คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Mia2 Simple
_____________________________________________________________________________8
Mia 2
งานประชุมแม่ทัพของโชซอลที่จะถูกจัดขึ้นในอีกสองถึงสามวันนี้ ทำให้ทั้งวังต้องเตรียมงาน ทุกอย่างแม้จะเป็นไปการวางแผนที่ได้เตรียมไว้แล้ว แต่ซองมินก็รู้สึกว่าทุกอย่างเต็มไปด้วยความรีบร้อนและวุ่นวาย
ถ้าจะยกเว้นก็มีแต่เขานี่แหละนะที่นั่งอยู่กับคร่ำเคร่งเพ่งมองแต่ตัวหนังสือ ดวงตาที่ก้มมองหน้ากระดาษสีขาวเหลืองจางอ่อนๆเพราะความเก่าคร่ำคร่า ไม่ได้ใส่ใจกับข้อความในนั้นมากเท่าใดนัก
“ซองมิน”
เสียงคังอินดังขึ้นทำให้ซองมินเหลียวหลังมอง เค้ารีบลุกขึ้นก่อนจะคำนับพี่เขยตัวเอง
“อ่าว คิดอยู่ว่าท่านน่าจะเดินทางถึงพรุ่งนี้ ทำไมมาล่วงหน้าหล่ะพี่ชาย”
“อืม งานใหญ่เลยได้รับเชิญมา แล้วก็คิดว่ามาก่อนจะได้เดินเที่ยวสักหน่อย อ้อพี่เจ้าฝากของมาให้เยอะเยะเลยอยู่ที่บ้านเจ้ามีทั้งผ้าทั้งหยกของตากแห้งเยอะจนเจ้าหยิบดูไม่ถูกเลยหล่ะ แล้วนี่ข้าเอาขนมโก๋มาฝาก”
คังอินยืนพิงเสาก่อนจะร่อนจานขนมในมือไปมา แล้วหยิบขึ้นกินก่อนจะจยับตัวเดินมานั่งกับซองมินที่โต๊ะ ศาลาเล็กๆที่เปิดออกทั้งสี่มีม่านปลิวพลิ้วไหวเพราะแรงลม ทำให้คังอินต้องมองไปรอบๆแล้วค่อยๆนั่งลงเบาๆ มันยื่นตัวออกมาจากตำหนักใหญ่ด้านหลัง มีโต๊ะทำงานและเก้าอี้เล็กสำหรับนั่งได้ไม่เกินสี่คน ทัศนียภาพรอบๆถูกแต่งแต้มด้วยความสดใสของดอกไม้และต้นไม้ใหญ่ที่สลัดใบลงมาตามแรงลม
“ท่านพี่คังอินคงสบายดีใช่หรือไม่ ทางนั้นเป็นอย่างไรบ้างเห็นว่ากิจการงานค้ารุ่งเรืองแล้วข่าวว่าพี่เขยข้าจะได้แต่งตั้งเป็นแม่ทัพใหญ่ให้กลับมาประจำการที่นี่จริงหรือไม่”
“อืมใช่ แต่คงไม่ใช่เร็วๆนี้หรอก ที่นี่วุ่นวายจริงๆพี่เจ้าคงปวดหัวแย่ถ้าข้าได้กลับมาที่โชซอน ”
“เรื่องนั้นมันก็จริง เพราะพี่ลีทึกไม่ชอบให้ความวุ่นวายที่นี่”
ซองมินยิ้มก่อนจะปิดหนังสือที่อ่านอยู่เมื่อครู่แล้วตั้งใจมองคังอินที่กำลังหยิบขนมเข้าปากแล้วกินอย่างเอร็ดอร่อย
“ท่านทำแบบนี้ทั้งวังไม่มองหรือไง ถือจานขนมมาให้ข้าเนี่ย”
“น่า คนกันเองจะไปเกรงใจสายตาใคร ข้าทำให้น้องชายข้ามันจะเป็นอะไรไป แม่ทัพใหญ่ถือถาดถือชามไม่ได้หรือไง”
“อันนั้นมันก็จริง แต่..”
