ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Secret School (S.S.)

    ลำดับตอนที่ #4 : Third Lesson : อดีต The Past

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ย. 51


                          เบื้องหลังบานประตูเป็นห้องโล่ง ๆ อีกตามเคย แต่คราวนี้ไม่มีเสากลมแล้ว แต่มีโต๊ะคริสตัลตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องแทน และประตูจากทื่มีหนึ่งก็เพิ่มมาเป็นสาม เหนือประตูบานซ้ายมือมีตัวเลข 1 เขียนอยู่แล้วเรียงมาทางขวา เรียวเซสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปหาโต๊ะตัวนั้น  บนโต๊ะว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปแตะด้วยความสงสัย เพียงปลายนิ้วสัมผัสก็มีแสงสีดำเรืองออกมา แล้วจางลงพร้อมตัวหนังสือที่ปรากฏขึ้น
                     มันเป็นบทกลอนที่แกะสลักเป็นภาษาประหลาดด้วยลายมืออันงดงาม อ่านแล้วได้ความว่า
                     '        ประตูหนึ่งในสามบาน        ทางผ่านสู่จุดมุ่งหมาย
                      เพียงหนึ่งที่อยู่ในใจ                   ทางใดเจ้าต้องเลือกเอง'
                     เรียวเซจดจ้องข้อความนั้นอยู่พักหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าไม่มีแววของการครุ่นคิดหรืออะไรทั้งนั้น ยังคงนิ่งและมีเพียงร่องรอยของความขุ่นมัวที่ยังไม่จางหายไป เด็กหนุ่มไล่กวาดสายตามองประตูสามบานสลับไปสลับมา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่ประตูบานที่ 1 แล้วเปิดออกโดยไม่ลังเล ภาพเบื้องหลังประตูมีเพียงความมืดมิด เรียวเซขยับเท้าถอยออกมาก้าวหนึ่ง แล้วชะงัก  เหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขา เขารู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังประตู ใจหนึ่งอยากจะถอยออกมา  แต่อีกใจกำลังตอบรับเสียงเรียกหานั้น
                     ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานเสียงเรียกนั้นได้ จากที่เป็นเพียงความรู้สึกก็เริ่มชัดเจนขึ้น เป็นเสียงแหบทุ้มก้องอยู่ในหัว  เรียวเซค่อย ๆ ก้าวผ่านบานประตูนั้นไป  สายตามองฝ่าไปในความมืด แต่ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี  จู่ประตูที่เขาเปิดทิ้งไว้ก็ปิดลงดังปัง
                     ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดโดยสมบูรณ์ ไม่มีแสงส่องลอดประตูมาอีกแล้ว พักหนึ่งก็มีแสงสว่างสีฟ้าเรืองรองออกมาจากจุดหนึ่งที่น่าจะอยู่ตรงกลางห้องพอดี เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้มันด้วยความใคร่รู้  เมื่อเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งจึงเห็นว่ามันเป็นแท่นคริสตัลเหมือนห้องที่ผ่านมา แต่คราวนี้มีอักษรสลักเป็นบทกลอนไว้อยู่แล้ว เขาไล่สายตาอ่านมันทีวรรค
                     '     เพียงน้ำตาหยดหนึ่งซึ่งในจิต           เพียงนิมิตรนำพาความฉิบหาย
                      เพียงหวั่นไหวคล้อยตามย่อมวอดวาย     เพียงจิตใจแน่แน่วแคล้วคลาดเอย'
                     อ่านจบ นิ้วเรียวก็ไล้ไปตามตัวอักษรแต่ละตัวจนมาหยุดอยู่ที่ตัวสุดท้าย  แสงสีฟ้าสาดจ้าไปทั่วห้อง ก่อนที่ห้องทั้งห้องจะกลายเป็นใต้ท้องน้ำสีคราม
                     ร่างของเด็กหนุ่มจมลงช้า ๆ อย่างไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับกาย  น่าแปลกที่เขาสามารถหายใจในน้ำนี้ได้ สายตาของเขาทอดมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย  เบื้องหน้าของเขาปรากฏภาพสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นถนนสายใหญ่  
