คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : bone 3 ห้องอะไรดีหว่า
จัตุรัสเซเธล ย่านการค้าใจกลางเมืองแบร์เรอร์ เมืองหลวงของรัฐเชียกอ สาววัยรุ่นใส่เสื้อไหมพรมสีเทา กางเกงขาสามส่วนขนสัตว์แนบขา ผมสีอะเก็ตรอบใบหน้าถูกร้อยด้วยลูกปัด เธอเดินเข้าร้านโน้นออกร้านนี้มาซักพักแล้ว
ทำไมมันหายากจังนะ ดาบซักเล่มทำมั้ยยยทำไมหายากจังฟะ!
ร้านตรงหน้าคือร้านสุดท้ายที่มีอยู่ในเมือง เธอมองในแผนที่ สลับกับร้านเป็นสิบรอบจนแน่ใจว่าเป็นร้านดาบ แม้จะไม่ค่อยมั่นใจก็ตาม ตัวร้านทำจากไม้ผุๆ ตั้งระหว่างซอกตึก มีป้ายไม้สภาพพอๆกับร้านเขียนไว้ว่า “วิญญูชน” (ชนชาววิญญาณ)เธอเดินเข้าไปในร้าน
“โอ้ ยินดีต้อนรับ นานทีปีหนจะมีคนมองเห็นร้านนี้”หญิงชราใส่เสื้อคลุมเอ่ยเสียงแหบพร่า
“ท่านตีดาบพวกนี้หรือ”เธอพุดถามและเอือมมือไปจับดาบ
“ระวังหน่อย ดาบพวกนี้หากจับไม่ระวัง ก็คงได้เป็นตามชื่อร้านข้านั้นแหละ”หญิงชราเอ่ยเตือน ทำให้เธอหายสงสัยเรื่องชื่อร้านฉับพลัน
“ข้าไม่ตีเองหรอก สามีข้าตี ข้าขาย”นางตอบ เธอจึงเข้าประเด็นทันที
“ข้าอยากได้ดาบซักเล่ม”หญิงชราเลิกคิ้วสูงและพูดว่า
“เจ้ามีของคู่ใจแล้ว จะอยากได้ไปทำไมกัน” เจสนิ่งไปนารู้ได้อย่างไรก่อนจะตอบ
“ของๆข้าใช้เวลานี้ไม่ได้”เท่านั้นเป็นอันรู้ นางหยิบดาบมาจากใต้โต๊ะ และส่งให้
“ลองดูสิ”ทันทีที่เธอสัมผัสดาบ ดาบก็หักลง
ต้องจ่ายข้าเสียหายมั้ยเนีย แววขี้งกแสดงออกมาทางความคิด ไม่ผิดนะ ทหารเงินเดือนน้อย
“ทำไมล่ะ”เธองงมากที่อยู่ๆดาบก็หัก
“มันรองรับพลังของเจ้าไม่ได้ พลังของเจ้าไม่ว่าดาบไหนๆก็รับไม่ได้ทั้งนั้น”อาจเป็นเพราะเธอรู้ตัวดี จึงก้มหน้านิ่งไป แน่ล่ะหากดาบธรรมดารับพลังเธอได้ เธอจะมาเดินต๊อกๆหางี้ทำไม
“แต่ถ้าดาบสองเล่มก็ไม่แน่นะ”นางพูดเปรยๆ เจสตาลุกวาว นางเดินไปหลังร้านและกลับออกมาพร้อมดาบสองเล่มที่คล้ายกัน
“ลองจับดู”เธอจับดาบดู ดาบเรืองแสงสีฟ้าและสีม่วงขึ้น ราวกับจะตอบรับพลังของเธอ ดาบทั้งสองเปลี่ยนรูปร่างไป ดาบเรืองแสงสีฟ้าตัวดาบเรียวขึ้น มีคลื่นแสงไหลเวียนเหมือนใต้ทะเล ดาบเรืองแสงสีม่วงดาบยาวขึ้นนึดนึงแผ่ไอสีดำออกมา
“อืมม ใช้ได้ๆ ว่าไง รับมั้ย”หญิงชรามองมาอย่างคาดคั้น
ถ้าไม่รับจะถูกตบมั้ยหว่า เจสคิดและตอบ “รับค่ะ เท่าไหร่ค่ะ”จำนวนเงินที่ออกมาจากปากนางทำให้เธอขนลุก และเครียดเกือบผมร่วง
...
