลุ่มคนที่ออกมากำลังมีสีหน้ายิ้มแย้ม เธอกลัวที่จะไปขัดช่วงเวลาแห่งความสุขนั้นจริง ๆ
"แหม ขอบคุณมากเลยนะครับท่านประธานแล้วก็คุณนายยุน อาหารมื้อนี้อร่อยมากเลยครับ"ชายที่ท่าทางอายุประมาณย่างเข้าสี่สิบต้น ๆ กล่าวอย่างยิ้มแย้มกับคนที่เขาเรียกว่าท่านประธานและคุณนายยุน ด้วยสีหน้ายิ้มระรื่น
"แหม คุณฮันล่ะก็แค่อาหารพื้น ๆ น่ะค่ะ ชมกันเกินไปแล้ว"คุณนายยุนมีท่าทีปลาปื้มกับคำชมนั้นเป็นอย่างมากนั่นเป็นเพราะมื้อนี้อาหารทั้งหมดเธอเป็นคนทำนั่นเอง
"ท่านประธานฮันครับ ผมหวังว่างานหมั้นของลูกสาวผมกับลูกชายคุณคงจะราบรื่นดีนะครับ ผมเองก็วางแผนให้ลูกสาวผมไปเรียนต่อที่สวิสฯที่เดียวกับลูกชายคุณแล้วด้วย ตอนนี้ก็คงจะเริ่มเรียนไปได้หลายอาทิตย์แล้ว"ท่านประธานยุนพูดไปยิ้มไปกับท่านประธานฮันอย่างอาราณ์ดี
"อ้าว อย่างงั้นเหรอครับ ส่งหนูแชยีไปแล้วอย่างงั้นเหรอครับเนี่ยไม่เห็นบอกกันมั่งเลยจะได้ไปส่งที่สนามบินด้วย ว่าแต่หนูแชยีไปตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะเนี่ย"
"อืม...ก็ประมาณเดือนที่แล้วน่ะครับ ยังไงก็ต้องวานให้ชางมินแวะไปเยี่ยมน้องบ่อย ๆ หน่อยก็แล้วกันนะครับเผื่อว่าจะได้รักกันเร็วขึ้นพอพวกเค้ากลับมาเกาหลีเราก็จะได้จัดงานหมั้นทันทีเลย ฮ่า ๆ ๆ"เสียงหัวเราะของท่านประธานทั้งสองคนดังปะสานกันอยู่ที่หน้าห้องรับแขกแต่ดูเหมือนว่าคุณนายยุนเธอจะไม่ได้มีทีท่าดีใจเหมือนสามีของเธอเลยสักนิด
"งั้น ผมคงต้องขอตัวก่อนก็แล้วกันนะครับท่านประธานยุน เดี๋ยวผมคงต้องโทรไปบอกข่าวดีให้ชางมินรู้สักหน่อย นี่ถ้าเจ้าตัวดีของผมรู้ว่าหนูแชยีไปเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกันล่ะก็คงดีใจมากแน่ ๆ ลูกชายผมน่ะรักลูกสาวคุณมานานแล้วนะครับ"ท่านประธานฮันยังคงยืนยิ้มและพูดเชียร์ลูกชายตัวเองอยู่ที่หน้าประตูห้องรับแขก
"เพราะผมรู้น่ะสิครับว่าลูกชายท่านประธานฮันรักลูกสาวผมจริง ๆ ผมเลยจะยกลูกสาวสุดที่รักให้ชางมินไงล่ะครับ"
"แหม ผมก็มัวแต่คุยยาวเลยนี่ได้เวลานัดกับท่าน ส.ส.เอาไว้แล้วงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ"หลังจากที่ล่ำลากันอยู่นานท่านประธานฮันก็ได้ฤกษ์ออกจากบ้านหลังนี้ ท่านประธานกับคุณนายทำท่าจะเดินออกไปนั่งเล่นที่สวนแต่มีเสียงหนึ่งเรียกเอาไว้ซะก่อน
"คุณท่านคะ คุณผู้หญิงคะ คือ เมื่อกี๊มีโทรศัพท์มาจากสวิสฯน่ะค่ะ"หญิงวัยกลางคนที่มีท่าทีกระวนกระวายเมื่อครู่รวบรวมความกล้าออกมาแล้วพูดรวดเดียว
"อ้าว แล้วทำไมถึงไม่รีบบอกล่ะ แชยีโทรมาใช่มั๊ย เขาสบายดีหรือเปล่า"คุณนายยุนรีบถามถึงลูกสาวทันที ถ้านับเวลาดูแล้วลูกสาวเธอไปที่สวิสได้เดือนกว่า ๆ แล้วแต่ลูกสาวยังไม่โทรกลับมาเลยสงสัยจะเที่ยวเล่นเพลิน
