ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : --**โชฮันชอง**--
                        ฉันไม่คิดที่จะกลับตอนบ่ายสองหรอกนะ ฉันว่าฉันไปเข้าร้านเกมหาเกมสนุก ๆ เล่นดีกว่า 
                        แล้วฉันก็เข้าไปเล่นเกมในร้านแห่งหนึ่ง  ไม่คิดเลยว่าตอนบ่ายสอง ร้านจะว่างได้มากขนานนี้ ก็ใครเขาจะมาเล่นกันล่ะ ก็ตอนนี้โรงเรียนยังไม่เลิกด้วยซ้ำ
                      ฉันเลือกนั่งคอมที่อยู่ตรงกลางของแถวแรกเลย ร้านนี้ดีอยู่อย่างหนึ่ง ตรงที่ผนังด้านหน้าเป็นกระจก ฉันจะได้เอาไวแอบมองพวกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เผื่อมีหล่อ ๆ บ้างนะ ฮิๆ.... มีเกมใหม่อะไรมาบ้างเนี่ย ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาฝึกเกมใหม่เลย ฉันเปิดไป เห็นเกมอยู่เกมหนึ่งที่ดูแล้วเป็นเกมใหม่ซะด้วยส่วนเกมอื่นไม่ต้องไปพูดถึงเพราะฉันเคลียทุกด่านได้ภายใน สิบนาที
                  ขณะที่ฉันนั่งเล่นไปได้สักประมาณสิบห้านาที ผ่านไปแล้วก็หลายด่าน เกมนี้ไม่ยากอย่างที่คิด และเพื่อแก้เบื่อไปด้วย ฉันก็เลยเปิดเชตไว้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา นั่งลงตรงคอมตรงข้ามฉัน  แต่จะสนใจทำไม เขาไม่ได้มาลวนลามฉันสักหน่อย  แล้วฉันก็เข้าไปในห้องของ เด็ก ป๊อป ที่ฉันเข้าห้องนี้เพราะว่ากะจะเข้าไปแกล้งพวกป๊อป ๆ ทั้งหลาย ที่กะจะเข้ามาโปรโมรทตัวเองในคอม แล้วหลังจากที่ฉันแกล้งคนอื่นเค้าไปเรื่อย ฉันเริ่มรู้แล้วว่าตอนนี้ไม่ได้มีฉันคนเดียวในห้องนี้ที่ทำตัวเป็นตัวป่วนแล้วสิ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้นเอง แล้วฉันก็เข้าไปป่วนผู้ชายคนหนึ่ง
    ‘คุณเป็นใคร’
    ‘เป็นคนป่วน ป่วนพวกที่ชอบอวดตัวเอง อย่างเธอ’
    ‘ถ้างั้นคุณก็คงป๊อบเพราะห้องนี้รู้กันเฉพาะคนที่ป๊อบสุด ๆ เท่านั้น แล้วนี่ผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ’
    ‘ผู้หญิง แล้วไม่สงสัยหรอว่า ถ้ามีคนมาบอกฉันอีกทีหละ หรือ ถ้าฉันป๊อบจริง ๆ นายจะทำยังไง’
    ‘ก็ไม่ทำยังไง ก็จะนัดมาให้เห็นหน้า’
                          ฉันว่านะฉันเจอแล้วหละพวกตัวป่วน ก็คนนี้ไงที่เป็นตัวป่วนอันดับสอง วิธีการของตัวป่วนจะมีอยู่ไม่กี่แบบ แต่แบบที่เขาใช้อยู่ฉันใช้เป็นประจำเลย คือการนัดพบแล้วไม่ไปพบไง
    ‘หรอแล้วถ้าฉันจะไม่ไปหละ’
    ‘ผมก็จะไปดูข้อมูลของคุณที่คุณสมัครเข้ามาแล้วก็โทรหาคุณ’
