ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซเทียฟาล นครแห่งมนตรา

    ลำดับตอนที่ #7 : Sixth Mission : คำพูด Speech

    • อัปเดตล่าสุด 20 ก.ค. 51


                         หลังจบการรับน้องของประธานนักเรียน  บรรดาปีหนึ่งทั้งหลายก็แยกย้ายกันไปที่ห้องนอน เมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้นสอง

    ตรงหน้าจะเป็นห้องของประธานนักเรียน  ซ้ายมือเป็นห้องของเสนาธิการฝ่ายซ้าย  ขวามือเป็นห้องเสนาธิการฝ่ายขวา  ถัดจากห้อง

    เสนาธิการฝ่ายซ้ายเป็นห้องนอนรวมหญิงขนาดให้ ซึ่งเปิดให้ใช้แค่ห้องเดียว  ส่วนที่ถัดไปจากห้องของเสนาธิการฝ่ายขวาเป็นห้องนอน

    รวมชายซึ่งเป็นให้แค่ห้องเดียวเช่นกัน

                    ห้องนอนของกรรมการนักเรียนทั้ง 3 เป็นห้องเดี่ยวขนาดใหญ่  มีห้องน้ำในตัว  เตียงเป็นเตียงเดี่ยวกว้างขวางสีขาว

    ภายในห้องนอนถูกประดับด้วยเฟอร์นิเจอร์มากมาย ล้วนแล้วแต่ใช้โทนสีขาวดำทั้งสิ้น  ตู้เสื้อผ้าตู้ใหญ่สีดำตั้งอยู่ข้างประตูห้องน้ำ

    โคมไฟระย้าขนาดยักษ์สีขาวมีเทียนสีดำส่องแสงสว่างไสว

                    เอรีอาน่าเปิดประตูเข้าไปในห้อง ก็ได้แต่ยืนตะลึงกับการตกแต่งประดับประดาอยู่หน้าประตู  ก่อนจะได้สติรีบเข้าไปจัด

    เสื้อผ้าเข้าตู้  แล้วออกมายืนรอเพื่อนของเธอหน้าห้องนอนรวม

                    ภายในห้องนอนรวมทั้งหญิงและชาย ป็นห้องขนาดใหญ่  มีเตียงเดี่ยวสีขาว 5 ตัววางเรียงกัน  ข้างเตียงมีตู้เสื้อผ้าวาง

    ขั้นระหว่างแต่ละเตียง  มีห้องน้ำภายใน  มีระเบียงห้องกว้างขวาง

                    นักเรียนหญิงปี 1 ทั้ง 4 คนต่างมาจับจองเตียงของตัวเอง  ถ้ายืนตรงประตูหันหน้าเข้าห้องขวามือสุดจะเป็นเตียงของลูเคีย

    ถัดมาเป็นเตียงของเฟรีย่า  ตรงกลางไม่มีคนนอนส่วน 2 เตียงทางซ้ายเป็นนักเรียนหญิงอีก 2 คน

                    เฟรีย่าจัดเสื้อผ้าเข้าตู้อย่างเป็นระเบียบ ส่วนลูเคียโยนกระเป๋าสัมภาระใส่ไว้ในตู้แล้วเดินออกจากห้องมาเลย

                    "เป็นไงมั่ง  เมื่อเช้ามาซะเกือบไม่ทันเลยนะ" ลูเคียทักขึ้นก่อนเมื่อเห็นเอรีอาน่า

                    "เหอ ๆ  มัวจัดของน่ะ  โชคดีมีเจ้านี่เลยมาทัน" เอรีอาน่าเอามียีหัวคิล

                    "อย่าทำสิ ผมยุ่งหมดแล้ว" คิลทำหน้ามุ่ยแล้วดึงมือผู้เป็นนายออก

                    "เท่จังเลยเนอะคิลเนี่ย อยากได้แบบนี้มั่งจัง" ลูเคียทำสายตาอิจฉา  คนฟังเริ่มโม้

                    "แน่นอนอยู่แล้ว  อย่างข้าเนี่ยต้องเรียกว่าไร้เทียมทาน  ไม่ว่าจะความหล่อหรือความสามารถ"

