ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Four_seasons อาณาจักรเเห่งฤดูกาล

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 5

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 49




    "ข้างหน้ามีเมือง เล็ก ๆ อยู่ นี่ก็ใกล้ค่ำแล้ว เราพักที่เมืองนี้ก็แล้วกันนะ"ราล์ฟเป็นผู้บังคับเกวียนหันมาถามความเห็นผู้ร่วมเดินทางซึ่งทุกคนต่างเห็นด้วยที่จะพักในเมือง

    "ท่านเซ ใช่เมืองนี้หรือเปล่า"มิวรีบเข้ามาในเกวียน ทำท่าทีเหมือนกำลังจะได้ของเล่น จนเซเรสมองแล้วอดยิ้มกับท่าทีของน้องสาวเธอผู้นี้ช่างร่าเริงได้ทุกช่วงเวลาจริง ๆ

    "อือ ใช่"เซเรส มองหน้าน้องสาวตนแล้วก็ต้องอมยิ้ม เอมี่เองก็เช่นกัน แต่บุคคลที่เพิ่งมาใหม่ทั้งสามนี่สิ ยังไม่รู้เรื่องที่สาว ๆ พูดกัน

    "เมืองนี้ทำไมเหรอ ท่านหญิง"มาคัสที่นาน ๆ จะพูด เริ่มเอ่ยถามบ้างคงเพราะท่าทีของมิวทำให้ทุกคนพลอยอยากรู้ไปด้วย

    "ก็ที่นี่น่ะ พี่ เอ๊ย ท่านเซน่ะ บอกว่าจะแวะพักที่นี่ 2-3 วันน่ะสิ เพราะว่าที่นี่จะมีงานเลี้ยงรื่นเริงน่ะ"มิวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง บอกกับชายหนุ่มทั้งสามคน หนึ่งทำหน้าตื่นเต้น หนึ่งทำหน้าเฉย ๆ หนึ่งทำหน้าหงุดหงิด แล้วคนที่ทำหน้าหงุดหงิดก็เอ่ยขัดขึ้นมา

    "เราจะแวะแค่ค้างคืนเท่านั้น"เรออน ประกาศออกมาทำให้มิวหน้างอไปทันที ราล์ฟเองก็เช่นกัน

    "ท่านเจ้าชาย ไม่แวะก็ไม่เป็นไร งั้นเราแยกกันตรงนี้เลยก็แล้วกันนะ ฉันไม่ได้รีบร้อนเดินทางเช่นท่าน"เซเรส บอกด้วยท่าทีที่ยิ้มแย้ม เพราะเธอหาทางที่จะแยกการเดินทางออกจาก คนกลุ่มนี้อยู่พอดี ทั้งเซเรสและเรออน ต่างจ้องหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมแพ้ใคร จนผู้ร่วมเดินทางทั้งหลายต้องมาระงับศึกสายตาครั้งนี้เอาไว้

    "เร เราพักที่นี่ สัก 2-3 วันก็ได้นี่ เซยังไม่หายดีนายน่าจะเห็นใจผู้ร่วมเดินทางบ้าง"
    มาคัสดึงให้เรออกไปอีกทางหนึ่ง เรออนทำท่าครุ่นคิด ท่ามกลางความลุ้นของสองสหายผู้ชอบเรื่องสนุก สักพักเรก็ตอบตกลง ทำให้ทั้งหมดยิ้มออกมาได้ ยกเว้น เซเรสทั้งหมดเดินทางมาหาที่พักในเมือง แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า อยู่ได้เพียงห้องละ สองคนเท่านั้น ซึ่งเซเรส ให้เอมี่นอนกับมิว ปัญหามันอยู่ตรงนี่น่ะแหละ ที่ว่าห้องเหลืออีกแค่สองห้องเท่านั้น แล้วเธอจะต้องพักกับใครกันเนี่ย

    "ราล์ฟข้านอนห้องเดียวกับเจ้าก็แล้วกันนะ"เรออนรีบออกตัวก่อน ราล์ฟมองเรแล้วก็พยักหน้าอย่างรู้ทันเเล้วก็ยิ้ม ๆ

    "ข้าอยู่ห้องไหนก็ได้"เซเรสกับมาคัสพูดพร้อมกันสรุป เป็นอันว่าเอมี่พักห้องเดียวกับมิว ส่วน เรพักห้องเดียวกับราล์ฟ และเซเรสพักห้องเดียวกันกับมาคัส

    "เอ่อ มาคัส"ทันที่ที่ถึงห้องพัก เซเรสก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้องแล้วก็ยิ่งหนักใจเข้าไปใหญ่ เพราะมีแค่เตียงเดียวเท่านั้น แต่คนที่ต้องพักในห้องนี้มีถึงสองคน

