ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Law of The Jungle (kookmin, namjin)

    ลำดับตอนที่ #18 : CHAPTER 16 l สานสัมพันธ์ (รีไรท์)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.36K
      114
      23 ธ.ค. 60



    CHAPTER 16

    Nothing in this world was more difficult than love.

    - Gabriel García Márquez -

     

     


     

                บ้านที่เคยเงียบเหงา ไร้ชีวิตชีวา เริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เมื่อพัคจีมินก้าวเข้ามาที่บ้านหลังนี้ แม่บ้านซอนมองดูจองกุกและจีมินที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะกินข้าว เธอรับรู้ได้ถึงบรรยากาศรอบๆ ที่เปลี่ยนไป ปกติแล้วจองกุกมักจะต้องนั่งทานข้าวอยู่ลำพัง เพราะพ่อของเขาติดงานและกลับดึกเสมอ ทำให้ทุกมื้ออาหาร ทั้งคู่แทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน มีบางครั้งเท่านั้นที่ผู้เป็นพ่อจะเลิกงานเร็ว แล้วกลับมาทานข้าวที่บ้าน ด้วยเหตุนี้ บ้านหลังใหญ่หลังนี้จึงมีเพียงความเหงาวนเวียนอยู่ แต่เมื่อจีมินก้าวเข้ามา อะไรหลายๆ อย่างก็ดูจะเปลี่ยนไป ถึงแม้จะเห็นไม่ชัด แต่แม่บ้านซอนผู้เฝ้าดูคุณหนูของเธอตั้งแต่เล็กจนโตก็รับรู้ได้ถึงสัญญาณดีบางอย่าง

     

                “ทานแล้วนะครับสองเสียงดังประสานกันในห้องกินข้าว เรียกรอยยิ้มจากแม่บ้านที่ยืนมองอยู่ เพราะไม่บ่อยนักที่เธอจะได้เห็นภาพแบบนี้

     

                “วันนี้ป้าทำสุดฝีมือเลย ทานให้อร่อยนะคะคุณจองกุก คุณจีมิน

     

                “ไม่ต้องเรียกผมว่าคุณก็ได้ครับ คุณป้าแก่กว่าผมตั้งหลายปีจีมินพูดอย่างนอบน้อม พลางเกาหัวแก้เก้อ เพราะทำตัวไม่ถูก

     

                หลังจากยืนดูเด็กสองคนทานข้าวไม่นาน แม่บ้านซอนก็ขอตัวออกไปทำงานที่เหลือต่อ เหลือแค่จองกุก และจีมินอยู่ตามลำพังแค่สองคน ไม่มีเสียงใดๆ เล็ดรอดออกมา ยกเว้นแต่เสียงตะเกียบที่กระทบกับถ้วยชามเป็นครั้งคราว

     

                “กินซะเนื้อหมูชิ้นโตถูกวางแปะลงบนชามข้าวของจีมิน คนตัวเล็กเงยหน้ามองเจ้าของตะเกียบก็เห็นว่ามือหนานั่นคีบเนื้อหมูอีกชิ้นมาวางทับบนเนื้อหมูชิ้นเดิม

     

                “ฉันคีบเองได้

     

                “กินๆ ไปเถอะน่า อย่าบ่น หัดกินเนื้อเยอะๆ ซะบ้าง กินแต่ผักอยู่ได้พูดจบก็คีบเนื้อชิ้นโตมาวางอีกรอบ จีมินจึงคีบเนื้อชิ้นนั้นเข้าปากอย่างช่วยไม่ได้

     

                ตลอดมื้ออาหาร ชามข้าวของจีมินมีแต่ของที่จองกุกคีบมาให้จนแทบจะล้นชาม พอออกปากท้วงก็โดนสายตาดุๆ นั่นจ้องซะจนทำอะไรไม่ถูก สุดท้ายจึงได้แต่จำใจยอมกินจนพุงกาง

     

                วันนี้ก็เป็นอีกวันที่จีมินถูกบังคับให้มาติวหนังสือที่บ้านจองกุก จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะจองกุกเล่นไปลากตัวเขาถึงบ้าน ยายก็ดันเห็นดีเห็นงามด้วยอีก ไม่มีห่วงเขาเลยสักนิด แถมยังตอบตกลงให้เขาค้างบ้านจองกุกแบบไม่ถามความเห็นหลานตัวเองสักคำ

     

                หลังจบมื้ออาหารทั้งคู่กลับขึ้นมาบนห้องเพื่ออ่านหนังสืออีกครั้ง จีมินนั่งมองคนที่กำลังตั้งใจทำแบบทดสอบ คนตัวเล็กก็เพิ่งรู้นี่แหละว่าจองกุกเองก็ตั้งใจเรียนเป็นเหมือนกัน เพราะนี่ก็หลายนาทีแล้วที่จองกุกทำแบบทดสอบของตัวเองอยู่เงียบๆ ไม่มากวนเขาเหมือนอย่างปกติ ซึ่งนั่นก็ทำให้จีมินดีใจไม่ใช่น้อย เพราะจะได้อ่านหนังสือของตัวเองบ้าง

     

                เสร็จแล้ว ตรวจทีพอนั่งอ่านไปได้ไม่เท่าไหร่ ก็ถูกอีกคนสะกิดเรียกให้หันไปมอง จองกุกยื่นหนังสือของตนไปตรงหน้าจีมิน ซึ่งอีกฝ่ายก็รับไปแต่โดยดี

     

                “อืม... ก็ทำได้นี่ อ๊ะ แต่ข้อนี้ผิดนะ

     

                “ไหน

     

                “ก็ตรงนี้ไง——” เสียงเล็กเงียบหายไป เมื่อเงยหน้าขึ้นมาแล้วพบว่าใบหน้าของตนอยู่ห่างจากจองกุกไม่มากนัก ดวงตาสองคู่สบกันเนิ่นนาน ไม่มีใครละสายตาไปไหน จนเมื่อองศาใบหน้าของจองกุกเปลี่ยนไป และเริ่มเคลื่อนเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม จีมินจึงรู้สึกตัว และผละตัวเองออก

     

                “อะแฮ่ม!จองกุกแสร้งทำเป็นกระแอมไอ ข้อไหนล่ะที่ว่าผิด

     

                “เอ๊ะ เอ่อ นายแทนค่าตรงนี้ผิด จริงๆ แล้วต้องเป็นค่า c แต่นายใส่ค่า a ลงไป

     

                ร่างสูงนั่งนิ่ง เขามองคนที่พูดเจื้อยแจ้ว อธิบายคำตอบอยู่อย่างตั้งใจ ไล่มองตั้งแต่ดวงตาเรียว ไล่ลงมาที่จมูกเล็ก จนไปถึงริมฝีปากอวบอิ่ม ฉับพลันลำคอก็รู้สึกแห้งผากขึ้นมา เขาแลบเลียลิ้นของตัวเองราวกับคนกระหายน้ำ ยิ่งเวลาที่ปากเล็กขยับเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ ก็ยิ่งรู้สึกกระหายกว่าเดิม อดคิดไปถึงสัมผัสนิ่มที่เคยได้รับเมื่อวันนั้นไม่ได้ มันนุ่มนิ่มเสียจนอยากทดสอบดูให้รู้แล้วรู้รอดไป

     

                “วันนี้พอแค่นี้แหละจองกุกพูด เขาลุกขึ้นยืน ฉันจะไปอาบน้ำ ถ้านายอยากอ่านหนังสือต่อก็อ่านไป

     

