ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Third Lesson : อดีต The Past
เบื้องหลังบานประตูเป็นห้องโล่ง ๆ อีกตามเคย แต่คราวนี้ไม่มีเสากลมแล้ว แต่มีโต๊ะคริสตัลตัวหนึ่งตั้งอยู่กลางห้องแทน และประตูจากทื่มีหนึ่งก็เพิ่มมาเป็นสาม เหนือประตูบานซ้ายมือมีตัวเลข 1 เขียนอยู่แล้วเรียงมาทางขวา เรียวเซสาวเท้ายาว ๆ เข้าไปหาโต๊ะตัวนั้น บนโต๊ะว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่เลย เด็กหนุ่มเอื้อมมือไปแตะด้วยความสงสัย เพียงปลายนิ้วสัมผัสก็มีแสงสีดำเรืองออกมา แล้วจางลงพร้อมตัวหนังสือที่ปรากฏขึ้น
มันเป็นบทกลอนที่แกะสลักเป็นภาษาประหลาดด้วยลายมืออันงดงาม อ่านแล้วได้ความว่า
' ประตูหนึ่งในสามบาน ทางผ่านสู่จุดมุ่งหมาย
เพียงหนึ่งที่อยู่ในใจ ทางใดเจ้าต้องเลือกเอง'
เรียวเซจดจ้องข้อความนั้นอยู่พักหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าไม่มีแววของการครุ่นคิดหรืออะไรทั้งนั้น ยังคงนิ่งและมีเพียงร่องรอยของความขุ่นมัวที่ยังไม่จางหายไป เด็กหนุ่มไล่กวาดสายตามองประตูสามบานสลับไปสลับมา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่ประตูบานที่ 1 แล้วเปิดออกโดยไม่ลังเล ภาพเบื้องหลังประตูมีเพียงความมืดมิด เรียวเซขยับเท้าถอยออกมาก้าวหนึ่ง แล้วชะงัก เหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขา เขารู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังประตู ใจหนึ่งอยากจะถอยออกมา แต่อีกใจกำลังตอบรับเสียงเรียกหานั้น
ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานเสียงเรียกนั้นได้ จากที่เป็นเพียงความรู้สึกก็เริ่มชัดเจนขึ้น เป็นเสียงแหบทุ้มก้องอยู่ในหัว เรียวเซค่อย ๆ ก้าวผ่านบานประตูนั้นไป สายตามองฝ่าไปในความมืด แต่ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี จู่ประตูที่เขาเปิดทิ้งไว้ก็ปิดลงดังปัง
ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดโดยสมบูรณ์ ไม่มีแสงส่องลอดประตูมาอีกแล้ว พักหนึ่งก็มีแสงสว่างสีฟ้าเรืองรองออกมาจากจุดหนึ่งที่น่าจะอยู่ตรงกลางห้องพอดี เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้มันด้วยความใคร่รู้ เมื่อเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งจึงเห็นว่ามันเป็นแท่นคริสตัลเหมือนห้องที่ผ่านมา แต่คราวนี้มีอักษรสลักเป็นบทกลอนไว้อยู่แล้ว เขาไล่สายตาอ่านมันทีวรรค
' เพียงน้ำตาหยดหนึ่งซึ่งในจิต เพียงนิมิตรนำพาความฉิบหาย
เพียงหวั่นไหวคล้อยตามย่อมวอดวาย เพียงจิตใจแน่แน่วแคล้วคลาดเอย'
อ่านจบ นิ้วเรียวก็ไล้ไปตามตัวอักษรแต่ละตัวจนมาหยุดอยู่ที่ตัวสุดท้าย แสงสีฟ้าสาดจ้าไปทั่วห้อง ก่อนที่ห้องทั้งห้องจะกลายเป็นใต้ท้องน้ำสีคราม
ร่างของเด็กหนุ่มจมลงช้า ๆ อย่างไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับกาย น่าแปลกที่เขาสามารถหายใจในน้ำนี้ได้ สายตาของเขาทอดมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย เบื้องหน้าของเขาปรากฏภาพสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นถนนสายใหญ่
