ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tsubasa Chronicle & Cardcaptor Sakura [Doll Summoner] จบ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 ฟายอีกคนหนึ่ง

    • อัปเดตล่าสุด 12 ส.ค. 55


    บทที่1 ฟายอีกคนหนึ่ง

     

    พี่ชายเป็นใครคะ?

    ผมเป็นผู้ที่ถูกจองจำ

     

    แสงสว่างส่องวาบพร้อมกับร่างของคนสามคนที่ปรากฏขึ้นในโลกใบใหม่

    ตุ๊กตาประหลาดสีขาวที่มีวงกลมสีแดงบนหน้าผากหล่นตุบลงมาบนหัวของเด็กหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาล

    “ที่นี่เป็นโลกใบใหม่งั้นเหรอ โมโคน่า ฉันไม่คิดว่าเราเคยมาที่แห่งนี้นะ” เด็กหนุ่มร้องถาม

    “อื้ม! โลกใหม่ๆอาจไม่มีคนรู้จักอยู่เลยก็จริง แต่เชาหลางก็จะได้หาเบาะแสในการคืนชีวิตให้กับเชาหลางและซากุระอีกคนได้ใช่ไหมล่า” ตุ๊กตาสีขาวส่งเสียงร้อง

    “ชิ! นี่มันเหมือนอาณาจักรพิฟเฟิลเลยไม่ใช่หรือไง?” ชายหนุ่มผมดำท่าทางโหดเหี้ยมเอ่ย

    “แหม คุณพ่อนี่อย่าหงุดหงิดสิ ต่อให้อาณาจักรที่แล้วเขาไม่นิยมคนอันธพาลก็ไม่ควรมาพาลเอากับคนอื่นนะ” ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีทองหน้ายิ้มพูดล้อเลียน

    “ข้าไม่ได้พาลเฟ้ย! แล้วก็ไม่ใช่คุณพ่อด้วย!” ชายหนุ่มผมดำหันมาตะคอก

    “คุณพ่อ! คุณพ่อ!” ตุ๊กตาสีขาวร้อง

    “บอกว่าไม่ใช่ยังไงเล่า!

    “ที่นี่เหมือนจะ...เป็นโรงเรียน...สินะครับ?” เด็กหนุ่มผมน้ำตาลมองไปรอบด้านแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ

    “ตรงนั้นมีตัวอักษรด้วยล่ะ เชาหลางอ่านออกหรือเปล่า?” ตุ๊กตาสีขาวชี้ไปที่ป้ายใหญ่ๆบนตึกสูงที่ดูเหมือนตึกโลกอนาคต

    “เอ่อ...อาคารเวทมนตร์ แล้วทางด้านนั้นก็...อาคารจักรกล?” เชาหลางทำสีหน้าพิลึกออกมา

    “แหม ที่นี่เขาเรียนอะไรแปลกๆนะ” ชายหนุ่มหน้ายิ้มเอ่ย

    “เวทมนตร์กับจักรกลเอามารวมกันจะเป็นอะไรเหรอ คุโรกาเนะ?” ตุ๊กตาสีขาวหันไปถามชายหนุ่มผมดำ

    “ไม่รู้เฟ้ย! ถามเจ้าจอมเวทมันสิ” คุโรกาเนะส่งเสียงหึ

    “ฉันไม่เคยเรียนเรื่องจักรกลหรอกนะ ก็เลยไม่รู้ แต่ยังไงๆมายืนอยู่ตรงนี้คงไม่ดีเท่าไร เราไปเดินหาคนดูดีไหม เชาหลางคุง” จอมเวทหนุ่มหันมาถามเชาหลาง

    “คงไม่มีทางเลือกอื่นแล้วล่ะครับ” เด็กหนุ่มตอบ

     

    โลกที่พวกเขามาถึงในครั้งนี้ดูประหนึ่งโรงเรียนในโลกอนาคตก็ไม่ปาน ทั้งรถไฟลอยฟ้า ตึกเรียนที่ดูใหม่เอี่ยมและเหล่านักเรียนที่เดินขวักไขว่ไปมาซึ่งต่างก็มีหลากหลายเครื่องแบบคละกันไป อุปกรณ์การเรียนก็ไม่เหมือนกัน บางคนถือไม้คทา บางคนถือตำรา บางคนพาดดาบไว้บนบ่า และยังมีคนที่นั่งกดอุปกรณ์อีเล็กทรอนิกส์มากมายหลายประเภท ที่สุดมุมหนึ่งยังมีลานกว้างสำหรับการเรียนวิชาพละซึ่งดูๆไปแล้วคุโรกาเนะก็เหลือบไปทางนั้นบ่อยใช่ย่อยเหมือนกัน

