ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ข้างๆ หัวใจ (ชื่อไม่เป็นทางการ)

    ลำดับตอนที่ #1 : จดหมาย

    • อัปเดตล่าสุด 14 พ.ค. 51


    มีจดหมายมาครับ

    บุรุษไปรษณีย์มากดกริ่งเรียกที่หน้าประตู ทำให้สหวิทย์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ภายในบ้านตกใจเล็กน้อย แต่ก็ลุกขึ้นเดินออกไปที่หน้าประตูแต่โดยดี

    ลงชื่อรับจดหมายด้วยนะครับ เป็นเจ้าของจดหมายเองหรือเปล่า

    คนที่เดินออกไปรับจดหมายพยักหน้ารับ แล้วก้มหน้าลงชื่อในเอกสาร เพราะถ้าไม่ใช่จดหมายเขา จะเป็นจดหมายใคร เขาอยู่บ้านหลังนี้คนเดียวมานานเกือบปีแล้ว หลังจากที่ยายของเขาเสียชีวิตไป หรือถ้าไม่ก็อาจจะเป็นจดหมายของแม่ที่ย้ายไปอยู่กับหลานสาวของเขาที่เชียงราย

    เสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นไปไกลแล้ว เขาก้มหน้าอ่านจดหมาย ดูจากจ่าหน้าผู้ส่งแล้ว คงเป็นจดหมายที่เขารอคอยมานานทีเดียว เป็นจดหมายเรียกรายงานตัวบรรจุเป็นอาจารย์จากมหาวิทยาลัยของรัฐทางเหนือ หลังจากที่ไปสอบวัดความรู้ สอบสัมภาษณ์และประกาศผลเรียบร้อย

    วันรายงานตัวกับหน่วยงานต้นสังกัดก็ประมาณหนึ่งเดือนนับจากนี้ ในระหว่างนี้เขาคงมีเรื่องที่จะต้องทำหลายเรื่อง โชคดีที่ก่อนเขาจะกลับมาที่นี่ เขาได้ติดต่อหาซื้อบ้านหลังหนึ่งใกล้กับมหาวิทยาลัยที่สภาพดีแต่เจ้าของร้อนเงิน ทำให้ไม่ต้องวุ่นวายหาบ้านก่อนเข้าทำงาน แต่เขาก็ต้องจัดการย้ายทะเบียนบ้านไปอยู่ที่บ้านหลังโน้นด้วย

    ชายหนุ่มมองไปรอบๆ บ้านแล้วคิดในใจ บ้านหลังนี้ก็คงจะว่างหรืออาจจะว่างไปตลอด เพราะเขาอาจจะต้องอยู่ที่เชียงใหม่ไปตลอดชีวิตก็ได้

    ชีวิตของเขาคงชินกับการที่ต้องเดินทางไปเรื่อยๆ โดยที่เขาก็ไม่สามารถบอกตัวเองได้เหมือนกันว่าเขาจะเดินทางเพื่ออะไร

    สายตาเหลือบไปมองที่หัวโต๊ะเขียนหนังสือ มีกรอบรูปบานหนึ่งวางอยู่ บัณฑิตสองคนยืนถ่ายรูปด้วยใบหน้าและแววตาเบิกบาน

    นี่แหละ คือสิ่งที่เขาหนีมันมาตลอดชีวิต

     

    ท่ามกลางความวุ่นวายของรถราในกรุงเทพมหานคร วริศที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยบนรถของตัวเองก็เป็นหนึ่งในผู้ที่กำลังต่อแถวเคลื่อนรถไปบนถนนสายนี้ สายตาของเขากำลังต้องมาท้ายรถญี่ปุ่นที่จอดหน้าเขาว่าจะเคลื่อนที่ไปเมื่อไหร่

    หลังจากเรียนจบมาได้เกือบ 3 ปี เขาสมัครเข้าทำงานในธนาคารแห่งหนึ่ง ทำงานด้วยความสนุกสนาน ตอนเย็นหลังเลิกงานเขามักจะไปคลุกคลีอยู่กับเพื่อนสนิทที่เคยเล่นด้วยกันในตอนเด็กๆ และมาเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันแต่คนละคณะในตอนโต

    ความจริงมันเป็นความต้องการของเขาเองแหละ ที่เลือกจะสอบเข้าที่นั่น เพราะอยากเรียนที่เดียวกับเพื่อน เพราะเพื่อนคนนี้เป็นคนที่ติวจนเขาสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้

    แต่เขาก็รู้สึกหงุดหงิด เมื่อตอนเกือบปีที่ผ่านมา เพื่อนคนนี้ของเขาได้ตัดสินใจย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดหลังจากเรียนปริญญาโทจบ ซึ่งเขาก็ค้นหามันไม่เจอเหมือนกันว่า เพราะอะไร ทำไมจึงรู้สึกหงุดหงิดแบบนี้

