ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Law of The Jungle (kookmin, namjin)

    ลำดับตอนที่ #15 : CHAPTER 13 l คนโง่สองคน (รีไรท์)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 3.85K
      118
      13 ธ.ค. 60





     

     

    CHAPTER 13

    It's like you're screaming and no one can hear.

    (We Found Love - Rihanna)

     

     

     

     

     

                เอาไปน้ำเสียงทุ้มมาพร้อมกับน้ำอัดลมที่วางลงบนโต๊ะ ของเหลือ เสียดายของเลยไม่อยากทิ้งพูดจบก็เดินกลับไปที่นั่งของตน

     

                ยุนกิมองแทฮยองที่นั่งเชิดหน้ากอดอก เอาขาพาดโต๊ะแล้วหันมามองกระป๋องน้ำอัดลม โลโก้ที่อยู่บนกระป๋องตรงกับยี่ห้อที่เขาชอบกินเป็นประจำ มือขาวหยิบมันขึ้นมา รอยยิ้มบางเบาจุดขึ้นที่ริมฝีปาก ก่อนจะจางหายไปอย่างรวดเร็ว เขาเก็บมันลงใต้เก๊ะ หยิบหนังสือออกมาอ่านเงียบๆ บรรยากาศรอบตัวช่างสงบสุขจนคิดว่าเขาอาจจะอยู่ในความฝัน

     

                ชีวิตการเรียนที่ทงอันนั้นถือว่าดีกว่าที่เก่าเยอะมากโข ไม่มีคนมาคอยรังแกให้ได้เจ็บตัว อีกทั้งเขายังมีเพื่อน... เพื่อนที่เหมือนกับดวงอาทิตย์ สดใส ร่าเริง แตกต่างกับเขาอย่างสิ้นเชิง ดวงตาเรียวมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างกาย พออีกฝ่ายรู้ตัวก็หันมาส่งยิ้มให้เขาอย่างเคย

     

                มีอะไรรึเปล่า จีมินถาม

     

                ยุนกิส่ายหน้า เขาปิดหนังสือตัวเองลง เดินออกจากห้องเรียน

     

                อาจจะเพราะเป็นเวลาเรียนเสริมในคาบเย็น ห้องน้ำจึงเงียบกว่าปกติ ที่นั่นไม่มีใครอยู่เลยนอกจากยุนกิเพียงคนเดียว ร่างบางยืนมองร่างของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจก

     

                ผิวขาวซีดเพราะไม่ค่อยได้ออกแดด ใบหน้าที่เฉยเมยไร้ชีวิตชีวา บรรยากาศที่ปกคลุมมีแต่ความหม่นหมอง

     

                ในตอนที่มองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอยู่นั้น อยู่ๆ ภาพในอดีตที่ควรจะลืมไปแล้วก็ปรากฏขึ้นมา

     

              หนึ่ง สอง สาม…”

     

              ซ่า!!

     

              “ฮ่าๆๆเสียงหัวเราะดังก้องภายในห้องน้ำ นักเรียนชายกลุ่มหนี่งมองพื้นห้องน้ำที่มีน้ำเจิ่งนองออกมาด้วยความสะใจ พวกเขาหันไปแท็กมือกันหลังจากทำตามแผนที่วางไว้สำเร็จ

     

              “เฮ้ย ไปกันเหอะ แถวนี้เหม็นชะมัดหนึ่งในนั้นพูดขึ้น เขาโยนถังใส่น้ำที่พวกเขาใช้เป็นอุปกรณ์เมื่อครู่ทิ้งลงพื้นเสียงดัง ในขณะที่คนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วย พวกเขาทยอยกันเดินออกจากห้องน้ำ มีบางคนไม่วายเอาเท้าเตะประตูเสียงดังลั่นแล้วหันไปหัวเราะกับเพื่อนๆ ที่เหลือ

     

