ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) ❝ 123 .. un deux trois ❞ { taohun . lukris }

    ลำดับตอนที่ #6 : - 5th . แค่แกล้งสินะ

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.ค. 56



    123 un deux trois ..






    โอเซฮุน.

     

              ก็.. เอ่อ..

     

                บอกตรงๆเลยว่าผมไปไม่เป็นกับคำถามของจื่อเทา นอกจากไม่รู้จะตอบอะไรแล้ว ผมยังรู้สึกเหมือนกำลังถูกว่า ไม่สิ.. มันเป็นคำด่าหรือเปล่า?

     

                ว่าไงล่ะอีกคนที่กำลังวุ่นวายกับการทำอาหารเอ่ยถามอีกครั้งโดยไม่มองหน้าผม

     

                ไม่รู้สิ...ผมตอบไปตามที่คิด

     

                พูดแบบนั้นก็คงไม่ถูก ต้องบอกว่าผมคิดอะไรไม่ออกต่างหาก...

                เหมือนสมองตื้อไปยังไงไม่รู้แฮะ ..

     

     

                หวงจื่อเทาวางทุกอย่างในมือแล้วหันไปล้างมือตรงเคาน์เตอร์ ก่อนจะเดินเข้ามาประชิดตัวผม การกระทำนั่นทำให้ผมตกใจอยู่ไม่น้อย ร่างสูงของอีกคนค่อยๆเคลื่อนหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าผมช้าๆจนปลายจมูกเราแตะกัน ผมหลับตาแน่นเพราะกำลังรู้สึกกลัว เสียงแค่นหัวเราะอยู่ในลำคอของจื่อเทาทำให้ผมตัดสินใจผลักเขาออกไปให้พ้นตัว ก่อนที่ผมจะลืมตาขึ้นมองคนตรงหน้าด้วยสายตาไม่เข้าใจ

     

                แกล้งกันงั้นหรอ?

     

                แรงไปมั้ง...

     

                จะทำอะไร..ผมเม้มปากแน่นแล้วเอ่ยเปิดปากถามเสียงเบา

     

                กลัวโดนว่าใจง่ายหรือไง ตอนสุดท้ายถึงได้ตัดสินใจผลักฉันน่ะเขาพูดแล้วมองผมด้วยสายตาที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ว่าเขากำลังคิดอะไร แต่รอยยิ้มบางๆที่มุมปากนั่นทำให้ผมรู้สึกกลัวอย่างบอกไม่ถูก

     

                ทำแบบนี้ทำไมผมถามออกไปเสียงสั่น ทำไมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนดูถูกว่าใจง่ายยังไงไม่รู้..

     

                ไม่มีอะไรหรอก

     

     

     

                “ตั้งใจจะแกล้งกันใช่ไหม?ผมกลั้นใจถามออกไป จื่อเทาที่ทำท่าจะกลับไปทำอาหารต่อก็เลยหยุดแล้วหันมามองผม เขาส่ายหัวก่อนจะตอบออกมาเบาๆ

    เปล่า..

     

     

     

    ผมมองจื่อเทาที่กำลังเตรียมกระทะจะผัดอะไรสักอย่างอย่างชั่งใจ ตอนนี้ผมกำลังสงสัยว่าเขากำลังคิดจะทำอะไรกันแน่.. ทำไมบางทีเขาถึงดูใจดี แล้วทำไมตอนนี้ถึงได้ดูแปลกไป แม้จะพยายามคิดในแง่บวกว่าบุคลิกเขาก็ดูดีๆร้ายๆแบบนี้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น แต่การกระทำเมื่อกี้มันก็ดูเกินไปจริงๆ ..

     

    จื่อเทายังคงไม่ได้หันกลับมาเพราะกำลังง่วนอยู่กับกระทะตรงหน้า ผมเลยจะใช้โอกาสนี้พูดอะไรบางอย่าง

     

    บางอย่างที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นสาเหตุที่เขาทำท่าทีแปลกๆกับผม..

     

     

     

     

     

     

     

    หวงจื่อเทากำลังทดสอบโอเซฮุนว่าง่ายหรือเปล่า...

     

     

     

     

    จื่อเทา.. นายน่ะ.. เข้าใจคำว่าง่ายกับยอมให้เพราะรักหรือเปล่า...ให้เดาว่าตอนนี้จื่อเทากำลังทำหน้าแบบไหน... ไม่รู้สิเนอะ ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะทำหน้าแบบไหน และกำลังคิดอะไรอยู่

    “…”

     

    ง่ายน่ะ มันใช้ได้กับคนที่ให้ได้กับทุกคน แต่ที่ฉันกำลังทำ... เขาเรียกว่ายอม .. ให้คนที่ตัวเองรัก

    “…”

