คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : Fifth Mission : วุ่นวาย Chaotic
วันเวลาสองสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็ว เอรีอาน่ากับพ่อไม่ได้กลับไปเฟรเดียเลยตั้งแต่มาถึงเวสทรี
เอรีอาน่านั่งจมอยู่กลางกองสิ่งของหลายอย่างที่เธอกำลังเลือกว่าอันไหนจำเป็นที่จะต้องเอาไปโรงเรียนด้วย
เหลือเวลาให้เธอไปให้ถึงโรงเรียนอีกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ถึงแม้ว่าสถานที่ที่เธอพักอยู่จะไม่ห่างจากโรงเรียนนัก
แต่ในเมื่อเธอยังเลือกของใช้ออกจากสิ่งของกองพะเนินไม่เสร็จ ล้วมันจะเหลือเวลาสักกี่นาทีให้เธอเดินทางไป
โรงเรียน
"เอรีอาน่า ! นี่แกยังเลือกของที่จะเอาไปโรงเรียนไม่ได้อีกหรือไง" มาคัสที่ยืนรออยู่นานแล้วบ่น
"จะรีบไปไหนเล่า เหลือเวลาอีกเป็นชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาที่เขากำหนด" เอรีอาน่ายังไม่เงยหน้าจาก
กองสิ่งของ
"อีกเป็นชั่วโมงบ้านแกสิ อีกสี่สิบกว่านาทีก็จะแปดโมงครึ่งแล้ว" มาคัสย้อนกลับไปอย่างหงุดหงิด
"อะไรนะ อีกสี่สิบนาทีเรอะ บ้าชะมัด " เอรีอาน่าเร่งมือค้นหาของที่ต้องการ
เอรีอาน่าใช้เวลาสาละวนอยู่กับกองสิ่งของนานถึงครึ่งชั่วโมงทำให้เวลาที่เหลือมีไม่มากนัก เมื่อเธอ
จัดของลงกระเป๋าเสร็จ เสียงเร่งของผู้เป็นพ่อก็ดังมาอีก
"นี่แกจัดกระเป๋าหรือนอนหลับฟะ เสร็จแล้วก็มานี่เร็วเข้า เดี๋ยวก็ไม่ทันหรอก"
คนถูกเร่งลุกขึ้นแล้วเดินตามพ่อของเธอออกไปนอกโรงแรม คิลออกมายืนรอเธออยู่นานแล้วตั้งแต่ที่
เธอยังไม่ตื่นด้วยซ้ำ มันหันมามองผู้เป็นนายด้วยสายตาเหมือนง่วงนอน
"รีบไปซะ ตอนแรกฉันว่าจะไปส่ง แต่ให้แกไปกับเจ้านี้น่าจะเร็วกว่า" มาคัสหันไปมองทางคิล
"ไงก็ได้แหละ ไอ้คิล คืนร่างเดี๋ยวนี้ ฉันจะขี่แกไปโรงเรียน" เอรีอาน่าหันไปสั่งการสัตว์เลี้ยงของเธอ
ร่างคิลเปลี่ยนจากมนุษย์กลายเป็นคลอฟวูฟดังเดิม แม้จะมีสีหน้าท่าทางไม่ค่อยจะเต็มใจนัก เอรีอาน่า
ลากกระเป๋าขึ้นขี่บนหลังคิลอย่างรีบร้อน
"ไปเร็ว เดี๋ยวไม่ทัน"