    ‘แต่ฉันก็ไม่โง่พอที่จะทิ้งเบอร์โทรไว้ และก็คงไม่โง่พอที่จะใส่ขอมูลที่ทำให้ตามหาตัวฉันเจอง่าย ๆ ซะด้วยซิ’
    ‘ถ้างั้นคุณก็คงเป็นคนฉลาด’
    ‘ใช่ฉันฉลาด มากด้วย’
                          แล้วฉันก็ปิด ไม่ขอคุยกับเขาอีกแล้ว เพราะว่าถ้าพูดไปมากกว่านี้ฉันเองแหละที่จะเป็นคนโดนหลอกซะมากกว่า แล้วฉันก็นั่งเล่นเกมที่น่าเบื่อนี่ต่อไป เล่นมาตั้งนานไม่เห็นจะชนะสักที  สักประมาณห้านาทีหลังจากที่ฉันเลิกคุยกับชายนิรนามเมื่อกี้นี้แล้ว  ผู้ชายคนที่นั่งคอมเครื่องตรงข้ามฉันก็ลุกขึ้น  แล้วเขาก็มานั่งที่คอมด้านข้างของเครื่องฉัน แล้วเขาก็นั่งเล่นอยู่อย่างนั้นซะประมาณ สิบนาที แล้วเขาก็เริ่มพูด
    “ฉันเก่งไหม แล้วฉันก็หาคุณเจอจนได้ แต่คุณหาไม่ยากอย่างที่คิดนี่”
                          ตาบ้านี่เป็นใครน่ะ  อยู่ดี ๆ มาพูดด้วยอย่างกับคนรู้จักกันมาแล้วสิบชาติงั้นแหละ  ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่บอกขืนมาหลอกฉันไปทำมิดีมิร้ายฉันจะทำไงเนี่ย ยิ่งสวย ๆ อยู่ด้วย
    “คุณกลัวหรอเนี่ย คุณเป็นถึง บันนาวอน หญิงสาวที่มีผู้ชายหลงรักมากที่สุด เป็นคนใจกล้าหน้าด้าน แล้วก็เก่งในทุก ๆ เรื่องอย่างคุณเนี่ย อย่าบอกนะว่ากลัว”
                        เฮ้ย ลุงเนี่ยเป็นใครเนี่ย มาจากใหน ว่ะ เอ่อแต่มันก็จริงว่าจะไปกลัวมันทำไมว่ะ
    “เขาไม่เรียกว่ากลัว แต่ไม่ไว้ใจ”
    “แต่คุณนี้ก็เก่งนะ ถ้าเป็นคนอื่นรู้ไหมเขาจะทำกันอย่างไง เขาก็จะวิ่งไปจ่ายเงิน แล้วก็ออกจากร้านไปเลย”
    “ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าฉันเป็นถึง บันนาวอน ผู้หญิงที่กล้าหน้าด้านที่สุด แล้วฉันจะไปกลัวคนอย่างนายทำไมล่ะ ตาบ้อง พูดเองไม่รู้เรื่อง”
    “ขอนับถือในความกล้า รู้ไหมว่าอยากเจอคนอย่างคุณมานานแล้ว”
    “ขอบใจ แต่เธอเป็นใคร แล้วอยู่ ๆ ทำไมถึงมาพูดกับฉันแล้วรู้ชื่อฉันได้ไงเนี่ย”
    “นี่คุณโง่จริง ๆ หรอเนี่ย”
                          เฮ้ย....มันเป็นใครว่ะ อยู่ ๆ มาว่าฉันโง่เนี่ย อยู่ดี ๆ มาพูดด้วยแล้วมาด่าฉันสองรอบแล้วนะ บ้าหรือเปล่าเนี่ย สงสัยต้องโดนสักหมัดแล้วเผื่อแก้บ้า
    “คุณไม่ต้องคิดที่อยากมาชกผมหรอก แล้วผมก็ไม่ได้เป็นบ้า เอ่อแล้วผมก็ไม่ใช่พวก พ่อมดหมอผีที่อ่านใจใครได้หรอ”
เฮ้อ ถึงบอกว่าไม่ใช่ แต่ยังไงก็คิดอยู่ดีแหละ ใครไม่คิดก็โง่แล้ว เล่นพูดซะหมดอย่างงี้   
