ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Alway เพราะว่ารักยากจะเข้าใจ [YeRyeo]

    ลำดับตอนที่ #3 : 3

    • อัปเดตล่าสุด 28 ส.ค. 54


    “ไหวหรือเปล่า”

    ถ้อยคำแรกของอีกวันเปล่งออกมาจากริมปากบาง ผมยังคงนอนซมอยู่ในบ้านหลังเก่าหลังนี้ เด็กชายชื่อเรียวอุคพาผมเข้ามาพักในห้องนอนของเขา ห้องนี้แคบกว่าห้องของผมที่บ้านเกิดมาก ผมจำภาพรางๆของห้องนอนผมได้ว่าไม่มีของมากมายขนาดนี้อีกทั้งยังไม่มีหนังสือเล่มหนามากขนาดนี้

    “อ่านหนังสือเยอะขนาดนี้เลยหรอ”

    ผมใช้สายตามองไปที่ชั้นหนังสือยาวๆที่ติดริมผนังห้อง มันโย้เย้เหมือนจะรับน้ำหนักของที่วางนั้นไม่ไหว หนังสือหลายเล่มที่เหมือนจะเก็บไม่เรียบร้อยก็โผล่สันหนังสือออกมา

    “อืม ก็ไม่ค่อยได้ออกไปไหน..

    เด็กชายตอบสั้นๆเบาๆ แววตาที่ฉายแววบนใบหน้านั้นสะท้อนความเศร้า

    “ไม่มีค่อยมีเพื่อนหล่ะซิ”

    เด็กชายที่หันหลังให้กับผมกำลังใช้นิ้วดันหนังสือที่คล้านจะหล่นออกมา กลับหยุดปลายนิ้วแล้วพยักหน้าตอบรับเบาๆ

    “ผมไม่อยากยุ่งกับใคร ”

    “ฉันมีน้องสาวนะ เหมือนนายเลย ท่าทาง นิสัย คำพูด..

    “หรอ”

    เด็กชายตอบห้วนๆแล้วหันหลังมานั่งมองหน้าผมที่นอนอยู่บนฟูกนอนเก่าๆของเค้า ผมใส่เสื้อกล้ามตัวซีด ที่หัวไหล่ยังคงมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่ เราไปโรงพยาบาลกันไม่ได้จึงต้องอดทนต่อพิษไข้ และหาทางกันต่อไป

    “เมื่อก่อนฉันอ่านหนังสือเยอะเหมือนนายแหละ หวังไว้ว่าจะพยายามพาครอบครัวไปให้พ้นจากชีวิตของคนจน”

    “สอบติดหมอเมื่อสองปีที่แล้ว..เรียนได้สองปีก็เลิกเรียน”

    ผมพูดออกมาเรื่อยๆแล้วเฝ้ามองใบหน้านั้น

    “น้องสาวฉันอยู่ต่างจังหวัด เธอป่วยตั้งแต่ฉันสอบติดหมอ แต่ไม่มีใครบอก”

    “น้องสาวฉันเป็นโรคเลือด ธารัสซีเมียระดับสามต้องเปลี่ยนเลือดตลอด ”

    “เขาเสียตอนฉันสอบปิดเทอมสอง ตอนนั้นก็ยังไม่รู้เลยมารู้ก็ตอนกลับบ้านแล้ว”

    เด็กชายย่นคิ้วแล้วหายใจเบาๆฟังเรื่องของผมด้วยความตั้งใจ

    “น้องสาวฉันมักโทรหาฉันตอนเรียนอยู่ เขาบอกว่าเขารักฉันมาก อยากเจอฉัน..