    แล้วที่เมื่อกี้ฉันผลักนาย.. เพราะฉันไม่คิดว่าที่นายทำมันถูก

    งั้นเหรอ?แล้วแบบไหนล่ะที่เรียกว่าถูกร่างสูงยกจานขึ้นมาวางเตรียม เสร็จแล้วก็จัดการเทสิ่งที่อยู่ในกระทะลงจาน ก่อนจะหยิบผักและเครื่องปรุงอะไรไม่รู้ไปตกแต่ง เขาพูดกับผม แต่ก็ไม่ได้หันมามองผมแม้แต่น้อย

     

    เมื่อกี้..นาย..จะ....จูบฉันใช่ไหม?ถามเสร็จผมก็เม้มปาก เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่ได้จะตอบอะไรผมจึงพูดต่อ

    ถึงมันจะไม่ได้ใครกำหนดไว้ว่าการกระทำแบบนี้ แบบไหนถึงจะเรียกถูก.. แต่สำหรับฉัน ..ฉันไม่คิดว่าการจูบจะทำกับใครก็ได้ถ้าไม่ได้รัก

    แต่นายชอบฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมไม่ยอมล่ะ” ..ว่าแล้วเชียวต้องมีคำถามต่อ

    แต่นายก็ไม่ได้ชอบฉันไม่ใช่หรอ แล้วทำไมฉันต้องยอมล่ะ

     

     

    หลังจากที่ผมพูดจบ เราสองคนก็ยืนมองหน้ากันอยู่อย่างนั้น ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก จนกระทั่งจื่อเทาที่ยืนเอามือเท้าโต๊ะอยู่หันไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบขวดน้ำออกมา

     

    ไปกินข้าวเหอะ เดี๋ยวจะเย็นหมดซะก่อน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มื้อเย็นของเราดำเนินไปแบบเงียบๆ ไม่มีใครคิดจะพูดอะไรออกมา จื่อเทาก็ก้มหน้าก้มตากินไม่พูดไม่จา ผมเองก็แอบเหลือบมองเขาอยู่เป็นพักๆ

     

    ฝีมือในการทำอาหารของเขาไม่เลวเลยนะ มันอร่อยมากเลยล่ะ แต่บอกตามตรงว่าผมไม่ได้สนใจมันเท่าไหร่ สิ่งที่ผมสนใจตอนนี้ก็คือ.. คนตรงหน้าผมคิดอะไรอยู่กันแน่ ทำไมผมเดาอะไรไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย และนั่นก็ทำให้ผมไม่มีอารมณ์จะยกช้อนขึ้นตักอาหารตรงหน้าเข้าปากต่อ ผมทำได้แค่มองมันแล้วก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    ไม่อร่อยหรอ

    ป..เปล่าขณะที่ผมกำลังนั่งคอห้อยถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ จื่อเทาก็เอ่ยถามผมขึ้นมาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง ผมที่ไม่คิดว่าเขาจะเป็นคนพูดกับผมก่อนก็เลยสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะตอบเขาออกไปด้วยท่าทางตะกุกตะกัก

    แล้วทำไมไม่กิน?

    กินไม่ลงเท่าไหร่...ผมตอบออกไปตามความจริง

     

    ความรู้สึกของผมที่มีให้เขาผมมั่นใจเลยว่ามันยังเหมือนเดิม ผม ยัง ชอบ เขา

    เพียงแต่ผมอาจจะแค่รู้สึกแปลกๆกับมุมแปลกๆของเขา .. แหละมั้ง

     

     

    คิดเรื่องเมื่อกี้อยู่หรือไงจื่อเทาวางช้อนแล้วมองมาที่ผม

    ไม่ให้คิดก็แปลก..

    “…”

     

     

     

     

     

     

    บอกได้ไหมว่านายคิดยังไงกับฉัน...

     

    ฉันไม่ได้ถามว่านายชอบฉันไหม แต่ฉันอยากรู้ว่าตอนนี้นายกำลังคิดอะไรกันแน่.. กำลังมองว่าฉันใจง่ายหรือว่าอะไร...ผมตัดสินใจถามสิ่งที่ตัวเองอยากรู้ออกไป

     

    นิสัยผมไม่ใช่คนอ้อมค้อมอยู่แล้ว

    การที่จะให้ผมมานั่งคิดเองเออเองแบบนี้มันอึดอัดมากนะ ผมไม่ชอบ...

