คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ปฐมบท
[ ตึง ตึง ตะ ละ ลึง ตึง ตึ้ง ]
“ฮัลโหลค่ะ นามิค่ะ”
“นามิ นี่พี่ยูนะ”
“พี่ยู คิดถึงจังเลยเป็นไงบ้างค่ะ แล้วนี่เบอร์ใครค่ะ”
“อ่อเบอร์เพื่อนน่ะ วันนี้เปิดเทอมวันแรกสินะ เริ่มเรียนรึยัง”
“เริ่มแล้ว กำลังไปเรียนเลยเนี่ย”
“ดีจัง แล้วนามิไปเรียนกับใครล่ะ”
“เอ่อ คือ มากับ โชจิ น่ะค่ะ”
“อะไร นะ ไปกับ โชจิหรอ..................................นามิ พี่แฟนนามินะ ไหนนามิบอกว่าไม่มีอะไรไง ไหนว่าไม่ได้คิดอะไรกับมันไง”
“พี่ยู แล้วเพื่อนกันจะไปเรียนด้วยกันไม่ได้หรอค่ะ”
“ได้ แต่มันต้องไม่ใช่กับโชจิ นามิก็รู้ว่าพี่ไม่ชอบมัน มันจะแย่งนามิไปจากพี่ แล้วตอนนี้มันยังอยู่ใกล้กับนามิมากกว่าด้วย จะให้พี่ไว้ใจมันได้ยังไง”
“พี่ยู นามิคิดว่าเราคุยกันเรื่องนี้รู้เรื่องแล้วซะอีก นามิคิดกับโชจิแค่เพื่อน แล้วตอนนี่โชจิเองก็ไม่ได้คิดกับนามิแบบนั้นแล้วด้วย นี่เป็นวันเปิดเรียนวันแรกของนามิ พี่ยูอย่ามาทำให้มันเสียเรื่องจะได้ไหมค่ะ”
“นามิ!!!!!!!!!” เกิดความเงียบขึ้นพักใหญ่ “งั้นแค่นี้นะ”
“พี่ยู!!!!!!!!!!!!!!!!!”
[ตู๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ] การสนทนาจบลง ด้วยความรู้สึกผิดของสองชายหญิงที่เดินอยู่ด้วยกัน
แล้วชายหนุ่มผู้ที่ถูกอ้างถึงในโทรศัพท์ก็หันมาทางหญิงสาวแล้วถามด้วยความห่วงใย
“นามิ เธอหนักใจรึเปล่า ฉันขอโทษนะ”
“เปล่าหรอก เธอเป็นเพื่อนฉันนะโชจิ แล้วอีกอย่างฉันกับพี่ยูเราคบกันมาสองปีแล้วนะ รอให้พี่เขาใจเย็นกว่านี้แล้วเดียวเขาก็โทรมาใหม่เองแหละ”
“นามิ เธอควรโทรไปอธิบายให้พี่ยู เข้าใจตั้งแต่ตอนนี้เลยไม่ดีกว่าหรอ ลำพังฉันไม่ได้เป็นห่วงพี่ยูอะไรของเธอนั้นหรอก แต้ฉันเป็นห่วงเธอนะ”
“โชจิ ที่เราบอกว่าเราอยู่กับโชจิ เพราะเราต้องการให้ความสัมพันธ์ของเรากับพี่ยูดีขึ้น แค่เราอยู่ไกลกันมันก็ทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปมากแล้วนะ เราไม่อยากปิดบังเขา เราพยายามแสดงความจริงใจให้พี่เขาเห็น เราพูดความจริง แล้วเราผิดหรอ ผิดที่พี่เขานั้นแหละ พี่ยูไม่เคยยอมฟังในสิ่งที่เราพูดเลยซักครั้ง”
“นามิ ถ้าคนเรียนกับนามิวันนี้ไม่ใช่เราแต่เป็น ซาโกะ ละก็ พี่ยูของเธอน่ะเขาจะไม่โกรธนามิเลยซักนิด ฉันไม่อยากเห็นนามิเสียใจนะ เพราะว่าฉันน่ะ..”
