ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : First Lesson : Secret School
ท้องฟ้ายามจันทราเต็มดวงสว่างเจิดจ้าด้วยแสงของดวงจันทร์ แสงไฟในเมืองหากมองจากมุมสูงจะสวยมากทีเดียว ในเวลาที่ผู้คนต่างอยู่ในนิทรา บนถนนสายเล็กกลับมีร่างสูงของใครบางคนวิ่งหลบแสงไปจากไฟข้างถนนอยู่ ร่างสูงมุ่งหน้าเข้าหาตึกสูงตระหง่านอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ จนในที่สุดก็มาหยุดยืนอยู่หน้าตึกกระจกหลังใหญ่
ร่างสูงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วผลักประตูกระจกเข้าไป ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่รู้สึกมานานกลับมาอีกครั้งทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป ความรู้สึกเหมือนในอกมันว่างไปหมด ความหนาวยะเยือกที่ชวนขนลุก ความเงียบปกคลุดไปทั่วทุกสิ่ง ความมืดมิดกำลังบดบังสายตาของเขา
เด็กหนุ่มเดินลงฝีเท้าเบาที่สุดไปตามทางที่จำได้ ไม่นานนักเข้าก็มาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ หน้าลิฟต์มืดสนิทไมแสงไฟแม้สักนิด เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าตอนนี้ลิฟต์ใช้การไม่ได้
'ให้ตายเถอะ ! แล้วจะให้ขึ้นบันไดไปหรือไง' เด็กหนุ่มคิดอย่างหัวเสีย ก็จะให้ขึ้นบันไดจากใช้นหนึ่งไปดาดฟ้าของตึกสูง 80 ชั้นเนี่ยนะ ถ้าไม่เหนื่อยตายระหว่างทางก็คงไปตายเอาบนดาดฟ้า ไม่งั้นก็คงตกบันไดตาย เด็กหนุ่มเดินมาที่หน้าบันไดซึ่งอยู่ไม่ห่างจากลิฟต์มากนัก
ดวงตาคมสีแดงเลือดมองฝ่าความมืดขึ้นไปตามขั้นบันได
"เอาก็เอาวะ" เรียวเซสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป
ตัวเลขบอกชั้นผ่านไปเรื่อย ๆ รอบข้างยังคงถูกปกคลุมไปด้วยควมมืดมิด เรียวเวตัดสินใจหยุดพัก นั่งลงตรงขั้นบันได สายตาจดจ้องอยู่ที่ตัวเลขชั้น 21 อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ความเหน็ดเหนื่อยได้จางหายลงไปบ้าง เขาจึงเริ่มวิ่งต่อ
ตัวเลขที่ผ่านสายตาเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังแรงและความเร็วลดลงไปตามจำนวนชั้นที่เหลือน้อยลง ยิ่งวิ่งขึ้นมาสูงเท่าไหร่ก็ยิ่มเหนื่อยมากเท่านั้น เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าคมคาย
5 ชั้น...4 ชั้น...3...2...1... ปัง !
เรียวเซกระแทกมประตูดาดฟ้าเปิดออกเต็มแรง มือขวาค้ำกับบานประตูเพื่อไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เหงื่อไหลหยดลงมาตามปอยผมสีดำเงา ลมหายใจหอบถี่ หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะกระเด็นออกจากอก ขาสั่นด้วยความล้าจากการวิ่งขึ้นบันได เรียวเซค่อย ๆ พยุงร่างกายเดินไปหาคน 2 คนที่อยู่บนนี้ก่อนแล้ว
คนหนึ่งเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงเอว ผิวขาวนวลเนียน ร่างเล็ก ดูบอบบาง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส แต่บัดนี้กำลังอ่อนแสงเพราะความเหนื่อยล้า กำลังนั่งหอบอยู่กับพื้น
ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาพอไปวัดไปวา สูงกว่าเด็กสาวคนแรกเพียงเล็กน้อย เส้นผมสีดำเปียกชื้นนั่งอยู่ข้างระเบียงกั้น
ร่างสูงเอนหลังพิงระเบียงกั้น ยกนาฬิกาข้อมือดู เหลือเวลาอีกเพียง 2 นาที จะเที่ยงคืนแล้ว บรรยากาศบนระเบียงเงียบสงัด ไร้สรรพเสียงใด ๆ รบกวน มีเพียงเสียงหายใจถี่ ๆ ของพวกเขาสลับกัน
เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงนาที ทั้ง 3 ต่างคิดว่าคงไม่มีใครมาเพิ่ม แต่ไม่ทันไรประตูดาดฟ้าก็ถูกเปิดผัวะอีกครั้ง คราวนี้เป้นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ดูเป็นผ้ใหญ่กว่า ผมยาวสีทองนุ่มสลวยมีหยาดเหงื่อไหลหยดลงมา นัยน์ตาสีนิลแลดูอ่อนโยน แฝงความเหนื่อยล้า ผิวขาวเนียนต้องแสงจันทร์ ร่างโปร่งระหงทรุดลงนั่งอยู่ตรงหน้าประตู
ฉับพลัน ลมเย็นเยือกพัดมา ชวนให้ขนลุก บรรยากาศรอบข้างมืดลงไปอีกเมื่อมีหมอกจำนวนมากเข้าบดบังแสงจันทร์จนมิด เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 พยุงร่างกายที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นยืน แล้วมองหน้ากันราวกับนัดหมายกันมา ก่อนจะเพ่งมองไม่ยังจุดเดียวกัน
จากอากาศที่ว่างเปล่ามืดมิด ปรากฏเงาร่างของคน ๆ หนึ่ง เดินเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อย ๆ จนมาอยู่ในระยะที่มองเห็นได้ชัดขึ้น ร่างกายสูงใหญ่ถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมสีดำยาวระพื้น ชายชุดคลุมขาดวิ่นปลิวสะบัดตามแรงลง ในหน้าถูกซ่อนอยู่ภายใต้เงาของฮูท โดยรวมดูแล้วน่าหวาดผวาอยู่ไม่น้อย
"พวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว ข้าขอดูบัตรของพวกเจ้าหน่อยได้ไหม" เสียงแหบห้าว ฟังดูหน้าขนลุกดังมาจากชายร่างสูงใหญ่เบื้องหน้า
เด็กสาวที่อยู่หน้าประตูเดินเข้ามารวมกับพวกเขา เรียวเซยื่นบัตรสีดำที่มีตราโรงเรียน Secret School ให้ มือของเขาสั่นน้อย ๆ แต่เขาก็พยายามระงับอาการสั่นเอาไว้ บุรุษตรงหน้ารับไปดูพยักหน้าให้แล้วเก็บใส่กระเป๋า นัยน์ตาภายใต้เงากวาดมองเด็กทั้ง 3 ทุกคนเลยยื่นบัตรให้ด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ
"ขอเชิญพวกเจ้าไป Secret World พร้อมกับข้า" ร่างสูงใหญ่หันหลังกลับ อากาศเบื้องหน้าถูกแหวกออกเป็นช่องว่าง พอมองเข้าไปก็เห็นเพียงความมืดลึกลงไปเท่านั้น ร่างภายใต้ชุดคลุมไม่รีรอก้าวเท้าเข้าไปทันที เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 ต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ ชั่งใจดูว่าจะตามไปดีหรือไม่ แล้วเด็กสาวร่างเล็กก็ก้าวตามไปเมื่อบุคคลที่นำเข้าไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรอพวกเธอเลย เด็กหนุ่มอีกคนจึงรีบตามไปด้วย เด็กสาวร่างสูงหันมามองเรียวเซแล้ววิ่งตามอีก 2 คนไป เรียวเซมองทั้งสาม และบุคคลที่เดินนำอยู่อย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่สุดท้ายก็จำต้องเดินตามเข้าไป ช่องว่างที่ถูกแหวกออกบีบตัวเล็กลงที่สุดก็หายไป
ภายในช่องว่างนั้นมืดมิด ลำแสงสารพัดสีวิ่งสวนกันไปมา ดูแล้วลายตา มองไม่เห็นทั้งพื้นทั้งท้องฟ้า มองไปรอบข้างก็มีเพียงลำแสงวิ่งไปมากับความว่างเปล่า คล้ายอยู่ใต้สมุทรลึกที่หาพื้นก็ไม่ได้หาฟ้าก็ไม่เจอ ประมาณนั้น
บุคคลทั้ง 5 เดินมาเกาะกลุ่มกันเพื่อไม่ให้หลง เพราะหากหลงขึ้นมาคงไม่มีโอกาสได้ออกไป หลังจากเดินตามร่างสูงใหญ่ไปได้สักพักซึ่งเหมือนราวกับเป็นปีสำหรับเด็กทั้ง 4 ภาพเบื้องหน้าก็เริ่มปรากฏแสงสว่างเล็ก ๆ ขึ้นมา และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ จนในที่สุดก็มาถึง แสงสว่างที่เห็นคือทางออกของช่องว่างมิตินี่
ทั้ง 5 ก้าวตามกันออกมาแล้วก็พบว่า...
