คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : บทที่8 วิญญาณที่หายไป
บทที่8 วิญญาณที่หายไป
‘ข้าเกลียดทะเลทรายนี่นา!’
‘โยโกะ อย่าเรื่องมาก ถ้าข้าว่างพอจะทำเองล่ะก็ ข้าจะไม่มาขอให้เจ้าไปทำแทนหรอก’
เมื่อแสงสว่างหายไป ข้างกายโทยะก็ไม่มียูกิโตะอีกต่อไป หากแต่มีชายหนุ่มผมขาวโพลนราวกับหิมะที่ยาวเลยขาไปยืนอยู่แทน ชายหนุ่มผู้นั้นแต่งกายราวกับทูตสวรรค์ ทั้งชุดมีเพียงสีขาวและมีลูกแก้วกลมๆสีน้ำเงินอยู่ที่หน้าอก คล้ายคลึงกับเคเบลรอสที่แม้จะมีร่างเสือแต่ก็มีลูกแก้วสีแดงอยู่ที่หน้าผากและหน้าอกเช่นกัน และที่สำคัญ...เขามีปีกสีขาวคู่ใหญ่อยู่ที่กลางหลัง
“ผู้พิทักษ์แห่งดวงจันทร์...ยูเอะ!?” ฟู่หมิงมองยูกิโตะเปลี่ยนร่างไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย ในขณะที่คนอื่นๆพากันอึ้งจนแทบจะลืมสู้กันไปเลย
พลังของฟู่หมิงถูกยูเอะกางเกราะป้องกันไว้ได้ทัน ชายหนุ่มพยุงโทยะขึ้นและตอบโต้ศัตรูกลับไปด้วยคริสตัลเงินอาวุธของตน
ยูเอะอาศัยช่วงเวลาที่อีกฝ่ายตกตะลึงรีบถอนตัวกลับ ไม่แม้แต่จะเสียเวลาทักเพื่อนเก่าของโคลว์เสียให้เมื่อย เมื่อภาพที่ยูกิโตะเห็นแสดงชัดแล้วว่าอีกฝ่ายเป็นศัตรู เขาก็ไม่คิดจะทักให้เสียเวลา
“พี่คะ!” ซากุระเข้ามาดูอาการพี่ชายของตน โทยะไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ ดูราวกับว่าเขาเพียงหมดสติไปเท่านั้น
“มือเย็นจังเลย พี่คงไม่...” เด็กสาวเริ่มน้ำตาซึม เชาหลางที่ตรวจอาการดูรีบพูด
“เขายังหายใจอยู่ ยังไม่ตายหรอก”
“เพราะฉันแท้ๆ! ถ้าเกิดว่าฉันให้คุณยูกิโตะอยู่ข้างๆพี่ล่ะก็...เรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น” ซากุระซบอกพี่ชายร้องไห้คร่ำครวญ
“ไม่ใช่ความผิดของเธอหรอกน่า!” เชาหลางบอก
“ฉันเองก็ไม่คิดมาก่อนว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น” ยูเอะปลอบเด็กสาวเช่นกัน เขาจ้องฟู่หมิงเขม็ง แสดงท่าทางเป็นศัตรูเต็มที่
“อย่าคิดว่าเป็นเพื่อนเก่าของโคลว์แล้วฉันจะอ่อนข้อให้นะ ฟู่หมิง!” เคเบลรอสขู่ “นายทำกับซากุระแบบนี้ฉันไม่ให้อภัยนายแน่!”
