~Ro~มิดการ์ด - ~Ro~มิดการ์ด นิยาย ~Ro~มิดการ์ด : Dek-D.com - Writer

    ~Ro~มิดการ์ด

    + กาแล็กซีอันกว้างใหญ่ มีอะไรเยอะแยะ แล้วทำไมโลกของมิดการ์ดจะมีไม่ได้ +

    ผู้เข้าชมรวม

    625

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    625

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  แฟนตาซี
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  21 ส.ค. 48 / 20:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ
      + กาแล็กซีอันกว้างใหญ่ มีอะไรเยอะแยะ  แล้วทำไมโลกของมิดการ์ดจะมีไม่ได้ +

      เดินทาง
      เด็กชายคนนึง ผมสีขาว ผมยุ่งนิดหน่อย ถือกระเป๋าสะพาย ท่าทางกำลังรีบ รากิรีบวิ่งออกไป มือหนึ่งเขาถือขวดน้ำ อีกมือกำลังเก็บมีดใส่กระเป๋า “หวา–––”รากิวิ่งขึ้นไปบนเนินแล้วถลาลงมาอย่างจังขณะลงเนิน “เป็นอะไรมั้ยคะ”เสียงเด็กผู้หญิงถาม รากิลืมตาขึ้น เขาเห็นเด็กผู้หญิงยืนอยู่ข้างๆ น่าจะเป็นโนวิช ผมสีน้ำตาล ยาว สีหน้าท่าทางตกใจ “อ่าฮะ ไม่เป็นไรคับ”รากิตอบทันควัน“ผมต้องรีบไปแล้วนะ เดี๋ยวจะค่ำซะก่อน”รากิพูดเสร็จก็วิ่งไปทันที
          ณ เมือง พาย่อน(Payon)
          “อ๊ะ คุณแม่คะ พี่มาแล้ว”เด็กผู้หญิงวัย 5-6 ขวบเสียงเจื้อยแจ้วร้องเรียกแม่ด้วยความดีใจ
          “อ่า จ้ะๆ”แม่ของเด็กหญิงเดินออกมาจากบ้าน บ้านที่ทำจากไม้ อยู่ในตัวเมือง
      “แฮ่ก แฮ่ก..สวัสดีครับคุณป้า..”รากิหอบเสียงดัง “ท่าทางจะเหนื่อยนะ เข้ามาในบ้านก่อนสิ”คุณป้าชวนเข้ามาใน “ไปอาบน้ำซะนะ ”คุณป้าแนะนำ  พอคุณป้าของตนพูดเช่นนั้น “เอ้า ผ้าเช็ดตัวอยู่ตรงนั้นนะ”คุณป้าชี้ไปที่ราวตากผ้าที่อยู่หน้าห้องน้ำ  “ครับๆ”รากิตอบแล้วรีบคว้าผ้าเช็ดตัวแล้วเข้าห้องน้ำไป
          “รากิ นี่ค่ำแล้วนะ ขึ้นไปนอนเถอะ”คุณป้าแนะ “คร้าบบ”รากิตอบ แล้วขึ้นไปยังห้องนอนของตน “เฮ่อ เหนื่อยจัง วิ่งมาทั้งวัน”รากิบ่นพึมพำ ไม่นานก็หลับไปด้วยความเหนื่อย
      ซักพักก็ตื่นขึ้นมา “ทำไมเจ็บแผลจัง” “จะว่าไปแล้วเรายังไม่เคยมาที่นี่เลยแฮะ มาปุ๊บก็เข้าบ้านเลย”รากิพูดกับตัวเองเบาๆ “เดินเที่ยวในเมืองก็น่าสนุกดี” “กลางคืนอย่างนี้ก็ไปอีกแบบ”รากิเดินไปเรื่อยเปื่อย เจอคน 3คนยืนคุยกัน รากิจึงแอบเข้าไปดูใกล้ๆ
      มีคาฟร่า 3 คนคุยกัน คนหนึ่งผมสั้นสีส้ม ติดกิ๊ปรูปดอกไม้ อีกคนหนึ่งผมสั้นเหมือนกัน แต่ผมสีเขียว ชุดไม่ค่อยเหมือนคาฟร่าทั่วไป น่าจะอยู่ในเมืองไกลแต่ถูกย้ายมา อีกคนหนึ่งผูกผมแกะสีทอง ยังเด็กอยู่
      คาฟร่า 1 : “เฮ่อ เป็นคาฟร่าจะเรียกว่าดีหรือไม่ดีนะ”คาฟร่าผมส้มบ่น
      คาฟร่า 2 : “ฉันว่าดีจะตาย ผู้ชายรุมล้อม”คาฟร่าผมเขียวตอบทันควัน
      คาฟร่า 3 : “ก็พี่สวยนี่นา”คาฟร่าผมแกะในกลุ่มตอบ
      คาฟร่า 1 : “เข้าใจผิดอะไรรึเปล่า”คาฟร่าผมส้มถาม
      คาฟร่า 2 : “ไม่หรอก เจ้าเข้าใจถูกแล้วล่ะ”คาฟร่าผมเขียวบอก
      คาฟร่า 1 : “ไม่ๆ อย่าไปเชื่อพี่เขานะ เชื่อพี่ไอโกะสิซาร่า”คาฟร่าผมส้มแย้ง
      คาฟร่า 2 : “อะไรกัน ข้าต่างหากที่พูดถูก”
      คาฟร่า 1 : “ไม่เอาน่า อย่าหลอกเด็กสิ มีนะ”
      คาฟร่า 3 : “โธ่ พี่นี่ก็ เถียงกันอยู่ได้”ซาร่าบ่น
      “โอย.. ไปดีกว่า นั่งฟังอยู่ก็เมื่อยตายเลยสิ”รากิบ่นพึมพำแล้วเดินกลับบ้าน แล้วนอนต่อ








      เธอชื่อเอรี่
          “พี่คะ ขนมปังอยู่บนโต๊ะนะคะ”โซเฟลียบอก“จ้าๆ”รากิตอบก่อนจะไปหยิบขนมปังกิน “ผมไปเดินเล่นนะ”รากิบอกแล้วเปิดประตูบ้านออกไป
          “เฮ่อ วันนี้อากาศดีจัง”รากิมองขึ้นไปบนท้องฟ้าสีครามที่กว้างใหญ่ “...มัน กว้างใหญ่จริง”เขาเดินออกไปที่เขตชานเมือง ‘แซ่ก แซ่ก’เสียงพุ่มไม้สั่นไหว รากิหันกลับไปหยิบมีดขึ้นมา เขาสังหรณ์ใจว่าจะมีอะไรอยู่ข้างในนั้นหรือไม่ รากิเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้วเขาก็ต้องอึ้งเมื่อเขาพบ........!!!
      ลูกโปริ่งเกิดใหม่ที่กำลังลืมตาดูพ่อแม่ตาแป๋ว ให้ตายเถอะจอร์จ!!อุตส่าห์ตื่นเต้นแทบตาย ดันมาเจอไอ้ตัวพรรค์นี้– รากิเกาหัวแกรกๆแล้วเดินต่อไป เขาได้ยินเสียงอีกครั้ง!!ไม่เอาแล้วนะ  เขาไม่อยากเจอไอ้ลูกโป่งสีชมพูเวรตะไลนั่นอีกแล้ว แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงเข้าไปดูใกล้ๆ รากิจึงเห็นว่าไม่ใช่ลูกโป่งหรืออะไร เป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะเอง  เธอพึ่งฟาดพ่อแม่ลูกโปริ่งไปเมื่อตะกี้น่ะเอง กระบองในมือของเธอมีเยลลี่ติดอยู่เล็กน้อย “อ่าว นายเองหรอ”เด็กหญิงนั้นพูดขึ้นกับรากิ “อ่า ครับ”รากิตอบ “เราชื่อเอรี่นะ แล้วนายล่ะ ชื่ออะไร”เอรี่ถามถึงชื่อของเขา “รากิครับ”เขาตอบ “ว่าแต่.. นายจะเป็นอาชีพอะไรหรอ”เอรี่ถาม “อ่า..”รากิเงียบ เขายังไม่ได้คิดเลยว่าจะเป็นอาชีพอะไร
      “ท่าทางจะยังคิดไม่ออกสินะ”เอรี่เดาดั่งรู้ใจเขา “ครับ”รากิตอบอย่างเขินๆ “ผมอยากเป็นอะไรมากกว่า6อาชีพที่มีอยู่” “ทำไมล่ะ แล้วอยากจะเป็นแนวไหน”เอรี่สงสัย  “อะไรก็ได้นะ ที่ให้เห็นว่าโนวิชเก่ง”รากิตอบ “เพราะว่าโดนแกล้งมาน่ะสิ” “เหรอ..”  ทั้งสองเงียบ ไม่พูดอะไรไปซักพัก เมื่อถึงช่วงใกล้ค่ำ เอรี่ก็กลับไป รากิก็กลับบ้านไป เหล่าหนอนเขียวเริ่มนอน เหล่าโปริ่งก็เริ่มล้า พระจันทร์เริ่มส่องแสงอ่อนๆ  แต่ไม่ช้าก็จะลับตาไป.....
      จิตวิญญาณของน้องสาว
          “หาว....”รากิงัวเงียอยู่บนเตียงไม้ ก่อนจะลุกไปอาบน้ำ อาบน้ำเสร็จเขาก็ลงไป “อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่”เสียงคุ้นหูทักทายรากิมา “สวัสดี..เฮ้ย!! ทำไมมาทำข้าวเช้าล่ะ!!”รากิทักทายกลับ แต่เมื่อเห็นน้องสาวใส่ชุดทำกับข้าวเต็มยศก็ถามกลับด้วยความตกใจ(อย่างยิ่ง) “ก็คุณแม่ให้มาทำข้าวเช้า แม่ไปขายขนม”น้องตอบกลับด้วยความมิค่อยเต็มใจ “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย–” “ก็ไม่เคยเห็นนิ จะกินได้ป่าวเนี่ย” “ว่าไงน้า–––”โซเฟลียจับกระทะที่เต็มไปด้วยน้ำมันที่พึ่งทอดไข่ดาวเสร็จ และมันก็เคาะลงไปเต็มกบาลของรากิ รากิจึงลงไปนอนกองอยู่ตรงนั้น “ข้าวเช้าเสร็จแล้วนะ”โซเฟลียบอกก่อนจะวางจานข้าวลงบนโต๊ะ ขณะนั้นรากิก็ฟื้นพอดี “โห เอาจริงๆก็น่ากินแฮะ” “ใช่ม้า–” “หืม..อร่อยดีนิ”แล้วทั้งสองก็ก้มหน้าก้มตากินอาหารเช้า “พี่คะ วันนี้ต้องช่วยหนูทำงานนะ”โซเฟลียดึงหูรากิเข้าไปในห้องเขาทันที ห้องของเขาค่อนข้างจะรกมากทีเดียว แต่ละอย่างถูกทำอย่างลวกๆ สภาพห้องดูไม่เป็นระเบียบเลย “ถ้าพวกนี้เรียบร้อยก่อนข้าวเที่ยงก็ออกไปได้”โซเฟลียบอกกับรากิก่อนจะปิดประตูห้องให้รากิอยู่คนเดียว รากิได้ยินก็หน้าซีดทันที ถึงเขาอยากจะไปเล่นมาก แต่จะทำให้พวกนี้เรียบร้อยคงไม่ง่าย เขาจึงเริ่มจัดเก็บห้องเขา ส่วนโซเฟลียก็กำลังกวาดบ้านถูบ้าน “แฮ่ก แฮ่ก”รากินั่งหอบ เขานั่งอยู่บนเตียงในห้องของเขา ซึ่งดูเรียบร้อยเป็นระเบียบแล้ว อีกไม่นานข้าวเที่ยงก็จะเสร็จ “พี่ค้า เสร็จแล้วใช่มั้ยคะ”เสียงตะโกนมาหารากิ เธอเดินมาเปิดประตูห้องแล้วต้องอึ้ง ห้องต่างจากที่เธอพบครั้งแรกมาก “แล้วอย่าทำห้องเละอีกนะ”โซเฟลียบอกเชิงดุก่อนจะยื่นปิ่นโตกล่องเล็กมาให้ เธอยิ้มๆแล้วพูดขึ้น“อ้ะ นี่ ปิ่นโต ออกไปได้แล้วนะ” “เอ่อ..ขอบใจ”รากิยิ้มตอบก่อนจะรับปิ่นโตแล้วรีบวิ่งออกจากบ้านไป โซเฟลียเป็นลูกพี่ลูกน้องกับรากิ แต่เดี๋ยวนี้รู้สึกว่าจะเหมือนน้องสาวซะแล้ว ชอบเป็นแม่บ้านซะด้วย ใส่ชุดเหมือน Alice เลยล่ะ...