"เอ่อ ไม่ใช่คุณหนูแชยีค่ะ"แม่บ้านหยุดคิดสักพักเพราะไม่รู้ว่าจะพูดยังไงต่อดี
"อ้าว อ้ำอึ้งอยู่นั่นแหละ ไม่ใช่แชยีแล้วใครโทรมา อึนเฮหรือไง"ท่านประธานเริ่มมีท่าทีหงุดหงิดเล็ก ๆ เพราะเขาไม่ชอบคนอ้ำอึ้ง ส่วนแม่บ้านยืนส่ายหน้าไปมาสักพักก็เริ่มเหงื่อแตกหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
"ทางมหาวิทยาลัยโทรมาค่ะ บอกว่าคุณหนูยังไปไม่ถึงมหาวิทยาลัยน่ะค่ะ อึนเฮก็ด้วย"แม่บ้านที่ยืนตัวสั่นอยู่เริ่มรู้สึกได้ถึงรังสีอำมหิตที่กำลังแผ่ออกมาจากตัวของท่านประธานผู้ที่เป็นคุณผู้ชายของบ้านหลังนี้
"เลขาฯ คิมๆ"เสียงตะโกนราวฟ้าผ่าที่ทำให้ทุกคนในบ้านหน้าซีดกันเป็นแถว ผู้ที่ถูกเรียกว่าเลขาฯคิมรีบวิ่งมาตามเสียงเรียกทันที พอเห็นหน้าท่านประธาน เลขาฯคิมก็รู้ทันทีว่างานนี้ต้องมีเรื่องใหญ่แน่ ๆ
"ตรวจเช็คซิว่าแชยีกับอึนเฮไปถึงที่สวิสหรือยัง"พอรับงานเสร็จเลขาฯคิมก็รีบออกไปทำงานตามที่ได้รับมอบหมายทันที
ตอนนี้ท่านประธานยุนกำลังนั่งสีหน้าเครียดอยู่ภายในห้องทำงานภายในบ้านโดยมีคุณนายยุนเดินไปมาด้วยความร้อนใจ
"ทำไมถึงยังไปไม่ถึงล่ะหรือว่าจะเกิดเรื่องอะไรหรือเปล่าคะคุณ"
"..."ความเงียบคือคำตอบ ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบทันทีเมื่อประตูห้องทำงานเปิดออกแม่บ้านคนเดิมเดินถือซองจดหมายเข้ามาในห้อง เธอเดินตรงมาที่คุณนายแล้วยื่นซองจดหมายนั้นให้
"บุรุษไปรษณีย์เพิ่งจะมาส่งเมื่อกี๊นี้ค่ะ ดิฉันเลยรีบเอามาให้ค่ะ ดิฉันขอตัวก่อนนะคะ"พูดจบแม่บ้านก็รีบออกจากห้องทำงานทันที
"เอ๋ คุณคะ จดหมายนี่ประทับตราที่สวิสต์นี่คะ สงสัยไม่จุนฮาก็แชยีแน่ ๆ เลยค่ะ"คุณนายพลิกซองจดหมายดูสักพักก็รีบเปิดอ่านทันที เริ่มอ่านไปได้สักพักหน้าตาก็เริ่มซีดเผือดทันทีแต่ยังคงกุมสติเอาไว้ได้ เธอค่อย ๆ ยื่นจดหมายให้สามีอ่าน
'กราบเท้าคุณพ่อคุณแม่ที่เคารพ
คุณพ่อคุณแม่คงจะตกใจใช่มั๊ยคะว่าทำไมหนูส่งจดหมายมา หูเดาเอาว่าตอนนี้ทางมหาวิทยาลัยคงจะโทรมาบอกทางบ้านแล้วว่าหนูไม่ได้เข้ารายงานตัว หนูเรียนตามอย่างที่คุณพ่อหวังไว้ไม่ได้ค่ะ หนูไม่ได้อยากเรียนการโรงแรม หนูไม่อยากเรียนบริหาร แต่หนูเองก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะเรียนอะไรต่อดี หนูเรียนปริญญาตรีทางด้านบริหารมาให้คุณพ่อแล้ว ส่วนปริญญาโท ของหนูเป็นคนเลือกเองนะคะ หนูขอไปตามหาความฝันและสัญญาของหนูก่อนนะคะ ถ้าหนูหาเจอแล้วหนูจะกลับมาเองค่ะ ฝากบอกคุณลุงท่านประธานคิมด้วยนะคะว่าหนูคงจะแต่งงานกับพี่ชางมินไม่ได้ เพราะหนูเห็นพี่เค้าเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น