    "มีอะไรเหรอ หรือว่าเจ้าเกิดปวดแผล"มาคัสหันมาถามเซเรส แต่เซเรสยืนนิ่งทำไมชายคนนี้ถึงได้เป็นห่วงคนอื่นเพราะสายตาของมาคัสที่มองมายังเซเรสนั้นมีแววของการเป็นห่วงทำให้เธออดคิดไม่ได้ว่าทั้ง ๆ ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลยด้วยซ้ำทำไมถึงได้ห่วงคนอื่น

    "เปล่า คือ เตียงน่ะ"เซเรสไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดยังไง ในเมื่อตอนนี้เธอแต่งกายเป็นชายอยู่ มันไม่น่าที่จะมีปัญหาอะไร แต่ยังไงซะเธอก็เป็นผู้หญิงซึ่งเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงนี่สิ

    "เตียงน่ะเหรอ ทำไมล่ะ"มาคัสทำหน้าแปลกใจแล้วก็มองเซเรสที่ทำท่าหงุดหงิด

    "คือ นายนอนบนเตียงก็แล้วกันนะ ฉันนอนพื้นเอง"เซเรสวางสัมภาระของตัวเองลงบนพื้น แต่พอดีว่าช่วงที่วางของลงบนพื้นเธอ เกิดเจ็บแผลขึ้นมา มาคัสเลยบอกให้เธอนอนบนที่นอน แล้วมาคัสก็ออกไปข้างนอก ตอนนี้เซเรสนั่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง เธอเพิ่งเคยเห็นคนที่เป็นห่วงคนอื่น คนที่เพิ่งรู้จักกันมาได้ไม่เท่าไหร่ แล้วเสียงประตูเปิดก็ดึงให้เซเรสหันไปมอง

    "นาย"เซเรสมองผู้มาเยือนที่เพิ่งก้าวเข้ามาในห้อง แล้วก็ตามมาด้วย เจ้าของห้องอีกคนหนึ่ง แล้วก็บรรดาเพื่อนที่ร่วมเดินทาง

    "ฉันว่า นายควรอยู่ใกล้หมอมากกว่าน่ะ คือจะว่ายังไงดีล่ะ ถึงเรออนจะไม่ใช่หมอ แต่ก็พอรู้เรื่องการรักษามากที่สุดนะ"มาคัส เดินเข้ามาบอกกับเซด้วยสีหน้าเรียบ ๆ แต่เอมี่กับมิวทำหน้าวิตกเล็กน้อย เนื่องมาจากว่า ท่านหญิงของเธอทั้งสองน่ะ ไม่ค่อยถูกชะตากับท่านหมอผู้นี่น่ะสิ

    "ท่านเซคะ เอมี่ว่าทำอย่างที่ท่าน มาคัสเสนอก็ดีนะคะ"

    "แล้วแต่ ตามสบาย"เซเรสหันไปสบตากับเจ้าชาย แล้วก็เดินไปที่ ๆ นอน เหนือความคาดหมายของเอมี่และมิวอย่างมาก เพราะเซเรสไม่เพียงแต่ไม่หาเรื่อง แต่กลับเฉย พอเสร็จเรื่องที่นอนไปแล้ว ทั้งหมดก็ต่างแยกย้ายไปพักผ่อน

    "อ้าว นายลงไปนอนข้างล่างทำไมกันล่ะ ฉันนอนไม่ดิ้นหรอก"เรออนทักเซเรส ทันทีที่เขาออกจากห้องน้ำแล้วก็เห็นเซเรส นอนอยู่ที่พื้น เอมี่ได้บอกเขามาก่อนหน้าที่จะเปลี่ยนห้องพักแล้ว เรื่องที่ว่าเซ ไม่ชอบนอนเบียดกับคนอื่นเพราะเซนอนดิ้นแต่ตามที่เรออนมองแล้ว ดูไม่น่าที่จะนอนดิ้นสักเท่าไหร่

    "เรื่องของฉัน"พูดจบก็นอนต่อ แต่ก็ได้ยินเสียงของ เรออนตอบกลับมาว่าตามใจ แล้วเธอก็ง่วงเพราะ ฤทธิ์ยา สักพักก็เข้าสู่ห้วงนิทรา อากาศคืนนี้ช่วงหนาวเย็นนัก เซเรสนอนขดตัวอยู่ที่พื้นด้วยความหนาว เนื่องจากว่า รีอาร์เป็นเมืองที่มีแต่อากาศอบอุ่น ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป เธอจึงไม่ชินกับอากาศที่เมืองในเขตสโนว์สักเท่าไหร่ ช่างน่าแปลกที่เมื่อกี๊อากาศที่หนาวกลายมาเป็น ไม่ค่อยหนาวสักเท่าไหร่นักเพราะมีความอบอุ่นแผ่มาถึงเธอ เธอจึงค่อย ๆ เข้าใกล้ความอบอุ่นนั้น