      Fatherland(บ้านเกิด)
          ขณะรากิวิ่งออกไปนั้น ใบไม้ใหญ่สีแดงหล่นมาใส่หัวเขา “ฤดูใบไม้ร่วงแล้วสิน้า–”เสียงหวานๆของเอรี่เอ่ยขึ้น “วันนี้มาช้าจังนะ รากิ” “อะ ขอโทษที” “ไม่เป็นไรหรอก ขึ้นมาบนนี้สิ”เอรี่เอ่ยชวนให้รากิขึ้นมาบนต้นไม้ “บ้านของเธออยู่ที่ไหนหรอ”รากิถาม คนในพาย่อนเขารู้จักตั้งแต่ยามเฝ้าปราสาทยันลูนาติกเร่ร่อน เขาเคยไม่พบเธอมาก่อนเลย “บ้านฉันน่ะหรือ อยู่ที่..” “ที่..” “ที่นี่แหละ” รากิอึ้งไปครู่ใหญ่ เพื่อนสาวของเขาน่ะรึมาอยู่ในที่แบบนี้ “ทำไมเธอมาอยู่ในที่แบบนี้ล่ะ”รากิรู้แล้วว่าทำไมเขาถึงไม่รู้จักเธอ เพราะเธออยู่ที่นอกเมืองนั่นเอง
      “ฉันไม่มีบ้าน อยู่อย่างนี้ได้ก็ดีแล้ว”เธอตอบเบาๆ รากิมองก็รู้ อดีตเธอคงจะไม่ดีแน่นอน เขาลงจากต้นไม้ มองไปรอบๆ เขาก็เจอกระท่อมเล็กๆเตี้ยๆ มีต้นไม้และพุ่มไม้บัง ข้างหลังปลูกแครอท2-3ต้น มีต้นแอปเปิ้ลต้นใหญ่ที่ให้ผลและร่มเงา ข้างหลังเป็นแม่น้ำสายเล็กๆ รอบๆบ้านถึงจะรกไปหน่อยก็ตาม แต่ก็ทำให้ใช้ชีวิตอยู่ได้
      “ที่นี่แหละบ้านฉัน เข้าไปดูไหม”เอรี่พูดขึ้น “เอาสิ ได้แน่นะ”รากิถาม “ได้สิ” รากิเปิดประตูเข้าไป มีเก้าอี้ทำจากไม้ โต๊ะและตู้ก็ทำจากไม้ ในตู้เก็บแอปเปิ้ล แครอท เอาไว้ขายกับเป็นอาหารของเธอกับสัตว์รอบๆ แล้วก็เก็บผ้าไว้อาบน้ำเก็บฟูกไว้นอน แล้วก็มีหนังสือประมาณ7-8เล่ม “ไปดูหลังบ้านไหม”เอรี่ชวน รากิก็ตามไป มีราวตากผ้า มีต้นไม้2-3ต้น“ฉันทำความสะอาดทุกเช้าเย็น ได้ของก็เอาไปขาย”เธอบอก รากิรู้สึกสงสารอย่างบอกไม่ถูก“อยากไปอยู่บ้านฉันไหม”รากิถาม เอรี่เงียบ เธอใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะถามว่า “คนอื่นให้หรือ” “ไม่รู้สิ ต้องถามก่อน แต่ฉันให้”เอรี่น้ำตาไหล ทั้งใจดีและอ่อนโยน เธอทรุดตัวลงนั่ง น้ำตาเธอยังปริ่มๆ รากิไม่รู้จะทำอย่างไร ช่วงเย็นเขาก็กลับไป เอรี่ก็เก็บอาหารให้โปริ่ง ลูนาติก และตัวเธอ วันรุ่งขึ้นรากิจะได้รับอนุญาติต่อเมื่อป้าเห็นหน้าเธอก่อน รากิจึงพามาให้เห็นเธอและบ้านของเธอ ป้าของเขาจึงอนุญาติ เอรี่ร้องไห้อีกครั้ง ก่อนจะโผกอดรากิและขอบคุณป้าของรากิ แล้วป้าของรากิก็กลับไป รากิจึงช่วยเอรี่เก็บข้าวของ ก่อนนำอาหารให้โปริ่งและลูนาติกทั้งหมด เอรี่เก็บของเสร็จแล้ว แต่ตัวบ้านก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เหล่าโปริ่งและลูนาติกจึงพร้อมใจอยู่ในบ้านนั้นแทนเอรี่ เพราะพวกมันเรียนปลูกผัก ทำความสะอาด ปูฟูกทำอาหารทำได้หมด พวกมันช่วยตัวเองได้ พวกมันถูกใจมาก ในช่วงเย็นจึงเดินทางเข้าเมืองเพื่อย้ายเข้าบ้านรากิ โลกของเธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป..
      New home(บ้านใหม่)
          “ยินดีต้อนรับสู่บ้านใหม่ค่า–”โซเฟลียทักทายอย่างร่าเริง สมาชิกในบ้านเธอเพิ่มขึ้นอีกคนแล้ว เธอจะได้ทำหน้าที่แม่บ้านเยอะๆ “คนนี้ชื่อโซเฟลียนะ เก่งเรื่องแม่บ้าน เป็นลูกพี่ลูกน้องแต่คิดว่าเป็นน้องสาวฉันแล้วกัน”รากิแนะนำ “ส่วนคนนี้ เป็นป้าของฉัน อาชีพขายของ เป็นป้าของฉัน” “โซเฟลีย คนนี้ชื่อเอรี่นะ วัยเดียวกับพี่ เป็นเพื่อนกันนะ อย่าเข้าใจผิด”รากิกระซิบข้างหูโซเฟลีย เขาบอกเอาไว้เผื่อโซเฟลียเข้าใจผิด เธอก็เชื่ออย่างเชื่องๆ
      “ไปเก็บของเถอะ อาหารเย็นใกล้เสร็จแล้วนะ”คุณป้าบอก เอรี่ก็ขึ้นไปเก็บของ รากิก็พาไปที่ห้อง โซเฟลียก็จัดโต๊ะ แม่ก็ทำอาหารเย็นต่อ
          “จัดของเสร็จแล้วค่า”เอรี่ลงมาบอกป้า “มาได้จังหวะพอดี อาหารเสร็จแล้วนะ มาสิ”ป้าชวน เอรี่ก็ตามไป “พี่เอรี่นั่งตรงนี้นะคะ”โซเฟลียยังร่าเริงอยู่ เย็นนี้เธอได้ล้างจานเยอะสมใจแน่ อาหารมื้อนั้นทุกคนให้การต้อนรับอย่างดี ต่างซักถามแลกเปลี่ยนความรู้กันในหลายๆเรื่อง มื้อนี้ทำให้เอรี่รู้กันและกันมากขึ้น ทุกคนสนุกสนานกันหมด จนทานเสร็จเอรี่ก็นั่งพักอยู่กับรากิและคุณป้า “แล้วสัตว์พวกนั้นมาจากไหนหรอ ทำไมรู้จักเธอ”รากิถาม ป้าของเขาก็กำลังสงสัย “ก็..แถวนั้นอะ มันมาเอง”เอรี่ตอบ “ล้างจานเสร็จแล้วค่า”โซเฟลียตะโกนมา “โอเค งั้นไปนอนได้แล้ว”ป้าบอก ทุกคนขึ้นไปนอน



      *ต่อไปนี้จะเรียกคุณป้าของรากิว่ามาดาม
      ผู้สูญเสีย
          วันนี้เอรี่เป็นไข้ อากาศเริ่มหนาวขึ้นแล้ว ปลายปีก็อย่างนี้แหละ เธอร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงล่ะนะ จู่ๆก็ล้มตึง เล่นเอาวุ่นวายใหญ่ ไข้ขึ้น39องศา ให้ตายเถอะ ฉันไม่ค่อยเป็นเลยนะ 4ปีเป็นครั้ง สถิติสูงสุด38องศา แต่โซเฟลีย2ปีเป็น3ครั้งเชียว สูงสุด40องศา ส่วนมาดาม..เอ่อ..ไม่รู้สิ...“เป็นยังไงบ้างจ๊ะ เอรี่”มาดามเปิดประตูเข้ามา ถือถังน้ำเล็กๆมีผ้าแช่อยู่ “ก็.. ดีขึ้นแล้วค่ะ” “อย่าหักโหมมากนะคะ”โซเฟลียเดินตามต้อยๆ ถือยามาสองสามขวด “นี่ รากิ ฉันจะไปขายของนะ ส่วนโซเฟลียจะไปซื้อกับข้าว ช่วยเฝ้าเอรี่ด้วยแล้วกัน”มาดามกล่าว รากิพยักหน้าหงึกๆ
      จากนั้นทั้งสองก็ออกจากบ้านไป “โซเฟลียนี่เก่งจังนะ”เอรี่เอ่ยเบาๆ “ไม่เป็นไรแน่นะ”รากิถาม กลัวเดี๋ยวเรื่องวุ่นวายจะเกิดขึ้น “ไม่เป็นไรหรอก คุยได้สบาย”เอรี่ตอบ รากิจึงพูดขึ้น“งั้น ถามอะไรหน่อยได้รึปล่าว” “ได้สิ ถ้าฉันตอบได้นะ” “ครอบครัวเธออยู่ไหนรึ” “ไม่มี”เอรี่ตอบง่ายๆ รากิอยากถามต่อ แต่คิดๆไปมาก็ไม่ถาม  ทั้งสองเงียบไปพักใหญ่  จนได้ยินเสียงดังมาจากในหมู่บ้าน รากิเปิดหน้าต่างออกไปดูทันที “น่ะ นั่นมันตัวอะไรกัน”
      แพะตัวใหญ่มหึมา กับเคียวใหญ่ยักษ์สีแดงสด คงจะมาจากเลือดของชาวเมืองกระมั้ง เอรี่หน้าซีดเผือด “เป็นอะไรไปน่ะ” เอรี่ไม่พูดอะไร แต่เธอชี้ขึ้นไปที่เคียวของบาโฟเม็ต มีเศษผ้าเกี่ยวอยู่ เป็นเสื้อของมาดามนั่นเอง “มะ..มาดาม..” ถ้ายังมีคนอยู่อีกก็คงเข้าเกียร์สุนัขไปแล้วล่ะ “เราหนีกันก่อนดีมั้ย รากิ” เมื่อรากิตั้งสติได้ เขาก็พยักหน้าทันที ก่อนที่เอรี่จะออกจากบ้าน เอรี่หยิบถุงใบหนึ่งติดมือมา แต่รากิไม่มีเวลาสนใจ ทั้งสองรีบวิ่งออกจากเมืองทันทีระหว่างทาง เอรี่เกือบจะอาเจียนตรงนั้น แต่ละคนดูไม่ได้ รวมถึงมาดามด้วย แต่โซเฟลียไปไหนล่ะ
      ย้ายถิ่นฐาน
          ป่าใหญ่ที่เชื่อมต่อกับเมืองอัลเบอร์ต้า ยังเป็นที่พักชั่วคราวของทั้งสองอยู่ รากิยังเศร้าไม่หาย  เอรี่ก็เช่นกัน แต่ไม่เท่ารากิหรอก เฮ่อ น่าเบื่อจังน้า เอรี่คิด เธอคิดไปถึงสตรอเบอรี่ปั่นยี่ห้อPoringjuiceจัง แล้วเธอก็เอนตัวลงนอน
      แซ่ก!แซ่ก!
          เอรี่สะดุ้ง “อ๊ะ ขอโทษที่ทำให้ตกใจ ไม่ทราบว่าทางไปพาย่อนไปทางไหนรึ”เจ้าของเสียงนั้นถาม “อย่าไปดีกว่ามั้ง เมืองพึ่งล่มไป”เอรี่ถอนหายใจ แล้วพิงต้นไม้ใหญ่เท่าแก้วสตรอเบอรี่ “อ่าว โธ่~”หญิงสาวเซ็งอย่างสุดขีด  “เอาเถอะ ข้าชื่อคาเรีย จากมอรอค แล้วท่านล่ะ”สาวผูกผมม้าสีแดงสดใส เรื่องอาชีพก็ไม่ต้องถาม ถ้ามากจากมอรอคก็ต้องโจรแน่ “เอรี่จ้ะ”เอรี่ทักทายกลับด้วยความเป็นมิตร  แล้วพวกเธอก็เริ่มพูดคุยกัน  ดูเหมือนพวกเธอจะเข้ากันได้ดี “นั่นใครน่ะ”คาเรียมองไปที่รากิที่กำลังหลับอยู่“เพื่อนฉันเอง” ‘เขาเป็นอะไรรึปล่าวน่ะนั่น’คาเรียกระซิบถาม ‘อะ อาจจะมั้ง’เอรี่เอ้ออ้า “แล้วเธอจะไปพาย่อนทำไมเหรอ”เอรี่เปลี่ยนเรื่อง “ไปซื้อธนู”คาเรียตอบ “เหรอ”แล้วเอรี่ก็เริ่มหยิบกระเป๋าเป้มา ดูเหมือนในกระเป๋าจะมีของยังชีพที่ทำให้อยู่ได้สักพัก เหมือนกับเธอพร้อมจะย้ายบ้านทุกเมื่ออยู่แล้ว เธอนำถุงผ้าที่หยิบมาจากบ้านใส่กระเป๋า แล้วหยิบผ้าผืนใหญ่ออกมาดัดแปลงเป็นเต๊นท์ แล้วก็หยิบผ้าที่พับไว้แทนหมอนมาจากกระเป๋าอีกใบ(เอรี่มีกระเป๋าสองใบ) แล้วก็เอาหม้อสแตนเลสที่ได้จากมาติน ใส่เนื้อหมูกระป๋อง ใส่น้ำ แล้วก็แครอทที่ลูนาติกให้มา แล้วก็จุดไฟ  พอสุกได้ที่ก็ใส่ชาม “กินด้วยกันมั้ย คาเรีย”เอรี่ถาม คาเรียพยักหน้า แล้วก็ยื่นช้อนให้ ดูเหมือนรากิจะหลับไปซะแล้ว เอรี่ส่ายหน้า แล้วเริ่มซดอาหารเย็น “ฉันขอพักด้วยได้ไหม”คาเรียถาม เอรี่คิดอยู่พักหนึ่ง แล้วหันไปหารากิ แล้วก็ตอบว่า “ตกลง”  “ไปนอนก่อนละ ราตรีสวัสดิ์”เอรี่พูด เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว แล้วเธอก็มุดเข้าไปในเต๊นท์ ส่วนคาเรียก็ขอยืมผ้าปูที่นอนจากบ้านของรากิมาปูพื้นแล้วก็นอน เอ.... วันนี้เราลืมพูดถึงใครไปรึปล่าวน้า..