“กับคนที่พูดไม่รู้เรื่องก็อย่าไปเสียเวลาพูดเลย” ยูเอะเดินมาอยู่เคียงข้างคู่หู สายตาดุร้ายไม่แพ้กัน “ถ้าไม่ไล่ไปก็จัดการให้จบๆไปก็พอ”
สองผู้พิทักษ์เริ่มรุกไล่ชายหนุ่ม ทั้งเปลวเพลิงทั้งคริสตัลปลิวกันให้ว่อน จำนวนตุ๊กตาลดลงเรื่อยๆเนื่องจากยูอิทำการปิดมิติที่เรียกเหล่าตุ๊กตามาไปแล้ว ด้านฟายเองก็พยายามปกป้องคนเจ็บซึ่งก็คือเจ้าหญิงซากุระที่ใช้พลังปกป้องพวกยูกิโตะจนตัวเองแทบแย่ ตัวนักบวชยูกิโตะ ซากุระ เชาหลาง และโทยะอย่างเต็มความสามารถ ทว่าดวงตาของเขายังคงจับจ้องไปยังฟู่หมิงอย่างไม่เข้าใจ
ฟู่หมิงเริ่มรู้สึกว่าตนเป็นฝ่ายเสียเปรียบ ตุ๊กตาที่เขาทุ่มเวลาหลายปีในการสร้างขึ้นมาต่างก็ลดน้อยลงไปเรื่อยๆ แถมสองผู้พิทักษ์ที่มาไล่ต้อนเขาเองก็ใช่ว่าจะกระจอก อย่างที่โคลว์เคยว่าไว้...พวกเขาไม่แพ้ใครนอกจากโคลว์จริงๆ
ชายหนุ่มหลับตาลง กางพลังปกป้องตัวเองชั่วครู่ขณะเริ่มร่ายมนต์เปิดประตูมิติอีกครั้ง พลังปกป้องที่ว่าทำให้การโจมตีของเคเบลรอสและยูเอะถูกสะท้อนกลับมา และทั้งสองก็ต้องถอนตัวออกมาหลบพลังของตัวเอง
“เข้าไปใกล้กว่านี้ไม่ได้เลย” ยูเอะตั้งใจใช้พลังสะกดของตน แต่การจะทำเช่นนั้นต้องเข้าใกล้อีกฝ่ายให้ได้ในระดับหนึ่ง และต้องจ้องตากันด้วย ซึ่งดูเหมือนฟู่หมิงจะรู้จักพลังนี้ของเขา จึงได้ระวังตัวรักษาระยะห่างไว้ตลอด
“เดี๋ยวก่อน!” ฟายร้องตะโกน ทำให้ทุกคนพากันให้มามองเขาเป็นตาเดียว แต่เด็กชายไม่สนใจ เขามองไปที่ฟู่หมิงไม่วางตา
“คุณยังไม่รู้ตัวหรือ?” เขาถามคำถามที่ทำให้ทุกคนงงกันถ้วนหน้า ไม่แม้กระทั่งฟู่หมิงเอง
“คุณไม่รู้หรือว่าผมเป็นใคร?”
ฟู่หมิงนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแค่นเสียง “ก็แค่ของที่ถูกสร้างขึ้นมาไม่ใช่หรือยังไงกัน? เป็นแค่สิ่งของ อย่าได้บังอาจมาตั้งคำถามกับข้า ไม่เช่นนั้นเมื่อเจอกันคราวหน้า...ข้าจะทำลายเจ้าทิ้งซะ พวกเจ้าเองก็เช่นกัน อย่าได้คิดว่าข้าเป็นฝ่ายหนีไปแล้วพวกเจ้าจะเอาชนะข้าได้ ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็จะต้องตามหาข้า”
จากนั้นชายหนุ่มก็หายตัวไปพร้อมรอยยิ้มของผู้ชนะ
“หนีไปไหนกัน!?” เชาหลางแห่งอาณาจักรโคลว์ร้องขึ้นอย่างร้อนรน
“คงไม่ไกลจากที่นี่นักหรอกครับ ท่านซากุระ...ท่านแม่ของคุณโยโกะบอกไว้แล้วว่าจะปิดช่องทางหนีออกจากโลกนี้ให้พวกเรา ผมคิดว่าเขาคงจะอยู่ในที่ไหนสักแห่งในโลกนี้นั่นแหละครับ” ฟายเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบเฉย ยูอิมองพี่ชายฝาแฝดอย่างงุนงง
“ฟาย นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น?”