    “ทุกคนบอกว่าฉันคือความหวังของครอบครัว ฉันเป็นคนดีมาก”

    ชายร่างใหญ่หายใจเบาๆแล้วพูด

    “คนดีอย่างฉัน ได้แต่ยืนถือรูปถ่ายน้องสาว เฝ้าระลึกถึงเสียงน้องสาวตัวเล็ก ที่โทรหาฉันก่อนเธอจะจากฉันไปอย่างไม่มีวันกลับ”

    “พี่ค่ะ หนูรักพี่นะค่ะ แล้วมาเล่นกับหนูไวๆนะค่ะ พี่ค่ะสบายดีไหมค่ะ หนูสบายดีนะค่ะ

    “ฉันไม่รู้เลยว่า ฉันได้พรากความสบายมาจากแม่ฉัน ฉันไม่รู้เลยว่าแม่ต้องทำงานมากแค่ไหน มือที่ของแม่หยาบกร้านไปมากแค่ไหน ฉันไม่เคยรับรู้เลย ทุกคนทำเพื่อจะหาเงินมาจ่ายค่าเทอมให้ฉัน “

    “ไม่รู้เลยว่าพรากความสุขไปจากน้องสาวฉัน รวมกระทั่งเงินที่รักษาน้อง คนดีอย่างฉัน กลับไม่มีเวลาหันกลับไปมองครอบครัวตัวเอง แล้วฉันจะไปรักษาไปป้องชีวิตใครได้ แค่ชีวิตคนในครอบครัวฉันยังรักษามันไม่ได้เลย”

    เสียงถอนหายใจมาพร้อมกับใบหน้าที่ฝืนยิ้ม เรียวอุคถามเสียงเบาด้วยความระวังตัว

    “นายยังเรียนอยู่ไหม”

    …………………..

    คนฟังไม่ตอบคำถามนั้น เค้ายกตัวขึ้นมาแล้วพูดอีกครั้ง

    “นายรู้ไหม ฉันไมได้เล่าให้นายฟังเพราะความสนุกหรอกนะ”

    “อยากให้นายรู้ว่า คนทุกคนมีปัญหา ไม่ใช่แค่นายรู้ไหม”

    ที่ผมพูดเพราะผมเห็นพ่อและแม่ของเด็กคนนี้ เค้าก้มหน้าแล้วพยักหน้าตอบรับ เมื่อคืนก่อนผมได้ยินเด็กคนนี้มีปากเสียงกับแม่เค้า เรื่องการไปทำงานของแม่เค้า แค่ผมมองหน้าตามองการแต่งตัวผมก็รู้ว่าแม่เรียวอุคทำงานกลางคืน

    “นายไม่ชอบ ฉันรู้ แต่ก็ไม่เห็นต้องไปอ้อนวอนขอร้องอะไรแม่นายขนาดนั้น”

    “ในโลกนี้ไม่มีใครชอบทำสิ่งไม่ดี ไม่มีใครเต็มใจเดินบนเส้นทางนั้นหรอก..”

    “เส้นทางที่นำตัวเองไปสู่ ความเสื่อมเสีย มีแต่สิ่งไม่รู้รออยู่เบื้องหน้า ไม่มีใครเต็มใจที่จะทำหรอกนะ”

    เด็กชายหันหลังให้คนตัวใหญ่ เค้ายกมือดันหนังสือบนชั้นที่ใกล้หลุดออกมาให้เข้าไปในชั้น ริมปากบางพลางเอ่ยออกมาด้วยถ้อยคำแสนแผ่วแต่คนที่นอนซมอยู่ข้างๆก็ได้ยิน

     “สิ่งนึงที่คนอย่างผมจะทำให้แม่ผมได้ คือพยายามรั้ง ...”

    “เพื่ออะไรหล่ะ”

    คนตัวใหญ่สวนคำถามกลับไปทันที เด็กชายที่นั่งข้างๆวางมือลงบนตักตัวเองก่อนจะพูดด้วยเสียงหนักแน่น

    “คนเราแม้จะหมดหนทางแค่ไหน ก็ไม่ควรขายศักดิ์ศรีตัวเอง”

    “นายจะกินศักดิ์ศรีแทนข้าว ถึงต้องอดตายนายก็จะกอดศักดิ์ศรีไว้ใช่ไหม”

    “แม้จะต้องนอนกับพื้นดิน ผมก็จะเลือกรักษาศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ไว้ ”

    “โลกเราไม่ใจดีขนาดนั้นหรอกเรียวอุค วันนึงนายอาจจะเข้าใจ ...”

