ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ~-~ บทความ ดีดี ~-~

    ลำดับตอนที่ #25 : แค่เพียง-เสี้ยววินาที-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.35K
      1
      9 ธ.ค. 49

    เรื่องเกิดขึ้นในวันหนึ่ง
    เมื่อครั้งผมยังเป็นน้องใหม่ในโรงเรียนมัธยม

    ผมเห็นเด็กคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ชั้นเดียวกันกำลังเดินกลับบ้านหลังเลิกเรียน
    ผมจำได้ว่าเขาชื่อไคลล์

    ดูราวกับว่าเขากำลังขนหนังสือทุกเล่มของเขากลับบ้านด้วย
    ผมคิดว่า
    “ทำไมนะถึงยังมีคนหอบหนังสือทั้งหมดของตัวกลับบ้านในวันศุกร์ด้วย
    หมอนี่มันจะต้องเป็นพวกคนประหลาดแน่ ๆ
    เลย]


    ผมเองนั้นมีแผนการสำหรับวันหยุดเอาไว้แล้วนั่นคือไปงาน party และเล่นฟุตบอลกับพวกเพื่อนๆตอนบ่ายพรุ่งนี้


    คิดไปแล้วผมก็ยักไหล่จะเดินจากไป
    แต่ขณะนั้นผมก็เห็นเด็กกลุ่มหนึ่งวิ่งแข่งกันตรงมายังไคลล์

    จนชนเขาล้มลงคลุกฝุ่นข้างทาง
    หนังสือในอ้อมแขนของเขาก็ตกกระจัดกระจาย





    ผมเห็นแว่นตาของเขากระเด็นไปตกบนพื้นหญ้าห่างจากตัวเขาประมาณ 10 ฟุต เขาเงยหน้าขึ้น
    และผมก็ได้เห็นความโศกเศร้าอย่างที่สุดในดวงตาของเขา



    ใจผมวูบลงทันที ผมวิ่งเยาะ ๆ
    ไปหาเขา



    ขณะที่เขากำลังคลำหาแว่นตาของตัวเองอยู่

    ผมสังเกตเห็นว่าตาของไคลล์มีน้ำตาคลอ

    ขณะที่ผมยื่นแว่นตาให้เขา
    ผมก็พูดกับเขาว่า
    "งี่เง่าพวกนั้นน่ะ มันน่าจะเก็บซะจริงๆ"


    ไคลล์มองผมและพูดว่า "เฮ้ ขอบคุณนะ"
    ด้วยใบหน้าที่สดใสขึ้นจากรอยยิ้มที่แสดงถึงความสำนึกขอบคุณอย่างจริงๆ


    ผมช่วยเขาเก็บหนังสือ และถามว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน
    มันน่าแปลกใจมากที่กลายเป็นว่าบ้านของเขาอยู่ใกล้ ๆบ้านผม

    ผมถามเขาว่าทำไมผมถึงไม่เคยพบเขามาก่อนเลย
    เขาบอกว่าก่อนหน้านี้เขาได้ไปเข้าเรียนอยู่ในโรงเรียนเอกชน
    ซึ่งแน่นอนว่าผมก็ไม่เคยได้คบหากับเด็กโรงเรียนเอกชนด้วย


    ผมช่วยเขาหอบหนังสือและเราสองคนก็พูดคุยกันไปตลอดทางที่กลับบ้าน
    ผมพบว่าไคลล์เป็นเด็กหนุ่มที่น่าสนใจทีเดียว


    ผมถามเขาว่าต้องการจะมาเล่นฟุตบอลด้วยกันกับผมและเพื่อนในวันเสาร์รึเปล่า

    เขาตอบตกลง

    ดังนั้นเราสองคนก็ได้ใช้เวลาในวันหยุดด้วยกันกับพวกเพื่อนๆ ผม

    และยิ่งผมได้รู้จักไคลล์มากขึ้นเท่าไรผมก็รู้สึกชอบเขามากขึ้นเท่านั้น


    พวกเพื่อน ๆของผมเองก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
    ในเช้าวันจันทร์ถัดมาผมก็ได้เจอไคลล์อีกพร้อมหนังสือกองโตเต็มหอบแขน
    ผมหยุดเขาและพูดกับเขาว่า


    "ให้ตายเถอะ
    นายคิดที่จะเพาะกล้ามด้วยกองหนังสือพวกนี้ทุกวันเลยงั้นเหรอ!?"

    ไคลล์หัวเราะและแบ่งหนังสือครึ่งหนึ่งให้ผมช่วยถือ
    จากวันนั้นมาจนตลอด 4ปี
    ไคลล์และผมก็กลายเป็นเพื่อนที่สนิทกันมาก
    จนเมื่อพวกเราได้เป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย
    พวกเราก็ต่างเริ่มคิดถึงเรื่องการเรียนต่อในมหาวิทยาลัย

    ไคลล์ตัดสินใจไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัย Georgetownส่วนผมก็จะไปเรียนที่Duke

    ผมรู้ดีว่าเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันอยู่เสมอและระยะทางห่างไกลนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับความสัมพันธ์ของเราเลย

    ไคลล์จะเรียนให้จบแพทย์

    และผมก็จะเรียนทางด้านธุรกิจโดยใช้ทุนการศึกษาของทีมฟุตบอล

    ไคลล์ถูกเลือกให้เป็นผู้กล่าวคำอำลาในพิธีจบการศึกษาของชั้นเรา
    ผมยังคงล้อเลียนเขาอยู่ตลอดเวลาในเรื่องที่ว่าเขาเหมือนพวกคนประหลาด