ซองมินยิ้มก่อนจะกลืนคำพูดตัวเองเมื่อคังอินหยิบขนมแล้วเคี้ยวใส่ปากให้เค้าดู
“พี่เจ้าทำมา อร่อยดีนะ จริงๆมีเยอะกว่านี้แต่ทางมันไกลเดินไปเดินมาเลยกินไปซะเยอะ ยิ่งกินยิ่งคิดถึงพี่เจ้าหน่ะ ข้าเลยหยุดกินไม่ได้”
“ท่านนี่ก็ตลกจริง แล้วท่านพี่ข้าสบายดีหรือไม่เล่ามีอะไรหรือเปล่าเช่นเมียพี่ไประราน”
ซองมินหยิบขนมขึ้นมาก่อนจะเคี้ยวเข้าปากลิ้มรสถั่วกวนน้ำตาลของโปรด
“สบายดีเรื่องนั้นไม่มีหรอก อีกอย่างก็ข้าได้ย้ายไปประจำการที่บ้านเกิดพี่เจ้า เค้าก็มีความสุขเจอคนรู้จักมากมาย”
“แล้วเมียแต่งท่านหล่ะ”
“อ่อ นางยอนมีหน่ะหรอ อยู่บ้านแม่ข้าตอนนี้กำลังเลี้ยงลูกชายให้ข้าอยู่ เดี่ยวก่อนกลับข้าก็จะเวะไปหา”
คังอินแต่งงานกับลูกขุนนางเมื่อสามปีก่อน เพื่อสืบสายสกุล เมื่อมีลูกชายแล้วคังอินก็ได้ขอท่านพ่อเค้าย้ายไปประจำการที่บ้านเกิดลีทึก ส่วนเรื่องการแต่งงานนั้นพี่ของซองมินก็ไม่ได้ว่าอะไร มีแต่ยินดีกับคังอิน และตอนนี้คังอินก็ประจำการที่นั่นซะส่วนใหญ่นานๆทีจะกลับมาเยี่ยวลูกชายสักครั้ง
“นางก็สบายดี ข้าก็ส่งเงินให้ใช้ทุกเดือนเหลือกินเหลือใช้”
“ไม่กลัวบาปหรือไง ท่านน่าจะกลับมาดูลูกชายท่านบ้างนะเด็กหน่ะน่าสงสารออก ถ้านานๆทีได้เจอพ่อ…”
“ที่อยู่นั่นก็เพราะงานนั่นแหละ ”
คังอินจ้องตาซองมินก่อนจะถาม
“แล้วเจ้าหล่ะซองมิน อยู่ที่นี่สบายดีไหม”
“อืม ทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี”
“กับองค์ชายคยูหล่ะ”
“ท่านคยูก็สบายดี เห็นว่าตอนนี้จะเนื้อหอมน่าดูไปทางไหนๆนางในก็พูดถึง”
“อืม เค้าเป็นคนมีเสน่ห์แต่เขี้ยวเล็บก็ยาวน่าดู เจ้าก็ควรระวังไหนๆเลิกราห่างกันไปก็พยายามอย่าเจอกันให้บ่อยดีที่สุดนะ ซองมิน”
ซองมินพยักหน้าก่อนจะพูดคุยกับคังอินแล้วก็หัวเราะกับเรื่องเล่าของพี่เขยที่พบเจอมา คังอินแยกตัวออกไปเมื่อตอนบ่ายเพื่อให้ซองมินสะสางงานให้เสร็จแล้วคืนนี้จะได้นัดกันสังสรรค์พูดคุย
จนเวลาเย็นท้องฟ้าที่เคยสดใสถูกทาทับด้วยม่านหมอกสีหม่น ซองมินก็รีบเก็บตลับหมึกและข้าวของไว้ในมือก่อนจะเดินออกไปตามทางเดินที่สลัวไปด้วยความมืด แสงโคมไปข้างทางในสวนน้ำสะท้อนให้เห็นความงามของดอกไม้ยามค่ำคืน ที่เหมือนภาพวาดจางๆที่ถูกวาดบนผืนผ้าสีดำ คืนนี้นัดกับพี่คังอินไว้จะไปสายไม่ได้ด้วย
