ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Four_seasons อาณาจักรเเห่งฤดูกาล

    ลำดับตอนที่ #8 : ตอนที่ 6 เริ่มต้นการผจญภัย

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.ย. 49




    เหอ ๆ ถ้าอ่าน ๆ ไปเเล้วเกิดอาการเเบบว่า ยัยนี่ทำไมเพ้อเจ้อจังก็อย่าเพิ่งว่ากันนะ

    จ๊ะ เพราะบางสิ่งที่เราไม่เคยเห็นนั้น...ไม่ได้แปลว่ามันไม่มีอยู่ เพียงเเต่ว่าเรายังไม่

    เคยเห็นมันเท่านั้นเอง ถ้าพร้อมรับความบ้าบอ  เพ้อเจ้อเเละเพ้อฝันของคนเเต่ง

    ติ๊งต๊องเเล้วล่ะก็ เชิญเลื่อนลงมาอ่านกันได้เลยค่ะ
















    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    หลังจากรายงานตัวกันที่เต้นท์แล้ว ทหารได้ประกาศให้ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันได้ทราบว่าการแข่งขันจะเริ่มขึ้นในเวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้นให้ทุกท่านที่เข้าร่วมแข่งขันนั้นกลับไปเตรียมตัวเพื่อการแข่งขันที่จะมีในวันรุ่งขึ้นส่วนกฏนั้นพรุ่งนี้จะชี้แจงให้ทราบและกติกาก็เช่นกัน



    เวลาเกือบ ๆ เที่ยงคืนเซเรสก็รีบกลับมาที่ห้องแล้วก็รีบเปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดเดิมและเธอก็ไม่ลืมที่จะเปลี่ยนสีผมของเธอด้วยหลังจากที่เปลี่ยนชุดแล้วเธอก็นั่งคิดหาทางที่จะชนะในวันรุ่งขึ้น นี่เธอจะต้องประลองกับเจ้าชายท่ามากคนนั้นด้วยหรือเนี่ย แต่ก็ดีจะได้ชำระแค้นเสียทีเดียวเพราะดาบนั่นดันยอมรับเจ้าชายนั่นซะได้



    "ก๊อก ๆ"เสียงเคาะประตูแล้วก็ตามมาด้วยเสียงคนหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน เซเรสวาดมือแล้วประตูก็เปิดออกโดยที่เธอไม่ต้องลุกไปเปิด



    "อ้าว ๆ หายดีแล้วเหรอถึงใช้เวทน่ะ ขี้เกียจแบบนี้ไม่ดีนะ"ราล์ฟเดินเข้ามาในห้องคนแรกนั่งลงที่เก้าอี้ที่จัดเอาไว้ในห้องก่อนวางถุงผลไม้ลงที่โต๊ะ



    "ของฝากคนป่วยเห็นมิวบอกว่านายชอบผลไม้"มิวเดินมานั่งข้าง ๆ เซเรสแล้วก็มองหน้าเซเรสอย่างพิจรณาจนเซเรสรู้สึกไม่ดี



    "อะไรของเธอ มิว"เซเรสหันหน้าหนีมิวไปทางอื่น



    "ก็สีหน้าท่านดูดีขึ้นแล้วนี่นา หายแล้วเหรอ"มิวพยายามมองตามเซเรสที่หันหน้าหนี เซเรสใจหายวาบนึกว่าเธอลบเครื่องสำอางบนใบหน้าไม่หมด



    "ท่านเซน่ะ การฟื้นตัวเร็วกว่าคนอื่นน่ะค่ะ ท่านมิวพักสักวันสองวันก็หายแล้วล่ะค่ะเอมี่บอกมิวแล้วก็หันมามองหน้าเซอย่างเป็นห่วง



    "เหรอ...ท่านเซน่ะไม่ยอมไปเที่ยวงาน สนุกมากเลยนะคะ"แล้วมิวก็เริ่มเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้เซฟังแล้วทั้งหมดก็เริ่มต้นคุยกัน จะขาดก็แต่สองหนุ่ม ท่านเจ้าชายกับมาคัสที่ยังไม่กลับมาทั้ง ๆ ที่นี่มันก็ดึกมากแล้ว



    "แล้วนายเจ้าชายท่ามากล่ะ"คำถามที่เซเรสถามออกไปทำเอาหลาย ๆ คนแปลกใจ



    "ท่านเซถามทำไมเหรอ"เอมี่มองเซแล้วทำสีหน้ายิ้ม ๆ จนเซเรสพยายามหาข้อแก้ตัวแทบไม่ทัน



    "เราขี้เกียจอยู่เปิดประตูให้น่ะ แล้ว...ไปกับมาคัสเหรอ"เซเรสหันไปมองเอมี่แทน



    "สองคนนั้นไม่ได้ไปด้วยกันหรอกค่ะ ท่านเจ้าชายเดี๋ยวก็คงกลับส่วนท่านมาคัสน่ะเห็นว่าไปทำธุระน่ะค่ะ"เซเรสพยักหน้าให้เอมี่แล้วก็นั่งคุยกันต่อ จนเวลาล่วงเลยมามากแล้วทุกคนกลับไปนอนที่ห้องของตน เซเรสเองก็ทำท่าจะออกไปข้างนอกเหมือนกันแต่เจ้าชายก็กลับมาพอดี



