ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [GOT7] Prince's Monster <2JAE/YUGJAE>

    ลำดับตอนที่ #2 : ++ Chapter 01 ++

    • อัปเดตล่าสุด 25 เม.ย. 58




    คำเตือน คำพูดระหว่างเด็กยักษ์กับเพื่อนของนางจะเป็นภาษาดอกไม้ แต่ ระหว่างพี่แจ็คกับคนทั่วไปอาจมีคำหยาบนะคะ ... เพื่อให้สมกับคาแรคเตอร์ของนางในเรื่องค่ะ









    Chapter 1









    กว่าห้าชั่วโมงแล้ว นับตั้งแต่ที่เขากลับมาจากห้องสมุดและก็เป็นห้าชั่วโมงที่เขานั่งอยู่หน้าจอโน็ตบุ๊ค ยองแจไล่สายตาอ่านหัวข้อกระทู้ในเว็บบอร์ดของโรงเรียนและเข้าไปทุกกระทู้ที่มีชื่อของประธานนักเรียนสุดชิค อิม แจบอม แม้จะมีวอกแวกกดเข้าไปกระทู้ที่มีชื่อของปาร์ค จินยองบ้างเพื่อเซฟรูปและเสพข้อมูลก็ตาม

    เขาถอนหายใจออกมาก่อนจะกดปิดกระทู้ อยากรู้จักรุ่นพี่แจบอมจังค่ะกระทู้ที่เจ็ดสิบที่มีแท็กของประธานนักเรียน ซึ่งมีห้าสิบสี่ Reply และกว่า 98% ที่สรรเสริญ ยกยอ ปอปั้น ส่วนอีกสองเปอร์เซ็นต์ ก็ชื่นชอบรุ่นพี่จินยองคนงาม พวกนี้จะเป็นพวกขี้อิจฉา อิจฉาที่ไอ้พี่นี่ได้อยู่ใกล้ชิดตลอดเวลา...  ซึ่งเขาก็เป็นหนึ่งในสองเปอร์เซ็นต์นี้น่ะล่ะ

    “นี่ไม่มีใครรับรู้ถึงความร้ายกาจของมันมั่งเลยรึไง!” เขากัดริมฝีปากอย่างรำคาญจิตใจ มีหลายครั้งที่เขาคิดจะตั้งกระทู้ขึ้นมาซะเอง แต่เพราะคำขู่ของโจทก์ยังคงดังก้องอยู่ในหัวนอกเหนือจากนี้หลักฐานที่มีมันยังมีมันดันเป็นของกลางที่สามารถทำลายชื่อเสียงของเขาไปด้วยเนี่ยสิ

    และที่สำคัญ... ต่อให้มีแนวร่วม เขาก็อาจจะต้องตายเพราะแนวร่วมนี่ล่ะ... มันไม่ได้สนใจซักนิดว่าใครจะเป็นคนปล่อยข่าว ถ้าเรื่องนี้หลุดไป ยังไงเขาก็ต้องตายอยู่ดีแม้คนที่ปล่อยข่าวจะไม่ใช่เขาก็ตาม

     

    อย่างนี้เขาควรจะมีแนวร่วมมั้ย?

    ควรมีมั้ยนะ?!

     

    เขามุ่ยหน้าลง ก่อนที่จะคิดถึงหลักความจริง...คือถ้ามีคนรู้ มันก็ไม่น่าจะได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่ที่เจ้าตัวอยู่เกรดสิบเอ็ดสิ เพราะอะไรพี่ๆเกรดสิบสองเมื่อปีที่แล้วถึงยอมอยู่ใต้อำนาจมันล่ะ?

    ตอนแรกก็คิดว่าเพราะเรียนเก่ง กีฬาเยี่ยม นิสัยดี ป็อป คือดีทุกสิ่งอย่าง... แต่พอมาคิดๆดูแล้ว พี่จินยองไม่เก่งกว่าเหรอ... ทั้งสอบเข้าที่หนึ่ง เป็นหัวหน้าชมรมทั้งบาสหญิงและชาย นิสัยไม่ต้องพูดถึง (เพราะเขายังไม่เคยได้เข้าใกล้ แต่มั่นใจว่าดีกว่าอิพี่แจบอมล้านเปอร์เซ็นต์) ส่วนหน้าตา... สวย น่ารัก ละมุนละไม ดีไปซะทุกอย่างยิ่งกว่าแจบอม...

