ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic Tsubasa Chronicle & Cardcaptor Sakura [Doll Summoner] จบ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 หลบหนี

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 656
      12
      13 ส.ค. 55

    บทที่2 หลบหนี

     

    ข้าอยากได้พี่ชาย พี่มาเป็นพี่ชายของข้าได้ไหม?

    ...อื้ม

     

    โครม!

    ประตูห้องพลันส่งเสียงดังลั่น ทว่าก็เหมือนจะมีอะไรบางอย่างป้องกันไม่ให้ประตูพังโครมลงมา

    ฟายเบิกตากว้าง “เวทมนตร์!?

    “คุณฟาย! คุณคุโรงาเนะ! ดูข้างล่างสิครับ!” เชาหลางที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างร้องออกมา ทำให้คนทั้งสองละความสนใจจากประตูที่ส่งเสียงโครมครามแต่ไม่ยักพังลงเสียทีและหันกลับมาดูสถานการณ์ด้านล่าง

    นักเรียน...

    ใช่ เป็นนักเรียน ดูจากเครื่องแบบแล้วก็มีหลากหลายแผนกมาก เดินมาเป็นระเบียบแถวราวกับทหาร พวกเชาหลางมองไม่เห็นสีหน้าของนักเรียน แต่ทว่าเพราะจำนวนคนที่หลั่งไหลเข้ามาเรื่อยๆนั้นก็ยิ่งทำให้พวกเชาหลางเป็นกังวลได้ไม่ยาก

    “อย่าบอกนะว่าไอ้พวกข้างล่างนั่นเป็นพวกเดียวกับที่กำลังพังประตูอยู่น่ะ”

    เปรี๊ยะ!

    ยังไม่ทันสิ้นคำของคุโรงาเนะ ประตูก็ส่งเสียงปริแตกออกมา เวทมนตร์ที่ถูกลงไว้ที่ประตูเริ่มอ่อนลง ทุกคนเครียดเกร็งขึ้นทันที

    โครม!

    ประตูพังลงในที่สุด และนักเรียนของวิทยาลัยพ็อพเพอก็ค่อยๆย่างกรายเข้ามาใกล้ๆ และภายในระยะเท่านี้ ทุกคนก็เห็นชัดว่าพวกเขาต่างมีสีหน้าไร้อารมณ์ความรู้สึกโดยสิ้นเชิง

    “เหมือนตุ๊กตาเลยล่ะ โมโคน่ากลัวจังเลย” โมโคน่าหลบเข้าไปอยู่ในเสื้อคลุมของเชาหลาง ทุกคนถอยหลังไปชิดติดริมหน้าต่าง

    “เฮ้ยๆ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่น่ะ? แล้วพวกนายเป็นใครกัน” คุโรงาเนะตะคอกถามนักเรียนเหล่านั้น ทว่าก็ไม่มีใครตอบเขาเลย

    เด็กหนุ่มคนที่พวกเชาหลางเข้าไปถามทางเดินนำอยู่หน้าสุด เขามีสีหน้าไร้ความรู้สึก

    “ผู้บุกรุกต้องตาย” เสียงหนึ่งดังขึ้น

    “ผู้บุกรุกต้องตาย ผู้บุกรุกต้องตาย” ทุกคนเริ่มเปล่งเสียงเป็นจังหวะ อาวุธในมือเล็งไปทางพวกเชาหลาง

    ตูม!

    เวทมนตร์จากเด็กหนุ่มคนนั้นยิงโดนหน้าต่างจนแตกกระจาย พวกเชาหลางที่เร่งหมอบหลบการโจมตีมองตากันแล้วก็ตัดสินใจกระโดดออกจากหน้าต่างในทันใด

    เชาหลางใช้สายลมคงร่างตัวเองอยู่กลางอากาศกับโมโคน่า ส่วนฟายก็คว้าตัวคุโรงาเนะเอาไว้ไม่ให้เขาซึ่งเป็นคนเดียวที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศไม่ได้ตกลงไปจมอยู่กลางกองนักเรียนที่ตกอยู่ในสภาพคล้ายผีดิบ

    เปรี้ยง ฟิ้ว!

