คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : - 4th . เรื่องวุ่นวายที่ยังคงมีเข้ามาเรื่อยๆ ..ขอโทษน้า~ หวงจื่อเทา TT'
❝123 un deux trois .. ❞
โอเซฮุน.
“นั่งรอตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวฉันไปเอาน้ำมาให้” เมื่อเข้าบ้านมาได้ ผมรีบวางกระเป๋าแล้วพุ่งเข้าห้องครัวเพื่อจะไปเอาน้ำมาให้จื่อเทาด้วยความไวกว่าแสง
เอ่อ แต่อันนี้ผมไม่ได้ทำเพราะอยากดูแลเขาหรอก เพราะการรีบวิ่งไปเอาน้ำแบบนี้คงไม่ได้ทำเขาประทับใจในตัวผมเท่าไหร่
คือจริงๆแล้วเรื่องมันเป็นแบบนี้ครับ...
ยี่สิบนาทีก่อนหน้านั้น...
“จะเลิกยิ้มได้หรือยัง-_-;”
“^______________^”
“ประสาท-_-;;;;”
“^______________^”
แล้วนี่ผมเป็นบ้าอะไรไปยิ้มให้เขาเนี่ย เขากำลังว่าผมอยู่นะ ..
สาบานเลยว่าผมได้ยินที่จื่อเทาพูดทุกคำ เพียงแต่ผมไม่สามารถหยุดยิ้มได้จริงๆ
แปลกหรือไง.. ก็คนที่ชอบขอมากินข้าวเย็นที่บ้าน ผมก็ต้องอารมณ์ดีเป็นธรรมดาสิ จริงไหม?
“ตามใจเหอะ” จื่อเทาถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อย
“แล้วนี่เมื่อไหร่จะถึงบ้านนายเนี่ย” ไม่รู้สิ ~
เอ๊ะๆ เดี๋ยวสิ ผมต้องกลับบ้านผมนี่ ลืมไปเลย
เพราะว่าผมเอาแต่มองหน้าคนด้านข้างนี่แล้วก็ยิ้มจนลืมดูซอยบ้านตัวเอง และพอหันไปมองป้ายที่อยู่หน้าซอยตอนนี้ก็พบว่ามันคือซอย 20
แต่บ้านผมมันอยู่ซอย 9 นะ ..
เวรละ นี่ผมพาเขาเดินเตลิดซอยบ้านตัวเองมาใกล้ขนาดนี้เลยหรอเนี่ย =_=
“คือ...ฉันมีอะไรจะบอก” ผมค่อยๆเอ่ยขึ้นมาด้วยเสียงแผ่วเบา
“ว่า?”
“ฉันพานายเดินเตลิดซอยบ้านฉัน... ; -;”
“ว่าละ-_-; ..แล้วนี่บ้านนายอยู่ซอยไหน” จื่อเทาหลับตาลงแล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันมาถามผม
“เก้า...”
“ว่าไงนะ!!!” คำนี้มันคุ้นๆนะ T oT
ก็นั่นแหละครับ กว่าจะเดินกลับมาถึงบ้านได้ก็เหนื่อยได้ที่เลยล่ะ
น้ำเปล่าเย็นๆถูกยื่นไปตรงหน้าจื่อเทา เมื่อผมปล่อยมือออกจากแก้วน้ำลายหมีแพนด้าได้ จื่อเทาก็ยื่นมือออกมาหยิบแก้วน้ำแล้วยกดื่มจนหมดในทีเดียว พอเห็นแบบนี้แล้วความรู้สึกผิดก็แล่นเข้ามาในสมองผมทันที
วันนี้ผมทำเขาซวยทั้งวันเลยจริงๆ .. ทั้งโดนไล่ออกมาอยู่นอกห้อง โดนทำโทษให้ไปทำเวรห้องสมุด พาเขาเดินเลยซอยบ้าน ทั้งๆที่เขาอุตส่าห์ใจดีจะเดินมาส่ง นั่นคงไม่ทำให้ผมรู้สึกขนาดนี้ถ้าวันนี้... ไม่ใช่วันเปิดเรียนวันแรก และเป็นวันแรกที่ผมกับเขาได้เจอกัน
“นี่... ขอโทษนะ” ผมที่ยืนเกาะโซฟาอีกตัวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแผ่วเบา
ผมรู้สึกแย่มากจริงๆนะ ._.