“เชส ดาบมุกดากับดาบราตรีรักษ์หายไปไหน”ชายชราเดินมาจากหลังร้านถาม
“ขายไปแล้วน่า ตาแก่”เชสตอบ
“ขายไป? มีคนใช้ได้ด้วยเหรอ ไอ้ดาบกินแรงแบบนั้น”ชายชราถามต่อ
“คนมีแรงมากพอให้กินน่ะสิ”
“เหรอ ดีแล้วล่ะ เก็บไว้ก็ขายไม่ออก”ชายชราหัวเราะแล้วเข้าหลังร้านไป
“แต่คนที่ซื้อไปผ่านเกณฑ์เจ้าแน่นะ”ชายชราถามเพื่อความมั่นใจ
“ไม่มีใครเหมาะกว่านี้อีกแล้ว”
ใช่ ดีแล้วล่ะ ที่ดาบไปอยู่กับเด็กคนนั้น หญิงชราคิดพร้อมยิ้มกริ่ม
“เอาล่ะ พวกนายเดินมาตรงนี้ตามชื่อเรียกนะ”เพนิส คเวควาส เอ่ยพร้อมผายมือไปที่รูกลางสนาม ที่พวกเกณฑ์ปีสองมาขุดยันสองทุ่ม
“ปลายทางจะมีห้องที่เหมาะสมกับพวกนายอยู่”เขาผายมือไปทางอัศจรรย์คนดูที่แยกเอาไว้ตามห้อง พื้นตรงนั้นแยกสีเอาไว้ตามห้องต่างๆ ไดมอนต์สีขาว รูบี้สีแดง เอมเมอรันสีเขียว แบล็กเพรียลสีขีเถ้า และอ๊อบซิเดียนสีดำ
“เอ้าเริ่มนะ เจอเจีย เดเนเร”เด็กสาวที่ร่วมทุกร่วมสุข(?)ยืนรออาจาร์ยเฒ่าด้วยกันกับเธอไปเป็นคนแรก เธอโดดลงไปในรู และไปโผล่ที่...
“เจอเจีย เดเนเร ไดมอนต์รูม”
“โคชา ดาร์ก”ชายผมแดงเป็นรายต่อไป
“โคชา ดาร์ก อ๊อบซิเดียนรูม”เกิดเสียงฮือฮาจนเธอต้องหันไปถามคนข้างๆ
“ทำไมเหรอ”ชายผมเขียวสะท้อนแสงมีน้ำตอบเธอว่า
“อ๊อบซิเดียนรูมมีอีกชื่อ คือห้องยมทูตน่ะ คนที่เรียนห้องนี้ส่วนใหญ่เรียนไม่จบ เพราะตายก่อน”ชายคนนั้นใจดีหันมาบอก
“ทำไมงั้นล่ะ”
“เห็นบอกว่าเพราะวิชาเรียนเน้นไปทางอาถรรพ์เกือบไปแน่ะ...ฟานเนอล พัมพิลวา”
“อ้อ..เจลอสก้า แอน ทีโบน”เจสตอบกลับตามมารยาท
เวลาผ่านไปค่อนวัน ฟานไปอยู่ห้องไดมอนต์ สนามทั้งสนามเหรอเธอคนเดียว
“คนสุดท้าย เจลอสก้า แอน ทีโบน” ในที่สุดก็ถึงคิว เธอเดินไปหน้าหลุมมองอย่างสนใจ ก่อนจะโดดลงไปในรู มันไหลลงไปเหมือนสไลเดอร์ ผ่านไปครู่เดียวข้างหน้าก็มีทางแยก
“ทางไหนเนี่ย”ขณะที่เธอลังเล ก็มีเสียงแววมา
‘เด็กคนนี้โลกาเลือกแล้ว นางเป็นความเปล่งประกายแห่งมวลมนุษย์ ควรค่าแก่การเป็นเพชรมากที่สุด’ เสียงผู้หญิงอันไพเราะแต่เกรี้ยวกราดเอ่ยแว่วๆ อุโมงค์สั่นสะเทือนเล็กน้อย
‘นางเป็นคนของโลกนี้แล้ว นางเป็นแสงของโลกนี้ ควรเป็นสีดำสิ’ เสียงบุรุษดังขึ้นเกรี้ยวกราดไม่แพ้กัน แผ่นดินสะเทือนแรงขึ้นตามความโกรธของเสียง
‘ข้าว่าพวกท่านอย่าเสียเวลาดีกว่า นางอยู่ที่ใดความหมายก็ไม่ได้เปลี่ยน เพชรอันแข็งแกร่ง ทับทิมที่ฉลาดเฉลียว มรกตผู้คร่ำเคร่งรักษา ไขมุกน้ำงามผู้อ่อนโยนต่อทุกสิ่ง หรือหินอันน่ากลัวจากโลกนู้นก็ตาม นางยังคงเป็นนาง’
จู่ๆอุโมค์ก็สั่นไหวเหมือนทะเลาะกัน ก่อนทางทั้งสองจะรวมเป็นทางเดียว เธอเลยไหลต่อไป และสังหรณ์ใจแปลกๆ
แวบ!