    ยองแจ ละมือจากเม้าส์มากุมไว้บนโต๊ะ สายตาหรี่ลงเพื่อคิดถึงสาระของประเด็นนี้

    ใช่... บางทีเรื่องนี้อาจมีเบื้องลึกเบื้องหลัง

     

    :: Choi Youngjae Style ::

    ภาพสถานการณ์ที่สุดแสนจะวุ่นวายตรงหน้าในเช้าวันนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกรำคาญแต่อย่างใด... กลับกันเลย มันทำให้ผมรู้สึกสนุกและโคตรสะใจ แต่แสดงออกมามากไปไม่ได้ เพราะถ้าเรื่องมันพลิกขึ้นมาผมอาจจะตาย ด้วยฝีมือสมุนของไอ้รุ่นพี่แจ็คสันได้

     

    ใบหน้าคมและเสื้อนักเรียนสีขาวบนร่างกายสันทัดที่มีแต่กล้ามเนื้อนั่นถูกชโลมไปด้วยดินโคลนทั้งตัว ราวกับว่ามันไปอาบน้ำขี้เลนที่ไหนซักที่มา ดวงตากลมกลอกกวาดมองไปรอบทิศทางอย่างเหี้ยมโหด ถึงจะเห็นการพลาดท่าอย่างร้ายกาจอย่างนี้ของไอ้พี่แจ็คแต่ทุกคนก็ยังคงดูหวาดเกรงมันอยู่ไม่น้อย

    “ใคร...” เสียงแหบห้าวถามออกมา ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าคงจะมีใครแสดงตัวออกมาหรอกนะ

    “ใครแม่งมาเปิดฝาท่อเอาไว้!!” ...เงียบกริบ ชนิดที่แม้แต่มดมันก็ยังไม่กล้าย่ำเท้าเดิน หางตาของผมเหลือบไปเห็นเซเลบผมแดง พี่มาร์ค... หรือมาร์คเกอร์แมนผู้เป็นเพื่อนซี้ของไอ้พี่แจ็คกลั้นขำยืนถือมือถือถ่ายคลิปของเพื่อนสุดเลิ้บของตัวเองอย่างลั้ลลา... คือพี่มาร์คครับ โปรดเข้าใจความรู้สึกของเพื่อนพี่ด้วยครับ ถ้าพวกพี่ไม่ได้เป็นเพื่อนกัน ผมนี่จะนึกว่าพี่ตั้งใจสร้างสถานการณ์แล้วอัดคลิปไปลงที่บล็อกของตัวเองแล้วนะ

    “กูถาม... ไม่ได้ยินเหรอ!!” อีกครั้งที่เสียงแหบๆนั่นตะคอกออกมา... เอาจริงๆนะ โคตรน่ากลัวเลย ในสภาพแบบนี้น่ะพี่แจ็ค แต่ว่า ขอขำ(ในใจ)สักทีเถอะ กร๊ากกกก

    “มึงเดินไม่ดูเองรึเปล่าวะแจ็ค” เสียงทุ้มๆของพี่มาร์คดังขึ้น นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิง ผมคงจะกรี๊ดไปแล้ว คนอะไร ดูดีตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า แล้วยังรวมไปถึงน้ำเสียงที่นุ่มลึกแบบนี้อีก

    “มึงก็เห็นอยู่ไอ้มาร์ค คนอื่นที่เดินอยู่หน้ากูไม่เห็นตก แต่พอกูก้าวไปเหยียบเท่านั้นล่ะ แม่งเอ๊ย!! ต้องมีใครสักคนมันเล่นกูแน่” สม... ตัวเองทำกับคนอื่นไว้เยอะไง โดนบ้างมันก็ไม่แปลก

