ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~-~ บทความ ดีดี ~-~

    ลำดับตอนที่ #29 : เสี้ยววินาที

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.5K
      0
      9 ธ.ค. 49

    เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง
    เมื่อครั้งผมยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยม

    ผมเห็นเด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน

    ผมจำได้ว่าเขาชื่อไคลล์

    ดูราวกับว่าเขากำลังขนหนังสือทุกเล่มของเขากลับบ้านด้วย
    ผมคิดว่า
    “ทำไมนะถึงยังมีคนหอบหนังสือทั้งหมดของตัวกลับบ้านในวันศุกร์ด้วย

    หมอนี่มันจะต้องเป็นพวกคนประหลาดแน่ ๆ เลย”
    ผมเองนั้นมีแผนการสำหรับวันหยุดเอาไว้แล้ว
    นั่นคือไปงาน party และเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อน ๆ
    ตอนบ่ายพรุ่งนี้ คิดไปแล้วผมก็ยักไหล่จะเดินจากไป

    แต่ขณะนั้นผมก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งแข่งกันตรงมายังไคลล์

    จนชนเขาล้มลงคลุกฝุ่นข้างทาง
    หนังสือในอ้อมแขนของเขาก็ตกกระจัดกระจาย
    ผมเห็นแว่นตาของเขากระเด็นไปตกบนพื้นหญ้าห่างจากตัวเขาประมาณ
    10 ฟุต เขาเงยหน้าขึ้น

    และผมก็ได้เห็นความโศกเศร้าอย่างที่สุดในดวงตาของเขา

    ใจผมวูบลงทันที ผมวิ่งเยาะ ๆ ไปหาเขา
    ขณะที่เขากำลังคลำหาแว่นตาของตัวเองอยู่
    ผมสังเกตเห็นว่าตาของไคลล์มีน้ำตาคลอ
    ขณะที่ผมยื่นแว่นตาให้เขา ผมก็พูดกับเขาว่า
    “งี่เง่าพวกนั้นน่ะ มันน่าจะเก็บซะจริง ๆ”
    ไคลล์มองผมและพูดว่า “เฮ ขอบคุณนะ”

    ด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นจากรอยยิ้มที่แสดงถึงความสำนึกขอบคุณอย่างจริง ๆ
    ผมช่วยเขาเก็บหนังสือ
    และถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน
    มันน่าแปลกใจมากที่กลายเป็นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ ๆ บ้านผม
    ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพบเขามาก่อนเลย

    เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชน

    ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยได้คบหากับเด็กโรงเรียนเอกชนด้วย
    ผมช่วยเขาหอบหนังสือและเราสองคนก็พูดคุยกันไปตลอดทางที่กลับบ้าน
    ผมพบว่าไคลล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจทีเดียว
    ผมถามเขาว่าต้องการจะมาเล่นฟุตบอลด้วยกันกับผมและเพื่อนในวันเสาร์รึเปล่า
    เขาตอบตกลง

    ดังนั้นเราสองคนก็ได้ใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันกับพวกเพื่อน ๆ ผม

    และยิ่งผมได้รู้จักไคลล์มากขึ้นเท่าไรผมก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเท่านั้น
    พวกเพื่อน ๆ ของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
    ในเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ได้เจอไคลล์อีกพร้อมหนังสือกองโตเต็มหอบแขน

    ผมหยุดเขาและพูดกับเขาว่า “ให้ตายเถอะ

    นายคิดที่จะเพาะกล้ามด้วยกองหนังสือพวกนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ!?”

    ไคลล์หัวเราะและแบ่งหนังสือครึ่งหนึ่งให้ผมช่วยถือ
    จากวันนั้นมาจนตลอด 4 ปี
    ไคลล์และผมก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก
    จนเมื่อพวกเราได้เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย

    พวกเราก็ต่างเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย
    ไคลล์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Georgetown
    ส่วนผมก็จะไปเรียนที่ Duke

    ผมรู้ดีว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอและระยะทางห่างไกลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหา
    สำหรับความสัมพันธ์ของเราเลย
    ไคลล์จะเรียนให้จบแพทย์