“เขายังไม่รู้ตัว...” ฟายพึมพำ ไม่รู้ว่ากำลังตอบคำถามของยูอิหรือกำลังพูดกับตัวเองอยู่กันแน่ “เขายังไม่รู้ตัว”
แต่แล้วเขาก็ถูกเสียงร้องของซากุระดึงความสนใจไป
“พี่เป็นอะไรไปกันแน่? ทำไมถึงไม่ตื่นล่ะ?” เด็กสาวร้องอย่างขวัญเสีย
เด็กชายก้มลงมองชายหนุ่มผู้นอนนิ่งไม่ไหวติง ครั้นแล้วสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป
“พี่คะ! พี่โทยะ!” ซากุระเรียกก็แล้ว เขย่าก็แล้ว พี่ชายของเธอก็ยังไม่รู้สึกตัวเสียที
“ขอทางให้ผมนิดหนึ่งได้ไหมครับ?” ฟายร้องถาม หลังจากนั้นเขาก็ก้มลง ใช้มือสัมผัสหน้าผากของโทยะ “จริงๆด้วย”
“คุณพี่ชายเป็นอะไรไปหรือ?” เคเบลรอสร่อนลงมาถาม
ฟายเงยหน้ามองทุกคน “วิญญาณของเขา...หายไปครับ”
ทุกคนย้ายถิ่นฐานกลับมายังพระราชวัง ร่างของโทยะถูกวางไว้บนเตียงในห้องสักห้องในพระราชวัง ทุกคนสับสนงุนงง เพราะฟายไม่ยอมอธิบายเพิ่มเติมเสียที เขาเพียงพึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่หลังจากนั้นห้านาที โยโกะซึ่งเก็บตัวอยู่ในห้องข้างๆก็เดินเข้ามาสมทบ
“มีปัญหาอะไรคะ พี่ฟาย?” เด็กสาวผมดำร้องถาม
“คุณโทยะน่ะสิครับ...” คำพูดของเด็กชายทำให้โยโกะเลิกคิ้วหันไปมองเจ้าชายโทยะ จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปหาชายหนุ่มที่หน้าตาเหมือนกันซึ่งนอนอยู่บนเตียง ฟายรีบอธิบายเรื่องราวให้เด็กสาวฟัง ขณะที่เธอเดินเข้าไปดูอาการของเขาซึ่งหมอหลวงต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่พบความผิดปกติใดๆ
“เขาไม่มีวิญญาณจริงๆด้วย” เด็กสาวร้องขึ้นเมื่อตรวจดูอาการเขาด้วยการสัมผัสหน้าผากและหน้าอก
“หมายความว่ายังไงคะ? วิญญาณของพี่หายไป...แต่พี่ยังหายใจอยู่เลยนะ”
“อย่าเข้าใจผิดสิ ไม่มีวิญญาณไม่ได้หมายความว่าตายสักหน่อย” โยโกะรีบแย้ง
“แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงนะครับ” ฟายเสริม
“อะไรนะ?”