    แต่ด้วยความที่ว่าอาคารเวทมนตร์มันอยู่ใกล้ที่สุด เชาหลางเลยเดินนำหน้าเพื่อนๆเข้าไปหานักเรียนที่อยู่ใกล้ๆ

    “ขอโทษนะครับ” นักเรียนชายคนหนึ่งที่กำลังรีบๆชะงัก เขาหันกลับมาหาพวกเชาหลาง

    “พวกคุณเป็นใครครับ? ไม่ใช่นักเรียนที่นี่นี่นา หรือจะเป็นผู้ปกครอง?”

    “คือพวกเราหลงมาน่ะครับ ไม่ทราบว่าที่นี่คือที่ไหนครับ?”

    เด็กหนุ่มคนนั้นดูแปลกใจไม่ใช่น้อย เพราะที่นี่ไม่ใช่แถวหน้าประตูโรงเรียน แต่เป็นถึงกลางโรงเรียนเลยไม่ใช่หรือไง

    “ที่นี่คือวิทยาลัยพ็อพเพอ สถานศึกษาที่รวมความรู้หลากหลายแขนง ส่วนอาคารนี้ก็เป็นอาคารของแผนกเวทมนตร์น่ะครับ” เขาบอก

    “อาคารแผนกเวทมนตร์เหรอ?” ชายหนุ่มผมทองทำท่าสนใจไม่น้อย

    “ฟายสนใจเหรอ?” โมโคน่าถาม

    “ฟาย?” เด็กหนุ่มคนนั้นทวนแล้วหันมามองฟายอย่างฉับพลัน

    “ก็สนใจอยู่นะ เอ่อ...มีอะไรหรือครับ มองผมอย่างนั้นน่ะ” ฟายหันมาหาเด็กหนุ่มที่มองสำรวจตัวเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า

    “เปล่าครับๆ คุณชื่อเหมือนเด็กที่อยู่แผนกจักรกลน่ะครับ ความจริงหน้าตาก็เหมือน แต่คุณโตกว่าเขามากเลยทีเดียว”

    “เป็นฟายของโลกนี้สินะ?” โมโคน่ากระโดดมาหาฟาย

    “คงงั้นล่ะมั้ง” จอมเวทหนุ่มเอ่ยรับอย่างไม่คิดอะไรมาก

    “พวกคุณคงไม่ใช่ญาติกันล่ะมั้งครับ?” เด็กหนุ่มถามอย่างไม่แน่ใจ

    “อ๋อ ก็ไม่เชิงว่าเป็นญาติกันหรอกครับ” ฟายเอ่ยตอบแบบกำกวม

    “เอ่อ...งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ ผมยังมีงานต้องทำอีก แผนที่มีอยู่ที่ตรงนั้นนะครับ เชิญไปหาดูได้” เด็กหนุ่มชี้แนะพร้อมเอ่ยขอตัว

    ครั้นนักเรียนหนุ่มจากไปแล้ว พวกเชาหลางก็เดินไปที่แผนที่ตามคำบอกของเด็กหนุ่ม ทุกคนพบว่าวิทยาลัยแห่งนี้ไม่ใช่ธรรมดาเลยทีเดียว อย่างน้อยๆการจะเดินจากมุมหนึ่งของวิทยาลัยไปถึงอีกสุดมุมหนึ่งก็ต้องพึ่งรถโดยสารนั่นล่ะ

     

    “ถอย...ถอยไปนะ!” เสียงใสๆร้องขึ้น เรียกความสนใจจากพวกเชาหลางได้เป็นอย่างดี

    “เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เชาหลางหันไปมองต้นเสียง เห็นว่ามีคนสี่ห้าคนกำลังรุมล้อมคนๆหนึ่งอยู่ ดูจากหน้าตาแล้วบอกยี่ห้อเลยว่าเป็นนักเลงที่กำลังจะรีดไถคนอื่นอยู่ก็ไม่ปาน

    “ไม่ถอยแล้วจะทำไมหา ไอ้เด็กแคระ!” ชายหัวโจกที่สวมชุดแผนกเวทมนตร์ตะคอก

    ปัง!