สิ้นคำผู้เป็นนาย คลอฟวูฟสีเงินออกตัวด้วยความเร็วสูงทะยานขึ้นฟ้า มุ่งหน้าตรงสู่จุดหมาย ด้วย
ความเร็วของคิลกับความสูงในระดับที่มันวิ่งอยู่ทำให้ผู้เป็นนายที่นั่งอยู่บนหลังมันเกิดอาการหูอื้อตาลาย ท่านผู้
อ่านอ่านไม่ผิดหรอก มันวิ่งอยู่กลางอากาศในระดับที่สูงกว่านกบินเสียอีก ด้วยความเร็วระดับพระกาฬ คิลพา
ผู้เป็นนายไปถึงที่หมายในเวลาอันรวดเร็วและทันเวลาพอดิบพอดี
"เกือบละ เกือบไม่ทัน" เอรีอาน่าบ่นพลางเดินเข้าไปหาพวกเพื่อน ๆ ของเธอที่ยืนรอเธอที่ยังไม่ได้มา
เป็นคนสุดท้ายของกลุ่ม
ไม่ถึงหนึ่งนาทีหลังจากที่เธอมาถึง อาจารย์ใหญ่เกรนเดลก็ออกมากฏตัวให้บรรดานักเรียนปี 1 ถึง
ปี 6 ได้เห็นหน้า (อีกแล้ว) และออกคำสั่งให้จัดแถวเรียงตามชั้นปี แน่นอนว่าแถวปีหนึ่งเป็นแถวที่สั้นที่สุด
และที่สั้นที่สุดจริง ๆ ก็จะเป็นแถวอื่นไปไม่ได้นอกจากแถวของปี 1 ปราสาทไร้เงาที่ยังขาดสมาชิกไปอีก 1 คน
"ขอต้อนรับสู่โรงเรียนเวสเทียร่าอีกครั้ง วันนี้เป็นวันแรกของการเปิดเรียน หวังว่าคงไม่มีใครมาสายนะ"
พวกเอรีอาน่าห้าคนหันหลังไปมองท้ายแถวที่เปออซเพิ่งจะวิ่งมาต่อ เปออซหอบหายใจนิด ๆ แล้วเงย
หน้ายิ้มแหย ๆ ส่งให้พรรคพวกของเขา
"คิดว่าปี 2 ถึงปี 6 คงจะรู้กันอยู่แล้วว่าวันเปิดเรียนวันแรกจะไม่มีการเรียนการสอน ส่วนปีหนึ่งจะได้รับ
การดูแลจากรุ่นพี่ที่จะพาชมปราสาทและบริเวณโรงเรียนก่อน จากนั้นก็จะมีคำแนะนำต่าง ๆ จากรุ่นพี่ของพวกเธอ
เอาล่ะ เมื่อเข้าใจแล้วก็แยกย้ายได้" เกรนเดลอธิบายเสร็จก็หันหลังแล้วเดินหายไปกับแสงสีเหลือง
นักเรียนแต่ละปราสาทแยกย้ายกันไปที่ปราสาทของตน บรรดารุ่นพี่ที่ไม่มีหน้าที่การงานจะทำก็ไปพัก
ผ่อนหาอะไรทำกันตามใจชอบ รุ่นพี่ที่ได้รับหน้าที่ให้มาดูแลรุ่นน้องก็คงจะป็นใครไปไม่ได้นอกจากคณะกรรมการ
นักเรียน 3 คน
อาเรส ชาร์ฟ และรีน่าพาบรรดารุ่นน้องทั้งหลายเดินดูรอบปราสาทไร้เงาก่อน ชื่อของปราสาทแต่ละหลัง
มาจากลักษณะของมันนั่นแหละ ปราสาทธรณีร่ำไห้มีประตูปราสาทขนานอยู่กับพื้นดิน ตัวปราสาทเหมือนปราสาท