      วันฟ้าสีคราม
          จิ๊บ...จิ๊บ...เสียงนกตัวกระจ้อยโผบินขึ้นสู่ฟ้า แสงแดดยามอรุณปลุกให้รากิลืมตาขึ้นมาก่อนใครอื่น นี่เราหลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย....ตั้งแต่เมื่อวานหรือ.. เมื่อรากินึกถึงเมื่อวาน เขาก็นึกสิ่งที่เขาพึ่งสูญเสียไป แต่รากิไม่อยากจะนึกถึงมันอีก เขาหันไปคิดเรื่องอื่นแทน แล้วผู้หญิงคนนั้นใครกันรึ ศัตรูเหรอ แล้วเอรี่ล่ะ....ช่างเถอะ ไปเดินเล่นดีกว่า ดูเหมือนรากิจะไม่สนใจอะไรมาก เขาชอบที่จะอยู่กับธรรมชาติ รากิมีความเป็นมิตรกับธรรมชาติเป็นพิเศษ มอนสเตอร์ที่ไม่ดุร้ายจะเข้ากับเขาได้ดี และบางตัวที่ดุร้ายก็อาจเข้ากับเขาได้....ก็อาจจะบางตัวละนะ......
      นกประสานเสียงร้องเป็นเพลงเมื่อรากิเดินผ่าน กระต่ายน้อยกระโดดเข้ามาใกล้ๆ รากิจึงนั่งลงกับพื้นหญ้าแล้วพิงต้นแอปเปิล ต้นไม้ต้นนั้นสั่นไหวจนแอปเปิลสุกกำลังดีหล่นมาที่มือเขา รากินึกขอบคุณในใจที่พวกมันยอมมาเป็นเพื่อน แต่ตอนนี้เขาต้องกลับไปที่เดิมก่อน.......................
      แล้วตรงนั้นอยู่ไหนล่ะ หลงทางซะแล้ว
          รากิไม่รู้จะทำอย่างไร จนได้ยินเสียงเหยียบพื้นหญ้าใกล้เข้ามา หมาป่าตัวหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเชื่องๆ ถึงว่าสิ รากิรู้สึกว่ามีใครตามมาตั้งแต่เมื่อกี๊แล้ว ที่แท้ก็เป็นหมาป่าตัวนี้นี่เอง มันเดินเข้ามาหยุดตรงหน้ารากิแล้วดึงรากิให้ไปตามมัน มันคงรู้ว่าเราจะไปที่ไหน ใช่แล้ว เขาเจอเต๊นท์แล้ว “นะ นะ นายไปไหนมา~~~รากิ~~~~~~”
      รองเท้าเด็กผู้หญิงฟาดเต็มหน้ารากิ ช่วงนี้มีแต่หลับแฮะ “อย่าให้คนอื่นห่วงมากนะ..”เอรี่พูดเบาๆ “กินข้าวเช้ากันเถอะ คาเรีย มื้อเช้าเป็นเยลลี่สตรอเบอรี่นะ”เอรี่ชวน คาเรียหน้าซีด ท่าทางเอรี่แรงจะเยอะกว่าเธอนะ
      Albertaเมืองท่องเรือ
          เสียงคลื่นทะเลซัดกระทบคอนกรีตน้อยๆ เป็นบรรยากาศที่ดียิ่งนัก อัลเบอร์ต้าเมืองแห่งการค้า ถึงจะมีผู้คนไม่มากนักแต่ก็นับเป็นเมืองสำคัญที่เจริญแล้วแห่งหนึ่ง เพราะเป็นทั้งศูนย์กลางของการเดินทาง และเป็นแหล่งกำเนิดนักค้าขายตัวน้อยๆด้วย “นี่หรือ อัลเบอร์ต้า”คาเรียตะลึง มอรอคที่เธออยู่นั้นต่างกับที่นี่ลิบลับ “แล้วนายจะเอาหมาตัวนั้นมาอีกนานเมื่อไหร่”เอรี่ถาม “มันตามฉันมาเองนี่”รากิตอบ ทั้งสามจ้องมองไปที่หมาป่าตัวนั้น “โฮ่ง!”มันเห่าเสียงดัง แล้ววิ่งไปทางป่าทันที “มันน้อยใจเป็นด้วยเหรอรากิ”เอรี่ถามอย่างงงๆ รากิรีบวิ่งตามไปทันที แล้วเขาก็เจอหมาป่าอีกตัว มีรอยแผลที่หน้าผาก พร้อมกับลูกน้องอีก 3-4 ตัว ทั้งหมดส่งเสียงหอนดังก้องไปทั่วป่า แล้วตัวที่ท่าทางจะเป็นจ่าฝูงก็เดินเข้ามา มันนำแร่สีเหลืองมาวางไว้ ก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในป่า หมาป่าตัวนั้นหันหน้ามามองอีกที แล้วก็จากไป เมื่อรากิตรวจดูแร่นั้นอย่างถี่ถ้วน จึงรู้ว่าเป็นแร่ Topaz แร่ประจำเดือนเกิดของเขานั่นเอง “รากิ~~~~~~~~~~”เสียงตะโกนดังก้อง ดังกว่าหมาพวกนั้นอีก รากิรีบวิ่งกลับไปที่เมืองทันที “เราไปซื้อของกินเล่นในเมืองกันเถอะ”เอรี่ดึงแขนรากิเข้าไปในใจกลางเมืองทันที รากิทำหน้าหน่ายๆ ก่อนยอมปล่อยให้ลากไป แต่ดูเหมือนว่าคาเรียจะเป็นRogueในภายหน้านะ คุกกี้750ลดได้เหลือ300 ขี้งกดีจังนะ
      ก่อนจะมานั่งกินอาหารที่ร้านข้างทาง เจ้าของร้านคือญาติของคาเรียนั่นเอง เลยให้กินฟรีด้วย(ป้าแกใจดีนา) อาหารแห่งอัลเบอร์ต้าต้องนี่เลย เนื้ออบน้ำผึ้ง มันฝรั่งหวาน ต่อด้วยเค้กแอปเปิ้ล แล้วก็น้ำองุ่น เป็นมื้อที่ดีที่สุดในช่วงนี้เลย ป้าแกดีใจมากที่มีคนมา อยู่คนเดียวเหงาจริงๆ แล้วก็พูดถึงเมืองที่พึ่งเป็นหนึ่งในอาณาจักร อมัตสึ (ทำใจหน่อยนะ อัพเดตช้า)พวกเราก็มีความคิดที่จะไปที่นั่น จึงเตรียมเดินทางในอีก 4 วัน โดยขอพักอาศัยที่บ้านป้าก่อน
      ปล.ป้าที่ว่านี่ป้าของคาเรียนะ




      อาวุธใหม่
          หนึ่งวันก่อนการเดินทาง....
           --- “รากิ เธอมีอาวุธหรือ”คาเรียถาม รากิมองไปที่อาวุธตัวเอง มันเป็นเพียงมีดสั้นธรรมดาเท่านั้น “คงไม่มีสินะ งั้นเอานี่ไป” มีดสั้นเล่มหนึ่งอยู่ในมือซ้ายของรากิพอดี เอรี่ก็มองอยู่ข้างๆ
          วิ้วววววววววววววววววว!!!!!
          เสียงสายลมพัดรากิขึ้นไปบนฟ้า “หยา~!!”คาเรียร้องขึ้นมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างของรากิลอยอยู่บนท้องฟ้า แสงสว่างที่สาดส่องจากตะวันเริ่มอ่อนลง ราวกับมีสิ่งใดมาบดบัง วิญญาณหญิงสาวล่องลอยมาอยู่ข้างหน้า “มะ...แม่...” รากิพูดไม่ออก หญิงนั้นยิ้มให้กับรากิ แล้วเอื้อมมือมาจับมีดในมือเขา แล้วร่างของเธอก็หายไปในมีดเล่มนั้น ‘แม่จะอยู่กับเจ้า...ตลอดไป....’ เสียงก้องอยู่ในหัวของรากิ แม่..... รากิเหม่อลอยอยู่กลางอากาศ แสงที่เรืองๆมาจากมีดจางลง แล้วก็ดับไป ร่างของรากิเริ่มดิ่งลงสู่พื้นโลก  รากิจึงตั้งสติได้ ต้องทำอย่างไรล่ะ ไม่รู้มันแล้ว เขาสะบัดมีดไปมาเหมือนคนเสียสติ ใบหน้าของแม่ลอยขึ้นมาในหัวอีกครั้ง มีดเปล่งสว่างจ้า มันพารากิลงพื้นอย่างนุ่มนวล แต่นั่นไม่ใช่ที่เดิมอีก เสียงเปโกะวิ่งหนีนักดาบบ้าคลั่งเนื่องจากจับไม่ติด เปโกะตัวนั้นมาหลบใต้ต้นไม้เดียวกับรากิ เปโกะ? เปโกะงั้นหรือ งั้นนี่คือทางเชื่อมระหว่างพรอนเทร่ากับพาย่อนสิ มันหันหน้ามามองรากิ รากิมองเข้าไปในตามัน ตอนนี้ทั้งคู่รู้แล้วว่าควรทำอย่างไร
          นักดาบบ้าคลั่งหันซ้ายหันขวา เปโกะจอมกวนนั่นไปไหนแล้วฟะ เขาไม่เจออะไรเลย นอกจากไนท์ขี่เปโกะกำลังตรงไปที่อัลเบอร์ต้าเท่านั้น เอ๋? รอยแผลเมื่อกี๊ที่เปโกะ “ไอ้เปโกะตัวดี~~~~~~~~”ทั้งคู่สะดุ้งโหยง รากิรีบขว้างมีดสั้นอันเก่าไปทันที “เอ้ย”มีดเกี่ยวผ้าคลุมนักดาบไปติดต้นไม้พอดี “หนีเร็ว เปโกะ”รากิสั่งให้เปโกะเร่งฝีเท้า ในที่สุดก็ถึงอัลเบอร์ต้าจนได้ แต่ดูท่าเปโกะจะไม่เหนื่อยเลย ระหว่างทางก็เหมือนมีลมพัดมาด้วย “แต๊งกิ้วนะเปโกะ” เปโกะหันหลังกลับไปทางป่า แล้วก็จากไป ก้อนหินพุ่งใส่หน้าเขาพอดีเป๊ะ “เธอน่าจะเอาเงินมาเยอะๆหน่อยนะ ฉันจะได้ปาแรงขึ้น”คาเรียกระซิบ “เอาเถอะน่า”เอรี่กระซิบกลับ ---
          มีด? มีดงั้นเหรอ ดูยังไงก็แค่ Gladius ธรรมดานี่ สายลมอ่อนยังพัดรอบตัวรากิไม่หยุด “รากิ”รากิสะดุ้งเฮือก “ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นด้วย เรือออกบ่ายโมงนะ”เอรี่พูดอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก แล้วยืนกระดาษมาให้ “อะ ตั๋ว รู้ใช่ไหมว่าไปที่ไหน” “ฉันไม่โง่ขนาดนั้นหรอกน่า”รากิฉุน “ก็มันน่าเป็นห่วงนี่”เอรี่ตอบห้วนๆ เอาเถอะ รากิท่าทางไม่คิดอะไรมากเท่าไหร่ เรือออกบ่ายโมง เหลือเวลาอีก 4 ชั่วโมง รากิเดินไปเรื่อยๆ จนได้ยินเสียงเอรี่คุยกับคาเรียดังขึ้นหลังกองลังไม้ “เธอไปเลือกมีดยังไงน่ะ ถึงเป็นอย่างนี้”คาเรียพูดอย่างไม่พอใจ “ฉันถึงให้เธอไปด้วยไง ฉันเลือกมีดไม่เป็น”เอรี่ตอบกลับ “เอาเถอะ แพงมั้ยล่ะ”คาเรียถาม“สามหมื่นเซนีถ้วน”เอรี่ตอบหน้าบูด คาเรียตะลึง ทั้งคู่ไม่พูดอะไร แล้วก็เดินไปคนละทาง “สามหมื่นเชียวเหรอ” ทำไมแพงขนาดนั้นล่ะ Gladius ไม่น่าแพงขนาดนั้นนี่ แต่.... “ไปเดินเล่นก่อนดีกว่า”รากิเดินไปรอบๆเมือง งานอดิเรกของเขาคือ “การเดินเล่น” เวลาที่เขาหัวตัน คิดมาก ว่างมาก พอใจที่จะเดิน เขาก็จะ “เดินเล่น” เดินไปในทุกที่ที่ปลอดภัยและสงบสุข มื้อเที่ยงของเขาคือ แอปเปิ้ลสามลูก ลมยังคงพัดผ่านตัวเขาอยู่ ทำให้ไอติมที่เขาซื้อมาตกพื้น จึงเห็นว่ามีมดอยู่ 4-5 ตัว เฮ่อ รากิอยากจะขอบคุณในใจ แล้วก็เดินไปที่ท่าเรือ พวกเขาได้เรือชั้นดี เพราะป้าของคาเรียเป็นเพื่อนกับกัปตัน เรือเริ่มกางใบแล้ว เราคงจะไม่ได้เจอแผ่นดินใหญ่ไปพักหนึ่ง

