ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Short fic : SJ & TVXQ by Cho-kune

    ลำดับตอนที่ #2 : [HanxJae] obligation

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 52


    Earth......The one planet in milkyway


    Do you know something in the earth???


    It's real thing for human nowadays


    .......The magic.......


    Colonel High SchoolCollege สถานที่เรียนเวทมนต์ติดTop3ของโลก มีเนื่อที่1,500ไร่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเรนจีนีส ประเทศริกซ์  เป็นโรงเรียนขนาดยักษ์ที่มีนักเรียนและพนักงานที่คัดสรรกว่าสองหมื่นห้าพันคน ทางด้านการเรียนมีให้เลือกสี่สาขาหลัก Fighting Magic Poison และ philosophyพร้อมสรรพด้วยหอพัก สถานบันเทิงและอาคารเรียน

    เป็นเมืองเรียนรู้ขนาดมหึมาสำหรับทวีปเล็กๆอย่างทวีปมูและด้วยความร่วมมือจากรัฐบาลจึงสร้างเสร็จเมื่อ18ปีที่แล้ว อาคารเรียนในแต่ละสาขาถูกแยกออกเป็นส่วนๆเพื่อป้องกันปัญหาสำหรับบางเผ่าที่รักสันโดษอย่างเช่นเผ่าแมวที่ไม่ชอบสุงสิงกับใคร เผ่าพยัคฆ์ที่หวงดินแดนของตน การเรียนนั้นจะมีทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ จะมีลานกว้าง100กว่าไร่เพื่อให้ผึกกันได้อย่างเต็มที่ ดังเช่นตอนนี้........... 

    ตูมมมมมมมมม!!!!!


    "นายฮัน!!!"


    "คะ ครับ แฮะๆๆ"


    "ไม่ต้องมาหัวเราะเลย นี่แค่เวทมนต์ขั้นพื้นฐานยังทำให้มันระเบิดได้อีกงั้นเรอะ!!!!"


    เสียงใสๆของโปรเฟสเซอร์ทึกกี้แหวลั่นลานสอนเวทย์มนต์ด้านนอก แค่เวทย์มนต์ขั้นพื้นฐาน 'เอดา อัลซีส ซีรีส' สะบัดไม้คทาก็จะได้ลูกไฟที่ส่องสว่างขึ้นมา ลูกไฟนี้เหมือนกับไฟจากตะเกียงหรือสำหรับเวทย์มนต์ชั้นสูงถ้ารวมหลายๆลูกเข้าด้วยแล้วใช้สำหรับโจมตีอย่างเช่นFostthunderbolt เเต่ฮันเกิงกลับทำให้มันระเบิดได้


    "กะ ก็..."


    "ไม่ต้องมาแก้ตัวเลยนายฮัน นี่แสดงว่ากลับไปบ้านไม่เคยซ้อมอะไรเลยใช่ม้้ย!!"


    "โธ่ ผมกลับไปถึงบ้านก็ต้องฝึกซ้อมกับป๊าในป่าหลังบ้านนี่คร้าบบบ โปรเฟสเซอร์"


    "ผมล่ะปวดหัวกับคุณจริงๆ"


    โปรเฟสเซอร์ส่ายหน้าอย่างระอากับลูกชายของเผ่ามังกรผู้เลื่องชื่อ


    "โห โปรเฟสเซอร์ก็ผมเกิดในเผ่ามังกรก็จริงแต่อยู่สายมังกรแดงนี่ครับจะให้ผมเก่งด้านเวทมนต์ได้ไงอ่ะ"


    ฮันเกิงเดินมาทำหน้าแบ๊วๆใส่ช่างไม่ได้ดูอารมณ์ของคนสอนตัวเองเลยได้ลูกมะเหงกไปหนึ่งทีเต็มๆ เผ่ามังกรนั้นแบ่งได้ออกเป็นสี่สาย สายมังกรแดงที่ฮันอยู่มีพรสวรรค์ด้านต่อสู้ระยะประชิดตัวเสียมากกว่า สายมังกรขาวเก่งด้านเวทมนต์ สายมังกรเขียวเชี่ยวชาญด้านปรุงยาไม่ว่าจะเป็นด้านรักษาหรือพิษที่ร้ายกาจ สายมังกรดำมีความสามารถทางด้านนักปราญ การวางกลยุทธ์