ปล.ไม่ต้องห่วงหนูนะคะ รักษาสุขภาพด้วย
รักคุณพ่อคุณแม่นะคะ
ยุนแชยี'
ทันทีที่อ่านจบท่านประธานยุนขยำจดหมายแล้วปาทิ้งลงพื้นด้วยความโกรธ แผนที่เขาอุตส่าห์วางเอาไว้พังหมด
"แชยีเค้าต้องได้ยินที่เราคุยกันเรื่องที่เราจะจับเค้าหมั้นกับชางมินแน่ ๆ ทำไมถึงทำแบบนี้นะแชยี ไม่อยากแต่งไม่อยากหมั้นก็บอกแม่มาก็ได้ทำไมต้องทำแบบนี้"
"หึ ถึงมันไม่อยากแต่งก็ต้องแต่ง ฉันไม่อยากผิดคำพูด"
"แต่นี่มันชีวิตลูกเรานะคะ นี่แค่หมั้นลูกเรายังหนีออกจากบ้านเลยถ้าแต่งล่ะคะ คุณอย่าบังคับแกเลยนะคะ ฉันกลัวว่าเราจะเสียลูกไปอีกคน"คุณนายยุนมีสีหน้าเศร้าลงกว่าเดิมเมื่อพูดถึงประโยคนี้ ก่อนหน้านี้เพราะสามีชอบขีดเส้นชีวิตให้ลูก ๆ ทำให้เธอต้องเสียลูกชายไปแล้วคนหนึ่งแล้วนี่เธอกำลังจะสูญเสียลูกสาวที่เหลืออยู่ไปอีกคน
"คุณคะ คุณไม่รีบร้อนเกินไปเหรอคะ เพื่อนคุณเองก็ยังเหลืออีกคนหนึ่งนี่คะแถมเค้ายังมีลูกชายด้วยนี่คะชื่อ ฟงใช่มั๊ย คุณเองยังเคยให้พวกเค้าหมั้นหมายกันด้วยนี่ของหมั้นเค้าเราก็รับมาแล้วนะคะ"
"ใช่เพื่อนผมยังเหลืออยู่อีกคน แต่เราขาดการติดต่อกันมาเป็นสิบกว่าปีแล้วคุณจะให้ผมทำยังไงล่ะ ผมให้คนตามหาทั่วเกาหลีแล้วแต่ก็ไม่เจอ เฮ้อ ก็จริงอยู่ที่ผมให้แชยีหมั้นกับอาฟงลูกชายเค้าไปแล้วแต่นี่เค้าหายไปนาน เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้คุณจะให้ผมคอยอีกเหรอ ผมคอยน่ะไม่เท่าไหร่แล้วลูกสาวเราล่ะ ยกให้ชางมินน่ะแหละดีแล้ว ชางมินเองไม่ว่าฐานะ หรือว่าหน้าตาก็ออกจะดูดี สาว ๆ ที่ไหนเห็นต่างก็หมายปอง"
"ยังไงก็จะยกให้ชางมินสินะคะ ผลประโยชน์เรื่องธุรกิจที่คุยกันเมื่อกี๊สินะคะ คุณคะลูกเราทั้งคนนะคะไม่ใช่สินค้า"
"พอเลิกพูดได้แล้วในเมื่อส่งให้ไปเรียนแล้วค่อยหมั้นค่อยแต่งมันไม่เอา งั้นก็จับมันแต่งเลยก็แล้วกันไม่ต้องรงต้องเรียนมันแล้ว"คุณนายถึงกับอ้าปากจะเถียงแต่ไม่กล้าเธอนึกว่าสามีจะใจอ่อนแต่ไหงกลับลายเป็นแย่ลงกว่าเก่า
"ท่านประธานครับ คนที่ไปสวิสมีแต่อึนเฮคนเดียวครับส่วนคุณหนูเรายังไม่ทราบ"เลขาฯคิมเดินเข้ามารายงานท่านประธานที่อารมณ์กำลังเดือดพล่าน
"ไม่อยู่ที่สวิสแล้วมันไปอยู่ที่ไหน ตามตัวอึนเฮมาให้ได้แล้วพากลับมาที่เกาหลี อึนเฮต้องรู้แน่ว่าแชยีอยู่ที่ไหน"ท่านประธานหันมาสั่งเลขาฯส่วนคุณนายเองก็หันมาสั่งด้วย
"คุณฮัน ลองให้คนไปดูที่บ้านของจุนฮาสิ เผื่อว่าจะไปหาจุนฮา ฉันคิดว่าคงจะไม่ไปหาชางมินแน่นอน"คุณนายเสนอความคิดออกมา เป็นความคิดที่สามีเธอไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นัก