กลับหัวที่แต่ละชั้นจะดำลึกลงไปในพื้นดินเรื่อย ๆ ปราสาทนภาแห่งใจอยู่บนเกาะลอยฟ้าขนาดใหญ่ที่ลอยอยู่สูงขึ้น
ไปจากพื้นดินราว 13 เมตร บันได้ขึ้นเป็นเกาะลอยฟ้าขนาดเล็กที่เรียงต่อกันเป็นขั้นขึ้นไป มีทางขึ้นอยุ่สี่ทาง
ปราสาทเสียงครวญแห่งวารีเป็นเกาะกลางทะเลสาบขนาดใหญ่ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของโรงเรียนเหมือนกัน
ปราสาทเสียงครวญแห่งวารีไม่มีทางเชื่อมระหว่างเกาะกับแผ่นดิน หากจะไปก็ต้องนั่งเรือไปหรืออีกวิธีคือ ใช้พลังเวท
ลองรับตัวเองให้เดินไปบนผิวน้ำ หรือถ้าใครอยากจะลองว่ายน้ำเล่นก็ไม่มีใครว่า
ส่วนปราสาทไร้เงาดูจะเป็นปราสาทที่ธรรมดาที่สุด ดูภายนอกคล้ายปราสาทแม่มดในนิทาน และตั้ง
อยู่บนพื้นดินธรรมดาเท่านั้น และที่มันได้ชื่อนี้มาครองก็เพราะว่า ไม่ว่าจะเป็นเวลาใด ๆ ปราสาทหลังนี้ก็จะไม่
ปรากฏเงาให้เห็นเลย แม้จะเป็นตอนกลางคืน หากใครไปจุดไฟอยู่เหนือปราสาทก็ไม่มีทางที่จะได้เห็นเงาของมัน
อยู่ดี
ภายในปราสาทไร้เงาดูกว้างขวางมาก ห้องนั่งเล่นมีขนาดที่จุคนได้ราว ๆ หนึ่งร้อยคน มีเฟอร์นิเจอร์
และเครื่องเอานวยความสะดวกต่าง ๆ มากมาย แต่ผนังปราสาทและการตกแต่งทำให้มันดูค่อนข้างเก่าและลึกลับ
บรรดาปี 1 ปราสาทไร้เงาทั้งสิบสองคนเลือกจับจองที่นั่งตามใจชอบ อาเรส ชาร์ลและเรน่านั่งลงตรง
โซฟาตัวที่หันหน้าเข้าหาปี 1 ทั้งหมด
"สวัสดีเป็นครั้งที่สองนะครับ รุ่นน้องทั้งสิบสองคน" อาเรสกวาดสายตามองรุ่นน้องทั้งสิบสองก่อนจะ
สะดุดสายตากับอีกสองชีวิตที่เพิ่มเข้ามา
"พวกนายเป็นใครน่ะ เข้ามาในนี้ได้ยังไง" อาเรสตะโกนถามบุรุษสองคน (ตัว) ที่นั่งอยู่ข้างเอรีอาน่า
กับเอลเรนาส
"เป็นหมา เข้ามาได้เพราะมีคนอนุญาตให้เข้ามา มีอะไรมะ" คิลตอบแล้วส่งคำถามด้วยน้ำเสียงยียวน
กลับไป
"หมา ? นี่แกจะบ้าเหรอ ก็เห็นอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นคน" อาเรสชักเริ่มโมโห
เจ้าหมาปากมากจัดการคืนร่างเป็นคลอฟวูฟสีเงินดังเดิม สร้างความตกใจให้กับผู้ที่ยังไม่เคยรู้เรื่องนี้มา
ก่อนเป็นอย่างมาก อาเรสอ้าปากค้าง รีน่าตกใจกลัวถึงขนาดกระโดดไปกอดคอชาร์ฟ ปีหนึ่งบางคนถึงกับตก