    การโจมตีจากด้านล่างทำให้พวกเชาหลางต้องหลบการโจมตีกันจ้าละหวั่น ทุกคนเคลื่อนกายออกห่างห้องพักของฟายในโลกนี้ไปมากขึ้นทุกที และเมื่อถึงสถานที่ปลอดคน ทั้งสี่ก็ร่อนลงสู่พื้นดิน

    “นี่มันบ้าอะไรกันฟะเนี่ย?” คุโรงาเนะโพล่งถามออกมาเป็นคนแรก

    “สถานที่นี้ไม่ใช่โรงเรียนธรรมดา ดูเหมือนว่าทุกคนในโลกนี้จะไม่ใช่มนุษย์ล่ะสินะ” ฟายบอก

    “ถ้าอย่างนั้น พวกเราซึ่งเป็นคนที่มาจากอีกโลกก็ถือเป็นผู้บุกรุกล่ะสินะครับ” เชาหลางว่าบ้าง

    “แล้วถ้าอย่างนั้นฟายล่ะ? ฟายของโลกนี้เองก็จะกลายเป็นพวกเดียวกับพวกนั้นไปด้วยหรือเปล่า?” โมโคน่าถาม ท่าทางเป็นกังวล ฟายเองก็มีสีหน้าย่ำแย่กว่าเมื่อครู่ด้วย เพราะเขาเองก็สงสัยเช่นนั้นเช่นกัน

    “ผมว่าเราหนีไปจากที่นี่กันก่อนดีกว่าครับ” เด็กหนุ่มเสนอขึ้น มองหน้าฟายที่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย ท่าทางเขายังไม่อยากไป สาเหตุเดียวคงเพราะเป็นห่วงฟายซึ่งเขาเห็นเป็นเหมือนพี่ชายที่ตายไปแล้ว

    เขาไม่อยากทิ้งฟายอีกเป็นครั้งที่สอง

    “อย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน” คุโรงาเนะเสนอขึ้นบ้าง

    ฟายเงยหน้ามองชายหนุ่มอย่างไม่อยากเชื่อ

    “เจ้าเปี๊ยกนั่นไม่เป็นไรสักหน่อย ถ้าหมอนั่นเป็นพวกเดียวกับไอ้นักเรียนพวกนั้น ยังไงก็ไม่มีทางถูกทำร้ายอยู่แล้ว มีแต่จะมาทำร้ายพวกเรามากกว่า” ใบหน้าของเขาท่ามกลางความมืดดูน่ากลัว “ถ้าพวกเราไม่รีบไปจากโลกนี้ พวกเรานั่นแหละที่จะแย่”

    “...เข้าใจแล้ว” ฟายยอมจำนนต่อเหตุผล

    “ไม่ได้อ่ะ!” โมโคน่าร้องขึ้นมา เมื่อเห็นสีหน้าของทุกคนก็รีบอธิบายเสริม “โมโคน่าเปิดมิติไม่ได้อ่ะ วงเวทไม่ยอมออกมาเลย”

    “หรือว่าจะ...” ฟายเพิ่งรู้สึกตัว “เขตอาคม!?

    สิ้นคำนั้น ร่างของเด็กนักเรียนหลายคนก็ปรากฏตัวขึ้น นำมาโดยกลุ่มอันธพาลที่เคยกลั่นแกล้งฟายตัวน้อยมาก่อนนั่นเอง

    ฉัวะ!