    อาจจะเพราะว่าไม่ได้ไปหาเพื่อนคนนั้นเหมือนเมื่อก่อนเลยทำให้รู้สึกหงุดหงิดกระมัง สงสัยว่าวันเสาร์นี้เขาคงต้องขับรถไปหาเพื่อนคนนี้บ้างแล้วล่ะ

    เสียงโทรศัพท์กรีดร้องขึ้นทำลายความเงียบสงบ ชายหนุ่มล้วงมันขึ้นมามองดูที่หน้าจอแล้วยิ้มก่อนที่จะกดรับสาย

    ฮัลโหล หายไปนานเลยนะ วริศแซวเพื่อนที่อยู่ปลายสาย

    อ้าว เบอร์เอ็งก็มี อยากคุยก็โทรมาดิ เสียงที่ตอบกลับมาสดใสทีเดียว เขาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะตอบกลับไป

    เออ ว่าไงล่ะวิทย์ โทรมาแต่เช้าเลย

    นี่นะเช้า ดูนาฬิกาซิว่ามันกี่โมงแล้ว

    ก็แค่แปดโมงครึ่งเอง

    แต่ที่บ้านฉันเขาเรียกว่าสายแล้ว

    อืมๆ แล้วนี่โทรมามีอะไรหรอ

    ก็ไม่มีอะไรหรอก วันนี้วันพระเพิ่งไปทำบุญที่วัด และกำลังจะให้ญาติขับรถพาไปส่งที่ บขส.”

    อะไรนะวิทย์ แกจะลงมากรุงเทพหรอ

    วริศอุทานด้วยความตกใจ กำลังจะขับรถขึ้นไปหาพอดี อยู่ดีๆ ก็จะลงมาหาซะเอง

    ก็ถูกแล้วล่ะ มีข่าวดีจะบอกด้วยนะ

    อะไรว่ะ บอกเลยๆๆ

    อุบไว้ก่อน เจอกันเย็นนี้ที่บ้านสำเพ็งนะแล้วสัญญาณก็ตัดไป

    ชายหนุ่มนั่งเอนๆ ในเบาะ ความรู้สึกยินดีเกิดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกก็เกิดขึ้น แม้เขาจะพยายามกลบเกลื่อนความรู้สึกในใจอย่างที่เคยทำมาตลอดสิบห้าปี ความรู้สึกนั้นมันไม่เคยจางหายไปเลย

    วริศหลับตาลงยิ้มด้วยแววตาสดใส แม้รถจะติดยังไง เขาก็ไม่หงุดหงิดอีกแล้ว

     

    หลังจากเลิกงานแล้ว วริศรีบขับรถกลับบ้าน กลับมาถึงก็รีบไปที่บ้านของสหวิทย์ทันที

    ทำไมรีบกลับจังวันนี้ เห็นอาโกวบอกว่านายจะกลับบ้านประมาณเกือบๆ สองทุ่มไม่ใช่หรอ

    แล้ววันนี้ใครบอกว่าจะมาเล่า เลยรีบมา จะพาไปเลี้ยงหมูกระทะวริศพูด แล้วมานั่งลงข้างๆ กับเพื่อนสนิท

    ก็ดีเหมือนกัน แต่ไม่แน่ว่าวันนี้อาจจะไม่ได้ไปก็ได้ เพราะจะรีบกลับ

    อ้าว แล้วคืนนี้นายไม่ได้นอนที่นี้หรอกหรอ

    เปล่า เราไปเช่าโรงแรมอยู่ เพราะขี้เกียจรบกวนที่นอนที่บ้านอาโกวเขาสหวิทย์พูด

    งั้น นายมานอนกับเราก็ได้ ไปเสียค่าโรงแรมแพงๆ ทำไม

    ไม่เป็นไรหรอก ไม่อยากรบกวน แค่มาเยี่ยมและมาทำธุระนิดหน่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็จะกลับแล้วสหวิทย์พูด

    แล้วโรงแรมอยู่แถวไหน เราจะได้ไปส่ง

    ก็ไม่ไกลหรอ แถวๆ นี้เอง

    แล้ววริศก็หันไปสนทนากับญาติของสหวิทย์ ก่อนที่จะชวนให้สหวิทย์ออกไปกินหมูกระทะ

    อาเจ๊กครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปย้ายทะเบียนบ้าน ก่อนเจ๊กออกไปทำงานก็เซ็นต์มอบอำนาจและรับรองสำเนาบัตรประชาชนไว้ด้วยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมจะไปย้ายทะเบียนบ้านสหวิทย์หันมาพูดกับอาเจ๊กเขาที่นั่งกินเหล้าอยู่