    ชายคนข้างๆคนที่พูดเมื่อครู่ล้มลง ทำให้พวกเชาหลางมองเห็นคนที่ถูกรุมได้อย่างชัดเจน

    คนๆนั้น...ไม่สิ ควรจะพูดว่าเด็กคนนั้นมีเรือนผมสีทองและนัยน์ตาสีฟ้า สวมชุดแผนกจักรกล น่าแปลกอยู่จุดหนึ่งคือบริเวณนี้ไม่มีคนที่มีอายุพอๆกับเขาเลย ทุกคนดูจะอายุประมาณสิบสี่สิบห้าปีขึ้นด้วยกันทั้งนั้น ไม่ใช่เด็กสิบขวบอย่างเด็กคนนี้

    “ฟาย...” ฟายเอ่ยขึ้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตัวเอง ใบหน้ายิ้มแย้มหายวับ แววตาฉายความโหยหาออกมา ขาออกก้าวเดินไปทางเด็กชายผู้ถูกรุมอยู่อย่างไม่รู้ตัว

    “คงไม่ลืมใช่ไหมว่านั่นเป็นนายในโลกนี้” คุโรงาเนะกระชากแขนของฟายไว้ ทำให้เขารู้สึกตัว

    “ฮะๆ ขอโทษที ฉันลืมตัวไปหน่อยน่ะ” ฟายนึกโทษตัวเอง เขาเผลอคิดว่าเด็กคนนั้นคือฟาย...พี่ชายฝาแฝดที่ตายไปแล้วของเขาเสียได้ เพราะพี่ชายฝาแฝดที่เขาเคยเห็นเป็นครั้งสุดท้ายนั้นก็หน้าตาประมาณนี้เหมือนกัน แต่ไม่ได้ดูแข็งแรงสมบูรณ์ขนาดนี้

    “แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็คงจะทนเห็นตัวเองถูกรังแกไม่ได้หรอก” จอมเวทหนุ่มหันมายิ้มให้เพื่อนร่วมทางที่พากันส่งสีหน้าเป็นห่วงให้เขา

    “ดังนั้น...เราไปช่วยฟายกันเถอะ”

     

    เด็กชายฟายเร่งใส่กระสุนปืนอีกครั้ง แต่หลังจากอึ้งอยู่พักหนึ่ง กลุ่มแผนกเวทมนตร์ที่ล้อมเขาอยู่ก็พลันรู้สึกตัวและใช้เวทมนตร์ดีดปืนหลุดจากมือของเขาไป

    “อ๊ะ!” เด็กชายหน้าซีดเมื่อไม่มีอาวุธป้องกันตัวแล้ว

    “หึ! ทำแสบนักนะแก!” ตัวหัวโจกร้องอย่างวางก้าม เงื้อมือขึ้นปล่อยลูกไฟพุ่งใส่เด็กชายทันที

    วูบ!

    เกราะเวทมนตร์ปรากฏขึ้นป้องกันร่างน้อยๆอย่างทันท่วงที ทุกคนพากันหันไปมองตัวต้นเหตุที่ยังคงยืนหน้ายิ้มอยู่แต่บรรยากาศโดยรอบนับว่ามืดมนขนานแท้

    “แหมๆ มันดูไม่ดีนะ มารุมแกล้งเด็กคนเดียวเนี่ย...” ฟายเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดดันผิดกับคำพูดที่ดูไม่จริงจังสุดๆ

    “เฮ้ย! แกมาเกี่ยวอะไรด้วยฟะ ญาติมันหรือไง?” ตัวหัวโจกยังไม่รู้ตัวว่าได้เจอกับจอมเวทตัวจริงเข้าแล้ว

    “ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนั่นแหละนะ ทีนี้...” ฟายเรียกอักษรเวทมนตร์ของเขาขึ้นมาวนรอบนิ้ว ในขณะที่ทั้งเชาหลางและคุโรงาเนะต่างก็เรียกดาบของตนออกมาเตรียมสู้

    “...จะยอมไปแต่โดยดีหรือจะยอมเจ็บตัวกันหือ?”

    แน่นอน คำตอบนั่นคือ...