      พบกัน
          กลิ่นอายซากุระล่องลอยไปทั่วเมืองAmatsu สาวงามในชุดยูคาตะยิ้มทักทายให้ที่ทางเข้าเมือง ที่นี่นับเป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์แบบใหม่ในมิดการ์ด เอรี่เริ่มรู้สึกสงสัย “เป็นอะไรรึเปล่าเอรี่”เสียงรากิดังขึ้นจากข้างหลัง เอรี่สะดุ้งเฮือก “ปะ เปล่า ไม่มีอะไร” “เฮ่อ น่าอิจฉาคู่รักตรงโน้นจัง”คาเรียพึมพำ “อะ...ฉันไม่ได้หมายถึงพวกเธอนะ ฉันหมายถึงคู่ใต้ต้นไม้นั้นต่างหาก”คาเรียรีบปฏิเสธก่อนที่เธอจะเจ็บตัว อโคสาวกับนักเวทหนุ่มนั่งพิงต้นซากุระใหญ่ แต่ท่าทางทั้งคู่จะหลับไปแล้ว “อย่าไปสนใจเล้ย... ไปจองโรงแรมดีกว่า”เอรี่เปลี่ยนเรื่อง “แล้วเธอรู้เหรอว่าโรงแรมอยู่ไหน”รากิถาม เอรี่หยุดชะงัก ท่าทางเธอจะไม่รู้เลย “ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้ายค่ะ”หญิงสาวตอบด้วยความเป็นมิตร “เอ่อ... ขอบคุณฮะ คุณ...”รากิตอบอย่างงงๆ “เอโตะค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”สาวสวยยิ้มให้ “ไปกันเถอะ พวกเรา”เอรี่ชวน โรงแรมก็คือโรงแรม แต่พอดูอีกทีก็เหมือนบ้านเช่า บรรยากาศข้างในเป็นแบบญี่ปุ่น “สองห้องค่ะ”คาเรียตะโกนไปที่เคาน์เตอร์ “เอ่อ ห้าพันเซนีค่ะ”พนักงานในชุดยูคาตะสะดุ้งเพราะเสียงดังของเธอ คาเรียรีบเดินไปที่เคาน์เตอร์ แล้ววางถุงเงินใหญ่บะเอ้งลงบนโต๊ะ “ไม่ต้องทอน ไปกันเถอะพวกเรา”เอรี่กับรากิรีบเดินตามไปทันที “แล้ว.....แล้วไม่เอากุญแจหรอ” “นี่ไง”คาเรียหยิบกุญแจสองดอกขึ้นมา เป็นกุญแจที่ติดตัวเลข 202 กับ 203 คาเรียมือไวจัง
      เอรี่คิด แล้วทำหน้าเคลิบเคลิ้ม.. ‘ถ้าชั้นมือไวขนาดนั้นนะ ชั้นจะจิ๊กของทั้งเมืองเลย.....อา........’ “คิดอะไรอยู่นะเอรี่ หน้าตาสยองนะ”รากิทำหน้าจะอ้วก สายตาแหลมคมของเอรี่จ้องมาที่รากิ “พูดว่าไรนะ?” “อะ ปะ ป่าวคับ”รากิตอบอย่างอึกอัก เอรี่น่ากลัวเอามากๆเลย ทั้งสามคนเดินขึ้นบันไดอย่างเงียบๆ
      ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ( เสียงสามคนขึ้นบันไดเงียบมากเลยอะ เหอๆ ) โครม!! ( สุดจะบรรยาย )
          “อ๊ะ...เอ่อ ขอโทษค่ะ”อโคสาวผมสั้นสีเหลืองหน้าซีดพูดเบาๆ แล้วก็ล้มตึงไป “อ๋า แย่แล้ว ทำไมอาการหนักอย่างนี้~”นักเวทชายที่ประคองเธอมาต้องพยุงอโคสาวขึ้นมาแล้วเดินไปที่ห้องพัก “เอ่อ ให้พวกเราช่วยมั้ยคะ”คาเรียพูด แต่ดูเหมือนเธอต้องการค่าตอบแทนกระมั้ง ( คนเขียนก็สุดจะคาดเดา ) “ก็ดีครับ”เมจคนนั้นหันหน้ามาตอบ รากิรีบเข้าไปช่วยพยุงอีกฝั่งทันที “ห้อง 305 ครับ นี่ครับ กุญแจ”เมจคนนั้นยื่นพวงกุญแจมาให้ เป็นกุญแจที่เหมือนกับของพวกเราเพียงแต่เบอร์ไม่เหมือนกัน เอรี่รับมาแล้วดูกุญแจพวงนั้น อืมมมมมม ห้อง 305 หรอ.......... เอรี่หันซ้ายหันขวา เจอแล้วๆๆๆ กริ๊กๆ แกร๊ก!! ประตูห้อง 305 ถูกเปิดออก สองชายพาอโควางลงบนเตียง “เธอเป็นอะไรหรอ”เอรี่ถาม “ให้ผมไปเล่าห้องพวกคุณได้ไหม เดี๋ยวเธอตื่น”สามสหาย (?)พยักหน้า  แล้วพวกเขาก็เดินไปที่ห้อง 302

      อดีตของฉัน
          “ผม...จริงๆแล้วผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอเป็นอะไรไป...ผมก็เลยพาเธอมาพักที่นี่”เมจชายเอนหลังพิงเก้าอี้หวายแล้วพักถอนหายใจ“เอ่อ...ขออภัย ไม่ทราบว่าชื่อของท่านคืออะไร ผมรากิ” “ฉันคาเรีย” “ฉันเอรี่”สามสหายแนะนำตัว “ผมมิราจ ส่วนอโคคนนั้นชื่อรีช่า”เมจชายเอ่ยขึ้นแล้วถอนหายใจอีกรอบ แล้วดื่มน้ำแอปเปิ้ลที่เอรี่พึ่งเสิร์ฟไปอึกหนึ่ง “เธอป่วยมาตั้งแต่เธอเปลี่ยนเป็นอโคไลท์ ผมเลยพาเธอมาพักที่นี่ แล้วเธอก็เป็นอย่างที่คุณเห็น”เสียงถอนหายใจดังขึ้นอีกครั้ง ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ..
          ด้านรีช่ากำลังนอนบนเตียงสีขาว ฝันของเธอจะเรียกดีก็คงไม่ได้แต่ร้ายก็ไม่เชิง เธอกำลังจ้องมองสร้อยสีทอง“เพราะสร้อยนี้แท้ๆ เพื่อนฉันถึงหายไปหมด ไม่เอาแล้ว”เธอโยนสร้อยนั่นขึ้นไปบนฟ้าแล้วมันก็ตกลงไปที่ไหนสักแห่ง มองดูพระอาทิตย์ที่คล้อยต่ำแล้วก็หลับไป
      ค่ำคืนนี้หนาวเหน็บยิ่งนัก สาวน้อยตื่นขึ้นมาท่ามกลางเสียงไวโอลินที่ร็อคเกอร์บางตัวหยิบขึ้นมาเล่น เสียงนั้นช่างไพเราะจริงๆ บางทีเธอยังไปห้องสมุดเพื่อทำรายงานเรื่อง“ไวโอลินของร็อคเกอร์”ไว้ส่งครูวิชาชีววิทยา ช่วงที่กำลังรื่นรมย์ไปกับเพลงก็ดันมีเสียงบุกป่าขัดจังหวะขึ้นมา เธอถอยหลังแล้วชักมีดคู่ใจหันเข้าหาเป้าหมายทันที โนวิทชายออกจากพุ่มไม้เล็กๆนั่น “อย่า.........อย่าเข้ามานะ...!”แค่มือที่จับมีดอยู่ก็สั่นแล้ว แล้วชายตรงหน้าล่ะ “ผมขอโทษที่เข้ามาดึกดื่นอย่างนี้นะผมนึกว่าคุณจะไม่ได้ยินเสียงของผมซะแล้วอีก”เด็กหนุ่มพูดรัวๆจนสาวน้อยเองก็ยังฟังไม่ทัน “นายพูดอะไร อุ๊ป มะ...มีอะไรก็บอกมา”สาวน้อยอดขำไม่ได้เมื่อเจอท่าทางลุกลี้ลุกลนของเขา แต่จู่ๆเขาก็มานั่งข้างๆแล้วยื่นมือมา “ผมมิราจนะ ยินดีที่ได้รู้จัก” “ฉันรีช่า”เธอยื่นมือไปจับมือเขาแล้วเขาก็ยัดของบางอย่างมาให้ในมือ มันเป็นสร้อย...สร้อยที่เธอเกลียดและพึ่งโยนมันทิ้งไป เธอมองมิราจแล้วพิจารณาตัวเขา แผลเล็กน้อยและรอยช้ำเป็นแห่งๆปรากฏทั่วกายของเขา “ผมเจอมันอยู่บนต้นไม้ สร้อยนี่ของคุณใช่ไหม”เธอมองลงบนสร้อยอีกครั้ง ล็อคเกอร์ที่สลักลวดลายประจำตระกุล“วาเรียน่า”มีรอยขีดข่วนเล็กน้อย คนส่วนใหญ่จะไม่รู้สัญลักษณ์ของตระกุลนี้หรอก เพราะบางครั้งจะมีของปลอมแทรกแซงมาด้วย “ผมว่าน่าจะใช่นะ ช่วยเก็บมันไว้ได้ไหม ผมว่ามันสวยจะตายนะ”เขาพูดขึ้นมาท่ามกลางการประสานเสียงของไวโอลิน น้ำตาของเธอไหลลงมาอย่างไม่รู้ตัว “ทำไม...ทำไมนายต้องเก็บมาให้ฉันด้วย...ฉันไม่เห็นอยากได้มันเลย”โนวิทชายอึ้งทันที เขาไม่ทำอะไรนอกจากลูบหัวเธอเบาๆจนเธอหลับไป
      ตะวันของวันใหม่โผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน รีช่าตื่นขึ้นมาเพราะเสียงนักดาบกับร็อคเกอร์กำลังสู้กันอย่างเมามัน เธออยากจะเอาบาทาประกบหน้านักดาบงี่เง่าที่กองอยู่บนพื้นเพราะตั๊กแตนถ้ายังไม่เห็นแก่ความเป็นกุลสตรีของเธอ ว่าแต่ทำไมถึงมีผ้ามาห่มเธอล่ะ แถมเป็นผ้าคลุมนักเวทด้วย เธอเหลือบไปเห็นมิราจที่กำลังร่ายมนต์ในชุดนักเวทโดยไม่มีผ้าคลุม ซึ่งเขาก็มองเห็นเธอแล้วก็ทักทายยามเช้า“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณรีช่า” “อรุณสวัสดิ์ค่ะ ไม่ต้องเรียกฉันว่าคุณก็ได้นะ ฉันไม่ว่าหรอกน่า”เธอพูดยาวจนลืมที่จะทักทาย มิราจพยักหน้าหลายๆทีแล้วก็หันไปร่ายมนต์ต่อ โปริ่งตัวน้อยแหลกเป็นชิ้นๆแล้วมันก็กลับมารวมเป็นโปริ่งใหม่อีกครั้ง แต่จู่ๆรอบๆตัวเธอก็มีแต่ความมืด ไม่มีอะไรในนั้นนอกจากแสงสว่างเล็กน้อยที่ค่อยๆใหญ่ขึ้นจนปกคลุมสายตาเธอ เธอตื่นขึ้นมาแล้วมองไปรอบๆ เธอรู้สึกเหมือนกับหัวเธอจะระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆ เมจชายผมดำนั่น...แล้วผู้หญิงคนนั้น...นั่นอดีตของเธอหรือ หัวเธอคิดอะไรไม่ออก มิราจรีบวิ่งมาดูเธอทันที “รีช่า!! รีช่า!! เป็นอะไรไป!!”รีช่าไม่ตอบแล้วเธอก็ร้องไห้จนหลับไปอีกครั้ง “เฮ่อ ท่าทางรีช่าคงจะเป็นแต่หลับล่ะน้า”รากิพูดขึ้นขณะที่วิ่งโครมครามก่อนจะถูกปาด้วยแจกันของเอรี่ “สงสัยรากิจะง่วงนะ เราพารากิไปนอนกันเถอะ”เอรี่พูดยิ้มๆแล้วลากรากิที่กองอยู่บนพื้นไปที่ห้องของตน