"เหวออออ !!!"ร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กร่วงจากกลางอากาศลงสู่พื้น 'ตุ้บ !' เมื่อฟังจากเสียงแล้วเหมือนจะกระแทกไม่แรงเท่าไหร่ แต่ความสูงจากที่ร่วงลงไปนี่พอ ๆ กับตึก 10 ชั้นเลยทีเดียว
"กรี๊ดดดด !!" 'ตุ๊บ !' "โอ๊ย !!" รายต่อมาเป็นเด็กสาวผมทองที่เดินไม่ทันดู หวีดร้องลั่นพร้อมกับร่างที่ดิ่งลงไปทับร่างเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย ตามด้วยเสียงร้องของเขา
เรียวเซทิ้งตัวลงสู่พื้นด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้แรงกระแทกของ 2 ร่างเมื่อครู่นี้มีไม่มากนัก
"ว้ายย ! กรี๊ดดดด !!" เด็กสาวร่างเล็กคนสุดท้าย เดินออกมาจากปากทางออก ร่วงลงสู่เบื้องล่าง รู้ทั้งรู้ว่ามันอยุ่กลางอากาศ แต่ก็ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรถึงได้ตกลงมากับคนอื่นด้วย
เรียวเซรับร่างบางที่ตกลงตรงหน้าเขาได้ทันพอดี แต่ก็ดันไม่มีน้ำใจพอ ปล่อยร่างสาวน้อยร่วงตุ้บลงพื้น
"ตาบ้า ! วางดี ๆ ไม่ได้รึไงยะ" เด็กสาวลุกขึ้นได้ก็โวยลั่นพรางลูบก้นป้อย ๆ
"..." เรียวเซเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ แต่มองเธอด้วยสายตาประมาณว่าช่วยแล้วยังไม่รู้จักขอบคุณอีก
"เชอะ ! ถึงนายจะทำงานให้พ่อ แต่ก็อย่าหวังว่าฉันจะอภัยให้นายนะ" เด็กสาวยิ่งเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นสายตาที่มองมาของเรียวเซ
"ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย" เรียวเซย้อนน้ำเสียงนิ่งสนิท
"นี่ ! นาย.."
"ใจเย็น ๆ ก่อน คุณหนูรินะ" เด็กหนุ่มอีกคนดึงแขนร่างเล็กไว้
"นายไม่ต้องมายุ่งได้มั้ยเก็นโซ" เด็กสาวนามรินะสะบัดแขนออกจากมือของคนที่ชื่อเก็นโซอย่างไม่ไยดี
ร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดคลุมสีดำลอยลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล แล้วออกเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจการทะเลาะกันของบุคคลที่เขาพามา และไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาจะตามเขาไปไหม ทั้ง 4 มองหน้ากันอีกครั้ง รินะเชิดใส่เรียวเซแล้วเดินตามร่างสูงใหญ่ไป เก็นโซมองหน้าเรียวเซด้วยสีหน้าและสายตาไม่พอใจ แล้วก้าวฉับ ๆ ตามรินะไป เด็กสาวร่างสูงอีกคนหันมายิ้มบาง ๆ ให้เรียวเซแล้วตามไปอีกคน เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจก้าวยาว ๆ ตามไป
สถานที่ที่พวกเขามาเป็นเมืองขนาดใหญ่แต่ดูไม่ค่อยมีความเจริญสักเท่าไหร่ ลักษณะคล้ายเมืองในสมัยโบราณ ภาหนะยังใช้เป็นพวกม้าพวกเกวียนกันอยู่ บ้านก็เป็นบ้านหลังไม้ใหญ่นัก มีทั้งบ้านไม้และบ้านที่สร้างจากอิฐ พื้นเป็นถนนไม่มีการทำถนนคอนกรีตเหมือนในโลกที่พวกเขาอยู่ แต่ชาวเมืองดูเป็นมิตรมาก พ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่าง ๆ พาก็แข่งเรียกลูกค้ากันยกใหญ่ พวกเด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นกันเป็นกลุ่ม
แต่ไม่ว่าพวกเขาเดินผ่านไปทางไหน ชาวบ้านแถวนั้นจะมีทีท่าคล้ายกับกลัวพวกเขาแล้วพากันไปหลบตามซอกมุมต่าง ๆ ถ้าพูดให้ถูกน่าจะเป็นกลัวคนที่เดินนำหน้าพวกเขามากกว่า