คนตัวเล็กก้าวเท้าไวๆ มือเล็กกระชับหนังสือและตลับพู่กันประจำกาย วันนี้เค้ามีธุระเข้าพบพระสนมของเยซองก่อน เพื่อถวายหนังสือที่ทรงให้จัดทำขึ้น แล้วตกดึกต้องไปที่บ้านคังอิน
“อ้าว นั่นซองมินหนิ ลีซองมิน”
เสียงเรียวอุคเรียกชื่อซองมินที่เดินมาตามทางเดินด้วยความรีบร้อน เค้าหยุดก้มหัวให้องค์ชายตัวเล็กก่อนจะยิ้ม
ยิ้มราวกับเป็นมิตร แต่ใครจะล่วงรู้ว่า รอยยิ้มนั้นแสร้งปกปิดน้ำตาลึกๆในใจ..เมื่อมองเห็นอีกคนที่อยู่ด้านหลัง…
คยูที่ยืนข้างๆเรียวอุคก็เดินออกมาจากพุ่มไม้ที่โน้มกิ่งลงมาบดบังใบหน้าหล่อไว้เล็กน้อย ซองมินได้แต่ภาวนาว่าเค้าจะสามารถหลบสายตาที่จ้องกลับมาที่เค้าได้
“องค์ชายทั้งสอง”
ซองมินก้มหัวลง เค้าพยายามหลบสายตาทั้งสองคู่ที่จ้องกลับมา และจริงๆแล้วเค้าหลบสายตาคยูซะมากกว่า
“จะไปไหน ทำไมดูรีบร้อนนัก”
“ข้าจะไปเฝ้าพระสนมองค์ชายเยซองหน่ะขอรับ”
“หรองั้นเจ้าก็ไปทำธุระเจ้าเถิด ว่างๆก็มาเที่ยวหาข้าที่ตำหนักบ้างนะไม่เจอหน้าเจ้าเลยพักนี้”
“งั้นข้าจะหาเวลาไปเฝ้า ขอตัวก่อนนะขอรับ”
ซองมินก้มหัวก่อนจะถอยหลังแล้วรีบก้าวไวๆออกไป
ลมหายใจซองมินเริ่มติดขัดตลอดเส้นทางที่เดินไปยังประตูเหนือ และก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อใดที่น้ำตาใสไหลอาบแก้มลงมาประทะกับลมหนาว เค้ายกมือลูบก่อนจะหยุดเดินแล้วสงบสติอารมณ์ เมื่อใบหน้าคนเมื่อครู่ที่เจอกันนั้นประทับตราตรึงอยู่ในหัวตลอดเวลา แล้วทุกครั้งที่วนเวียนเข้ามาคล้ายว่ามันจะบาดลึกลงไปในหัวใจเรื่อยๆ
แม้ว่าคยูคือรักแท้ของเค้า แต่ความจริงมันก็ชนะทุกอย่าง…
ความจริงที่ว่า คยูยังรักคิมเรียวอุค พี่ชายตัวเองอยู่เสมอ
ซองมินหลับตาลงก่อนจะพยายามหยุดยั้งน้ำตาตัวเองที่ละล่ำละลักจะออกมา…
รักแท้ที่เค้าว่าชนะทุกอย่าง ยังไม่สู้ความจริงที่ทำลายล้างความพยายามและความตั้งใจ บนเส้นทางนี้ที่เต็มไปด้วยขวากหนาม ทั้งชาติตระกูล ยศฐา เส้นแบ่งระหว่างเรา มันจะเป็นยังไงนะ ถ้าข้าก้าวไปจนสุดทางเพียงเพื่อจะคว้าความว่างเปล่ามาเป็นรางวัลในการเดินทางครั้งนี้
ข้าไม่อยากรักท่านจนต้องขาดใจตายเพราะโหยหาสิ่งที่เรียกว่ารักจากคนที่มองข้าเป็นแค่ตัวสำรอง…