เด็กหญิงตัวเล็กอายุราว 5 ขวบ หน้าตาน่ารักกำลังเล่นเครื่องบินกระดาษอยู่บนเกาะกลางถนน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดรวบไว้ 2 ข้างไหวตามแรงขยับตัว นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส ผิวขาวนวลสะท้อนประกายแสงอาทิตย์ โดยมีชายอายุราว 30 ต้น ๆ ยืนพูดอะไรบางสิ่งอยู่ข้าง ซึ่งเรียวเซไม่อาจได้ยินมัน แต่ก็พอเดาได้ว่ามันคงเป็นคำเตือน เล็กมีเด็กชายอีกคนที่น่าจะอายุเท่ากัน ยืนอมยิ้มมองการกระทำของเด็กหญิง นัยน์ตาสีแดงสดฉายแววของความสุข เรือนผมสีดำขลับพริ้วสะบัดตามแรงลม
พลันสายลมเอื่อย ๆ กลับกรรโชกแรงขึ้นจนเด็กหญิงตัวเล็กถลาออกไปที่ถนน แต่โชคดีที่ชายคนนั้นจับไว้ทัน สิ่งที่ปลิวไปนอนอยู่กลางถนนจึงมีเพียงเครื่องบินกระดาษเท่านั้น เมื่อลมสงบลง เด็กหญิงดิ้นจนหลุดออกจากการจับกุมของชายคนนั้น วิ่งลงไปเก็บเครื่องบินกระดาษโดยไม่รอสัญญาณไฟคนข้าม รถบรรทุกที่วิ่งเข้ามานั้น กว่าจะเห็นเธอก็ช้าเกินกว่าจะเบรกแล้ว ชายวัย 30 เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหวังจะอุ้มเธอหลบรถ แต่ก็ช้าเกินไป จึงได้แต่ผลักเธอ จนกระเด็นออกไปที่ทางเดินเท้าอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนเขาก็รับแรกกระแทกจากรถบรรทุกไปเต็ม ๆ ร่างสูงลอยขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาห่างจากจุดเดิมหลายเมตร เลือดสีสดไหลนองพื้น ร่างนั้นแน่นิ่งไปทันที เด็กชายที่ยืนอยู่ตรงเกาะกลางถนนตะโกนบางอย่าง นัยน์ตาเบิกค้างทรุดลงนั่งกับพื้น หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินอาบแก้ม หยดลงพื้นจนเปียกไปหมด รถที่ตามมาข้างหลังหยุดชะงักทันที เด็กหญิงที่อยู่อีกฝั่งเองก็มีอาการเดียวกัน ร่างเล็กร้องไห้โฮ ปล่อยให้ร่างกายที่ไร้แรงพิงเสาไฟฟ้า หยาดน้ำตาไหลเปียกเสื้อผ้าและพื้น
สายตาแข็งกร้าวของเรียวเซอ่อนลงทันที ภาพร่างสูงลอยขึ้นแล้วตกลงมาที่เดิมยังฉายซ้ำวนไปวนมาอยู่ในหัว เรียวเซยื่นมืออกไปข้างหน้าราวจะคว้ามันไว้ แววตาของเขาสั่นไหวน้อย ๆ อยู่ ๆ บทกลอนที่เขาได้อ่านตรงแท่นก็วิ่งเข้ามาในหัว เขาค่อย ๆ หลับตาลง สลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัว นิ่งเนิ่นนาน ความเงียบดำเนินไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด แล้วแสงสว่างจ้าเล็ดลอดผ่านเปลือกตาเข้ามา ทำให้เขาต้องค่อย ๆ ลืมตา แสงสว่างจึงค่อย ๆ จางลง สิ่งที่เขาเห็นคือกุญแจดอกเล็กลักษณะแปลก ๆ เปล่งแสงสีทองออกมา เขาค่อยคว้ามันเอาไว้ แสงสีทองสาดจ้าอีกครั้ง เรียวเซหลับตาลง แล้วเผยอเปลือกตาขึ้นอีกครั้งเมื่องแสงหายไป สิ่งที่เห็นคือเขาได้กลับมายืนอยู่ในห้องโล่ง ๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้สิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมคือ แท่นคริสตัลได้หายไปแล้ว และสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนคือบานประตูสีแดงทีทอแสงอ่อน ๆ