                    เอรีอาน่ากุมขมับ อยากจะเอาดาบผ่าครึ่งมันซะให้รุ้แล้วรูรอด

                    "คุณเอรีอาน่าคะ  ตั้งแต่มายังไม่ได้คุยกันเลย สบายดีมั้ยคะ ?" เฟรีย่าวิ่งออกมาจากห้อง

                    "ก็ดี" เอารีอาน่าตอบสั้น ๆ ง่าย ๆ

                    ลูซิเฟอร์กับเอลเรนาสออกมาจากห้องของตัวเองพร้อมกันมาร่วมวงคุยกับสามสาว

                    "สบายดีมั้ยสาว ๆ" ลูซิเฟอร์ทัก ทำท่าทางกะล่อน

                    "ดีไม่ดีเกี่ยวไรกะนาย" ลูเคียสวนทันควัน

                    "แหม... ถามหน่อยเดียวเอง  โมโหอะไรเนี่ย" ลูซิเฟอร์ยิ้มแหย ๆ

                    "ใครโมโหกันยะ" ลูเคียส่งสายตาข่มขู่

                     "แล้วนี่แกจะเงียบอีกนานมั้ย" เอรีอาน่าจ้องเอลเรนาสเขม็ง  ไม่สนใจการทะเลาะกันของคนทั้งคู่

                     "เกี่ยวกับเธอมั้ย" เอลเรนาสย้อนนิ่ม ๆ  ทำเอาเอรีอาน่าฉุนกึก

                     "อย่ายอกย้อนได้มั้ย  แกจะไปแข่งขันพูดน้อยชิงแชมป์รึไงฟะ" 

                     "ก็มันไม่มีอะไรจะพูด" เอลเรนาสยังคงตอบแบบนิ่ม ๆ นิ่ง ๆ

                     "ก็หัดมีมั่งสิเฟ้ย !" เอรีอาน่าตะโกนใส่หูเขา

                     และแล้วสงครามน้ำลายของ 2 คู่ 2 รสชาติก็เริ่มขึ้น

                     "ว่าไปแกนี่ก็เหมือนเจ้านายเลยเนอะ" คิลหันไปพูดกับฮาเดส

                     "เจ้าก็พอกันน่ะแหละ เจ้านายยังไง สัตว์เลี้ยงยังงั้น" ฮาเดสตอบโดยไม่หันมามอง

                     "แล้วมันผิดหรือไง ไอ้หมาน้ำแข็ง !" คิลตั้งฉายาให้ฮาเดสด้วยความหมั่นไส้

                     "เงียบ ๆ ไปเหอะน่า" ฮาเดสยังไม่หันมามองคิล

                     "ใครมันจะเป็นน้ำแข็งได้อย่างแกฟะ" 

                     "แล้วใครบอกให้เจ้ามาเป็นน้ำแข็งอย่างข้าล่ะ" 

                     สุดท้ายก็กลายเป็นสงครามน้ำลายของเจ้าชายกับเจ้าหญิง  เจ้าชายผู้สูกศักดิ์กับนักฆ่า และหมากับหมา...   เฟรีย่า

    ยืนดูสงครามน้ำลาย 3 คู่ด้วยความปวดเศียรเวียนเกล้าอย่างแรง ไม่รู้จะห้ามยังไงดี สุดท้ายก็ได้แต่ยืนดูเท่านั้น