“ขอโทษ? เรื่องอะไร..” จื่อเทาหันมามองผมงงๆ
“ก็เรื่องวันนี้อ่ะ... ทุกเรื่องเลย ..ทั้งๆที่นายพึ่งจะย้ายมาที่นี่วันแรกแต่ฉันกลับทำนายลำบากตั้งแต่วันแรก... ขอโทษจริงๆนะ” ผมก้มหน้าพูด ไม่กล้ามองหน้าจื่อเทายังไงไม่รู้
“…” ไร้ซึ่งเสียงตอบรับ ผมจึงเงยหน้าขึ้นมองอีกคน และก็พบว่าตอนนี้หวงจื่อเทากำลังอมยิ้มบางๆเหมือนจะขำอยู่
...หนะ..นี่ไม่ใช่เวลามาทำให้คนอื่นเขินนะ .////.
เอ่อ ไม่สิๆ เขาไม่ได้ทำให้ผมเขินเพียงแต่เขาแค่กำลังจะหัวเราะ และหน้าของเขาตอนอมยิ้มมันก็ดู... หล่อจนผมรู้สึกเขินขึ้นมาแบบนี้
“มานี่หน่อยดิ” ระหว่างที่ผมกำลังเก็บอาการไม่ให้ตัวเองเผลอทำท่าทางแปลกๆใส่เขา จื่อเทาก็กวักมือเรียกผมให้เข้าไปหา ผมก็เลยรีบเดินเข้าไปนั่งข้างๆเขา
เป๊าะ!
“โอ๊ย... เจ็บนะ ทำอะไรเนี่ย” ผมหลับตาปี๋แล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บ เมื่ออีกคนยกมือขึ้นมาแล้วจัดการดีดหน้าผากผมเต็มแรง
ความจริงมันก็ไม่ได้เต็มแรงหรอก เพียงแต่ผมสำออยไปงั้นแหละ .. แต่มันก็เจ็บอยู่นะ ; -;
“จำไว้ว่าฉันไม่โกรธใครง่ายขนาดนั้นหรอก อีกอย่างเรื่องวุ่นวายพวกนี้นี่ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีอย่างหนึ่ง.. ไม่ต้องไปคิดมากหรอก”
“การเริ่มต้นที่ดี? ไอ้ที่โดนทำโทษแล้วก็ต้องมาเหนื่อยแบบนี้อะนะดี?” ผมขมวดคิ้วจนแทบจะเป็นปม เพราะแปลกใจกับคำพูดของเขา
ไอ้ที่ถูกไล่ออกมาอยู่นอกห้อง ต้องไปทำเวรห้องสมุดจนต้องกลับบ้านเย็น แถมพอจะอุตส่าห์มีน้ำใจเดินมาส่งเพื่อนใหม่อย่างผม ก็ยังโดนพาเดินเตลิดซอย เนี่ยนะการเริ่มต้นที่ดีของเขาน่ะ? ถ้าผมเป็นเขานะ ผมคงจะโคตรหงุดหงิดเลยล่ะตอนนี้...
“อือ .. ก็การที่เราได้ทำอะไรกับใครถึงมันจะดูเหนื่อยหรือมีอุปสรรคไปหน่อย แต่พอเวลาผ่านไป.. ไอ้สิ่งพวกนี้ก็จะกลายเป็นความทรงจำดีๆที่พอคิดถึงแล้วก็จะทำเรายิ้มออกมาได้ ..นึกว่านายจะคิดเหมือนกันซะอีกนะ ฮ่ะๆ” จื่อเทาพูดขึ้นแล้วยิ้มบางๆออกมาเหมือนกำลังคิดถึงอะไรอยู่ ก่อนที่ประโยคหลังเขาจะหันมาพูดกับผม
“ก็จริงของนาย” ผมพยักหน้าเห็นด้วยแล้วยิ้มกว้างออกมา
“ว่าแต่ข้าวเย็นวันนี้...”
กริ๊งงงงงงง
ขณะที่จื่อเทากำลังจะพูดถึงมื้อเย็น เสียงโทรศัพท์บ้านผมก็ดังขึ้นมาขัดก่อน ผมก็เลยต้องรีบลุกไปรับ และก็พบว่าคนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นคุณแม่คนสวยของผมเอง
อ้ะๆ ผมไม่ได้ยอแม่ผมนะ ... ก็ถ้าแม่ผมไม่สวยแล้วผมจะหล่อได้ใครล่ะจริงไหม -..-
“ว่าไงครับแม่”
( เอ้อเซฮุน วันนี้แม่ต้องไปงานเลี้ยงกับเจ้านาย คงจะกลับดึกๆนะ เย็นนี้หนูคงต้องหาอะไรกินเองแล้วล่ะ )
“ว่าไงนะครับ..!!”