เรียวเซค่อย ๆ เดินเข้าไปหามันอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะเข้าไปเปิดมันหรือเปล่า เมื่อเข้ามาใกล้ถึงสามารถมองเห็นลายสลักบนบานประตูได้ มันเป็นรูปดาบเล่มใหญ่ที่ถูกตีขึ้นมาอย่างงดงาม ตัวดาบทั้งเล่มเป็นสีแดงสด ด้ามดาบสลักเป็นรูปมังกร กันดาบฝังทับทิมเม็ดงามไว้ แม้จะเป็นภาพสลักบนบานประตูก็ยังดูรู้ว่ามันคมแค่ไหน
เด็กหนุ่มไขกุญแจช้า ๆ แล้วผลักประตูกออกไป เบื้องหลังประตูมีเพียงภาพขาวโพลน แล้วเขาก็ก้าวผ่านบานประตูออกไปอย่างไม่รีรอ
________________________________________________________________
มันเป็นบทกลอนที่แกะสลักเป็นภาษาประหลาดด้วยลายมืออันงดงาม อ่านแล้วได้ความว่า
' ประตูหนึ่งในสามบาน ทางผ่านสู่จุดมุ่งหมาย
เพียงหนึ่งที่อยู่ในใจ ทางใดเจ้าต้องเลือกเอง'
เรียวเซจดจ้องข้อความนั้นอยู่พักหนึ่ง ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าไม่มีแววของการครุ่นคิดหรืออะไรทั้งนั้น ยังคงนิ่งและมีเพียงร่องรอยของความขุ่นมัวที่ยังไม่จางหายไป เด็กหนุ่มไล่กวาดสายตามองประตูสามบานสลับไปสลับมา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปที่ประตูบานที่ 1 แล้วเปิดออกโดยไม่ลังเล ภาพเบื้องหลังประตูมีเพียงความมืดมิด เรียวเซขยับเท้าถอยออกมาก้าวหนึ่ง แล้วชะงัก เหมือนมีบางสิ่งกำลังเรียกหาเขา เขารู้สึกถึงบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังประตู ใจหนึ่งอยากจะถอยออกมา แต่อีกใจกำลังตอบรับเสียงเรียกหานั้น
ในที่สุดเด็กหนุ่มก็ไม่อาจต้านทานเสียงเรียกนั้นได้ จากที่เป็นเพียงความรู้สึกก็เริ่มชัดเจนขึ้น เป็นเสียงแหบทุ้มก้องอยู่ในหัว เรียวเซค่อย ๆ ก้าวผ่านบานประตูนั้นไป สายตามองฝ่าไปในความมืด แต่ไม่ว่าจะมองเท่าไหร่ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี จู่ประตูที่เขาเปิดทิ้งไว้ก็ปิดลงดังปัง
ทุกอย่างตกอยู่ในความมืดโดยสมบูรณ์ ไม่มีแสงส่องลอดประตูมาอีกแล้ว พักหนึ่งก็มีแสงสว่างสีฟ้าเรืองรองออกมาจากจุดหนึ่งที่น่าจะอยู่ตรงกลางห้องพอดี เขาค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าไปใกล้มันด้วยความใคร่รู้ เมื่อเข้ามาใกล้ในระยะหนึ่งจึงเห็นว่ามันเป็นแท่นคริสตัลเหมือนห้องที่ผ่านมา แต่คราวนี้มีอักษรสลักเป็นบทกลอนไว้อยู่แล้ว เขาไล่สายตาอ่านมันทีวรรค
' เพียงน้ำตาหยดหนึ่งซึ่งในจิต เพียงนิมิตรนำพาความฉิบหาย
เพียงหวั่นไหวคล้อยตามย่อมวอดวาย เพียงจิตใจแน่แน่วแคล้วคลาดเอย'
อ่านจบ นิ้วเรียวก็ไล้ไปตามตัวอักษรแต่ละตัวจนมาหยุดอยู่ที่ตัวสุดท้าย แสงสีฟ้าสาดจ้าไปทั่วห้อง ก่อนที่ห้องทั้งห้องจะกลายเป็นใต้ท้องน้ำสีคราม
ร่างของเด็กหนุ่มจมลงช้า ๆ อย่างไม่รู้ว่าจะไปหยุดอยู่ที่ไหน ตอนนี้เขาไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับกาย น่าแปลกที่เขาสามารถหายใจในน้ำนี้ได้ สายตาของเขาทอดมองออกไปอย่างไร้จุดหมาย เบื้องหน้าของเขาปรากฏภาพสถานที่แห่งหนึ่ง เป็นถนนสายใหญ่