                คนตัวเล็กมองคนที่หายเข้าไปในห้องน้ำพร้อมผ้าขนหนูผืนโต ไม่ค่อยเข้าใจกับพฤติกรรมของอีกคนเท่าไหร่นัก แต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ แล้วหันกลับไปอ่านหนังสือตามเดิม

     

                ตั้งใจไปได้ไม่กี่นาทีจีมินก็รู้สึกได้ถึงความล้มเหลว เมื่อหนังสือที่กำลังอ่านไม่ได้เข้าหัวเขาเลยสักนิด ไม่ว่าเขาจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม เพราะสิ่งที่อยู่ในสมองตอนนี้มีแต่ภาพของใบหน้าจองกุกในระยะประชิด มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าตัวเอง บอกตัวเองให้มีสมาธิ จดจ่ออยู่กับหนังสือตรงหน้า

     

                “ทำอะไรน่ะอาจจะเพราะอยู่ในโลกของตัวเองนานไปหน่อย จึงไม่รู้ตัวว่าจองกุกออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไปอาบน้ำสิ

     

                “โอเคพูดทั้งๆ ที่ไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่าย เสร็จแล้วก็รีบหยิบผ้าขนหนูวิ่งเข้าห้องน้ำไปทันที

     

                เวลาผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมง จีมินก็ออกมาจากห้องน้ำ คนตัวเล็กเดินไปนั่งที่โต๊ะอ่านหนังสือ พลางเช็ดผมตัวเองไปด้วยด้วยความประหม่าเพราะสายตาของจองกุกที่จ้องมองอยู่

     

                “มานั่งนี่จองกุกเรียก เขาชี้ไปที่พื้นห้องติดกับขอบเตียง ซึ่งจีมินก็ทำตามที่บอก ถึงแม้ว่าจะงงๆ อยู่ก็ตาม และเมื่อคนตัวเล็กนั่งลง ผ้าขนหนูก็ถูกแย่งไปจากมือ

     

                จีมินนั่งนิ่งไม่กล้าขยับ เมื่อจองกุกโปะผ้าลงบนหัวเขา แล้วขยี้มันไปมา สัมผัสที่พอดี ไม่แรงเกินและไม่เบาเกินไปทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มได้โดยง่าย เพราะความเหนื่อยที่สะสมมาจากการทำงานพิเศษ และการต้องอ่านหนังสือดึกๆ ติดกันหลายวันทำให้ดวงตาเล็กปรือปรอย และปิดลงในที่สุด

     

                เมื่อเช็ดผมให้อีกฝ่ายเสร็จเรียบร้อย จองกุกถึงได้เห็นว่าจีมินผล็อยหลับไปเรียบร้อยแล้ว เขาใช้นิ้วสะกิดอีกฝ่าย แต่คนตัวเล็กก็ดูไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา เขาเลยลงจากเตียง แล้วถือวิสาสะอุ้มอีกฝ่ายขึ้นในท่าเจ้าสาวทันที

     

                “อือ... เฮ้ย! นายจะทำอะไร ปล่อยฉันลงนะคนขี้เซาในทีแรกโวยวายขึ้นมาทันทีเมื่อรู้สึกว่าตัวเองลอยหวือขึ้นมากลางอากาศ

     

                “ทีแบบนี้ล่ะตื่นนะ

     

                “ปล่อยฉันลงสิ

     

                ตุ้บ!

               

                ได้ตามคำขอ จองกุกโยนจีมินลงบนเตียงนุ่มจนคนตัวเล็กกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียง ก่อนจะตามขึ้นไปนั่งข้างๆ

     

                “พูดมาก นอนได้แล้วพูดจบก็ล้มตัวลงนอน พร้อมกับดึงจีมินให้มานอนในอ้อมกอดของตัวเองด้วย อย่าดิ้นได้มั้ย ยังไม่ชินอีกหรือไง

     

                ‘ใครมันจะไปชินกันล่ะ!จีมินคิด เขาขยับตัวหวังจะให้หลุดออก แต่ยิ่งขยับก็เหมือนจองกุกจะยิ่งกอดตนแน่นกว่าเดิม สุดท้ายจึงได้แต่นอนนิ่งอยู่แบบนั้น เขาได้ยินเสียงจองกุกพูดมาเบาๆ ว่า ดีมาก เด็กดีแล้วก็ต้องเบะปาก ขมุบขมิบอยู่คนเดียว

     

                จีมินไม่ชอบมาบ้านจองกุก เพราะเวลาที่เขามาทีไรมันมักจะลงเอยแบบนี้ตลอด แต่ที่ไม่ชอบยิ่งกว่าคือความรู้สึกของตัวเองเวลาที่อยู่กับจองกุก ในตอนแรกเขายอมรับว่าเขากลัว เพราะไม่รู้ว่าจะถูกแกล้งอะไรบ้าง ถึงในบ้างครั้งจะทำเป็นนิ่ง แต่ลึกๆ แล้วกลัวยิ่งกว่าอะไรดี ยิ่งช่วงนี้ที่จองกุกทำตัวดีขึ้น ไม่แกล้งเขา นั่นมันยิ่งทำให้เขาไม่ไว้ใจ แต่ในความไม่ไว้ใจนั้นกลับมีความรู้สึกดีปนอยู่ด้วย และเพราะความรู้สึกสับสนที่หาคำตอบไม่ได้นี้ เขาเลยไม่อยากอยู่กับจองกุกแค่ลำพังสองคน

     

                เสียงลมหายใจสม่ำเสมอที่อยู่บนหัวทำให้จีมินรับรู้ว่าจองกุกคงหลับสนิทไปแล้ว เขาพรูลมหายใจยาว ดวงตาเล็กปิดลง เผลอเขยิบตัวเข้าหาอ้อมกอดของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัว

     

                เขาเองก็คงต้องนอนบ้างแล้ว ไอ้หัวใจที่เต้นแรงนี่จะได้สงบลงเสียที

     

              

     

     

    --------------------Law of the Jungle--------------------

     

     

     

     

    ไง โฮซอกยกมือขึ้นทักคนตรงหน้า ขอเข้าไปได้มั้ย

     

    เข้ามาสิ สิ้นคำอนุญาต โฮซอกเปิดประตูรั้วสีขาวออก เขาก้าวตามเจ้าของบ้านเข้าไปในตัวบ้าน หย่อนก้นลงนั่งบนโซฟานิ่ม มองเจ้าของบ้านที่หายลับไปทางโซนห้องครัว

     

    แกร๊ก

     

    แก้วน้ำใสถูกวางลงบนโต๊ะกระจก โฮซอกตอบขอบคุณเสียงเบา เขามองอีกคนที่นั่งลงตรงโซฟาตัวเล็ก สีหน้านิ่งเฉยของอีกฝ่าย ถึงแม้จะได้เห็นอยู่บ่อยครั้งแต่ก็รู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย ร่างโปร่งลอบกลืนน้ำลายลงคอ ปกติเขาก็เป็นคนพูดมาก ร่าเริงเข้ากับคนง่ายก็จริง แต่กับคนที่เดาอารมณ์ไม่ถูก แถมเขายังรู้เบื้องลึกเบื้องหลังครอบครัวของอีกฝ่ายไปซะขนาดนั้น พอได้อยู่ด้วยกันสองคนเงียบๆ ก็รู้สึกทำตัวไม่ถูกเหมือนกัน

     