    “ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นใคร”
    “เป็นใครไม่สำคัญ แต่คนที่คุณพยายามป่วนคนเมื่อกี้นี้แหละคือผม”
    “โอ้โห น่าทึ่ง เอาอย่านี้ถ้าให้ฉันเดานะ เอ่อฉันจะคิดว่า นายเป็นหนุ่มหล่อของโรงเรียนคู่แข่งโรงเรียนฉัน ที่ป๊อบที่สุดในรุ่นนี้ เอ่อ แล้วนายก็ชื่อ โชฮันชอง  ”
                          ฉันไม่รู้ว่าคิดได้จากไหน แต่อยู่ดี ๆ มันก็แวบขึ้มมาในหัวสมอง เพราะคนที่ชื่อ โชฮันชองคนนี้เขาเคยเป็นคนที่จองอึนเคยชอบมาก ๆ แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้า จองอึนบอกว่าอยู่โรงเรียน เดียวกับ ลีฮานชอง ที่กลุ่มพวกเราขอโหวตให้เลยว่าน่ารักที่สุดในรุ่นนี้ของโรงเรียนคังโดนะ
                        แต่ก็คงเป็นเพราะพวกเราไม่ค่อยได้เห็นเด็กในรุ่นนี้ที่โรงเรียนนั้นเท่าไหร่ ถึงเคยเห็นก็ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นเดียวกัน ก็เห็นแต่    ฮานชองนี่แหละเลยคิดว่าเขาน่ารักที่สุด แต่เขาก็น่ารักจริงๆนะ แล้วฉันก็ตอบชื่อตาลุงนี่ไปเล่น ๆ เท่านั้น เห็นชื่อมันน่ารักดี โชฮันชอง แต่คงไม่ถูกหรอก
    “แล้วที่ฉันพูดคงไม่ถูกหรอก เพราะฉันมั่ว แต่ถ้าถูกฉันยอมไปกินข้าวด้วยเลย”
    “เธอมั่นใจนะว่าถ้าถูกเธอจะไปกินข้าวกับฉันจริง ๆ”
    “ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่ผิดสัญญาใครง่าย ๆ หรอน่า”
    “อืม...ดี”
    “แหมะทำเป็นพูด ทำอย่างกับที่ฉันตอบไปจะถูกงั้นแหละ อะโถ” ฉันพูดไปบ่นไป
    “ถูก”
    “หา”
    “ถูกต้อง คุณตอบถูก ผมชื่อ โชฮันชอง แล้วก็เป็นเหมือนที่คุณพูดไว้ทุกอย่าง”
                          อึ้ง...อึ้งเลยค่ะ ถูกด้วยค่ะ แล้วคิดว่าเขาจะโกหกไหม จะโกหกไปทำไมหละ หรือว่าแค่อยากกินข้าวกับฉัน
    “เอ่อ แล้วถ้าฉันไม่เชื่อหละ”
    “ก็ไม่ได้ขอให้คุณเชื่อ คุณจะเชื่อหรือไม่มันก็เรื่องของคุณ แต่คงไม่ต้องถึงขนานเอาบัตรนักเรียนให้ดูหรอกนะ ฮึ..สิ่งเดียวที่คุณต้องทำและสิ่งเดียวที่ผมสนใจที่อยากจะทำคือไปกินข้าวกับคุณ”
                            แล้วฉันจะเชื่อดีไหมเนี่ยพูดมาซะขนาดเนี่ย
    “พูดอย่างนี้คงไม่โกหกนะ เอ่อ แต่ยังไงฉันก็สัญญาไปแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกสำหรับฉันแล้วนี่”
    “ใช่ ในเวลานี้มันไม่มีทางเลือกสำหรับคุณอยู่แล้วแหละ”