    “จ๊าก! ยอมแล้วคร้าบ!” และแล้วทุกคนก็พร้อมใจกันเผ่นหนีไปคนละทิศคนละทาง ติดแต่ตัวหัวโจกที่ถลึงตามองฟายตัวน้อยเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมคำทิ้งท้ายว่า

    “ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้เด็กแคระ”

    ทุกคนพากันเก็บอาวุธ จากนั้นก็หันไปหาฟายตัวน้อยที่ยังคงจ้องฟายที่หน้าตาเหมือนตัวเองสุดๆด้วยท่าทางตกตะลึง

    “บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า ฟาย” ฟายก้มตัวลงไปถามด้วยรอยยิ้มจริงใจ

    “ปละ...เปล่าครับ ว่าแต่คุณ...คุณคือ...”

    “ชื่อของฉันคือฟาย” ฟายตอบ

    “เอ๋? ชื่อเหมือนผมเลย!” เด็กชายฟายเอ่ย

    “ถ้าอย่างนั้นล่ะก็...เรียกฉันว่า ยูอิ เป็นยังไง? จะได้ไม่สับสนกันไง”

    ดวงตาของฟายตัวน้อยเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย “ยู...อิ?”

    “นั่นแหละๆ” ฟายพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะแนะนำเพื่อนร่วมทาง

    “นี่คือเชาหลางคุง เจ้าตัวเล็กนั่นคือโมโคน่า ส่วนพี่ชายท่าทางดุๆคนนั้นชื่อว่าคุโรตัน”

    “คุโรงาเนะเฟ้ย!” คุโรงาเนะเร่งเถียงกลับ

    “ผมชื่อฟายครับ ขอบคุณมากที่มาช่วยเหลือผม แต่ว่า...ผมไม่เคยเห็นพวกคุณมาก่อนเลยนะครับ ดูเหมือนจะไม่ใช่นักเรียนใหม่ด้วย” ฟายตัวน้อยแสดงสีหน้าสงสัยชัดเจน

    “พวกเราแค่เดินทางผ่านมาน่ะ” ฟายตอบ

    “เดินทางหรือครับ?”

    “พวกเรา...เดินทางเพื่อที่จะตามหาวิธีที่จะทำให้ได้พบเพื่อนน่ะครับ” เชาหลางขยายความ

    “เพื่อนของพวกคุณเป็นอะไรไปหรือครับ?”

    “เอ๊ะ...เอ่อ มันก็อธิบายยากอยู่นะครับ แต่พวกเขาประสบเหตุบางอย่างทำให้เสียร่างกายไปน่ะครับ แต่วิญญาณยังคงอยู่ ดังนั้นพวกเราจึงอยากที่จะตามหาสิ่งที่จะใช้เป็นร่างให้พวกเขา เพื่อที่พวกเราจะได้เจอกันอีกครั้ง...” เชาหลางนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อ “เพราะผมมีคำพูดที่อยากจะบอกพวกเขาให้ได้”

    “เจ้าหนูนี่จะเข้าใจหรือเปล่าเถอะ” คุโรงาเนะเอ่ยขึ้นลอยๆ

    “ผมเข้าใจนะครับ แหะๆ ถึงจะเห็นผมอยู่แผนกจักรกลก็จริง แต่จริงๆแล้วผมเคยอยู่แผนกเวทมนตร์แล้วแผนกเล่นแร่แปรธาตุมาก่อนนะครับ” ฟายตัวน้อยเกาหัว ท่าทางเขินอาย

    “ฟาย...เรียนหลายแผนกจังเลย แบบนี้ต้องเป็นอัจฉริยะแน่ๆเลยใช่ไหมล่า” โมโคน่ากระโดดไปอยู่บนหัวเด็กชาย

    “เปล่าครับ มันตรงกันข้ามต่างหากล่ะ” เด็กชายหน้าแดงเรื่อ ก้มหน้าไม่กล้าเงยขึ้น “ผมเรียนแผนกเวทมนตร์อยู่สามปีแต่ก็ไปไม่รอด ย้ายไปแผนกเล่นแร่แปรธาตุแล้วก็สอบตกซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ตั้งสองปี นี่ก็เพิ่งเรียนแผนกจักรกลได้แค่ปีกว่าๆเองล่ะครับ”

    “หา? ดูไปอายุก็ไม่น่าจะเกินสิบขวบแท้ๆ นี่เรียนตั้งแต่เด็กเลยเรอะ” คุโรงาเนะจ้องฟายตาค้าง เด็กชายรีบเงยหน้าขึ้นมาอธิบายทันที