สายตาคนทั้งสนามมองมาที่เธอ เล่นเอาหนาวสันหลัง
คงไม่ใช่... หันซ้าย แลขวาก็เห็นสีอัศจรรย์ตนเองแล้วอยากกรี๊ด
สีเทา นั้นคือสิ่งที่เห็นแล้วหิมะมาเกาะทันใด เพราะมันรวมกันระหว่างไดมอนต์กับอ๊อบซิเดียน เหล่าอาจารย์หันไปคุยกันครู่หนึ่งก่อนอาจารย์ใหญ่จะป่าวประกาศเสียงแหบหร่า
“อย่างที่ทราบกันดี ไดมอนต์คือห้องที่เก่งกาจ ส่วนอ๊อบซิเดียนคือห้องที่น่ากลัวที่สุด ดังนั้น เจลอสก้า แอน ทีโบน คือบุคคลที่เก่งกาจและน่ากลัว โปรดอย่าได้งงหรือสงสัย เหล่าท่านได้กำหนดมาแล้ว และไม่มีใครขัดได้ การตัดสินเป็นที่สุด นักเรียนทั้งหลาย อาจารย์อยากจะให้ช่วยกันบันทึกประวัติศาสตร์แห่งเอ็มเพอเรอร์ว่า...ครั้งนึง เคยมีนักเรียนหนึ่งคนได้เรียนสองห้องพร้อมกัน!”
“เฮ้ย!!”เธอหลุดเสียงออกมา อย่าคิดว่าไม่รู้นะเฟ้ย! ขี้เกียจแก้ปัญหาใช่มั้ย ปัดความรับผิดชอบเชียว ตาเฒ่านี่
“ตารางทั้งสองเรียนไม่ตรงกันอยู่แล้ว จึงไม่น่ามีปัญหา แต่ยังไงก็ขอเชิญเธอมาพูดคุยหน่อย”เพนิสพูดประกาศ เจสไม่อยากเป็นเป้าสายตา เลยกระโจนทีเดียวถึงหน้ามุขทันที ทั้งที่อยู่คนละซีกสนาม
“คุณทีโบน ฉันจะไม่ขอถามนะว่าเกิดอะไรขึ้น ขอให้คุณทราบว่านี้เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ ฉัน ชาร์ค ทอลนัว” ชาร์คพูด และแนะนำตนเอง “ฉันสอนวิชาต่อสู้ทั้งสองดังนั้นเธอจะได้เจอฉันอาห้องทิตย์ละสองครั้ง” เจสโค้งตัวลง
“ต้องขออภัยที่คราวก่อนเสียมารยาท แต่ฉันไม่ชอบให้ใครมาดูถูกน่ะค่ะ”เธอเอ่ยเสียงนิ่ง
“ฉันเห็นแล้ว”ชาร์คเอ่ยยิ้มๆ
หลังจากตกลงเรื่องเวลาเรียน ตารางเรียน ห้องพักเรียบร้อยแล้ว เธอก็ได้ไปอยู่ห้องพักไดมอนต์ทาวน์จะได้มีเพื่อนคุย(ดาร์กเนสทาวน์มีปีหนึ่งอยู่เก้าคน และไม่มีผู้หญิง)
“น้องๆจ๋า เราจะอยู่ห้องละสามคน ปีนี้มีสิบเก้าคน ก็เลยมีคนนึงห้องเดี่ยว แต่พอดีมันมีผู้หญิงสี่คนก็เลยแบ่งเป็นสองคนสองห้อง มีใครค้านมั้ย”ลัลลี่ รุ่นพี่ปีสองที่ดูเด้กกเด็กเอ่ยเสียงหวาน เมื่อไม่มีใครค้าน ลัลลี่ก็เอ่ยต่อ
“อ่ะ โอเค โบนจังมาข้างหน้าที”
“ขอโทษค่ะ กรุณาเรียกว่าเจสด้วย”เธอเอ่ยเสียงนิ่งก่อนจะเดินมาข้างหน้า อุตส่าห์จะไม่ใช้ แต่ก็เป็นธรรมชาติไปแล้วสินะไอ้เสียงไอติมนี่
“ทำไมอ้ะ โบนก็น่ารักนะ”รุ่นพี่แกทำแก้มป่องน่ารักเชียว อยากตั้งชื่อเล่นให้ก็ไม่ว่าหรอก แต่ “โบน”เนี่ย มันแปลว่ากระดูกนะรุ่นพี่... จะแช่งกันทางอ้อมเปล่าหว่า
“ชื่อนี้ฉันใช้มานาน และก็ไม่อยากได้ชื่อนั้นมาแทนตัว”เธอยิ้มมุมปากแบบขี้แกล้ง แต่มันช่างคล้ายกับยิ้มเย็นเอามากๆ เล่นเอารุ่นพี่คนอื่นชักหน้าไม่พอใจ
“น้ะ น้า เปลี่ยนชื่อบ้างจะเป็นไร”ลัลลี่วิ่งมาเกาะแขน แล้วเขย่า โอ๊ย..เวียนหัว เธอปัดมือออกอย่างสุภาพและพูดอย่างอดกลั้นว่า
“ถ้าฉันไม่ทำ ใครก็บังคับฉันไม่ได้ทั้งนั้น”
...