    โฮซอกนั่งมองแก้วน้ำนิ่ง ในหัวกำลังคิดหาคำพูดที่ดูจะสมเหตุสมผลมาอธิบายว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงได้มาปรากฏตัวหน้าบ้านยุนกิ แถมยังขอเข้าบ้านหน้าตาเฉยอีก เขาคิดว่าบางทีถ้ายุนกิพูดออกมาสักคำบรรยากาศอาจจะดีขึ้นกว่านี้ แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่รับรู้ใจของเขาเลย ถึงได้เอาแต่มองนิ่งมาทางเขาอยู่แบบนั้น

     

    เอ่อ…” ในที่สุดก็ตัดสินใจเงยหน้าขึ้นจากแก้วน้ำ มองตรงไปที่เจ้าของบ้าน “…พอดีฉันบังเอิญผ่านมาแถวนี้ แบบว่า แบบว่าจะออกมาหาเพื่อนน่ะ ว่าจะชวนไปเที่ยวด้วยกัน แต่มันไม่ว่าง เลยเลย…”

     

    คำแก้ตัวแปลกๆ ทำให้ร่างโปร่งนึกอยากตีปากตัวเองเสีย แต่เมื่อเห็นว่ายุนกิไม่ได้พูดอะไรจึงสูดหายใจลึก แล้วเริ่มพูดต่ออีกครั้ง

     

    ไปเที่ยวกัน

     

    “…?”

     

    อ่าฉันเหงาน่ะ จองกุกก็มัวแต่หายไปกกเด็กมัน แทฮยองก็ไปบ้านญาติ ฉันอยู่คนเดียว ไม่มีอะไรทำ และคิดว่านายคงไม่มีอะไรทำเหมือนกัน เพราะเห็นนายไม่มีเพื่อน เอ๊ย…!” ยกมือปิดปากตัวเองแทบไม่ทัน คำพูดของพ่อลอยเข้ามาในหัวทันทีที่รู้สึกตัวได้ว่าพูดอะไรไม่ดีออกไป ขอโทษๆ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น คือเอ่อนั่นแหละ จะชวนไปเที่ยว ไปไม่ไปบอกมาเลย

               

                “…ไปสิ

     

     

     

     

     

                ถ้าจะถามว่าทำไมถึงมาที่นี่โฮซอกก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ท่ามกลางผู้คนมากมาย โฮซอกและยุนกิได้แต่ยืนนิ่งไม่รู้จะขยับไปไหน ตอนที่ชวนยุนกิเที่ยวเขาก็ไม่ได้วางแผนเอาไว้ สุดท้ายเลยตัดสินใจพายุนกิขึ้นรถเมล์สุ่มๆ จนมาลงที่สวนสัตว์แห่งนี้

     

                ไปทางนั้นกันเถอะ เป็นโฮซอกที่ชี้ไปยังจุดบริการลูกค้า เขาเดินไปขอแผ่นที่อธิบายภายในสวนสัตว์มายื่นให้ยุนกิ เราจะไปดูอะไรกันก่อนดี

     

                มีเพียงความเงียบที่เป็นคำตอบ โฮซอกถอนหายใจ ก้มลงมองแผนที่ในมือตัวเองอีกครั้ง เขาจ้องมองอยู่เนิ่นนาน เขาเองก็ไม่ได้มาที่นี่นานแล้ว จำได้ว่าพอขึ้นม.ต้นก็ไม่ได้มาอีกเลย ด้วยเพราะที่บ้านยุ่งจนไม่มีเวลาพามา และเพราะเขาโตขึ้น การมาเที่ยวสวนสัตว์จึงไม่ทำให้เขารู้สึกตื่นตาตื่นใจอีกต่อไป ร่างโปร่งยืนมองแผนที่อยู่อย่างครุ่นคิด เขาไม่รู้ว่าควรจะไปที่ไหนก่อน จะให้คนข้างกายเป็นคนเลือกก็ดูจะหมดหวัง เขาพับแผนที่เก็บ มองตรงไปข้างหน้าแล้วบอกให้ยุนกิออกเดินตาม ในเมื่อไม่มีจุดมุ่งหมาย งั้นก็เดินตรงไปเรื่อยๆ นี่ล่ะ

     

                โซนสัตว์มีเขาคือโซนแรกที่ทั้งคู่เดินมาถึง โฮซอกเดินนำคนตัวขาวมาหยุดยืนตรงจุดที่สามารถมองเห็นได้ชัดที่สุด ก่อนจะกวักมือเรียกให้อีกคนตามมาดูด้วยกันใกล้ๆ เสียงของผู้คนรอบข้างดังจอแจทำให้บรรยากาศดูมีชีวิตชีวาอย่างที่ควรจะเป็น แต่ระหว่างโฮซอก และยุนกิกลับไม่มีบทสนทนาใดๆ

     

                ถ้าไม่ใช่เพราะพ่อ เขาคงไม่ต้องมาทำแบบนี้ การที่เขาโผล่ไปบ้านของยุนกิวันนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญอะไรทั้งนั้น แต่เป็นเพราะพ่อของเขาต่างหากล่ะที่เป็นคนสั่งมา จริงๆ แล้วโฮซอกเองก็ไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก ว่าทำไมพ่อของเขาถึงต้องเป็นห่วงยุนกิมากมายขนาดนี้ ครั้งนึงเคยแซวว่ายุนกิเป็นลูกลับๆ ไปก็โดนด่ากลับมาซะยกใหญ่ แถมยังปาหนังสือเล่มหนามาจนหลบแทบไม่ทัน สุดท้ายคำตอบของพ่อเขาก็คือ สงสาร เพราะยุนกิน่าสงสารมากเกินไป ในเมื่อพ่อของเขาไม่สามารถช่วยแม่ของยุนกิได้ อย่างน้อยๆ ก็ขอให้ได้ช่วยยุนกิไว้ก็พอ พอได้ยินแบบนั้นคนที่รับนิสัยของพ่อมาเต็มๆ แบบโฮซอกก็ยากที่จะปฏิเสธ เพราะเขาเองก็สงสารยุนกิเหมือนกัน

     

                ยิ่งเข้ามาด้านในของสวนสัตว์คนก็ยิ่งเยอะขึ้นเรื่อยๆ ส่วนใหญ่มากันเป็นครอบครัว พ่อแม่ลูก หรือไม่ก็คู่รัก ด้วยความที่มีคนเดินสวนกันไปมา โฮซอกจึงถูกผู้ชายคนหนึ่งเดินชนไหล่เข้าอย่างจัง ร่างโปรงจิ๊ปากด้วยความความหงุดหงิด คิ้วสวยขมวดแน่น เตรียมหันหลังกลับไปด่า แต่กลับเจอยุนกิที่ลงไปนั่งกองอยู่กับพื้น จึงรีบถามไถ่อาการทันที

     

                เป็นอะไรมากมั้ย

     

                ไม่เป็นไร

     

                ไอ้หมอนั่นแน่ๆ เดินยังไงของมัน ชนคนอื่นเขาไปทั่ว โฮซอกบ่น เขาลุกขึ้นยืน ก่อนจะพยุงคนที่ตัวเล็กกว่าให้ลุกขึ้นตาม เอามือมานี่

     

                ยุนกิทำหน้างงเมื่อโฮซอกยื่นมือมาให้

     

                “คนเยอะ เกิดนายหายไปล่ะแย่เลย อีกอย่างเดี๋ยวโดนคนอื่นชนจนล้มแบบเมื่อกี้อีก ดูสิ ข้อมือเล็กนิดเดียว กินข้าวบ้างหรือเปล่าฮะ ไม่พูดเปล่า โฮซอกถือวิสาสะดึงมือของยุนกิไปดู โดยไม่ได้ทันให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัว จนยุนกิเผลอสะบัดมือที่ถูกจับออก