    แสงแดดยามเช้า ปลุกให้เซเรสตื่นจากห้วงนิททรา เธอค่อย ๆ หรี่ตาขึ้นเพื่อปรับสายตาก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ แล้วก็ต้องลืมตาขึ้นทันที นี่เธอกำลังนอนบนเตียงนอนโดย เจ้าชายท่ามาก นอนอยู่ข้าง ๆ เธอ(ถ้าจะพูดให้ถูกคือเธอกำลังนอนซุกอยู่ในอ้อมแขนของเจ้าชายท่ามากนั่นเอง) นี่มันอะไรกันเนี่ย เธอรีบปลุกเรอออนให้ตื่นทันที

    "อ้าวตื่นแล้วเหรอ"เสียงเรออนยังงัวเงี่ยอยู่เล็กน้อยแต่ก็ตื่นได้โดยง่ายเซเรสจึงได้รีบถามเรื่องที่ตนอยากรู้ทันที

    "ทำไมฉันมานอนบนนี้"เรออน ทำท่าหาวแล้วก็มองเซเรสอย่าง เบื่อ ๆ เซเรสพยายามระงับอารมณ์โกรธเอาไว้ เพราะไม่เคยมีใครที่กล้าทำท่าแบบนี้ใส่เธอเลยน่ะสิ

    "อย่างแรก ก็เมื่อคืน ฉันเห็นนายนอขดอยู่ที่พื้นน่ะ กลัวว่าจะหนาวตายซะก่อน เลยลากนายขึ้นมานอนบนเตียง นี่ฉันทำดีแล้วยังโดนว่าอีกเหรอเนี่ยผู้ชายด้วยกันจะอะไรมากมายนัก"เรออนพูดจบก็เดินไปเข้าห้องน้ำ ส่วนเซเรสก็นิ่ง ช่างเป็นเรื่องที่น่าอับอายยิ่งถ้ามีคนอื่นล่วงรู้ เซเรสนั่งหน้าแดงสักพักสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นโมโหแทนเเล้วก็มองไปทางคนที่เพิ่งออกมาจากห้องน้ำที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองได้สร้างความเเค้นเคืองให้ใครบางคนโดยไม่รู้ตัว

    "นายไม่อาบหรือไงน้ำน่ะ"เรออนโยนผ้าของเซมาคลุมหน้าเซ ยิ่งทำเอาเธอที่โกรธอยู่เเล้วทวีความโกรธไปอีก

    'ฉันต้องหาทางแก้เเค้นนายให้ได้ ไอ้เจ้าชายท่ามากจอมฉวยโอกาส'เซเรสดึงผ้าที่คลุมหัวเธอออกเเล้วก็เดินไปอาบน้ำ หลังจากอาหารเช้าแล้ว ทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปเดินเล่นในเมือง พอดีว่าผ่านร้านขายอาวุธ เซเรสจึงหยุดมองคนที่เดินเข้าไปในร้านขายอาวุธ

    "นายจะซื้ออาวุธใหม่เหรอ"เซเรส เดินเข้าไปถามบุรุษที่เดินเข้าไปหยิบจับดาบในร้าน

    "ใคร นายต่างหากที่ต้องซื้อไม่ใช่ฉัน"คำตอบจากปากเจ้าชาย ท่ามาก ทำเอาเซเรสมึน หมอนี่ท่าจะบ้าเป็นแน่

    "แล้วเรื่องอะไรที่ฉันต้องซื้อให้นาย นายอยากได้ก็ซื้อเองสิ"

    "เพราะช่วยนายคราวที่แล้วเลยทำให้ฉันต้องเสียสละดาบไปนายต้องชดใช้"เซเรสนิ่งมองเจ้าชายผู้ท่ามากแล้วก็ใช้ความคิดอย่างหนัก แล้วใครใช้ให้มาช่วยกันล่ะ

    "อือ เชิญท่านเจ้าชายเลือกได้ตามสบาย"เซเรสทำท่าล้อเลียน แล้วตนเองก็เดินดู อาวุธทั่วร้าน แต่เดินเข้าเดินออกมาหลายร้านแล้ว เจ้าชายผู้ท่ามากก็ยังไม่อาจหาอาวุธที่เหมาะมือได้สักร้าน ด้วยความรำคาญและต้องการที่จะ เอาคืนเธอจึงคิดถึงบางสิ่งออกบางสิ่งที่เธอไม่นึกว่ามันจะเร่งให้ กงล้อแห่งโชคชะตา หมุนเร็วขึ้น

    "นี่ ท่านเจ้าชาย ท่านจะลองดูดาบของเราดูหน่อยดีมั๊ย"เซเรส สะกดกั้นรอยยิ้มของเธอเอาไว้ ขณะที่มองหน้าเจ้าชายท่ามาก นี่แหละโอกาสที่เธอจะเเก้เเค้นมาถึงเเล้ว