“ร่างวิญญาณน่ะถูกดึงออกมาจากกายหยาบได้โดยที่กายหยาบจะยังไม่ตาย แต่นั่นก็จำกัดอยู่ที่ยี่สิบสี่ชั่วโมงเท่านั้น” เด็กสาวจับร่างกายของชายหนุ่มซึ่งเย็นเฉียบคล้ายคนตายเข้าไปทุกที “ถ้าวิญญาณไม่กลับเข้าร่างภายในยี่สิบสี่ชั่วโมง เขาก็จะตาย”
“นี่คือสิ่งที่เจ้านั่นบอกสินะ” ยูอิเอ่ยขึ้น
“ดูจากอาการก็น่าจะเหลือเวลาอีกไม่ถึงสิบชั่วโมงแล้วล่ะนะ ข้าว่าเราคงต้องรีบทำอะไรก่อนที่มันจะซ้ำรอยเดิมดีกว่า”
“ซะ...ซ้ำรอยเดิมเหรอคะ? หมายความว่ายังไง?” ซากุระงุนงง
“ข้าเป็นผู้อัญเชิญตุ๊กตา ดังนั้นข้าจึงมองเห็นและสัมผัสวิญญาณได้” โยโกะอธิบายเนิบๆ “ตอนที่ข้าได้รู้จักเจ้า ข้าเห็นวิญญาณของหญิงสาวอยู่ข้างๆเจ้าด้วย นั่นก็คือแม่ของเจ้าไง”
เด็กสาวสะดุ้งทันที
“คุณแม่เหรอคะ?” เธอจำได้อยู่ว่าพี่โทยะบอกว่าคุณแม่คอยอยู่เคียงข้างพวกเธอเสมอ แต่ไม่คิดเลยว่าโยโกะเองก็มองเห็นแม่ของเธอมาตลอดแต่ไม่เคยบอกให้เธอรู้เลย
“ข้าเห็นว่าเจ้ากลัวภูตผีวิญญาณ เลยไม่ได้บอก แต่ข้าเองก็ได้คุยกับคุณนาเดชิโกะบ้าง นางอยู่ข้างเจ้าเพื่อปกป้องเจ้า ไม่ใช่แค่ดูแล แต่พยายามปกป้องเจ้า เพราะเมื่อนางกลายเป็นวิญญาณ นางก็เห็นอะไรหลายๆอย่างที่มนุษย์ธรรมดาไม่เห็น นางใช้พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งของนางปกป้องพวกเจ้าจากฟู่หมิงมาตลอด”
“หมายความว่ายังไง!?” เคโระอึ้ง “ฟู่หมิงเพิ่งจะมารังควานซากุระเมื่อเร็วๆนี้เอง ทำไมถึงได้...”
“ข้าฟังมาจากนาง ได้ยินว่าโคลว์ตายไปตั้งแต่เมื่อสองร้อยปีก่อน เจ้าคิดว่าฟู่หมิงจะตามรอยมาไม่เจอเหรอว่าคิโนโมโตะเป็นผู้สืบทอดของโคลว์?” โยโกะย้อนถาม “เขาตามมาเจอ แต่เพราะในตอนนั้นพวกเจ้ายังไม่รู้จักโคลว์ เขาจึงจับเจ้าเป็นตัวประกัน บังคับขู่เข็ญให้บอกที่อยู่ของโคลว์”
ทุกคนรู้จักความหัวรั้นไม่ยอมเชื่อคำพูดใครของฟู่หมิงดี จึงไม่คัดค้านในเรื่องนี้
“สุดท้ายเขาดึงวิญญาณพลาด กลายเป็นไปดึงวิญญาณแม่เจ้าแทน” โยโกะเกาหัว ทำท่าเหมือนจะเค้นความทรงจำออกมา “ข้าจำไม่ค่อยได้แล้ว ไม่รู้ว่าเขาหนีไปทำไม และเพราะอะไรถึงได้ไม่ทำอะไรมากไปกว่าการดึงวิญญาณของแม่เจ้าไว้ แต่พอทิ้งร่างกายของแม่เจ้าไว้อย่างนั้นโดยไม่ได้คืนวิญญาณ แม่เจ้าก็เลยตายลงช้าๆ และเมื่อร่างกายตายไป วิญญาณจึงได้เป็นอิสระ นางเลยกลับมาอยู่กับพวกเจ้า ใช้พลังวิญญาณของตัวเองปกปิดพลังเวทของพวกเจ้าสองพี่น้องเอาไว้”
“เป็นไปไม่ได้” ซากุระเอ่ยน้ำตาคลอ
“เป็นไม่เป็น มันก็เป็นไปแล้ว เจ้าไม่คิดสงสัยหรือไง? แม่ของเจ้าไม่มีประวัติเจ็บป่วยเรื้อรังอะไร ทำไมจู่ๆถึงได้ป่วยแล้วตายไปดื้อๆ? เจ้าอาจยังเด็กเลยไม่รู้ แต่นาเดชิโกะเล่าให้ข้าฟังหมดแล้ว” โยโกะบอก “แม่ของเจ้าตามเจ้ามาด้วย พี่เจ้าเลยไม่มีคนปกปิดพลัง ทำให้ฟู่หมิงจับตัวมาได้...จะว่าไปข้าเองก็สะเพร่าเอง อย่างน้อยๆน่าจะให้พี่ฟายช่วยกางอาคมปกป้องเอาไว้ ข้านึกว่าพี่เจ้าไม่มีพลังแล้วเลยไม่ได้ใส่ใจ ไม่ได้คิดไปถึงร่องรอยของพลังเวทที่ตกค้างอยู่ที่บ้านเจ้าเลย”
“ทำไมฉันกับพี่ถึงไม่รู้เรื่องนี้ แต่คุณกลับรู้ได้คะ?”