     

                ขอโทษ…” ภาพความทรงจำในอดีตฉายเข้ามาทำให้รู้สึกกลัว ยุนกิจับมืออีกข้างของตัวเองไว้แน่น รีบเอ่ยปากขอโทษออกมาในทันที ทำเอาโฮซอกแปลกใจกับปฏิกิริยานั้นไม่ใช่น้อย

     

                “ไม่เป็นไร ฉันผิดเองแหละ ถ้าไม่อยากจับมือก็จับชายเสื้อฉันไว้ละกัน

     

                คนตัวขาวพยักหน้ารับ มือที่โฮซอกมองว่าดูผอมแห้งยื่นไปจับที่ชายเสื้อยืดสีเข้ม ยุนกิออกเดินตามหลังโฮซอก ตาเรียวมองที่มือของตัวเอง ไล่ขึ้นไปยังแผ่นหลังตรงหน้า เผลอกำชายเสื้อแน่นเมื่ออีกฝ่ายหันหน้ากลับมาจนสายตาสองคู่ปะทะกัน แล้วก็เป็นโฮซอกที่ตั้งสติได้ และพูดออกมาก่อน

     

                อะเอ่อ ไปดูโชว์แมวน้ำมั้ย?”

     

              

     

     

    --------------------Law of the Jungle--------------------

     

     

     

     

                สอนเด็กว่ายากแล้ว แต่การสอนจองกุกนั้นยากยิ่งกว่า จีมินไม่เคยคิดเลยว่าแค่สอนปอกแอปเปิ้ลจะกินเวลามานานขนาดนี้ เวลาช่วงบ่ายของเขาที่ควรจะได้นั่งอ่านหนังสือ กลับถูกใช้ไปกับการสอนจองกุกปอกเปลือกแอปเปิ้ล ตอนแรกก็คิดว่าคงไม่นาน แต่ที่ไหนได้ เวลาผ่านไปหลายชั่วโมงแล้วจองกุกก็ยังทำได้ไม่ดีขึ้นเลย คนตัวเล็กมองกองแอปเปิ้ลรูปร่างประหลาดแล้วก็รู้สึกเสียดาย บางชิ้นเนื้อหายไปเกือบครึ่ง ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าหายไปไหน จีมินส่ายหน้า มองคนที่ตั้งหน้าตั้งตาปอก แต่ก็นั่นแหละ ไม่รู้ว่าจะปอกเปลือก หรือจะฝานเนื้อทิ้งกันแน่

     

                ในตอนแรกทั้งพวกเขาแค่ลงมานั่งพักก่อนจะไปอ่านหนังสือต่อ อยู่ๆ จองกุกก็เกิดอยากกินแอปเปิ้ลขึ้นมา แถมตอนนั้นคุณป้าแม่บ้านไม่อยู่พอดี ผลสุดท้ายจีมินเลยต้องเป็นคนมานั่งปอกเปลือกแอปเปิ้ลให้คนที่โตแต่ตัวกิน มันจะไม่ยุ่งยากอะไรเลย ถ้าจองกุกไม่เกิดความรู้สึกอยากจะลองทำดูบ้าง ผลเลยเป็นอย่างที่เห็น เนื้อที่ถูกฝานทิ้งกองอยู่เต็มโต๊ะ จีมินแทบจะกุมขมับกับความดื้อรั้นของอีกฝ่าย ได้แต่คิดว่าเขาไม่น่าตกปากรับคำว่าจะสอนเลย ทั้งๆ ที่น่าจะเปลี่ยนเรื่องไปซะยังจะดีกว่า

     

                เอ้า เสร็จแล้ว ผลักจานที่มีแอปเปิ้ลหน้าตาประหลาดมาทางจีมิน ทำไม มีปัญหาเหรอ มันหน้าตาน่าเกลียดมากจนกินไม่ลงหรือไง จองกุกพูดเสียงแข็ง เขาหยิบจานขึ้นมาด้วยความโมโห ลุกขึ้นยืน และเดินไปทางถังขยะสีดำใบเล็ก แต่ก่อนจะได้เทลงถังขยะก็มีมือมารั้งเอาไว้เสียก่อน

     

                เดี๋ยวสิ! น่าเสียดายออก ฉันไม่ได้บอกสักหน่อยนี่ว่าจะไม่กิน

     

                งั้นก็เอาไป ผลักจานใส่อกของอีกฝ่าย ก่อนจะเดินออกไปนอกห้อง

     

                จองกุกไม่ได้เดินออกไปไหนไกลเลย เขาแค่รีบเดินออกมาหลบอยู่ในมุมที่สามารถมองเห็นจีมินได้ ร่างสูงขยับซ่อนตัวในมุมที่คิดว่าอีกฝ่ายคงไม่สังเกตเห็น ดวงตากลมโตจ้องมองคนตัวเล็กที่ถือจานมาวางไว้บนโต๊ะไม่วางตา พอเห็นจีมินหยิบแอปเปิ้ลในจานที่เขาเป็นคนปอกเปลือกเข้าปากก็รู้สึกดีใจแปลกๆ และยิ่งเห็นว่าหยิบกินจนหมดก็ยิ่งรู้สึกดี ริมฝีปากหนายกยิ้ม เขาผิวปากอย่างอารมณ์ดี หันหลังเดินขึ้นบันได วันนี้จีมินทำตัวน่ารัก งั้นเขาก็จะตั้งใจเรียนบ้าง ถือซะว่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ

     

                แล้วก็จองกุกก็ตั้งใจเรียนอย่างที่ว่าไว้จริงๆ เขาไม่มีทีท่าว่าจะกวนประสาทจีมินเล่นเหมือนที่ผ่านมา ดวงตาเข้มจดจ้องอยู่กับตัวหนังสือตรงหน้า ในขณะที่หูก็ฟังเสียงหวานๆ ของจีมินที่คอยอธิบายสิ่งต่างๆ ไปด้วย ท่าทางตั้งใจทำเอาคุณครูจำเป็นแบบจีมินถึงกับแปลกใจ และดีใจมากเช่นกันที่จองกุกตั้งใจเรียนบ้างเสียที

     

                ออด~

     

                เสียงออดหน้าบ้านแว่วมาให้ได้ยิน ทั้งคู่หันไปมองตามที่มาของเสียง จีมินทำท่าเหมือนจะลุกขึ้นไปดูแต่จองกุกก็จับแขนเอาไว้ เขาส่ายหน้าบอกไม่ต้องไป สักพักเสียงนั้นก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง และดังถี่จนจองกุกเริ่มรู้สึกรำคาญ เขาบอกให้จีมินรออยู่ในห้อง ก่อนจะเดินออกไปนอกตัวบ้าน

     

                จองกุกโว้ยยยยยยังไม่ทันได้เดินเข้าใกล้ เสียงตะโกนแบบไม่เกรงใจใครที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นมา จองกุกส่ายหน้า ขี้โวยวาย ไม่รู้จักเกรงใจชาวบ้านแบบนี้มีอยู่คนเดียว

     

                เลิกแหกปากสักที หนวกหู จะเข้าก็เข้ามา เปิดประตูให้คนขี้โวยวายเดินเข้าบ้าน ก่อนตัวเองจะปิดประตูแล้วเดินตามคนที่เดินลิ่ว ทำเหมือนที่นี่เป็นบ้านของตัวเอง

     

                จนเมื่อเห็นว่าเพื่อนสนิทกำลังจะก้าวขึ้นบันได เขาก็รีบก้าวไปดักหน้าไว้

     

                ทำไมวะ แทฮยองถาม ทำหน้าสงสัยเมื่อเห็นว่าเพื่อนของตัวเองดูมีพิรุธ อยู่ดีๆ ก็เดินมาขวางเขาซะอย่างนั้น

     

                จองกุกไม่ตอบอะไร แต่ท่าทางเหมือนกำลังปกปิดอะไรอยู่ทำให้แทฮยองยิ่งสงสัยมากขึ้นเป็นเท่าตัส เขาอาศัยจังหวะที่จองกุกเผลอ ผลักอกอีกคนออก รีบวิ่งขึ้นบันไดบ้าน ตรงดิ่งไปยังห้องนอน

     

                ปัง!