ทำไมรู้สึกว่าผมพูดคำนี้บ่อยจังวะ =_=
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น .. ประเด็นที่ควรพูดตอนนี้คือ…
แล้วผมจะหามื้อเย็นจากไหนให้หวงจื่อเทากินล่ะ ? ; w;
ไอ้ตัวผมน่ะไม่เท่าไหร่ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหอเดียวก็อยู่ท้องแล้ว แต่จื่อเทาล่ะ .. เขาเหนื่อยๆมาแบบนี้ต้องหิวมากแน่ๆ ถ้าให้กินบะหมี่เป็นมื้อเย็น ผมเกรงว่าคงต้องใช้สักสี่ห้าห่อเพื่อทดแทนแรงที่เขาเสียไปในวันนี้
อีกอย่างนะ .. จื่อเทาคงไม่ได้มาบ้านผมเพื่อจะกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแน่ๆ TT
( เซฮุนนี่ แค่นี้ก่อนนะจ้ะ แม่โดนเรียกแล้ว บ๊ายบาย )
คุณแม่ที่รักของผมตัดสายไปแล้วครับ..
และตอนนี้ผมก็เจอปัญหาใหญ่มากๆแล้ว เอาไงดีล่ะ จื่อเทายิ่งเหนื่อยๆอยู่นะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย เขาควรจะได้กินมื้อเย็นแล้วนะ
“มีอะไรรึเปล่า เสียงดังเชียว” จื่อเทาที่นั่งอยู่บนโซฟาหันมาถามผม
ถ้าตอบไปว่ามื้อเย็นวันนี้พวกเราต้องหากินเอง... เขาจะโมโหไหมนะ?
ไม่หรอกมั้ง.......
ไม่เหลือแน่ๆอ่ะ งื้ออออออ ทำไมเวลาเขาอยู่กับผมถึงได้มีแต่ปัญหาแบบนี้ล่ะ T_T
“ดูทำหน้าเข้า สรุปมีอะไรหรือเปล่าเนี่ย” มี... มีแน่ๆ มีชัวร์ๆ แต่ไม่กล้าบอก ;_;
“คือว่า... ถ้าบอกไปแล้ว.. สัญญาก่อนว่านายจะไม่โมโหฉันอ่ะ” ผมรวบรวมความกล้าแล้วตัดสินใจพูดออกไป จื่อเทาก็เลยพยักหน้าตกลง
“คือวันนี้แม่ฉันมีธุระคงจะกลับบ้านดึก.. มื้อเย็นวันนี้ฉันก็เลยต้องทำเอง..”
“แล้ว? ..นายก็ไปทำสิ”
“แต่ว่าฉันทำกับข้าวไม่เป็นอ่ะ”
เป็นอีกครั้งที่ผมต้องกลั้นหายใจตอบเขาไป จื่อเทาถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผม ก่อนที่จะยกมือขึ้นผลักหัวผมเบาๆแล้วจูงแขนผมเข้าไปในครัว
“ขออนุญาตค้นครัวนายหน่อยนะ” เมื่อเข้ามาในครัวได้จื่อเทาก็ปล่อยมือผมแล้วเอ่ยประโยคเมื่อกี้ขึ้น ก่อนที่เขาจะหันไปเปิดตู้เย็นผมแล้วจัดการหยิบของมากมายขึ้นมาวางบนโต๊ะสำหรับทำกับข้าว
“เครื่องครัวเยอะใช้ได้นี่..”
“…” ผมมองตามจื่อเทาตาไม่กระพริบ และกำลังสงสัยว่าเขาจะทำอะไร
อย่าบอกนะว่าเขาจะทำกับข้าวน่ะ?
“นายชอบกินอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า” ร่างสูงตรงหน้าที่กำลังง่วนอยู่กับผักและเนื้อมากมายหันมาถามผมที่กำลังยืนมองด้วยความแปลกใจอยู่
“ไง.. อยากกินอะไรหรือเปล่า”
“นายทำกับข้าวเป็นด้วยหรอ?” แทนที่ผมจะตอบคำถามเขา แต่ผมกลับถามคำถามที่ตัวเองกำลังสงสัยอยู่ออกไปแทน และพอได้ยินแบบนั้นจื่อเทาก็เลยหัวเราะออกมาเบาๆก่อนที่จะหยิบเขียงและมีดขึ้นมา
“แม่ฉันงานยุ่งน่ะ ตอนเด็กๆฉันเลยต้องหาอะไรกินเองบ่อยๆ บางทีอาหารที่อยากกินมันก็ยากไปหน่อย ฉันก็เสิร์ชดูสูตรจากเน็ต มีครั้งนึงฉันเปิดดูสูตรอาหารที่แม่ชอบแล้วลองทำไปให้แม่กิน แม่ฉันก็ชมใหญ่เลยว่าอร่อยมาก แล้วพอเห็นว่าฉันเริ่มทำอาหารเป็น แม่ก็เลยชอบซื้อพวกตำราอาหารมาให้ เวลาแม่ไม่ว่างทำอาหารที่ฉันอยากกินฉันจะได้ทำเองได้ มันก็เลยกลายเป็นว่าฉันทำอาหารเป็นโดยปริยาย...”
“…”
“โอเซฮุน... ฟังอยู่หรือเปล่าน่ะ”
ป๊อก!
“โอ๊ย!” ผมร้องออกมาเสียงดังเมื่ออยู่ๆตะหลิวขนาดพอดีมือก็ฟาดลงหัวผมอย่างจัง
นี่เขาทำร้ายร่างกายผมอีกแล้ว T.T
“อุตส่าห์เล่าให้ฟัง ได้ฟังมั่งหรือเปล่าน่ะ เอาแต่ยิ้มเป็นอาแปะอยู่นั่นแหละ” จื่อเทาที่กำลังหั่นแครอทอยู่ทำท่าจิ๊ปากขัดใจกับท่าทางผมเล็กๆ เสร็จแล้วเขาก็หันหลังไปทำอะไรบางอย่าง ผมก็เลยเดินเข้าไปดูอย่างสนใจ
“ฟังดิ.. เพราะฟังไงก็เลยยิ้มออกมา^^ ..ว่าแต่นายจะทำอะไรกินอะ?”
“ข้าวเทนชินฮัง จะเรียกให้เข้าใจง่ายๆก็ข้าวไข่เจียวปูราดซอสน่ะแหละ ..เออนี่ถามอะไรหน่อยดิ”
“ถามอะไร ว่ามาเลยๆ”
“เมื่อตอนกลางวันที่นายเขียนมือฉันน่ะ... พูดจริงหรอ?” จื่อเทาหยุดหั่นผักแล้วเงยหน้ามามองผม พอเจอสายตาของเขาที่ดูกรุ้มกริ่มแปลกๆในตอนนี้จ้องมา มันก็เลยทำให้ผมทำตัวไม่ถูกยังไงไม่รู้
“อื้อ” ผมยกมือขึ้นลูบท้ายทอยเพื่อลดความประหม่าของตัวเอง ก่อนจะพยักหน้าตอบเขาไปด้วยท่าทางเอ่อ.. ติดจะอายอยู่เล็กๆ พอตอบเสร็จผมก็เสหน้าหันไปมองทางอื่นทันที
เห็นผมแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะเว้ย มาถามอะไรแบบนี้..
แล้วดูสายตาที่เขามองมาดิ ทำไมมองเหมือนมีเลศนัยแบบนั้นล่ะ นี่ให้เขาทำหน้าหงุดหงิดเหมือนตอนเจอกันครั้งแรกยังรู้สึกดีกว่าอีกนะเนี่ย TT
“ขอเหตุผลหน่อยได้ป่ะ ว่าทำไมถึงชอบฉัน?”
“ม่ะ.. ไม่รู้เหมือนกันดิ แต่เห็นหน้าแล้วมันก็รู้สึก.. ชอบ...เลย” ผมตอบตะกุกตะกักไม่ค่อยเต็มเสียงเท่าไหร่
และพอได้ยินคำตอบผม จื่อเทาก็ระบายยิ้มออกมาบางๆ
“ถามทำไมอะ” นั่นสิถามทำไม แล้วดูยิ้มแบบนี้หมายความว่าไง?
“ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่อยากรู้เหตุผลน่ะ ..ว่าทำไมนายถึงได้รักคนแปลกหน้าตั้งแต่วันแรกที่เห็นได้ แถมยังกล้าบอกชอบเขาอีก..”
”.///.”
“ไม่กล้วโดนว่าใจง่ายหรือไง...”
* ข้าวที่จื่อทำเราเสิร์ชมานะส่วนตัวไม่เคยกินแต่ที่เลือกมาเพราะเครื่องปรุงน่าจะหาได้ง่ายจากในบ้าน
ความคิดเห็น