    คุโรงาเนะเหวี่ยงดาบฟันนักเรียนไปสองคน ทั้งสองร่างนั้นล้มลงกับพื้น จากนั้นก็ค่อยๆสลายไปจนไม่เหลือแม้แต่ซาก ดูราวกับเป็นเวทมนตร์ที่สลายไปมากกว่าจะเป็นชีวิตหนึ่ง สิ่งที่เหลืออยู่มีเพียงขนนกสองอันที่สลายตามหายไปแทบจะในทันที

    “คนที่สร้างตุ๊กตาขึ้นมาเป็นทาสรับใช้” เชาหลางเอ่ยขึ้นมาเมื่อเห็นสภาพนั้น

    “หมายความว่านี่เป็นฝีมือของคนๆนั้นสินะ?” ฟายเอ่ยขณะที่หลบอยู่ด้านหลังเพราะเวทมนตร์ใช้ในบริเวณนี้ไม่ได้เลย

    “เฮอะ เป็นข้าก็คงจะไม่ให้ไอ้คนนั้นสร้างร่างให้ไอ้เด็กสองคนนั้นหรอก” คุโรงาเนะจัดการนักเรียนไปหลายคน และเชาหลางก็คอยสนับสนุนเขา ชายทั้งสองไม่หยุดเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนนักเรียนก็ยังนับว่ามีมากเกินกว่าที่พวกเขาจะจัดการไหว จนสุดท้ายคนทั้งสี่ก็ถูกต้อนจนจนมุม

    “ให้ตายสิ! ไม่หมดไม่สิ้นเสียที” คุโรงาเนะบ่นขึ้นเบา

    “เวทมนตร์ก็ดันมาใช้ไม่ได้เอาตอนนี้อีก” จอมเวทหนุ่มสมเพชความไม่เอาไหนของตนจริงๆ หากเป็นเมื่อก่อนเขาก็ยังคงใช้พลังของแวมไพร์ได้ แต่เมื่อเขาได้พลังเวทมนตร์คืนมา เขาก็สูญเสียพลังนั่นไปแล้ว

    “เราต้องตายอยู่ที่นี่จริงๆน่ะเหรอ?” โมโคน่าเอ่ยน้ำตาซึม

    เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง! เพล้ง!

    เสียงราวแก้วแตกพลันดังขึ้น น่าแปลกที่แม้มีเสียงดังมากมายแต่เสียงนั้นกลับดังก้องอยู่จนทุกคนได้ยินอย่างชัดเจน

    ปัง!

    ร่างของนักเรียนที่กำลังจะฟันฟายจากด้านหลังชะงักและสลายไป

    “เอ๋?”

    ร่างของนักเรียนหลายคนที่เข้ามาใกล้พวกเชาหลางสลายไปดื้อๆ เหมือนกับว่ามีเกราะล่องหนป้องกันพวกเขาอยู่

    “ตอนนี้แหละ รีบใช้พลังย้ายมิติไปเร็วเข้า!” เสียงแหลมเล็กดังขึ้น พร้อมกับร่างของนักเรียนอีกคนสลายไปพร้อมเสียงปืน

    “ฟาย!?” ฟายอึ้งมองสภาพร่างในวัยเด็กของตน ฟายตัวน้อยแม้จะดูมีสภาพสมบูรณ์ดี แต่ก็ดูเหน็ดเหนื่อยไม่ใช่น้อย ในมือของเขาถือปีนสองกระบอกซึ่งยังคงยิงร่างนักเรียนด้านนอกไม่หยุดหย่อน เมื่อรวมกับเกราะป้องกันด้วยแล้วทำให้ขีดความสามารถในการทำลายศัตรูมีมากขึ้นเป็นเท่าตัว

    “ตอนนี้แหละ รีบไปสิ!” ฟายตัวน้อยรีบร้อง เขาหันไปมองฟายแน่วแน่ เอ่ยด้วยท่าทางจริงจัง

    “อย่าทิ้งชีวิตไว้ที่นี่ แล้วก็ไม่ต้องเป็นห่วงฉัน ยูอิรีบหนีไปเร็วเข้า!

    คำเรียกหานั่นทำให้ฟายคิดถึงช่วงเวลานั้น...ช่วงเวลาที่ฟายผู้ถูกขังอยู่บนยอดหอคอยกระโดดลงมาฆ่าตัวตายเพื่อที่จะให้เขารอดต่อไป

    “ไม่! ฉันไม่มีวันทิ้งนายไปเด็ดขาด” เขาร้องด้วยน้ำเสียงเหมือนกับจะเว้าวอน “เราต้องหนีไปด้วยกันสิ!