      ความทรงจำ
          นั่นมันใครกันแน่...ประโยคเดียวที่วนเวียนอยู่ในหัวของรีช่า ยิ่งคิดก็ยิ่งงง
      * เธอควรจะหยุดคิดเรื่องนี้ได้แล้วล่ะ * เสียงหนึ่งก้องขึ้นมาในหัว ฉันหูฝาดไปหรือ
      * ความจริงทั้งหมดจะปรากฏให้เธอเห็น * ไม่ ไม่ใช่ ฉันไม่ได้หูฝาด นั่น นั่นใครน่ะ ออกมานะ
      เธอพยายามที่จะลุกขึ้น ขณะที่เธอกำลังยกตัวขึ้นจากเตียง ก็รู้สึกเหมือนมีใครมาดึงคอเธอไว้ให้นอนต่อ
      * อย่าฝืนเลยทำใจให้สงบเข้าไว้แล้วเธอจะรู้สึกดีเอง * เสียงนั้นดังขึ้นอีกครั้ง แสงสีขาววาบขึ้นมาใหม่ แล้วทั้งห้องก็มืดลง มีแค่ตัวอักษรสีขาวที่เขียนไว้ที่ประตูว่า DREAM เธอจึงเปิดประตูออกไป แล้วห้องนั้นก็หายไปทันที ข้างนอกจะมีอะไรนะ เธอยังรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่พอเธอปิดประตูแล้วตัวเธอก็หล่นวูบลงไปสู่พื้นดินทันที ใช่แล้ว เธอยืนอยู่บนท้องฟ้านี่นา 3ฟุตก่อนที่จะถึงพื้น ตัวเธอก็หายไปกับสายลม แต่ยังรู้สึกได้ว่าเธอยังอยู่ตรงนั้น ประตูของโบสถ์ถูกเปิดออกมา “ว้า ข้าได้ไปถึงมอรอคแน่ะ พวกนายล่ะ”เสียงโนวิทน้อยเจื้อยแจ้วมาจากข้างในนั้น “หืม...ไหนๆๆ ไม่ยอมตอบเหรอ เอามาดูซิ ว้าย ป่าลิงหรอ แย่เลยนะ” “เปิดโอกาสให้ฉันพูดมั่งสิ แย่งจากมือไปเฉยๆเลยหรอ เดี๋ยวจะมีพัสดุบรรจุรองเท้าไปหาใครที่ชื่อเฟรี่น่านะ” “หวายๆ ท่านลูซี่โมโหแล้ว หนีกันเถอะทาน่า”เฟรี่น่าคงจะลากมือของทาน่าไปได้ไกลถ้าเข็มขัดของเธอไม่ถูกดึงไว้อยู่ “อย่าลากเด็กผู้หญิงตาดำๆเข้ามาด้วยซิจ๊ะ เดี๋ยวจะเจอลูกหลง”ปั้ก!“ลูกหลงแบบนี้เหรอ”โนวิทชายอีกคนถีบหลังของลูซี่กระเด็นไป21หลา แน่นอน สองสาวก็ต้องโดน“ลูกหลง”เข้าไปเต็มๆ “หนอย ทำแบบนี้หาเรื่องกันใช่มั้ยนายรูเต้ ว้าย ตายแล้ว ทาน่าเด็กดีอย่าร้องไห้นะ เดี๋ยวซิสเตอร์ได้ยินละแย่แน่”ลูซี่ลุกขึ้นมาปลอบทาน่าที่กำลังร้องไห้พร้อมชี้หน้าไปที่รูเต้ แอ๊ดดด ซิสเตอร์เปิดประตูใหญ่ของโบสถ์ออกมา “เสียงเออะอะไรน่ะ อ้าว เด็กๆ เป็นอะไรไป” “อะ เอ่อ คือ พวกเราเล่นโซ่หลุดกันอยู่ค่ะ”ข้อแก้ตัวฝืดๆของลูซี่แต่มันได้ผล ซิสเตอร์เดินเข้ามารักษาแผลฟกช้ำของพวกเขาแล้วกลับเข้าโบสถ์ไป “ตกลงทาน่ากับรูเต้ไปชำระบาปที่ไหนหรอ”เฟรีน่าถามขึ้นมาเพื่อไม่ให้ตีกันอีกครั้ง “ของชั้นได้ไปป่าลิง เดี๋ยวไปเลยดีมั้ยน้อ คงไม่มีตัวถ่วงหรอกมั้ง”รูเต้ตอบแล้วลุกขึ้นมาปัดฝุ่นที่ขากางเกงของเขา “ที่พูดน่ะ...หาเรื่องกันใช่มั้ย...?”ตอนนี้มีดของลูซี่กระชับอยู่ในมือแล้ว “เอ่อ คิดซะว่าฉันไม่เคยพูดก็แล้วกัน”รูเต้ตัวสั่นพั่บๆ คงจะดีกว่าถ้าเขามีชีวิตอยู่กับทาน่า “ดี แล้วทาน่าล่ะได้ไปไหน อืม ไปป่ากิฟเฟนหรอ ดีจัง” “แล้วพ่อรูเต้จริงๆแล้วอยากไปไหนหรือจ๊ะ ไปกับทาน่าใช่มั้ยล่ะ”เฟรีน่าหยอกเล่น “อะ มะ ไม่ ไม่ใช่นะ ทาน่า อย่าเข้าใจผิดนะ”รูเต้ส่ายหน้าหลายๆทีแล้ววิ่งหนีพรวดพราดไป ตึก! เสียงรูเต้จอมซุ่มซ่ามชนกับเมจชาย “อ้าว รูเต้นี่นา แล้วนั่นก็ลูซี่กับทาน่าใช่ไหม แล้วรีน่าได้ไปที่ไหนล่ะ” “อ้าว พี่มิราจนี่ หนูได้ไปที่มอรอคน่ะ”รีน่า(เฟรีน่านั่นแหละ)ตอบ “งั้นไปกันเลยก็แล้วกัน”มิราจจูงมือสาวน้อยไปถึงมอรอค หญิงสาวผมสั้นยืนอยู่กลางซากปรักหักพังของบ้านหลังเก่าๆ พอรีน่าเดินออกมา เขาก็กลับไปที่โบสถ์แห่งพรอนเทร่าอีกครั้ง “อ้าว ทุกคนยังไม่มาอีกหรอ งั้นเราเข้าไปเปลี่ยนก่อนก็แล้วกันนะ”มิราจพารีน่ามาส่งที่หน้าโบสถ์ “เข้าไปเองได้มั้ย เดี๋ยวพี่จะรอหน้าโบสถ์นะ” “ค่ะ หนูโตแล้วนะ หนูเข้าไปเองได้น่า”รีน่าไม่ค่อยอยากให้เขามาห่วงขนาดนั้น ถึงอายุจะห่างกันไม่กี่ปี แต่เธอก็ยังเปรียบให้มิราจเป็นพี่ชายของเธอ  เธอเดินเข้าไปในห้องทางขวาซึ่งบาทหลวงได้เฝ้าอยู่“เจ้าได้รับการชำระบาปแล้ว...ข้าจะพาเจ้าไปสู่ทางแห่งแสงสว่าง จงช่วยเหลือผู้คนและขจัดปีศาจทั้งหลายให้สิ้น เจ้าจะได้เปลี่ยนเป็นอโคไลท์แล้ว ขอให้พระเจ้าคุ้มครองเจ้า”สิ้นเสียงของบาทหลวงแล้วแสงสีขาวนวลก็สว่างไปทั่วห้องนั้น แต่มันสว่าง สว่างมากกว่าปกติที่ท่านเคยเปลี่ยนให้แต่ละคน ภาพเก่าๆตั้งแต่เธออยู่ในตระกูลวาเรียน่ามาจนถึงตอนที่เธอพบมิราจผุดขึ้นมาในหัวแล้วค่อยๆหายไป เธอปวดหัวจนต้องกรีดร้องออกมา ตอนนี้ ชื่อของเธอคือรีช่าไม่ใช่เฟรีน่าแล้ว * หมดเวลาแล้ว ความจริงปรากฏออกมาหมดแล้ว รู้แล้วสินะ * เสียงนั้นก้องขึ้นมาอีกครั้ง เธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง แน่นอน เธอได้รื้อฟื้นความทรงจำขึ้นมาหมดแล้ว ฉันคือ เฟรีน่า