"คุณคะ ยังไงซะจุนฮาเค้าก็ไม่ทิ้งน้องสาวคนเดียวของเขาหรอกนะคะ นี่มันก็นานมาแล้วคุยังไม่ยกโทษให้จุนฮาอีกเหรอคะ ถึงปากคุณจะบอกว่าตัดพ่อตัดลูกแต่ยังไงซะเค้าก็เป็นเลือดเนื้อของเรานะคะ"คุณนายพูดไปพลางร้องไห้ไปพลางจนสามีเริ่มใจอ่อนมาบ้าง หันมาพยักหน้าให้กับเลาฃขาเพื่อเป็นการอนุญาต
---------------------------------------------------------------------------------------
"เอ่อ ผมถือวิสาสะเช็คไปทางคุณจุนฮาแล้วครับ คือคุณจุนฮา มาดูงานที่ฮ่องกงได้สองเดือนกว่าแล้วครับ คงเป็นไปไม่ได้ที่อึนเฮจะเจอกับคุณจุนฮา"คำตอบที่ได้รับทำให้คุณนายร้องให้หนักกว่าเก่า
"งั้นก็ตามหาที่ฮ่องกงก่อนเลย เผื่อว่าแชยีจะรู้ว่าจุนฮามาที่ฮ่องกง ส่วนอึนเฮก็คงต้องรบกวนชางมินแล้วล่ะนะ หาเบอร์ชางมินมาแล้วฉันจะติดต่อเอง"ท่านประธานยังคงยืนตีหน้าขรึมอยู่เหมือนเดิม
"ครับ เอ่อ ผมขอเป็นคนไปตามหาคุณจุนฮาเองนะครับเพราะผมมีเพื่อนอยู่ที่ฮ่องกง เค้าเป็นคนกว้างขวางพอสมควร คงหาตัวได้ไม่ยาก"
"ได้ เพราะช่วงนี้งานก็ไม่ค่อยมีอะไรมาก รีบไปรีบกลับล่ะ อ้อ บอก 'มัน'ด้วยว่าแม่ 'มัน'คิดถึง"ท่านประธานพูดเสร็จก็เดินออกจากห้องทำงานไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดแต่ผู้เป็นภรรยารับรู้ได้ว่าสามีตัวเองพยายามตีหน้าขรึม
"คุณฮัน พาตัวจุนฮากับแชยีกลับมาให้ได้นะคะ"เลขาฮันหันมาโค้งให้คุณนายแล้วเดินออกจากห้องไปเพื่อตามหาตัวนายน้อยทั้งสองของเขาที่ฮ่องกง
"จริงสิ เราลืมไปได้ยังไง"คุณนายรีบหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดโทรไปหาใครคนหนึ่งสักพักใครคนที่โทรหาก็มาพร้อมด้วยสัมภาระมากมาย
"มาริน เทยัง เธอสองคนมาเร็วดีนี่ เอาของมาด้วยหรือเปล่า"ชายหญิงคู่นั้นพยักหน้าให้แล้ววางกล่องสัมภาระลงบนพื้น
"ดีนะคะเนี่ยที่คุณอาคาดการณ์เอาไว้ก่อน เลยติดเครื่องติดตามกับพวงกุญแจที่แขวนกระเป๋าเสื้อผ้าของคุณหนู"มารินกำลังชื่นชมกับความฉลาดของอาสะใภ้ตัวเอง
"เราตรวจมาแล้วครับคุณอา แต่ว่ามันแปลกมากเลยนะครับ"เทยังเปิดหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้อาสะใภ้ดู
"จุดขาว ๆ นี่ที่ไหนกันเทยัง"คุณนายมองยังแผนที่บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีจุดสีแดงกระพริบอยู่ เธอเคยเรียนวิชาภูมิศาตร์มาแต่คราวนี้เธอต้องการคนยืนยันว่าที่เธอเห็นและเดาอยู่มันจริง
"ครับนั่นแหละที่ผมว่าแปลก ขั้วโลกเหนือ"
"ใช่แปลกมาก แชยีไปทำอะไรที่นั่น"คุณนายมองหน้าจออีกครั้ง สักพักหน้าจอก็ดับไป เธอหันมามองหน้าหลานสาวและหลานเขยที่กำลังรอคำตอบอยู่