“แม่ของเจ้าคงไม่อยากบอกให้พวกเจ้าไม่สบายใจ อีกอย่าง พลังวิญญาณของแม่เจ้าแข็งแกร่งมาก...ก็นะ ขนาดนาเดชิโกะของโลกนี้ยังเป็นหัวหน้านักบวชได้ อย่างนางน่ะ อยู่ปกป้องพวกเจ้าไปชั่วชีวิตยังได้เลย” เธอว่า จากนั้นก็ทำท่าเหมือนนึกขึ้นได้แล้วมองซ้ายมองขวา
“ว่าแต่...แล้วนาเดชิโกะล่ะ?”
ฟายเป็นคนตอบ “ผมเห็นเธอตามฟู่หมิงไปแล้วครับ”
“ทำไมทำอะไรบ้าบิ่นแบบนั้น!” โยโกะอุทาน จากนั้นก็เบิกตากว้าง “นางต้องการให้ข้าตามไปช่วยคุณโทยะเหรอ?”
“ดูเหมือนจะเป็นอย่างนั้น... เดี๋ยวผมจะช่วยดูแลร่างกายของเขาให้นะครับ ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วง” ฟายรีบบอกทุกคน
“ถ้านาเดชิโกะอยู่กับคุณโทยะ ข้าก็พอมีทางตามเจอล่ะ” โยโกะบอก จากนั้นก็หันมาทางซากุระ
“เหลือเวลาไม่มากแล้ว รีบทำเวลากันเถอะ ทุกคนรีบทำตามที่ข้าบอกนะ” นัยน์ตาสีม่วงตวัดไปยังเจ้าหญิงซากุระซึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆด้วยแววตาไม่สบายใจ
“เจ้าหญิง” โยโกะเรียก “ข้าได้ยินว่าเจ้ามองเห็นวิญญาณได้”
“ฉันมองเห็นได้ค่ะ” เจ้าหญิงซากุระพยักหน้ารับ
“เจ้า...กับพวกเจ้า” โยโกะชี้ไปยังกลุ่มของพวกเชาหลาง “ข้าวานให้แยกเป็นกลุ่มหนึ่ง ออกตามหาร่องรอยของคุณโทยะ จะให้ดีก็ถามไปด้วยว่าเห็นนาเดชิโกะอยู่แถวๆนั้นด้วยหรือเปล่า”
ทุกคนพยักหน้าแล้วแยกตัวออกไป
“ส่วนพวกเจ้า” โยโกะหันกลับมาหากลุ่มของซากุระ “พวกเจ้ามากับข้า”
“ในนามของข้า มุโต้ โยโกะ ขออัญเชิญทาสผู้ซื่อสัตย์ จงมา ไลแคนท์!” เด็กสาวร่ายเวท บังเกิดวงเวทดาวหกแฉกบนพื้น ร่างของหมาป่าหนุ่มผู้เงินไปทั้งตัวไม่แพ้ยูเอะค่อยๆปรากฏขึ้นมาจากวงเวทช้าๆ
“จะเรียกมาทำไมอีก?” ขอย้ำว่านี่คือคำที่ทาสใช้ทักเจ้านาย
“ข้ามีเรื่องอยากให้ช่วย เรื่องคอขาดบาดตาย แล้วเจ้าก็เป็นคนที่ใช้ประโยชน์ได้มากที่สุดด้วย ไม่งั้นข้าไม่เรียกมาให้เสียเวลาหรอก” นี่คือคำพูดที่เจ้านายพูดกับทาสใต้อาณัติ
“รีบๆว่ามา หวังว่าคงจะไม่ใช้ให้ไปลักพาตัวใครอีกนะ”
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียง เจ้าตามหาวิญญาณของคุณโทยะกับนาเดชิโกะให้หน่อย”
“ข้าไม่ใช่หมานะ!” จอมอสูรผู้ยิ่งใหญ่โวยวาย
“หมาป่า...ดูยังไงก็จมูกไวเหมือนหมานั่นแหละ ไม่ต่างกันเท่าไรหรอก รีบๆนำทางไปได้แล้ว!”