    “นายว่าใครเป็นคนทำ น่าสงสารอ่ะ” พ่อพระคิม ยูคยอม กระซิบถามด้วยน้ำเสียงสงสาร ซึ่งผมเห็นว่าภายใต้ใบหน้าที่แฝงด้วยความเห็นใจนั่นเต็มไปด้วยความขบขัน

    “สงสารใคร... พี่แจ็คสัน หรือว่า คนที่ทำ” ผมหันไปมองเหล่าลูกน้องที่ยืนหน้าดำคร่ำเครียดที่ช่วยกันปัดๆโคลนออกจากเสื้อของแจ็คสัน... คือจริงๆแล้วให้มันไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดใหม่จะดีกว่านะ

    “นายคิดว่าใครก็คนนั้นแหละ” ไอ้คนไร้หัวคิดของตัวเอง! ถ้าไม่ติดว่าเพราะมันได้คะแนนสอบเข้าอันดับ 1 จนใครๆก็อยากเป็นเพื่อนแล้วละก็ ผมคงบอกลากับความสัมพันธ์เพื่อนไม่ซี้ แต่ชอบมาตีสนิทแบบนี้ไปนานแล้ว

    “สรุปแล้วนายคิดว่าใครทำ” มันส่งคำถามมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าผมนิ่งไป

    “ช่วงนี้คนที่กล้าพอที่จะมีเรื่องกับพี่แจ็คสันก็เห็นจะมีอยู่คนเดียว”

    “แบม?”

    “อือ... ฉันก็คิดว่าคงเป็นแบมแบม เฮ้อ นี่ขนาดคดีเก่าที่เจาะยางรถของพี่แจ็คสันยังไม่เคลียร์ก็มีคดีใหม่มาซะแล้ว เห็นทีแบมแบมคงจะอยู่ที่นี่ลำบากแล้วล่ะ”

    “ไม่หรอก...” เสียงพึมพำแผ่วเบาที่ผมฟังแล้วคล้ายเสียงแมวร้อง เบาจนจับใจความไม่ได้ดังมาจากปากของไอ้เด็กยักษ์ แต่ผมก็หาใส่ใจไม่ เอาความสนใจไปที่อิพี่แจ็คดีกว่า สนุกกว่าเยอะ

     

    “หึ!! คงเป็นใครไม่ได้อีกแล้วนอกจากไอ้เด็กใหม่นั่น... หน็อย!! คิดว่าจะรอดงั้นสินะ อย่าหวังเลย” กัดฟันพูดอย่างโกรธแค้น และถ้าตาไม่ฝาดไป คล้ายกับว่าผมเห็นควันสีขาวพวยพุ่งออกมาจากหูของอิพี่แจ็ค

    “ถ้าใครที่ให้ความช่วยเหลือมัน จะถือว่าเป็นศัตรูของกูด้วย! หึ ...ก่อนพรุ่งนี้ ถ้าไอ้เด็กนั่นมันยังไม่ไปยื่นใบลาออกละก็... อย่ามาเรียกกูว่า แจ็คสัน หวัง!!” คำรามจบก็สะบัดหน้าแล้วพาตัวเองเดินหายลับไปในฝูงมนุษย์ลูกน้องที่ตัวเองขนมาจากฮ่องกง พี่มาร์คหันมายิ้มโชว์เขี้ยวที่เรียกเสียงกรีดร้องปานจะขาดใจของพวกนักเรียนหญิง(และชายหัวใจหญิง) หลายคนอย่างร้ายกาจ ก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเพื่อนซี้ตัวเองไป ถ้าเปรียบรอยยิ้มของพี่จินยองเป็นรอยยิ้มนางฟ้า พี่มาร์คก็เปรียบเป็นปีศาจร้ายที่กระชากหัวใจสาวๆนั่นแหละ ธรรมชาติช่างไม่ยุติธรรม ถ้าทุกคนเกิดมาหน้าตาเหมือนกันก็คงไม่ต้องมีคนที่อยู่เป็นโสดมาจนถึงอายุ 17 แบบผมหรอก T.T

     

    “ทำไมยังไม่รีบเข้าหอประชุมกันอีก นี่มันกี่โมงแล้ว! อยากเข้าแถวรับหิมะเย็นๆนี่กันนักใช่มั้ย” เสียงเข้มที่แสนจะคุ้นเคยดังก้องทั่วลานจอดรถ ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร...