              หลังจากนักเรียนชายกลุ่มนั้นเดินจากไปประตูห้องน้ำบานหนึ่งก็เปิดออก คนที่เปียกโชกไปทั้งตัวเดินไปยังอ่างล้างมือช้าๆ ภายในกระจกสะท้อนให้เห็นภาพของนักเรียนชายคนหนึ่ง เขายืนจ้องมองภาพนั้นอยู่นาน เสียงน้ำหยดกระทบพื้นดังเข้ามาในโสตประสาท ทุกครั้งที่มันหยดลงไป ความรู้สึกของเขาก็ยิ่งดำดิ่งลงไปลงยิ่งขึ้น

     

              ดวงตาสีดำยังคงไม่ละไปไหน เขามองตัวเองที่อยู่ในกระจก ภาพที่เห็นมีเพียงใบหน้าที่เศร้าหมอง

     

              ใบหน้าของคนอ่อนแอ

     

              “นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้

     

                นายมันก็แค่ไอ้ขี้แพ้

     

                ราวกับภาพในอดีตซ้อนทับกับภาพปัจจุบัน ยุนกิเอ่ยถ้อยคำนั้นออกมาอย่างไม่รู้ตัว มือของเขากำแน่น ยืนอยู่แบบนั้นเนิ่นนานจนได้สติ เขาวักน้ำขึ้นล้างหน้า หวังให้น้ำเย็นๆ ช่วยพาสติกลับมา เมื่อหันไปมองที่หน้าห้องน้ำก็พบกับแทฮยองที่ยืนอยู่

     

                “อ๊ะเปล่งเสียงร้องออกมาเมื่อถูกอีกฝ่ายกระชากข้อมือให้เดินตาม ปล่อยนะ

     

                ไม่ปล่อย

     

                นายจะไปไหน

     

                โดดไง ถามโง่ๆ แทฮยองตอบทั้งที่ไม่หันกลับมามองคนข้างหลัง เขาเดินดุ่มๆ ออกนอกอาคารเรียนโดยไม่สนใจเสียงซุบซิบจากเด็กนักเรียนคนอื่นๆ ตลอดทางยุนกิพยายามขัดขืนแต่ก็ไร้ผล แทฮยองจูงมือของยุนกิออกมาหน้าตึกเรียน และไม่มีวี่แววว่าจะล้มเลิกความตั้งใจง่ายๆ

     

                ปล่อยนะแทฮยอง กระเป๋าของฉันยังอยู่ที่ห้อง

     

                เอามาให้แล้วพูดทั้งที่ไม่หันหลังกลับไปมอง พลางชูกระเป๋าสะพายของอีกคนขึ้น

     

                ร่างบางมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าด้วยความสับสน และพอรู้ตัวอีกทีเขาก็มาอยู่ที่หน้าโรงหนังเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

     

                จะดูเรื่องอะไรแทฮยองหันหน้ามาถามคนข้างกายที่เงียบมาตั้งแต่พวกเขาออกมาจากโรงเรียน

     

                ฉันจะกลับบ้าน

     

                โอเค งั้นดู Conjuring 2 แล้วกัน หนังเพิ่งเข้าพอดี แทฮยองเมินเฉยกับคำตอบของยุนกิ เขาไม่รอให้อีกฝ่ายได้พูดอะไร จับมือเดินไปหน้าเคาน์เตอร์ซื้อตั๋วหนังเสร็จก็เดินไปซื้อป๊อปคอร์นถังใหญ่ ยัดมันใส่อ้อมอกของยุนกิโดยไม่สนใจคำค้านใดๆ ส่วนตัวเองก็ถือแก้วน้ำใบโตสองแก้ว แล้วพากันเดินเข้าโรงหนังโยที่คนหนึ่งเต็มใจ ส่วนอีกคนไม่เต็มใจ

     

                บรรยากาศภายในโรงหนังนั้นดูจะวังเวงมากเป็นเท่าตัวเมื่อเรื่องที่ฉายเป็นหนังผี อีกทั้งแอร์เย็นฉ่ำชวนให้ขนลุก แทฮยองหลุดขำเมื่อมองคนข้างตัวเขาที่ตอนนี้นั่งเกร็ง คิ้วเล็กขมวดเข้าหากัน กอดถังป๊อปคอร์นแน่น

     

                กลัวเหรอ

     

