คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : - 5th . แค่แกล้งสินะ
❝123 un deux trois .. ❞
โอเซฮุน.
“ก็.. เอ่อ..”
บอกตรงๆเลยว่าผมไปไม่เป็นกับคำถามของจื่อเทา นอกจากไม่รู้จะตอบอะไรแล้ว ผมยังรู้สึกเหมือนกำลังถูกว่า ไม่สิ.. มันเป็นคำด่าหรือเปล่า?
“ว่าไงล่ะ” อีกคนที่กำลังวุ่นวายกับการทำอาหารเอ่ยถามอีกครั้งโดยไม่มองหน้าผม
“ไม่รู้สิ...” ผมตอบไปตามที่คิด
พูดแบบนั้นก็คงไม่ถูก ต้องบอกว่าผมคิดอะไรไม่ออกต่างหาก...
เหมือนสมองตื้อไปยังไงไม่รู้แฮะ ..
หวงจื่อเทาวางทุกอย่างในมือแล้วหันไปล้างมือตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัวผม การกระทำนั่นทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย ร่างสูงของอีกคนค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าผมช้าๆจนปลายจมูกเราแตะกัน ผมหลับตาแน่นเพราะกำลังรู้สึกกลัว เสียงแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอของจื่อเทาทำให้ผมตัดสินใจผลักเขาออกไปให้พ้นตัว ก่อนที่ผมจะลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ
แกล้งกันงั้นหรอ?
แรงไปมั้ง...
“จะทำอะไร..” ผมเม้มปากแน่นแล้วเอ่ยเปิดปากถามเสียงเบา
“กลัวโดนว่าใจง่ายหรือไง ตอนสุดท้ายถึงได้ตัดสินใจผลักฉันน่ะ” เขาพูดแล้วมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่รอยยิ้มบางๆที่มุมปากนั่นทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ทำแบบนี้ทำไม” ผมถามออกไปเสียงสั่น ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูถูกว่าใจง่ายยังไงไม่รู้..
“ไม่มีอะไรหรอก”
“ตั้งใจจะแกล้งกันใช่ไหม?” ผมกลั้นใจถามออกไป จื่อเทาที่ทำท่าจะกลับไปทำอาหารต่อก็เลยหยุดแล้วหันมามองผม เขาส่ายหัวก่อนจะตอบออกมาเบาๆ
“เปล่า..”
ผมมองจื่อเทาที่กำลังเตรียมกระทะจะผัดอะไรสักอย่างอย่างชั่งใจ ตอนนี้ผมกำลังสงสัยว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่.. ทำไมบางทีเขาถึงดูใจดี แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ดูแปลกไป แม้จะพยายามคิดในแง่บวกว่าบุคลิกเขาก็ดูดีๆร้ายๆแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่การกระทำเมื่อกี้มันก็ดูเกินไปจริงๆ ..
จื่อเทายังคงไม่ได้หันกลับมาเพราะกำลังง่วนอยู่กับกระทะตรงหน้า ผมเลยจะใช้โอกาสนี้พูดอะไรบางอย่าง
บางอย่างที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่เขาทำท่าทีแปลกๆกับผม..
หวงจื่อเทากำลังทดสอบโอเซฮุนว่าง่ายหรือเปล่า...