    "หือ ดาบของเจ้าอย่างนั้นหรือ"เจ้าชายหันมาทวนคำแล้วก็เลิกคิ้วสูงขึ้นเป็นเชิงถาม ส่วนเซเรสก็มองแล้วก็เรียกดาบมาไว้ในมือ ดาบใหญ่ สีแดงเพลิง ที่ตัวด้ามมีรูปมังกร พันอยู่รอบ ๆ ตรงปลายด้ามของดาบ ที่มีลูกแก้วสีแดงเพลิง เจ้าชายมองดาบตรงหน้า แล้วจึงยื่นมือออกมารับดาบไปดู

    'หึ เดี๋ยวได้ดูอะไรสนุก ๆ แน่ ๆ'เซเรส นึกยิ้มอยู่ในใจ เมื่อคนตรงหน้ากำลังจะยื่นมือมารับดาบไปในมือ

    "ถ้านายใช้ได้ ฉันก็ยินดีมอบให้นาย"เซเรส สะกดท่าทีของตัวเองเอาไว้ และก็ยิ่งตื่นเต้นมากขึ้น ขณะที่เจ้าชาย รับดาบมากระชับไว้ในมือ

    "อืม ดูท่าจะเป็นดาบที่ดีมากเลยนะ"เรออนกำลังยืนชื่อนชมดาบอยู่ แต่ว่าหน้าตาของอดีตเจ้าของดาบกลับบ่งบอกถึงความแปลกใจอย่างมาก เป็นไปไม่ได้ ไม่จริง ไม่...มันเกิดอะไรขึ้น

    "นายเป็นอะไรของนาย นายแน่ใจเหรอ ดาบนี่น่ะดูท่ามันจะไม่ใช่ดาบธรรมดานะเนี่ย"เรออนหันมามองเซเรส เซเรสเป็นคนที่ไม่เคยผิดคำพูด ในเมื่อเธอได้ออกปากว่าให้แล้ว เธอก็ไม่รับคืน

    "อืม ฉันว่ามันอยากอยู่กับนายมากกว่านะ"แล้วเซเรสก็ต้องคิดหนักนี่เธอจะโดนท่านพี่ดุเอาหรือไม่ ที่เอาดาบสำคัญให้ผู้อื่นไป แต่ก็ดาบมันยอมไปอยู่ด้วยเองนี่นา เธอไม่ผิดสักหน่อย พอหาเหตุผลในการแก้ตัวของตนได้ก็เลิกทำสีหน้ากังวลแล้วก็เดินหยิบ ๆ จับ ๆ ของในร้านมาดูเล่น

    "เฮ้ นายสองคนอยู่ที่นี่น่ะเอง"ราล์ฟเดินนำขบวนเข้ามาทางสองคนที่ยืนอยู่ที่หน้าร้านขายอาวุธ

    "ท่านเซคะ ดาบนั่น"เอมี่มองดาบที่อยู่ในมือของเรออนแล้วก็ทำท่าตกใจ ก่อนจะหันมาทำท่าตำหนิเซเรส แล้วก็ลากเซเรสออกไปคุยกันแค่สองคน

    "นี่ท่านจะบ้าไปแล้วเหรอ ดาบนั่นน่ะ"เอมี่เริ่มต้นเทศน์เซเรสที่ทำหน้าสำนึกผิดอยู่นิด ๆ

    "ก็ทีแรกกะว่าจะแกล้งน่ะ แต่ที่ไหนได้ ดาบมันดันยอมเป็นของเจ้าชายท่ามากนั่นซะได้"เซเรสที่นึกข้อแก้ตัวให้ตัวเองได้บอกกับเอมี่แล้วก็ยิ้มนิด ๆ

    "ท่านเซ อย่ามาทำท่าว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่นะคะ ดาบนั่นน่ะ"เอมี่ทำท่าโมโห สักพักก็เหมือนกับว่านึกเรื่องอะไรบางอย่างออก จึงถอนหายในยาว ๆ ทำเอาเซเรสแปลกใจกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันของเอมี่แต่ก็ไม่ได้ซักเพราะไม่อยากโดนบ่น

    "ช่างเถอะค่ะ ยังไงก็ให้ไปแล้วนี่นา"เอมี่ส่งยิ้มให้ เซเรสเห็นรอยยิ้มแล้วก็เริ่มยิ้มบ้าง ทั้งสองคนจึงพากันเดินกลับมาที่ร้าขายอาวุธ

    "ท่านเซ ๆ ดูนี่สิ"มิวเดินเอามีดพกมาให้เซเรสดู พอเซเรสพยักหน้า มิวก็รีบจ่ายเงินทันที

    "นี่นายเป็นองค์รักษ์หรือว่าเป็นผู้ปกครองกันแน่เนี่ย"ราล์ฟเดินมากระซิบข้าง ๆ เซเรสก็เริ่มเขยิบออกห่างไปนิด แล้วทำท่าเดินดูของอื่น ๆ