     

                เสียงประตูกระแทกผนังทำให้คนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่สะดุ้งตัวโยน หันมองผู้มาใหม่ด้วยความตกใจ ข้างหลังของแทฮยองมีจองกุกที่ยืนเอามือเสยผมด้วยความหัวเสียอยู่

     

                อ้าว นายเองเหรอ นึกว่าจองกุกมันซ่อนผู้หญิงที่ไหนไว้ซะอีก แทฮยองหันไปหาเพื่อน เขาเดินเข้าห้องนอนจองกุกแบบไม่ขออนุญาต ทิ้งตัวลงบนที่นอนนุ่ม หันหน้าไปทางจีมินที่นั่งเกร็ง แล้วส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ นี่ ฉันมารบกวนรึเปล่า

     

                ไม่หรอก เพิ่งเริ่มไปไม่นานเอง

     

                อา เพิ่งเริ่มเหรอ แสดงว่ามาขัดจังหวะพอดีเลยสินะ มิน่าล่ะ ไอ้จองกุกถึงได้ดูหัวเสียขนาดนี้ พูดกับจีมินเสร็จก็หันไปทางเพื่อนของตัวเอง ทำไปถึงขั้นไหนแล้วล่ะ ให้กูกลับก่อนมั้ย มึงจะได้ต่อเลย

     

                เสียงหัวเราะดูมีเลศนัยของแทฮยองทำให้จีมินเข้าใจว่าจริงๆ แล้วแทฮยองหมายความว่าอะไร เพียงเท่านั้นใบหน้าเล็กก็ขึ้นสี ทำตัวไม่ถูก จะเอ่ยปากแก้ตัวแต่ก็ถูกจองกุกพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

                มาไมวะ

     

                ก็เบื่อๆ ไม่มีอะไรทำ โทรหาโฮซอกก็ไม่ติด โทรหายุนกิก็ไม่ติด แทฮยองบ่น เมื่อพูดชื่อของยุนกิขึ้นมาเขาก็เหมือนจะนึกอะไรออก รีบหันไปหาจีมินทันที พวกนายเป็นเพื่อนกันนี่ รู้มั้ยว่ายุนกิไปไหน

     

                จีมินส่ายหน้า เขาไม่รู้จริงๆ ว่ายุนกิไปไหน ก็จริงอยู่ที่ว่าพวกเขาเป็นเพื่อนกัน แต่ก็ใช่ว่าจะตัวติดกันเสียหน่อย อีกอย่างเขาอยู่กับจองกุกทั้งวัน ไม่มีเวลาจะติดต่อใครด้วยซ้ำ พอโดนถามแบบนั้นมาก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

     

                สุดท้ายแทฮยองที่ไม่มีที่ไปก็ได้แต่นั่งๆ นอนๆ เล่นอยู่ในห้องของจองกุกเพื่อฆ่าเวลา เจ้าตัวบอกกับจองกุกว่าไหนๆ ก็ออกจากบ้านมาแล้ว ให้กลับบ้านตอนนี้ก็ดูจะเร็วไป แต่จะให้มานั่งอ่านหนังสือกับทั้งสองคนด้วยก็ไม่ใช่แนว ขอนอนอ่านการ์ตูน ไม่ก็เล่นเกมดีกว่า

     

                จองกุกมองเพื่อนของตัวเองที่นอนกลิ้งไปมา ดูแล้วท่าทางจะเบื่อจริงๆ เขาบอกให้จีมินหยุด หันไปหาแทฮยองที่กำลังนอนเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออยู่

     

                ถ้ามึงเบื่อขนาดนั้นล่ะก็ไปคลับของพี่ยงกุกสิ

     

                จองกุก!” จีมินเผลอขึ้นเสียง คลับอะไรกัน อายุก็ยังไม่ถึง คิดจะเข้าคลับแล้วงั้นเหรอ อีกไม่กี่วันก็จะสอบแล้วด้วย เขาไม่เข้าใจความคิดของจองกุกเอาซะเลย

     

                เงียบน่า พี่ยงกุกเขาชวนมาหลายทีแล้ว ว่าไง จะไปไม่ไป จองกุกหันหน้าไปถามแทฮยองอีกครั้ง ซึ่งคำตอบก็ไม่ได้ผิดไปจากที่คิดไว้ แทฮยองตอบตกลงทันที เรื่องสนุกๆ แบบนี้มีเหรอที่เขาจะพลาด

     

     

     

     

    --------------------Law of the Jungle--------------------

     

     

     

               

                เสียงเพลงดังกระหึ่มดังออกมาตั้งแต่หน้าประตู จองกุก แทฮยอง และจีมินผู้ไม่คุ้นชินกับสถานที่แบบนี้ยืนรออยู่หน้าทางเข้า จองกุกบอกว่าอีกเดี๋ยวยงกุกจะเป็นคนพาพวกเขาเข้าไปข้างใน จริงอยู่ที่คลับจำกัดอายุ และพวกเขาที่อายุยังไม่ถึงก็ไม่มีสิทธิ์เข้าไป แต่ในเมื่อพวกเขาสนิทกับเจ้าของคลับที่นี่ มันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรนัก

     

                รออยู่ข้างนอกไม่นาน พี่ยงกุก คนที่จองกุกบอกว่าสนิทก็มาถึง เพียงแค่เจอหน้าจีมินก็รู้สึกสั่นกลัว เขากำเสื้อของจองกุกแน่น ก้มหน้างุด ไม่กล้ามองหน้าของยงกุก

     

                เป็นอะไร พี่เขาไม่ทำอะไรนายหรอกน่า หันไปบอกคนที่ยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง ก่อนจะหันไปสบตากับยงกุกอย่างรู้กัน

     

                พวกเขาทั้งสามคนเดินเข้าไปข้างใน จีมินหันมองรอบตัว บรรยากาศที่ไม่คุ้นเคยทำเอาใจสั่น เสียงเพลงดังกระหึ่ม และแสงไฟที่สาดไปมาชวนน่าเวียนหัว ผู้คนเบียดเสียดจนหาช่องทางเดินได้ยากลำบาก คลื่นฝูงชนที่โยกย้ายเรือนร่างตามจังหวะเพลงชนจีมินไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งจนร่างเล็กเซไปมา

     

                หมับ!