                “….” ไม่ได้รับคำตอบจากคนที่นั่งนิ่งอีกเช่นเคย แต่แทฮยองเริ่มชินกับมันแล้วล่ะ

     

                หลังผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมงแทฮยองก็รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิดจริงๆ ที่เลือกหนังเรื่องนี้ ขนาดแค่ผียังไม่ออกมา มีเพียงฉากชวนขนหัวลุกมือเล็กของยุนกิก็จับเข้าที่มือของแทฮยองเสียแน่น แถมยังเอนตัวมาทางเขาจนศีรษะเล็กซบเข้าเข้าไหล่กว้างพอดิบพอดี

     

                เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยที่แทฮยองคิดว่าหนังผีมันไม่มีความน่ากลัวเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ยุนกิเอนมาซบเขาด้วยความกลัวแทฮยองก็ไม่มีสติมากพอที่จะตั้งสมาธิอยู่กับหนังตรงหน้าอีกต่อไป เขาเอาแต่หันหน้ามองคนที่หลับตาปี๋ขมวดคิ้วแน่น วินาทีนั้นแทฮยองได้คิดในใจ

     

                ยุนกิแม่งโคตรน่ารักเลย

     

     

     

     

     

     

                หนังจบไปชั่วโมงกว่าแล้วแต่ดูเหมือนยุนกิยังคงช็อคไม่หาย ใบหน้าที่ปกติก็ว่าขาวอยู่แล้วยิ่งซีดลงกว่าเดิม แถมยังนั่งนิ่งไม่พูดไม่จาจนแทฮยองเริ่มจะรู้สึกผิดขึ้นมา

     

                ไม่กินล่ะ เดี๋ยวก็ละลายหมดหรอกแทฮยองเลื่อนถ้วยไอศครีมไปตรงหน้าของยุนกิ เขาคาบช้อนเล็กไว้ในปาก มองดูปฏิกิริยาของคนตรงหน้าอย่างไม่วางตา

     

                เมื่อไหร่จะเลิกยุ่งกับฉันสักทีคำตอบที่ไม่คาดคิดทำเอาช้อนแทบหล่นจากปาก ถึงจะแอบตกใจเล็กๆ กับท่าทางที่ไม่คาดคิดแต่แทฮยองก็เก๊กหน้านิ่ง

     

                ไม่อยากเลิก จะทำไม

     

                ทำแบบนี้สนุกเหรอ

     

                ก็สนุกดี

     

                “…”

     

                ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ ไม่มีใครหลุดปากพูดอะไรออกมาก่อน ได้แต่นั่งมองไอศครีมในถ้วยละลายไปช้าๆ

     

                ถ้านายอยากจะแกล้งให้ฉันสับสนก็ยินดีด้วย นายทำสำเร็จแล้ว เพราะฉะนั้นเลิกยุ่งกับฉันสักที ราวกับความอดทนที่มีอยู่หมดลง ยุนกิเอ่ยขอร้องอย่างหมดแรง การโดนแกล้งแบบนี้มันน่าเหนื่อยใจกว่าโดนต่อยตีเสียอีก

     

                นั่นถือเป็นคำขอร้องหรือเปล่า ถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง แทฮยองวางช้อนไอศกรีมในมือลง ทำไมฉันจะต้องทำตามที่นายขอด้วยล่ะ ฉันจะทำอะไรมันก็เรื่องของฉัน

     

                ยุนกิเม้มริมฝีปากแน่น ดูท่าคงจะหมดประโยชน์ แทฮยองคงไม่ฟังคำขอร้องของเขา ในเมื่อเจ้าตัวยืนยันมาแบบนั้นแล้วเขาก็คงจะทำอะไรไม่ได้ เขาไม่ชอบเอาซะเลย ทั้งโฮซอก ทั้งแทฮยอง ทำไมทั้งสองคนนี้ถึงได้เข้ามายุ่งวุ่นวายกับชีวิตเขาเหลือเกิน

     

                แทฮยองมองคนที่ก้มหน้ามองโต๊ะแล้วจิ๊ปากด้วยความขัดใจ เออๆ ยอมรับก็ได้

     

                อยู่ๆก็โพล่งขึ้นมาแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย ยุนกิเงยหน้ามองแทฮยองด้วยความสงสัย คนตรงหน้าเขากำช้อนไอศครีมแน่น ใบหูเริ่มกลายเป็นสีแดง

     

                ฉันกำลังจีบนายอยู่ รู้ตัวซะบ้าง

     

     

     

     

    --------------------Law of the Jungle--------------------

     

     

     

     

                ปังๆๆ!