                          สรุปฉันตอบไปกินข้าวกับตานี่จริงๆใช่ไหม วันนี้เป็นวันซวยอะไรของฉันนักหนาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ
    “โอเค เอาเป็นว่าฉันเล่นเกมนี้เคลียก่อนแล้วกัน”
    “ฮึ..เกมนี้อะหรอ เล่นไปได้ไงติ้งต้องจะตาย”
                          แล้วทำไมวะ จะเล่นนี่มันหนักหัวมากหรอเนี่ย แต่ถ้าอยากหัวเราะก็ปล่อยออกมาดิ จะมากั้นฮึฮึทำไม
    “นี่ฉันรู้แล้วว่าเธอโง่จริง ๆ เธอดูที่หน้าจอนั้นสิ มันบอกให้คุณกด Alt + Shift+ c ตั้งแต่คุณผ่านด่านที่แปดแล้ว ถึงคุณเล่นไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ด่านที่ร้อยคุณก็ไม่เคลียหรอก ไม่เชื่อดูดิ คุณเล่นมาถึงด่านที่เท่าไรแล้วยังไม่จบเกมเลย ทั้ง ๆ ที่ทุกเกมมีแววว่าจะจบตั้งแต่เกมที่สิบแล้ว แต่คุณก็เล่นมาถึงเกมที่สี่สิบสองคุณก็ยังไม่เคลียคนที่เล่นมาได้ไกลขนานนี้แล้วไม่เบื่อนี่นะ ถือว่าเก่งมากรู้ไหม เพราะว่าเล่นไปเล่นมาเกมมันก็จะกลับมาเหมือนเกมแรกและเกมที่สองต่อไปเรื่อย ๆ ก็หมายความว่าตอนนี้คุณเล่นเกมที่หนึ่งซ้ำไปมา มาแล้ว ห้ารอบ (5555)”
                          ถึงว่าสิว่าทำไมมันเหมือนเดิมชอบกล โง่จริง ๆ เลย ฉันว่าฉันลองทำแบบที่เขาบอกดีกว่า แล้วฉันก็กดตามที่เขาบอกหลังจากที่กดเสร็จก็มีตัวหนังสือขึ้นมาว่า ‘คุณชนะ แต่คุณก็โง่ที่โดนหรอก’ แล้วก็มีเสียงหัวเราะขึ้นมาจากเกม แล้วฉันก็เล่นมาตั้งสี่สิบด่านแล้วนี่นะ โธ่
    “เห็นไหมคุณบันนาวอน คุณเคลียแล้ว ถ้างั้นคุณก็ต้องไปกินข้าวกับผม”
    “เฮ้อ ที่ไหนบอกมา ฉันยอมแล้วค่าาา”
    “ให้มันได้อย่างนี้สิ คุณหนูบันนาวอน”
                          แล้วเขาก็เอามือมาผลักหัวฉันพร้อมกับลุกขึ้น  ฮื่อ ๆ มีสิทธิ์อะไรมาผลักหัวฉันเล่นว่ะ  ในที่สุดฉันก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปกับเขา
                            “นี่นาย จะพาฉันไปร้านไหนหรอ”
    “เอาน่าคุณต้องชอมมัน”
                          แล้วเขาก็พาฉันขึ้นรถเมล์มาลงที่ป้ายสุดท้าย มันกินเวลาไปเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะเขาพาฉันย้อนขึ้นมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายแรก ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ถ้าออกจากร้านเกมมาที่นี่ก็จะประหยัดเวลาไปครึ่งชั่วโมงเลย ตานี่ถ้าจะบ้าจริงๆ
