ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Secret School (S.S.)

    ลำดับตอนที่ #2 : First Lesson : Secret School

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 51


                       ท้องฟ้ายามจันทราเต็มดวงสว่างเจิดจ้าด้วยแสงของดวงจันทร์  แสงไฟในเมืองหากมองจากมุมสูงจะสวยมากทีเดียว  ในเวลาที่ผู้คนต่างอยู่ในนิทรา บนถนนสายเล็กกลับมีร่างสูงของใครบางคนวิ่งหลบแสงไปจากไฟข้างถนนอยู่   ร่างสูงมุ่งหน้าเข้าหาตึกสูงตระหง่านอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ  จนในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่หน้าตึกกระจกหลังใหญ่

                   ร่างสูงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วผลักประตูกระจกเข้าไป  ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่รู้สึกมานานกลับมาอีกครั้งทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป  ความรู้สึกเหมือนในอกมันว่างไปหมด  ความหนาวยะเยือกที่ชวนขนลุก  ความเงียบปกคลุดไปทั่วทุกสิ่ง  ความมืดมิดกำลังบดบังสายตาของเขา
                   เด็กหนุ่มเดินลงฝีเท้าเบาที่สุดไปตามทางที่จำได้ ไม่นานนักเข้าก็มาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์  หน้าลิฟต์มืดสนิทไมแสงไฟแม้สักนิด  เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าตอนนี้ลิฟต์ใช้การไม่ได้

                   'ให้ตายเถอะ !  แล้วจะให้ขึ้นบันไดไปหรือไง' เด็กหนุ่มคิดอย่างหัวเสีย  ก็จะให้ขึ้นบันไดจากใช้นหนึ่งไปดาดฟ้าของตึกสูง 80 ชั้นเนี่ยนะ  ถ้าไม่เหนื่อยตายระหว่างทางก็คงไปตายเอาบนดาดฟ้า ไม่งั้นก็คงตกบันไดตาย  เด็กหนุ่มเดินมาที่หน้าบันไดซึ่งอยู่ไม่ห่างจากลิฟต์มากนัก
                   ดวงตาคมสีแดงเลือดมองฝ่าความมืดขึ้นไปตามขั้นบันได
                   
                   "เอาก็เอาวะ" เรียวเซสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป
                   
                   ตัวเลขบอกชั้นผ่านไปเรื่อย ๆ  รอบข้างยังคงถูกปกคลุมไปด้วยควมมืดมิด  เรียวเวตัดสินใจหยุดพัก  นั่งลงตรงขั้นบันได  สายตาจดจ้องอยู่ที่ตัวเลขชั้น 21 อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้  เมื่อเวลาผ่านไป ความเหน็ดเหนื่อยได้จางหายลงไปบ้าง เขาจึงเริ่มวิ่งต่อ

                   ตัวเลขที่ผ่านสายตาเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ  กำลังแรงและความเร็วลดลงไปตามจำนวนชั้นที่เหลือน้อยลง ยิ่งวิ่งขึ้นมาสูงเท่าไหร่ก็ยิ่มเหนื่อยมากเท่านั้น  เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าคมคาย

                   5 ชั้น...4 ชั้น...3...2...1... ปัง !
                   เรียวเซกระแทกมประตูดาดฟ้าเปิดออกเต็มแรง  มือขวาค้ำกับบานประตูเพื่อไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น  เหงื่อไหลหยดลงมาตามปอยผมสีดำเงา  ลมหายใจหอบถี่ หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะกระเด็นออกจากอก  ขาสั่นด้วยความล้าจากการวิ่งขึ้นบันได  เรียวเซค่อย ๆ พยุงร่างกายเดินไปหาคน 2 คนที่อยู่บนนี้ก่อนแล้ว
                   คนหนึ่งเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก  ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงเอว  ผิวขาวนวลเนียน  ร่างเล็ก ดูบอบบาง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส  แต่บัดนี้กำลังอ่อนแสงเพราะความเหนื่อยล้า  กำลังนั่งหอบอยู่กับพื้น
                   ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาพอไปวัดไปวา  สูงกว่าเด็กสาวคนแรกเพียงเล็กน้อย เส้นผมสีดำเปียกชื้นนั่งอยู่ข้างระเบียงกั้น
                   ร่างสูงเอนหลังพิงระเบียงกั้น ยกนาฬิกาข้อมือดู  เหลือเวลาอีกเพียง 2 นาที จะเที่ยงคืนแล้ว  บรรยากาศบนระเบียงเงียบสงัด  ไร้สรรพเสียงใด ๆ รบกวน  มีเพียงเสียงหายใจถี่ ๆ ของพวกเขาสลับกัน
                   เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงนาที  ทั้ง 3 ต่างคิดว่าคงไม่มีใครมาเพิ่ม แต่ไม่ทันไรประตูดาดฟ้าก็ถูกเปิดผัวะอีกครั้ง  คราวนี้เป้นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ดูเป็นผ้ใหญ่กว่า  ผมยาวสีทองนุ่มสลวยมีหยาดเหงื่อไหลหยดลงมา  นัยน์ตาสีนิลแลดูอ่อนโยน แฝงความเหนื่อยล้า  ผิวขาวเนียนต้องแสงจันทร์  ร่างโปร่งระหงทรุดลงนั่งอยู่ตรงหน้าประตู