    "เห็นนายเดินดูตั้งนายแล้ว ไม่ซื้อเหรอ"มาคัส เดินมาคุยกับเซเรส นับว่าแปลกมากเพราะตั้งแต่ออกเดินทางมา แทบนับคำได้เลยที่มาคัสจะปริปากพูดออกมาน่ะ

    "แล้วนายล่ะ"เซเรสรู้สึกถูกชะตากับมาคัสมากกว่าเพื่อนร่วมเดินทางคนอื่น ๆ คงเป็นเพราะว่ามาคัสไม่ค่อยที่จะจุกจิกมั้ง

    "ท่านเซ ๆ นี่ ๆ คนขายน่ะเค้าบอกว่าคืนนี้มีงานด้วยล่ะ ไปเที่ยวกันนะ ๆ"พูดเสร็จก็ทำท่าเหมือนเด็ก ๆ เซเรสหันไปมองหน้าเอมี่เพื่อขอความเห็นแต่เอมีทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังไงก็ได้ เธอได้แต่พยักหน้าน้อย ๆ เพื่อตกลงแล้วก็ต้องถอนหายใจอีกเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ ตกลงว่านี่เธอกำลังจะเดินทางไปทำธุระให้ท่านพ่อหรือว่าพาเด็ก ๆ มาเที่ยวเล่นนอกวังกัน

    พอดวงอาทิตย์เริ่มลับขอบฟ้า งานเลี้ยงรื่นเริงก็เริ่มขึ้น บรรดาชายหนุ่มในคณะเดินทางจำเป็นก็มาชวนสาว ๆ เพื่อออกไปเที่ยวด้วยกัน งานรื่นเริงแบบนี้มีหรือมิวจะปฏิเสธ จะมีก็เพียงแต่เซเรสเท่านั้นที่ปฏิเสธ

    "นายแน่ใจนะว่าไม่อยากที่จะไปกับพวกเราน่ะ"ราล์ฟหันมาถามเซเรสอีกครั้งเพื่อความแน่ใจ

    "นั่นสิ นายอุดอู้อยู่ในห้องคนเดียวแบบนี้ไม่เบื่อแย่เลยเหรอเนี่ย"มาคัสเดินมาลากแขนเซเรส แต่เธอก็ปฏิเสธด้วยสายตา

    "เล่นตัวทำเป็นผู้หญิงไปได้ ไม่ไปก็อยู่ที่ห้องนี่แหละ ไปกันได้แล้วเดี๋ยวคนจะแน่นเดินไม่สะดวก"เรออนพูดจบก็เดินนำเพื่อน ๆ ลงไปข้างล่างพอคนอื่นลงไปหมดแล้วเอมี่ก็เดินกลับมาที่ห้องอีกรอบ

    "ท่านเซคะ ท่านเซบอกว่าจะไม่ไปใช่หรือเปล่าแต่ดิฉันว่า ท่านน่าจะให้ท่านหญิงของดิฉันออกไปเที่ยวผ่อนคลายบ้างสักหน่อยก็ดีนะคะ"เอมี่พูดแล้วก็ทำท่าหลิ่วตาไปยังกระเป๋าใบที่ใส่เสื้อผ้าของเอมี่ แล้วเธอก็เดินยิ้มออกไปจากห้องปล่อยให้เซเรสยืนนิ่งอยู่ในห้องเพียงลำพัง พอมองออกไปด้านนอกหน้าต่างก็พบเห็นแต่ผู้คนที่แต่งตัวแปลก ๆ ด้วยชุดพื้นเมืองออกมาเดินกันเต็มไปหมดแล้วก็เดินไปดูทางกระเป๋าที่เอมี่บอกไว้พอหยิบออกมาดูก็ถึงกับเบ้หน้า

    "นี่ยัยเอมี่จะให้เราใส่ชุดแบบนี้เนี่ยนะ"ชุดที่เหมือนกับพวกเอมี่ใส่ เป็นชุดพื้นเมืองของเมืองนี้สีเขียวอ่อน ดูแล้วเหมือนกับชุดเทพธิดอกไม้เลย เซเรสวางชุดลงแล้วก็นอนคิดอะไรไปเรื่อยอยู่บนที่นอน แต่เสียงงานรื่นเริงด้านนอกช่างยั่วยวนใจเธอเหลือเกิน ใช่ว่าเธอจะเป็นคนที่ไม่รักงานรื่นเริงเสียทีเดียว ใช่ว่าเธอจะอยากทำตัวเงียบขรึมแบบนี้ แต่เป็นเพราะมิวมาด้วยเธอจึงต้องวางตัวให้เป็นผู้ใหญ่สักหน่อย แต่สักพักก็เหมือนคิดอะไรได้