ในเวลาตกดึก…
“หัวหน้าหอสมุดใน ลีซองมิน องค์ชายคยูเรียกให้ไปเข้าเฝ้าเร็วเข้าเถิด”
ซองมินที่ได้ยินเสียงเรียกนั้นเป็นครั้งที่สามหลังจากนิ่งเงียบอยู่นาน เค้าก็ลุกขึ้นจากเตียงแล้วจุดเปลวเทียนขึ้นก่อนจะสวมเสื้อคลุมและแต่งตัวก่อนจะเปิดประตูออกไปแล้วเดินช้าๆตามขันธีที่มารับเค้าที่หอนอน
“วันนี้ข้ามีธุระต้องไปพบกับแม่ทัพคังอิน ฝากความไปบอกได้หรือไม่วันนี้ไม่สะดวกยิ่งนัก”
“เอ่อ…เกรงว่าจะไม่ได้..”
ขันธีที่สวมชุดผ้าแพรสีเขียวพูดด้วยเบาในทีก็เป็นการเตือนซองมิน
“ท่านก็น่าจะรู้องค์ชายทรงเกรี้ยวกราดมากเวลาทรงดื่มน้ำเมา อีกทั้งเป็นรับสั่งมิอาจขัดได้”
ซองมินพยักหน้ากับเหตุผลนั้น เค้าสวมรองเท้าก่อนจะเดินตามไปด้วยใบหน้านิ่ง
ข้าเป็นเช่นนี้…อยู่อย่างนี้..ตลอดไปเลยหรือไม่…
เมื่อถึงตำหนักองค์ชายคยู ซองมินก็มองที่แสงไฟผ่านม่านบางๆที่กั้นลมหนาวยามดึกนี้ไว้ กลิ่นไอดอกไม้คละคลุ้งสุรายังหอมติดจมูกชวนให้หลงใหลในรสชาติความสุขยามที่ทุกสิ่งถูกแต่งแต้มไปด้วยความมืดและถูกเติมแต่งด้วยราคะ…
“องค์ชาย หัวหน้าหอสมุดในลีซองมินมาเข้าพบแล้ว เชิญให้เข้าไปเลยหรือไม่”
เสียงขันธีพูดด้วยความระวังตัวก่อนจะเงียบรอรับสั่ง คยูพูดเสียงนิ่งและเย็นเยียบออกมาเพื่อให้คนนอกประตูได้ยิน
“เชิญเข้ามา แล้วก็ไล่ทุกคนออกไปให้หมด ข้าต้องการเวลาส่วนตัวคุยธุระสำคัญกับ ท่านลี”
ประตูไม้เลื่อนออกช้าๆ คยูที่นั่งอยู่ด้านในก็เงยหน้าจ้องมองร่างที่เดินเข้ามาด้านใน ซองมินสวมชุดสีเหลืองอ่อนดูแล้วชวนอบอุ่นก็เดินด้วยความระวังก่อนจะนั่งลงทิ้งระยะห่างจากคยู
“เข้ามาใกล้ข้าอีก”
ซองมินเขยิบตัวเข้าไปใกล้คยูอีกนิด คยูที่หยิบแก้วเหล้าไว้ที่มือก็วางถ้วยกระเบื้องสีขาวลงแล้วพูดอีกครั้ง
“เข้ามาใกล้ แบบที่เจ้าต้องการใกล้ และแบบที่ใจเจ้าคิดว่าข้าต้องการให้เจ้าใกล้แค่ไหน”
ซองมินไม่ขยับตัวหากแต่เงยหน้ามององค์ชายที่เพิ่งกลับมาเมื่อสามวันก่อน เค้ามาประจำที่วังหลวงแล้ว หลังจากที่ไปอยู่ต่างเมืองเพื่อฝึกฝนและเรียนรู้มานาน แต่ถึงจะไปอยู่ไกลซองมินก็เห็นว่าคยูมักจะกลับมาเที่ยวหาคิมเรียวอุคพี่ชายตนเองและเวะมาหาเค้าบ้างเป็นบางครั้งจนครั้งสุดท้ายที่เจอกัน ซองมินก็ได้ปฎิเสธที่จะพบคยูอีก
เพล้ง!