                   ฉับพลัน ลมเย็นเยือกพัดมา ชวนให้ขนลุก  บรรยากาศรอบข้างมืดลงไปอีกเมื่อมีหมอกจำนวนมากเข้าบดบังแสงจันทร์จนมิด  เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 พยุงร่างกายที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นยืน แล้วมองหน้ากันราวกับนัดหมายกันมา  ก่อนจะเพ่งมองไม่ยังจุดเดียวกัน
                   จากอากาศที่ว่างเปล่ามืดมิด ปรากฏเงาร่างของคน ๆ หนึ่ง เดินเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อย ๆ  จนมาอยู่ในระยะที่มองเห็นได้ชัดขึ้น  ร่างกายสูงใหญ่ถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมสีดำยาวระพื้น ชายชุดคลุมขาดวิ่นปลิวสะบัดตามแรงลง  ในหน้าถูกซ่อนอยู่ภายใต้เงาของฮูท   โดยรวมดูแล้วน่าหวาดผวาอยู่ไม่น้อย

                   "พวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว  ข้าขอดูบัตรของพวกเจ้าหน่อยได้ไหม" เสียงแหบห้าว ฟังดูหน้าขนลุกดังมาจากชายร่างสูงใหญ่เบื้องหน้า
                   เด็กสาวที่อยู่หน้าประตูเดินเข้ามารวมกับพวกเขา  เรียวเซยื่นบัตรสีดำที่มีตราโรงเรียน Secret School ให้  มือของเขาสั่นน้อย ๆ  แต่เขาก็พยายามระงับอาการสั่นเอาไว้  บุรุษตรงหน้ารับไปดูพยักหน้าให้แล้วเก็บใส่กระเป๋า  นัยน์ตาภายใต้เงากวาดมองเด็กทั้ง 3  ทุกคนเลยยื่นบัตรให้ด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ
                   "ขอเชิญพวกเจ้าไป Secret World พร้อมกับข้า" ร่างสูงใหญ่หันหลังกลับ  อากาศเบื้องหน้าถูกแหวกออกเป็นช่องว่าง  พอมองเข้าไปก็เห็นเพียงความมืดลึกลงไปเท่านั้น  ร่างภายใต้ชุดคลุมไม่รีรอก้าวเท้าเข้าไปทันที  เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 ต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ ชั่งใจดูว่าจะตามไปดีหรือไม่  แล้วเด็กสาวร่างเล็กก็ก้าวตามไปเมื่อบุคคลที่นำเข้าไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรอพวกเธอเลย   เด็กหนุ่มอีกคนจึงรีบตามไปด้วย  เด็กสาวร่างสูงหันมามองเรียวเซแล้ววิ่งตามอีก 2 คนไป  เรียวเซมองทั้งสาม และบุคคลที่เดินนำอยู่อย่างไม่ค่อยไว้ใจ  แต่สุดท้ายก็จำต้องเดินตามเข้าไป  ช่องว่างที่ถูกแหวกออกบีบตัวเล็กลงที่สุดก็หายไป

                   ภายในช่องว่างนั้นมืดมิด  ลำแสงสารพัดสีวิ่งสวนกันไปมา ดูแล้วลายตา มองไม่เห็นทั้งพื้นทั้งท้องฟ้า  มองไปรอบข้างก็มีเพียงลำแสงวิ่งไปมากับความว่างเปล่า  คล้ายอยู่ใต้สมุทรลึกที่หาพื้นก็ไม่ได้หาฟ้าก็ไม่เจอ ประมาณนั้น
                   บุคคลทั้ง 5 เดินมาเกาะกลุ่มกันเพื่อไม่ให้หลง  เพราะหากหลงขึ้นมาคงไม่มีโอกาสได้ออกไป หลังจากเดินตามร่างสูงใหญ่ไปได้สักพักซึ่งเหมือนราวกับเป็นปีสำหรับเด็กทั้ง 4  ภาพเบื้องหน้าก็เริ่มปรากฏแสงสว่างเล็ก ๆ ขึ้นมา   และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้     จนในที่สุดก็มาถึง  แสงสว่างที่เห็นคือทางออกของช่องว่างมิตินี่
                   ทั้ง 5 ก้าวตามกันออกมาแล้วก็พบว่า...