    "จริงสิ มิวไม่เคยเห็นเราตอนที่แต่งตัวเป็นผู้หญิงมานานแล้วนี่นา อืม...ไปดีกว่า"แล้วเซเรสก็รีบเปลี่ยนชุดเธอไม่ค่อยชอบชุดนี้สักเท่าไหร่แต่ก็ถ้าอยากออกไปงานข้างนอกกก็ต้องปลอมตัวเลยจำใจใส่ชุดนี้ แล้วที่ขาดไม่ได้ เธอก็ไม่ลืมที่จะใช้เวทย์เปลี่ยนสีผมของเธอจากสีทองของรุ่งอรุณยามเช้าเป็นสีเงินของดวงจันทร์ยามค่ำคืนเธอไม่ได้ลงมาทางบันได เพราะคนอาจสงสัยได้ว่าเธอพักที่นี่ เธอจึงกระโดดลงมาชาวรีอาร์นั้นบินเหมือนนกไม่ได้แต่สามารถลอยตัวอยู่ในอากาศได้นี่คือข้อดีของชาวรีอาร์นครแห่งสายลมฤดูใบไม้ผลิ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    "อ๊ะ ลูกอะไรเนี่ย"เซเรสเดินเข้าไปใกล้แผงที่มีผลไม้แล้วก็หยิบผลไม้ชนิดหนึ่งขึ้นมาดูอย่างสนใจ ลูกที่เหมือนแอปเปิ้ลกับสาลี่ผสมกัน แต่มีผลสีทองเรืองแสงอยู่ ส่วนข้าง ๆ ก็เป็นผลไม้ที่มีลักษณะคล้ายกันจะต่างกันก็ตรงที่ลูกนี้เป็นสีเงินเรืองแสง


    "อ๊ะ ๆ ท่านหญิงน้อย ห้ามจับ ๆ"คนที่แต่งตัวเป็นทหารเดินมาคว้าเอาผลไม้ลูกนั้นกลับไปวางที่เดิมส่วนเซเรสก็กำลังทำหน้าตาไม่พอใจเพราะเธอไม่ชอบให้ใครมาเรียกเธอว่าท่านหญิงน้อย แต่ทหารคนนั้นก็เข้าใจสีหน้าของเซเรสว่าไม่พอใจที่เขาแย่งผลไม้คืนไป


    "ดูท่าท่านหญิงจะเป็นคนต่างเมืองสินะ นี่คือผล โลหิตตะวันและจันทรา น้ำของมันมีสีแดงเหมือนเลือด แต่ไม่ใช่เลือดของจริงหรอกนะ นี่น่ะเป็นผลไม้วิเศษประจำเมืองเราเลยนะ ส่วนสรรพคุณน่ะเห็นเค้าบอกว่าคนที่ได้กินน่ะ จะไม่แก่ไม่เฒ่าและก็จะเพิ่มชีวิตให้อีกด้วย"พอทหารเห็นเซเรสยืนทำหน้าสงสัยอยู่ก็อธิบายต่อ


    "ก็อย่างเช่น แมวมี 9 ชีวิตใช่มั๊ย ถ้าแมวกินผลไม้นี่ก็จะมีชีวิตเพิ่มเป็น 10 ไงล่ะแล้วก็นะคนที่จะได้ผลไม้นี้น่ะ ต้องผ่านการคัดสรรเสียก่อน"เซเรสยังคงยืนมองด้วยท่าทางที่สนใจ


    "การคัดสรรเหรอ..."


    "ใช่ ท่านต้องผ่านการคัดเลือกเสียก่อน ท่านสนใจหรือเปล่าล่ะ ถ้าสนใจก็ลงชื่อได้ที่ตรงนี้เลย"ทหารคนนั้นชี้ไปยังโต๊ะสมัคร เซเรสเดินไปสมัคร


    "ผู้หญิงอย่างงั้นเหรอ"คนที่รับสมัคร มองเซเรสแล้วก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนหัวเราะออกมา คนแถวนั้นก็ด้วยแต่สักพักเสียงหัวเราะก็เงียบหายไปสาเหตุมาจากว่าเซเรสเอามีดพกจี้อยู่ที่คอของเจ้าหน้าที่รับสมัคร


    "ผู้หญิงก็ฆ่าคนได้"เซเรสยิ้มอย่างเยือกเย็นให้กับเจ้าหน้าที่ ๆ กำลังทำหน้าซีดแล้วก็กรอกชื่อลงใบสมัครก่อนยื่นคืนให้


    "ผู้หญิงบ้าอะไรวะดุจริง ๆ"คนที่รับสมัครมองตามหลังเซเรสแล้วก็เอามือลูบที่คอตัวเองอย่างหวาด ๆ


    "ข้ามาสมัครชิงผลไม้นั่น"เสียงชายหนุ่มคนหนึ่งเรียกให้คนที่รับสมัครหันกลับมามองผู้ที่มาสมัคร


    "จะดีเหรอ เร นายบอกเองนี่นาว่ามันจะทำให้การเดินทางล่าช้าน่ะ"ราล์ฟเดินเข้ามาแตะบ่าเรออน