“จื่อเทา.. นายน่ะ.. เข้าใจคำว่าง่ายกับยอมให้เพราะรักหรือเปล่า...” ให้เดาว่าตอนนี้จื่อเทากำลังทำหน้าแบบไหน... ไม่รู้สิเนอะ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำหน้าแบบไหน และกำลังคิดอะไรอยู่
“…”
“ง่ายน่ะ มันใช้ได้กับคนที่ให้ได้กับทุกคน แต่ที่ฉันกำลังทำ... เขาเรียกว่ายอม .. ให้คนที่ตัวเองรัก”
“…”
“แล้วที่เมื่อกี้ฉันผลักนาย.. เพราะฉันไม่คิดว่าที่นายทำมันถูก”
“งั้นเหรอ? …แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่าถูก” ร่างสูงยกจานขึ้นมาวางเตรียม เสร็จแล้วก็จัดการเทสิ่งที่อยู่ในกระทะลงจาน ก่อนจะหยิบผักและเครื่องปรุงอะไรไม่รู้ไปตกแต่ง เขาพูดกับผม แต่ก็ไม่ได้หันมามองผมแม้แต่น้อย
“เมื่อกี้..นาย..จะ....จูบฉันใช่ไหม?” ถามเสร็จผมก็เม้มปาก เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้จะตอบอะไรผมจึงพูดต่อ
“ถึงมันจะไม่ได้ใครกำหนดไว้ว่าการกระทำแบบนี้ แบบไหนถึงจะเรียกถูก.. แต่สำหรับฉัน ..ฉันไม่คิดว่าการจูบจะทำกับใครก็ได้ …ถ้าไม่ได้รัก”
“แต่นายชอบฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมไม่ยอมล่ะ” ..ว่าแล้วเชียวต้องมีคำถามต่อ
“แต่นายก็ไม่ได้ชอบฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมฉันต้องยอมล่ะ”
หลังจากที่ผมพูดจบ เราสองคนก็ยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งจื่อเทาที่ยืนเอามือเท้าโต๊ะอยู่หันไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำออกมา
“ไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวจะเย็นหมดซะก่อน”
มื้อเย็นของเราดำเนินไปแบบเงียบๆ ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา จื่อเทาก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา ผมเองก็แอบเหลือบมองเขาอยู่เป็นพักๆ
ฝีมือในการทำอาหารของเขาไม่เลวเลยนะ มันอร่อยมากเลยล่ะ แต่บอกตามตรงว่าผมไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ สิ่งที่ผมสนใจตอนนี้ก็คือ.. คนตรงหน้าผมคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมผมเดาอะไรไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้ผมไม่มีอารมณ์จะยกช้อนขึ้นตักอาหารตรงหน้าเข้าปากต่อ ผมทำได้แค่มองมันแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ไม่อร่อยหรอ”
“ป..เปล่า” ขณะที่ผมกำลังนั่งคอห้อยถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ จื่อเทาก็เอ่ยถามผมขึ้นมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง ผมที่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนพูดกับผมก่อนก็เลยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบเขาออกไปด้วยท่าทางตะกุกตะกัก
“แล้วทำไมไม่กิน?”
“กินไม่ลงเท่าไหร่...” ผมตอบออกไปตามความจริง
ความรู้สึกของผมที่มีให้เขาผมมั่นใจเลยว่ามันยังเหมือนเดิม ผม ยัง ชอบ เขา
เพียงแต่ผมอาจจะแค่รู้สึกแปลกๆกับมุมแปลกๆของเขา .. แหละมั้ง
“คิดเรื่องเมื่อกี้อยู่หรือไง” จื่อเทาวางช้อนแล้วมองมาที่ผม
“ไม่ให้คิดก็แปลก..”
“…”
“บอกได้ไหมว่านายคิดยังไงกับฉัน...”
“ฉันไม่ได้ถามว่านายชอบฉันไหม แต่ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้นายกำลังคิดอะไรกันแน่.. กำลังมองว่าฉันใจง่ายหรือว่าอะไร...” ผมตัดสินใจถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกไป
นิสัยผมไม่ใช่คนอ้อมค้อมอยู่แล้ว
การที่จะให้ผมมานั่งคิดเองเออเองแบบนี้มันอึดอัดมากนะ ผมไม่ชอบ...
ให้ผมได้ยินคำตอบของเขาว่าใช่ นายใจง่าย ยังจะรู้สึกดีกว่าให้ผมมานั่งเดาอะไรแบบนี้อีก
“บอกได้ไหมว่าเมื่อกี้นายทำแบบนั้นทำไม ..ถ้าคิดจะลองใจกัน...” ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ ร่างสูงตรงหน้าก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน
“ยอมรับว่าที่ทำไปเพราะอยากลองใจนายด้วย แต่หลักๆ.. มันเพราะฉันรู้สึกอยากแกล้ง”
“…” ผมที่ตั้งท่าจะพูดต้องอ้าปากค้างเมื่อเขาพูดแทรกขึ้นมาอีก
“ส่วนไอ้คำพูดที่รุนแรงนั่น... ฉันก็ใช้มันไปทั่วแหละ อยากเอาเก็บไปคิดมากก็ได้นะ”
“หมายความว่าไง?” ผมถามเพราะไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด
“ฉันพูดทีเล่นทีจริง .. ปกติเวลาอยู่กับเพื่อนฉันก็คุยกันแบบนี้แหละ พูดให้ถูกก็คือไอ้คำที่ดูเหมือนจะด่าใครอ้อมๆอย่างไอ้คำว่าใจง่ายที่ฉันพูดกับนายมันก็แค่คำๆหนึ่ง แต่แค่ปกติคนส่วนใหญ่เขาไม่พูดกันเพราะมันจะดูเสียน้ำใจกันไปหน่อย ไม่ก็จะรู้สึกเหมือนกำลังโดนด่า แบบที่นายกำลังคิดนี่แหละ...”