"ขั้วโลกเหนือก็ขั้วโลกเหนือ เธอสองคนว่างอยู่ไม่ใช่เหรอ ถือซะว่าไปฮันนีมูนก็แล้วกันนะค่าใช้จ่ายอาจะออกให้เอง"
"หึหึ ฮันนีมูน ที่ขั้วโลกเหนือเหรอคะ อืมก็แปลกดีนะเนี่ย งั้นตกลงค่ะคุณอาว่าแต่จะให้เราสองคนเดินทางเมื่อไหร่ดีล่ะคะ"มารินกำลังยิ้มกับจินตนาการของตัวเองโดยที่สามีที่นั่งข้าง ๆ แอบกลุ้มอยู่ลึก ๆ
"ทันทีที่พร้อมจ๊ะ เอาล่ะพวกเธอกลับไปเตรียมตัวได้แล้วเดี๋ยวอาจะให้คนจัดการเรื่องเดินทางให้"
ท่านประธานยุนแอบมองหลานทั้งสองจากหน้าต่างภายในห้องหนังสือแล้วรู้สึกโล่งใจที่ภรรยาหาคนมาช่วยตามหาลูกได้ตัวเขาเองก็ต้องรีบให้คนช่วยหาเช่นกัน
"ท่านประธานครับ ผมต่อสายคุณชางมินให้แล้ว กำลังโอนสายเข้ามาครับ"เสียงเลขาฮันรายงายทางโทรศัพท์สักพักโทรศัพท์ภายในห้องก็ดังขึ้นท่านประธานรีบรับทันที
"สวัสดีครับคุณอา มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับเนี่ยเห็นคุณฮันบอกว่ามีเรื่องด่วน"เสียงชายหนุ่มที่ปลายสายถามอย่างร้อนใจเช่นกัน ท่านประธานเลยเล่าเรื่องอย่างย่อ ๆ ให้ฟัง
"จริงเหรอครับ งั้นผมจะหาอึนเฮให้เจอแล้วจะพากลับเกาหลีทันทีครับ ผมก็นึกว่าน้องแชยีไม่อยากหมั้นกับผมเลยหนีออกจากบ้านไม่ยอมมาเรียนที่นี่ซะอีก ที่แท้ก็ไปหาจุนฮานี่เอง"
"อาฝากด้วยก็แล้วกันนะ เห็นพ่อเราบอกว่าเรากำลังจะไปทำวิทยานิพนธ์ที่เมืองไทยอย่างงั้นเหรอ ลุงต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะ"
"ครับแต่ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมให้เพื่อนช่วยเตรียมข้อมูลเอาไว้แล้วผมไปช้าสักเดือนสองเดือนก็ไม่เป็นไรหรอกครับ"
ทั้งท่านประธานและคุณนายต่างก็ให้คนของตัวเองตามหาลูกชาย ลูกสาวและเพื่อนลูกสาวอย่างรีบร้อน ถ้าจุนฮาไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นผู้ชายแต่แชยีกับอึนเฮเป็นผู้หญิงนี่สิน่าเป็นห่วงแต่ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคงจะเป็นแชยีเพราะเธอทั้งเอ๋อทั้งซุ่มซ่ามแถมงานบ้านยังทำไม่เป็นอีกด้วย
ทางฝากของคนที่ถูกเป็นห่วง
"ฮัดชิ้ว โอ๊ย วันนี้จามทั้งวันเลยสงสัยเป็นหวัด"แชยีทำอาหารไปพลางจามไปพลาง
"เฮ้ ๆ ยัยกุ้งซ่าส์อย่าจามใส่กระทะล่ะฉันไม่อยากติดเชื้อเอ๋อเซ่อซ่าส์แบบเธอ"วายุตะโกนเข้ามาภายในห้องครัวทำให้แชยีอดโต้กลับไปไม่ได้
"นี่ ฉันมันเอ๋อเซ่อซ่าส์ที่ไหนกันยะ"แชยียกกระทะลงจากเตาแล้วตักอาหารใส่จาน วายุเดินเข้ามาช่วยยกจานอาหารไปจัดที่โต๊ะอาหาร
"เหอ ๆ ก็เอ๋อตรงที่ใครบ้างห๊ะโดนคนเค้าว่าแล้วังทำหน้าเอ๋ออยู่ได้น่ะ "
"เอ๋อ???"