“เจ้า!”
“ไลแคนท์” น้ำเสียงของโยโกะกดต่ำ ดวงตาสีม่วงเรืองขึ้นมาวูบหนึ่ง “นี่คือคำสั่ง!”
ร่างของชายหนุ่มแข็งทื่อไปทันที แม้สีหน้าจะมีความไม่ชอบใจอยู่ แต่เขาก็หันหลังไป ทิ้งคำพูดไว้ว่า “ตามให้ทันก็แล้วกัน” แล้วก็พุ่งหายลับไป
“รีบตามไปอย่าให้คลาดสายตาล่ะ!” โยโกะพูดแล้วรีบเร่งฝีเท้าตามไลแคนท์ไป
“รีบขึ้นมาเร็ว ซากุระ เจ้าหนู!” เคเบลรอสร้องขึ้น
เด็กหนุ่มสาวปีนขึ้นหลังผู้พิทักษ์แห่งดวงตะวัน จากนั้นคนทั้งสี่ (รวมยูเอะด้วย) ก็บินตามพวกโยโกะไปในที่สุด
โยโกะวิ่งเร็วมาก ขนาดพวกเคเบลรอสเร่งฝีปีกกันเต็มที่แล้วก็ยังตามแทบไม่ทัน
แต่ไลแคนท์วิ่งเร็วยิ่งกว่า เชื่อสิว่าเขาทิ้งระยะห่างมากขึ้นไปทุกทีแล้ว
สองคนนี้ไม่ใช่มนุษย์จริงๆด้วย!
จนในที่สุด โยโกะก็เหนื่อย เธอลดระดับความเร็วมาจนพอๆกับพวกเคเบลรอส จากนั้นก็ทำสีหน้าขัดใจออกมา
“เคเบลรอส ยูเอะ รีบหลบไป!” เธอร้องบอก
“หือ?”
ยังงงได้ไม่เท่าไร เด็กสาวก็กางปีกออกเสียแล้ว เธอโผบินขึ้นมา กางปีกสีขาวพิสุทธิ์ไม่แตกต่างจากพวกเขาและเร่งความเร็วจนแซงหน้าพวกเขาไปอีกครั้ง
ทุกคนมองตามจนอ้าปากค้าง
แม้พวกซากุระจะเคยได้ยินมาบ้างว่าสายเลือดทางฝั่งแม่ของคุณเธอจะมีครึ่งหนึ่งที่เป็นอสูร และสายเลือดครึ่งหนึ่งของเธอก็เป็นจอมเวท แต่เหมือนว่าจอมเวทในฐานของโยโกะจะบินไม่ได้ ดังนั้นถ้าจะบินได้...คาดว่าคงเป็นเพราะสายเลือดอสูร
“ทำไมคุณถึงมีปีกไปได้?” เชาหลางทนความอยากรู้ไม่ไหวร้องถามขึ้นมาก่อน
“แม่ข้าเป็นบุตรีจอมอสูรปักษา ไม่รู้หรือไง?” โยโกะย้อนถาม ท่าทางเหมือนมันควรจะเป็นเรื่องที่รู้ๆกันอยู่แล้ว
“ฉะ...ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะคะ” ซากุระตอบเสียงอ่อน
“นามสกุลของท่านแม่คือ ‘ชิโรทากะ’ ข้านึกว่าพวกเจ้าได้ยินนามสกุลก็รู้แล้วซะอีก” โยโกะบอก
จะว่าไป... ชิโระ หมายถึงสีขาว ส่วน ทากะ ก็หมายถึงเหยี่ยว
เอิ่ม...