คยูเขวี้ยงแก้วสีขาวในมือ ซองมินสะดุ้งตัวด้วยความตกใจ เศษแก้วที่ด้านหลังแตกออกส่งเสียงกังวาลน้อยๆ คยูก็ยกขวดเหล้าก่อนจะยกดื่มแล้วจ้องมองหน้าซองมิน
“นั่นคือที่ที่เจ้าต้องการใช่หรือไม่ หึ ”
คยูพูดก่อนจะวางขวดเหล้าลง
“สิ่งที่ข้าจะพูดต่อไปนี้ มันคือความเห็นแก่ตัว…”
องค์ชายคยูจ้องมองซองมินแล้วเอ่ยเบาๆ
“ข้ารู้สึกเจ็บปวดใจ จากเรื่องเดิมๆ… ข้าได้รับฟังเสียงนั้นที่ข้าต้องการหากแต่มันกลับสะท้อนก้องไปด้วยความเจ็บปวด.. ข้าอยากได้ยินแต่ข้าก็ไม่อยากได้ฟัง ความสุขของท่านพี่”
“แม้แต่เจ้า ก็หนีจากข้าไป แม้แต่เจ้าก็ไกลห่างจากข้าไป”
คยูเมามากจนพูดจับประเด็นไม่ถูก ซองมินที่นั่งอยู่ก็มองหน้าคยูที่ดูเหมือนจะตกอยู่ในภวังค์ความคิดตัวเอง
“ใกล้วันงานเช่นนี้ท่านไม่ควรเมามาย ต้องออกงานอีก ”
คยูผลักโต๊ะออกไป แล้วลุกเดินเข้ามาใกล้ซองมิน เค้าค่อยๆย่อตัวลงแล้วจับลงที่ใบหน้าขาวซีด
“ซองมิน…ปิดตาข้าที แล้วทำให้ข้ารู้สึกถึงท่านพี่เรียวอุค”
แสงเทียนในห้องไล้เงาของอีกคนที่ก้มลงจุมพิตเบาๆที่ริมปากบาง ไออุ่นเปลวเทียนสีส้มอ่อนค่อยๆสะท้อนร่างทั้งสองผ่านเป็นเงา คยูยื่นผ้ายาวให้ซองมินก่อนจะกระซิบบอกอีกครั้ง
“ปิดตาข้าทีซองมิน ใช้ความมืดมิดใต้ผ้านี้ให้ข้าสมปราถนาที”
คำขอร้องของชายคนนี้ทำให้อีกคนต้องจ้องมองลึกไปในดวงตา แววตาคยูช่างเต็มไปด้วยแรงปรารถนา และร้อนรุ่มในการถูกครอบครอง
ณ ห้องเยซอง
“เสด็จพ่อ ข้าไม่เข้าใจว่าทำไมขุนนางจึงชอบพูดนินทาท่านพ่อกับท่านอา”
เยซองเงยหน้ามองก่อนจะวางพู่กันแล้วตั้งใจฟังลูกชายตนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“แม้ว่าข้าไม่เคยมีความรักหนุ่มสาว หากแต่ข้ากลับรู้สึกว่าสิ่งที่พวกเค้านินทาจะเป็นผลร้ายต่อตัวท่านพ่อนะพะย่ะค่ะ”
เด็กชายตัวเล็กที่แก้มแดงเรื่อเพราะลมหนาวเอ่ยพูดกับพ่อตน เค้าอายุแต่ไม่กี่ปีหากแต่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่
“สิ่งใดคือความรักที่ถูกต้องสิ่งใดคือความรักที่ผิด ”
เยซองยิ้มก่อนจะเอ่ยกับลูกชายตน
“ความรักเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ เหมือนเช่นเจ้ารักพ่อ เจ้าก็อยากที่จะดูแลพ่อ ”
“ถ้าเช่นนั้นท่านพ่อก็ไม่รักท่านแม่ใช่หรือไม่ เพราะหากท่านรักท่านแม่คงไม่ปล่อยให้นางต้องนอนร้องไห้ และคอยปกป้องท่านจากคำนินทาเหล่านั้น ”
“………………………. ”
“ต่อไปนี้ข้าจะไม่ไปเรียนกับท่านอาอีกแล้ว เพราะคนที่จะมาเป็นอาจารย์ให้ข้าได้จะต้องเป็นคนปกติเหมือนทุกคนทั่วไป”
“ยืนขึ้น!”