    ทุกๆยี่สิบปีจะมีการผลัดให้ลูกหลานแต่ละสายมาเข้าแข่งคัดเลือกขึ้นดำรงตำแหน่งประมุขของเผ่าจะถูกเรียกว่ามังกรน้ำเงินซึ่งเป็นมังกรชั้นสูงเนื่องจากมังกรน้ำเงินนั้นเป็นผู้คุมประตูทิศตะวันออกโดยมีมิโกะ(คนทรง)คอยรักษาสมดุลของทิศทั้งสี่ตามตำราโบราณกล่าวไว้

    ประมุขของตระกูลนั่นจะต้องมีความสามาถทุกด้านไม่ว่าจะเป็นพละกำลัง สมอง ปรุงยา และเวทมนต์ เรียกได้ว่ากว่าจะเลือกเฟ้นมาได้ต้องเรียกว่าเก่งของจริง หาได้น้อยคนนักที่จะมีความสามารถแบบนี้ เนื่องจากในแต่ละเผ่าจะมีข้อเสียด้วยกันทั้งนั้น ดังเช่นสายมังกรแดงด้อยด้านเวทมนต์ สายมังกรดำด้อยด้านกำลัง เป็นต้น


    "ไม่เก่งใช่มั้ย.....นายคอยดูก็แล้วกัน ฉันคนนี้จะฝึกนายให้เก่งเอง เอาชื่อคุณปู่เป็นเดิมพัน!!!"


    ฮันเกิงได้แต่ยิ้มแหยๆกับโปรเฟสเซอร์ทึกกี้ที่ตอนนี้กำลังมีไฟลุกพรึบพรั่บ โปรเฟสเซอร์ที่เกิดบนโลกที่มีต้นตระกูลเป็นเทวดา 1 ใน 3ตระกูลที่หาได้ยากมากในโลก ขนาดที่ว่าตระกูลมังกรนั้นหาได้ยากแล้วแต่ตระกูลเทวดาหาได้ยากกว่า ไม่แปลกที่โปรเฟสเซอร์จะมีพรสวรรค์ด้านเวทมนต์โดยเฉพาะคาถารักษา คาถารักษานั้นจะเป็นสิ่งแรกที่เทวดาทำได้อีกทั้งยังมีพลังเวทย์สูงกว่าเผ่าต่างๆอีกด้วย

    บรรดาเหล่าผู้มีเวทย์มนต์นั้นเป็นธรรมดาที่พลังเวทย์จะเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะเด็กๆที่ไม่สามารถควบคุมพลังของตนเองได้จึงมีหินประดับ สร้อย แหวน กำไล ต่างหูหรือแม้แต่รอยสักไว้คอยควบคุมพลังหรือเพิ่มพูนพลังที่มีอยู่ทั้งนั้น ยิ่งเครื่องประดับมากเท่าไหร่บ่งบอกว่าเจ้าตัวมีพลังเวทย์มากเท่านั้น

    อย่างโปรเฟสเซอร์ทึกกี้มีเครื่องประดับเหล่านี้มากกว่าสิบชิ้น โดยเฉพาะกำไลและแหวนที่สวมอยู่ทั้งแขนทั้งมือเต็มสองข้าง แถมยังมีรอยสักหรือตราประจำตระกูลอยู่กลางหลังอีกต่างหากรอยสักที่อยู่กลางหลังนั้นเรียกได้ว่าเป็นคนโทขนาดยักษ์สำหรับกักเก็บพลังเวทย์เอาไว้ถึงกระนั้นพลังเวทย์ก็ยังมากเกินกว่าเจ้าตัวจะควบคุมไว้ได้เลยต้องสรรหาเครื่องประดับมาช่วยรอยสักอีกแรง