“ก็ได้จ้ะ เจสจัง”ลัลลี่พูดเบาหน้าง้ำลงที่ถูกขัดใจ
“ขอบคุณค่ะ”
“มีใครอยากอยู่ห้องเดียวกับเจสจังบ้างงงง”ลัลลี่ถามเสียงใส หลังจากเหตุการเมื่อครู่คงมีคนมาอยุ่หรอกนะ
“หนูค่ะ”ตาทุกคู่หันไปหาคนพูด เธอเดินมาข้างหน้า ผมสีขิงสั้นประบ่าซอยนึดนึง ตาสีซิทซิน อ๊ะ!เจอเจียนี่
“เธอ..เจอเจีย”เจสพูดออกมาเบาๆ
“เรียกเจียก็ได้”เธอพูดพร้อมรับกุญแจจากรุ่นพี่ลัลลี่และเดินมาหาเธอ เธอเดินนำมาเจียเลยหอบกระเป๋าตามมา ห้องเธออยู่ชั้นบนสุด ส่วนคนอื่นอยู่อบรมต่อ แต่เดินไม่ได้เท่าไหร่กระเป๋าใบหนึ่งของเจียก็ตก
“อ่ะ ตกแล้ว”เจียพยายามก้มเก็บ แต่กระเป๋าที่ถืออยู่สามใบก็ทำให้ลำบาก
“ทำไมไม่ใช้เวทเก็บ”เจสหันมามองและถาม เจียหันมามองและตอบว่า
“ชะ ใช่ไม่เป็น” เจสคิ้วกระตุก
แม่นี่สอบติดได้ไงเนี่ย!
ฟุ่บ!กระเป๋าของเจียหายไปหมดและเจสก็บอกว่า
“พูดตามซิ เอเมตโต้”
“อะ เอเมตโต้”เจียพูดติดๆ กระเป๋าใบหนึ่งหล่นปุ๊ลงมา เจสยิ้มหน่อยๆซึ่งมันน่าดูมากเลย
“ใช้ได้ๆ เพวาสเด้” เจียยิ้มอย่างดีใจกับคำชม
“เพวาสเด้”กระเป๋าก็หายไป
“ทักษะดีกว่าที่คิดแฮะ ไปเหอะ”เจสออกเดินขณะที่เจียกำลังดีใจ และวิ่งมาตีเสมอ
“เจส ทำไมเจสใช้เวทโดยไม่มีไม้เท้าล่ะ”
“ฉันไม่จำเป็นต้องใช้ เธอนั้นแหละทำไมใช้ได้”
“ไม่รู้..สิ”เจียเริ่มหอบแล้ว เจสสิไม่มีอาการแม้แต่น้อยทั้งที่เดินมาสามชั้นแล้ว
“เธอใช้เวทอะไร”
“ฉันก็..ไม่แน่ใจนะ”เจสหยุดเดินและหันมาพูด
“ลองใช้เวทดูสิ”
“ตรงนี้เหรอ”
“เออสิ” เจียสูดหายใจและเปล่งเสียง
“ลมหวนครวญพัดผ่าน
ความโศกาแฝงสายลม
ด้วยจิตแห่งความรมย์
จงพัดพาความโศกไป”ลมวูบหนึ่งพัดผ่าน เธอรู้สึกว่า ความคิดให้หัวมันเลือนๆพิกล
“นี่เป็นเวทที่ใช้ประจำเวทเอาตัวรอดค่ะ”เจียกล่าว
“มันทำให้คนลืมเรื่องเศร้าๆใจชีวิต แต่มันจะทำให้ความทรงจำสับสน ทำให้มึนสินะ”เจสพูดเบา
“ค่ะ”
“ค่ะทำไมล่ะ มันไม่ใช่เวทหรอก มันเป็นมนตรา”เจสพูดพร้อมออกเดิน
“มนตรา?”