    "ฆ่าเวลาเล่นยังไงซะหมอนั่นก็ยังไม่หายไม่ใช่เหรอ คงต้องพักอีกหลายวัน"เรออนหันไปบอกเพื่อนของเขาแล้วก็เอากระดาษมากรอกแล้วก็เหลือบไปเห็นรายชื่อหนึ่งเข้า


    "หืม มีผู้หญิงด้วยเหรอ"เรหันไปถามคนที่รับสมัคร คนนั้นก็บอกว่าเพิ่งมาก่อนหน้าเรไปเองเมื่อกี๊นี้


    "ทำไมเหรอ เร"มาคัสเดินมาถามเพื่อนที่มองไปทางด้านหลังเต้นผู้สมัคร


    "มีผู้หญิงมาสมัครด้วย ฉันหวังว่าคงไม่โชคร้ายต้องสู้กับผู้หญิงหรอกนะ"เรส่ายหน้าน้อย ๆ


    "เราเองก็อยากลงสมัครบ้าง"มิวชะโงกหน้าข้ามากลางวงสนทนาของหนุ่ม ๆ โดยมีเอมี่เดินเข้ามาติด ๆ


    "ผู้หญิงคนนั้นชื่ออะไรเหรอคะ"เอมี่ชักสังหรณ์ใจไม่ดีสักเท่าไหร่ และภาวนาว่าอย่าให้สิ่งที่เธอคิดเป็นจริง


    "อืม...รู้สึกว่า จะชื่อ อาร์ทิมิส ริชก้า"คำตอบที่ได้กลับมาทำเอาเอมี่หน้าซีดเธอเอามือกุมขมับด้วยความปวดหัวหนักอย่าเห็นได้ชัด


    "เธอรู้จักเหรอ"เร หันมาถามเอมี่ แต่เอมีก็ตั้งสติทันแล้วก็บอกว่าไม่รู้จักก่อนที่จะขอตัวออกมาจากวงสนทนาก่อน เพื่อออกไปตามหาเธอคนนั้น


    "อาร์ทิมิส นี่ท่านกำลังเล่นอะไร"เอมี่เดินตามหาผู้หญิงผมสีเงินจนเจอ


    "หวัดดี เอมี่"คนที่ถูกเรียกว่าอาร์ทิมิส นั่งยิมอยู่ในเต้นท์ผู้สมัคร


    "นี่ท่านกำลังเล่นอะไร ท่านน่ะยัง"เซเรสเอามือทำท่าจุ๊ ๆ แล้วก็เล่าเรื่องสรรพคุณของผลไม้นั่นให้ฟัง แต่เอมี่ก็มีสีหน้าเป็นกังวลจนซเรสต้องปลอบ


    "ท่านคะ ที่ข้าได้ยินมาน่ะ มันยังมีต่อนะคะ การแข่งนี้น่ะ มันมีมานานเป็นร้อยปีแล้วนะคะ แล้วก็ไม่เคยมีใครชนะการแข่งเลย"


    "แล้ว"เซเรสถามเอมี่ในขณะที่สายตาเธอกำลังกวาดมองไปทั่วเต้นท์


    "การแข่งน่ะ ต้องถูกส่งไปยังอีกมิติ มิติที่ซ้อนทับกันอยู่กับมิตินี้นะคะ เท่าที่ข้ารู้มาน่ะ ยังไม่เคยมีใครรอดกลับมาได้เลยนะคะ"คำพูดที่ทำเอาเซเรสมีสีหน้าลังเล แต่ไม่ทันแล้ว


    "เปลี่ยนใจไม่ทันแล้วล่ะ สาวน้อยเพราะคนที่ลงชื่อในใบสมัครน่ะเท่ากับว่าทำสัญญาแล้วการจะหนีหรือสละสิทธิ์น่ะ เท่ากับหาที่ตายโดยเปล่า ดูที่ข้อมือของเจ้าสิ"เซเรสมองดูทหารชราคนนั้นแล้วก็มองข้อมือของตัวเองก็เห็นเหมือนวงแหวนสีดำพันอยู่โดยรอบ


    "นั่นคือสัญลักษณ์ของสัญญา เจ้าคงเป็นคนต่างเมืองล่ะสินะ เฮ้อ ทุกปีก็มีคนต่างเมืองโดนหลอกแบบนี้เยอะเหมือนกันนะ"


    "แล้วไงเหรอลุง"เสียงบุคคลที่สี่ ดังขึ้นขัดการสนทนาครั้งนี้ทำให้เอมี่ถึงกับตาค้าง


    "ท่านเจ้าชาย"เอมี่มองหน้าเซเรสที่นั่งนิ่ง


    "ก็ไม่แล้วไง ขอให้เทพีแห่งฤดูกาลจงปกป้องพวกท่านก็แล้วกันนะ"แล้วทหารคนนั้นก็เดินออกไปจากเต้นท์