     

                จีมินเกือบร้องออกมาแล้วหากไม่ได้หันไปมองก่อนว่าคนที่ดึงเขาไปไว้ในอ้อมกอดคือใคร

     

                เดินดีๆ เดี๋ยวก็หายไปหรอก เสียงเข้มดุ แขนแข็งแร็งกระชับเอวของจีมินเข้ามาหาตัวมากกว่าเดิม จองกุกยกยิ้มมองคนในอ้อมกอดที่ตอนนี้ก้มหน้างุด รับรู้ได้ถึงแรงสั่นน้อยๆ จากมือเล็กที่กำอยู่ที่เสื้อของเขา

     

                จองกุกเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงบังคับจีมินให้มาด้วย ใจนึงก็อยากจะแกล้งคนตัวเล็กที่ดูจะอ่อนต่อโลกเหลือเกิน อีกใจนึงก็แค่ไม่อยากให้อีกฝ่ายคลาดสายตา เกิดในระหว่างที่เขามาเที่ยวแล้วจีมินไปเดินเล่นอยู่ข้างนอก ถูกใจใครเข้าจะทำยังไง ไม่ได้หรอกนะ ก็ในเมื่อคนตัวเล็กนี่เป็นของเขา  ถึงที่นี่จะคนเยอะ แต่ยังไงก็อยู่ใกล้สายตามากกว่า เพราะฉะนั้นเขาถึงได้บังคับให้อีกฝ่ายตามมาด้วย

     

                ห้องวีไอพีถูกเตรียมไว้ให้จองกุก และแทฮยองโดยเฉพาะ เครื่องดื่มต่างๆ ก็ถูกสั่งไว้รออย่างรู้งาน จองกุกกล่าวขอบคุณยงกุก พูดคุยกันไม่นานนักอีกฝ่ายก็ขอตัวออกไปข้างนอก เหลือเพียงทั้งสามคนอยู่ในห้อง จองกุกนั่งลงกับโซฟาหนังนิ่ม เขาดึงจีมินลงให้นั่งตาม

     

                อ๊ะ!” ด้วยความที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จีมินเซล้มไปนั่งลงบนตักของจองกุกอย่างพอดิบพอดี เรียกเสียงแซวจากแทฮยองที่นั่งอยู่บนโซฟาอีกตัว

     

                อยากนั่งตรงนี้ก็ไม่บอก จองกุกกระซิบที่ข้างหูแผ่วเบา เมื่อได้ยินแบบนั้นจีมินก็รีบกระเถิบลงไปนั่งข้างๆ จองกุกทันที แก้มใสขึ้นสีแดงระเรื่อ เขาได้ยินเสียงจองกุกหัวเราะ นั่นยิ่งทำให้รู้สึกเขินอายเข้าไปใหญ่

     

                เสียดายที่โฮซอกมันไม่มาด้วย แทฮยองบ่นในขณะชงเหล้า แก้วใบที่หนึ่งถูกส่งให้จองกุกที่รออยู่ ส่วนแก้วใบที่สองถูกส่งให้จีมิน ซึ่งคนตัวเล็กก็ปฏิเสธ แก้วนั้นเลยตกไปเป็นของแทฮยองเอง

     

                จีมินนั่งมองไปรอบๆ ห้อง ห้องนี้ถูกแยกออกมาเป็นส่วนตัว ผนังห้องสีถูกทาด้วยสีดำ มีกระจกบานใสอยู่ด้านหนึ่ง หากมองลงไปจะเห็นบูธดีเจด้านล่างได้พอดี บรรยากาศที่ไม่คุ้นชินทำให้จีมินกระเถิบตัวเข้าหาจองกุกเมื่อรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในที่ที่ไม่ปลอดภัย เขาไม่ชอบที่นี่เอาเสียเลย

     

                เวลาผ่านไปได้สักพักจนเครื่องดื่มที่มีพร่องไปครึ่งหนึ่ง คนที่จัดการมันไปส่วนใหญ่เป็นแทฮยองที่ตอนนี้นอนกลิ้ง พูดจาไม่ได้ศัพท์อยู่บนโซฟา ส่วนจองกุกนั้นนั่งคุยกับยงกุกมาได้สักระยะแล้ว ร่างสูงนั่งคุยอยู่อย่างออกรส ยกแก้วเหล้าขึ้นจิบบางพอดับกระหาย มีบางจังหวะที่หันมามองคนตัวเล็กข้างตัว แล้วก็หันไปคุยต่อ

     

                เออจองกุก นานๆ มาทีไม่ลงไปข้างล่างบ้างล่ะ ยงกุกเสนอ ข้างล่างของพวกเขานั้นไม่ได้หมายถึงไปเต้นเหมือนกับคนเหล่านั้น แต่หมายถึงลงไปทำหน้าที่ดีเจประจำคลับอย่างที่เคยทำมาก่อน

     

                จองกุกหันมองจีมิน เขาอยากจะลงไปข้างล่าง แต่ก็ไม่อยากปล่อยให้คนตัวเล็กอยู่เพียงลำพังเหมือนกัน ยงกุกที่เห็นแบบนั้นจึงอาสาจะดูแลให้

     

                ฉันจะลงไปข้างล่าง อย่าออกจากห้องไปไหน รู้มั้ย

     

                อือ จีมินตอบเสียงแผ่ว คนตัวเล็กมองจองกุกเดินออกไปจากห้อง เขาเขยิบออกจากตำแหน่งเดิมไปจนติดโซฟาอีกตัวที่แทฮยองนอนอยู่

     

                “หึๆ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า ฉันไม่ทำอะไรหรอก นายน่ะ เป็นเด็กของจองกุกใช่มั้ยล่ะ

     

                จีมินไม่ตอบอะไร คนตัวเล็กนั่งนิ่ง เขาอยากออกไปจากที่นี่ใจจะขาด แต่ดูจากสถานการณ์แล้ว บางทีนั่งรอจนกว่าจองกุกจะขึ้นมาน่าจะดีกว่า

     

                รับไปสิ ยงกุกยื่นแก้วเหล้าให้คนที่ดูเหมือนลูกหมาพลัดหลงกับเจ้าของ

     

                ขอบคุณครับ แต่ไม่ดีกว่า

     

                ไม่เอาน่า ปฏิเสธผู้ใหญ่มันไม่ดีรู้มั้ย แค่แก้วเดียวเอง

     

                จีมินมองแก้วที่มีน้ำสีอำพันอยู่ภายในสลับกับมองหน้าของยงกุก เขามองเห็นประกายตาวาววับไม่น่าไว้ใจจากอีกฝ่าย ในหัวคิดอย่างสับสนว่าควรจะรับมาดีหรือไม่ แต่เมื่อถูกคะยั้นคะยอมากเข้า ก็ต้องรับมาในที่สุด

     

                ดื่มสิจีมิน

     

                จีมินหันมองรอบข้าง เขาหวังให้จองกุกขึ้นมาไวๆ แต่นั่นก็คงเป็นไปไม่ได้ จะหันไปหาแทฮยอง ก็สิ้นหวังสุดๆ เพราะดูท่าจะหลับลึกไปแล้ว แก้วเหล้าในมือสั่นด้วยความประหม่า ดวงตาคมของยงกุกจ้องคนตัวเล็กไม่วางตา เหมือนอสรพิษเฝ้ามองดูเหยื่อ

     

                ริมฝีปากอิ่มจรดลงที่ปากแก้ว จีมินหลับตาปี๋ กลั้นใจกลืนเครื่องดื่มรสขมลงคอรวดเดียวจนหมด ลำคอเล็กร้อนผ่าวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ จีมินส่งแก้วคืนให้ยงกุก แต่เพียงไม่นานแก้วที่ว่างเปล่าก็ถูกเติมเต็มอีกครั้ง คนตัวเล็กส่ายหน้า แค่ครั้งเดียวก็เกินพอ