                      เวลาผ่านไปเนิ่นนาน และแล้วการโต้เถียงกันที่น่าเวียนหัวก็จบลงด้วยดี 

                      "เฮ้อ... จะบ้าตาย" เอรีอาน่าถอนหายในยาว

                      "นี่เปออซมันหายไปไหนเนี่ย" ลูซิเฟอร์พูดพลางหันมองทางห้องนอนชาย

                      จังหวะนั้น เปออซก็ผลักประตูออกมาแล้ววิ่งมาทางพวกเธอ  'ตายยากจริง ๆ' ทุกคนคิดในใจ

                      "โทษที  มัวจัดของเพลินน่ะ แหะ ๆ" เปออซหัวเราะแห้ง ๆ

                      "ช้าทั้งปีแหละนายเนี่ย ไม่เคยทันชาวบ้าน" ลูเคียค้อนใส่

                      "แหะ ๆ  โทษทีนะเจ๊" เปออซว่าด้วยอาการหอบนิด ๆ

                      "เคยบอกไปแล้วไงว่าไม่ให้เรียกว่าเจ๊ !" ลูเคียตะคอกจนเปออซหน้าซีด

                      "ไปกินข้าวกันเถอะ ชักหิว"  เอรีอาน่าว่าพลางเอามือลูบท้อง

                       แล้วทั้ง 8 ชีวิตก็พากันเดินไปที่ห้องอาหาร  ห้องอาหารของปราสาทไรเงาเป็นห้องอาหารขนาดใหญ่ แต่ก็ยังเล็กกว่า

    ห้องอาหารรวมอยู่ดี  โต๊ะอาหารยาว ๆ วางเรียงกันอยู่ 4 ตัว  ผนัง 3 ด้านเป็นร้านขายอาหารซึ่งมีอาหารหลายประเภทให้เลือกซื้อ

    เลือกกิน  กลุ่มของเอรีอาน่าเลือกจับจองโต๊ะไว้โต๊ะหนึ่งโดยการสั่งให้คลอฟวูฟ 2 ตัวและเปออซซึ่งถูกลูเคียสั่งลงโทษนั่งเฝ้าโต๊ะก่อน

    ส่วนเอรีอาน่ากับพวกอีก4คนก็ไปเลือกซื้ออาหารมากิน

                       ไม่นานนักพวกเอรีอาน่า 5 คนก็กลับมาถึงโต๊ะพร้อมอาหารหน้าตาน่ากิน กลิ่นหอมโชยมาชวนให้คนเฝ้าโต๊ะน้ำลายสอ

                       "ลูเคียจ๋า~ ให้ฉันไปซื้อข้าวได้ยัง" เปออซทำเสียงออดอ้อน

                       "ไปไหนก็ไปเลยไป" ลูเคียไล่ด้วยความรำคาญ

                       "เจ้านาย...  ขอเงินไปซื้อของกินหน่อยนะคร๊าบบบ" คิลลากเสียงยานคาง พยายามอ้อนอย่างเปออซ

                       "น่ารำคาญจริง เอาไป แล้วไปไหนก็ไปเลย" เอรีอาน่าควักเงินให้ บ่นงึมงำทั้งที่ข้าวยังคาปากอยู่

                       "ขอบคุณเจ้านายที่แสนน่ารักขอรับ" คิลทำเสียงน่าหมั่นไส้จนเอรีอาน่าอดไม่ไหวประเคนบาทาให้หนึ่งที

                       "เอ่อ...  เจ้านายครับ.... ขอตังค์หน่อย..." ฮาเดสอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ของตังค์เอลเรนาส เจ้านายผู้ใจบุญหยิบเงินส่งให้

    โดยไม่ปริปากพูดอะไร

                       แล้วผู้เคราะห์ร้ายต้องเผ้าโต๊ะทั้งหลายต่างก็รีบวิ่งไปซื้ออาหารก่อนที่จะโดนรั้งไว้ที่โต๊ะอีก

                       คิลกับฮาเดสกลับมาพร้อมน่องไก่ชิ้นโตหลายชิ้นในจาน  ส่วนเปออซก็ยังคงช้าอีกตามเคย  และแล้วทั้ง 8 ก็นั่งกินไป