    "จะกลับมาทำไมกัน"เซเรสบ่นพึมพัมเบา ๆ คนเดียวขณะนอนอยู่ที่พื้นวันนี้ตอนที่ออกไปในตลาดเธอได้หาซื้อที่นอนขนาดเล็กสำหรับเดินทางมาไว้ด้วยเพื่อที่ว่าคืนนี้เธอจะได้นอนข้างล่างอย่างสบาย




    "เฮ้...ฉันได้ยินที่นายบ่นนะ"เจ้าชายตะโกนมาจากบนเตียงทำเอาเซเรสบ่นพึมพัมคนเดียวสักพักก็ผล่อยหลับไปอย่างไม่รู้สึกตัว

    "อ้าว ไปไหนแต่เช้าเนี่ย"เรออนตื่นเช้ามาก็มองไม่เห็นเซเรสเห็นแต่จดหมายวางเอาไว้ที่โต๊ะ ในจดหมายเขียนบอกเอาไว้แค่สั้น ๆ ว่า ไปทำธุระพรุ่งนี้กลับฝากบอกมิวด้วย เรออนอ่านจดหมายแล้วก็หัวเราะนิด ๆ



    "เจ้าหมอนี่ ทำตัวเป็นเด็ก ๆ ไปได้"แล้วเรออนก็ไปอาบน้ำแล้วก็นำจดหมายมาให้มิว



    "อ้าวเจ้าหญิงทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ"เรออนเดินลงมาข้างล่างก็เห็นมิวกำลังนั่งทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้เลยอดที่จะถามไม่ได้



    "ก็เอมี่น่ะสิ ออกไปเที่ยวแล้วไม่บอกเรา"พอรู้เหตุผลเรออนก็หันไปมองเพื่อนตนที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เจ้าหญิงแล้วก็มองหน้ากันอย่างเห็นใจ เรออนยื่นจดหมายให้มิวอ่าน



    "ท่านพี่ใจร้าย"มิวอ่านจดหมายแล้วก็อุทานออกมาเบา ๆ แต่ก็ไม่เบาพอเพราะคนข้าง ๆ ทั้งสามคนได้ยินอย่างชัดเจน



    "หือ ท่านหญิงว่าอย่างไรนะ"ราล์ฟหันมาถามมิว แต่มิวก็หันมาทำหน้ามุยก่อนตอบคำถามอย่างไม่พอใจ



    "ไม่มีอะไรมากหรอก เราแค่บอกว่าสองคนนั้นน่ะใจร้ายแอบไปเที่ยวด้วยกันแน่ ๆ"มิวทำท่าโกรธ ๆ จนหนุ่ม ๆ ทั้งสามคนมองอาการเด็กแล้วก็ยิ้มนิด ๆ



    "แต่เท่าที่อ่านมาเนี่ย ฉันว่าเอมี่กับเซน่ะไม่ได้ไปด้วยกันนะ พวกนายว่าไง"มาคัสที่เพิ่งอ่านจดหมายเสร็จหันมาขอความเห็นเพื่อน



    "อืมนั่นสิ เอมี่บอกว่าจะกลับมาให้ทันก่อนเที่ยงให้พวกเราไปคอยที่ลานประลองเลยส่วนเซน่ะจะกลับมาพรุ่งนี้"ราล์ฟหยิบจดหมายมาวิเคราะห์อีกรอบ



    "อืมคงงั้น ว่าแต่พวกเรารีบกินเถอะ นี่ก็จะสายมากแล้ว"มาคัสบอกเพื่อน ๆ แล้วทุกคนก็นั่งทานอาหารกันโดยที่มีเจ้าหญิงจอมยุ่งเอาแต่ใจนั่งทำหน้ามุ่ยอยู่ข้าง ๆโดยมีชายหนุ่มสามคนล้อมรอบแล้วก็ได้แต่นั่งมองเพราะทั้งสามคนเอาใจผู้หญิงไม่เป็น

    ขณะเดียวกัน ในป่าใกล้ ๆ เมืองแห่งนั้น



    "เฮ้อ หามาตั้งแต่เช้าแล้วทำไมไม่เจอนะ ก็ตอนมาน่ะเห็นอยู่แถวนี้นี่นา"เซเรสเดินหาอะไรบางอย่างภายในป่าแต่ดูเหมือนว่าเธอจะยังหาสิ่งนั้นไม่เจอด้วยความเหนื่อยเซเรสเลยนั่งพิงหลังกับต้นไม้ด้วยความเหนื่อย



    "หานี่อยู่หรือคะ"เอมี่เดินมาหยุดยืนข้าง ๆ เซเรสแล้วก็ยื่นต้นดอกไม้บางอย่างมาให้เซเรสดอกม้ที่เธอหามาตั้งนาน



    "เอมี่"เซเรสหันไปมองหน้าเอมี่แล้วก็ตกใจนิด ๆ ที่เอมี่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่แล้วสักพักก็ยิ้มออกมา เอมี่นี่ช่างรู้ทันเธอหมดซะทุกเรื่องเลย