“แค่เนี้ย?”
“อือ” เขาพยักหน้าตอบแล้วทำหน้าเซ็งๆใส่
อะไรกันวะเนี่ย =_=
เอาตามตรงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงแล้ว
“งั้นฉันถามนายบ้าง .. ตอนนี้นายรู้สึกยังไงกับฉัน?”
“ชอบ”
“จะไม่คิดหน่อยหรอ-_-;” เขาถามแล้วทำหน้าปลงๆใส่ผม
ทำไมล่ะ ชอบก็บอกชอบดิ จะให้คิดอะไรล่ะจริงไหม? ปวดหัวตาย..
“เอาเถอะ ฉันว่าตอนนี้ฉันควรกลับบ้านได้แล้วล่ะ” จื่อเทาบอกจะยกจานขึ้นมาแล้วเดินเอาไปเก็บที่ห้องครัว
“ล้างเองนะ” มือใหญ่ของอีกคนยกขึ้นยีหัวผมเบาๆ
“อื้อ” ผมพยักหน้ารับ
ร่างสูงเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปหน้าบ้านแล้วนั่งลงใส่รองเท้า ผมที่จะตามมาส่งก็เลยหยุดยืนรอให้เขาใส่รองเท้าให้เสร็จ
“ไปแล้วนะ ขอบคุณสำหรับมื้อเย็น ..บาย” พูดจบจื่อเทาก็หันหลังเตรียมจะเดินออกจากบ้านผม แต่เขาก็ต้องหยุดก้าวเท้าแล้วยืนนิ่งอยู่บริเวณที่จอดรถผมเมื่อ...
ซ่า
ฝนดันตกลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...
แถมยังแรงอีกต่างหาก
ทั้งผมและเขามองหน้ากันก่อนจะขำออกมา
ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ท้องฟ้านั้นมืดสนิท ถ้าจะเดินออกจากซอยบ้านผมไปตอนนี้ก็มีเพียงแค่แสงไฟอันน้อยนิดจากเสาไฟฟ้าที่พอจะส่องทางให้ได้ แต่แค่เวลาที่ฝนไม่ตก ผมก็ว่าไอ้ไฟนั่นมันไม่ค่อยจะมีประโยชน์แล้วนะ ยิ่งฝนมาตกแบบนี้ไอ้ไฟนั่นก็ยิ่งดูไร้ค่าขึ้นไปอีก .. มันดูเหมือนแสงจากไฟฉายที่ใกล้หมดถ่านแล้วมากกว่าจะเป็นแสงที่ให้ความสว่างในตอนกลางคืนเสียอีก
และเมื่อมีอุปสรรคในการกลับบ้านทั้งฝนและความมืดแบบนี้ ผมมั่นใจว่าหวงจื่อเทาคงไม่คิดว่าตัวเองเจ๋งพอที่จะเดินฝ่าทั้งสองอย่างนี้ไปหรอก
“ดูเหมือนฟ้าจะเข้าข้างนายนะ..” จื่อเทาเดินกลับเข้ามาหาผมแล้วแค่นหัวเราะออกมา
“มันเป็นสัญญาณจากฟ้าต่างหาก...”
“????”
“ว่านายกับฉันจะหนีกันไปไหนไม่พ้น^^”
G Minor!
ต้นเรื่องอารมณ์ไหนไม่รู้ เกือบพาออกทะเลไปดราม่าซะแล้ว555555555555555
ดีว่ากลับมาได้ ไม่งั้นพลอตพลิกแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
ความคิดเห็น