    “เปล่าครับ คือ...ร่างกายของผมมันแตกต่างจากคนทั่วไป...เอ่อ ไม่สิ เอาเป็นว่าผมไม่ได้เจริญเติบโตขึ้นตั้งแต่เมื่อสิบสองปีก่อนแล้วล่ะครับ”

    ทุกคนฟังคำพูดนั้นแล้วก็ได้แต่อึ้ง ทว่าเชาหลางรู้สึกทะแม่งกับคำพูดที่ว่า ร่างกายของผมมันแตกต่างจากคนทั่วไป...เอ่อ ไม่สิ

    หมายความว่ายังไง? หมายความว่าฟายของโลกนี้กับคนที่นี่มีร่างกายเหมือนๆกันหรือ? ไม่สิ ที่ฟายพูดนั้นหมายถึงอะไรกันแน่

    “ผมรู้จักนะครับ คนๆหนึ่งที่สร้างตุ๊กตาขึ้นมาเป็นทาสรับใช้ คนๆนั้นจะทำพันธะสัญญากับวิญญาณที่ไม่มีร่างและทำให้วิญญาณนั้นไปสิงอยู่ในตุ๊กตาได้”

    “เอ๊ะ? ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือครับ? แล้วคนๆนั้นเป็นใครกันครับ? เราจะหาเขาเจอได้ที่ไหน?” เชาหลางรัวคำถามใหญ่ แต่ทว่าฟายตัวน้อยไม่ได้ตอบ เขาชะงักเล็กน้อยก่อนจะหันไปมองพระอาทิตย์ที่มีสีแดงราวกับไข่แดง

    “โอ๊ะ พระอาทิตย์จะตกดินแล้ว” ฟายร้องขึ้น และนั่นก็ทำให้คนอื่นๆรู้สึกถึงความผิดปกติ

    ไม่มีใครอยู่นอกอาคารเลยนอกจากพวกเขา

    “ทุกคนจะไปเลยหรือเปล่าครับ?” ฟายตัวน้อยทักขึ้น

    “อย่างน้อยพวกเราก็คงต้องหาข้อมูลของคนที่คุณพูดถึงให้ได้ก่อนน่ะครับ อีกอย่างผมเองก็อยากจะลองแวะไปที่ห้องสมุดของที่นี่ดูด้วย” เชาหลางตอบ

    “ที่นี่ไม่ปลอดภัยอย่างที่ทุกคนคิดหรอกนะครับ ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะเป็นอันตรายได้” เด็กชายเร่งบอก

    “มันจะมีอะไรเกิดขึ้นหรือไง?” คุโรงาเนะเอ่ยขึ้น แต่ฟายตัวน้อยดูจะร้อนรนเกินกว่าจะอธิบายอะไรได้

    “ถ้าทุกคนยังไม่ไปล่ะก็...มาที่ห้องของผมก่อนก็ได้ครับ”

     

    ห้องพักของฟายตัวน้อยก็เหมือนห้องในหอพักทั่วไป มีเตียงนอนหนึ่งเตียง ห้องน้ำ และอุปกรณ์ตกแต่งที่ดูเหมือนจะหรูกว่าหอพักทั่วไปอยู่ระดับหนึ่ง ดูคล้ายพักอยู่ในโรงแรมเสียมากกว่า

    “โมโคน่าหิวแล้วล่ะ” ตุ๊กตาสีขาวกระโดดไปมา และคุโรงาเนะก็คว้ามันเอาไว้ได้

    “ไอ้เปี๊ยกนั่นหายไปไหนแล้ว?” ชายหนุ่มผมดำถาม

    “นั่นสินะครับ ผมเองก็ไม่เห็นตั้งแต่เมื่อครู่นี้แล้ว คุณฟายครับ?”

    “ฉันก็ไม่รู้อะไรนักหรอกนะ เชาหลางคุง แต่ว่า...ฉันสังเกตเห็นอะไรดีๆด้วยล่ะ”  ฟายฉีกยิ้มบางๆแต่แฝงความเครียดไว้เต็มปรี่ “ที่นี่ไม่มีตู้เย็น”

    “บ๊ะ ไม่มีตู้เย็นแล้วมันแปลกตรงไหนกัน” คุโรงาเนะยังไม่สังเกตเห็นจุดสำคัญ “ใช่ว่าทุกที่จะมีเสียเมื่อไร”