    "หานี่อยู่ไม่ใช่เหรอคะ"เอมี่เดินมานั่งลงข้าง ๆ เซเรสแล้วก็วางดอกไม้นั้นข้าง ๆ เซเรส



    "ขอบใจนะ เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่"เซเรสหันไปมองหน้าเอมี่แล้วก็ทำหน้าแปลกใจนิด ๆ เพราะเธอไม่ได้บอกใครว่าเธอจะไปไหน




    "วันนี้ท่านหญิงน่ะ ต้องลงแข่งแล้วนี่คะ ฉันเลยเดาเอาว่าท่านน่าจะมาหาสมุนไพรที่นี่เพราะนี่เป็นป่าเพียงแห่งเดียวใหญ่ที่สุดและใกล้ที่สุด"เอมี่พูดอย่างมีหลักการณ์แล้วก็หันมายิ้มให้ท่านหญิงของตนอย่างรู้ทัน



    "อืม ๆ ก็เราไม่เก่งทางด้านต่อสู้สักเท่าไหร่นี่นา จะมีดีก็ตรงสมุนไพรนี่แหละ"เซเรสหันมายิ้มให้กับเอมี่แล้วก็ทำหน้าตกใจ



    "ตายแล้ว เราลืมหยิบชุดมา"แต่เอมี่กลับไม่ตกใจแถมยังยิ้มให้อีก



    "นี่ค่ะ ฉันกะอยู่แล้วว่าท่านต้องลืม"เอมี่หยิบถุงที่ใส่เสื้อผ้าเอาไว้ยื่นมาให้เซเรสรีบไปเปลี่ยนชุด เซเรสรีบไปเปลี่ยนชุดแล้วก็เดินออกมา ชุดที่เอมี่นำมาให้นั้นเป็นชุดสีขาวบริสุทธิ์ทั้งชุดขลิบด้วยเส้นไหมสีทอง ผ้าที่คาดเอวเป็นสีเขียวอ่อน แถมด้วยผ้าคลุมสีขาวบริสุทธิ์



    "เอมี่ชุดนี่มัน"เซเรสมองชุดที่ตนใส่แล้วก็ต้องตกใจหันมามองหน้าเอมี่ทันทีเพราะชุดนี้น่ะเธอลืมเอาไว้ที่วัง



     
    "ผ้าคลุมมนตร์ไงค่ะ สามารถกันพลังมนตราต่าง ๆ ได้รวมถึงศาสตราวุธด้วย"เอมี่บรรยายถึงสรรพคุณของผ้าคลุมผืนนี้แล้วก็ทำหน้าตาปกติแต่คนถามกลับทำหน้าไม่พอใจที่ได้คำตอบไม่ตรงคำถาม



    "เรารู้ว่าผ้านี่คือผ้าคลุมมนต์ เธอเอามาด้วยเหรอ"เซเรสหันมามองเอมี่อย่างเค้นหาคำตอบ เอมี่ทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ได้สักพักก็ต้องแพ้ให้กับสายตาที่คาดคั้นของท่านหญิงของตน



    "หม่อมฉันเตรียมเอาไว้นานแล้วเพคะท่านหญิง ก่อนที่จะออกเดินทางมาจากรีอาร์น่ะท่านหญิงนอนละเมอถึงแต่คำว่าผ้าคลุมมนต์ หม่อมฉันเลยคิดว่ามันน่าจะเป็นประโยชน์กับการเดินทางครั้งนี้ด้วยน่ะเพคะ"เซเรสมองเอมี่แล้วก็พยักหน้าให้ เซเรสไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรมากนักเพราะบางครั้งเธอเองก็ชอบละเมอพยากรณ์สิ่งต่าง ๆ ออกมาโดยไม่รู้ตัว หลังจากหาสิ่งของที่ต้องใช้เรียบร้อยแล้ว ก็เตรียมตัวเดินทาง



    "ท่านหญิงคะ ท่านลืมอะไรหรือเปล่าเพคะ"เอมี่ร้องทักเซเรส เธอเองก็รู้สึกเหมือนกันว่าเธอลืมอะไรบางอย่างแต่เธอนึกไม่ออกว่าลืมอะไรกัน เอมี่ยิ้มน้อย ๆ แล้วก็เดินถือกระจกพกอันเล็ก ๆ มาให้เซเรสส่อง



    "จริงด้วย เราลืมไปเลย"เซเรสมองเห็นเงาตัวเองในกระจกแล้วก็รีบร่ายเวทเปลี่ยนสีผมของตัวเองทันที ก่อนหันมามองเอมี่อย่างขอบใจ เอมี่เดินมาที่ลานแข่งขันพร้อมกับเซเรสที่ตอนนี้ปลอมตัวเป็นอาร์ทิมิส ริชก้า น้องสาวของ แองเจลน่า ริชก้าองค์รักษ์ของเจ้าหญิง เซเรนิตี้ แห่ง รีอาร์ (นางเอกเราชื่นชอบการปลอมตัวมาก)