"อือ เดินไปส่องกระจกนะแล้วก็มองให้ชัด ๆ นั่นแหละ ๆ คนที่อยู่ในกระจกน่ะแหละยัยเอ๋อตัวจริง"แชยีที่ยืนมองเงาตัวเองอยู่หน้ากระจกหันมาแยกเขี้ยวใส่วายุทันทีส่วนวายุยืนหัวเราะตัวงออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
"ฮ่า ๆ ๆ ส่วนเธอตอนนี้น่ะเรียกว่าเซ่อ หุหุโดนหลอกแล้วยังไม่รู้อีก"วายุยืนหัวเราะอยู่ที่โต๊ะอาหารเหมือนเดิมแต่แชยีตอนนี้กำลังวิ่งมาทางวายุแล้ว พอวายุเห็นแชยีวิ่งมาเขาก็วิ่งหลบตอนนี้เลยกลายเป็นวิ่งไล่กันรอบโต๊ะอาหาร
"อะไรยัยกุ้งซ่าส์แค่นี้เหนื่อยแล้วเหรอ"วายุมองหน้าแชยีที่นั่งหอบอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาแล้วอดหัวเราะไม่ได้
"ก็ฉันทำงานมาเหนื่อยมั้งวันแล้วนี่นา มันก็ต้องเหนื่อยสิ"แชยีที่กำลังก้มหน้าอยู่เงยหน้ามาว่าวายุแล้วตกใจนิด ๆ เพราะวายุมานั่งยอง ๆ อยู่ตรงหน้าเธอแล้วตอนนี้
"เหรอ~~~"วายุที่ท่ายื่นหน้าเข้าไปใกล้ ๆ แชยี เขาเห็นหน้าเธอทีไรแล้วรู้สึกอยากจูบขึ้นมาทุกทีแต่เขาต้องห้ามใจตัวเองเอาไว้
"ปุ๊ โอ๊ย"แชยีเอามือกุมหน้าผากตัวเองเอาไว้แน่นแล้วลุกขึ้นยืนจ้องหน้าวายุที่ลุกขึ้นยืนก่อนหน้าเธอแป๊บเดียวด้วยแววตาหาเรื่อง เมื่อครู่นี้วายุเอานิ้วดีดที่หน้าผากเธออย่างแรง
"คิดว่าฉันจะจูบเธอล่ะสิท่า ผิดหวังล่ะสิ ฮั่นแน่หรือว่าติดใจรสจูบฉัน"วายุกำลังยื่นหน้ายื่นตามาใกล้ ๆ เธออีกรอบ เขาหวังให้เธอตอบว่าใช่ เพราะถ้าเป็นอย่างนั้นเขาก็ไม่ผิดสัญญากับเธอ สัญญาที่ว่าจะไม่ทำอะไรเธอถ้าเธอไม่ยอม
"ไม่เลย ใครเค้าจะบ้ากามแบบนาย"แชยีแลบลิ้นใส่วายุแล้วยืนมองหน้าวายุด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ความรู้สึกของเธอที่ผิดหวังเธออยากให้เขาจูบเธอ ดูท่าเธอจะติดใจรสจูบเขาเข้าแล้วสิ
"อย่าพูดอะไรที่ชวนให้อิ่มข้าวทั้ง ๆที่ยังไม่ได้กินได้มั๊ย กับข้าวจะเย็นแล้ว นายไม่กินใช่มั๊ยงั้นฉันกินก่อนก็แล้วกันนะ"พูดเสร็จแชยีก็เดินไปนั่งประจำที่ตัวเองแล้วตักอาหารเข้าปากกินอย่างอร่อย
ตอนนี้เธออยู่ที่นี่มาเดือนกว่าแล้วและตั้งแต่เมื่อคราวก่อนนั้นวายุก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการล่วงเกินเธออีกเลย หรือว่าเขาจะรักษาสัญญาจริง ๆ