    และผมก็จะเรียนทางด้านธุรกิจโดยใช้ทุนการศึกษาของทีมฟุตบอล
    ไคลล์ถูกเลือกให้เป็นผู้กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษาของชั้นเรา
    ผมยังคงล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลาในเรื่องที่ว่าเขาเหมือนพวกคนประหลาด
    ในขณะที่เขาต้องเตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานการจบการศึกษา
    ผมก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ใช่เป็นผม
    ที่จะต้องขึ้นไปพูดบนเวที
    ในวันงานจบการศึกษา ผมมองดูไคลล์
    และคิดว่าเขาดูดีมากทีเดียว
    ไคลล์นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มที่ในที่สุดก็สามารถค้นพบตัวเองในช่วงชีวิต
    ของนักเรียนมัธยม
    ไคลล์มีรูปร่างล่ำสันขึ้น และดูเหมาะมากกับแว่นตา
    เขามีนัดกับสาว ๆ มากกว่าผมอีก
    และพวกผู้หญิงก็รักเขาทุกคน
    ให้ตายเถอะมันทำให้ผมอดนึกอิจฉาไม่ได้ในบางครั้ง
    ผมสังเกตเห็นว่าไคลล์กำลังกังวลเกี่ยวกับการกล่าวสุนทรพจน์
    ผมจึงเข้าไปตบหลังให้กำลังใจและพูดว่า “เฮ้ หนุ่ม
    ..นายจะต้องทำได้เยี่ยมอย่างแน่นอน!”
    ไคลล์มองผมด้วยสายตาเช่นทุกครั้ง
    สายตาที่แสดงความขอบคุณอย่างจริง ๆ
    เขายิ้มพร้อมพูดว่า
    “ขอบคุณ”
    ไคลล์กระแอม และ ได้เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาว่า….

    “วันจบการศึกษา

    เป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณบรรดาผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพวกเราให้ผ่านพ้นปีแห่งความยากลำบาก

    พวกเขาเหล่านั้นก็คือ พ่อ แม่ คุณครู
    พี่น้องของคุณ
    หรือแม้แต่โค้ชกีฬาของคุณด้วย

    แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณมากที่สุดนั้นก็คือเพื่อน ๆ ของคุณนั่นเอง ผมได้มายืนอยู่ ณ
    ที่นี้ก็เพื่อที่จะบอกคุณทุกคนว่า
    การได้รับความเป็นเพื่อนจากใครบางคนนั้น
    นับเป็นการได้รับของขวัญอันสุดวิเศษ


    และผมขอยืนยันสิ่งนี้ด้วยการเล่าเรื่องของผมให้พวกคุณ…”

    ผมมองไคลล์ เพื่อนคนนี้ของผมอย่างไม่เชื่อสายตา
    ในขณะที่เขาเล่าถึงวันแรกที่เราสองคนได้พบกัน

    เขาเล่าว่าเขาได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายในช่วงวันหยุด

    โดยเขาเตรียมการทำความสะอาดล๊อคเกอร์เก็บของที่โรงเรียน
    และขนของทุกอย่างในนั้นกลับบ้าน

    เพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาทำให้เขาอีกในภายหลัง
    ไคลล์มองนิ่งมาที่ผมพร้อมยิ้มน้อย ๆ
    “น่าขอบคุณจริง ๆ
    ที่ผมได้ถูกช่วยชีวิตไว้…เพื่อนของผมช่วยผมไว้จากการตัดสินใจกระทำสิ่งซึ่งจะ
    ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มายืนพูดอยู่ ณ ที่นี้อีกเลย”
    ผมได้ยินเสียงเฮือกหายใจจากกลุ่มคนที่อยู่ในพิธี

    ในขณะที่ได้ฟังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาเล่าให้ฟังถึงช่วง
    เวลาแห่งความอ่อนแอในชีวิต…ผมได้เห็นแม่และพ่อของไคลล์มองมาที่ผม
    พร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณอย่างเดียวกันและในบัดนั้นเองที่ผมได้เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำที่ว่า
    คนเราไม่ควรประเมินค่าในการกระทำของตนเองน้อยไป
    เพราะเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่คุณแสดงต่อใครบางคน
    ก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาคนนั้นได้ทันที
    ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้ายก็ตาม
    ในความเป็นเพื่อนนั้น
    พวกเราได้ถูกกำหนดให้มาพบเจอกันเพื่อที่จะได้ช่วยเป็นแรงผลักดันในชีวิตของกันและกันในทางใดทางหนึ่ง...

    ไคลล์จบสุนทรพจน์ของเขาว่า ...."เพราะ…เพื่อนคือ Angel
    ผู้ที่จะช่วยโอบอุ้มเราให้สามารถยืนหยัดบนขาได้อีกครั้ง
    เมื่อปีกของเราลืมวิธีการที่จะบินไปชั่วขณะหนึ่ง”
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×