นานพอสมควรกว่พวกเขาจะหลุดออกมาจากเขตเมือง เบื้องหน้าของพวกเขาตอนนี้คือเกาะขนากใหญ่ยักษ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบที่ใหญ่กว่าเกาะนี้เป็นเท่าตัว มองไปฝั่งของเกาะจะเห็นปราสาทเก่าแก่ขนาดใหญ่ ยอดปราสาทสูงชะลูด ชนิดที่ว่างอยู่ห่างเป็นกิโลก็ยังเห็นได้
สะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งที่พวกเขากำลังจะเดินข้ามนั้น เป็นสะพานที่ใหญ่และอลังการมาก ตัวสะพานทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากคริสตัลสีฟ้าใส เสาสะพานมีทั้งหมด 6 ต้น แกะสลักเป็นลายมังกรพันรอบเสาอย่างวิจิตร หลังคามีโคมไฟที่ทำจากคริสตัลห้อยลงมามากมายนับไม่ถ้วน เมื่อบวกกับผิวน้ำนิ่งสงสีมรกตที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายแพรวพราวอยู่นี้นับว่าเป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียว
เมื่อพวกเขาก้าวเท้าขึ้นไปบนสะพาน มันให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ สงบ เยือกเย็น ราวกับมีวิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อารักขาอยู่
พวกเขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงกลางสะพานได้ อยู่ ๆ น้ำในทะเลสาบที่เคยสงบก็กลับปั่นป่วนขึ้นมา ในทะเลสาบที่น้ำไม่น่าจะไหลไปไหนได้กลับกำลังมีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก เกิดกระแสน้ำวนมากมายขึ้นในทะเลยสาบ น้ำสีมรกตแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม สายน้ำพวยพุ่งขึ้นบนฟ้าแล้วไหลตกย้อยกลับลงมา เหลือเพียงร่างมักรสีฟ้าขนาดใหญ่ เกล็ดมังกรเรียงกันอย่างสวยงาม ดวงตาสีครามทอประกายล้อแสงอาทิตย์ เขาสีฟ้าใสคล้ายเขากวาง ลำตัวยาวคล้ายงู ขา 2 คู่ มีกรงเล็บแหลมคม
มันหันหัวใหญ่ ๆ ของมันมามองพวกเขาบนสะพาน ร่างสูงใหญ่มีทีท่าชะงักตลึงงัน มังกรตัวใหญ่พุ่งเข้าชนร่างสูงใหญ่นั้นจนกระเด็นจากกลางสะพานไปตกบนฝั่งเกาะ แล้วหันกลับมามองพวกเด็ก ๆ 4 คน มันเอาหัวพุ่งชนเก็นโซ เอาลำตัวฟาดเด็กสาวร่างสูง และเอาหางฟาดเรียวเซจนกระเด็นตกน้ำไปหมด เหลือเพียงรินะที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น ตาโตเท่าไข่ห่าน ตัวเกร็งน้อย ๆ เหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านใบหน้าขาวนวล
นัยน์ตาน่าเกรงขามสีครามจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตากลโตของเธอราวจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่แล้วมันก็หันกลับแล้วพุ่งตัวลงน้ำไป ชนกับเก็นโซที่เพิ่งจะตะเกียกตะกายขึ้นมาบนน้ำได้ เรียวเซว่ายไปช่วยพยุงเด็กสาวร่างสูงขึ้นฝั่ง ทิ้งใหเก็นโซตะเกียกตะกายขึ้นมาเอง รินะยังยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม เก็นโซสำลักน้ำค่อกแค่กแล้วตะโกนเรียกสติของรินะ
"คุณหนูครับ ลงมาได้แล้วครับ"
รินะที่เพิ่งเรียกสติกลับเข้ามาได้ สะดุ้งน้อย ๆ แล้ววิ่งลงจากสะพานมา เรียวเซปรายตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์ แต่รินะกลับมองเขาด้วยสายตาฉายแววคล้ายขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องลงไปอาบน้ำเล่น