    คุยไปจนเวลาผ่านไปเกือบชั่วโมง

                       "สงสัยจะคุยเพลินไปหน่อยนะเนี่ย คนจะหมดโรงอาหารอยู่แล้ว" เอรีอาน่าหันซ้ายหันขวา

                       "นั่นสิคะ  พวกเราไปกันเถอะค่ะ"
    เฟรีย่าลุกขึ้นเอาจานไปเก็บ

                              จากนั้นทุกคนก็ลุกตามองค์หญิงผู้แสนจะเรียบร้อยไป  หลังมื้อกลางวันทุกคนต่างแยกย้ายกันไปพักผ่อน  เปออซขอ

    ตัวไปไปนอนในห้อง  ลูเคียไปเดินเล่น  คิลกับฮาเดสขอไปตีกันในป่าหลงลืม  เฟรีย่า เอรีอาน่า เอลเรนาสและลูซิเฟอร์ พากันมาอ่าน

    หนังสือที่ห้องสมุดปราสาทไร้เงา

                        ห้องสมุดของปราสาทไร้เงาต้องขึ้นมาถึงชั้น 8 ซึ่งก็ทำเอาขาลากเหมือนกัน  ห้องสมุดนั้นกว้างขวางชั้นหนังสือวาง

    แบบขั้นห้องสมุดเป็นล็อก ๆ  สูงจรดเพดาน  แต่กลับมีโต๊ะเพียง 7 ตัวเท่านั้นที่อยู่ในห้องนี้  เนื่องจากนักเรียนปราสาทไร้เงาที่ชอบอ่าน

    หนังสือมีไม่มากนัก  ปราสาทไรเงาเป็นคล้ายปราสาทพิเศษที่นักเรียนส่วนใหญ่เป็นพวกมีพลังมากแล้วก็เก่งมากด้วย เลยไม่ค่อยจะสนใจ

    หยิบหนังสือมาอ่านกันซักเท่าไหร่

                        "เอาโต๊ะนี้นะคะ" เฟรีย่าวิ่งไปลากเก้าอี้ตรงโต๊ะที่ใกล้ประตูที่สุดออกมานั่ง

                        "จะไม่ลงชื่อก่อนหรือไง" เอรีอาน่าพลิกหน้าสมุดลงชื่อเข้าใช้ห้องสมุด

                        มันเป็นสมุดเก่า ๆ  ข้างในเป็นกระดาษให้ลงชื่อซึ่งเก่าจนกลายเป็นสีน้ำตาลแล้ว  สมุดลงชื่อหน้าแรกเป็นของปีนี้

    ยังไม่มีชื่อใครมาใช้สักคน แน่นอนว่าพวกเอรีอาน่าเป็นพวกแรกที่เข้ามาใช้ของปีนี้  เอรีอาน่าจัดแจงเขียนชื่อลงในสุมดพร้อมเผื่อแผ่

    ให้บรรดาเพื่อน ๆ ของเธอด้วย

                        เอรีอาน่าเดินไล่หาหันงสือที่ต้องการ  เธอเดินจนทั่วห้องสมุดแล้วแต่ก็ยังหาเล่มที่ต้องการไม่เจอสักที (แล้วไอ้ชั้นบน ๆ

    นี่เจ๊เขาดูยังไงเนี่ย)  เลยเดินกลับมานั่งที่โต๊ะด้วยอารมณ์เบื่อโลก

                        "คุณเอรินเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ทำหน้าตาไม่ค่อยสดชื่นเลย" เฟรีย่าเรียกเธอด้วยชื่อย่อ