    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    "เอมี่ ข้างอนเจ้าแล้วนะนี่เจ้าหายไปไหนมาเนี่ย"เสียงของมิวที่ฟังแล้วออกจะงอน ๆ เดินตรงมาทางเอมี่กับเซเรสโดยมีชายหนุ่มทั้งสามเดินตามมาติด ๆ

     


    "อ้าว แล้วนี่ใครกันคะ"มิวมองเซเรสที่ตอนนี้ได้ปลอมตัวเป็นอาร์ทิมิสแล้ว

     


    "นี่ท่านอาร์ทิมิส น้องสาวของท่าแองเจลิน่า ไงล่ะคะ"เอมี่ทำสีหน้าเรียบเฉยแล้วก็แนะนำตัว

     


    "แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ทำความเคารพข้า ในเมื่อเจ้าเป็นข้าในราชสำนักของท่านอา"มิวมองจ้องหน้าอาร์ทิมิสอย่างอารมณ์เสีย เธอหาที่ระบายไม่ได้เลยพาลซึ่งนิสัยข้อนี้เซเรสรู้ดี

     


    "ถ้าเช่นนั้นท่านก็ควรรู้ด้วยนะท่านหญิงมิเนอร์ว่า ว่าคนในตระกูลริชก้าน่ะ ไม่ทำความเคารพใครนอกซะจากองค์กษัตริย์ องค์ราชินีและรัชทายาททั้งสองเท่านั้น"เซเรสกล่าวอย่างหนักแน่นตามที่เธอเคยได้ยินแองเจลิน่าบอกกล่าวมา

     


    "แม้แต่เราผู้เป็นพระขนิษฐาของเจ้าพี่ทั้งสองน่ะเหรอ"เซเรสมองหน้ามิวที่โกรธจัดแล้วก็ยิ้มให้อย่างผู้ชนะ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอสามารถเอาคืนน้องสาวผู้นี้ได้ ธรรมดาเพราะเธอเป็นพี่เลยต้องตามใจน้องแต่คราวนี้เธอมาในฐานะราชองค์รักคของตระกูลริชก้า

     



    "เจ้า ๆ"เอมี่มองสองคนนี้แล้วก็ยิ้ม ๆ จนคนอีกสามคนที่เหลือมองอย่างประหลาดใจ

     



    "เมืองของเธอนี่แปลกดีนะเนี่ย"ราล์ฟมองสองคนที่ยืนทะเลาะกันแล้วก็กระซิบกับเอมี่เบา ๆ

     



    "หึหึ ค่ะ ยิ่งท่านหญิงของฉันด้วยแล้ว"เอมี่หยุดพูดกระทันหันเพราะเธอกำลังเผลอพูดสิ่งที่จะทำให้ความแตกออกไปส่วนราล์ฟเองก็กำลังทำหน้าตาสงสัยอยู่แตพอเห็นเอมี่ทำท่าทีเฉย ๆ ก็เลยไม่ถามต่อ

     



    "เปล่าหรอกค่ะ ไม่มีอะไร"เอมี่มองสองคนที่กำลังทำสงครามสายตาแล้วก็ถอนใจ พอดีกับทางผู้จัดการแข่งได้ประกาศให้ผู้ที่เข้าร่วมแข่งขันไปรวมตัวกันที่ลานกว้าง ทั้งหมดเลยพากันไป

     



    "มาคัส"เซเรสที่ตอนนี้อยู่ในนามของสาวน้อยนามอาร์ทิมิสมองคนที่ก้าวเข้ามายืนอยู่ในลานกว้างด้วย เธอกระซิบด้วยน้ำเสียงที่เบามาก

     



    "นายลงแข่งด้วยเหรอ"เรออนหันไปถามมาคัสที่ยืนยิ้มอยู่นิ่ง ๆ แล้วก็พยักหน้านิด ๆ เพื่อเป็นการตอบคำถามแทน

     



    "ที่เมื่อวานนี้นายบอกว่าไปทำธุระน่ะ ก็เรื่องนี้น่ะเหรอ"เรออนถามมาคัสแต่มาคัสก็ยังคงยิ้มอยู่แบบเดิม

     



    "อืม อยากลองหาอะไรเล่นฆ่าเวลาแบบนายบ้าง"มาคัสตอบแล้วก็ส่งยิ้มให้กับเรออนก่อนหันไปยิ้มให้กับอาร์ทิมิส รอยยิ้มที่ทำเอาอาร์ทิมิสรู้สึกอายเพราะเป็นรอยยิ้มที่ดูอบอุ่นมากขณะที่เธอกำลังยืนมองรอยยิ้มนั้นเพลิน ๆ ก็มีบางคนเดินมาชนเธอเข้า

     



    "ขอโทษค่ะ ขอโทษ"แล้วคน ๆ นั้นก็รีบเดินจ้ำอ้าวไปอีกทาง

     



    "ทำไมเหมือนคุ้น ๆ เลย"อาร์ทิมิสมองตามร่างของคนที่เพิ่งเดินชนเธอ ร่างที่คลุมด้วยผ้าคลุมสีดำ คนภายใต้ผ้าคลุมมีท่าทีลุกลี้ลุกลนยังไงก็ไม่รู้สิแต่เสียงประกาศก็ทำเอาเธอละสายตาจากคนในชุดคลุม