เก้าอี้
คิลส่งสายตาประมาณว่า 'ทีนี้เชื่อรึยังล่ะว่าเป็นหมา' ไปให้อาเรส อาเรสหันไปมองหน้าฮาเดส อีตาหมา
ใบ้ก็เลยยอมคืนร่างกลับไปเป็นคลอฟวูฟสีรัตติกาล ดวงตาสีโลหิตคมกริบส่อแววไม่พอใจ ดูเหมือนว่ามันจะชอบ
ร่างมนุษย์มากกว่า
"เป็นไปได้ไงเนี่ย พวกแกเป็นคลอฟวูฟเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย เจ๋ง ! นึกว่าชาตินี้จะได้ยินแค่ชื่อซะ
แล้ว" อาเรสกระโดดเข้าไปกอดกะหมาที่เกือบจะมีเรื่องด้วยอยู่แล้ว แล้วเดินวนไปรอบ ๆ มองมันด้วยสายตาชื่อชม
"นี่พี่ หยุดเดินได้แล้ว ฉันมีอะไรจะถาม" เอรีอาน่าพูดขัดจังหวะการเดินของอาเรส
"มีอะไรเหรอ" อาเรสถามด้วยน้ำเสียงที่ยังชื่นชม
"พี่ก็เห็นแล้วนี่ว่าไอ้สองตัวนี้เป็นยังไง พวกเราก็เลยจะขอเอามันไปเลี้ยงในห้องแทนที่จะเอาไปรวมกับ
ตัวอื่นในโรงเลี้ยงสัตว์ ได้รึเปล่า" เอรีอาน่าถามพลางเตะเข้าที่สีข้างคิลเบา ๆ เป็นเชิงหยอก
"ได้สิ ๆ จะเลี้ยงมันไว้ตรงไหนก็ได้ตามสบายเลย" อาเรสตอบอย่างกระตือรือร้น
"ออกนอกหน้าไปหน่อยมั้ง ท่านประธานนักเรียน" เอรีอาน่าเตือนด้วยน้ำเสียงเอือม ๆ
ประธานนักเรียนคนเก่งหาได้สนใจคำกล่าวนั้นไม่ ยังคงลูบหัวลูบหางแล้วก็เดินวนไปวนมารอบ ๆ เจ้า
คลอฟวูฟสีเงิน อาเรสลูบหัวมันอย่างสนอกสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่คนถูกลูบหัวกลับไม่พอใจเงยหน้างับมือท่าน
ประธานนักเรียนเสียจมเขี้ยว
"จ๊าก !! ไอ้หมาบ้า ปล่อยมือฉันเดียวนี้นะ" อาเรสร้องตะโกนโวยวายให้คลอฟวูฟตัวแสบปล่อยมือตัวเอง
เอรีอาน่าหยิบหนังสือเล่มหนึ่งขึ้นมาอ่านอย่างไม่ได้สนใจจะช่วย เอลเรนาสนั่งกอดอกไขว่ห้างดูภาพ
เบื้องหน้าด้วยสายตาเย็นชา ฮาเดสนอนหมอบมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างไม่กะพริบตาแต่ไม่คิดจะเข้าไปช่วย
ชาร์ฟมองดูเพื่อนกรรมการนักเรียนถูกคิลกัดอย่างสนุกสนาน รีน่ามองอาเรสด้วยสายตาที่แฝงความสะใจปน
สมเพช บรรดานักเรียนปี 1 ที่เหลือต่างดูด้วยอารมณ์ที่ต่างกันไปทั้งขำ สนุก ตกใจ ไปจนถึงสมน้ำหน้า แหม...