     

                เสียงทุบประตูห้องรัวๆ ปลุกคนที่กำลังนอนหลับฝันหวานให้ตื่นขึ้น โฮซอกขมวดคิ้ว ดวงตาปรือปรอยกระพริบถี่เพื่อปรับตัวให้ชินกับแสงสว่างที่เล็ดลอดผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามา เขาบิดขี้เกียจ ยืดแขนขาจนสุด ลุกขึ้นมานั่งตั้งสติได้สักพัก จากนั้นจึงเดินโซเซเดินไปเปิดประตูให้กับคนที่ทุบประตูไม่ยั้ง ทำเหมือนจะพังห้องของเขาเสียให้ได้

     

                เมื่อไหร่จะเลิกทำเสียงตึงตังที่บ้านคนอื่นเขาสักทีวะเอ่ยปากพูดพลางหาววอดๆ ไม่หันมองคู่สนทนา แล้วล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มต่อ

     

                ไม่เห็นเป็นไรเลย ไม่ใช่บ้านกูสักหน่อย

     

                อั้ก!

     

                คนที่นอนอยู่บนเตียงถึงกับจุก เมื่ออยู่ๆ ผู้บุกรุกยามสายก็กระโดดทับจนเขาแทบจมลงไปกับเตียง

     

                ทำอะไรของมึ——” เสียงที่จะต่อว่าขาดหายไปเสียดื้อๆ เมื่อหันหน้ามาเจอใบหน้าแป้นแล้นของแทฮยองอยู่ห่างไม่ถึงคืบ โฮซอกนิ่งงัน คำต่อว่าถูกกลืนหายลงคอ เขาสบตากับเพื่อนตัวดี ก่อนจะรีบเบนสายตาหลบ เบี่ยงตัวหนีคนที่นอนทับเขาอยู่

     

                เล่นอะไรของมึงเนี่ย ตัวก็หนัก ไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ แสร้งทำบ่นคนที่นอนกลิ้งอยู่ข้างๆ ปกปิดความรู้สึกในใจ

     

                ก็เห็นมึงไม่ยอมลุกสักที ไปอาบน้ำได้แล้วไป แล้วลงไปกินพิซซ่าด้วย กูซื้อมา เดี๋ยวเย็นหมด

     

                สั่งเป็นพ่อกูเลยนะปากบางบ่นขมุบขมิบ เขาเดินลงจากเตียง หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำโดยไม่สนใจแทฮยองที่นั่งอยู่บนเตียง

     

                ซ่า!...

     

                น้ำจากฝักบัวตกกระทบพื้น โฮซอกเอาหลังพิงกำแพง ยืนมองสายน้ำที่รินไหล เขายกมือขึ้นกุมที่ตำแหน่งหัวใจของตนเอง มันเต้นแรงราวกับจะหลุดออกมานอกอก แก้มนวลขึ้นสีฝาดด้วยความเขินอาย พอนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อครู่นี้ก็พลันใจเต้นแรงยิ่งกว่าเดิม

     

                เจ้าบ้าแทฮยอง...