     

    แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะยังไม่พอใจ ยงกุกยื่นแก้วใส่มือจีมิน บังคับให้คนตัวเล็กดื่ม ใช้อำนาจความเป็นพี่บังคับ ซึ่งจีมินที่ไม่สามารถปฏิเสธได้ก็ทำได้เพียงยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกครั้ง

     

    หึๆ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้ ยงกุกพูด เขาหยิบแก้วเปล่ามาจากมือจีมิน เติมเต็มแก้วนั้นด้วยแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีแรงกว่าเดิม แก้วสุดท้าย อย่าให้เหลือนะ

     

    คนที่ไม่เคยลิ้มรสชาติของมึนเมามาก่อนเหมือนสติไม่อยู่กับตัว แก้มกลมขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาเรียวปรือปรอย มือเล็กที่สั่นระริกรับแก้วมาถือ ก่อนจะยกขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมด ฤทธิ์ร้อนของแอลกอฮอล์แผดเผาลำคอจนร้อนผ่าว ไม่ใช่แค่ตรงนั้น แต่รู้สึกร้อนไปทั้งตัว เสื้อยืดตัวใหญ่ที่จองกุกให้ยืมมาถูกเลิกขึ้นจนเห็นหน้าท้องขาวเนียนอยู่รำไร

     

    ยงกุกหัวเราะในลำคอ เขาไม่คิดว่าเด็กของจองกุกจะคออ่อนขนาดนี้ ตาคมไล่มองตั้งแต่ใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารัก ไล่ลงมายังเอวขาวๆ ที่โผล่พ้นเสื้อออกมา อดที่จะชมไม่ได้ว่าจองกุกหาเด็กได้ดีจริงๆ พอนึกถึงใบหน้าของรุ่นน้องคนสนิทว่าจะเป็นยังไง หากขึ้นมาเห็นสภาพเด็กของตัวเองเป็นแบบนี้ก็อดจะหัวเราะออกมาไม่ได้ เมื่อมองจนพอใจยงกุกก็เบนหน้าออกจากจีมิน เขาเริ่มชงเหล้าให้ตัวเองดื่มบ้าง ก็นะ คืนนี้ยังอีกยาวไกล

     

    เล่นอะไรของพี่เนี่ย

     

    และก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด ยงกุกเงยหน้ามองจองกุกที่เปิดประตูห้องเข้ามา ทดสอบอะไรนิดๆ หน่อยๆ น่า

     

                “ทดสอบอะไร

     

                ก็แค่อยากรู้ว่าจะคออ่อนขนาดไหนแค่นั้นเอง ตอบอย่างไม่ยี่หระ เขาปล่อยน้องชายของตนให้เข้าไปดูคนที่นอนเลื้อยอยู่บนโซฟา เอาน่า ถือว่าแลกกับที่ฉันมาเฝ้าเด็กแกให้แล้วกัน

     

                พูดได้เท่านั้นก็เดินผิวปากออกไปจากห้องอย่างอารมณ์ดี จองกุกมองบานประตูที่ปิดลงแล้วหันมามองจีมินที่ตอนนี้พูดจาไม่ได้ศัพท์ มือเล็กเคลื่อนไหวไปมาสะเปะสะปะ เอาแต่จะเลิกเสื้อตัวเองขึ้นไม่ได้หยุด เดือดร้อนคนที่สติเต็มเปี่ยมต้องจับสองมือไว้ให้อยู่นิ่งๆ

     

                อือปล่อยนะ!” เสียงคนเมาตวาดออกมาไม่ดังนัก พยายามสะบัดข้อมือที่ถูกมือแกร่งพันธนาการไว้ แต่แรงคนเมาหรือจะสู้คนมีสติดีได้

     

                จองกุกมองคนที่เมาแล้วทำตัวกร่างไม่ดูขนาดตัว ตอนนี้ใบหน้าจิ้มลิ้มงองุ้ม หัวคิ้วขมวดเข้าหากัน แก้มกลมขึ้นสีชมพูระเรื่อ ผมฟูไม่เป็นทรง ทั้งๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่จองกุกก็ยังมองว่าคนตรงหน้าน่ารักเอาซะได้ แถมยังเผลอมองนานซะจนได้ยินเสียงงึมงำจากปากคนเมานั่นแหละถึงได้รู้ตัว

     

                ร่างสูงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาจากกระเป๋ากางเกง ต่อสายหาเพื่อนสนิทอีกคนให้มารับแทฮยองที่ตอนนี้นอนนิ่งอยู่บนโซฟาอีกตัว

     

                มารับไอ้แทฮยองที

     

                [ที่ไหน]

     

                คลับพี่ยงกุก แค่นี้นะ

     

                ล็อคหน้าจอ เก็บโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงเหมือนเดิมเมื่อฝากฝังแทฮยองเสร็จ จองกุกหันมามองคนข้างตัวที่ตอนนี้หลับไปแล้ว เขาช้อนตัวจีมินขึ้นในท่าเจ้าสาว เดินออกจากห้องโดยทิ้งแทฮยองไว้ข้างหลัง โชคดีที่ยงกุกเรียกแท็กซี่ไว้รออยู่แล้ว ไม่งั้นคงจะลำบากกว่านี้แน่ และที่โชคดีไปกว่านั้นคือ ดีที่ลุงคนขับแท็กซี่ไม่ได้ซักถามอะไรเขามากนัก ถึงแม้ว่าจะมองพวกเขาด้วยสายตาแปลกๆ ก็ตาม เพราะถ้าเกิดถามขึ้นมาล่ะก็ พ่อของจองกุกคงหัวเสียน่าดูที่รู้ว่าลูกชายของตัวเองออกมาเที่ยวคลับ แถมยังพาเอานักเรียนทุนติดมือมาด้วย

     

                อาจจะเพราะเป็นเวลากลางคืนแล้ว การจราจรจึงไม่ติดขัดเท่าไหร่นัก ทั้งคู่ใช้เวลาไม่นานก็กลับมาถึงบ้านอย่างปลอดภัย ตอนนี้แม่บ้านซอนกลับไปแล้ว ทั่วทั้งบ้านปิดไฟมืด จองกุกคิดว่าพ่อของเขาคงเข้านอนไปแล้วเหมือนกัน ร่างสูงอุ้มคนที่หลับสนิทไม่รู้เรื่องรู้ราวขึ้นบันได ถึงแม้ปากจะบ่นไปตลอดทาง แต่ก็อุ้มอีกฝ่ายด้วยความระมัดระวังจนถึงเตียงนอน

     

    หลังวางคนเมาลงบนเตียงแล้ว จองกุกก็ยืนบิดไล่ความเมื่อยไปมา ถึงเขาจะแข็งแรง แต่ให้มาอุ้มผู้ชายนานๆ แบบนี้ก็ใช่เล่นเหมือนกัน

     

    อือร้อน…”

     

    จริงๆ เลยนะ ใครใช้ให้ไปรับของจากคนอื่นมากินซี้ซั้วแบบนั้น ถึงแม้จะบ่น แต่ก็เดินหายลับไปทางห้องน้ำ

     