                        "เปล่าหรอก  แค่หาหนังสือไม่เจอน่ะ" เอรีอาน่าบ่น มองไปทางเอลเรนาสที่เดินกลับมา

                        สายตาเอรีอาน่าจดจ้องไปยังหนังสือที่เอลเรนาสถือมาไม่กระพริบ

                        "เฮ้ย ! นายไปเจอมันจากไหน  ทำไมฉันหาไม่เจอ" เอรีอาน่าตาโตเมื่อเห็นหนังสือเล่มที่เธอต้องการ

                        "ห้องสมุด" คำตอบสั้นง่ายจากเจ้าชายรัชทายาทนั้นชวนให้เอรีอาน่าอยากประเคนบาทาใส่ปากมันซะเหลือเกิน

                        "ไอ้บ้า ! แล้วที่แกยืนอยู่นี่มันห้องอาหารหรือไงเล่า ! ฉันหมายถึงว่าไปเจอมันจากตรงไหน !" 

                        เอรีอาน่าขึ้นเสียงอย่างลืมตัวแต่ก็ไม่มีใครคิดจะใส่ใจกับเสียงของเธอสักคน

                       "...ชั้นหนังสือ" เอลเรนาสตอบเสียงเรียบ ลากเก้าอี้ออกมานั่งอย่างไม่ยี่หระคนตรงหน้า

                       "ไอ้เอลเรนาส !!! อย่านึกว่าเป็นเจ้าชายรัชทายาทอะไรนั่นแล้วฉันจะกลัวน่ะ !! จะตอบให้มันเจาะจงลงไปกว่านี้ไม่

    ได้หรือไง !!!" ในที่สุดเส้นฟางสุดท้ายก็ขาด เอรีอาน่าระเบิดอารมณ์ออกมาอยางไปเกรงกลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น

                       และก็คงไม่มีใครสนใจเธอหรอก  หากว่าแม่คุณไม่ปล่อยจิตสังสารระดับพระกาฬออกมา  ทำเอาทุกคนในห้องสมุด

    ไม่กล้าแม้แต่จะกระดิกนิ้ว ลมหายใจติดขัดไปหมด  บรรยากาศในห้องสมุดจากเงียบจึงได้กลายเป็นวิเวกวังเวงไปแล้ว และถ้ามีเข็มตก

    ลงบนพรมสักเล่มคงได้ยินกันไปทั่วห้อง

                       เอลเรนาสยังมีทีท่าไม่สนใจเธอยิ่งทำให้จิตสังหารที่แผ่ออกมายิ่งรุนแรงมากขึ้น  จนในที่สุดเอลเรนาสก็จำต้องยอม

    บอกไปตรง ๆ เพื่อจะหยุดจิตสังหารที่แผ่ออกมาเรื่อย ๆ นี่เสียที  ไม่ใช่ว่าเขากลัวหรอกนะ  แต่เฟรีย่าที่นั่งอยู่ด้วยนี่สิ ทำท่าจะตาย

    เพราะจิตสังสารของเพื่อนสาวข้าง ๆ อยู่รอมร่อ

                        "เอามาจากชั้นหนังสือในสุดด้านขวา อยู่มุมล่างสุดเลย" เอลเรนาสยังคงเยือกเย็นเหมือนเคย

                        ในที่สุดบรรยากาศน่ากลัวก็หายไปเมื่อเจ้าตัวพอใจกับคำตอบที่ได้รับ

                        "บอกแต่แรกก็สิ้นเรื่อง" เอรีอาน่าตั้งท่าจะลุกไปตามที่เอลเรนาสบอกแต่ก็ถูกเบรกไว้

                        "มันมีเล่มเดียว" น้ำเสียงเฉยเมยที่ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แต่เอรีอาน่ารู้ดีว่าเขารู้ว่าเธอคิดจะทำอะไร

                        "ชิ ! ไม่เอาก็ได้" เอรีอาน่ากระแทกตัวลงนั่งเก้าอี้ตัวเดิม หากมันพูดได้คงจะด่าเธอจนไม่เหลือชิ้นดี