    "ไง เอมี่ คนรู้จักเจ้าเหรอ"เรออนยืนกอดอกอยู่ที่ริมทางเข้าเต้นท์


    "เอ่อ คือ"เอมี่ทำท่าอึกอัก จนเซเรสต้องแนะนำตัวเองก่อน


    "อาร์ทิมิส ริชก้า ทรงเรียกหม่อมฉันว่าอาร์ตี้ก็ได้เพคะ"เซเรสยืนขึ้นแล้วก็ทำท่าที
    ถวายเคารพ จากท่าทีของเซเรสทำเอาเอมี่ตะลึง เพราะเซเรสน่ะ น้อยมากที่จะทำความเคารพผู้อื่นที่ไม่ใช่กษัตริย์


    "เอ่อ ใช่ค่ะ เจ้าชายเรออน นี่คือ อาร์ทิมิส เพื่อนของข้าเอง"


    "เพื่อน ?"


    "ค่ะ พี่สาวของนางชื่อ แองเจลิน่า ริชก้า เป็นราชองค์รักษ์ประจำตัวเจ้าหญิง เซเรนิตี้ เจ้าหญิงของกระหม่อมเองเพคะ"คำพูด ต่าง ๆ ต่างพรั่งพรูออกมาจากปากของเอมี่โดยอัตโนมัติ


    "อ๋อ คนที่ไล่เจ้าชายที่มาดูตัวเจ้าหญิงของเจ้าน่ะเหรอ พี่สาวนาง"เรออนมองเซเรสอย่างสำรวจ


    "เอมี่ ออกไปเถอะเรารับปากเจ้าเราไม่เป็นไรหรอก"เซเรสหันไปยิ้มอย่างอ่อนโยนให้กับเอมี่ที่ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้แต่ก็ยอมออกไปแต่โดยดี
    ขณะเดียวกันทางด้านเจ้าชายรัชทายาทแห่งรีอาร์ที่กำลังเดินทางอยู่


    "อะไรนะ เจ้าน้องบ้า"โซเรน ถึงกับเอามือกุมขมับ แล้วนี่เขาจะทำอย่างไรดี น้องของเขาดันไปเข้าร่วมการแข่งขันบ้า ๆ นั่นเข้า เขาแค่อยากให้น้องของเขาพักอยู่ที่เมืองนั้นนาน ๆ เพื่อที่จะไปไม่ทันเวลา แต่นี่น้องของเขาดันเข้าไปยุ่งกับเรื่องอัตรายเข้าแล้ว


    "เจ้ารีบบอกคนของเจ้า ให้ตามไปอารักขาน้องของเรา"โซเรนออกคำสั่งอย่างหัวเสีย


    "หมายถึงลงแข่งหรือ พะย่ะค่ะ เจ้าชาย"


    "ใช่ ห้ามให้น้องเราเป็นอะไรไปแม้แต่น้อย อย่าให้ผิดพลาดเหมือนคราวที่แล้ว"พอพูดถึงตรงนี้ มหาดเล็กของเจ้าชายผู้หวงน้องสาวถึงกับหน้าถอดสี เพราะว่าคราวที่แล้วเขาสั่งการลูกน้องหลายทอดไปหน่อย เลยเกิดการเข้าใจผิด จากปล้นถ่วงเวลา เป็นฆ่า แต่โชคยังดีที่มีคนผ่านมาช่วยเอาไว้ซะก่อน ถ้าไม่อย่างงั้น ถึงเขามี 9 ชีวิตเหมือนแมวก็คงไม่พอ


    "เร็ว ๆ เข้า อัลเฟรด"โซเรนหันมากำชับมหาดเล็กของตนอย่างเคร่งเครียด


    "ทำไมเจ้าช่างขยันหาเรื่องจริง ๆ นะ เซเรนิตี้"โซเรนมองพระจันทร์แล้วก็ต้องเพิ่มความเป็นห่วงน้องของตนมากขึ้น นี่เขากำลังช่วยน้องหรือทำร้ายน้องกันแน่









    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ขอโทษนะจ๊ะที่หายไปนาน อย่าโกรธกันเลยนะจ๊ะ ดองซะเค็มจนเปรี้วเลย อิอิ มาอัพต่อแล้วจ้า แบบว่าพอดีเจอจุดผิดพลาดน่ะจ๊ะ ขอบใจคนที่หลงเข้ามาอ่านเรื่องของเรานะจ๊ะ เเต่งไปแต่งมาชักรู้สึกตัวเองเริ่มเพ้อเจ้อไปใหญ่เเล้วอ่ะ เเต่นึกไปนึกมา ก็มันเเนวแฟนตาซีนี่หว่า เหอ ๆ เพ้อเจ้อบ้างก็เป็นเรื่องที่ธรรมดาปกติเน๊อะ หุหุ(เริ่มหาข้อแก้ตัวให้ตัวเอง)

    อ่ะค่ะ ยังไงซะก็ขอบคุณมากมายเลยนะคะที่เข้ามาอ่านกันน่ะ 


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×