    ในขณะที่เขาต้องเตรียมสุนทรพจน์สำหรับงานการจบการศึกษา
    ผมก็รู้สึกดีใจมากที่ไม่ใช่เป็นผมที่จะต้องขึ้นไปพูดบนเวที


    ในวันงานจบการศึกษา
    ผมมองดูไคลล์


    และคิดว่าเขาดูดีมากทีเดียว






    ไคลล์นับว่าเป็นหนึ่งในบรรดาคนหนุ่มที่ในที่สุดก็สามารถค้นพบตัวเองในช่วงชีวิต



    ของนักเรียนมัธยม

    ไคลล์มีรูปร่างล่ำสันขึ้น

    และดูเหมาะมากกับแว่นตา
    เขามีนัดกับสาว ๆ
    มากกว่าผมอีก

    และพวกผู้หญิงก็รักเขาทุกคน

    ให้ตายเถอะมันทำให้ผมอดนึกอิจฉาไม่ได้ในบางครั้ง

    ผมสังเกตเห็นว่าไคลล์กำลังกังวลเกี่ยวกับการกล่าวสุนทรพจน์



    ผมจึงเข้าไปตบหลังให้กำลังใจและพูดว่า
    "เฮ้ หนุ่ม

    ..นายจะต้องทำได้เยี่ยมอย่างแน่นอน!"




    ไคลล์มองผมด้วยสายตาเช่นทุกครั้ง

    สายตาที่แสดงความขอบคุณอย่างจริง


    เขายิ้มพร้อมพูดว่า
    "ขอบคุณ"
    ไคลล์กระแอม และ ได้เริ่มต้นสุนทรพจน์ของเขาว่า…

    "
    วันจบการศึกษา

    เป็นโอกาสที่เราจะได้ขอบคุณบรรดาผู้ซึ่งได้ช่วยเหลือพวกเราให้ผ่านพ้นปีแห่งความย
    กลำบาก

    พวกเขาเหล่านั้นก็คือ
    พ่อ
    แม่
    คุณครู
    พี่น้องของคุณ

    หรือแม้แต่โค้ชกีฬาของคุณด้วย


    แต่อันที่จริงแล้วผู้ที่คอยช่วยเหลือคุณมากที่สุดนั้นก็คือเพื่อนๆ
    ของคุณนั่นเอง ผมได้มายืนอยู่ ณ ที่นี้ก็เพื่อที่จะบอกคุณทุกคนว่า

    การได้รับความเป็นเพื่อนจากใครบางคนนั้น

    นับเป็นการได้รับของขวัญอันสุดวิเศษ

    และผมขอยืนยันสิ่งนี้ด้วยการเล่าเรื่องของผมให้พวกคุณ… "


    ผมมองไคลล์


    เพื่อนคนนี้ของผมอย่างไม่เชื่อสายตา
    ในขณะที่เขาเล่าถึงวันแรกที่เราสองคนได้พบกัน

    เขาเล่าว่าเขาได้วางแผนที่จะฆ่าตัวตายในช่วงวันหยุด


    โดยเขาเตรียมการทำความสะอาดล๊อคเกอร์เก็บของที่โรงเรียน และขนของทุกอย่างในนั้นกลับบ้าน
    เพื่อที่แม่ของเขาจะได้ไม่ต้องลำบากมาทำให้เขาอีกในภายหลัง

    ไคลล์มองนิ่งมาที่ผมพร้อมยิ้มน้อยๆ

    น่าขอบคุณจริง ๆ

    ที่ผมได้ถูกช่วยชีวิตไว้…เพื่อนของผมช่วยผมไว้จากการตัดสินใจกระทำสิ่งซึ่งจะ


    ทำให้ผมไม่มีโอกาสได้มายืนพูดอยู่ ณที่นี้อีกเลย


    ผมได้ยินเสียงเฮือกหายใจจากกลุ่มคนที่อยู่ในพิธี

    ในขณะที่ได้ฟังเด็กหนุ่มรูปหล่อที่เป็นที่ชื่นชอบของพวกเขาเล่าให้ฟังถึงช่วง เวลาแห่งความอ่อนแอในชีวิต…ผมได้เห็นแม่และพ่อของไคลล์มองมาที่ผม

    พร้อมรอยยิ้มแสดงความขอบคุณอย่างเดียวกันและในบัดนั้นเองที่ผมได้เข้าใจถึงความหมายอันลึกซึ้งของคำที่ว่า

    คนเราไม่ควรประเมินค่าในการกระทำของตนเองน้อยไป
    เพราะเพียงแค่สิ่งเล็กน้อยที่คุณแสดงต่อใครบางคน
    ก็สามารถที่จะเปลี่ยนชีวิตของเขาคนนั้นได้ทันที
    ไม่ว่าจะเป็นในทางดีหรือทางร้ายก็ตาม
    ในความเป็นเพื่อนนั้น

    พวกเราได้ถูกกำหนดให้มาพบเจอกันเพื่อที่จะได้ช่วยเป็นแรงผลักดันในชีวิตของกันและ

    ันในทางใดทางหนึ่ง...


    ไคลล์จบสุนทรพจน์ของเขาว่า
    ....


    เพราะ…เพื่อนคือเทพหรือนางฟ้า

    ผู้ที่จะช่วยโอบอุ้มเราให้สามารถยืนหยัดบนขาได้อีกครั้ง

    เมื่อปีกของเราลืมวิธีการที่จะบินไปชั่วขณะหนึ่ง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×