“ท่านตาของข้าเป็นจอมอสูรปักษาแห่งเผ่าเหยี่ยวหิมะเชียวนะ แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งสงสัยเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย ไลแคนท์ไปนู่นแล้ว รีบตามเขาให้ทันก่อนจะหายลับตาไปดีกว่าน่า ข้าจะเร่งความเร็วล่ะนะ” พูดจบเธอก็พุ่งทะยานไปจริงๆ แถมยังทิ้งห่างพวกเขาไกลเลยอีกด้วย
ยูเอะรีบตามเด็กสาวไปติดๆ
ด้านเคเบลรอสเร่งความเร็วได้ไม่มาก เพราะมีคนถ่วงอยู่บนหลังตั้งสองคนก็ได้แต่ร้องโอดครวญด้วยความไม่ยุติธรรม
กลายเป็นว่าทุกคนต่างหอบแฮก มีแค่ไลแคนท์กับพวกซากุระที่นั่งบนหลังเคเบลรอสมาตลอดทางเท่านั้นที่ยังสบายๆอยู่ คนแรกน่าจะเป็นเพราะเขาเป็นตุ๊กตาไปแล้ว เหนื่อยไม่เป็นอีก แต่นั่นก็ทำให้ทั้งสองสามารถสำรวจพื้นที่รอบๆได้โดยสะดวก
“กลิ่นวิญญาณของนาเดชิโกะหยุดลงตรงนี้” ไลแคนท์เอ่ยด้วยภาษาของเหล่าอสูรซึ่งพวกซากุระไม่มีใครฟังรู้เรื่อง นับเป็นโชคดีที่นอกจากชายหนุ่มและโยโกะแล้วก็ไม่มีใครมองเห็นวิญญาณอีก พวกเขาเลยไม่พบความผิดปกตินี้
โยโกะมองเห็นโทยะชัดเจน เขานอนหลับอยู่ในฟองอากาศที่น่าจะแข็งกว่าฟองอากาศทั่วไปหลายสิบเท่า แน่นอนว่าไม่มีนาเดชิโกะอยู่เคียงข้าง
“หมดหน้าที่ข้าแล้วนะ” ว่าจบไลแคนท์ก็หายตัวไป
“ซากุระ มาช่วยข้าหน่อย เชาหลาง เคเบลรอส ยูเอะ คอยระวังเจ้าฟู่หมิงนั่นไว้ให้ดีล่ะ” โยโกะบอกให้ซากุระใช้การ์ด FLY จากนั้นทั้งสองต่างก็บินไปหาฟองอากาศที่คนทั่วไปมองไม่เห็น โยโกะบอกให้ซากุระใช้ SWORD ฟันลงในที่ๆไม่มีอะไรในสายตาของเธอ แต่หลังจากที่ทำเช่นนั้น โยโกะก็รีบหยิบขวดแก้วออกมาแล้วคว้าเอาอะไรบางอย่างใส่เข้าไปข้างใน ซากุระก้มลงมองสิ่งที่อยู่ในขวดแก้ว พบว่ามันเหมือนจะเป็นอะไรบางอย่างที่เรืองแสงได้ แต่เธอก็ดูไม่ออกว่าเป็นอะไร
“นี่คือวิญญาณของพี่เจ้า ตอนนี้เขาหลับอยู่ก็เลยต้องเก็บไว้ในขวด ไม่อย่างนั้นจะถูกลมปลิวหายไปได้”
“วะ...วิญญาณถูกลมพัดได้ด้วยหรือคะ?” ซากุระงุนงง
“ได้ไม่ได้ไม่รู้ รู้แต่ว่ามันสะดวกในการเคลื่อนย้าย”
“แล้วคุณแม่ล่ะคะ?”