ตอนนี้เธอทำอาหารเป็นหลายอย่างแล้วด้วยโดยมีครูสอนทำอาหารชื่อว่า วายุ
หลังอาหารก็ต้องมีของหวาน แชยีถนัดทำของหวานเธอเก็บจานเสร็จแล้วก็เดินถือของหวานมาเสริ์ฟ ทันทีที่วางวายุก็ตักเข้าปากทันที เพียงสามช้อนเท่านั้น พุดดิ้งโยเกิร์ตที่แชยีทำมาก็หายลงไปอยู่ในท้องนายวายุทันทีถ้าเป็นเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนเธอคตกใจกับการกินเร็วแบบนี้แต่ตอนนี้เธอชินแล้ว วายุมองมาทางจานขนมของแชยีที่พร่องไปได้หน่อยเดียวแล้วมองหน้าแชยี
"ฉันทำเอาไว้เยอะรอเดี๋ยวนะจะไปเอามาให้ใหม่"แชยีลุกไปหยิบจานขนมมาอีกสองจานแล้วางลงตรงหน้าวายุ
"นี่นายไม่เบื่อเหรอ กินแบบนี้ทุกวันน่ะ"
"ไม่อ่ะ อร่อยดี ชอบ เธอทำให้ฉันกินทุกวันเลยนะ"วายุพูดพลางก้มหน้าก้มตากิน แชยีมองวายุไปแล้วอดอมยิ้มไม่ได้ คนอะไรมีหลายบุคลิกในคนเดียว
"ยัยกุ้งซ่าส์ ขนมติดน่ะ"วายุเอามือจิ้มที่หน้าตัวเองเพื่อบอกตำแหน่งที่ขนมติดให้แชยีรู้แต่แชยีก็เช็ดไม่ถูกที่สักที
"มาฉันเช็ดให้"แชยียื่นหน้ามาให้วายุเช็ดให้ วายุมองหน้าแชยีแล้วก็เผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมาก่อนที่จะบรรจงเช็ดด้วยริมฝีปากอุ่น ๆ ของเขา รสจูบที่แชยีรู้สึกติดใจมันทำให้เธอเคลิบเคลิ้มจนเผลอตัวโอบรอบคอของวายุโดย
"เคร้ง"มือของวายุปัดโดนช้อนตกพื้นช่วยเรียกสติให้คนทั้งสองกลับมา
"เอ่อ ฉัน...ฉันไปล้างจานก่อนนะ"แชยีเกิดอาการเขินจนหน้าแดงแล้วรีบเก็บช้อนที่ตกอยู่เดินไปทางห้องครัวทันที
"ใกล้แล้วสินะ หึหึ อีกไม่นานเธอต้องเสร็จฉันแน่ ๆ ยัยกุ้งซ่าส์"วายุมองแชยีที่เดินเข้าไปในครัวแล้วยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ก่อนเดินเข้าห้องของตัวเอง
"แย่ที่สุดเลย นี่เราเป็นอะไรไปเนี่ย"แชยีกำลังเอามือตบหน้าตัวเองเบา ๆ เพื่อเรียกสติกลับมาเธอพยายามที่จะไม่รักเขาแต่ดูเหมือนว่ายิ่งห้ามใจตัวเองเท่าไหร่เธอจะยิ่งรักเขามากขึ้น
----------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีปีใหม่ไทยค่ะ
ขอโทษด้วยนะคะที่มาอัพให้ช้าไปหน่อยน่ะค่ะ เเต่ยังไม่ครบ 100% อ่ะนะคะเเต่จะรีบเอามาลงต่อนะคะ
ยังไงก็มาอ่านเเล้วอย่าลืมเเวะทักทายกันก่อนปิดหน้าต่างเรื่องนี้นะคะ
ความคิดเห็น