     

    ก็ไอ้รุ่นพี่ที่ตีสองหน้าเก่งๆ น่ะแหละ -.,-

    อิม แจบอม  

    “น้องๆจ้ะ นี่ก็ได้เวลาเข้าแถวแล้วนะ ไปตากฮีทเตอร์อุ่นๆกันดีกว่าเร้ว” น้ำเสียงคล้ายระฆังใสดังกังวาน ฟังแล้วชุ่มชวย... น่าแปลกใจที่นักเรียนชายทุกคนทำสีหน้าเคลิบเคลิ้มพร้อมกันทั่วทั้งลานโดยไม่ได้นัดหมาย

    ซึ่งก็นับรวมถึงผมไปด้วยนะครับ

    ขาป้อมๆของผมก้าวตามหลังที่บอบบาง ผมที่ยาวถึงกลางหลังแผ่สยายปลิวพัดไปตามสายลม เป็นจุดเรียกให้สายตาของผมจดจ้องมองไปอย่างเพ้อๆ... รุ่นพี่จินยองงงง

     

    “หืม?” และแล้วเสียงมารร้ายจากขุมนรกที่ลึกที่สุดก็กระชากผมที่ลอยละล่องอยู่บนปุยเมฆให้หล่นตุ้บลงมา ผมรู้สึกขนลุกไปทั่วทั้งตัวด้วยความตกใจ

    “นายน่ะเอง...หึ ไม่น่าเชื่อนะว่าจะติ่งจินยองไปด้วยอีกคน” ผมเห็นมันแสยะยิ้มออกมา ซึ่งผมไม่แน่ใจว่ามันใช่การเยาะเย้ยรึเปล่า

    “ยุ่งไรด้วย” ผมตอบกลับไปโดยปราศจากหางเสียง

    “ไม่ได้ยุ่ง... แค่ สงสาร” สงสาร? ใคร?? ผม??? หรือรุ่นพี่จินยอง????

     

    มันจะหาว่าเพราะผมชอบพี่จินยอง เลยจะสงสารพี่จินยองว่างั้น?! หน็อยยยย ไอ้นี่

    “เตือนไว้ก่อน น้ำหน้าอย่างนายน่ะ ไม่เหมาะกับจินยองหรอก”

    “แล้วต้องน้ำหน้าอย่างไหนไม่ทราบ อย่างนาย?” ผมพูดไปเพราะอารมณ์ที่กำลังกรุ่นๆ ลืมนึกไปว่าถ้าหน้าตาอย่างไอ้หมอนี่ไม่เหมาะสม อย่างผมนี่ก็คงไม่เหมาะสมแบบอินฟินิตี้อ่ะ

    “ผ่านไปแค่คืนเดียวเหมือนจะปากคอเราะร้ายขึ้นนะ จูบนั่นนี่ดีจริงๆ”

    “มีแต่เชื้อโรคน่ะสิ”

     “อุตส่าห์เตือนด้วยความหวังดี ปากเก่งแบบนี้... หึ” รอยยิ้มชั่วร้ายระบายไปทั่วทั้งใบหน้าที่โคตรหล่อนั่น....

    ธรรมชาติช่างไม่ยุติธรรม!!

    ถ้าผมยิ้มแบบนี้ มีหวังไม่ต่างอะไรกับคนโรคจิตที่ขโมยกางเกงในสาวมัธยมปลายในยามค่ำคืนแน่!!