ช่างรักเพื่อนรักพี่กันดีจริง ๆ
"ไอ้หมาบ้า แกจะปล่อยหรือไม่ปล่อย" อาเรสที่สุดจะทนความเจ็บไหวเรียกคทามาถือไว้ในมือเป็นเชิงขู่
คิลอ้าปากปล่อยมืออาเรสทันควัน ทำให้คนถูกกัดยิ่งได้ใจคิดว่าคลอฟวูฟตรงหน้ากลัวตน เลยทำเป็นย่างสามขุม
เข้าไปใกล้แล้วใช้คทาชี้หน้าคู่กัด คิลที่ควรจะเดินถอยหลังด้วยความกลัวกลับกระโจนเข้าใส่พลางส่งเสียงขู่ใน
ลำคอ จนอาเรสต้องสาวเท้าทอยหลังหนี โดยที่ไม่รู้เลยว่าหากยังถอยไปเรื่อย ๆ จะต้องพบกับหายนะ
คิลที่รู้สถานการณ์ดีนึกสนุกทั้งขู่ทั้งเห่าจนอาเรสต้องก้าวถอยไปอีก คิลจ้องอาเรสเขม็งด้วยสายตาที่
พยายามจะสื่อว่า 'ฉันจะฟัดนายให้เละเลยคอยดู' อาเรสที่กำลังตระหนกกับหมาป่ายักษ์เบื้องหน้า ไม่ทันได้สังเกต
ว่าแววตาของมันนั้นพยายามซ่อนแววสนุกสะใจไว้แต่มันก็ไม่มิด คิลกระโจนเข้ากัดจุดที่หัวของบุรุษผู้เป็น
เป้าหมายเคยอยู่ เพราะหากอาเรสกระโดดถอยหลังหนีไม่ทันก็คงจะโดนงับไปเต็ม ๆ แต่แม้เขาจะรอดจากการ
ถูกงับมาได้ก็ยังไม่พ้นหายนะที่กำลังมาเยือนอยู่ดี
อาเรสที่กระโดดหลบการจู่โจมของศัตรูลงถึงพื้นอย่างสวยงาม เท้าขวาของเขาเหยียบเข้ากับอะไรบาง
อย่างนิ่ม ๆ คิลที่แปลงเป็นร่างมนุษย์แล้วอมยิ้มมองเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ฮาเดสที่นอนหมอบอยู่ดี ๆ ลุก
พรวดขึ้นยืนแล้วหันได้กัดก้นท่านประธานนักเรียน อาเรสร้องจ๊ากกระโดดออกจากจุดที่ยืนอยู่ ฮาเดสจึงหลุด
เป็นอิสระเมื่อบุรุษที่เหยียบหางมันยกเอาเท้าออกไป ฮาเดสไม่รอช้าเมื่อหลุดมาได้ก็เปลี่ยนร่างเป็นคนทันทีเพื่อไม่
ให้เหตุการณ์เดิมเกิดซ้ำขึ้นอีก
"หน็อย...เจ้าหมาบ้าพวกนี้ ฉันจะคิดบัญชีกับพวกแกทีหลัง...อูย" อาเรสกล่าวอย่างแค้นเคียงพลางลูบ
ตรงที่โดนกัดป้อย ๆ เรียกเสียงฮาจากบรรดารุ่นน้องทั้งหลายได้ซะดังกระหึ่ม รวมไปถึงชาร์ฟที่ลงไปนั่งหัวเราะอยู่
กับพื้นแล้วพลางเอามือกุมท้องไปด้วย
"หยุดหัวเราะเดี๋ยวนี้นะ ฉันบอกให้หยุด !!" อาเรสตะโกนสั่งหน้าขึ้นสีเรื่ออย่างอับอายปนโกรธ
รุ่นน้องบางคนพยายามกั้นหัวเราะ บางคนอมยิ้ม บางคนยังหลุดหัวเราะออกมา แต่ชาร์ฟกับเอรีอาน่า
ยังหัวเราะอย่างเอาเป็นเอาตายโดนไม่สนใจใครหน้าไหนทั้งนั้น สิ่งที่เห็นทำให้อาเรสรู้สึกทั้งอายทั้งโกรธ อาเรส