                     เด็กหญิงตัวเล็กอายุราว 5 ขวบ  หน้าตาน่ารักกำลังเล่นเครื่องบินกระดาษอยู่บนเกาะกลางถนน  เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดรวบไว้ 2 ข้างไหวตามแรงขยับตัว  นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส  ผิวขาวนวลสะท้อนประกายแสงอาทิตย์  โดยมีชายอายุราว 30 ต้น ๆ  ยืนพูดอะไรบางสิ่งอยู่ข้าง  ซึ่งเรียวเซไม่อาจได้ยินมัน แต่ก็พอเดาได้ว่ามันคงเป็นคำเตือน  เล็กมีเด็กชายอีกคนที่น่าจะอายุเท่ากัน  ยืนอมยิ้มมองการกระทำของเด็กหญิง  นัยน์ตาสีแดงสดฉายแววของความสุข เรือนผมสีดำขลับพริ้วสะบัดตามแรงลม
                     พลันสายลมเอื่อย ๆ  กลับกรรโชกแรงขึ้นจนเด็กหญิงตัวเล็กถลาออกไปที่ถนน  แต่โชคดีที่ชายคนนั้นจับไว้ทัน  สิ่งที่ปลิวไปนอนอยู่กลางถนนจึงมีเพียงเครื่องบินกระดาษเท่านั้น  เมื่อลมสงบลง เด็กหญิงดิ้นจนหลุดออกจากการจับกุมของชายคนนั้น  วิ่งลงไปเก็บเครื่องบินกระดาษโดยไม่รอสัญญาณไฟคนข้าม  รถบรรทุกที่วิ่งเข้ามานั้น กว่าจะเห็นเธอก็ช้าเกินกว่าจะเบรกแล้ว  ชายวัย 30 เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหวังจะอุ้มเธอหลบรถ  แต่ก็ช้าเกินไป  จึงได้แต่ผลักเธอ จนกระเด็นออกไปที่ทางเดินเท้าอีกฝั่งหนึ่ง  ส่วนเขาก็รับแรกกระแทกจากรถบรรทุกไปเต็ม ๆ  ร่างสูงลอยขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาห่างจากจุดเดิมหลายเมตร  เลือดสีสดไหลนองพื้น ร่างนั้นแน่นิ่งไปทันที  เด็กชายที่ยืนอยู่ตรงเกาะกลางถนนตะโกนบางอย่าง  นัยน์ตาเบิกค้างทรุดลงนั่งกับพื้น  หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินอาบแก้ม  หยดลงพื้นจนเปียกไปหมด  รถที่ตามมาข้างหลังหยุดชะงักทันที  เด็กหญิงที่อยู่อีกฝั่งเองก็มีอาการเดียวกัน  ร่างเล็กร้องไห้โฮ ปล่อยให้ร่างกายที่ไร้แรงพิงเสาไฟฟ้า หยาดน้ำตาไหลเปียกเสื้อผ้าและพื้น
                     สายตาแข็งกร้าวของเรียวเซอ่อนลงทันที ภาพร่างสูงลอยขึ้นแล้วตกลงมาที่เดิมยังฉายซ้ำวนไปวนมาอยู่ในหัว  เรียวเซยื่นมืออกไปข้างหน้าราวจะคว้ามันไว้  แววตาของเขาสั่นไหวน้อย ๆ  อยู่ ๆ บทกลอนที่เขาได้อ่านตรงแท่นก็วิ่งเข้ามาในหัว เขาค่อย ๆ หลับตาลง สลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัว  นิ่งเนิ่นนาน  ความเงียบดำเนินไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด  แล้วแสงสว่างจ้าเล็ดลอดผ่านเปลือกตาเข้ามา ทำให้เขาต้องค่อย ๆ ลืมตา แสงสว่างจึงค่อย ๆ จางลง  สิ่งที่เขาเห็นคือกุญแจดอกเล็กลักษณะแปลก ๆ เปล่งแสงสีทองออกมา  เขาค่อยคว้ามันเอาไว้ แสงสีทองสาดจ้าอีกครั้ง เรียวเซหลับตาลง แล้วเผยอเปลือกตาขึ้นอีกครั้งเมื่องแสงหายไป  สิ่งที่เห็นคือเขาได้กลับมายืนอยู่ในห้องโล่ง ๆ อีกครั้ง  แต่ครั้งนี้สิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมคือ แท่นคริสตัลได้หายไปแล้ว และสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนคือบานประตูสีแดงทีทอแสงอ่อน ๆ
                     เรียวเซค่อย ๆ เดินเข้าไปหามันอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะเข้าไปเปิดมันหรือเปล่า  เมื่อเข้ามาใกล้ถึงสามารถมองเห็นลายสลักบนบานประตูได้  มันเป็นรูปดาบเล่มใหญ่ที่ถูกตีขึ้นมาอย่างงดงาม  ตัวดาบทั้งเล่มเป็นสีแดงสด  ด้ามดาบสลักเป็นรูปมังกร กันดาบฝังทับทิมเม็ดงามไว้ แม้จะเป็นภาพสลักบนบานประตูก็ยังดูรู้ว่ามันคมแค่ไหน
                     เด็กหนุ่มไขกุญแจช้า ๆ  แล้วผลักประตูกออกไป เบื้องหลังประตูมีเพียงภาพขาวโพลน  แล้วเขาก็ก้าวผ่านบานประตูออกไปอย่างไม่รีรอ
    ________________________________________________________________
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×