คนเฝ้าบ้าน - คนเฝ้าบ้าน นิยาย คนเฝ้าบ้าน : Dek-D.com - Writer

    คนเฝ้าบ้าน

    บ้านทุกหลังมีเจ้าของเสมอ

    ผู้เข้าชมรวม

    46

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    46

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  19 มี.ค. 64 / 10:56 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
         "หายไปนาน..ไปอยู่ไหนมา"เสียงถามน้ำเสียงอ่อนโยน ฉันหันไปมองหญิงชราคนหนึ่งดูท่าทางใจดีนัก ฉันยกมือไหว้ พลางตอบออกไปด้วยเสียงอ่อนหวาน "ไปอยู่ดูแลป้าที่ป่วยในต่างจังหวัดค่ะ ว่าแต่ยายเป็นใครคะ มาอยู่ในบ้านพ่อแม่หนูได้อย่างไรกัน คร้ังก่อนที่มาดูบ้านเป็นอย่างไรบ้างทรุดโทรมลงไปมากน้อยแค่ไหน ตอนนั้นหนูแน่ใจไม่เจอยาย แต่กลับมาหนนี้ตั้งใจเลยแหละค่ะว่าจะกลับมาอยู่ไม่คิดไปไหนอีก และที่สำคัญหนูอายุมากแล้ว อยากพักผ่อนสบาย ๆอย่างใครเขาบ้าง ที่ผ่านมาทำงานหนักและเหนื่อยมาก เงินเก็บก็แทบไม่มี"ฉันพูดแล้วตกใจไปกับคำพูดตัวเองเหมือนกัน เกิดอะไรขึ้นทำไมพูดแบบนั้นออกไปแม้อีกฝ่ายดูชราไปกว่าฉันหลายปี อย่างไรก็ยังเป็นคนแปลกหน้าที่ไม่เคยพบพานกันมาก่อน แม้ว่าในส่วนลึกของหัวใจ ความรู้สึกบอกว่าฉันกับยายคนนี้เกี่ยวข้องอะไรด้วยกันสักอย่างรึเป็นญาติที่ฉันไม่เคยเจอมาก่อน เป็นไปได้เหมือนกัน ไม่อย่างนั้นจะเข้ามาอยู่ในบ้านฉันได้อย่างไร อีกทั้งญาติที่ฉันได้ฝากกุญแจบ้านอีกดอกเอาไว้ น่าจะเป็นคนมาเปิดประตูบ้านให้ยายได้เข้ามาอยู่อาศัย ก็ดีมีคนอยู่ในบ้านดูแข็งแรง อย่างนี้เองจัดการกับบ้านช่องของฉันเสียจนสะอาดสะอ้านไปหมด ที่ฉันน่าทำเองไม่ได้ถึงครึ่งที่ยายทำหรอกนะ อยู่ที่นี่ก็ดี ฉันจะได้มีเพื่อน คุ้นเคยกับการอยู่กับปู่ย่าต่ายายในวัยขราของพวกเขามาตั้งแต่จำความได้ โดยเฉพาะย้าที่นอนกับฉันย่าที่ช่วยเกาหลังให้ในยามที่ฉันบอกว่าคัน ย่าที่ทำทุกอย่างให้ไม่ว่าหนักหนาแค่ไหนเพื่อลุกเพื่อนหลานไม่เคยเอ่ยปากบ่นอย่างใคร ๆ ฉันรักย่ามากตอนที่ย่าจากไปฉันยังนอนกอดย่าอยู่เลยกระทั่งป้าพี่สาวพ่อปลุกให้ตื่นบอกว่าย่าเสียชีวิตแล้วที่ฉันเองตื่นมารับฟังคำพูดจากป้าในเรื่องที่ย่าจา่กฉันไปไม่มีวันกลับมาแล้ว นอกจากร่างที่ไร้ลมหายใจต้องจัดการตามประเพณีคนตายต่อไป ย่าที่แรก ๆฉันฝันไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ วันเวลาผ่านเลยไปไม่เคยฝันเห็นอีกเลย แม้แต่พ่อแม่หรือญาติคนอื่นๆ ที่เสียชีวิตไปแล้วไม่เคยฝันถึงใครอีกเลย ทำให้ฉันคิดว่าพวกเขาไปเป็นนางฟ้าเป็นเทวดาบนฟ้าหมดแล้วละ แม้แต่เจ้าดิกหมาที่ฉันเลี้ยงถูกรถชนตายก่อนหน่าฉันจะย้ายออกไปจากบ้านเป็นคนสุดท้าย มันเป็นหมาน่ารักกตัญญูรู้คุณ ฉันเชื่อป่านนี้มันหมดกรรมจากการเป็นหมาเลี้ยงไปเกิดใหม่บนสวรรค์ขออย่าให้เกิดเป็นนางฟ้าแล้วกันไม่อย่างนั้นเทวดารุมจีบเยอะแน่ เพราะมันเป็นหมาตัวเมีย หากเป็นคนหน้าตาสะสวยเอาเรื่องอยู่เหมือนกันนะฉันว่า อดีตที่เกิดในความจำ สะดุดลงไปเมื่อยายที่ฉันอยากจะเรียกว่า "คนเฝ้าบ้าน"พูดขึ้นมาว่า