    ทางโรงเรียนจะมีจัดโปรเฟสเซอร์ให้ดูแลนักเรียนในสังกัดสิบคนในแผนกของตน อย่างเช่นโปรเฟสเซอร์ทึกกี้ที่อยู่แผนกMagicแถมยังเป็นHeadอีกด้วยจึงต้องดูแลนักเรียนของตนตั้งแต่ขั้นพื้นฐานจนสูงสุด เพื่อให้นักเรียนที่จะจบออกไปมีคุณภาพมากที่สุดจึงมีนักเรียนโข่งอยู่ในโรงเรียนเกือบ500กว่าคน หรือบางคนต้องการจะเรียนสาขาอื่นที่ตนไม่ได้เรียนอีกก็มี


    "ลองอีกทีซินายฮัน"


    "เอดา อัลซีส สีรีส"


    ควับ! ตูมมมมมมมมม!!!! ผลก็ออกมาเหมือนเดิม


    "นายฮันนนนนน!!!"


    โปรเฟสเซอร์จัดการตรงดิ่งไปกระชากหูขึ้นลงๆ


    "โอ๊ยยยยยย เจ็บๆๆๆๆ โปรเฟสเซอร์ทึกกี้ผมเจ้บบบบ"


    "ผมสอนคุณไปกี่ทีแล้วห๊าาา ใครใช้ให้สะบัดคทาแบบนั้นต้องสะบัดให้พริ้วแต่คุณเล่นสะบัดเหมือนกำลังควงกระบองอยู่เลยแถมยังเหมือนคนเส้นกระตุกอย่างงั้นแหละ แล้วออกเสียงเพี้ยนอีกต่างหากจาก 'ซีรีส' เป็น 'สีรีส' แค่คุณออกเสียงเพี้ยนไปนิดเดียวมันก็แปลงคาถาไปเป็นอย่างอื่นแล้ว

    ทีไอ้คาถาทำลายข้าวของอย่างบท 'เฟรีส อาสเตร คิวบ์ซีซาริอัส พาดาส' กลับออกเสียงได้ไม่เพี้ยนแม้แต่นิดเดียว ก่ะอีแค่ 'เอดา อัลซีส ซีรีส' บทง่ายๆกลับออกเสียงเพี้ยน หมายความว่ายังไงห๊า คุณฮันเกิง!!!!"

    โปรเฟสเซอร์ตะโกนกรอกหูเสียงดังจนเจ้าตัวหูอื้อวิ้งๆๆไปเลยทีเดียว ฮันเกิงจัดการนวดหูที่เจ็บทันที่โปรเฟสเซอร์ปล่อย



    "เฮ้อ ฉันล่ะปวดหัวกับเธอจริงๆทีไอ้คาถาโจมตีล่ะทำได้ดีไม่มีที่ติจนไปยั้นขั้นสูงสุดพอมาสอนคาถาสนับสนุนกลับแย่ด่ำดิน"


    "ให้ทำไงได้ล่ะครับ ก็ผมเป็นพวกเน้นโจมตีนี่นา"


    "เฮ้อ"


    โปรเฟสเซอร์ถอนหายใจอีกรอบ


    "โปรเฟสเซอร์ครับ"


    ตุบ!ร่างเพรียวบางบินร่อนมาด้วยเวทย์ลมลงมาอยู่ตรงหน้าคนทั้งสอง ใบหน้าหวานเงยขึ้นสบหน้าผู้เป็นอาจารย์ของตน นัยน์ตากลมโตสีนิลกาฬเป็นประกาย จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากสีแดงสดแย้มยิ้ม 

    ผมสีดำสนิทที่ยาวถึงกลางหลังพลิ้วไหวตามแรงลมเจ้าตัวเลยจัดการเสยอย่างลวกๆแต่มันกลับดูดีในสายของเหล่าผู้คนที่เมียงมองอยู่ห่างๆ เสียงเครื่องประดับที่อยู่ในตัวเกือบๆจะสิบชิ้นกระทบกันกรุ๋งกริ๊งจนเหมือนกับเจ้าตัวพกพากระดิ่งติดตัวไปไหนมาไหนด้วย