    “ไม่มีตู้เย็นอาจจะไม่แปลกก็จริง แต่ที่นี่ไม่มีน้ำดื่มหรืออาหารว่างเลยนะ มันไม่แปลกไปหน่อยเหรอ ท่านคุโร” ฟายชี้แจง

    “จะว่าไป...ถ้าผมจำไม่ผิด บนแผนที่ที่เราดูกันเมื่อครู่ก็ไม่มีโรงอาหารหรือร้านอาหารอะไรเลยด้วยนะครับ” เชาหลางนึกขึ้นได้

    “โลกนี้มันไม่ธรรมดาเสียแล้วล่ะ อย่างที่ฟายพูดนั่นแหละ อยู่ที่นี่ไปก็จะมีอันตรายได้” ฟายกล่าว

    “นี่ๆ คุโรงาเนะ พวกฟายอยู่กันได้ยังไงเหรอถ้าไม่มีอาหารน่ะ?” โมโคน่าก้มลงถามชายหนุ่ม

    “มนุษย์อยู่ในโลกที่ไม่มีอาหารไม่ได้หรอกนะ โมโคน่า” จอมเวทหนุ่มบอก “ที่อยู่ได้ก็มีแต่อมนุษย์เท่านั้นแหละ”

    “เอ๋~ แต่ทั้งฟายแล้วก็คนอื่นๆในโลกนี้ก็ดูเหมือนมนุษย์ออกนี่นา” โมโคน่าแย้ง

    “บางที...” สีหน้าของฟายดูหมองลงเล็กน้อย “...คงแค่ เหมือนมนุษย์

    คุโรงาเนะคว้าดาบกินริวเอาไว้ในมือ “มีคนกำลังมาทางนี้”

    ทุกคนนิ่งเงียบ ตั้งท่าระแวงภัย

    ครั้นแล้วเสียงก็ดังขึ้น

    โครม!
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    สวัสดีค่ะ ทุกคน ไวท์เคยแจ้งไปก่อนแล้วว่ากำลังแต่งฟิคเรื่องที่ทุกคนกำลังอ่านกันอยู่นี้ หลังจากยุ่งอยู่กับเรื่องหลัก หรือก็คือ The Lost Treasures สมบัติที่สาบสูญ อยู่เป็นนาน ไวท์ก็คิดถึงฟิคที่แต่งค้างขึ้นมาได้ค่ะ ตอนนี้เลยเกิดลูกฮึด ยึดวันหยุดยาววันแม่แต่งจนจะจบแล้วค่ะ เลยเอามาลงให้ 
    นี่เป็นฟิคที่จินตนาการเรื่องขึ้นเอง ด้วยความเสียดายที่ฝาแฝดฟาย-ยูอิไม่ได้อยู่ร่วมกันในตอนท้าย (น่าสงสารมาก ไปอ่านในการตูนกันนะคะ ไม่มีเป็นอนิเมะอ่ะ) เลยแต่งตอนจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งขึ้นมา แล้วก็เพราะว่าเคยร่างพล็อตในหัวไว้แล้วว่าโลกที่ตัวออริของไวท์อาศัยอยู่คือโลกเดียวกับซากุระในการ์ดแคปเตอร์ เลยไหนๆก็ไหนๆแล้วก็เอามายำรวมกันซะเลย 
    หวังว่าคงจะชอบนะคะ นี่อาจไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุด แต่ไวท์ก็อยากแบ่งปันจินตนาการของไวท์ด้วยกันกับทุกคนค่ะ
    ปล. ตัวละครออริของไวท์คิดขึ้นมานานแล้วค่ะ มักจะใช้พวกเขาเข้าไปร่วมกับฉากที่เลวร้ายของการ์ตูนแต่ล่ะเรื่องที่ไวท์ดู แล้วก็คิดภาพพวกเขาเข้าไปช่วยแก้สถานการณ์ ดังนั้นถ้าต่อไปนี้ไวท์เขียนฟิคขึ้น พวกเขาก็อาจจะโผล่มามีส่วนร่วมก็ได้ ฝากพวกเขาด้วยนะคะ (จริงๆแล้วรุ่นคุณปู่คุณย่าที่อยู่ในผังตระกูลน่ะ เขียนไว้แค่กันคนงงว่าสายเลือดมันผสมกันมายังไงหว่า แค่นั้นค่ะ คนที่ยังอยู่จริงๆ มีแต่คุณตาเท่านั้น ที่เหลือตายหมดแล้วว)

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×