          "นั่นซินะคะหนูไม่เคยเห็นหน้ายายมาก่อน แต่ยายน่ะเห็นหนูมาต้ังแต่พ่อหนูอุ้มหนูออกมาจากโรงพยาบาลภายหลังจากที่แม่หนูคลอดหนูออกมา ยังเฝ้าดูทุกวันเวลาด้วยนะกระทั่งหนูโตเป็นสาว ไม่นานก็หายออกไปกันหมด ยกเว้นยาย"                                                                                                  "หมายความว่าอย่างไรกันคะยกเว้นยายหรือว่าตอนที่หนูย้ายออกไปพ่อแม่ที่จากหนูไปแล้ว รึว่ามีใครจ้างยายเฝ้าบ้านคะ มิน่าหนูกลับมาทีไรเห็นบ้านช่องห้องกับสะอาดตายิ่งกว่าสมัยทีหนูยังอยู่ในบ้านหลังนี้เสียอีก"                                                                                                                            "สมัยนั้นหนูยังเด็ก ตอนโตก็เอาแต่เรียนและทำงานแทบไม่มีเวลาดูแลบ้านช่องห้องหับอีกอย่างแม่หนูจัดการทุกอย่างให้ย่าหนูด้วยก่อนที่พวกท่านจะกลับบ้านเกิไปก่อนหน้านี้หลายปีมาแล้ว"ยายคนแปลกหน้าที่ยิ่งได้พูดคุยด้วยฉันรู้สึกสบายใจและมีความรู้สึกอบอุ่นราวกับเจอเทวดาดูแลกายของตัวเองมาก่อนเกิดบนโลกนี้เสียอีก                                                                                                             "ว่าแต่ยายชื่ออะไรคะ หนูชื่อดวงพร"จู่ ๆฉันอยากรู้จักชื่อและความเป็นไปเป็นมาในชีวิตของยายคนเฝ้าบ้านของฉันให้มากไปกว่าการสนทนาในตอนนี้ อย่างน้อยฉันได้รู้จักชื่อเรียกหากันถูกต้องและจะได้ถามญาติว่ายายใช่ญาติฝ่ายไหนของฉันกันแน่ฝ่าย พ่อหรือว่าแม่ 
               ยายคนเฝ้าบ้านยิ้มอ่อนโยน สายตาที่มองฉันเต็มไปด้วยมิตรไมตรี ฉันพยายามมองใบหน้ายายให้เต็มสองตาตนเองอีกครั้ง ยอมรับยายในวัยนี้แล้วยังสวยมากสมัยสาว ๆจะสวยงามปานไหนกันนะยิ่งมองยิ่งสวยราวกับยายมีออร่าของคุณธรรมความดี หัวใจฉันเต้นแรงและเร็วมากมันไม่ต่างจากยายคนเฝ้าบ้านจะเป็นเทวดานางฟ้าที่รักษาบ้านนี้มานานแสนนาน และเฝ้ารอให้ฉันกลับมาเป็นเจ้าของอีกครั้ง                  "เรียกยายว่ายายลำดวนเถอะนะคะ" น้ำเสียงยายอ่อนหวาน เสียงพูดกับรูปลักษณ์ช่างขัดกันนักเชียวใบหน้าชราและเสียงไพเราะราวเสียงระฆังแก้วหรือเสียงเด็กสาววัยละอ่อน ฉันเหวอไปได้เหมือนกันเมื่อจู่ ๆ รูปร้างยายเปลี่ยนไปไม่ต่างจากลดวัยจากหญิงชรากลายเป็นสาวเด็กหน้าตางดงาม มันเกิดอะไรขึ้น อย่างไงฉันแน่ใจนี่ไม่ใช่ความฝัน มันเป็นความจริงที่ฉันยังตื่นอยู่                                                        "ยาย"ฉันร้องอุทานออกไปอย่างตกใจ ยายที่แนะนำว่าชื่อยายลำดวนหัวเราะแต่สีหน้าฉันเผือดสี ยอมรับว่ากลัวจนหัวใจแทบวาย ตกลงฉันเจอใครกันแน่ใจบ้านของพ่อหลังนี้ที่เป็นมรดกตกทอดมาถึงฉันลูกคนเดียว ยายลำดวนร้องบอกฉันว่า                                                                                             ยายร้องบอกฉันว่า "อย่าได้กลัวไปเลยหนู ยายไม่ใช่ผีสางอะไรเลย"                                               "ไม่ใช่แล้วยายเป็นใครกันคะ บอกตรงๆหนูจะราดแล้วนะคะยาย กลัวมากจริงๆ ขนแขนลุกชันไปหมดแล้ว"ฉันบอกเสียงสั่นกลัว พยายามถอยหนีทว่าร่างกายไม่อาจขยับเขยื้อนไปทางไหนได้เลย เหมือนยายตรึงฉันเอาไว้ด้วยมนตร์คาถาอะไรสักอย่าง หากไม่ใช่วิญญาณ หรือจะเป็นแม่มดกันแน่ ฉันอดคิดไม่ได้ตามประสาคนช่างคิดข่างฝันแต่ไหนแต่ไรมา                                                                         