“แม่ของเจ้าเองก็อยู่ข้างๆเจ้า แค่เจ้าไม่รู้ตัวเท่านั้น” โยโกะบอกเธอ
เด็กสาวหันซ้ายหันขวา นึกแปลกใจที่ไม่พบฟู่หมิง แต่เธอก็ไม่ใส่ใจนัก คิดเสียว่าเป็นโชคดีของเธอแล้วล่ะ
“เจ้าใช้ WINDY ส่งข่าวไปบอกอีกกลุ่มหนึ่งให้หน่อยว่าเราทำภารกิจเสร็จแล้ว”
“WINDY ใช้ทำแบบนั้นได้ด้วยหรือคะ?” ซากุระอึ้งอีกแล้ว
“ไม่รู้ แต่ท่านแม่ก็ชอบใช้วิธีฝากข้อความกับสายลมมาบอกข้าอยู่เรื่อย...เวลาที่เราอยู่ในโลกเดียวกันน่ะนะ” โยโกะยักไหล่ ทำท่าไม่สนใจ “มันเป็นวิธีที่เร็วที่สุดเวลาใช้มือถือไม่ได้แล้วล่ะ”
หลังจากนั้นพวกเธอจึงได้กลับพระราชวังไป โยโกะทำการคืนวิญญาณกับให้โทยะ เธอบอกว่าปล่อยให้โทยะนอนไปสักพัก เดี๋ยวก็ตื่นขึ้นมาเอง หลังจากนั้นจึงได้กลับไปเก็บตัวอยู่แต่ในห้องเหมือนเดิมอีกครั้ง
พวกเจ้าหญิงซากุระกลับมาในคืนวันนั้น พวกเธอต่างกลับมาในสภาพสะบักสะบอม รู้คร่าวๆว่าพวกเธอไปเจอกับฟู่หมิงมา ยังดีที่ได้ยินข้อความสายลมของซากุระ ไม่อย่างนั้นป่านนี้ก็คงยังสู้ติดพันกันอยู่ ฟู่หมิงเป็นคนหัวรั้นก็จริง แต่ฝีมือเขาเป็นของจริง ขนาดยูอิที่ว่ามีพลังเวทสูงส่งแล้วยังแทบสู้เขาไม่ได้เลย
ทุกคนต่างยินดีที่พวกซากุระช่วยโทยะกลับมาได้
“ว่าแต่...แล้วคุณแม่ของคุณล่ะคะ?” เจ้าหญิงซากุระมองซ้ายมองขวา ไม่เห็นนาเดชิโกะร่างวิญญาณอยู่ที่ไหนเลยสักที่
“คุณโยโกะบอกว่าอยู่ข้างๆฉันนี่คะ ไม่อยู่หรอกเหรอ?”
“ฉันไม่เห็นเลยนะ” เจ้าหญิงซากุระยืนยัน แต่ซากุระก็มองโลกในแง่ดีเข้าไว้
“บางทีคุณแม่คงจะไปคุยอะไรกับคุณโยโกะล่ะมั้ง ขนาดฟายคุงก็ยังไปกับเขาเลยนี่”
“อย่างนั้นเหรอจ๊ะ? ถ้าอย่างนั้นล่ะก็...ไว้คราวหลังฉันค่อยไปกล่าวสวัสดีกับท่านก็แล้วกันนะ”
“อื้ม”
เด็กสาวสองคนที่หน้าตาเหมือนกันต่างส่งยิ้มให้กัน
โดยที่ไม่ได้รู้ความจริงเลยแม้เพียงนิดเดียว
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ทำไมไม่มีคนอ่านเลยอ่ะ เสียใจจริงๆนะเนี่ย T^T
ความคิดเห็น