    จองกุกกลับมาพร้อมผ้าผืนเล็กและกะละมังใส่น้ำหนึ่งใบ เขานั่งลงบนเตียง จัดการถอดเสื้อของจีมินออก จากนั้นจึงเอาผ้าที่บิดน้ำแล้วไล่ถูตั้งแต่ใบหน้า ลงมาจนถึงลำคอ เผลอกลืนน้ำลายเมื่อมองเห็นอกขาวกระเพื่อมขึ้นลงตามจังหวะการหายใจ ยิ่งตอนที่คนตัวเล็กบิดตัวไปมาก็ยิ่งทำให้ในท้องมันรู้สึกวูบโหวงแปลกๆ จองกุกได้สติอีกครั้งเมื่อได้ยินจีมินบ่นว่าหนาว เขารีบเอาเสื้อที่เตรียมไว้ให้จีมินเปลี่ยนใส่ให้ทันที จากนั้นจึงนำกะละมังใบเล็กไปเก็บ

     

    หลังจากทำภารกิจทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย จองกุกก็เดินมาทิ้งตัวลงนอนข้างๆ จีมิน เขานอนมองหน้าคนที่หลับตาพริ้ม นิ้วเรียวเกลี่ยเส้นผมที่ปกปิดหน้าผากมนออก จ้องมองอยู่เนิ่นนานจนดวงตาที่ปิดสนิทอยู่นั้นเปิดขึ้น

     

    ตึกตักตึกตัก

     

    เสียงหัวใจที่ดังอยู่ในตอนนี้จองกุกรู้ได้เลยว่ามันเป็นของใคร สองดวงตาประสานกันในความมืด ปากอิ่มของจีมินวาดยิ้มหวาน จนคนมองรู้สึกหลงใหล

     

    แม่ฮะ ก่อนที่ดวงตาเรียวจะปิดลงอีกครั้ง

     

    จองกุกรู้สึกเหมือนมีใครมาช่วงชิงลมหายใจของเขาไปในช่วงเวลาไม่กี่นาทีที่ผ่านมา จีมินละเมอ ให้ตายสิ แล้วเขาก็เผลอไผลไปกับรอยยิ้มของคนนอนละเมอด้วย

     

    จริงๆ เลยนะ คอยดูสิ พรุ่งนี้ตื่นมาจะแกแล้งซะให้เข็ด พูดจบก็เกี่ยวอีกคนเข้ามาหาตัวเอง จองกุกกระชับผ้าห่มขึ้นมาจนถึงคอจีมิน เขาก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเส้นผมนิ่ม แล้วหลับตาลงพร้อมรอยยิ้ม เขาหวังว่านี่จะเป็นอีกคืนที่หลับสนิทไม่ต้องสะดุ้งตื่นมากลางดึก อย่างที่เคยเป็นมา เพราะเขามียาดีอยู่กับตัว

     

    ยานอนหลับที่ดีที่สุดของจองกุกในตอนนี้คือ จีมิน

     

              

     

     

    --------------------Law of the Jungle--------------------

     

     

     

     

                ตุ้บ!

     

                โฮซอกทิ้งร่างคนเมาให้กลิ้งไปบนเตียง นอกจากจะต้องถ่อสังขารไปรับถึงที่แล้ว ยังต้องแบกมาส่งถึงบ้านอีก ถ้าไม่ใช่แทฮยองล่ะก็ เขาคงทิ้งให้นอนตายอยู่ที่คลับไปแล้ว

     

                มึงนะมึง ไปเมาทีไรต้องเป็นกูที่ไปรับกลับมาตลอด เมียก็ไม่ใช่ ทำต้องเป็นกูวะเนี่ย ฮะ เฮ้ย!”

     

    แทฮยองที่หลับสนิทมาตลอดทางอยู่ๆ ก็ลืมตา กระชากร่างโปร่งให้นอนลงบนเตียง ก่อนจะขึ้นคร่อม สองแขนปิดกั้น ไร้ซึ่งทางหนีใดๆ ให้แก่โฮซอกที่นอนนิ่งด้วยความตกใจ

     

    มะมึงจะทำอะไร คนที่อยู่ใต้ร่างถาม เหลือบตาไปมองทางหัวเตียง มองหาว่าพอมีอะไรที่จะใช้เป็นอาวุธได้บ้าง หากแทฮยองเกิดคิดอะไรพิเรนทร์ขึ้นมา

     

    …”

     

    “…?”

     

    ยุนกิ…”

     

    อยู่ๆ โฮซอกก็รู้สึกหน้าชาโดยไร้สาเหตุ หลังจากพูดชื่อยุนกิจบ แทฮยองก็ทิ้งตัวลงใส่โฮซอก แล้วหลับไปทั้งอย่างนั้น เหลือทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเพื่อนสนิท

     

    โฮซอกผลักแทฮยองไปทางด้านข้าง เขานอนนิ่งอยู่แบบนั้น ไม่นานนักก็รู้สึกได้ถึงความอุ่นร้อนที่หางตา ความเจ็บปวดจากภายในหัวใจ กลั่นกรองกลายเป็นหยดน้ำตา เขายกมือขึ้นปิดหน้าตัวเอง สะกดกลั้นเสียงสะอื้น กลัวว่าคนที่นอนหลับไปแล้วจะได้ยิน

     

    บางทีเขาน่าจะยอมรับได้ตั้งแต่แรก การแอบรักเพื่อนสนิทมันไม่ง่ายเลย ยิ่งเพื่อนสนิทมีคนที่ชอบแล้ว ความหวังที่ควรจะมีกลับกลายเป็นศูนย์

     

    โฮซอกนอนหันหลังให้กับแทฮยอง เขากอดผ้าห่มผืนหนาที่มีกลิ่นไอเจ้าของมันแน่น ไม่เป็นไร ถึงโฮซอกจะไม่ได้เป็นเจ้าของหัวใจของแทฮยองก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้อยู่ข้างๆ กันแบบนี้ไปนานๆ ก็พอ จะในฐานะเพื่อน หรือฐานะอะไรก็ตาม โฮซอกยินดี





    ----------------------------------------------------------------------------

    KataeBum Talk

    คิดถึงเลาป๊าววววววว หลังจากนี้คิดว่าจะกลับมาต่อฟิคเหมือนเดิมแล้วค่ะ

    ก่อนหน้านี้เริ่มทำงานละปรับตารางชีวิตไม่ค่อยได้ ทำงานกลับมาทำนั่นทำนี่ แป๊ปเดียวง่วง รู้สึกชีวิตอนามัยขึ้นมาก

    เอาไปก่อน 20%โนะ เดี๋ยวมาต่อภายในอาทิตย์นี้ค่ะ เจอกัน จุ๊บๆ

    ติดแท็กบ้างก็ได้ เลาอยากอ่าน คอมเม้นท์ก็ด้วยนะ

    Talk 2

    หายไปนาน... /ปิดหน้า รู้สึกเขิน

    คือจริงๆ อาทิตย์นั้นก็จะได้ลงฟิคค่ะ แต่บั่บโน๊ตบุ๊คพัง...ฟิคปลิว... /ร้องไห้

    เจอกันอีก 50% ที่เหลือนะก๊ะ อย่าเพิ่งด่าเรา 5555555555555555555

    Talk3

    แหนะ เรารู้นะว่ารออะไรกัน  ไม่ให้หรอก 55555555555555555555555

    ทำไมทุกคนมองพี่ยงกุกในแง่ร้ายแบบนั้นคะ พี่เขาออกจะเป็นคนดี มาเฝ้าจีมินให้ด้วย

    ฮืม สงสารยายโฮปเหลือเกิน มาหาเลาเถอะ ไม่ต้องไปสนแทแทแล้ว

    เราบอกแล้วไง ถึงเวลาสร้างกิลด์ 555555555555555555555

    #ฟิคป่า   





     
    ♔THE ORA♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×