สีหน้าและประกายในดวงตายายเปลี่ยนไปก่อนจะถามฉันออกมาด้วยเสียงพูดไร้น้ำหนักว่า "ว่าแต่หนูยอมรับความจริงได้ไหม ยายจะได้บอกว่ายายเป็นใครและมาอยู่รอหนูภายในบ้านหลังนี้ด้วยเหตุผลอะไรกันแน่"                                                                                                                              ฉันละล้าละลังไม่แน่ใจความจริงที่ว่ามันคืออะไรและฉันยอมรับมัยได้แค่ไหน ดีฤาร้าย  สุดท้ายฉันพูดเสียงที่ไม่ต่างจากกระซิบให้ตนเองได้ยินคนเดียวออกไปว่า "มีอะไรก็บอกมาเถอค่ะหนูจะยอมรับมันไม่ว่าเกิดอะไรขึ้นเป็นหรือต่ายอย่างไรก็ต้องยอมรับ แม้แต่ทุกข์แสนสาหัสก็ยังรับมันได้เสมอ"                          ยายลำดวนถามอีกครั้งว่า "หนูแน่ใจ"                                                                                     ฉันยืดอกให้ตัวตรงก่อนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงมั่นใจขึ้นมาว่า"ค่ะยาย"
              สีหน้ายา่ยลำดวนในสายตาฉันเปลี่ยนไปไม่ต่างจากหน้ามือเป็นหลังมือชัดเจน สาวและสวยมากแถมจมูกฉันสัมผัสกลิ่นหอมของดอกไม้ชนิดหนึ้งพยายามนึกอยู่เหมือนกันกลิ่นหอมแบบนี้เคยได้กลิ่นจากดอกไม้ชนิดพันธุ์ใดกันแน่ หอมเย็นสบายสูดดมเข้าไปแล้วเกิดความรู้สึกผ่อนคลายไม่ติดยึดกับอะไรต่อไปแม้แต่ร่างกายที่ฉันมองเห็น...ร่างตนเองที่ทอดยาวนอนสงบนิ่งที่ไหนสักแห่งแต่ก็ช่างมันเถอะฉันปล่่อยวางมันไปแล้วใครจะเอาร่างฉันไปเผาหรือฝังดินตามสบายเถอะนะ ฉันยิ้มให้ยายคนเฝ้าบ้านกล้าจะเดินเข้าไปหาไม่คิดถอยห่างอีกต่อไป ยิ้มและบอกอ่อนหวานออกไปว่า "ขอบคุณนะคะที่ลงมารับหนู"
             "ต้องมารับซิหนูจากบ้่านเดิมมานานนักหนา กี่ภพกี่ชาติแล้วละที่หลงมาเวียนว่ายตายเกิดบนโลกมนุษย์ กอปรกรรมทำทั้งดีชั่วปนกันแต่ชาตินี้หนูหมั่นทำความดีเจริญภาวนาและละเลิกเนื้อมนุษย์ที่เกิดม่าในร่างใหม่ที่ทุกอย่างเป็นไปตามกรรมไม่ว่าไก่หมูหรือปลา แล้วตัวดีนักแลพวกหอยขมทีอาฆาแรงนัก อย่างไงเราไปกันเถอะพ่อแม่หนูกำลังรอหนูอยู่ข้างบนนั้น"คำพูดของยายไม่ต้องแปลความเป็นอย่างอื่นอีกฉันวางมือลงไปในอุ้งมือยายลำดวน ยิ้มให้ด้วยจิตสงบและเบิกบานแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบนได้ยินเสียงกลองและดนตรี พร้อมกับเสียงร้องตะโกนบอกต่อกันไปว่า "คนของเรากลับมาแล้ว"                          แน่นอนฉันกำลังเดินทางกลับไปที่เคยอยู่และจากมานานแสนนาน กระทั่งหลงลืมไปแล้วว่าบ้านแท้จริงของฉันอยู่ที่ไหนกันแน่ระหว่างโลกมนุษย์หรือ..ดินแดนอันไกลโพ้นที่ไม่ต่างจากซ่อนร้นในมิติและกาลเวลา..บางทีฉันอาจจะกลับมาอีก หรือไม่ก็จากลาชั่วนิรันดร์
              
                   (คุณธรรมความดีการปล่อยวาง...สำหรับคนเราทุกเพศวัยดีนักแล)

                                       ขอบคุณที่เข้่ามาอ่าน
                             หากชอบจะกลับมาบอกเล่าเรื่องอีกมากมายให้ปรากฎในสายตาคร้ังต่อไป
                                           สวัสดีค่ะ

                                        "อินทุกานต์"

                                       
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×