    "ว่าไงแจจุง"


    "โปรเฟสเซอร์คังอินเรียกหาอยู่น่ะครับ เห็นบอกว่าอาจารย์ใหญ่เรียกพบ"


    "อ๋อ อืม  วันนี้ฉันจะให้การบ้านเธอ ฮัน กลับไปฝึกคาถานั้นให้คล่องแล้ววันพรุ่งนี้ฉันจะทดสอบ"


    "หาาาา!!! โปรเฟสเซอร์ทำแบบนี้ไม่ได้นะ วันนี้ป๊าผมจะให้ฝึก...."


    "ห้ามพูด ห้ามเถียง ห้ามมีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น ฉันไปล่ะ"


    มือเรียวดึงแหวนนิ้วชี้ออกทั้งสองข้าง ปีกสีขาวสลายออกจากกลางหลังและพาเจ้าตัวขึ้นไปกลางอากาศ ปล่อยให้ลูกศิษย์ทั้งสองอยู่ด้วยกัน


    "สวัสดีฮัน"


    "อืม...ฉันกลับล่ะ"


    "ดะ เดี๋ยว...."


    ร่างสูงไม่ฟังเสียงของอีกฝ่ายแม้แต่นิดเดียว เท้าทั้งสองถีบตัวพาเจ้าตัวขึ้นไปบนท้องฟ้าเรื่องลอยตัวอยู่บนอากาศนั้นถึงไม่เรียนเผ่ามังกรก็ทำได้ตั้งแต่เด็กๆอยู่แล้ว ร่างบางที่ยืนอยู่บนพื้นได้แต่มองตามด้วยความเจ็บปวดน้ำตารื้นขอบตา....อีกแล้วที่เขาถูกทิ้ง ปล่อยให้กลับบ้านเอง.....

    ใบหน้าคมเรียบนิ่ง ผมสีดำสนิทลู่ตามแรงลมที่เจ้าตัวเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ นัยน์ตาเรียวคมหยีตามองภาพด้านหน้า จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากเม้มสนิท ความเร็วชะลอลงเมื่อจะถึงจวนของตนเอง มือหนาผลักประตูเข้าไปด้านในพิงไม้คทากับกำแพงแล้วจัดการถอดชุดนักเรียนออกเปลี่ยนเป็นชุดลำลองธรรมดา หลังจากนั้นตรงไปหาป๊าและแม่ของจวนของตน


    "กลับมาแล้วครับ"


    "กลับมาแล้วเหรออาฮัน"


    ฮันเดินเข้าไปสวมกอดแม่ของตนที่นั่งอยู่ ส่วนป๊านั้นมองเหมือนกำลังมองหาใครสักคน


    "อาฮันแล้วหนูแจล่ะ"


    "ป๊าเราไปฝึกกันดีกว่าวันนี้ผมโดนอาเจ๊แฉ่งจนไม่ได้ออกไปยืดเส้นยืดสายที่ไหนเลยอ่ะ"


    อาเจ๊ที่ฮันพูดถึงคือโปรเฟสเซอร์ทึกกี้ที่แต่งกับโปรเฟสเซอร์คังอินที่เป็นลูกของพี่ชายพ่อของฮัน ถึงแม้จะเป็นญาติกันก็ใช่ว่าโปรเฟสเซอร์จะยอมให้เรียกว่าเจ๊ตอนที่อยู่โรงเรียนแถมยังเพิ่มความเคี่ยวอีกต่างหาก


    "แกทิ้งหนูแจอีกแล้วใช่มั้ย"


    "ป๊าเราไปฝึกกันเต๊อะ"


    โป๊กกกก!!!ป๊าจัดการเขกหัวลูกชายตัวดีด้วยความโมโห


    "ใครใช้ให้ทิ้งขว้างภรรยาตัวเองห่ะ!!"