    “นี่ คุณบันนาวอนครับ คุณไม่คิดที่จะคุยกับผมหน่อยหรอ คุณเงียบมาตั้งแต่ป้ายแรกจนถึงป้ายสุดท้ายเลยนะ เนี่ย”
    “ก็ ฉันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรนี่ นายก็เงียบไปเหมือนกันแหละ”
    “ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับคุณมั่ง”
                        แล้วฉันก็เข้าไปเล่นเกมในร้านแห่งหนึ่ง  ไม่คิดเลยว่าตอนบ่ายสอง ร้านจะว่างได้มากขนานนี้ ก็ใครเขาจะมาเล่นกันล่ะ ก็ตอนนี้โรงเรียนยังไม่เลิกด้วยซ้ำ
                      ฉันเลือกนั่งคอมที่อยู่ตรงกลางของแถวแรกเลย ร้านนี้ดีอยู่อย่างหนึ่ง ตรงที่ผนังด้านหน้าเป็นกระจก ฉันจะได้เอาไวแอบมองพวกคนที่เดินผ่านไปผ่านมา เผื่อมีหล่อ ๆ บ้างนะ ฮิๆ.... มีเกมใหม่อะไรมาบ้างเนี่ย ช่วงนี้ไม่ค่อยได้มาฝึกเกมใหม่เลย ฉันเปิดไป เห็นเกมอยู่เกมหนึ่งที่ดูแล้วเป็นเกมใหม่ซะด้วยส่วนเกมอื่นไม่ต้องไปพูดถึงเพราะฉันเคลียทุกด่านได้ภายใน สิบนาที
                  ขณะที่ฉันนั่งเล่นไปได้สักประมาณสิบห้านาที ผ่านไปแล้วก็หลายด่าน เกมนี้ไม่ยากอย่างที่คิด และเพื่อแก้เบื่อไปด้วย ฉันก็เลยเปิดเชตไว้ มีชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา นั่งลงตรงคอมตรงข้ามฉัน  แต่จะสนใจทำไม เขาไม่ได้มาลวนลามฉันสักหน่อย  แล้วฉันก็เข้าไปในห้องของ เด็ก ป๊อป ที่ฉันเข้าห้องนี้เพราะว่ากะจะเข้าไปแกล้งพวกป๊อป ๆ ทั้งหลาย ที่กะจะเข้ามาโปรโมรทตัวเองในคอม แล้วหลังจากที่ฉันแกล้งคนอื่นเค้าไปเรื่อย ฉันเริ่มรู้แล้วว่าตอนนี้ไม่ได้มีฉันคนเดียวในห้องนี้ที่ทำตัวเป็นตัวป่วนแล้วสิ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใครเท่านั้นเอง แล้วฉันก็เข้าไปป่วนผู้ชายคนหนึ่ง
    ‘คุณเป็นใคร’
    ‘เป็นคนป่วน ป่วนพวกที่ชอบอวดตัวเอง อย่างเธอ’
    ‘ถ้างั้นคุณก็คงป๊อบเพราะห้องนี้รู้กันเฉพาะคนที่ป๊อบสุด ๆ เท่านั้น แล้วนี่ผู้ชายหรือผู้หญิงล่ะ’
    ‘ผู้หญิง แล้วไม่สงสัยหรอว่า ถ้ามีคนมาบอกฉันอีกทีหละ หรือ ถ้าฉันป๊อบจริง ๆ นายจะทำยังไง’
    ‘ก็ไม่ทำยังไง ก็จะนัดมาให้เห็นหน้า’
                          ฉันว่านะฉันเจอแล้วหละพวกตัวป่วน ก็คนนี้ไงที่เป็นตัวป่วนอันดับสอง วิธีการของตัวป่วนจะมีอยู่ไม่กี่แบบ แต่แบบที่เขาใช้อยู่ฉันใช้เป็นประจำเลย คือการนัดพบแล้วไม่ไปพบไง
    ‘หรอแล้วถ้าฉันจะไม่ไปหละ’