เด็กหญิงตัวเล็กอายุราว 5 ขวบ หน้าตาน่ารักกำลังเล่นเครื่องบินกระดาษอยู่บนเกาะกลางถนน เส้นผมสีน้ำตาลเข้มที่มัดรวบไว้ 2 ข้างไหวตามแรงขยับตัว นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส ผิวขาวนวลสะท้อนประกายแสงอาทิตย์ โดยมีชายอายุราว 30 ต้น ๆ ยืนพูดอะไรบางสิ่งอยู่ข้าง ซึ่งเรียวเซไม่อาจได้ยินมัน แต่ก็พอเดาได้ว่ามันคงเป็นคำเตือน เล็กมีเด็กชายอีกคนที่น่าจะอายุเท่ากัน ยืนอมยิ้มมองการกระทำของเด็กหญิง นัยน์ตาสีแดงสดฉายแววของความสุข เรือนผมสีดำขลับพริ้วสะบัดตามแรงลม
พลันสายลมเอื่อย ๆ กลับกรรโชกแรงขึ้นจนเด็กหญิงตัวเล็กถลาออกไปที่ถนน แต่โชคดีที่ชายคนนั้นจับไว้ทัน สิ่งที่ปลิวไปนอนอยู่กลางถนนจึงมีเพียงเครื่องบินกระดาษเท่านั้น เมื่อลมสงบลง เด็กหญิงดิ้นจนหลุดออกจากการจับกุมของชายคนนั้น วิ่งลงไปเก็บเครื่องบินกระดาษโดยไม่รอสัญญาณไฟคนข้าม รถบรรทุกที่วิ่งเข้ามานั้น กว่าจะเห็นเธอก็ช้าเกินกว่าจะเบรกแล้ว ชายวัย 30 เห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งเข้าไปหวังจะอุ้มเธอหลบรถ แต่ก็ช้าเกินไป จึงได้แต่ผลักเธอ จนกระเด็นออกไปที่ทางเดินเท้าอีกฝั่งหนึ่ง ส่วนเขาก็รับแรกกระแทกจากรถบรรทุกไปเต็ม ๆ ร่างสูงลอยขึ้นฟ้าแล้วตกลงมาห่างจากจุดเดิมหลายเมตร เลือดสีสดไหลนองพื้น ร่างนั้นแน่นิ่งไปทันที เด็กชายที่ยืนอยู่ตรงเกาะกลางถนนตะโกนบางอย่าง นัยน์ตาเบิกค้างทรุดลงนั่งกับพื้น หยาดน้ำใส ๆ ไหลรินอาบแก้ม หยดลงพื้นจนเปียกไปหมด รถที่ตามมาข้างหลังหยุดชะงักทันที เด็กหญิงที่อยู่อีกฝั่งเองก็มีอาการเดียวกัน ร่างเล็กร้องไห้โฮ ปล่อยให้ร่างกายที่ไร้แรงพิงเสาไฟฟ้า หยาดน้ำตาไหลเปียกเสื้อผ้าและพื้น
สายตาแข็งกร้าวของเรียวเซอ่อนลงทันที ภาพร่างสูงลอยขึ้นแล้วตกลงมาที่เดิมยังฉายซ้ำวนไปวนมาอยู่ในหัว เรียวเซยื่นมืออกไปข้างหน้าราวจะคว้ามันไว้ แววตาของเขาสั่นไหวน้อย ๆ อยู่ ๆ บทกลอนที่เขาได้อ่านตรงแท่นก็วิ่งเข้ามาในหัว เขาค่อย ๆ หลับตาลง สลัดความคิดทั้งหมดออกจากหัว นิ่งเนิ่นนาน ความเงียบดำเนินไปอย่างไม่มีจุดสิ้นสุด แล้วแสงสว่างจ้าเล็ดลอดผ่านเปลือกตาเข้ามา ทำให้เขาต้องค่อย ๆ ลืมตา แสงสว่างจึงค่อย ๆ จางลง สิ่งที่เขาเห็นคือกุญแจดอกเล็กลักษณะแปลก ๆ เปล่งแสงสีทองออกมา เขาค่อยคว้ามันเอาไว้ แสงสีทองสาดจ้าอีกครั้ง เรียวเซหลับตาลง แล้วเผยอเปลือกตาขึ้นอีกครั้งเมื่องแสงหายไป สิ่งที่เห็นคือเขาได้กลับมายืนอยู่ในห้องโล่ง ๆ อีกครั้ง แต่ครั้งนี้สิ่งที่ต่างออกไปจากเดิมคือ แท่นคริสตัลได้หายไปแล้ว และสิ่งหนึ่งที่ปรากฏขึ้นมาแทนคือบานประตูสีแดงทีทอแสงอ่อน ๆ
เรียวเซค่อย ๆ เดินเข้าไปหามันอย่างไม่ค่อยแน่ใจนักว่าควรจะเข้าไปเปิดมันหรือเปล่า เมื่อเข้ามาใกล้ถึงสามารถมองเห็นลายสลักบนบานประตูได้ มันเป็นรูปดาบเล่มใหญ่ที่ถูกตีขึ้นมาอย่างงดงาม ตัวดาบทั้งเล่มเป็นสีแดงสด ด้ามดาบสลักเป็นรูปมังกร กันดาบฝังทับทิมเม็ดงามไว้ แม้จะเป็นภาพสลักบนบานประตูก็ยังดูรู้ว่ามันคมแค่ไหน
เด็กหนุ่มไขกุญแจช้า ๆ แล้วผลักประตูกออกไป เบื้องหลังประตูมีเพียงภาพขาวโพลน แล้วเขาก็ก้าวผ่านบานประตูออกไปอย่างไม่รีรอ
________________________________________________________________
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น