    "ใครเป็นภรรยาผมกันพวกป๊าจัดการกันเองต่างหาก"


    "จะ จัดการกันเองเรอะ!!!!??.....ถึงยังไงเขาก็เป็นภรรยาแกหัดดูแลเขาซะบ้างเซ่"


    ฮันได้แต่หน้ามุ่ย


    "วันนี้แกไม่ต้องฝึกกับป๊า เป็นการลงโทษที่ปล่อยให้หนูแจกลับเอง"


    ป๊ายกน้ำชาขึ้นมาจิบ


    "ห๊าาาาา!!!ป๊าาา ทำงี้ไม่ได้นะ วันนี้ผมโดนเจ๊บังคับ..."


    "ไม่ต้องพูดต้องบ่นอะไรทั้งนั้น จริงสิ ป๊าได้ยินจากหนูทึกกี้ว่าเราน่ะใช้เวทย์ได้ห่วยมาก"


    ฮันได้แต่บ่นในใจ ...โธ่ เจ๊นะเจ๊บอกป๊าทำไมเนี่ย...


    ".....ไหนๆวันนี้ป๊าก็ไม่ได้ฝึกกับเรา เราลองโชว์ให้ดูซิว่ามันห่วยขนาดไหน"


    "หาาาาาาาาาาา!!!!!!"


    แจจุงที่เพิ่งกลับมาถึงจวนก็เดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้า มือเรียวหยิบชุดยูกาตะออกมาสวมใส่ พลางก้าวผมขึ้นมาแล้วใช้ปิ่นปักผมเสียบไว้ เขาทั้งสองที่ถูกเก็บก็เผยให้เห็นผมที่เคยเป็นสีดำสนิทกลายเป็นสีแดงเพลิง

    เสื้อผ้าเครื่องประดับทุกชิ้นถูกแยกออกจากตู้เสื้อผ้าของสามี บรรดาเผ่ายักษ์ทั้งหลายมักจะดูแลเสื้อผ้าอาภรณ์ เครื่องประดับทุกชิ้นเป็นอย่างดีไม่นำไปปนกับของคนอื่น แจจุงถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา นัยน์ตากลมมองเงาที่สะท้อนในกระจกพลางนึกถึงเรื่องราวในอดีต.........





    .
    .
    .
    .
    .
    .
    "แจ"


    "ฮัน"


    มือเล็กป้อมทั้งสองเกี่ยวก้อยกัน


    "ถ้าแจโตขึ้นแล้วต้องเป็นเจ้าสาวเรานะ"


    "อื้ม แจจะเป็นเจ้าสาวของฮันคนเดียว"


    "สัญญานะ"


    "สัญญา"
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .






    ตูมมมมมมมมมม!!!!


    เสียงดังสนั่นดังมาจากป่าด้านหลัง ....ทำไมเสียงมันดังกว่าทุกครั้งที่ฝึกล่ะ.... แจจุงวิ่งออกจากจวนร่ายเวทย์ลมพาตนเองไปยังจุดหมายอย่างร้อนรน พอลงพื้นได้ขาเพรียวพาร่างตัวเองไปฝ่ากลุ่มควันโขมงเข้า


    "ฮัน!!"


    "อาฮันนนนนน!!"


    เสียงใสถูกกลบด้วยเสียงตวาดดังลั่น


    "ใครใช้ให้ออกเสียงเพี้ยนแบบนั้นห่ะ!!"


    "โธ่ ป๊าก็มันไม่ได้นี่"


    "แล้วทีคาถาโจมตีทำไมถึงร่ายได้!"