     



    "ผู้ที่เข้าแข่งขันกรุณาเข้ามายืนในวงกลมที่ทางเราได้จัดทำเอาไว้ด้วย"ผู้ที่เข้าร่วมการแข่งขันทุคนต่างก็เดินเข้ามาภายในวงกลมที่อยู่กลางลานกว้าง

     



    "เอาล่ะ ต่อไปจะเป็นการประกาศกฏในการแข่งของเรา ปีนี้เราได้เปลี่ยนกฏ เป็นการแข่งแบบคู่ เพื่อโอกาสรอดจะได้มีมากขึ้น คู่ที่สามารถรอดออกมาจากมิติคู่ขนานได้ ผู้นั้นจะมีสิทธิ์ได้ครองผลโลหิตตะวันและจันทรา แต่ถ้ามีผู้ที่รอดออกมาเกิน 1 คู่ก็จะต้องมาประลองกัน เอาล่ะทุกท่านกรุณาดูที่แขนของตัวเองวงสีดำนั่นคือสัญลักษณ์ของการทำสัญญาซึ่งท่านไม่สามารถหนีหรือยอมแพ้ได้ ท่านต้องแข่งขันเท่านั้น"ทุกคนก้มลงมองดูวงสีดำที่ข้อมือ ซึ่งแต่ละคนต่างก็มีลวดลายที่แตกต่างกัน

     



    "จับคู่ยังไง"ชายหนุ่มคนหนึ่งถามกรรมการซึ่งเป็นคำถามที่ทุกคนต่างก็อยากรู้

     



    "การจับคู่น่ะเหรอ ไว้ไปถึงมิตินู้นก็จะรู้เอง ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันได้แล้ว อ้อลืม ๆ ประตูมิติน่ะจะเปิดอีกทีก็ตอนเที่ยงของวัยพรุ่งนี้ ถ้าแก้ปัญหาไม่ได้แล้วมาถึงจุดปลายทางไม่ทันเกิดประตูปิดซะก่อนล่ะก็ช่วยไม่ได้นะ"กรรมการพูดทิ้งปริศนาเอาไว้แต่ยังไม่ทันที่ทุกคนจะมีเวลาคิดกรรมการก็ดีดนิ้วแล้วก็เกิดแสงรอบ ๆ วงกลมที่ผู้แข่งขันยืนอยู่ แท้จริงแล้ววงกลมที่พวกเขายืนอยู่นั้นเป็นยันต์เวทย์ที่ใช้ส่งข้ามมิตินั่นเอง

     



    "อูย....เจ็บชะมัดเลยไอ้กรรมการบ้าเอ๊ย"ฌวเรสที่ตอนนี้อยู่ในร่างของอาร์ทิมิสกำลังนั่งกองอยู่ที่พื้นเพราะช่วงจังหวะที่หลุดออกจากประตูมิตินั้นเกิดแรวเหวี่ยงอย่างรุนแรง จนเธอยังไม่ทันตั้งตัวได้เลยลงมากองจุ้มปุ๊กอยู่ที่พื้นเธอค่อย ๆ ยืนขึ้นแล้วก็หันไปมองรอบ ๆ ตัวที่มีแต่ป่า ป่า ป่า แล้วก็ป่า

     



    "เออ ตกลงที่นี่มันจะมีแต่ป่าหรือไงนะเนี่ย"เซเรสยืนมองรอบ ๆ ตัวแล้วก็บ่นพึมพัมกับตัวเอง

     



    "แล้วเจ้าเห็นที่มีแต่บ้านเรือนหรือไงกันล่ะ"เสียงของชายหนุ่มที่ดังขึ้นมาจากทางด้านในป่าทำเอาอาร์ตี้หันไปมองตามเสียงนั้น

     



    "นาย"เซเรสหันไปมองตามเสียงแล้วก็ต้องตกใจเพราะเจ้าของเสียงนั้นคือเจ้าชายเรออน เรออนค่อย ๆ เดินออกมาจากทางด้านในของป่าแล้วก็เดินยิ้ม ๆ ทางอาร์ตี้

     




    "นี่ ๆ ท่านองค์รักเราเป็นเจ้าชายนะ แล้วก็ชื่อเรออน ไม่ได้ชื่อนาย"เรออนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ๆ อาร์ตี้จนอาร์ตี้ต้องถอยออกห่างจนเสียหลักเกือบจะล้มจนได้มือใหญ่ ๆ มาโอบเอาไว้ทัน

     




    "คนจากรีอาร์เนี่ย ซุ่มซ่ามแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า ท่านองค์รัก"อาร์ตี้รีบผลักเรออนออกจากตัวเธอทันทีแล้วก็ถอยออกไปยืนตั้งหลักอยู่ห่าง ๆ

     