“เวทที่รวมกันเป็นตัวอักษร หมุนวนรอบผู้ใช้หรือตามคำสั่ง และออกฤทธิ์”
“เหมือนโปรแกรม”เจียพูด
“ใช่ เหมือนโปรแกรม เธอมีพรสวรรค์เลยใช่เวทแม้ไม่มีคทา”เจสพูดทึ่งหน่อยๆพร้อมทำหน้าเครียด
“เจสทำไมชอบทำหน้าดุ ทั้งที่ความจริงก็ใจดี”เจียถามเหมือนเด็กน้อย
“สวรรค์สร้างฉันเป็นแบบนี้ ครอบครัวทหารจริงใจ ซื่อสัตย์อดทนใจดี แต่ฉันผ่าเหล่านิดหน่อย นิสัยชอบทำหน้านิ่ง ยิ้มเยาะ อารมณ์ร้าย ขี้แกล้ง ไม่ค่อยยึดกฎเกณฑ์”เธอพูดอธิบายยาวเหยียด เจียยิ้ม
“ฉันน่ะเกิดที่ห่างไกล การศึกษาไม่ค่อยเข้าถึง พ่อต้องเดินทาง ส่วนแม่ก็ไม่ค่อยมีเวลา”เจสยิ้ม ทั้งสองหัวเราะ
สภาพสาวสวยนอนเหงื่อท่วมบนเตียงเซ็กซี่ไม่น้อย เจสมองดูสายตาเวทนา “คัมมาทเธอ” เหงื่อบนตัวหายไปหมด แถมเหนื่อยน้อยลง เจียมองด้วยสายตาขอบคุณ ในเวลาสั้นๆเธอเรียนรู้ว่าเจสเป็นคนที่ทำมากกว่าพูด...อย่างให้ขุนนางเป็นแบบนี้จัง แต่ขอโหดน้อยกว่านี้นะ..
ปุ๊! หนังสือเล่มหนาถูกโยนมาที่เตียง
“อ่านซะ เวทพื้นฐาน”ยังไงแค่ให้ยืมคงดีกว่ามาสอนเฉพาะหน้า
ห้องพักสำหรับสามคนดูกว้างมากสำหรับสองคนเจสเลือกติดหน้าต่าง เจียเลือกเตียงกลาง สาวผมขิงอ่านหนังสือ(ที่ยืม)เงียบๆ เจสจัดของเสร็จเลยเรียกดาบทั้งสองมาวางที่หน้าตักและนั่งสมาธิพยายามทำความคุ้นเคยกับดาบมากที่สุด ทั้งสองลองชุดนักเรียนหญิง ประกอบด้วยผ้าฝ้ายขายแขนสั้นเสื้อกักสีน้ำตาลทำจากหนังสัตว์กระโปรงซาตินสีน้ำตาล รองเท้าหุ้มส้น(เชยมากก) ตลอดทั้งสัปดาห์ก่อนเปิดเรียนก็มีแค่ สอนเจียใช้เวท
“เธอไปอยู่ไหนมาเนี่ย เวทนี้ก็ไม่รู้จักเหรอ”
“อยู่กลางทะเลทรายน่ะ”
“...”
ทำความคุ้นเคยกับดาบ
ซู่!
“อ๊ากกกก ไอ้ดาบบ้า อยู่ๆปล่อยน้ำได้ไง”
พูดคุยทำความรู้จักกัน เตรียมวิชาเรียน เขียนเวท(มนตรา)ใหม่เจียได้สมุดโน้ตแข็งสีขาวเล่มหนามาจากเจสแลกกับหนังสือเวทที่เธออ่านไม่ออก
“เจส ตัวนี้อ่านไงเหรอ”
“อ๋อ เดี๋ยวสิ หนังสือธรรมดาก็อ่านไม่ออกเหรอ”
“แถวบ้านหาคนอ่านหนังออกยากน่ะ”
“...”
แต่มีเรื่องแปลกคือตอนเธอหันหลังมักจะรู้เหมือนมีใครจ้องอยู่ แม้จะหันไปมองแล้วไม่มีใครก็ตามที
ความคิดเห็น