    "ก็ปากมันไปอัตโนมัติ"


    โป๊กกกก!!!! เสียงเขกหัวดังลั่นป่า แจจุงได้แต่ยืนเลิกลั่กมองดูป๊ากำลังอบรมฮัน


    "อ้าวหนูแจ"


    แม่ที่เพิ่งเดินมาพร้อมกับถาดแก้วน้ำโผล่มาทางด้านหลังแจจุงทักขึ้น


    "อ๊ะ ท่านแม่สวัสดีครับ"


    "ต๊าย ไม่ต้องมีท่านหรอกจ๊ะ คุณคะ อาฮันหนูแจกลับมาแล้ว"


    ทั้งสองคนหันมาตามเสียง


    "หนูแจกลับมาแล้วเหรอ ป๊าขอโทษแทนไอ้ลูกไม่ได้เรื่องที่ทิ้งให้เรากลับเองนะ"


    "เอ่อ..ไม่เป็นไรหรอกครับ จริงๆแล้วผมต้องทำอะไรต่ออีกหน่อยน่ะครับ"


    แจจุงยิ้ม


    "ไม่ต้องแก้ตัวแทนให้ลูกชายป๊าหร๊อก"


    "ปะ เปล่านะครับ"


    แจจุงโบกไม้โบกมือปฏิเสธ ร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านนอกมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเรียบนิ่ง


    "เมื่อกี้ป๊าสอนไอ้ฮันมัน...โคตรห่วย ป๊าวานสอนมันทีนะ"


    "เอ๋??/เฮ้ย!!!!"


    ทั้งสองต่างอุทานออกมา ป๊าไม่ฟังเสียงที่จะทัดทานตามมาเสเดินไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบพลางเดินกลับไปที่จวนตนเองไม่วายตะโกนไล่หลังมา


    "เอ้า หนูแจไปฝึกให้มันป่ะ อย่างน้อยเราก็เป็นพวกสายเวทย์มนต์นี่"


    ใบหน้าสวยมีแววลังเลก่อนที่จะเดินไปหาร่างสูงที่ยืนควงไม้คทาต่างกระบอง เผ่ายักษ์นั้นถือว่าเก่งด้านเวทย์มนต์รองจากเผ่าเทวดาไม่แปลกทีป๊าจะให้สอนลูกตัวเอง


    "เอ่อ....ฮัน"


    "อะไร"


    น้ำเสียงทุ้มราบเรียบเเละเย็นชา


    "ป๊าเขาให้...สอนฮัน....ระ ร่ายเวทมนต์...ที่อาเจ๊สะ สอนไป...น่ะ"


    เสียงใสตอบขาดเป็นห้วงๆ น้ำตาเริ่มรื้นขอบตาอีกรอบ


    "ไม่ต้อง ฉันฝึกเองได้"


    "อะ อือ......ฮึก"


    นัยน์ตาคมเหลือบมองอีกฝ่ายที่กำลังปาดน้ำตาทิ้ง มือหนายกมือขึ้นแต่ก็ชักกลับ น้ำตาใสๆยังคงไหลออกมาไม่หยุดหย่อนร่างสูงกัดริมฝีปาก


    ".....สอน...."


    "ฮึก เอ๋??"


    "ช่วยสอนฉันหน่อยก็แล้วกัน"


    ร่างสูงเสมองทางอื่นแก้เขิน แจจุงยิ้มออกมา....เผ่ายักษ์สายสีแดงถือว่าเก่งด้านเวทย์มนต์ที่สุดในบรรดาสายทั้งหมดโดยเฉพาะเวทย์มนต์โบราณ.....แล้วถ้าใครเคยอ่านนิทานโมโมทาโร่คงจะรู้ว่ายักษ์แดงนั้นขี้แยขนาดไหน....

    .
    .
    .
    .
    .
    .