                   "เหวออออ !!!"ร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กร่วงจากกลางอากาศลงสู่พื้น  'ตุ้บ !' เมื่อฟังจากเสียงแล้วเหมือนจะกระแทกไม่แรงเท่าไหร่  แต่ความสูงจากที่ร่วงลงไปนี่พอ ๆ  กับตึก 10 ชั้นเลยทีเดียว
                   "กรี๊ดดดด !!" 'ตุ๊บ !' "โอ๊ย !!" รายต่อมาเป็นเด็กสาวผมทองที่เดินไม่ทันดู หวีดร้องลั่นพร้อมกับร่างที่ดิ่งลงไปทับร่างเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย ตามด้วยเสียงร้องของเขา
                   เรียวเซทิ้งตัวลงสู่พื้นด้วยท่วงท่าที่สง่างาม  เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้แรงกระแทกของ 2 ร่างเมื่อครู่นี้มีไม่มากนัก
                   "ว้ายย ! กรี๊ดดดด !!" เด็กสาวร่างเล็กคนสุดท้าย เดินออกมาจากปากทางออก ร่วงลงสู่เบื้องล่าง  รู้ทั้งรู้ว่ามันอยุ่กลางอากาศ แต่ก็ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรถึงได้ตกลงมากับคนอื่นด้วย
                   เรียวเซรับร่างบางที่ตกลงตรงหน้าเขาได้ทันพอดี  แต่ก็ดันไม่มีน้ำใจพอ ปล่อยร่างสาวน้อยร่วงตุ้บลงพื้น

                   "ตาบ้า ! วางดี ๆ ไม่ได้รึไงยะ" เด็กสาวลุกขึ้นได้ก็โวยลั่นพรางลูบก้นป้อย ๆ 
                   "..." เรียวเซเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ แต่มองเธอด้วยสายตาประมาณว่าช่วยแล้วยังไม่รู้จักขอบคุณอีก
                   "เชอะ ! ถึงนายจะทำงานให้พ่อ แต่ก็อย่าหวังว่าฉันจะอภัยให้นายนะ" เด็กสาวยิ่งเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นสายตาที่มองมาของเรียวเซ
                   "ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย" เรียวเซย้อนน้ำเสียงนิ่งสนิท
                   "นี่ ! นาย.."
                   "ใจเย็น ๆ ก่อน  คุณหนูรินะ" เด็กหนุ่มอีกคนดึงแขนร่างเล็กไว้
                   "นายไม่ต้องมายุ่งได้มั้ยเก็นโซ" เด็กสาวนามรินะสะบัดแขนออกจากมือของคนที่ชื่อเก็นโซอย่างไม่ไยดี