    "นี่นายเจ้าชายบ้า นายกับฉันน่ะเป็นคู่แข่งกันนะ"อาร์ตี้มองหน้าเรออนอย่างโกรธ ๆ เพราะไม่เคยมีใครหน้าไหนนอกจากท่านพ่อกับท่านพี่ของเธอที่เข้าใกล้เธอได้มากเหมือนเรออนและทุกครั้งที่เขาเข้าใกล้เธอก็ชอบทำให้เธออับอายแบบนี้อยู่ทุกครั้ง

     




    "นี่เธอไม่รู้เหรอ ว่าที่นี่น่ะ มีแค่เราสองคนเพราะฉะนั้น..."เรออนลากเสียงยาว ๆ แล้วก็ยิ้ม ๆ

     




    "อย่าบอกนะว่าฉันต้องคู่กับนายน่ะ"อาร์ตี้ทำท่าตกใจอย่างมากนี่เธอต้องมาจับคู่อยู่ในมิตินี้เพียงลำพังกับคนน่ากลัวอย่างเจ้าชายท่ามากคนนี้เหรอ ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มไปกันใหญ่สงสัยเธอคงต้องระวังตัวให้มากซะแล้ว

     




    "ใช่ ถูกต้องแล้วอาร์ตี้"เรออนทำท่าเดินเข้ามาใกล้อาร์ตี้อีกจนอาร์ตี้ชูมีดสั้นขึ้นมาขู่เรออน

     




    "นี่ ๆ เธอเห็นฉันเป็นตัวอันตรายขนาดนี้เลยเหรอ"เรออนมองท่าทางของอาร์ตี้แล้วก็หัวเราะหึหึให้กับท่าทางของเธอ

     



    "ไม่ใช่อันตรายธรรมดาแต่ที่สุดของอันตรายเลยต่างหาก"อาร์ตี้ค่อย ๆ ลงมีดลงเมื่อเห็นว่าท่าทีของเรออนนั้นเพียงแค่ล้อเล่น

     



    "เอาเถอะถึงคู่กับท่านเจ้าชายแต่สุดท้ายเราก็ต้องมาสู้กันอยู่ดี"อาร์ตี้มองหน้าเรออนอย่างท้าทายเพราะคนที่สามารถออกจากมิตินี้ไปจะต้องสู้กันอีกรอบเพื่อหาว่าใครจะได้เป็นผู้ที่ได้ครองผลโลหิตตะวันและจันทรา

     



    "หึหึงั้นกว่าจะถึงเวลานั้นเราสองคนก็ควรที่จะร่วมมือกันนะ"เรออนยื่นมือมาทางอาร์ตี้เพื่อระงับศึกชั่วคราวอาร์ตี้ก็จับมือเพื่อเป็นการตกลงเช่นกัน

     


    "งั้นเราก็ควรที่จะตามหาปริศนาให้เจอก่อน"เรออนละสายตาจากอาร์ตี้แล้วก็มองไปรอบ ๆ ตัวเองอย่างกับว่าเขากำลังมองหาสิ่งที่เขาพูดไปเมื่อครู่

     


    "หาปริศนาเนี่ยนะแถวนี้มีแต่ป่า ป่า ป่าแล้วก็ป่า เราจะหาได้ที่ไหนกันล่ะ"อาร์ตี้มองตามเรออนไปรอบ ๆ

     



    "ถ้ามันหาได้ง่ายขนาดนั้นคงมีคนชนะไปนานแล้วล่ะว่าแต่เธอจะลองตะโกนถามต้นไม้หรือเปล่าล่ะเผื่อมันจะลองตอบคำถามเธอ"เรออนยังอดไม่ได้ที่จะพูดกวน ๆ ใส่อาร์ตี้แต่อาร์ตี้ก็ไม่อยากต่อล้อต่อเถียงด้วยแต่คำพูดของเขาก็ทำให้เธอคิดออก

     



    "ใช่ ใช่แล้วขอบใจนายมากเลยนะ"อาร์ตี้ออกอาการดีใจกระโดดโลดเต้นจนเรออนมองด้วยอาการสงสัยแต่เธอก็ไม่ยอมบอก เธอดึงใบไม้แถวนั้นมาใบหนึ่งแล้วก็ทำให้ใบไม้นั้นขยายใหญ่ขึ้นเสร็จก็ขึ้นไปยืนบนใบไม้แล้วก็ตั้งสมาธิแล้วก็เริ่มท่องเวทย์แต่ก็เหมือนนึกอะไรบางอย่างออก

     



    "เอ่อโทษทีลืมไปนึกว่ามาคนเดียว นายมาจับตัวฉันเอาไว้สิ...มาเถอะน่าเร็ว ๆ เข้า"ถึงเรออนจะไม่เข้าใจแต่เขาก็ไม่มีทางเลือกเลยจำเป็นต้องทำตามที่อาร์ตี้บอกทั้งสองยืนอยู่บนใบไม้ที่ถูกทำให้ขยายใหญ่ขึ้น
     



    "เอาล่ะนะสายลมเอยโปรดฟังคำข้าธิดาแห่งสายลมฤดูใบไม้ผลิ จงนำทางข้าไปหาคำปริศนาแห่งการเดินทางครั้งนี้"ทันทีที่อาร์ตี้ร่ายเวทย์เสร็จใบไม้ที่เขาทั้งสองนั่งอยู่ก็ค่อย ๆ ลอยขึ้นอย่างช้า ๆ