ร่างภายใต้ชุดคลุมเดินลงส้นคล้ายหงุดหงิดตรงไปที่ปราสาทสูงใหญ่ ทั้ง 4 จึงต้องรีบตามไป
เมื่อเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้รู้กถึงความน่าพรั่นพรึง ความเก่าแก่แฝงความลึกลับชวนให้ค้นหา และยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกมันเรียกหาอยู่ ประตูไม้บานใหญ่เปิดออกช้า ๆ โดยที่ไม่มีใครแตะต้อง เมื่อมีคนนำก็ย่อมมีคนตาม พวกเขาเดินตามกันเข้าไปภายในปราสาท แล้วประตูก็ปิดลงเอง โดยอัตโนมัติ
______________________________________________________
จบซะทีน้อ คงรอกันจนเซ็ง
ร่างสูงสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้วผลักประตูกระจกเข้าไป ความรู้สึกแปลก ๆ ที่ไม่รู้สึกมานานกลับมาอีกครั้งทันทีที่ย่างเท้าเข้าไป ความรู้สึกเหมือนในอกมันว่างไปหมด ความหนาวยะเยือกที่ชวนขนลุก ความเงียบปกคลุดไปทั่วทุกสิ่ง ความมืดมิดกำลังบดบังสายตาของเขา
เด็กหนุ่มเดินลงฝีเท้าเบาที่สุดไปตามทางที่จำได้ ไม่นานนักเข้าก็มาหยุดยืนอยู่หน้าลิฟต์ หน้าลิฟต์มืดสนิทไมแสงไฟแม้สักนิด เด็กหนุ่มรู้ทันทีว่าตอนนี้ลิฟต์ใช้การไม่ได้
'ให้ตายเถอะ ! แล้วจะให้ขึ้นบันไดไปหรือไง' เด็กหนุ่มคิดอย่างหัวเสีย ก็จะให้ขึ้นบันไดจากใช้นหนึ่งไปดาดฟ้าของตึกสูง 80 ชั้นเนี่ยนะ ถ้าไม่เหนื่อยตายระหว่างทางก็คงไปตายเอาบนดาดฟ้า ไม่งั้นก็คงตกบันไดตาย เด็กหนุ่มเดินมาที่หน้าบันไดซึ่งอยู่ไม่ห่างจากลิฟต์มากนัก
ดวงตาคมสีแดงเลือดมองฝ่าความมืดขึ้นไปตามขั้นบันได
"เอาก็เอาวะ" เรียวเซสูดหายใจเข้าเต็มปอดแล้ววิ่งขึ้นบันไดไป
ตัวเลขบอกชั้นผ่านไปเรื่อย ๆ รอบข้างยังคงถูกปกคลุมไปด้วยควมมืดมิด เรียวเวตัดสินใจหยุดพัก นั่งลงตรงขั้นบันได สายตาจดจ้องอยู่ที่ตัวเลขชั้น 21 อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าตนเองจะขึ้นมาได้ถึงขนาดนี้ เมื่อเวลาผ่านไป ความเหน็ดเหนื่อยได้จางหายลงไปบ้าง เขาจึงเริ่มวิ่งต่อ
ตัวเลขที่ผ่านสายตาเริ่มเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ กำลังแรงและความเร็วลดลงไปตามจำนวนชั้นที่เหลือน้อยลง ยิ่งวิ่งขึ้นมาสูงเท่าไหร่ก็ยิ่มเหนื่อยมากเท่านั้น เหงื่อเม็ดโป้งผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้าคมคาย
5 ชั้น...4 ชั้น...3...2...1... ปัง !
เรียวเซกระแทกมประตูดาดฟ้าเปิดออกเต็มแรง มือขวาค้ำกับบานประตูเพื่อไม่ให้ทรุดลงไปนั่งกับพื้น เหงื่อไหลหยดลงมาตามปอยผมสีดำเงา ลมหายใจหอบถี่ หัวใจเต้นรัวแรงเหมือนจะกระเด็นออกจากอก ขาสั่นด้วยความล้าจากการวิ่งขึ้นบันได เรียวเซค่อย ๆ พยุงร่างกายเดินไปหาคน 2 คนที่อยู่บนนี้ก่อนแล้ว
คนหนึ่งเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ผมสีน้ำตาลเข้มยาวถึงเอว ผิวขาวนวลเนียน ร่างเล็ก ดูบอบบาง นัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลอ่อนทอประกายสดใส แต่บัดนี้กำลังอ่อนแสงเพราะความเหนื่อยล้า กำลังนั่งหอบอยู่กับพื้น
ส่วนอีกคนเป็นเด็กหนุ่มหน้าตาพอไปวัดไปวา สูงกว่าเด็กสาวคนแรกเพียงเล็กน้อย เส้นผมสีดำเปียกชื้นนั่งอยู่ข้างระเบียงกั้น
ร่างสูงเอนหลังพิงระเบียงกั้น ยกนาฬิกาข้อมือดู เหลือเวลาอีกเพียง 2 นาที จะเที่ยงคืนแล้ว บรรยากาศบนระเบียงเงียบสงัด ไร้สรรพเสียงใด ๆ รบกวน มีเพียงเสียงหายใจถี่ ๆ ของพวกเขาสลับกัน
เหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงนาที ทั้ง 3 ต่างคิดว่าคงไม่มีใครมาเพิ่ม แต่ไม่ทันไรประตูดาดฟ้าก็ถูกเปิดผัวะอีกครั้ง คราวนี้เป้นเด็กสาวอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ดูเป็นผ้ใหญ่กว่า ผมยาวสีทองนุ่มสลวยมีหยาดเหงื่อไหลหยดลงมา นัยน์ตาสีนิลแลดูอ่อนโยน แฝงความเหนื่อยล้า ผิวขาวเนียนต้องแสงจันทร์ ร่างโปร่งระหงทรุดลงนั่งอยู่ตรงหน้าประตู
ฉับพลัน ลมเย็นเยือกพัดมา ชวนให้ขนลุก บรรยากาศรอบข้างมืดลงไปอีกเมื่อมีหมอกจำนวนมากเข้าบดบังแสงจันทร์จนมิด เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 พยุงร่างกายที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงขึ้นยืน แล้วมองหน้ากันราวกับนัดหมายกันมา ก่อนจะเพ่งมองไม่ยังจุดเดียวกัน
จากอากาศที่ว่างเปล่ามืดมิด ปรากฏเงาร่างของคน ๆ หนึ่ง เดินเข้ามาใกล้พวกเขาขึ้นเรื่อย ๆ จนมาอยู่ในระยะที่มองเห็นได้ชัดขึ้น ร่างกายสูงใหญ่ถูกปกคลุมด้วยชุดคลุมสีดำยาวระพื้น ชายชุดคลุมขาดวิ่นปลิวสะบัดตามแรงลง ในหน้าถูกซ่อนอยู่ภายใต้เงาของฮูท โดยรวมดูแล้วน่าหวาดผวาอยู่ไม่น้อย
"พวกเจ้าผ่านการทดสอบแล้ว ข้าขอดูบัตรของพวกเจ้าหน่อยได้ไหม" เสียงแหบห้าว ฟังดูหน้าขนลุกดังมาจากชายร่างสูงใหญ่เบื้องหน้า
เด็กสาวที่อยู่หน้าประตูเดินเข้ามารวมกับพวกเขา เรียวเซยื่นบัตรสีดำที่มีตราโรงเรียน Secret School ให้ มือของเขาสั่นน้อย ๆ แต่เขาก็พยายามระงับอาการสั่นเอาไว้ บุรุษตรงหน้ารับไปดูพยักหน้าให้แล้วเก็บใส่กระเป๋า นัยน์ตาภายใต้เงากวาดมองเด็กทั้ง 3 ทุกคนเลยยื่นบัตรให้ด้วยอาการกล้า ๆ กลัว ๆ
"ขอเชิญพวกเจ้าไป Secret World พร้อมกับข้า" ร่างสูงใหญ่หันหลังกลับ อากาศเบื้องหน้าถูกแหวกออกเป็นช่องว่าง พอมองเข้าไปก็เห็นเพียงความมืดลึกลงไปเท่านั้น ร่างภายใต้ชุดคลุมไม่รีรอก้าวเท้าเข้าไปทันที เด็กหนุ่มสาวทั้ง 4 ต่างยืนนิ่งอยู่กับที่ ชั่งใจดูว่าจะตามไปดีหรือไม่ แล้วเด็กสาวร่างเล็กก็ก้าวตามไปเมื่อบุคคลที่นำเข้าไปไม่มีทีท่าว่าจะหยุดรอพวกเธอเลย เด็กหนุ่มอีกคนจึงรีบตามไปด้วย เด็กสาวร่างสูงหันมามองเรียวเซแล้ววิ่งตามอีก 2 คนไป เรียวเซมองทั้งสาม และบุคคลที่เดินนำอยู่อย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่สุดท้ายก็จำต้องเดินตามเข้าไป ช่องว่างที่ถูกแหวกออกบีบตัวเล็กลงที่สุดก็หายไป
ภายในช่องว่างนั้นมืดมิด ลำแสงสารพัดสีวิ่งสวนกันไปมา ดูแล้วลายตา มองไม่เห็นทั้งพื้นทั้งท้องฟ้า มองไปรอบข้างก็มีเพียงลำแสงวิ่งไปมากับความว่างเปล่า คล้ายอยู่ใต้สมุทรลึกที่หาพื้นก็ไม่ได้หาฟ้าก็ไม่เจอ ประมาณนั้น
บุคคลทั้ง 5 เดินมาเกาะกลุ่มกันเพื่อไม่ให้หลง เพราะหากหลงขึ้นมาคงไม่มีโอกาสได้ออกไป หลังจากเดินตามร่างสูงใหญ่ไปได้สักพักซึ่งเหมือนราวกับเป็นปีสำหรับเด็กทั้ง 4 ภาพเบื้องหน้าก็เริ่มปรากฏแสงสว่างเล็ก ๆ ขึ้นมา และขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเดินเข้าไปใกล้ จนในที่สุดก็มาถึง แสงสว่างที่เห็นคือทางออกของช่องว่างมิตินี่
ทั้ง 5 ก้าวตามกันออกมาแล้วก็พบว่า...