                   ร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดคลุมสีดำลอยลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล  แล้วออกเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจการทะเลาะกันของบุคคลที่เขาพามา  และไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาจะตามเขาไปไหม   ทั้ง 4 มองหน้ากันอีกครั้ง  รินะเชิดใส่เรียวเซแล้วเดินตามร่างสูงใหญ่ไป  เก็นโซมองหน้าเรียวเซด้วยสีหน้าและสายตาไม่พอใจ แล้วก้าวฉับ ๆ ตามรินะไป  เด็กสาวร่างสูงอีกคนหันมายิ้มบาง ๆ ให้เรียวเซแล้วตามไปอีกคน   เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่พักหนึ่ง  ก่อนตัดสินใจก้าวยาว ๆ ตามไป
                   สถานที่ที่พวกเขามาเป็นเมืองขนาดใหญ่แต่ดูไม่ค่อยมีความเจริญสักเท่าไหร่  ลักษณะคล้ายเมืองในสมัยโบราณ  ภาหนะยังใช้เป็นพวกม้าพวกเกวียนกันอยู่  บ้านก็เป็นบ้านหลังไม้ใหญ่นัก  มีทั้งบ้านไม้และบ้านที่สร้างจากอิฐ  พื้นเป็นถนนไม่มีการทำถนนคอนกรีตเหมือนในโลกที่พวกเขาอยู่  แต่ชาวเมืองดูเป็นมิตรมาก  พ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่าง ๆ พาก็แข่งเรียกลูกค้ากันยกใหญ่  พวกเด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นกันเป็นกลุ่ม
                   แต่ไม่ว่าพวกเขาเดินผ่านไปทางไหน ชาวบ้านแถวนั้นจะมีทีท่าคล้ายกับกลัวพวกเขาแล้วพากันไปหลบตามซอกมุมต่าง ๆ  ถ้าพูดให้ถูกน่าจะเป็นกลัวคนที่เดินนำหน้าพวกเขามากกว่า
                   นานพอสมควรกว่พวกเขาจะหลุดออกมาจากเขตเมือง  เบื้องหน้าของพวกเขาตอนนี้คือเกาะขนากใหญ่ยักษ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบที่ใหญ่กว่าเกาะนี้เป็นเท่าตัว  มองไปฝั่งของเกาะจะเห็นปราสาทเก่าแก่ขนาดใหญ่ ยอดปราสาทสูงชะลูด  ชนิดที่ว่างอยู่ห่างเป็นกิโลก็ยังเห็นได้
                   สะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งที่พวกเขากำลังจะเดินข้ามนั้น เป็นสะพานที่ใหญ่และอลังการมาก  ตัวสะพานทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากคริสตัลสีฟ้าใส  เสาสะพานมีทั้งหมด 6 ต้น แกะสลักเป็นลายมังกรพันรอบเสาอย่างวิจิตร  หลังคามีโคมไฟที่ทำจากคริสตัลห้อยลงมามากมายนับไม่ถ้วน  เมื่อบวกกับผิวน้ำนิ่งสงสีมรกตที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายแพรวพราวอยู่นี้นับว่าเป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียว
                   เมื่อพวกเขาก้าวเท้าขึ้นไปบนสะพาน  มันให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ สงบ เยือกเย็น  ราวกับมีวิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อารักขาอยู่
                   พวกเขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงกลางสะพานได้  อยู่ ๆ น้ำในทะเลสาบที่เคยสงบก็กลับปั่นป่วนขึ้นมา  ในทะเลสาบที่น้ำไม่น่าจะไหลไปไหนได้กลับกำลังมีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก  เกิดกระแสน้ำวนมากมายขึ้นในทะเลยสาบ  น้ำสีมรกตแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม  สายน้ำพวยพุ่งขึ้นบนฟ้าแล้วไหลตกย้อยกลับลงมา  เหลือเพียงร่างมักรสีฟ้าขนาดใหญ่  เกล็ดมังกรเรียงกันอย่างสวยงาม  ดวงตาสีครามทอประกายล้อแสงอาทิตย์  เขาสีฟ้าใสคล้ายเขากวาง ลำตัวยาวคล้ายงู ขา 2 คู่ มีกรงเล็บแหลมคม
                   มันหันหัวใหญ่ ๆ ของมันมามองพวกเขาบนสะพาน  ร่างสูงใหญ่มีทีท่าชะงักตลึงงัน  มังกรตัวใหญ่พุ่งเข้าชนร่างสูงใหญ่นั้นจนกระเด็นจากกลางสะพานไปตกบนฝั่งเกาะ  แล้วหันกลับมามองพวกเด็ก ๆ 4 คน  มันเอาหัวพุ่งชนเก็นโซ  เอาลำตัวฟาดเด็กสาวร่างสูง และเอาหางฟาดเรียวเซจนกระเด็นตกน้ำไปหมด  เหลือเพียงรินะที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น ตาโตเท่าไข่ห่าน ตัวเกร็งน้อย ๆ  เหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านใบหน้าขาวนวล
                   นัยน์ตาน่าเกรงขามสีครามจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตากลโตของเธอราวจะสื่ออะไรบางอย่าง  แต่แล้วมันก็หันกลับแล้วพุ่งตัวลงน้ำไป  ชนกับเก็นโซที่เพิ่งจะตะเกียกตะกายขึ้นมาบนน้ำได้  เรียวเซว่ายไปช่วยพยุงเด็กสาวร่างสูงขึ้นฝั่ง  ทิ้งใหเก็นโซตะเกียกตะกายขึ้นมาเอง  รินะยังยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม  เก็นโซสำลักน้ำค่อกแค่กแล้วตะโกนเรียกสติของรินะ
                   "คุณหนูครับ  ลงมาได้แล้วครับ"
                   รินะที่เพิ่งเรียกสติกลับเข้ามาได้ สะดุ้งน้อย ๆ แล้ววิ่งลงจากสะพานมา  เรียวเซปรายตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์  แต่รินะกลับมองเขาด้วยสายตาฉายแววคล้ายขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องลงไปอาบน้ำเล่น
                   ร่างภายใต้ชุดคลุมเดินลงส้นคล้ายหงุดหงิดตรงไปที่ปราสาทสูงใหญ่  ทั้ง 4 จึงต้องรีบตามไป  
                   เมื่อเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้รู้กถึงความน่าพรั่นพรึง  ความเก่าแก่แฝงความลึกลับชวนให้ค้นหา  และยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกมันเรียกหาอยู่   ประตูไม้บานใหญ่เปิดออกช้า ๆ โดยที่ไม่มีใครแตะต้อง  เมื่อมีคนนำก็ย่อมมีคนตาม  พวกเขาเดินตามกันเข้าไปภายในปราสาท  แล้วประตูก็ปิดลงเอง โดยอัตโนมัติ
    ______________________________________________________
    จบซะทีน้อ  คงรอกันจนเซ็ง
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×