    ‘ผมก็จะไปดูข้อมูลของคุณที่คุณสมัครเข้ามาแล้วก็โทรหาคุณ’
    ‘แต่ฉันก็ไม่โง่พอที่จะทิ้งเบอร์โทรไว้ และก็คงไม่โง่พอที่จะใส่ขอมูลที่ทำให้ตามหาตัวฉันเจอง่าย ๆ ซะด้วยซิ’
    ‘ถ้างั้นคุณก็คงเป็นคนฉลาด’
    ‘ใช่ฉันฉลาด มากด้วย’
                          แล้วฉันก็ปิด ไม่ขอคุยกับเขาอีกแล้ว เพราะว่าถ้าพูดไปมากกว่านี้ฉันเองแหละที่จะเป็นคนโดนหลอกซะมากกว่า แล้วฉันก็นั่งเล่นเกมที่น่าเบื่อนี่ต่อไป เล่นมาตั้งนานไม่เห็นจะชนะสักที  สักประมาณห้านาทีหลังจากที่ฉันเลิกคุยกับชายนิรนามเมื่อกี้นี้แล้ว  ผู้ชายคนที่นั่งคอมเครื่องตรงข้ามฉันก็ลุกขึ้น  แล้วเขาก็มานั่งที่คอมด้านข้างของเครื่องฉัน แล้วเขาก็นั่งเล่นอยู่อย่างนั้นซะประมาณ สิบนาที แล้วเขาก็เริ่มพูด
    “ฉันเก่งไหม แล้วฉันก็หาคุณเจอจนได้ แต่คุณหาไม่ยากอย่างที่คิดนี่”
                          ตาบ้านี่เป็นใครน่ะ  อยู่ดี ๆ มาพูดด้วยอย่างกับคนรู้จักกันมาแล้วสิบชาติงั้นแหละ  ชื่อเสียงเรียงนามก็ไม่บอกขืนมาหลอกฉันไปทำมิดีมิร้ายฉันจะทำไงเนี่ย ยิ่งสวย ๆ อยู่ด้วย
    “คุณกลัวหรอเนี่ย คุณเป็นถึง บันนาวอน หญิงสาวที่มีผู้ชายหลงรักมากที่สุด เป็นคนใจกล้าหน้าด้าน แล้วก็เก่งในทุก ๆ เรื่องอย่างคุณเนี่ย อย่าบอกนะว่ากลัว”
                        เฮ้ย ลุงเนี่ยเป็นใครเนี่ย มาจากใหน ว่ะ เอ่อแต่มันก็จริงว่าจะไปกลัวมันทำไมว่ะ
    “เขาไม่เรียกว่ากลัว แต่ไม่ไว้ใจ”
    “แต่คุณนี้ก็เก่งนะ ถ้าเป็นคนอื่นรู้ไหมเขาจะทำกันอย่างไง เขาก็จะวิ่งไปจ่ายเงิน แล้วก็ออกจากร้านไปเลย”
    “ก็นายเป็นคนบอกเองไม่ใช่หรอ ว่าฉันเป็นถึง บันนาวอน ผู้หญิงที่กล้าหน้าด้านที่สุด แล้วฉันจะไปกลัวคนอย่างนายทำไมล่ะ ตาบ้อง พูดเองไม่รู้เรื่อง”
    “ขอนับถือในความกล้า รู้ไหมว่าอยากเจอคนอย่างคุณมานานแล้ว”
    “ขอบใจ แต่เธอเป็นใคร แล้วอยู่ ๆ ทำไมถึงมาพูดกับฉันแล้วรู้ชื่อฉันได้ไงเนี่ย”
    “นี่คุณโง่จริง ๆ หรอเนี่ย”
                          เฮ้ย....มันเป็นใครว่ะ อยู่ ๆ มาว่าฉันโง่เนี่ย อยู่ดี ๆ มาพูดด้วยแล้วมาด่าฉันสองรอบแล้วนะ บ้าหรือเปล่าเนี่ย สงสัยต้องโดนสักหมัดแล้วเผื่อแก้บ้า
    “คุณไม่ต้องคิดที่อยากมาชกผมหรอก แล้วผมก็ไม่ได้เป็นบ้า เอ่อแล้วผมก็ไม่ใช่พวก พ่อมดหมอผีที่อ่านใจใครได้หรอ”
เฮ้อ ถึงบอกว่าไม่ใช่ แต่ยังไงก็คิดอยู่ดีแหละ ใครไม่คิดก็โง่แล้ว เล่นพูดซะหมดอย่างงี้   