     



    "ว้าว...สวยจังเลย"อาร์ตี้มองลงมาจากใบไม้ที่เธอกับเรออนนั่งอยู่แล้วก็ร้องออกมาอย่างแปลกใจ

     



    "แปลกจริง ๆ"เรออนแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบนแล้วก็ทำหน้าแปลกใจจนอาร์ตี้มองตามแล้วสีหน้าเธอตนนี้ก็แปลกใจไม่แพ้เรออนเพราะบนพื้นดินที่เธอเพิ่งจากมานั้นเป็นเกาะกลางอากาศส่วนบนหัวที่เธอกำลังแหงนหน้ามองกันอยู่นั้นเป็นพื้นดิน

     



    "นี่มันโลกอะไรกันเนี่ย"อาร์ตี้มองโลกคู่ขนานแห่งนี้อย่างตื่นตากับสิ่งที่ได้เห็นแล้วใบไม้ที่พวกเธอนั่งมาก็ล่องลอยมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งลอยสูงขึ้น ๆ ไปยังเกาะที่อยู่เหนือหัวของพวกเธอ

     



    "เรออน นายเห็นเหมือนที่ฉันเห็นหรือเปล่า"อาร์ตี้กำลังอ้าปากค้างกับสิ่งที่เธอกำลังเห็นลอยอยู่เคียงข้างเรือใบไม้ของเธอ

     



    "เอ่อคิดว่าเห็นเหมือนกันนะ ถ้าไอ้ที่เธอเห็นน่ะมันคือแมวที่กำลังบินอยู่ล่ะก็นะ"แล้วทั้งสองคนก็หันมามองหน้ากันแล้วก็หันไปทางตัวประหลาดที่กำลังบินอยู่ข้าง ๆ พวกเธอแมวสีดำปีกขนนกสีขาวแต่ดันมีหางแบบเดวิล

     



    "นี่ ๆ พวกเจ้ามนุษย์ต่างมิติอีกแล้วสิเนี่ย"แมวบินได้ตัวนั้นหันมาพูดกับอาร์ตี้และเรออนทำเอาอาร์ตี้ตกใจแต่เรออนยังคงวางมาดนิ่งได้แล้วแมวตัวนั้นก็บินห่างออกไปจากเรือของพวกเธอ

     



    "แมวบินได้ว่าแปลกแล้วนะเนี่ยแต่นี่แมวพูดได้"อาร์ตี้มองดูแมวที่กำลังบินอยู่ข้าง ๆ ที่หันมามองหน้าเธอก่อนทำสีหน้าไม่พอใจ

     



    "นี่เจ้ามนุษย์การที่เจ้าไม่เคยรู้หรือไม่เคยเห็นในบางเรื่องมันไม่ได้แปลว่าเรื่องนั้นมันไม่มีอยู่จริงนี่นา เฮ้อมนุษย์นี่เป็นแบบนี้ทุกคนเลยสิน่า"แมวตัวนั้นพูดอย่างอารมณ์เสีย

     



    "อืมจริงด้วยเน๊อะ"อาร์ตี้มองแล้วก็นึกถึงมิวญาติผู้น้องของเธอขึ้นมาทันทีนี่ถ้ามิวมาล่ะก็เธอคงจะไม่ยอมกลับไปง่าย ๆ แน่ ๆ

     



    "โลกนี้คือโลกอะไรกัน"เรออนหันมาถามแมวตัวนั้นบ้าง

     



    "โลกนี้คือ มิลเลอร์เวิลด์"เรออนทำท่าครุ่นคิด มิลเลอร์ที่แปลว่ากระจกอย่างงั้นเหรอแล้วเขาก็มองสำรวจสิงต่าง ๆ รอบ ๆ ตัวเองทุกอย่างช่างดูกลับกันหมด บนเป็นล่าง ล่างเป็นบนไหนจะยังมีแมวบินได้พอมองขึ้นไปด้านบนที่เห็นเป็นแผ่นดินแล้วก็มีทะเลล้อมรอบก็เห็นนกกำลังว่ายน้ำอยู่

     



    "อ้อลืมเลยฉันชื่อ อาร์ทิมิสเรียกว่าอาร์ตี้ก็ได้นะ ส่วนนี่เรออน"อาร์ตี้แนะนำตัวเองกับแมวตัวนั้นและดูเหมือนแมวตัวนั้นจะชะงักไปเล็ดน้อยก่อนมองด้วยสายตาแปลก ๆ มาทางอาร์ตี้กับเรออน

     



    "เอ่อ ข้าชื่อเนฟเฟอร์ พวกเจ้าเป็นมนุษย์ที่แปลกมาก แปลก"แล้วแมวเนฟเฟอร์ก็บินห่างออกไปทางเกาะกลางฟ้าซึ่งเป็นทางเดียวกับที่เรือใบไม้ของอาร์ตี้ลอยไปพอดี

     