    "ไม่ใช่ๆ ฮันต้องออกเสียงว่า 'ซีรีส' ลองดูสิ"


    " สีรีส "


    "ซีรีส"


    "สีรีส"


    "ต้องออกเสียง 'ซ' ไม่ใช่ 'ส' "


    " ส "


    " ซ "


    " ซ "


    "ลองพูดว่า 'ซีรีส' "


    ร่างบางมองรอลุ้นด้วยความตื่นเต้น


    " ซะ ซีรีส"


    "เย้!!!ฮันออกเสียงได้แล้ว"


    แขนเพรียวกอดหมับอีกฝ่ายด้วยความลืมตัว ใบหน้าคมมีแววตกใจก่อนที่จะดันอีกฝ่ายออก


    "ขะ ขอโทษนะ เผลอตัวไปหน่อย.....ฮันลองพูดเต็มๆประโยคดูสิ"


    "เอดา อัลซีส ซีรีส"


    "โอเค เสียงผ่าน งั้นลองสะบัดไม้เท้าให้ดูหน่อยสิ"


    มือหนาสะบัดไม้เท้าให้ดู ใบหน้าหวานส่ายไปมาก่อนที่จะหยิบไม้จากมืออีกฝ่ายแล้วสะบัดให้ดู เป็นภาพที่งดงามดูอ่อนช้อยราวกับภาพวาดผิดแผกจากอีกคนที่เหมือนกับจะฟาดไม้ใส่ชาวบ้าน


    "ต้องสะบัดแบบนี้ไม่ใช่สะบัดเหมือนกำลังกระบองอยู่ แล้วมือต้องค่อยๆทำแบบนี้"


    มือเรียวจับข้อมือร่างสูงแล้วสอนสะบัดอย่างถูกวิธี


    "อ่ะ ฮันลองดูนะ"


    "เอดา อัลซีส ซีรีส"


    ร่างสูงลองสะบัดตามที่ครูจำเป็นเพิ่งสอนไป ลูกไฟปรากฎขึ้น


    "เยส!! ยะฮู้!!!!!!!!"


    ร่างสูงรวบตัวร่างบางเข้าไปกอด เป็นครั้งแรกที่เขาทำสำเร็จ แจจุงตกใจแต่ก็กอดตอบไป


    "อื้ม ดีใจด้วยนะฮัน"


    เหมือนอีกฝ่ายจะรู้สึกตัวจึงดันอีกฝ่ายออก


    "โทษที"


    ร่างสุงหันหนีเสเดินไปหยิบน้ำมาดื่ม


    "ทะ ทำไม..."


    ฮันหันมามองอีกฝ่ายที่ยืนก้มหน้า


    "ทำไมต้องทำท่าเหมือนรังเกียจฉันขนาดนั้นด้วยล่ะ!!! ฉันไปทำอะไรให้นายเกลียดฉันรึไง ฮึก ทั้งๆที่เมื่อก่อนนายไม่เคยมีท่าทางแบบนี้กับฉันเลยสักครั้ง ฮือออ ฉันไปทำอะไรให้เหรอ

    ทุกครั้งที่นายมองด้วยสายตาเย็นชา มองฉันเหมือนเป็นตัวประหลาด ตัวน่ารังเกียจ ทิ้งฉันไว้ปล่อยให้กลับเอง ฮือออ ฮึก ถ้านายไม่อยากจะแต่งกับฉันก้บอกกันตรงๆสิ ไม่อยากจะรักษาสัญญาเมื่อตอนเด็กบอกมาก็ได้ ยิ่งนายทำแบบนี้ ฉันเจ็บนะ!! ฮึก"


    ฮันกัดริมฝีปากตัวเองเดินตรงไปหาอีกฝ่ายที่ก้มหน้าร้องไห้มือเรียวยกขึ้นปาดน้ำตาจนเปรอะไปทั่วใบหน้า แขนแกร่งโอบกอดอีกฝ่ายอย่างแผ่วเบามือหนาลูบหัวทุย


    "ฮืออออ โฮ!!"


    ร่างบอบบางสั่นตามแรงสะอื้นจนฝ่ายโอบกอดต้องกระชับแน่นขึ้นอีก นานพอดูกว่าเจ้าตัวจะหยุดร้องไห้แขนแกร่งปล่อยออกจากแจจุงแต่แขนเพรียวกลับกอดอีกฝ่ายแน่น


    "ฮึก ทำไมล่ะฮัน ตอบฉันหน่อยเถอะ"


    ใบหน้าคมเสมองทางอื่น


    "...แรก.....ของ..."