    “ถ้าไม่ใช่แล้วเป็นใคร”
    “เป็นใครไม่สำคัญ แต่คนที่คุณพยายามป่วนคนเมื่อกี้นี้แหละคือผม”
    “โอ้โห น่าทึ่ง เอาอย่านี้ถ้าให้ฉันเดานะ เอ่อฉันจะคิดว่า นายเป็นหนุ่มหล่อของโรงเรียนคู่แข่งโรงเรียนฉัน ที่ป๊อบที่สุดในรุ่นนี้ เอ่อ แล้วนายก็ชื่อ โชฮันชอง  ”
                          ฉันไม่รู้ว่าคิดได้จากไหน แต่อยู่ดี ๆ มันก็แวบขึ้มมาในหัวสมอง เพราะคนที่ชื่อ โชฮันชองคนนี้เขาเคยเป็นคนที่จองอึนเคยชอบมาก ๆ แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นหน้า จองอึนบอกว่าอยู่โรงเรียน เดียวกับ ลีฮานชอง ที่กลุ่มพวกเราขอโหวตให้เลยว่าน่ารักที่สุดในรุ่นนี้ของโรงเรียนคังโดนะ
                        แต่ก็คงเป็นเพราะพวกเราไม่ค่อยได้เห็นเด็กในรุ่นนี้ที่โรงเรียนนั้นเท่าไหร่ ถึงเคยเห็นก็ไม่รู้ว่าเป็นรุ่นเดียวกัน ก็เห็นแต่    ฮานชองนี่แหละเลยคิดว่าเขาน่ารักที่สุด แต่เขาก็น่ารักจริงๆนะ แล้วฉันก็ตอบชื่อตาลุงนี่ไปเล่น ๆ เท่านั้น เห็นชื่อมันน่ารักดี โชฮันชอง แต่คงไม่ถูกหรอก
    “แล้วที่ฉันพูดคงไม่ถูกหรอก เพราะฉันมั่ว แต่ถ้าถูกฉันยอมไปกินข้าวด้วยเลย”
    “เธอมั่นใจนะว่าถ้าถูกเธอจะไปกินข้าวกับฉันจริง ๆ”
    “ผู้หญิงอย่างฉัน ไม่ผิดสัญญาใครง่าย ๆ หรอน่า”
    “อืม...ดี”
    “แหมะทำเป็นพูด ทำอย่างกับที่ฉันตอบไปจะถูกงั้นแหละ อะโถ” ฉันพูดไปบ่นไป
    “ถูก”
    “หา”
    “ถูกต้อง คุณตอบถูก ผมชื่อ โชฮันชอง แล้วก็เป็นเหมือนที่คุณพูดไว้ทุกอย่าง”
                          อึ้ง...อึ้งเลยค่ะ ถูกด้วยค่ะ แล้วคิดว่าเขาจะโกหกไหม จะโกหกไปทำไมหละ หรือว่าแค่อยากกินข้าวกับฉัน
    “เอ่อ แล้วถ้าฉันไม่เชื่อหละ”
    “ก็ไม่ได้ขอให้คุณเชื่อ คุณจะเชื่อหรือไม่มันก็เรื่องของคุณ แต่คงไม่ต้องถึงขนานเอาบัตรนักเรียนให้ดูหรอกนะ ฮึ..สิ่งเดียวที่คุณต้องทำและสิ่งเดียวที่ผมสนใจที่อยากจะทำคือไปกินข้าวกับคุณ”
                            แล้วฉันจะเชื่อดีไหมเนี่ยพูดมาซะขนาดเนี่ย
    “พูดอย่างนี้คงไม่โกหกนะ เอ่อ แต่ยังไงฉันก็สัญญาไปแล้ว มันก็ไม่มีทางเลือกสำหรับฉันแล้วนี่”
    “ใช่ ในเวลานี้มันไม่มีทางเลือกสำหรับคุณอยู่แล้วแหละ”
                          สรุปฉันตอบไปกินข้าวกับตานี่จริงๆใช่ไหม วันนี้เป็นวันซวยอะไรของฉันนักหนาตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ
    “โอเค เอาเป็นว่าฉันเล่นเกมนี้เคลียก่อนแล้วกัน”
    “ฮึ..เกมนี้อะหรอ เล่นไปได้ไงติ้งต้องจะตาย”
                          แล้วทำไมวะ จะเล่นนี่มันหนักหัวมากหรอเนี่ย แต่ถ้าอยากหัวเราะก็ปล่อยออกมาดิ จะมากั้นฮึฮึทำไม
    “นี่ฉันรู้แล้วว่าเธอโง่จริง ๆ เธอดูที่หน้าจอนั้นสิ มันบอกให้คุณกด Alt + Shift+ c ตั้งแต่คุณผ่านด่านที่แปดแล้ว ถึงคุณเล่นไปอย่างนี้เรื่อย ๆ ด่านที่ร้อยคุณก็ไม่เคลียหรอก ไม่เชื่อดูดิ คุณเล่นมาถึงด่านที่เท่าไรแล้วยังไม่จบเกมเลย ทั้ง ๆ ที่ทุกเกมมีแววว่าจะจบตั้งแต่เกมที่สิบแล้ว แต่คุณก็เล่นมาถึงเกมที่สี่สิบสองคุณก็ยังไม่เคลียคนที่เล่นมาได้ไกลขนานนี้แล้วไม่เบื่อนี่นะ ถือว่าเก่งมากรู้ไหม เพราะว่าเล่นไปเล่นมาเกมมันก็จะกลับมาเหมือนเกมแรกและเกมที่สองต่อไปเรื่อย ๆ ก็หมายความว่าตอนนี้คุณเล่นเกมที่หนึ่งซ้ำไปมา มาแล้ว ห้ารอบ (5555)”
                          ถึงว่าสิว่าทำไมมันเหมือนเดิมชอบกล โง่จริง ๆ เลย ฉันว่าฉันลองทำแบบที่เขาบอกดีกว่า แล้วฉันก็กดตามที่เขาบอกหลังจากที่กดเสร็จก็มีตัวหนังสือขึ้นมาว่า ‘คุณชนะ แต่คุณก็โง่ที่โดนหรอก’ แล้วก็มีเสียงหัวเราะขึ้นมาจากเกม แล้วฉันก็เล่นมาตั้งสี่สิบด่านแล้วนี่นะ โธ่
    “เห็นไหมคุณบันนาวอน คุณเคลียแล้ว ถ้างั้นคุณก็ต้องไปกินข้าวกับผม”
    “เฮ้อ ที่ไหนบอกมา ฉันยอมแล้วค่าาา”
    “ให้มันได้อย่างนี้สิ คุณหนูบันนาวอน”
                          แล้วเขาก็เอามือมาผลักหัวฉันพร้อมกับลุกขึ้น  ฮื่อ ๆ มีสิทธิ์อะไรมาผลักหัวฉันเล่นว่ะ  ในที่สุดฉันก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปกับเขา
                            “นี่นาย จะพาฉันไปร้านไหนหรอ”
    “เอาน่าคุณต้องชอมมัน”
                          แล้วเขาก็พาฉันขึ้นรถเมล์มาลงที่ป้ายสุดท้าย มันกินเวลาไปเกือบชั่วโมงเลยทีเดียว เพราะเขาพาฉันย้อนขึ้นมาขึ้นรถเมล์ที่ป้ายแรก ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม ถ้าออกจากร้านเกมมาที่นี่ก็จะประหยัดเวลาไปครึ่งชั่วโมงเลย ตานี่ถ้าจะบ้าจริงๆ
    “นี่ คุณบันนาวอนครับ คุณไม่คิดที่จะคุยกับผมหน่อยหรอ คุณเงียบมาตั้งแต่ป้ายแรกจนถึงป้ายสุดท้ายเลยนะ เนี่ย”
    “ก็ ฉันไม่รู้ว่าต้องพูดอะไรนี่ นายก็เงียบไปเหมือนกันแหละ”
    “ก็คงเป็นเหตุผลเดียวกับคุณมั่ง”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น