พึมพำบริกรรมคาถา สิ้นสุดเสียงอักษรสุดท้ายของคาถาฟองสบู่ขนาดใหญ่ก่อตัวล้อมรอบร่างปี 1 ทั้ง 12 คนรวม
ไปถึงชาร์ลด้วย มันยกให้ร่างของทั้ง 13 ลอยสูงขึ้นจากพื้นประมาณหนึ่งเมตร
"นี่คือบทลงโทษรวมถึงการรับน้องของปีนี้ด้วย ส่วนของแก ไอ้ชาร์ฟ ฉันแถมให้เป็นกรณีพิเศษ"
อาเรสว่าด้วยน้ำเสียงและรอยยิ้มเหี้ยมเกรียม เสียงหัวเราะทั้งหมดเงียบลง ชาร์ฟหน้าถอดสี รุ่นน้องที่
กำลังได้เข้าร่วมการรับน้องอย่างไม่ทันตั้งตัวหน้าซีดไปตาม ๆ กัน เจ้าของคลอฟวูฟสีรัตกาลยืนมองรุ่นพี่ประธาน
นักเรียนด้วยสีหน้าเรียบเฉยและสายตาเย็นชา เอรีอาน่าเหยียดยิ้มอย่างสนุกสนานและจ้องมองอาเรสด้วยสายตาที่
แฝงแววสมเพช อาเรสที่มองการกระทำของทั้งสองต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงงเมื่อไม่เข้าใจว่ารุ่นน้องของเขาทั้งสอง
คนคิดอะไรอยู่กันแน่
"พวกเธอต้องทำยังไงก็ได้ให้ฟองสบู่นี่แตก ถ้าทำไม่ได้ก็อยู่ในนั้นจนกว่าจะทำได้ เข้าใจนะ" อาเรส
อธิบายโดยพยายามซ่อนสีหน้าสงสัยเอาไว้
"เอาล่ะ ทีนี้ก็เริ่มได้" พูดจบอาเรสก็ถอยห่างออกจากบริเวณที่มีฟองสบู่ลอยอยู่
"ไอ้อาเรส นี่แกเอาจริงเหรอวะ เฮ้ย ! ฉันไม่เกี่ยวนะเว้ย" ชาร์ฟโวยวายใส่เพื่อนซี้
"ก็บอกแล้วไงว่าแถมให้" ประธานนักเรียนตอบด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ
"ปอดแหกเหรอท่านเสนาฯ" เรน่ายืนยิ้มสะใจ มองเพื่อนของตน
เปออซไม่รอฟังบทสนทนาของบรรดารุ่นพี่ทั้งหลาย เริ่มร่ายเวทสร้างบอลพลังที่เกิดจาดสายลมหมุน
วนไปมา แล้วส่งมันไปกระทบกับผนังฟองสบู่ ลูกพลังที่อัดกระทบกับฟองสบู่แทนที่จะทำลายฟองได้โดยง่าย กลับ
ถูกสะท้อนไปกระทบผิวฟองอีกฟากแล้วสะท้อนไปมาอยู่ในนั้น
"เจี๊ยกกกก นี่มันอะไรกันเนี่ย" เปออซร้องลั่นพลางหลบลูกพลังเป็นพันลวัน
"ฮ่า ๆ ๆ ลืมบอกไปว่าพลังที่เบาเกินไปจะให้ผลแบบนี้ล่ะ กร๊ากกกก" อาเรสหัวเราะเอาเป็นเอาตาย
เมื่อเห็นท่าทีของรุ่นน้องตน
"หึ ๆ ๆ" เสียงหัวเราะที่ดังขึ้นหยุดเสียงหัวเราะของอาเรสลงฉับพลัน
"ดูถูกกันเกินไปแล้วล่ะครับ ท่านประธานนักเรียน" ลูซิเฟอร์พูดขึ้น สายตาเต็มไปด้วยความสนุก
สะใจ
ลูซิเฟอร์บริกรรมคาถาเบา ๆ สร้างเปลวสายน้ำสีมรกตขึ้นรอบตัวแล้วส่งสายน้ำพุ่งเข้าหาเป้าหมายใน