    "หวา ๆ ว๊าย"เมื่อเรือใบไม้ของเธอลอยเข้ามาในอาณาเขตของเกาะกลางฟ้าแล้วอยู่ดี ๆ เรือใบไม้ก็เกิดอาการโคลงไปมาแล้วด้วยความที่อาร์ตี้ยังไม่ทันตั้งตัวเลยไม่สามารถกางข่ายเวทย์ได้ทันทั้งสองก็ร่วงตุ๊บลงบนพื้นดินแต่เธอกลับไม่รู้สึกเจ็บเลยสักนิดเดียวกลับรู้สึกนุ่มด้วยซ้ำไป

     



    "นี่หนักนะจะลงไปได้หรือยัง"เสียงที่กระซิบเบา ๆ ข้าง ๆ หูของอาร์ตี้ทำให้เธอลืมตาขึ้นมาแล้วก็ต้องตกใจเพราะตอนนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมกอดของเจ้าชายหนุ่มแล้วที่สำคัญทั้งสองคนนอนอยู่ที่พื้นอาร์ตี้รีบลุกขึ้นทันทีแล้วก็มองสำรวจไปรอบ ๆ นี่เธอเป็นอะไรไปกันแน่ทำไมเธอต้องใจเต้นแรงด้วย ทั้ง ๆ ที่เธอเกลียดเจ้าชายท่ามากผู้นี้เหลือเกิน มันเกิดอะไรกันขึ้นนะเรออนลุกขึ้นแล้วเดินมายืนข้าง ๆ อาร์ตี้ก่อนที่กระซิบข้าง ๆ หูของเธอ

     



    "เมื่อกี๊ล้อเล่นน่ะ ตัวเธอไม่ได้หนักหรอกเบาเสียด้วยซ้ำ"เท่านั้นแหละอาร์ตี้หันมามองตาเขียวใส่เจ้าชายจอมอันตรายคนนี้ทันทีพร้อมด้วยชักมีดสั้นของเธอออกมาแต่เรออนก็กระโดดหลบออกไปทัน

     


    "อย่าเข้าใกล้ฉันอีกไม่อย่างงั้นฉันอาจจะฆ่าท่านก็ได้เจ้าชาย"อาร์ตี้หันมาทำท่าทีเย็นชาใส่แต่เรออนก็ยักไหล่อย่างไม่สน

     


    "ฉันช่วยเธอนะเมื่อกี๊นี้น่ะจะขอบคุณสักคำก็ไม่มี คนรีอาร์เป็นแบบนี้มุกคนหรือเปล่าเนี่ย เจ้าหมอนั่นก็เหมือนกันเจ็บตัวแล้วยังซ่าส์อีก"เรออนพูดเรื่องนี้แล้วก็พาลให้นึกถึงเซแล้วเขาก็ขำออกมานิด ๆ แต่อาร์ตี้หรือซึ่งก็คือเซที่เรออนพูดถึงเมื่อครู่นี้ไม่ได้ขำด้วย

     


    "หมายความว่ายังไงท่านพูดให้ดี ๆ นะ"อาร์ตี้หันมามองด้วยแววตาดุ ๆ แต่เรออนยังคงเฉย ๆ แต่พอเห็นสีหน้าของอาร์ตี้แล้วจึงถอนหายใจน้อย ๆ

     


    "ก็ไม่ทำไมหรอก จะขอบใจสักคำก็ไม่มีทำดีไม่ขึ้นเลยเรา"แล้วเรออนก็ทำน้ำเสียงน้อยใจจนอาร์ตี้โมโห

     


    'ไอ้เจ้าชายบ้านี่มันเป็นเจ้าชายจริง ๆ หรือเปล่าเนี่ย'แล้วอาร์ตี้ก็ตัดสินใจลดมีดสั้นในมือลง

     


    "ขอบใจ"เธอเอ่ยออกมาอย่างเบา ๆ แต่เรออนก็ได้ยินแล้วก็ยิ้มรับคำขอโทษนั้น อาร์ตี้มองหน้าเรออนสักพักแล้วก็หันไปสำรวจรอบ ๆ ก็จริงที่เรออนช่วยเธอเอาไว้แล้วมันก็เป็นอุบัติเหตุด้วยซึ่งเรออนคงไม่ได้ตั้งใจทำแบบนั้นแน่ ๆ แต่ก็ไว้ใจไม่ได้ เพราะเธอไม่สามารถเดาความคิดเรออนได้ คนผู้นี้มีดีอย่างไรดาบของเธอถึงได้เลือกที่จะอยู่กับเขา ดาบที่นอกจากเธอแล้วไม่มีใครที่สามารถแตะต้องได้



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    สวัสดีจ้า....เพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านทั้งหลาย

    มดตะนอยมาอัพให้อีกนิดเเล้วนะ ขอบใจเพื่อน ๆ สำหรับคำติชมนะจ๊ะ มดตะนอยจะนำคำติชมมาแก้ไขปรับปรุงจ้า  มดตะนอยหาร่มหาเรือไปรับ50%ที่เหลือมาให้เเล้วนะหุหุ ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย รักษาสุขภาพด้วยนะจ๊ะ

    บายจ้า

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×