    "เอ๋??"


    นัยน์ตาหวานช้อนมองอีกฝ่ายทั้งๆที่น้ำใสๆยังติดแพขนตางอน


    "จูบแรกของนายกับของๆนาย"


    "หา??"


    แจจุงเอียงคอด้วยความงง


    "โธ่เว้ย!!! จูบแรกของนายกลับยกให้คนอื่นที่ไม่ใช่ฉัน รู้มั้ยฉันโมโหแล้วก็โกรธนายแค่ไหน ที่จู่ๆไปให้คนอื่นได้จูบแรกไปน่ะ แถมตอนที่นายแต่งเข้ามาแล้วข้าวของของนายกลับเก็บแยกอีกเหมือนกับว่านายรังเกียจฉัน!!!"


    "เห??"


    "ฮึ้ย!!!"


    "อุ๊บ! อย่าบอกนะว่านายโมโหเรื่องนี้"


    ร่างสูงเงียบไม่ตอบอีกฝ่าย


    "ฮะๆ เรื่องข้าวของของฉันน่ะที่เก็บแยกเพราะมันเป็นนิสัยที่ติดตัวมาตั้งแต่อยู่ที่เผ่าแล้ว นายไม่รู้รึไงว่าพวกยักษ์ชอบเก็บของๆตัวเองไม่ให้ไปปะปนกับของคนอื่น ส่วนเรื่องจูบแรกนั่นน่ะคนที่ได้จูบแรกของฉันไป.....คือนายต่างหากล่ะฮัน"


    "หา??!!"


    คราวนี้ร่างสูงทำหน้างงเต็กไปยกใหญ่


    "นายจำไม่ได้รึไง ก็ตอนที่เราสัญญากันแล้วนายก็....จูบฉันน่ะ"


    ใบหน้าหวานก้มต่ำเพื่อซ่อนพวกแก้มนิ่มที่แดงระเรื่อด้วยความเขินอาย เหมือนร่างสูงจะนึกออกเลยเขินไปด้วยอีกคนอายที่เพิ่งรู้เรื่องจริง อายที่คิดอะไรเป็นตุเป็นตะคนเดียว อายที่โกรธและงอนอีกฝ่ายสิบเอ็ดปีเต็มๆ


    "อ่า เอ่อ....ฉะ ฉันขอโทษด้วยก็แล้วกันที่ทำให้นายรู้สึกแย่"


    ฮันกอดอีกฝ่ายไว้ในอ้อมกอดหลวมๆ แจจุงฉีกยิ้มจนแก้มปริจนร่างสูงอดใจไม่ไหวจึงก้มลงเก็บเกี่ยวความหอมหวานจากพวงแก้มนิ่ม


    "อ๊ะ!!!"


    ใบหน้าหวานแดงเถือก ฮันกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์


    "ไหนๆนายก็ทำให้ฮันเข้าใจผิดมาตั้งนาน....นายต้องชดใช้มาซะดีๆ"


    "เอ๋??!!!! นั่นฮันเข้าใจผิดเองต่างหากแล้วคนที่ควรจะให้ชดใน่ะน่าจะเป็นแจต่างหาก"


    ร่างบางทำแก้มพองลมอย่างไม่พอใจแถมยังสะบัดหน้าเชิดอีกด้วย จนร่างสูงหัวเราะในลำคอกับความน่ารักของอีกฝ่าย.......
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .


    "สัญญานะแจ"


    "สัญญาจ๊ะฮัน"


    "งั้นฮันก็สัญญากับแจเหมือนกัน"


    "ยักษ์แดงจะเป็นของมังกรแดงตลอดไป"


    "มังกรแดงก็จะเป็นของยักษ์แดงตลอดไปเหมือนกัน......งั้นเรามาจูบสัญญากันว่าเราเป็นของกันและกันตลอดไป"


    .
    .
    .
    .
    .

    M ag ic 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×