                        เวลายังคงผ่านไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็หมดเวลาก็การพักผ่อน  ตอนเย้นทุกคนยังไปกินข้าวด้วยกันเหมือนเดิม  แล้วก็

    แยกกันกลับห้องใครห้องมัน

                        "เฮ้อ ~ นึกว่าจะได้พักผ่อนสบาย ๆ แท้ ๆ กลับต้องมาทะเลาะกะไอ้ปฏิมากรรมน้ำแข็ง เซ็งชะมัด" เด็กสาวร่างบาง

    นั่งลงบ่นเตียงยืดกายบิดขี้เกียจพลางบ่นด้วยน้ำเสียงแบบเซ็งชีวิต

                        "มีใครทำอะไรให้ไม่พอใจหรือเจ้านาย" คิลเปิดประตูเข้ามาได้ยินพอดีถาม 

                        "ไม่ต้องมายุ่งหรอกน่า ว่าแต่แกกับไอ้หมาน้ำแข็งนั่นไปทำอะไรกันที่ป่าหลงลืม" เอรีอาน่าพูดโดยไม่หันไปมองสัตว์

    เลี้ยงของเธอ

                        "ก็... ไม่มีอะไรหรอก" คิลทำท่าจะบอกแต่ก็เปลี่ยนใจกะทันหัน

                        ผู้เป็นนายชายตามองสัตว์เลี้ยงด้วยนัยน์ตาแฝงความฉงน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเย็นชา  แล้วลุกจาดเตียงเดินไปเข้าห้องน้ำ

    แต่ก็หยุดอยู่หน้าประตูแล้วพูดกับคิลโดยไม่หันไปมอง

                        "ไม่อยากบอกก็ไม่ต้องบอก  แต่นายเก็บความลับนี้ไว้ได้ไม่นานหรอก ไม่ฉันก็เอลเรนาสต้องรู้ให้ได้" เอรีอาน่าเดินเข้า

    ห้องน้ำทันทที่พูดจบ เล่นเอาคิลที่ยืนฟังอยู่ปรับตัวตามอารมณ์เธอไม่ทัน

                        ไม่นานนักเอรีอาน่าก็ออกมาในสภาพที่ผมเปียกโชก ใส่ชุดนอนสีขาว  ร่างบางค่อย ๆ นั่งลงบนเตียง ใช้ผ้าผืนเล็กเช็ด

    ผมเบา ๆ  นัยน์ตาสีเงินกลมโตเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างอย่างไร้จุดหมาย

                        ภายในห้องยังคงเงียบกริล แม้แต่หมาจอมกวนอย่างคิลยังจ้องมองเจ้านายของมันเงียบ ๆ อยู่ตรงมุมหนึ่งของห้อง

    ในใจยังคงสงสัยว่าเจ้านายของมันเป็นอะไร คิลทำท่าอ้าปากจะถามหลายครั้ง แต่ก็เปลี่ยนใจเงียบไปเสียทุกครั้ง

                        ผ้าผืนเล็กเปียกน้ำหมาด ๆ ปลิวมาตกใส่หัวของมัน  เอรีอาน่าล้มตัวลงนอนทั้งที่ผมยังไม่แห้งดีแล้วก็ผล็อยหลับไป

    คิลดึงผ้าผืนบางออกจากหัว  กลิ่มหอมอ่อน ๆ โชยออกมาจากผ้าในมือ คิลยกมันขึ้นมาแตะจมูก สูดหายใจเอากลิ่นที่ติดผ้าเข้าไป

                        "เจ้าหญิงน้อยของข้า  แม้ท่านจะบอบบางแต่ก็แข็งแกร่งนัก" คิลพึมพำแผ่วเบา ทิ้งคำพูดแปลก ๆ ให้จางหายไปกับ

    สายลม  คืนร่างเป็นหมาป่าสีเงินแล้วนอนหมอบลงตรงนั้น
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×