"เหวออออ !!!"ร่างของเด็กหนุ่มตัวเล็กร่วงจากกลางอากาศลงสู่พื้น 'ตุ้บ !' เมื่อฟังจากเสียงแล้วเหมือนจะกระแทกไม่แรงเท่าไหร่ แต่ความสูงจากที่ร่วงลงไปนี่พอ ๆ กับตึก 10 ชั้นเลยทีเดียว
"กรี๊ดดดด !!" 'ตุ๊บ !' "โอ๊ย !!" รายต่อมาเป็นเด็กสาวผมทองที่เดินไม่ทันดู หวีดร้องลั่นพร้อมกับร่างที่ดิ่งลงไปทับร่างเด็กหนุ่มผู้โชคร้าย ตามด้วยเสียงร้องของเขา
เรียวเซทิ้งตัวลงสู่พื้นด้วยท่วงท่าที่สง่างาม เขาตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่ทำให้แรงกระแทกของ 2 ร่างเมื่อครู่นี้มีไม่มากนัก
"ว้ายย ! กรี๊ดดดด !!" เด็กสาวร่างเล็กคนสุดท้าย เดินออกมาจากปากทางออก ร่วงลงสู่เบื้องล่าง รู้ทั้งรู้ว่ามันอยุ่กลางอากาศ แต่ก็ไม่รู้เพราะสาเหตุอะไรถึงได้ตกลงมากับคนอื่นด้วย
เรียวเซรับร่างบางที่ตกลงตรงหน้าเขาได้ทันพอดี แต่ก็ดันไม่มีน้ำใจพอ ปล่อยร่างสาวน้อยร่วงตุ้บลงพื้น
"ตาบ้า ! วางดี ๆ ไม่ได้รึไงยะ" เด็กสาวลุกขึ้นได้ก็โวยลั่นพรางลูบก้นป้อย ๆ
"..." เรียวเซเลือกที่จะไม่ต่อปากต่อคำ แต่มองเธอด้วยสายตาประมาณว่าช่วยแล้วยังไม่รู้จักขอบคุณอีก
"เชอะ ! ถึงนายจะทำงานให้พ่อ แต่ก็อย่าหวังว่าฉันจะอภัยให้นายนะ" เด็กสาวยิ่งเลือดขึ้นหน้าเมื่อเห็นสายตาที่มองมาของเรียวเซ
"ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย" เรียวเซย้อนน้ำเสียงนิ่งสนิท
"นี่ ! นาย.."
"ใจเย็น ๆ ก่อน คุณหนูรินะ" เด็กหนุ่มอีกคนดึงแขนร่างเล็กไว้
"นายไม่ต้องมายุ่งได้มั้ยเก็นโซ" เด็กสาวนามรินะสะบัดแขนออกจากมือของคนที่ชื่อเก็นโซอย่างไม่ไยดี
ร่างสูงใหญ่ภายใต้ชุดคลุมสีดำลอยลงสู่พื้นอย่างนิ่มนวล แล้วออกเดินต่ออย่างไม่ใส่ใจการทะเลาะกันของบุคคลที่เขาพามา และไม่สนใจด้วยว่าพวกเขาจะตามเขาไปไหม ทั้ง 4 มองหน้ากันอีกครั้ง รินะเชิดใส่เรียวเซแล้วเดินตามร่างสูงใหญ่ไป เก็นโซมองหน้าเรียวเซด้วยสีหน้าและสายตาไม่พอใจ แล้วก้าวฉับ ๆ ตามรินะไป เด็กสาวร่างสูงอีกคนหันมายิ้มบาง ๆ ให้เรียวเซแล้วตามไปอีกคน เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่กับที่พักหนึ่ง ก่อนตัดสินใจก้าวยาว ๆ ตามไป
สถานที่ที่พวกเขามาเป็นเมืองขนาดใหญ่แต่ดูไม่ค่อยมีความเจริญสักเท่าไหร่ ลักษณะคล้ายเมืองในสมัยโบราณ ภาหนะยังใช้เป็นพวกม้าพวกเกวียนกันอยู่ บ้านก็เป็นบ้านหลังไม้ใหญ่นัก มีทั้งบ้านไม้และบ้านที่สร้างจากอิฐ พื้นเป็นถนนไม่มีการทำถนนคอนกรีตเหมือนในโลกที่พวกเขาอยู่ แต่ชาวเมืองดูเป็นมิตรมาก พ่อค้าแม่ค้าร้านรวงต่าง ๆ พาก็แข่งเรียกลูกค้ากันยกใหญ่ พวกเด็ก ๆ ออกมาวิ่งเล่นกันเป็นกลุ่ม
แต่ไม่ว่าพวกเขาเดินผ่านไปทางไหน ชาวบ้านแถวนั้นจะมีทีท่าคล้ายกับกลัวพวกเขาแล้วพากันไปหลบตามซอกมุมต่าง ๆ ถ้าพูดให้ถูกน่าจะเป็นกลัวคนที่เดินนำหน้าพวกเขามากกว่า
นานพอสมควรกว่พวกเขาจะหลุดออกมาจากเขตเมือง เบื้องหน้าของพวกเขาตอนนี้คือเกาะขนากใหญ่ยักษ์ที่ถูกล้อมรอบด้วยทะเลสาบที่ใหญ่กว่าเกาะนี้เป็นเท่าตัว มองไปฝั่งของเกาะจะเห็นปราสาทเก่าแก่ขนาดใหญ่ ยอดปราสาทสูงชะลูด ชนิดที่ว่างอยู่ห่างเป็นกิโลก็ยังเห็นได้