    ผมจ้องหน้ามันด้วยความอิจฉาริษยาก่อนที่มันจะเลิกคิ้วอย่างกวนอวัยวะเบื้องล่างแล้วหันหลังเดินไปเร่งเด็กๆคนอื่นต่อ ผมแยกเขี้ยวใส่มันก่อนที่แขนจะถูกกระตุกเบาๆ
     

    “นี่! นายรู้จักกับรุ่นพี่แจบอมตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะ? เมื่อวานความสัมพันธ์ระหว่างนายกับพี่เขายังดูเหมือนแฟนคลับที่ติ่งไอดอลอยู่เลย” แว้กก!! ลืมไปเลยว่าไอ้ยักษ์มันก็อยู่ด้วย ดีนะที่เมื่อกี้นี้ที่ผมเดินตามพี่จินยองต้อยๆ มันวิ่งไปซื้อต๊อกโบกีที่หน้าประตูโรงเรียน ไม่งั้นผมไม่อยากจะคิดถึงสิ่งที่มันได้ยิน

    “รู้จักอะไรล่ะ คงเห็นเรายืนรอนายอยู่รุ่นพี่เขาก็เลยมาเร่งให้ไปเข้าหอประชุมแค่นั้นล่ะ”

    “อ่าว นายยืนรอเราเหรอ...” ยูคยอมทำสีหน้าอึ้งได้แบบจริงจังมาก ผมกลัวว่ามันจะจับได้ว่าผมโกหกเลยรีบดุนหลังให้มันเดินนำไป

     

    ตลอดการเข้าแถวในเช้าวันนี้เป็นอะไรที่น่าเบื่อสุดส์ เพราะนอกจากจะต้องฟังคำบ่นของ ผอ. คิม จงแด ก็ยังต้องฟังกิจกรรมที่ไอ้รุ่นพี่แจบอมเอามาประกาศ ถ้าไม่ติดว่าข้างๆมันมีรุ่นพี่จินยองคนงามอยู่ละก็ ผมนี่วิ่งออกไปตั้งแต่แจบอมก้าวขึ้นบันไดเวทีแล้วล่ะครับ... เอ่อ ล้อเล่นนะ ขืนทำแบบนั้น ผมได้โดนจับแขวนคอแน่

     

    “และกิจกรรมที่พี่จะพูดต่อไป คือ อากาเซเกมส์ครั้งที่ห้าสิบเจ็ด กิจกรรมครั้งรุ่นพี่ของพวกคุณจะไปรับสมัครนักกีฬาและกองเชียร์ที่ห้องของพวกคุณในวันนี้ชั่วโมงโฮมรูม ใครสนใจกีฬาไหนก็ลงชื่อเพื่อรอรุ่นพี่ของพวกคุณเรียกไปคัดตัว และใครที่มีแวว... เราจะให้พวกคุณมาเป็นนักกีฬาของโรงเรียนไปแข่งระดับเขตในปลายปีนี้ด้วย” พูดจบ ห้องประชุมที่เงียบกริบก็ฮือฮาด้วยเสียงของเด็กที่พูดคุยกันอย่างตื่นเต้น ผมเห็นไอ้พี่แจบอมกวาดสายตาเย็นๆไปทั่วห้องประชุม เรียกความเงียบสงบให้ก่อตัวขึ้นมาอีกครั้งได้สำเร็จ

    “เอาล่ะ ผมก็ขอจบเรื่องอากาเซเกมส์เพียงเท่านี้ ขอให้น้องๆและเพื่อนๆทุกคนกลับเข้าห้องได้ครับ” ทันทีที่ไอ้ประธานนักเรียนลงเวทีไป เด็กๆทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับห้องไปอย่างตื่นเต้น ผมกับยูคยอมที่เพิ่งสอบเข้ามาเห็นพวกเด็กๆ เพื่อนๆ และรุ่นพี่มีสีหน้าแจ่มใสก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย

     

    “เราว่าจะลงบาส”

    “เราไม่เก่งกีฬาอ่ะ เราคงร้องเพลงเชียร์อยู่บนสแตนด์ละกัน” ผมฉีกยิ้ม... ได้นั่ง ไม่ร้อน ทำแค่ร้องเพลงเจ้านกน้อยอยู่บนที่สูงๆ คอยส่องความเคลื่อนไหวของพี่จินยอง มองเชียร์ลีดเดอร์ กับ ทิวทัศน์ไปทั่วสนาม สิ่งนี้เหมาะสมกับผมที่สุดละ...