เยซองเอ่ยทันที เสียงเค้าดังมาถึงหน้าห้อง เรียวอุคที่มาเฝ้าก็ยืนฟังเงียบๆ
“ยืนขึ้นบนไม้นี้แล้วถกขากางเกงขึ้น”
เด็กชายลุกขึ้นยืนบนแผ่นไม้ก่อนจะดึงชายผ้าด้านล่างขึ้นจนเห็นส่วนขาล่าง ผู้เป็นพ่อก็หยิบไม้หวายขึ้นมาแล้วฟาดลงไปพร้อมกับเอ่ยถาม
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ พูดใหม่ซิ!”
“ข้าจะไม่ไปเรียนกับคนไม่ปกติ!”
“เป็นเด็กกล้าพูดต่อว่าคนที่ให้ความรู้เจ้าเช่นนั้นหรือ”
“ข้าจะไม่ไป!ไม่ไป!”
เสียงฟาดหวายดังจนเรียวอุคที่อยู่ด้านนอกอดรนทนไม่ไหว จึงรีบบอกให้ซังกุงบอกเยซองว่าเค้ามาขอเฝ้า
“เร็วเข้า”
“องค์ชายเยซอง องค์ชายเรียวอุคมาขอเข้าเฝ้าพะยะค่ะ”
ฟืด……..
เรียวอุคเปิดประตูเข้าไปก่อนจะถลาวิ่งไปดึงไม้ออกจากมือเยซอง เมื่อเห็นที่ต้นขาของลูกชายเค้าเต็มไปด้วยเลือดออกซิปๆ
“เรียวอุค เจ้าไม่ต้องห้ามข้าต้องลงโทษให้รู้ดีรู้ชั่ว รู้สถานะตัวเองว่าเป็นเด็กไม่ควรพูดเช่นนี้”
“ดีชั่วคืออะไรท่านอา ข้าไม่เห็นว่าท่านจะเป็นคนดีแล้วก็ไม่เห็นว่าท่านจะเป็นคนชั่ว ฮึก…”
“ลูกที่ดีต้องคอยปกป้องท่านพ่อและแม่ตนเองใช่หรือไม่ เช่นนี้แล้วข้าเป็นคนเลวใช่ไหม…..ฮึก” “องค์ชายน้อย ท่านพ่อคงหงุดหงิดไปหน่อยวันนี้ไว้มาเข้าเฝ้าวันอื่นเถิดนะ ซังกุงส่งองค์ชายน้อยที”เด็กชายปาดน้ำตาจากแก้มทิ้งแล้วชี้นิ้วไปที่เรียวอุคพร้อมกับขึ้นเสียง
“ไล่ข้าเพื่อที่ท่านจะได้อยู่กับท่านพ่อ แล้วทำเรื่องที่ขุนนางเค้าพูดกันใช่ไหม!ทำเรื่องที่พวกเขาเอาไปหัวเราะพูดกันสนุกปาก”
“รู้หรือไม่ ท่านทำให้ท่านแม่ข้าและข้ารวมทั้งพระญาติต้องอับอายกันแค่ไหน! ข้ารู้มาว่าจริงๆท่านควรจะออกไปจากวังนานแล้วหากแต่ก็ยังได้อยู่ที่นี่ แล้วคดีเมื่อหลายปีก่อนแม้ทุกคนจะลืมแต่ข้าไม่ลืม อีกทั้งข้ายังคิดว่าหากท่านเป็นลูกผู้ชายน่าจะกินยาให้ตายตามพวกกบฎไปซิถึงจะถูกต้อง”
“เป็นอาจารย์ข้า แต่กลับประพฤติตัวไม่เหมาะสม ฮึก!ข้าก็ไม่อยากที่จะเรียนกับท่านแล้ว!!”