      Wake Up Time
          ประตูไม้สีน้ำตาลถูกเปิดออก “อ้าว รีช่า ตื่นแล้วเหรอ เป็นยังไงบ้าง”มิราจวิ่งเข้ามาแต่ก็ไม่ลืมที่จะปิดประตู “ก็ ดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ”รีช่าตอบด้วยน้ำเสียงที่สดใสขึ้น “เหรอ แล้วเมื่อกี๊เป็นอะไรน่ะ”มิราจถาม “เอ๋ เมื่อกี๊ฉันเป็นอะไรเหรอ”รีช่ายังงงๆกับเหตุการณ์เมื่อกี๊ เธอไม่รู้ซะด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น เธอรับรู้เพียงสิ่งที่เธอเห็นในฝันนั้น “อ้าว ก็เมื่อกี๊ไง........................เอาเถอะๆ กินนี่ซะสิ”มิราจยื่นเรดโพชั่นมาให้ รีช่ารับมาแล้วดื่มมันอึกหนึ่งก่อน “ตื่นแล้วหรอรีช่า เอ้า รับนะ”คาเรียเปิดประตูมาแล้วโยนแอปเปิ้ลลูกหนึ่งมาให้ มิราจรับมันก่อนที่จะโดนหัวของรีช่า “ฟู่ เฉียดไป”มิราจพูดขึ้นแล้วยื่นให้รีช่าอีกครั้ง คาเรียเดินออกจากห้อง305 “นาย รู้เรื่องก่อนที่ฉันจะเป็นอโคไหม”รีช่าถาม “เอ๋ ผมไม่รู้ เรารู้จักกันตอนเธอเป็นอโคไม่ใช่เหรอ”มิราจตอบอย่างสงสัย “ไม่หรอก ฉันเห็นนาย ตอนฉันเป็นโนวิท”รีช่าแย้งขึ้นมา สงสัยแสงประหลาดนั่นจะทำให้เธอกับมิราจสูญเสียความทรงจำไปทั้งคู่ “เธอจำไม่ได้เหรอ...”เธอเอ่ยขึ้นมา ในใจของเธออยากจะให้เขาจำตอนที่เขาเก็บสร้อยนั้นมาให้ ถึงเธอจะไม่ต้องการ แต่เธอก็ดีใจที่มีคนมาเป็นเพื่อนกับเธอ รีช่าคิดไปถึงฝันตอนนั้น แล้วก็หยิบสร้อยขึ้นมาจากกระเป๋าของเธอ มิราจจ้องไปที่สร้อยนั่น สร้อย สร้อยสีทอง ฉันเคยเห็นที่ไหนมาหรือเปล่า “ใช่แล้ว เธอคือเฟรีน่า ใช่ไหม”มิราจพูดขึ้นแบบค่อนข้างตกใจ เพราะจู่ๆภาพมันก็ผุดขึ้นมาในหัว “ใช่สิ ฉันไม่ใช่รีช่า แต่ฉันคือเฟรีน่าไง นายจำได้แล้วใช่ไหม ดีจังเลยๆๆ”ทั้งคู่สวมกอดเข้ากันอย่างเผลอตัวด้วยความดีใจ ‘ทั้งคู่คงดูเหมือนพี่น้องถ้ารีช่าเด็กกว่านี้ ตอนนี้ทั้งคู่น่าจะดูเหมือน....คู่รัก??’ ละมั้ง นั่นคือความคิดของคาเรียที่มองทางช่องตาแมวเล็กๆ “ช่างเถอะ ไปที่บาร์ซื้อซูชิกินดีกว่า ท่าทางจะอร่อย”คาเรียถอนหายใจแล้วบ่นพึมพำ ทั้งคู่ผงะออกทันทีแล้วหลบหน้าด้วยความเขินอาย ‘ให้ตายเถอะ เราทำอะไรลงไปนะ โธ่ ความจำกลับมาก็เป็นอะไรไปไม่รู้แล้ว โธ่เอ๊ยๆๆๆๆๆ’รีช่าทุบหัวไปหลายๆที มิราจจึงเดินเข้ามาแตะไหล่ “เอ่อ... เมื่อกี๊ผมขอโทษนะ ผมคงหน้ามืดนิดหน่อย” “มะ ไม่เป็นไร ฉันคงจะลืมตัวไปเหมือนกัน ”ทั้งคู่พูดตะกุกตะกัก “งั้น ฉันไปเดินเล่นก่อนนะ”รีช่ารีบหาเรื่องออกจากห้องทันที มิราจยื่นเรดโพชั่นขวดเมื่อกี๊ให้ ดูเหมือนเขาพยายามจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับล้มลงไปกองที่พื้น ‘เอ๋ เดี๋ยวนะ สมัยก่อนที่เราไม่มีเพื่อนก็เพราะความสามารถนี้หรอ ที่ว่าแตะตัวใครนานๆแล้วจะสูบพลังมาน่ะ พอความจำกลับมาแล้วพลังดันกลับมาซะด้วยซี แย่แล้ว ทำไงดีล่ะ’เธอเริ่มสับสนขึ้นมา แต่ก็สะบัดความคิดนั้นออกจากหัวเธอให้หมดแล้วพามิราจไปนอนที่เตียง แสงสีขาวนวลปรากฏขึ้นที่ตัวมิราจหลายครั้ง ‘อืม......คงหายแล้วมั้ง นอนพักอีกแป๊บเดียวก็น่าจะหาย เราอยู่ตรงนี้จะรบกวนเขามั้ยน้อ ออกไปดีกว่า’รีช่าเปิดประตูออกไปนอกโรงแรม กลีบซากุระสีชมพูปลิวว่อนอยู่บนฟ้า ‘ไปที่ร้านอาหารดีกว่า คงมีอะไรไปฝากเขามั่ง’รีช่าเดินเข้าไปในบ้านโทรมๆแต่ก็ยังคงความแปลกใหม่เอาไว้ มีป้ายใหญ่ที่เขียนด้วยตัวหนังสือที่เธออ่านไม่ออก แต่จริงๆแล้วแค่เขียนว่า ร้านอาหารคาสึร่า ด้วยภาษาญี่ปุ่นแค่นั้นแหละ เฉพาะคนอามัตสึถึงอ่านออก (รู้ได้เพราะชาวบ้าน) เสียงประตูไม้เก่าๆถูกเลื่อนไปทางขวา “ยินดีต้อนรับสู่ร้านอาหารคาสึร่าแห่งอามัตสึ”เสียงค่อนข้างแหบของเจ้าของร้านที่ยืนอยู่ตรงเคาเตอร์ดังขึ้น ภายในร้านมีโต๊ะเตี้ยๆกับเบาะรองนั่งแบบนี้หลายๆแห่งในร้าน มีลูกค้าแค่สาวผมม้ากับหญิงผมยาวแค่นั้น “รีช่านี่นา หายแล้วเหรอ”คาเรียกับเอรี่ทักทาย “เอ๋ คุณเป็นใครเหรอคะ เมื่อกี๊ก็เห็น”รีช่าที่หลับไปสามชม.เต็มถามเธอ “โทษทีๆ ฉันคาเรียโจรเร่ร่อนของทะเลทราย”คาเรียแนะนำตัวแบบค่อนข้างเป็นทางการ “ฉันเอรี่”เอรี่แนะนำตัวสั้นๆ เธอคงไม่บอกว่าเธอเร่ร่อนเหมือนกับคาเรียหรอก “ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ ฉันวาเรียน่า ฟารีน่า”รีช่าโค้งตัวลงเล็กน้อย “อ้าว เธอชื่อรีช่าไม่ใช่เหรอ มิราจยังบอกอยู่เลย”คาเรียแย้งขึ้นมา “สูญเสียความทรงจำเล็กน้อยค่ะ” “เอาเถอะๆ มานั่งสิ เดี๋ยวฉลองเพื่อนใหม่เป็นไง รีช่า”เอรี่ตะโกนเพื่อยุติปัญหาของคาเรีย “เอ๋ เพื่อนเหรอคะ ฉันเป็น...เดี๋ยวก่อนค่ะๆ”รีช่าพูดขึ้นก่อนจะโดนจับชนแก้ว มื้อนี้ค่อนข้างจะดีสำหรับรีช่า ‘ฉันอยู่กับพวกเขาคงจะดีล่ะมั้ง’เธอคิด เมื่อกินเสร็จเธอก็เดินกลับไปกับเอรี่ แล้วคาเรียล่ะ??
      “เดี๋ยวก่อนสิตาแก่ พันห้าไม่แพงไปรึไง พันสองสิพันสอง”

      คืนหนึ่งก่อนนอน
          “อืม.............”มิราจนั่งงึมงำในห้องจนใกล้เวลาเที่ยงคืน เสียงนกฮูกงี่เง่ามันทำให้เขาทำอะไรไม่ถูก “เอ้ยยย เจ้านกบ้าเอ๊ย เงียบๆไม่ได้รึไง ข้ายังท่องคาถาไฟบอลไม่เสร็จเลย”เขาตะโกนโหวกเหวก จนรีช่าตื่นขึ้นมา “มิราจ....ยังไม่นอนอีกเหรอ...?”เธอถาม “ยังหรอก ฉันยังไม่ง่วงน่ะ ฉันยังท่องคาถาไม่เสร็จ”มิราจตอบ “ดึกแล้วนะ นอนก่อนเถอะ”รีช่าคะยั้นคะยอให้มิราจนอน “เธอนอนก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันนอนเองนะ”มิราจตอบให้เธอหายห่วง รีช่าพยักหน้าตอบเบาๆแล้วห่มผ้านอนก่อน สักพักเดียวเธอก็หลับอย่างง่ายดาย แสงเทียนในห้องค่อยๆมอดลง “เฮ่อ นอนดีกว่า”มิราจรีบเป่าให้เทียนดับเร็วๆ แล้วเดินไปนอนที่โซฟา
      เสียงกรนของคาเรียประสานเสียงกับเสียงละเมอเพ้อฝันของรากิทำให้เอรี่นอนไม่หลับเสียที เอรี่จึงเปิดตู้เก็บของเก่าๆเพื่อหาของกินบ้าง เธอพบซูชิในจานสีขาวลายซากุระกับน้ำแครอท เอรี่ส่ายหน้าแล้วเดินออกไปนอกห้อง “แปบเดียวตี 5 แล้วเหรอ”เอรี่พึมพำเบาๆ แล้วหันไปเจอชายหนุ่มนั่งเหม่อลอยอยู่ ดูจากชุดแล้วเขาไม่น่าจะใช่คนอามัตสึแน่ๆ เขาทักทายเธอเป็นภาษาญี่ปุ่น ซึ่งเธอฟังไม่รู้เรื่องเลย “อ้าว คุณคงจะเป็นคนจากมิดการ์ดสินะ อรุณสวัสดิ์”หนุ่มคนนั้นทัก “อรุณสวัสดิ์ค่ะ”เอรี่ทักทายเขาเช่นกัน “คุณเป็นคนจากมิดการ์ดเหรอคะ”เอรี่ซักถามข้อมูล “ใช่ครับ ผมมาอยู่ที่นี่ 7 ปีแล้ว”เขาตอบ “ผมเรียนภาษาของที่นี่มาเยอะแล้ว มีปัญหาอะไรถามผมได้นะ ผมอยู่ที่นี่นานแล้ว”เขาเสริมต่ออีก “แล้วคุณไม่นอนเหรอ” “ฉันไม่ง่วงน่ะค่ะ ได้ยินว่าที่นี่มีสุนัขจิ้งจอกอยู่จริงๆเหรอคะ”เอรี่ถามเขา “อ๋อ วิญญาณสุนัขจิ้งจอกน่ะเหรอครับ เขาสิงอยู่ในร่างของยายท่านโชกุนน่ะครับ ท่านบอกว่าถ้าใครรักษาได้จะมอบรางวัลให้น่ะครับ”เขาตอบอย่างคล่องแคล่ว ฟ้าเริ่มสางบ้างแล้ว เอรี่จึงแยกตัวกลับไปที่โรงแรม เมื่อรากิตื่นขึ้นแล้วก็ถูกเอรี่ด่ายับ เพราะอะไรน่ะรึ ไม่รู้สิ เธอไม่ยอมบอกนี่นา ด้านมิราจกับรีช่าต้องหาคัมภีร์ไบเบิลซะวุ่นวายเพราะเธอทำหล่นที่ใต้เตียง ตอนนี้คาเรียอยากจะเอามีดเฉาะกบาลมอนส์เตอร์เสียหน่อย เธอรู้สึกว่าฝีมือฝืดๆลงยังไงก็ไม่รู้ แต่เธอยังคงปารองเท้าใส่รากิอย่างแม่นยำเหมือนเดิม ระหว่างที่พวกเธอกำลังกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารคาสึร่า รีช่าก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แต่เธอก็ยังคงอยากให้เรียกว่า รีช่า เหมือนเดิม ชีวิตตอนนี้ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาก แต่เธอลืมเล่าเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟัง “นี่ๆ ฉันได้ยินว่าท่านโชกุนจะแจกรางวัลให้กับคนที่รักษายายของท่านได้ล่ะ”รีช่าเล่าจากที่เธอฟังเมื่อเช้าระหว่างมื้อเที่ยง “จริงเหรอ รางวัลเหรอ แพงมั้ยเนี่ย”คาเรียรีบพูด ขณะที่เอรี่ตาเป็นรูปเงินเซนี “เอ่อ...นี่...แล้วรักษายังไงล่ะ”รากิถาม “แล้วยายของท่านโชกุนเป็นอะไรเหรอครับ”มิราจถามต่อ ทุกคนเงียบเพื่อรอฟังคำตอบจากรีช่า “ยายเขาถูกวิญญาณของสุนัขจิ้งจอกสิงน่ะ ส่วนรักษายังไงฉันก็ไม่รู้”รีช่าตอบ “ห๊า----------------”ทุกคนร้องเสียงดังจนเถ้าแก่ร้านสะดุ้ง “เอาเถอะ ไม่มีอะไรยากขนาดที่พวกเราทำไม่ได้หรอก”เอรี่ลุกขึ้นจากเบาะ กำหมัดแน่นดวงตาเป็นประกาย จนทุกคนต้องกลัวความเผด็จการของเธอ แล้วพวกเขาก็ยอมเดินออกจากร้านตามเอรี่ไปทันที จนแม้กระทั่งเถ้าแก่ก็ยังไม่กล้าทวงตัง