    “มาเชียร์เราด้วยนะ” ยูคยอมพูดก่อนจะสะบัดหน้าไปอีกทางทันที ซึ่งผมคิดว่าคอมันอาจจะเคล็ดได้ หันไปเร็วขนาดนั้น มันหันไปมองอะไรของมัน

    “ไปสิ” ถ้านายผ่านการคัดเลือกน่ะนะ ยังไม่ทันที่จะเรียกยูคยอมที่ยังคงไม่หันมาเพราะมัวแต่มองไปนอกหน้าต่าง รุ่นพี่เกรดสิบสองสามคนก็เดินเข้ามาในห้อง และหนึ่งในนั้นก็ทำให้ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ

    “ระ รุ่นพี่จินยอง O//////O

    “เอาล่ะ น้องๆคนไหนที่สนใจกีฬาอะไรก็มาลงชื่อได้เลยนะจ๊ะ” ผมรู้สึกใบหน้าร้อนผ่าวทันทีที่สายตาหวานๆของรุ่นพี่คนงามช้อนขึ้นมาสบกับผมพอดี

    “เราน่ะ... ชเว ยองแจ ใช่มั้ย”

    กรี๊ดดดด เอ้ยย ว้ากกก!! ระ รุ่นพี่รู้จักชื่อของผมด้วยย

    “ชะ ใช่ครับ” ผมพาตัวเองไปยืนอยู่หน้ารุ่นพี่ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบได้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่ยูคยอมหันมามองด้วยความสงสัย

    “นายจะลงบาสเหรอ ไหนว่าจะเป็นกองเชียร์”

    “น้องยองแจสนใจบาสด้วย ดีใจจัง ลงชื่อมาคัดเลือกสิ ถึงหน่วยก้านจะไม่ให้เท่าไหร่ แต่ถ้าใจรัก พี่ก็รับได้อยู่นะ” ใจไม่ได้รักบาสหรอกครับ มันรักพี่... แค่กกกก!!

    “ระ รุ่นพี่เป็นคนคัดเลือกเหรอครั้บ”

    “ใช่จ้ะ” รอยยิ้มของพี่จินยองเปรียบเสมือนน้ำเย็นๆที่มาชโลมจิตใจ ผมเลยตัดสินใจลงชื่อไปคัดตัวนักบาสของคณะสีทันที

    “ไหวเหรอ ยองแจ...” ยูคยอมกระซิบ

    “ไม่ไหวก็ต้องไหว” อย่างน้อยก็อยากจะดูเท่ ดูสปอร์ตต่อหน้าพี่เขาบ้าง ผมคิดอย่างมุ่งมั่น... โดยไม่ได้รู้เลยว่าตัวเองกำลังก้าวลงไปในกับดักของจอมมารเลยแม้แต่นิดเดียว

     

    + + + + + + + + + + +

     

    เสียงระฆังที่ตีครบสามครั้งอันเป็นสัญญาณบอกเลิกคลาสสุดท้ายของวันดังขึ้น เรียกความสนใจให้กับเด็กทุกคนเป็นอย่างดี แต่คงจะไม่ใช่เด็กนักเรียนเกรดสิบในห้องแลปนี้

    กว่ายี่สิบคนที่กำลังคร่ำเคร่งกับข้อสอบควิซตรงหน้ายิ่งกว่าข้อสอบเข้า และยองแจเองก็ทวนคำตอบของตัวเองอีกรอบเป็นรอบที่สาม