เด็กชายปาดน้ำตาก่อนจะเดินออกไปที่ประตู เค้ายกเท้าอันเล็กถีบประตูออกไปก่อนจะเดินเช็ดน้ำตาแล้วสะอื้นหายไป เรียวอุคดึงเยซองไว้เมื่อรู้ว่าองค์ชายน้อยคงจะเสียใจมากและไม่อยากสร้างบาดแผลให้เด็กชายมากไปกว่านี้
“เค้ายังเด็กมีอะไรก็พูดตรงไปตรงมา”
เรียวอุคพูดกับเยซองก่อนจะปล่อยตัวองค์ชายแล้วพูดขอร้อง
“พรุ่งนี้ข้าอยากให้ท่านทำเหมือนว่าไม่มีเรื่องวันนี้เกิดขึ้น ทำเหมือนเค้าเป็นลูกชายที่ท่านรักคนเดิม”
“เด็กคนนี้คงได้รับการสอนที่ผิด ข้าจะสืบความให้รู้แล้วจัดการซะ”
“ข้าคิดว่าคงจะมีอะไรกระทบใจเค้ามานาน เยซองข้าคิดว่าข้าควรจะไปอยู่ข้างนอกเพื่อว่าจะทำให้ข่าวเสียหายที่เกิดกับท่านและครอบครัวหมดไป”
เยซองเอื้อมมือจับลงที่มือเรียวอุค เค้าบีบมันลงก่อนจะพูดเสียงเบา
“มันก็แค่คำนินทา..จะไปสนใจอะไรถ้าข้ารู้ข้าจะตัดลิ้นมัน”
เรียวอุคตบหลังมือเยซองเบาๆก่อนจะพูด
“ใครๆก็ถูกนินทาจากพฤติกรรมไม่เหมาะสม ชาวบ้านธรรมดา ขุนนางแม้กระทั่งเชื้อพระวงศ์”
“แต่หากคำนินทาทำให้ชีวิตเราแย่ลง เราก็ควรจะหาทางแก้ ไม่ใช่แค่พูดแก้ตัวแต่เราต้องทำบางอย่างให้คนอื่นเห็น”
“องค์ชายน้อยคงเครียดมาก จึงมาพูดต่อหน้าท่าน ท่านมีลูกชายที่กล้าหาญนักเป็นเรื่องน่ายินดี”
เยซองหันมองเรียวอุคที่พูดกับเค้าก่อนจะพบกับรอยยิ้มบนใบหน้าคนรัก เรียวอุคไม่มีความไม่พอใจในแววตาสักนิดเดียว
“นานๆเราพบกันทีก็ดีนะ ท่านมีครอบครัวแล้วองค์ชายต้องการเวลาจากท่านมากกว่านี้ ทั้งงานราชกิจมากมาย ต่อไปนี้เวลาที่ท่านให้ข้า ข้าอยากให้ท่านนำไปให้องค์ชายและพระสนมมากกว่า ต่อไปข้างหน้าคนที่ยืนข้างท่านไม่ใช่ข้าหรอกนะ หากแต่เป็นพระสนมและลูกของท่าน ดังนั้นแล้วสิ่งที่ท่านควรถนุถนอมไว้คือครอบครัวท่าน ยามมีเรื่องร้อนใจคนแรกที่จะช่วยท่านคือพระสนมที่จะเป็นใหญ่ในวันที่ท่านปกครองบ้านเมืองเต็มตัวส่วนองค์ชายก็จะช่วยท่านทำนุบำรุงบ้านเมือง ”
“ข้าทำให้เจ้าต้องอยู่อย่างลำบากมาตลอดเวลา เพราะความเห็นแก่ตัวของข้าที่อยากมีเจ้าอยู่ใกล้ๆ …”