จุดเดียว ฟองสบู่แตกกระจายทันทีที่สายน้ำกระทบถูกเป้าหมาย ร่างของลูซิเฟอร์ตกลงสู่พื้นอย่างไม่ทันตั้งตัวตาม
แรงดึงดูดของโลก
'โครม !' "แว้กกกก" ลูซิเฟอร์ร่วงลงมาก้นกระแทกพื้นอย่างจัง เรียกเสียงฮาครืนจากทุกคนในห้อง
"เงียบไปเลยนะ ! ออกมาให้ได้ก่อนเถอะแล้วค่อยมาหัวเราะ" ลูซิเฟอร์ส่งสายตาอาฆาตให้ทุกคนใน
ห้อง ไม่เว้นแม้แต่อาเรส
"สงสัยรุ่นน้องขี้เก็กของเราจะอารมณ์เสียซะแล้วสิ ฮ่า ๆ ๆ" ชาร์ฟพูดแหย่แล้วหัวเราะลั่น
'เปรี้ยง !' 'โครม !' "จ๊ากกก !!!" เสียงกระสุนเวทกระแทกฟองสบู่แตกกระจาย ทิ้งร่างเสนาฯ ปากพล่อย
กระแทกพื้นดังโครม ตามมาด้วยเสียงร้องของเจ้าตัว
คนก่อเหตุยืนกอดอกหันไปทางอื่นทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้
"หนอย ! ชั้นเป็นเสนาธิการนะเฟ้ย ! กล้าดียังไงมาทำแบบนี้ !" ชาร์ฟจ้องลูซิเฟอร์เขม็งด้วยสายตาอาฆาต
"จะโกรธทำไมล่ะครับ ผมก็แค่ทำให้รุ่นพี่เจอแบบเดียวกับผมบ้างก็เท่านั้นเอง" ลูซิเฟอร์พูดด้วยน้ำเสียงยั่วโทสะ
พลางยักคิ้วกวน ๆ ส่งไปให้
"ไอ้เด็กบ้า ! เตรียมตัวต... โอ๊ย !!" ท่าเเสนา ฯ พูดยังไม่ทันจบประโยคหนังสือเล่มหนาก็ถูกปามากระแทกหัว
"พวกนานยจะกัดกันทำบ้าอะไร ! เป็นพี่เป็นน้องกันแล้วนะ จะญาติดีกันไว้ไม่ได้รึไงฮะ !" รีน่าที่มองการทะเลาะกัน
อยู่นานทนไม่ไหว ระเบิดอารมณ์ใส่ชาร์ฟ
"ก...ก็ไอ้เด็กนั่นมัน..." ชาร์ฟอึกอัก พยายามจะเถียง
"เงียบไปเลยนะ ! แล้วนายไม่ผิดหรือไง ! ทำอะไรหัดคิดมั่งสิยะ ! โตขนาดนี้แล้วก็รู้จักคิดมั่งเวลาจะทำอะไรน่ะ !
ฉันไม่สนหรอกนะว่าใครผิด ! แต่ถ้าพวกเธอรู้จักให้อภัยกันบ้างก็คงไม่ต้องมาทะเลาะกันเรื่องบ้า ๆ แบบนี้หรอก !" รีน่าใส่เป็นชุด
ชาร์ฟได้แต่ก้มหน้านิ่งรับผิดแต่โดยดีลูซิเฟอร์เองก็เงียบไปเลยเนื่องจากตัวเองก็มีส่วนผิด อาเรสยืนนิ่งมอง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้วคิดย้อนไปถึงตัวเอง บรรดาปี 1 ทั้งหลายรู้สึก ๆ ได้ถึงบรรยากาศอึมครึมพากันเงียบกริบ เอรีอาน่าลอบยิ้ม
น้อย ๆ ที่มุมปาก
รีน่าพยายามระงับอารมณ์ที่พุ่งพล่าน แล้วเดินกลับมายืนข้าง ๆ อาเรส ประธานนักเรียนคนเก่งเขยิบเท้าออกห่าง
รีน่าหันมองอาเรส ก็พอเข้าใจว่าเขาก็คงเกรง ๆ เธอเหมือนกัน
"เฮ้ย ! อีก 11 คนน่ะ มัวทำอะไรอยู่ อย่าให้งานรับน้องที่ฉันอุตส่าห์จัดขึ้นมากร่อยสิเฟ้ย !" อาเรสตะโกนบอกบรรดา