    “ฉันทนได้อีกไม่นานหรอกนะ เวทมนตร์ของฉันกำลังจะถึงขีดจำกัดอยู่แล้ว” การเคลื่อนไหวของฟายตัวน้อยช้าลงอย่างเห็นได้ชัด เขาเร่งอธิบายให้ทั้งสี่ฟัง “นักเรียนที่นี่ไม่ทำร้ายฉันหรอก เพราะฉันเองก็เป็นพวกเดียวกับพวกเขา แต่พวกเขาจะฆ่าพวกนายเพราะพวกนายเป็นสิ่งแปลกปลอม ดังนั้นถ้ารีบหนีไปก็จะไม่เป็นปัญหาอะไรหรอกนะ ฉันจะถ่วงเวลาไว้ให้เอง ถ้าพวกนายไปแล้วพวกเขาก็คงจะสงบลงนั่นล่ะ”

    “โกหก!” ฟายร้อง

    “คุณฟายแค่พูดให้เราสบายใจเท่านั้นใช่ไหมครับ?” เชาหลางแทรกขึ้นมากลางคัน ทำให้ฟายตัวน้อยชะงัก หันกลับมามองเขาด้วยท่าทางประหลาดใจ

    “คุณไม่มีทางเป็นพวกเดียวกับพวกเขาหรอก เพราะถ้าคุณเป็น คุณจะไม่มาช่วยพวกเรา” เด็กหนุ่มอธิบายข้อสังเกตของตัวเอง “แล้วตอนนั้นคุณเองก็พูดไว้ ว่าร่างกายคุณแตกต่างจากคนทั่วไป ถ้าคุณเป็นเหมือนกับพวกเขาจริง คุณคงจะไม่พูดอย่างนั้นหรอก”

    “พวกเราเป็นแค่คนเดินทางผ่านมา ทำไมเจ้าต้องช่วยพวกเราถึงขนาดนั้นด้วย?” คุโรงาเนะถามด้วยความสงสัย

    “ไม่ช่วยไม่ได้หรอก เพราะผมรอมาตลอดนี่นา” เด็กชายก้มหน้า ทำให้ไม่มีใครเห็นสีหน้าของเขา

    เปรี๊ยะ!

    เกราะป้องกันเริ่มสลายไปช้าๆ

    “...รอมาตลอด รอมาตั้งแต่เมื่อสิบสองปีก่อน” ฟายตัวน้อยเงยหน้า ดวงตาสีฟ้าสะท้อนภาพเหมือนของตนเอง “ยูอิ...น้องชายคนเดียวของผม”

    ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง และพร้อมกันนั้น ร่างกายของฟายตัวน้อยก็ล้มลงราวกับตุ๊กตาหมดลาน แต่เขาไม่ได้สลายไป

    “ฟาย?” ฟายร้องด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้สนเลยว่าเหตุใดฟายตัวน้อยถึงได้บอกว่าเขารอมาสิบสองปีทั้งๆที่จริงๆแล้วเขาใช้ชีวิตมามากกว่านั้นหลายเท่า ชีวิตที่ไม่มีฟาย...

    “ฟาย! ฟาย!” เกราะเวทมนตร์หายไปอย่างสมบูรณ์ เด็กชายเจ้าของเวทมนตร์นั้นนอนอย่างไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมกอดของฝาแฝดที่ร่างกายดูจะแตกต่างกันมาก ดวงตาของเขายังไม่ปิด แต่ก็ไร้แวว ดูไปเหมือนกับตุ๊กตาถ่านหมดมากกว่าจะหมดสติไปจริงๆ

    “โมโคน่า! รีบเปิดมิติเร็วเข้า!” เชาหลางเร่งบอก

    ฉัวะ!