“หากไปแล้วท่านก็ไปหาข้านานๆครั้งก็ได้ จริงๆข้าอยากจะออกไปอยู่ข้างนอกเพื่อสอนหนังสือให้แก่เด็กยากจน อยากเดินทางและทำอะไรอีกมากมาย”
“ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่ข้าจะปกป้องเจ้าเอง อยู่ข้างๆข้า”
เรียวอุคหลบสายตาเยซองที่มองมา เค้าถอนหายใจด้วยความเหนื่อยล้าแม้เยซองจะมอบอ้อมกอดให้เค้าเช่นทุกครั้งแต่เขาก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดี
เขาเป็นต้นเหตุให้เยซองเสื่อมเสีย ครอบครัวเยซองต้องมีปัญหา…สมควรแล้วหรอที่จะอยู่ข้างๆเยซองต่อไป…
คยูนอนลงบนเตียงในท่ากึ่งนั่นกึ่งนอนโดยมีอีกร่างคร่อมเค้าไว้ ดวงตาของคยูถูกปิดลงด้วยผ้าสีแดง เค้าจับลงที่เอวของคนที่กำลังยกตัวขึ้นลงช้าๆแล้วค่อยๆเพิ่มแรงขึ้น เมื่อใบหน้าอีกฝ่ายส่งเสียงในลำคอถึงความต้องการที่มากขึ้นๆคนที่อยู่ด้านบนก็ยิ่งเร่งจังหวะ
“อื๊อ…”
ซองมินโน้มตัวไปข้างหน้าก่อนจะส่งลิ้นร้อนเข้าไปในไล่เลียริมปากคยู คนตัวใหญ่กว่าตอบรับก่อนจะร้องครางในลำคอ
“ท่านพี่…ข้าแทบจะทนไม่ไหวแล้ว..”
คยูยกมือกอดร่างนั้นไว้ ซองมินที่ยกตัวขึ้นลงก็โน้มตัวกอดคยู ดวงตาเค้าร้อนผ่าวจนแทบจะร้องไห้ออกมาเมื่อได้ยินเค้านั้น
“เรียวอุค…อา…เรียวอุค..”
คยูเอ่ยเรียกร้องชื่อนั้น ผ่านจินตนาการของตัวเค้า ภายใต้ความมืดของผ้าผืนนั้นคยูที่รู้แก่ใจว่าคนที่อยู่กับเค้าตอนนี้เป็นใคร ก็กลับปล่อยตัวเองให้อยู่ในภาพที่วาดขึ้นท่ามกลางทะเลแห่งราคะและเสียงสะอื้นไห้ของซองมิน คยูกลับไม่สนใจที่จะกลับมาอยู่กับความจริง
ความจริงที่ตอนนี้เขากำลังมีสัมพันธ์ทางกายกับซองมิน
ซองมินยกมือเช็ดน้ำตาใสที่ไหลอาบลงมา ริมปากอีกฝ่ายที่เม้มลงเพราะอารมณ์ด้านในที่พลุ่งพล่านยิ่งทำให้เค้าละอายใจที่ตัวเองต้องเป็นตัวแทนขององค์ชายเรียวอุค
แม้ข้าจะต้องตกต่ำมากเพียงไหน ต้องถูกดูแคลนจากท่านมากเพียงใด แต่สิ่งนี้เป็นอย่างเดียวที่ข้าจะทำได้…
ความคิดเห็น