    “ข้อสิบแปดนี่ไม่มั่นใจเลยแฮะ ข้อนี้เหมือนจะเป็นข้อสอบโอเน็ตซะด้วย โห่ยย เพราะอิพี่แจบอมนั่นคนเดียว ทำให้ตอนอ่านเมื่อวานอ่านเรื่องนี้ไม่เข้าหัวเลย” ชเว ยองแจ พึมพำออกมา เขาตัดสินใจเขียนคำตอบที่คิดว่าน่าจะถูกต้องลงไป แม้จะไม่มั่นใจ แต่เขาไม่อยากจะเว้นว่างไว้... อย่างน้อยมีความน่าจะเป็นที่จะถูกเป็น 0.001% ยังดีกว่าได้ 0 มาโดยที่ไม่ลองเสี่ยงดูก่อน

     

    เหมือนกับเรื่องของรุ่นพี่จินยอง...

     

     

     

    ภายในห้องกรรมการนักเรียน

    เสียงฮีทเตอร์ที่กำลังทำงานอยู่บ่งบอกให้รู้ว่าตอนนี้ในห้องนั้นไม่ได้ว่างเปล่า วิกผมสีดำยาวถูกเจ้าของกระชากออกมาอย่างไม่ไยดี รายชื่อในใบรับสมัครนักกีฬาทำให้เขาจุดรอยยิ้มร้ายกาจขึ้นที่มุมปาก เขาไม่สนใจเลยว่าจะมีใครเปิดประตูเข้ามาเจอเขาในสภาพนี้ เพราะคนที่เข้ามาได้ก็มีแค่กรรมการนักเรียนแค่แปดคนเท่านั้น และแปดคนนั้นก็รู้เรื่องของเขาดีกันหมดอยู่แล้ว มือเรียวเอื้อมไปหยิบสมาร์ทโฟนรุ่นล่าสุดของเพื่อนสนิทที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาเปิดดูอย่างถือวิสาสะ เขากดรหัสผ่านได้อย่างถูกต้องโดยไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามเจ้าของเครื่องเลยแม้แต่คำเดียว

    “วางมันลงซะจูเนียร์” เสียงเข้มเอ่ยขึ้น ขัดคนที่กำลังจะเปิดไฟล์วีดีโอ

    “จะหวงอะไรนักหนาวะเจบี แค่ให้เพื่อนดูคลิปจูบสุดเร่าร้อนของนักเรียนดีเด่นหน่อยก็ไม่ได้ งกจังวะ”

    “อย่าให้ต้องพูดซ้ำ”

    “เออๆ” จูเนียร์วางของๆเพื่อนลงพร้อมกันแสดงสีหน้าเสียดายออกมาอย่างเสแสร้ง

    “อุตส่าห์หวังดี ชวนน้องมันมาลงบาสได้ หวังจะให้คุณเพื่อนเห็นความดีในตัวน้องจูบ้าง แต่กลับได้รับการกระทำแบบนี้... ไม่ดีเลยครับนะเจบี”

    “อย่าให้ทีมบาสฉันต้องมาพังเพราะการเล่นสนุกของนาย จูเนียร์ ไอ้เด็กนี่ดูยังไงก็ไม่เหมาะ ส่งมันไปวิ่งวิบากซะ”

    “ใจร้ายย ใครว่าเล่นสนุกกัน”

    “...” ร่างสูงในชุดสูตรเครื่องแบบของประธานนักเรียนเงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารขึ้นมามองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังแสยะยิ้มออกมา

    “ก็แค่ล่า เหยื่อฆ่าเวลาเล่นๆ เท่านั้นเอง”



     

     


     

    Prince’s Monster

     


     

    ...พี่แจ็ค ถ้าไม่ให้เรียกพี่ว่าแจ็คสัน หวัง จะให้เรียกพี่ด้วยชื่อไหนกัน?

    ปล. มีคนอ่าน+เม้นต์ด้วย งืออออ ดีใจ ทรุดลงกราบเบญจางคประดิษฐ์รอบตัว

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันนะคะ (กอดดด)

     

    ปลล. ลองนึกภาพจินยองผมยาวแล้วฟินไปกับยองแจเบาๆ 5555+

    *อีดิทคำผิด


     

    O W E N TM.
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×