    “คุณไม่เป็นผมคุณไม่รู้หรอก การที่แม่ตัวเองเดินไปกับผู้ชายมากหน้าหลายตามันรู้สึกยังไง”

    “แล้วนายเคยนึกสงสัย ระหว่างที่แม่นายต้องเดินไปแม่นายรู้สึกยังไง.. อาจรู้สึกแย่มากกว่านายคาดคิดก็ได้นะ”

    “ถ้าการที่นายรั้งแม่นายไว้เพราะความอายหล่ะก็ ฉันคิดว่ามันเป็นความอายที่งี่เง่า”

    “แม่นายต้องเสียศักดิ์ศรีที่เค้ามีไป ..ศักด์ศีที่คนทั่วไปควรมีไง “

    “การที่แม่ต้องขายตัวเพื่อส่งลูกเรียน นายคิดว่าแม่นายรู้สึกยังไงกันที่ต้องทำงานแบบนี้”

    เด็กชายหันมองคนที่นอนอยู่เค้าหลับตาลงด้วยความทรมานจากพิษแผลอักเสบ

    “คิดซิ เพราะคิดเลยไม่อยากให้ทำ”

    เรียวอุคพูดก่อนจะลุกอออกจากห้องไป เค้าเลือกเปิดหน้าต่างด้านหลังของบ้านแล้วนั่งอยู่เงียบๆ หน้าต่างของบ้านที่สามารถมองออกไปยังถนนด้านนอกได้ แสงไฟสีส้มที่ให้ความรู้สึกอบอุ่นกำลังส่องทางเดินที่ว่างเปล่าให้มองเห็นลูกหมาสองสามตัวกำลังหยอกล้อกันเล่น เสียงเห่าเบาๆแว่วดังเข้ามาในหู รถคันใหญ่ขับผ่านพวกมันไปสองสามคัน ก่อนที่สักพักหางเล็กๆจะสบัดไปมา ลูกหมาทั้งสามหันไปทางเดียวกันพร้อมกับวิงเหยาะๆไปหาแม่ของมันที่คาบถุงพลาสติกที่ด้านในมีเศษอาหาร เรียวอุคมองภาพนั้นก่อนจะถอนหายใจ เค้าเฝ้ามองและคิดทบทวนเรื่องต่างๆในหัว

    _________________________________________*

    พอตกดึกคนตัวเล็กก็ยกผ้าชุบน้ำเข้าไปเช็ดตัวให้เยซอง พ่อเรียวอุคที่เข้ามาในบ้านพร้อมกับกลิ่นเหล้าก็เข้าไปหลับในห้อง เรียวอุคหันมองผู้เป็นพ่อที่หันมายิ้มให้ เค้าไม่ได้ยิ้มตอบรับกลับหากแต่เดินเข้าไปในห้องนอนตัวเองเพื่อเช็ดตัวให้เยซองที่นอนจับไข้อยู่

    “เรานั่งรถออกไปชานเมืองหาหมอกันเถอะ”

    เรียวอุคจับหน้าผากที่ร้อนผ่าวของเยซองก่อนจะบรรจงเช็ดใบหน้าหล่อ เยซองขมวดคิ้วมากขึ้น เค้าร้องออกมาเบาๆด้วยความทรมาน

    “เรียวอุค ขอผ้าห่มอีกได้ไหม”

    คนตัวเล็กพยักหน้าก่อนจะเลื่อนผ้าห่มขึ้นมาคลุมที่ตัวของเยซอง เค้าหยิบสาวผ้าห่มในชั้นตู้ออกมาจนหมดก่อนจะคลุมให้คนตัวใหญ่ เยซองเงียบเสียงไปสักพักคนตัวเล็กก็หันมองไปที่ข้างศรีษะของเยซอง กระเป๋าใบสีดำถูกวางไว้ข้างๆ เค้าดึงมันออกมาเพื่อให้คนตัวใหญ่นอนสบายขึ้น คนตัวเล็กวางกระเป๋าสีดำของเยซองไว้ข้างๆก่อนจะจับหัวเยซองให้นอนในท่าสบายขึ้น