สะพานเชื่อมระหว่างสองฝั่งที่พวกเขากำลังจะเดินข้ามนั้น เป็นสะพานที่ใหญ่และอลังการมาก ตัวสะพานทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากคริสตัลสีฟ้าใส เสาสะพานมีทั้งหมด 6 ต้น แกะสลักเป็นลายมังกรพันรอบเสาอย่างวิจิตร หลังคามีโคมไฟที่ทำจากคริสตัลห้อยลงมามากมายนับไม่ถ้วน เมื่อบวกกับผิวน้ำนิ่งสงสีมรกตที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายแพรวพราวอยู่นี้นับว่าเป็นภาพที่สวยงามมากทีเดียว
เมื่อพวกเขาก้าวเท้าขึ้นไปบนสะพาน มันให้ความรู้สึกถึงความศักดิ์สิทธิ์ สงบ เยือกเย็น ราวกับมีวิญญาณหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์อารักขาอยู่
พวกเขาต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าจะมาถึงกลางสะพานได้ อยู่ ๆ น้ำในทะเลสาบที่เคยสงบก็กลับปั่นป่วนขึ้นมา ในทะเลสาบที่น้ำไม่น่าจะไหลไปไหนได้กลับกำลังมีสายน้ำไหลเชี่ยวกราก เกิดกระแสน้ำวนมากมายขึ้นในทะเลยสาบ น้ำสีมรกตแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าคราม สายน้ำพวยพุ่งขึ้นบนฟ้าแล้วไหลตกย้อยกลับลงมา เหลือเพียงร่างมักรสีฟ้าขนาดใหญ่ เกล็ดมังกรเรียงกันอย่างสวยงาม ดวงตาสีครามทอประกายล้อแสงอาทิตย์ เขาสีฟ้าใสคล้ายเขากวาง ลำตัวยาวคล้ายงู ขา 2 คู่ มีกรงเล็บแหลมคม
มันหันหัวใหญ่ ๆ ของมันมามองพวกเขาบนสะพาน ร่างสูงใหญ่มีทีท่าชะงักตลึงงัน มังกรตัวใหญ่พุ่งเข้าชนร่างสูงใหญ่นั้นจนกระเด็นจากกลางสะพานไปตกบนฝั่งเกาะ แล้วหันกลับมามองพวกเด็ก ๆ 4 คน มันเอาหัวพุ่งชนเก็นโซ เอาลำตัวฟาดเด็กสาวร่างสูง และเอาหางฟาดเรียวเซจนกระเด็นตกน้ำไปหมด เหลือเพียงรินะที่ยืนนิ่งเป็นรูปปั้น ตาโตเท่าไข่ห่าน ตัวเกร็งน้อย ๆ เหงื่อเย็น ๆ ไหลผ่านใบหน้าขาวนวล
นัยน์ตาน่าเกรงขามสีครามจ้องมองเข้าไปในนัยน์ตากลโตของเธอราวจะสื่ออะไรบางอย่าง แต่แล้วมันก็หันกลับแล้วพุ่งตัวลงน้ำไป ชนกับเก็นโซที่เพิ่งจะตะเกียกตะกายขึ้นมาบนน้ำได้ เรียวเซว่ายไปช่วยพยุงเด็กสาวร่างสูงขึ้นฝั่ง ทิ้งใหเก็นโซตะเกียกตะกายขึ้นมาเอง รินะยังยืนแข็งค้างอยู่ที่เดิม เก็นโซสำลักน้ำค่อกแค่กแล้วตะโกนเรียกสติของรินะ
"คุณหนูครับ ลงมาได้แล้วครับ"
รินะที่เพิ่งเรียกสติกลับเข้ามาได้ สะดุ้งน้อย ๆ แล้ววิ่งลงจากสะพานมา เรียวเซปรายตามองเธออย่างไม่สบอารมณ์ แต่รินะกลับมองเขาด้วยสายตาฉายแววคล้ายขอโทษที่เป็นต้นเหตุให้ทุกคนต้องลงไปอาบน้ำเล่น
ร่างภายใต้ชุดคลุมเดินลงส้นคล้ายหงุดหงิดตรงไปที่ปราสาทสูงใหญ่ ทั้ง 4 จึงต้องรีบตามไป
เมื่อเข้ามาใกล้ยิ่งทำให้รู้กถึงความน่าพรั่นพรึง ความเก่าแก่แฝงความลึกลับชวนให้ค้นหา และยังให้ความรู้สึกเหมือนกำลังถูกมันเรียกหาอยู่ ประตูไม้บานใหญ่เปิดออกช้า ๆ โดยที่ไม่มีใครแตะต้อง เมื่อมีคนนำก็ย่อมมีคนตาม พวกเขาเดินตามกันเข้าไปภายในปราสาท แล้วประตูก็ปิดลงเอง โดยอัตโนมัติ
______________________________________________________
จบซะทีน้อ คงรอกันจนเซ็ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น