    ไปอยู่บ้านที่ชัยนาทหรออาเจ๊กเขาถาม

    เปล่าครับ ผมจะย้ายไปอยู่บ้านที่ผมซื้อไว้ที่เชียงใหม่ครับ พอดีผมสอบบรรจุได้เป็นอาจารย์ที่คณะสังคมศาสตร์ เขาจะเรียกบรรจุสิ้นเดือนนี้ครับ

    สหวิทย์พูดจบ ร่างของวริศก็กระตุกขึ้นทันที

    ไปสอบตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ ไม่เห็นบอกกันเลยอาโกวคนเล็กของบ้านถามด้วยความดีใจ

    เมื่อเดือนที่แล้วครับ ตอนแรกคิดว่าไม่ได้หรอก แต่ในที่สุดก็สอบผ่าน

    “ดีใจด้วยล่ะ อย่าลืมลงมาเยี่ยมอาโกวบ่อยๆ นะ” อาโกวคนที่สองพูดขึ้น

    “อาโกวจะไปอยู่กับผมที่เชียงใหม่ก็ได้นะครับ ผมจะได้มีเพื่อน”

    “โตป่านนี้แล้ว อาโกวขี้เกียจเดินทางไกลๆ น่ะ ลื้ออยู่คนเดียวได้ไม่เป็นไรหรอก…แล้วจะให้อั๊วไปช่วยย้ายของที่บ้านหรือเปล่า”

    “ขอบคุณมากครับโกว ไปอยู่กับผมสักอาทิตย์ที่ชัยนาทแล้วค่อยกลับก็ได้”

    สหวิทย์รับคำอย่างยินดี เพราะหลังจากที่พ่อและพี่ชายของเขาประสบอุบัติเหตุถูกรถชนอัดจนร่างแหลก หลังจากจัดการเรื่องต่างๆ เรียบร้อย แม่ของเขาเสียใจมากเลยย้ายไปอยู่กับหลานสาวลูกของพี่ชายที่บ้านของลูกสะใภ้ที่เชียงราย ปล่อยให้เขาเรียนต่ออยู่ที่กรุงเทพฯ คนเดียว อาโกวคนนี้เลยอาสามาอยู่กับเขาเป็นเพื่อนที่บ้านจนเขาเรียนจบปริญญาโท และย้ายไปอยู่บ้านยายที่ชัยนาท เธอก็เลยย้ายกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ เขานับถืออาโกวคนนี้ของเขาเหมือนแม่แท้ๆ คนที่สองเลยทีเดียว

    โห เก่งๆ อย่างนี้ ไม่ทราบว่าใกล้แต่งงานหรือมีหญิงในดวงใจยังครับวริศฟังแล้วขัดจังหวะ กลัวคำตอบที่จะทำให้หัวใจตัวเองต้องแหลกสลาย แต่เขาก็อยากรู้

    แม้ว่าจะไปเขาจะขับรถไปเยี่ยมสหวิทย์ประมาณเดือนละครั้ง แม้ว่าไปแต่ละครั้งจะไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนเข้ากล่ำกลายในบ้านนอกจากป้าจันทร์ หญิงสาวที่เป็นญาติสนิทของสหวิทย์ก็ตาม แต่เขาก็อยากจะรู้ว่าคนที่ชายคนที่เขาแอบรู้สึกดีด้วยมีคนรักในใจหรือเปล่า

    ยังหรอก กำลังรอคนมาจีบอยู่สหวิทย์พูดแล้วหันมามองอีกฝ่ายเต็มตา เขาเองต้องเก็บความรู้สึกเอาไว้ในใจเช่นกัน มองหน้าเพื่อนสนิทคนนี้ทุกครั้งเขาจะเจ็บที่หัวใจทุกที

    แล้วนายล่ะ แต่งงานหรือยังสหวิทย์เองก็ลองถามคำถามที่คาใจอยู่ อีกฝ่ายหนึ่งคิดอะไรออกเลยตอบไปว่า

    ก็ใกล้แล้วล่ะ คงอีกไม่กี่เดือน

    หัวใจของสหวิทย์หล่นวูบทันที ฝืนใจตอบออกไปว่า

    ยินดีด้วยแล้วกัน อย่าลืมส่งการ์ดไปให้ล่ะ

    ไม่ลืมหรอก คนสำคัญแบบนี้

    วริศพูด ตัวเองก็หนักใจเหมือนกันกับภาระที่แบกอยู่ แต่เขาไม่รู้ว่าจะมีความกล้าสลัดมันออกไปได้เมื่อไหร่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×