      โชกุนกับจิ้งจอก
          ทุกคนเดินตามเอรี่ที่เดินหน้าแป้นแล้นไปตามทางเรื่อยๆ มิราจกระซิบกับรีช่าว่า “ถ้าไม่ทำตามจะเป็นอะไรหรือเปล่าละเนี่ย”เอรี่หันขวับกลับมาทันที ทุกคนเงียบอย่างกับถูกสาป แล้วเอรี่ก็หันกลับไป เสียงถอนหายใจเบาๆมาจากหลายคนข้างหลังเอรี่ จู่ๆเอรี่ก็หยุดกึก ทุกคนที่ตามมาชนกันล้มเป็นโดมิโน “จู่ๆหยุดทำไมน่ะ เอรี่”รากิถามขึ้นแต่มันคล้ายๆตะโกน “ฉันลืมไปแล้วว่าไปทางไหนน่ะ”เอรี่ตอบแบบอายๆ เสียงหัวเราะดังลั่นทั่วบริเวณจนสาวคนหนึ่งต้องตะโกนออกมาด่าว่า “โธ่ น่ารำคาญนะ จะไปที่ไหนก็ไปเถอะ ตะโกนโหวกเหวกอย่างนี้ เดี๋ยวจับมาซักผ้าซะเลย”เธอพูดอย่างรำคาญสุดๆ “อากาศดีๆอย่างนี้ ไม่น่าจะมีอะไรน่ารำคาญเกิดขึ้นเลย...”เธอยังบ่นอุบอิบต่อ “คนเขาจะหัวเราะกันไม่ได้เหรอ คุณผมสั้น”คาเรียด่ากลับ “อะไรกัน ฉันไม่ได้ชื่อผมสั้นนะ ฉันชื่อคาริเมะย่ะ”คาริเมะด่ากึ่งแนะนำตัวกลับ “หึ ชื่อเหมือนกับพี่ฉันเลยนะเนี่ย”คาเรียบ่นพึมพำ “ใครพี่เธอยะ เดี๋ยวฉันจะจับส่งให้ท่านโชกุนซะเลย”คาริเมะพูดต่ออีก “อย่างเธอรู้ด้วยเหรอว่าปราสาทของท่านโชกุนอยู่ที่ไหน”คาเรียดูถูก “รู้สิยะ ทางทิศเหนือใกล้ๆกับที่ตั้งแค้มป์เล็กๆไงล่ะยะ ถ้าจะดูถูกมากขนาดนั้นมาเป็นโมโมทาโร่ไหมล่ะ”เธอท้าขึ้นมา แน่นอนว่าคาเรียต้องตกลงอยู่แล้ว กองเชียร์ข้างๆจึงไม่ทำอะไรนอกจากเดินไปที่ปราสาท “แน่นะ งั้น ฉันจะให้เธอเป็นโมโมทาโร่---!! โดยการขจัดพวกปีศาจหรือโดเกบิทั้งหลายให้หมดในเวลาจำกัด------!!!!!!”คาริเมะอธิบายกฎ “และ ปากกล้ากับฉันเช่นนี้ ฉันจะลดเวลาจาก 6 นาที เหลือ 3 นาที” “พร้อมเสมอย่ะ เริ่มเลย”คาเรียตัดบท แล้วเธอก็ถูกส่งไปในป่าไผ่ที่ไหนซักแห่ง
      “นี่เหรอ ปราสาทของอามัตสึ”เอรี่อึ้งเล็กน้อย “สูง...จัง ฉันจะเดินขึ้นไปไหวมั้ยละเนี่ย”รีช่าพึมพำ “ไม่ไหวก็ต้องไหวละ”รากิตอบด้วยสีหน้าซีดนิดหน่อย ทั้งสี่เดินเข้าไปในปราสาทที่พื้นปูด้วยเสื่อ ห้องถูกแบ่งเป็นหลายๆห้อง แต่ก็มีแค่ยามอยู่ไม่กี่คน บันไดไม้สีน้ำตาลดูค่อนข้างใหม่ แต่จริงแล้วคงอยู่มาสิบกว่าปี ไม่มีใครพูดจนไปถึงชั้นสุดท้าย “เฮ่อ ถึงสักที”มิราจพูด แล้วพวกเขาก็พบโชกุนในห้องที่ใหญ่ที่สุดในชั้น “เจ้าเป็นใคร อืม.... เจ้าดูไม่เหมือนคนในเมืองเลยนี่ การแต่งกายอย่างนี้ เจ้าเป็นนักเดินทางจากมิดการ์ดใช่ไหม”ชายร่างสูงใหญ่ถาม “ใช่ค่ะ พวกเราเป็นนักเดินทางจากมิดการ์ด แล้วท่านก็เป็นท่านโชกุนใช่ไหม”เอรี่พูดขึ้นเลย ชายร่างใหญ่พยักหน้าเป็นคำตอบ “ตอนนี้ข้ากำลังเหนื่อยมากๆกับผู้คนที่ทะลักเข้ามาที่อามัตสึ......ไหนจะท่านยายของข้าอีก”โชกุนพูดอย่างเบื่อหน่ายแล้วส่ายหน้า “หมอหลายคนจากแผ่นดินใหญ่เพื่อมารักษา แต่ก็ยังไม่มีใครรักษาได้ แล้วพวกเจ้ามีธุระอะไรล่ะ” “พวกเรามาที่นี่เพื่อรักษายายของท่าน”รากิตอบ “เฮ่อ มีคนมาที่นี่เป็นพันๆคนแล้วนะ ข้าเบื่อกับคำพูดเช่นนี้เหลือเกิน เซ็นในสมุดนี้ซะ”โชกุนยื่นสมุดที่ประทับลายซากุระให้ ( เอเชียซอฟต์น่าจะเปลี่ยนประโยคบ้างนะ? )เอรี่พลิกจนไปถึงหน้าล่าสุด มีลำดับเขียนเอาไว้อยู่ข้างหน้า ตอนนี้พวกเธอเป็นหมอคนที่ 698 แล้ว พวกเขาจึงเดินออกจากปราสาทไปทัน

      สาวน้อยโมโมทาโร่
          ต้นไผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ มีเพียงชายคนหนึ่งยืนอยู่กลางต้นไผ่เท่านั้น คาเรียพยายามที่จะคุยกับเขา แต่เขาไม่ทำอะไรนอกจากถอดแว่นเล็กๆของเขาออกมามองหน้าเธอให้ชัดเจน แล้วใส่มันกลับเข้าไปใหม่ แล้วก็เปิดสมุดออกมาเขียนอะไรบางอย่าง หินสีฟ้าหรือบลูเจมสโตนในมือเขาค่อยๆหายไป คาเรียก็ถูกส่งไปในสถานที่อีกแห่ง มีตากับยายสองคนยืนรออยู่ “โอ...โมโมทาโร่........ได้โปรดช่วยพวกเราด้วย”ชายแก่เสียงแหบขอร้อง “พวกโดเกบิมันรุกรานหมู่บ้านพวกเรา ได้โปรด.......ช่วยพวกเราด้วย”หญิงแก่อีกคนพูด พอสิ้นเสียงทั้งสองคนก็หายไปพร้อมกับเสียงที่ดังกึกก้อง “นี่ฉันเองนะเจ้าโมโมทาโร่ตัวน้อย~~~~~~ ฮิๆ เจ้ามีเวลาเพียงสามนาทีเท่านั้น จัดการพวกมันให้หมดซะ” โดเกบิหลายตัวโผล่ออกมาจากป่าไผ่ คาเรียไม่รอ รีบพุ่งเข้าไปหาโดเกบิตัวแรกทันที แต่เจ้าโดเกบิก็ไม่ยอมให้หัวของมันหลุดไปง่ายๆ มันคว้าตะบองของมันฟาดใส่คาเรียทันที วืด!!! “ไม่มีตารึไงเจ้าโดเกบิงี่เง่า”เธอล้อ ต่อให้โดเกบิจะไม่ใช่คนแต่มันก็รับรู้ภาษาคนได้ มันโมโหขึ้นหลายเท่า มันจึงคว้าสกิลเด็ดขึ้นมา แสงสีขาวเกิดขึ้นรอบตัวโดเกบิ ตัวของมันไวขึ้นมากๆ คาเรียพอจะเดาออกว่ามันใช้Adrenaline Rushกระมั้ง แต่มีดเธอก็ปัดหัวของมันหล่นไปที่พื้นง่ายๆ ตัวที่สองกับสามก็สภาพเหมือนกัน “เหลือเวลาอีก 1 นาทีเท่านั้น สู้ต่อไปนะจ๊า~”คาริเมะทำเสียงหวาน คาเรียไม่ค่อยสบอารมณ์เท่าไหร่ แต่ก็ยังตั้งหน้าสู้ต่อไป หัวของโดเกบิตัวที่ 5 กองอยู่บนพื้น เหลือตัวสุดท้ายแล้วที่เธอต้องจัดการ “เหลือเวลา 35 วินาที”คาเรียรีบฆ่าตัวสุดท้ายทันที แต่มันไม่ตายง่ายๆ มันคว้ากระบองขึ้นมา คาเรียจึงรีบถอยหลังออกมาทันที แต่ไม่ทันที่เธอจะได้ระวังตัว กระบองเฉี่ยวแขนเสื้อเธอขาดไป “เอ้า เวลาเหลือนิดเดียวแล้ว เด็กๆ ช่วยกันนับถอยหลังหน่อย 10...9...8...” ‘เอ๋ เด็กๆเหรอ’คาเรียสงสัย แต่ก็สะบัดความคิดทิ้งไปแล้วหันไปดูโดเกบิ มันไม่อยู่ที่เดิมแล้ว เธอรีบหันซ้ายขวาทันที แล้วเจอมันวิ่งผ่านเธอไปเก็บกระบอง แต่เธอไม่ยอมง่ายๆแล้ว หัวของมันหลุดไปกองบนพื้น “เอ้า เหลือ 2 วินาที ไหน เด็กๆ ช่วยบอกให้ชื่นใจทีซิ คราวนี้ใครชนะเอ่ย”คาริเมะถาม “โมโมทาโร่~~”เสียงดังลั่นไปทั่วพื้นที่ “แต่พี่ชายคนก่อนเก่งกว่านะ เค้าแปบเดียวก็เสร็จแล้ว”เสียงหนึ่งปรากฏจากข้างบน แล้วตามด้วยเสียงกระทืบตึงตัง “เงียบๆก่อนเด็กๆ วันนี้หมดเวลาของโมโมทาโร่แล้ว พรุ่งนี้เจอกันใหม่นะ”คาริเมะพูด แล้วเด็กๆก็ทยอยกลับจนไม่เหลือสักคน คาเรียนึกสงสัย จึงปาก้อนหินขึ้นไปบนเพดาน แล้วเพดานก็ถล่มลงมาเป็นรูอยู่ตรงนั้น เธอจึงปีนขึ้นมา “เอ้า โมโมทาโร่ ขึ้นมาได้แล้วนะ ว้ายยย ขึ้นมาเองเลยเหรอยะ ดูสิ พื้นเป็นรูเลย”คาริเมะทำหน้าอย่างกับโดนผีหลอก “นี่ เธอ บอกมาเดี๋ยวนี้ นี่มันอะไรกัน เด็กๆพวกนั้นน่ะ”คาเรียฉุนกึก ตอนนี้เธอยัวะสุดๆ “น่า ใจเย็นๆก่อนซี่ คือ ที่ฉันให้พวกเธอมาเป็นโมโมทาโร่น่ะ เพราะช่วงนี้ฉันทำรายการ‘โมโมทาโร่ฮีโร่พิทักษ์หมู่บ้าน’ไง”คาริเมะอธิบายแล้วยิ้มๆ “หา งั้นก็ขาดทุนแย่สิ แล้วค่าตัวฉันล่ะ”ด้วยประสาของคนงกเธอจึงไม่ยอมทำอะไรให้ฟรีๆแน่ “โธ่ เจ้าคนใจร้อน รับไปสิ”คาริเมะยื่นกล่องเล็กๆมาให้ “กลับก่อนก็แล้วกัน อยู่กับเธอมากๆเดี๋ยวฉันจะบ้าเอา”คาเรียพูดแล้ววิ่งไปทางปราสาทอย่างรีบร้อน ยายแก่เดินออกมาจากหลังต้นไม้แล้วถามว่า “จะดีหรือหนู ได้เจอกับน้องตัวเองแท้ๆทั้งที โอกาสอย่างนี้หายากนะ” “ไม่หรอกจ้ะยาย ฉันอยากดูซะหน่อย ว่าหนทางของน้องจะเจอกับอะไร....”คาริเมะพูดเสียงอ่อยลงขณะมองดูน้องแท้ๆของตัวเองเดินจากไป ยายแก่พยักหน้าแล้วเดินหนีหายไปในดงซากุระอีกครั้ง “ฮ้า อากาศดีอย่างนี้ น่าซักผ้าจริงๆ”เธอพูดอย่างยิ้มแย้มขณะโบกพัดไปมา