    ในขณะนั้นเอง ร่างสีขาวร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากกลุ่มนักเรียนพร้อมกับแสงมากมายที่บังเกิดขึ้นเพราะนักเรียนหลายคนได้สลายหายไป และในชั่วพริบตาที่ทุกคนจับจ้องไปที่เขา ร่างสีขาวก็คว้าฟายตัวน้อยขึ้นและกระโดดหนีไป

    ในช่วงเวลาถัดมา รอบกายของร่างนั้นก็มีแสงสว่างของเวทมนตร์ แล้วเขาก็หายไป

    “ฟาย!” ฟายร้องเรียกอย่างเสียขวัญ คุโรงาเนะคว้าร่างของฟายเอาไว้ ไม่ให้เขาวิ่งตามไปยังจุดที่แสงเวทมนตร์ค่อยๆหายไป “เฮ้ย ไอ้มันจูขาว แกไล่ตามเจ้านั่นไปได้ใช่ไหม?”

    “โมโคน่าจะพยายาม!” ตุ๊กตาสีขาวกางปีกขนาดใหญ่ออกและปล่อยวงเวทของแม่มดแห่งมิติออกมา จับกระแสการเคลื่อนย้ายเวทมนตร์ที่ยังเหลืออยู่ และสูบทุกคนให้หายเข้าไปในปากของตน

    นักเรียนที่ยังเหลืออยู่พลันหยุดนิ่ง

    ไม่มีผู้บุกรุกอยู่ ณ ที่แห่งนั้นอีกต่อไป

     

    โมโคน่าพาทุกคนมาถึงโลกใหม่ ในขณะนั้นที่โลกใหม่เองก็เป็นเวลากลางคืน

    ฟายรีบมองไปรอบข้าง แต่นอกจากสภาพเมืองที่เหมือนกับเมืองของแม่มดแห่งมิติแล้ว รอบบริเวณนี้ก็ไม่มีใครอยู่เลยนอกจากพวกเขาทั้งสี่

    ไม่มีฟายด้วย

    เชาหลางเองก็มองไปโดยรอบ นึกสงสัยว่านี่เป็นมิติบ้านเกิดของเขาหรือเปล่า แต่เมื่อเขาถามโมโคน่าในภายหลังก็พบว่านี่ไม่ใช่มิติที่วาตานุกิ...อีกตัวตนของเขาซึ่งเคยทำงานเป็นผู้ช่วยของแม่มดแห่งมิติอยู่ และนั่นก็หมายความว่าที่นี่ก็ไม่ใช่มิติบ้านเกิดของเขาเองเช่นกัน

    ครืด... ครืด... เอี๊ยด!

    เสียงเหมือนมีอะไรเข้ามาใกล้ ทุกคนเร่งหันหน้าไปมอง

    เด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น แต่งกายด้วยชุดกระโปรงประหลาดที่เรียกว่า คอสเพลย์ ขาสวมรองเท้าสเก็ตที่คงจะเป็นต้นเสียงแปลกๆเมื่อกี้ บนหัวมีตุ๊กตายัดนุ่นสีเหลือง ใบหน้าท่าทางดูตกตะลึง จากนั้นเธอก็วิ่งเข้ามา... วิ่งเข้ามา... และ..

    “เชาหลางคุง!” เด็กสาวกระโดดกอดเชาหลางเต็มแรงท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนในที่นั้น

    “จะ...เจ้าหญิงซากุระ!?” เด็กหนุ่มตกตะลึง เป็นไปได้อย่างไร เจ้าหญิงสมควรอยู่ที่อาณาจักรโคลว์ไม่ใช่หรือ?

    “เชาหลางคุง ขอบคุณสวรรค์ที่เธอไม่เป็นไร! ฉันใจหายหมดเลยนะที่ได้ยินข่าวว่าเธอหายตัวไปน่ะ”

    “เอ๋?” 
    ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
    ตอนนี้ซากุระก็โผล่ออกมาแล้วนะคะ แฮ่ๆ เพราะว่าตอนนี้แต่งเรื่องจบแล้ว เลยเอามาอัพให้แบบรายวันค่ะ ดีใจใช่ไหมล่ะ? ^^ 
    เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×