     

    ให้ผมได้ยินคำตอบของเขาว่าใช่ นายใจง่าย ยังจะรู้สึกดีกว่าให้ผมมานั่งเดาอะไรแบบนี้อีก

     

     

    บอกได้ไหมว่าเมื่อกี้นายทำแบบนั้นทำไม ..ถ้าคิดจะลองใจกัน...ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดจบ ร่างสูงตรงหน้าก็เอ่ยแทรกขึ้นมาก่อน

     

     

     

     

    ยอมรับว่าที่ทำไปเพราะอยากลองใจนายด้วย แต่หลักๆ.. มันเพราะฉันรู้สึกอยากแกล้ง

    “…” ผมที่ตั้งท่าจะพูดต้องอ้าปากค้างเมื่อเขาพูดแทรกขึ้นมาอีก

    ส่วนไอ้คำพูดที่รุนแรงนั่น... ฉันก็ใช้มันไปทั่วแหละ อยากเอาเก็บไปคิดมากก็ได้นะ

    หมายความว่าไง?ผมถามเพราะไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูด

    ฉันพูดทีเล่นทีจริง .. ปกติเวลาอยู่กับเพื่อนฉันก็คุยกันแบบนี้แหละ พูดให้ถูกก็คือไอ้คำที่ดูเหมือนจะด่าใครอ้อมๆอย่างไอ้คำว่าใจง่ายที่ฉันพูดกับนายมันก็แค่คำๆหนึ่ง แต่แค่ปกติคนส่วนใหญ่เขาไม่พูดกันเพราะมันจะดูเสียน้ำใจกันไปหน่อย ไม่ก็จะรู้สึกเหมือนกำลังโดนด่า แบบที่นายกำลังคิดนี่แหละ...

    แค่เนี้ย?

    อือเขาพยักหน้าตอบแล้วทำหน้าเซ็งๆใส่

     

     

     

     

    อะไรกันวะเนี่ย =_=

     

    เอาตามตรงตอนนี้ผมไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไงแล้ว

     

    งั้นฉันถามนายบ้าง .. ตอนนี้นายรู้สึกยังไงกับฉัน?

    ชอบ

     

    จะไม่คิดหน่อยหรอ-_-;” เขาถามแล้วทำหน้าปลงๆใส่ผม

     

    ทำไมล่ะ ชอบก็บอกชอบดิ จะให้คิดอะไรล่ะจริงไหม? ปวดหัวตาย..

     

    เอาเถอะ ฉันว่าตอนนี้ฉันควรกลับบ้านได้แล้วล่ะจื่อเทาบอกจะยกจานขึ้นมาแล้วเดินเอาไปเก็บที่ห้องครัว

    ล้างเองนะมือใหญ่ของอีกคนยกขึ้นยีหัวผมเบาๆ

    อื้อผมพยักหน้ารับ

     

     

    ร่างสูงเดินไปหยิบกระเป๋านักเรียนตัวเอง ก่อนจะเดินออกไปหน้าบ้านแล้วนั่งลงใส่รองเท้า ผมที่จะตามมาส่งก็เลยหยุดยืนรอให้เขาใส่รองเท้าให้เสร็จ

    ไปแล้วนะ ขอบคุณสำหรับมื้อเย็น ..บายพูดจบจื่อเทาก็หันหลังเตรียมจะเดินออกจากบ้านผม แต่เขาก็ต้องหยุดก้าวเท้าแล้วยืนนิ่งอยู่บริเวณที่จอดรถผมเมื่อ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ซ่า

     

     

     

    ฝนดันตกลงมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...

    แถมยังแรงอีกต่างหาก

     

     

    ทั้งผมและเขามองหน้ากันก่อนจะขำออกมา

     

     

    ตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่ม ท้องฟ้านั้นมืดสนิท ถ้าจะเดินออกจากซอยบ้านผมไปตอนนี้ก็มีเพียงแค่แสงไฟอันน้อยนิดจากเสาไฟฟ้าที่พอจะส่องทางให้ได้ แต่แค่เวลาที่ฝนไม่ตก ผมก็ว่าไอ้ไฟนั่นมันไม่ค่อยจะมีประโยชน์แล้วนะ ยิ่งฝนมาตกแบบนี้ไอ้ไฟนั่นก็ยิ่งดูไร้ค่าขึ้นไปอีก .. มันดูเหมือนแสงจากไฟฉายที่ใกล้หมดถ่านแล้วมากกว่าจะเป็นแสงที่ให้ความสว่างในตอนกลางคืนเสียอีก

     

    และเมื่อมีอุปสรรคในการกลับบ้านทั้งฝนและความมืดแบบนี้ ผมมั่นใจว่าหวงจื่อเทาคงไม่คิดว่าตัวเองเจ๋งพอที่จะเดินฝ่าทั้งสองอย่างนี้ไปหรอก

     

    ดูเหมือนฟ้าจะเข้าข้างนายนะ..จื่อเทาเดินกลับเข้ามาหาผมแล้วแค่นหัวเราะออกมา

     

     

     

     

    มันเป็นสัญญาณจากฟ้าต่างหาก...

    ????

     

     

     

     

     

     

     

     

    ว่านายกับฉันจะหนีกันไปไหนไม่พ้น^^”







    Minor!


    ต้นเรื่องอารมณ์ไหนไม่รู้ เกือบพาออกทะเลไปดราม่าซะแล้ว555555555555555
    ดีว่ากลับมาได้ ไม่งั้นพลอตพลิกแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×