      คุณยายจิ้งจอก
          กลุ่มของรากิเดินไปตามเส้นทางที่โชกุนบอกไว้ บ้านหลังเล็กๆที่ตั้งอยู่หน้าปราสาทกับยามเฝ้าสองคนพอจะทำให้พวกเขารู้ได้ว่าคุณยายอยู่ในบ้านหลังไหน “พวกเจ้าเป็นใครกัน ถ้าไม่มีธุระอะไรก็จงไปที่อื่นเสีย”ยามทางซ้ายของประตูบ้านพูด เอรี่ไม่ตอบแต่ยื่นบัตรใบเล็กๆที่โชกุนให้ไว้ “เฮ่อ....พวกเจ้าเข้าไปได้ มีแพทย์นับพันคนมาที่นี่แต่ก็ยังไม่สำเร็จ……..”ยามทางขวาบ่นพึมพำ ภายในบ้านขนาดเล็กมียายแก่คนหนึ่งยื่นอยู่ที่มุมห้อง เอรี่พยายามคุยกับเธอ แต่เสียงของเธอนั้นดูแปลกไป “เจ้า...! เป็นใคร มนุษย์!! หงิงๆ อย่ามาถูกตัวข้านะ!!”ยายแก่คนนั้นพูดแต่ไม่ได้หันมามอง พวกของรากิดูจะอึ้งไปตามๆกัน “ข้าจะอยู่ที่นี่จนกว่าตระกูลอิชิดะจะหายไป หงิงๆ”หนุ่มสาวทั้งหมดในบ้านถูกส่งออกมาที่หลังบ้าน “รากิ แล้วทีนี้จะทำไงดีล่ะ นายต้องรับผิดชอบนะ”เอรี่พูดสีหน้าขึงขัง “ก็เธอเป็นคนรับมาเองนี่นา”รากิตอบ กลุ่มควันโขมงวิ่งมาจากทางปราสาท “หลีกหน่อยยย ไม่หลีกฉันชนแหลก-----------” โครม!!!!! ชนกระจายทั้งกลุ่ม แต่ยังดีที่เอรี่ รีช่า กับมิราจไม่เป็นไร เพราะรากิรับไปเต็มๆ “ฉันบอกแล้วไงว่าให้หลบ”คาเรียพูดอย่างหัวเสีย ส่วนรากิน็อคบนพื้นแล้ว “ตายรึเปล่าละนั่น ช่วยหน่อยสิรีช่า”เธอพูดอีกครั้ง แสงสีเขียวค่อยๆสว่างขึ้นมาจากรีช่า มันสว่างพอที่จะทำให้รากิตื่นขึ้นมา แผลถลอกค่อยๆหายไป “นี่ พวกเรา เมื่อกี๊ฉันไปเจอกับเด็กคนนึงด้วย”เธอบอกกับทุกคน “เขาบอกว่า ให้ไปทางป่าแล้วไปที่บ้านตรงบึงน่ะ”สีหน้าทุกคนดูดีขึ้นทันทีที่ได้ยิน “ไปกันเล้ยยยยยยยยยยย”รากิตะโกนเสียงดังลั่นหลังจากลืมตา จนยามเฝ้าบ้านสะดุ้งโหยง “อะไรๆ ศัตรูจะลอบปลงพระชนม์รึ!!??”ยามคนหนึ่งวิ่งมาที่ต้นเสียง แต่เขาก็พบกับคนกลุ่มเดิม แล้วก็ส่ายหน้า โป๊ก!! เสียงสองสาวโขกหัวรากิอย่างจัง “รีช่า ไม่ต้องรักษามันนะ”คาเรียพูดอย่างหงุดหงิด ตอนนี้คงไม่มีใครกล้าแหยมสองสาวแล้วละมั้ง ภายในป่าไม่ค่อยมีตัวอะไรมากนอกจากร่มขาเดียว แต่มันก็ถอยห่างเพื่อชีวิตตนเอง “นี่รึปล่าวบึงที่ว่าน่ะ”เอรี่ชี้ไปทางบึงขนาดใหญ่ “อืม......คงใช่ล่ะน้า”คาเรียตอบอย่างไม่แน่ใจ “ทุกคน ระวังหน่อยนะ ถึงน้ำจะลึกแต่ก็คงเดินถึงนะ”เธอสั่งการ น้ำที่พวกเธอเดินไปค่อยๆลึกขึ้น จากข้อเท้าถึงหัวเข่า แต่หัวเข่าของรากิมันคงจะเท่ากับเอวของรีช่าซะแล้ว “อ๊า---------- เสื้อฉันๆๆๆๆๆๆๆ”รีช่าร้องโวยวาย ตอนนี้เสื้อของรีช่าเปียกไปครึ่งตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงปลายทางอยู่ดี “นี่คาเรีย เรามาถูกทางรึเปล่านะ”เอรี่ถาม “ฉันก็ไม่รู้ เด็กเขาเขียนมาให้อย่างนี้นี่”คาเรียตอบ “แล้วเธอฟังรู้เรื่องเหรอ”รากิร่วมแจม “ไม่หรอก มีผู้ชายคนนึงเค้า โอ๊ย รีช่าเธอเดินไหวรึเปล่าเนี่ย”คาเรียขัดใจเล็กน้อยเมื่อโดนขัด “ก็น้ำมันจะท่วมอกฉันแล้วนะ”รีช่าตอบ “ช่วยไม่ได้ มิราจอุ้มเลยสิ”เธอบ่น “หา-------------- อะ เอ่อ.....”ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน แล้วหันหน้าหนี ‘ให้ตายเธอ แล้วถ้าฉันไปดูดพลังเขาอีกล่ะ ตายแน่เลยเรา’รีช่าคิด แล้วทั้งกลุ่มก็เงียบลงไป “เฮ้ มันเกิดอะไรขึ้นล่ะเนี่ย”รากิพูด “ไม่รู้สิ เด็กคนนั้นบอกว่า ถ้าเดินมาถึงจะมีเนินสูงนิดหน่อยน่ะ”คาเรียตอบแบบสีหน้าไม่สู้ดีนัก “ฉันว่านี่มันไม่หน่อยแล้วนา”เอรี่พูดเหมือนกัน “เอาแล้วสิ หนทางของเงินมันยากจริงๆ แล้วรีช่าจะไหวไหมละนี่” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ......ข้าคงเหนื่อยนิดหน่อย ไปกันต่อเถอะค่ะ”รีช่าบอก “ทางแค่นี้คงเดินได้แค่ทีละคนละมั้ง ฉันไปก่อนละกัน”คาเรียวิ่งขึ้นไปบนเนินทันที “อะ เดี๋ยวก่อนค่ะ อ่าว”รีช่าห้ามไว้แต่ไม่ทัน พรืด! โครม!! ซ่า!!! คาเรียล้มลงมาอย่างไม่เป็นท่า “เจอน้ำซัดลงมาละสิ คงต้องเร็วกว่านั้น” Increase AGI!! แสงสีขาวคลุมรอบตัวทุกคน “ลอง........ดูอีกครั้งสิคะ”รีช่าพักหายใจเล็กน้อย “ขอบใจนะ แต่เธอไม่เป็นไรเหรอ”รากิถาม แต่เธอส่ายหน้าเป็นคำตอบ ทุกคนจึงไม่ได้สงสัย ยกเว้นมิราจที่รู้จักกันมานาน คาเรียวิ่งขึ้นไปบนเนินอีกครั้ง ดูเหมือนว่ามันจะได้ผล ทุกคนจึงรีบวิ่งตามๆกันทันที ยกเว้นรีช่าที่หอบอยู่ข้างล่างกับมิราจ “รีช่ากับมิราจรออยู่ตรงนั้นก็แล้วกันนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอง”คาเรียตะโกนลงมา แล้วเดินกลับไปสมทบอีกสองคนทันที “เอ่อ...ตามที่เขียนมา รู้สึกเด็กคนนั้นจะบอกว่า....”คาเรียงึมงำ “ว่า......” “ตรงนี้น้ำจะลดหลังเวลาบ่าย แล้วก็จะมี.....เอ..........อ่านยากจริงแฮะ”เธอบ่นต่อ “ว่า...จะมีมอนสเตอร์อยู่เป็นสามเหลี่ยม...หรือสี่เหลี่ยมละเนี่ย โอย ตานั่นมันติดลายมืออามัตสึแล้วรึไง” “นั่นรึเปล่าที่เขาพูดถึงน่ะ”เอรี่ชี้ไปที่ไฮดร้ากระจุกอยู่เป็นกลุ่ม ทุกคนหน้าซีดลงไปทันตาเห็น
      ทางด้านรีช่ากับมิราจที่อยู่อีกฟากของเนิน กำลังคิดวิธีที่จะข้ามไปฟากโน้น “นายอาจจะข้ามได้นะ...แต่ฉันล่ะ”รีช่าพูด “อืม........ผมก็ว่างั้น”มิราจยืนครุ่นคิด “อะฮ้า...ฉันคิดออกแล้ว”มิราจพูดอย่างค่อนข้างดีใจ
      “อ๊า---------------- ออกไปนะเจ้าบ้านี่” “หยุดก่อนซี่ สองสหายบ้าพลัง เล่นวิ่งเข้าไปงั้นก็ตายกันพอดี”รากิตะโกน “ก็ให้ทำไงล่ะ ไม่งั้นจะเข้าบ้านหลังนั้นได้ไง”เอรี่ตะโกนกลับ “กลับมาก่อนเถอะน่า”รากิวิ่งเข้าไปดึงสองสาวเข้ามา แต่มันดูคล้ายๆเหวี่ยงมากกว่า “แย้กกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก”รากิร้องหน้าซีด เพราะโดนเหวี่ยงไปทางฝูงไฮดร้า “เฮ้ย พวกเธอ ช่วยฉันด้วยยยยย” “ชิ จะไปเดี๋ยวนี้ละ”รากิถูกลากเข้าไปทางฝูงชนไฮดร้าด้วยหนวดเหนียวๆหลายๆเส้นมาพันกัน “มันโจมตีระยะไกลนะ จะเข้าไปจริงๆเหรอ”เอรี่เตือน “ก็ต้องไปนี่ ไม่งั้นจะให้ทำ...!” Thunder Strom!!เสียงมิราจดังขึ้นมาจากเนิน เหล่าไฮดร้าตายไป3/4ของฝูง ส่วนที่เหลือก็อยู่กระจัดกระจายไป “บุกเข้าไปเล้ยยย”คาเรียตะโกน ไฮดร้าที่เหลือค่อยๆตายทีละตัวๆจนหมด “หมดแล้ว แต่รากิไปไหนแล้วล่ะ”เอรี่ถาม “โน่นไง”รากิกำลังฟาดฟันกับกัปปะสองตัว เรี่ยวแรงที่มีอยู่ค่อยๆหายไป...
      ((( เมื่อใดที่มีการต่อสู้กัน เจ้ารู้ใช่มั้ยว่าเป็นอย่างไร )))
      “ค...ใครกัน”รากิเพ้อ
      ((( ไม่จำเป็นต้องรู้ว่าข้าเป็นใคร เจ้าจะได้รู้เมื่อถึงเวลา )))
      “บอกมา...ซะทีสิ”
      ((( ยังไม่ต้องรู้หรอก ตั้งหน้าสู้ไปเสียเถอะ จะมีคนมาช่วยเอง )))
      “คนมาช่วย...รึ”Heal!!แสงสีเขียวสว่างขึ้นรอบๆรากิ เป็นสิ่งที่เตือนสติของรากิขึ้นมาได้ “พวกเธอรีบเข้าไปในบ้านเถอะ เดี๋ยวฉันจะอยู่ที่นี่เอง”รากิออกคำสั่ง เอรี่กำลังจะพูด แต่ก็โดนคาเรียลากไปซะก่อน
      “แล้วคนที่มาช่วยเป็นใครกันล่ะเนี่ย”
      ((( อยากรู้งั้นหรือ เดี๋ยวก็มาแล้วล่ะ )))
      “เหรอ...ค่อยวางใจหน่อย”
      ภายในบ้านสีขาวกระทัดรัด ชายสาวคู่หนึ่งยืนอยู่ข้างๆประตู “หืม? พวกนายเป็นใครกัน เข้ามาในนี้ก่อนเถอะ ข้างนอกมันอันตราย”ชายสวมหน้ากากหมาจิ้งจอกเชิญ “ข้าได้ยินจากคนในหมู่บ้านว่า ท่านมีวิธีรักษายายของโชกุนจริงหรือ”คาเรียถาม “จริง เพียงแต่ข้าไม่สามารถออกไปจากที่นี่ได้เท่านั้น”ชายคนนั้นตอบ “แล้ววิธีนั้นคืออะไร”
      “โฮ้ย~ ม่ายยาก เอาอุ้งเท้าหมีไปไล่ก็จบแล้ว”ชายคนนั้นถอดหน้ากากแล้วโยนไปมา “ไม่มีธุระอะไรแล้วใช่มั้ย.........รีบออกไปเสียดีกว่า เพื่อนของเจ้า.......”หญิงสาวอีกคนพูด
      รากิ!!!!
      “เดี๋ยวฉันออกไปกับเอรี่นะ พวกนายรออยู่ตรงนี้ก็แล้วกัน”คาเรียพูด “แล้ว....คุณรู้ได้ยังไง”รีช่าถาม “ก็ตอนพวกเธอเข้ามาฉันเห็นทางประตูนะสิ”สาวคนนั้นตอบ ทำเอาทุกคนในบ้านที่นึกว่าจะมีพลังอะไรซักอย่างกร่อยไปตามๆกัน “โอ้ยยยยยยย แล้วเมื่อไหร่คนที่ว่ามันจะมาเล่า--------”รากิตะโกนโหวกเหวก พร้อมด้วยความเหนื่อยล้าที่โถมเข้าใส่ ปึก! ตูม!!! ........โถมเข้าใส่..... เท้าสองคู่ประกบหน้ากัปปะสีเขียวและมันมีลูกหลงตามมาหารากิด้วย “อ่า...อุ้ยตาย”ทั้งคู่อุทานพร้อมกัน “โอเค ไปรักษาเค้าเลยก็แล้วกัน หึหึ”คาเรียหัวเราะขำๆ แล้วมุ่งหน้าไปรักษาเป้าหมายทันที “หงิงๆ อร่อยจัง หงิงๆ อ๊ะ เกิดอะไรขึ้น เอ๋งๆๆๆ หงิงงงง”วิญญาณของหมาน้อยหลุดออกจากร่างยายแก่ แล้วสลบไปทันที พวกเธอไม่รออะไรอีกต่อไป มุ่งตรงไปที่ปราสาทอย่างเดียว “ข้า....จะตอบแทนท่านเช่นไรดี อ่ะ ใช่ ข้าขอมอบสิ่งนี้ให้พวกท่าน ขอบคุณพวกท่านมากจริงๆ”โชกุนยื่นบัตรมาให้ ทุกคนร้องด้วยความดีใจ แต่รู้ไหมเธอใช้กันหรือปล่าว

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×