รุ่นน้องหวังจะทำลายบรรยากาศมาคุนี่เสีย
"จัดให้เลยท่านประธานนักเรียน" เอรีอาน่าว่า ทำสีหน้าระริกระรี้
เธอเริ่มร่ายเวท เกิดสายลมพัดกระหน่ำอยู่ภายในฟองสบู่ เส้นผมสีม่วงแดงปลิวสะบัดตามแรงลม ไม่นานกระแสลม
แรงก็ทลายฟองสบู่ได้ ร่างระหงตีลังกากลางอากาศลงถึงพื้นอย่างสวยงาม อาเรสมองอย่างประทับใจ 'ปีนี้คงมีอะไรสนุก ๆ เยอะแน่'
อาเรสคิดในใจ
"ตานายแล้วท่านประธานปี 1"
เอรีอาน่ามองหน้าเอลเรนาสอย่างท้าทาย เอลเรนาสมองตอบกลับ แล้วเริ่มรวบรวมสมาธิร่ายเวท เปลวไฟร้อนระอุ
พวยพุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ทลายฟองสบู่อย่างง่ายดาย เท่านั้นไม่พอ ยังเผื่อแผ่ไปทำลายฟองสบู่ของคนอื่น ๆ จนหมด ร่างสูงค่อย ๆ
ลอยลงมายืนกับพื้นอย่างสง่างาม แต่ดันปล่อยร่างเพื่อนพ้องให้รวงลงมากระแทกพื้นกันระเนระนาด มีเพียงลูเคีนและเฟรีย่าเท่านั้น
ที่ตั้งตัวทัน และลงมายืนบนพื้นได้อย่างสวยงาม
'แปะ ๆ ๆ ๆ'
"เยี่ยมมาก พวกเธอนี่สุดยอกจริง ๆ ฉันอยากให้อาจารย์ใหญ่ได้มาเห็นจังเลย" อาเรสตบมือ แววตาที่มองมาทาง
รุ่นน้องแฝงไว้ด้วยความชื่นชม
"สุดยอกเลย ฉันขอชื่นชมในความสามารถของพวกเธอ ฉันจะคอยจับตาดูพวกเธอ จนกว่าฉันจะจบออกไปจากที่นี่"
รีน่าพูดขึ้นพลางกวาดสายตามองรุ่นน้องของเธอ
"แสดงให้พวกเราดูหน่อยเถอะ พลังของพวกเธอ... แล้วพวกเราจะคอยดู" ท่าทีของชาร์ฟดูสุขุมเยือกเย็นกว่าตอน
แรก น้ำเสียงเคร่งขรึมผิดไปจากเดิม
"วันนี้พวกเธอจะได้พักผ่อนกันอย่างเต็มที่ พรุ่งนี้ถึงจะเริ่มการเรียนการสอน พวกเราไปล่ะ" อาเรสพูดแล้วเดินออกไป
จากห้องพร้อมกับเสนา ฯ ทั้งสอง
"องค์ชายเอลเรนาส เซโรนาดีฟ แห่ง เฟรเดีย เด็กคนนั้น คือท่านจริง ๆ ใช่ไหม" อาเรสพูดด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วย
ความกังวล ความเศร้าและความหวาดกลัว
รีน่าก้มมองพื้น แววตาทอประกายหวั่นไหว ชาร์ฟเองก็มีอาการไม่ต่างกับคนอื่น
"ของให้เรื่องทั้งหมด จบลงด้วยดีเถอะ" สายลมเบาบางหอบเอาคำพูดของชาร์ฟลอยไปในอากาศ
______________________________________________________________________________________
จบอีกตอนแย้ว เมนท์ๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น