    คนตัวเล็กเฝ้าเยซอง เค้าหันมองเป้สีดำนั้นก่อนจะมีเสียงครืดๆดังออกมา มือถือของเยซองสั่นอยู่ในเป้ คนตัวเล็กหยิบมันออกมา ก่อนจะเอื้อมมือเตะที่ไหล่ของเยซองแต่แล้วเค้าก็ชักมือกลับ

    คนตัวเล็กเปิดประตูห้องออกไปพร้อมกับกำมือถือไว้ แล้วจ้องมองที่หน้าจอ

    ชินยุก

    หมายเลขเบอร์โชว์อยู่ คนตัวเล็กหายใจเข้าลึกๆก่อนจะกดรับสาย

    “ฮัลโหลครับ”

    เรียวอุครับสายก่อนจะเฝ้ารอให้ปลายสายพูดกลับมา

    “//เยซองแกอยู่ไหน เค้าหาตัวแกให้ทั่ว ไปมุดหัวอยู่ที่ไหน”

    “ขอโทษนะครับ พอดีตอนนี้คุณเยซองมีปัญหานิดหน่อยหน่ะครับ คุณเป็นผู้จัดการที่ทำงานเค้าหรอครับ”

    เยซองนายมาช่วยฉันจนที่ทำงานนายโทรตามตัวมาต่อว่าแน่ๆเลย ฉันไม่น่าเลย เพราะฉันคนเดียว..

    “//ตอนนี้มันเป็นยังไง บาดเจ็บมากไหม”

    เรียวอุคอึ้งไปในทันที เค้าอ้ำๆอึ้งๆก่อนจะรีบพูด

    “เอ่อ คะคือว่าเค้าไม่ได้ไปทำอะไรผิดหรอกนะครับ แต่พอดีว่า..”

    “แล้วนี่นายเป็นอะไรกับมัน”

    “พอดีเค้ามาช่วยผมไว้หน่ะครับเลยมีปัญหานิดหน่อย ขอโทษนะครับแล้วเดี่ยวเค้าตื่นมาผมจะบอกเค้าให้นะครับว่าผู้จัดการโทรมา”

    “อ๋อ ตอนนี้มันอยู่ไหนหล่ะ ฉันจะไปรับมันมารักษาตัว”

    “อยู่เอ่อ เอาไว้เค้าตื่นแล้วผมจะให้โทรกลับนะครับ”

    จะบอกดีไหมนะ……

    “ถ้ามันตายไปนายจะรับผิดชอบไหวหรอไง”

    “ไว้เค้าตื่นก่อนดีกว่าครับ ผมสัญญาว่าเค้าจะกลับไปทำงานให้แน่นอนครับ”

    “งั้นบอกชื่อนายให้ฉันรู้หน่อยได้ไหม”

    “ผมชื่อคิมเรียวอุคครับ”

    เด็กชายพูดก่อนที่ปลายสายจะวางไป เค้าถอนหายใจก่อนจะเดินกลับไปในห้อง เป้สีดำที่วางที่พื้นถูกเปิดออกพร้อมกับสายตาเล็กที่มองไปในเป้ บางอย่างพ่อกระดาษไว้หนาพร้อมกับพันด้วยเทป แต่ที่น่าตกใจคือกระบอกปืนที่วางนิ่งอยู่ในนั้น เรียวอุคขมวดคิ้วก่อนจะมองกลับไปที่เยซอง

    เค้าเป็นใครกันแน่นะ..

    คนตัวเล็กครุ่นคิดกับตัวเองก่อนจะนั่งมองใบหน้าคนที่หลับสนิทตลอดทั้งคืนด้วยความสงสัย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×