“โชจิ ถ้ายังอยากจะเป็นเพื่อนกันอยู่ขอร้องอย่าพูดถึงมันอีก เรื่องระหว่างเรากับพี่ยู เราจะจัดการเอง”
แล้วทั้งสองก็เดินต่อไปโดยไม่มีการสนทนาระหว่างกันอีกเลย
[หนึ่งอาทิตย์หลังจากนั้น]
“ยัยนามิ มาดูนี่เร็ว” หญิงสาวคนหนี่งกำลังวุ่นวายอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์
“อะไรของเธอ ซาโกะ เอะอะโวยวายเสียงดัง นี่มันห้องอ่านหนังสือนะ”
“นามิ เธอก็ลองมาดูอะไรนี่ก่อนสิแล้วเธอจะรู้ว่าทำไมฉันต้องโวยวาย” หญิงสาวหันหน้าจอคอมพิวเตอร์ให้เพื่อนสาวดู
“อะไรของเธอกันน้า” แต่เมื่อเธอดูในสิ่งที่เพื่อนเธอเปิดให้ดูนั้น เธอถึงกับนั่งนิ่งเหมือนโดนมนต์สะกด ความคิดของเธอล่องลอย ไร้สติ
“นามิ นามิ นามิ” เพื่อนสาวผู้เป็นเจ้าของโน้ตบุคถึงต้องมาเขย่าตัวเพื่อนให้ได้สติ
“ซาโกะTTTTTTTTTTTTTTTTT” ผู้ที่ถูกเขย่าตัวเริ่มร้องไห้ฟูมฟาย จนผู้เป็นเพื่อนรับไม่ทัน ผู้เป็นเพื่อนได้กดโทรศัพท์หาใครบางคน
“นามิ ใจเย็น ๆ มันยังไม่มีอะไรแน่นนอน เธอลองโทรไปถามพี่ยูดูก่อนดีกว่าไหม” กำลังเสริมอีกคนเข้ามาช่วยปลอบหลังจากได้รับโทรศัพท์ว่าเพื่อนตัวเองเริ่มร้องไห้อย่างไร้สติ
“ฉันเห็นด้วยกับ ยัตซัง นะ เธอลองโทรไปหาพี่ยูดูก่อนดีกว่า”
“นี่มันรูปภาพนะ รูปภาพหนึ่งรูปแสดงอะไรได้หลายอย่างมากมายนะ แล้วบวกกับหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ เขาไม่เคยโทรหาฉันเลยซักครั้งพวกเธอคิดว่ารูปพวกนี้มันเป็นของปลอมหรอ” เธอชี้ให้เพื่อน ๆ ดูรูปของชายหนุ่มคนหนึ่งหน้าตาหล่อเหลา โดยมีหญิงสาวหน้าตาสวยสะพรั่งนั่งอยู่บนตัก บนรูปภาพนั้นมีตัวหนังสือว่า ‘ที่รัก’ ปรากฏอยู่
“นามิ แต่ถ้าเธอไม่โทรไปถามให้มันแน่น ๆ เธอก็จะไม่มีทางรู้อะไรเลยนะ” เกิดความเงียบขึ้นระหว่างคนทั้งสาม แต่แล้วเสียงวิ่งโครมครามของชายร่างสูง ดูดีในมาดเซอร์ ก็ทำลายความเงียบนั้น เขามาพร้อมเสียงโวยวาย
“นามิ มันไปมีแฟนใหม่จริงหรอ เธอคุยกับมันแล้วใช่ไหม มันไปมีจริง ๆ ใช่ไหม นามิ ฉันจะนั่งเครื่องไปหามันตอนนี้เลยก็ได้นะถ้าเธอต้องการ”
“โชจิ ใจเย็น ๆ ” กลายเป็นว่าหญิงสาวผู้ที่น้ำตายังไม่ทันแห้งไปจากแก้มต้องพูดเพื่อปลอบโยนอีกฝ่ายแทน
“โชจินี่พวกเราให้เธอมาช่วยปลอบนะไม่ได้ให้มาเพื่อซ้ำเติม แต่ตอนนี้พวกเรายังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าในเมื่อยัยนามิไม่ยอมที่จะโทรถามพี่ยูเลยด้วยซ้ำ” สีหน้าของชายหนึ่งเดียวในการสนทนาในครั้งนี้ก็เปลี่ยนไป
“นามิ เธอยังไม่ได้โทรถามพี่ยูจริง ๆ หรอ แล้วทำไมไม่โทร จะมาร้องไห้อยู่คนเดียวแบบนี้ทำไม รู้ไหมคนอื่นเขาเป็นห่วงนะ”
“โชจิ แต่ฉันไม่กล้า”
“ทำไมถึงไม่กล้า เธอมีฉันอยู่ตรงนี้ ไม่ว่าเธอจะโดนอะไรมาฉันก็ยืนอยู่ตรงนี้ไหนจะซาโกะกับยัตซังอีก แล้วจะเธอกลัวอะไร หรือเธอไม่ไว้ใจฉัน ไม่ไว้ใจซาโกะกับยัตซัง แล้วหรอ”
“โอเค ฉันจะโทร”
[ตู๊ด ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ]
“ฮัลโหล”
“พี่ยู พี่ทำอะไรอยู่ค่ะ”
“....................................."
“พี่ยูได้ยินที่นามิพูดไหม” น้ำตาของหญิงสาวเริ่มซึมขึ้นอีกครั้ง
“อืม”
หญิงสาวทรุดตัวลง นั่งอึ้งในคำพูดที่ได้ยิน แต่น้ำตาเริ่มหายไป หญิงสาวเอามือปาดน้ำตาหยดสุดท้ายออก เพื่อนทั้งสามตกใจแต่ไม่มีใครกล้าถามว่าเกิดอะไร ได้แต่นั่งสัมผัสตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้เพื่อนได้รู้ว่ากำลังปลอบโยน
“โชจิ” หญิงสาวเริ่มพูดอีกครั้ง “พี่ยู เขาบอกเลิกนามิแล้วหล่ะ” หญิงสาวสองคนที่กำลังปลอบโยนเมื่อได้ยินดังนั้นกลับเป็นฝ่ายเริ่มทรุดลงไปเอง ส่วนฝ่ายชายหนุ่มเริ่มโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
ความคิดเห็น