     

                หลังอาบน้ำเสร็จ โฮซอกลงบันไดมาก็เจอแทฮยองนั่งกินพิซซ่าที่เจ้าตัวบอกว่าซื้อมาฝากเขาแก้มตุ่ย ร่างบางเดินไปนั่งโซฟาตัวเดียวกันกับเพื่อนรัก หยิบพิซซ่าขึ้นมากินบ้าง บทสนทนาระหว่างเพื่อนสนิทดำเนินไปอย่างไม่มีหยุด

     

                เป็นเรื่องปกติไปแล้วที่ทุกวันหยุดแทฮยองจะมาเที่ยวเล่นที่บ้านของโฮซอก โดยที่เจ้าตัวนั้นให้เหตุผลว่าเบื่อ แต่ก็ไม่อยากออกไปไหน สุดท้ายที่ๆ นึกถึงก็มีแต่ที่นี่ โดยส่วนมากแล้วทั้งคู่จะเล่นเกมกัน หรือไม่ก็ดูหนัง จะมีบ้างบางครั้งที่จองกุกมาด้วย แต่ส่วนใหญ่แล้วแทฮยองจะมาคนเดียวมากกว่า อย่างเช่นวันนี้

     

                กินเป็นเด็กเลยนะมึง เลอะหมดแล้วเนี่ยไม่พูดเปล่า โฮซอกใช้นิ้วโป้งของตนเช็ดคราบซอสที่เลอะอยู่ตรงมุมปากของแทฮยอง โฮซอกนั่งมองคนที่กินอยู่อย่างเอร็ดอร่อยแล้วก็หลุดยิ้มออกมา เขาชอบวันเวลาแบบนี้ ชอบที่ได้ใช้ช่วงเวลาไปกับแทฮยอง ชอบที่ได้มองเห็นแทฮยองยิ้มอย่างมีความสุข

     

                ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่โฮซอกชอบมองมัน รอยยิ้มกว้างของแทฮยองที่มักปรากฏขึ้นมาเมื่อเจ้าตัวมีความสุขหรือมีเรื่องที่น่าพึงพอใจ แต่พอรู้ตัวเขาก็หยุดมองไม่ได้ และกว่าจะรู้ตัวก็สายเกินไปแล้ว โฮซอกเป็นคนก้าวข้ามเส้นแบ่งกั้นคำว่าเพื่อนสู่คำว่าแอบชอบเพียงลำพัง

     

                แน่นอนว่าจองกุกรู้เรื่องนี้ ไม่ใช่เพราะโฮซอกเป็นคนบอก แต่จองกุกนั้นรับรู้ด้วยตัวเอง ก็คงจะมีแต่แทฮยองที่ไม่เคยรู้อะไรเลย

     

                โฮซอกแทฮยองเอ่ยเรียกคนที่นั่งนิ่ง

                ว่า

     

                มึงว่ายุนกิ...เงียบไปพักหนึ่ง ก้มหน้ามองมือของตน ไม่มีไร กินต่อไปเหอะ

     

                มือสวยวางพิซซ่าในมือลงกับถาด หันมองหน้าเพื่อนสนิท กลั้นใจถามคำถามที่คิดว่าตัวเองรู้ดีอยู่แก่ใจออกไป มึงชอบยุนกิเหรอวะ

     

                แทฮยองทำหน้าตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่พยักหน้าแทนคำตอบ

     

                ฮ่าๆๆ ว่าแล้วไม่มีผิด รีบซ่อนมืออันสั่นเทาไว้ข้างตัว โฮซอกแสร้งทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อน ทั้งที่น้ำตาตกใน

     

                กูดูออกง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ

     

                ถ้าเป็นคนอื่นก็คงไม่รู้หรอก แต่นี่ใคร จองโฮซอกเลยนะเว้ย เป็นเพื่อนกันมากี่ปีแล้ว จะไม่รู้ได้ไง คำว่าเพื่อนที่บอกออกไปเป็นการตอกย้ำตัวเองให้รู้ว่าสถานะของโฮซอกและแทฮยองเป็นได้แค่นี้ และไม่สามารถเป็นได้มากกว่านี้

     

                เอองั้นดีเลย กูขอปรึกษาหน่อย

     

                เฮ้ย ไม่ได้ๆ วันนี้คงไม่สะดวกแล้วว่ะ โทษทีนะมึง ลืมไปเลยว่ามีนัดกับหมอฟันแสร้งทำทีเป็นดูนาฬิกาแขวนบนผนัง ทำท่าร้อนรน

     

                อะไรของมึงเนี่ย เออๆ งั้นกูไปก่อนละกัน เดี๋ยวเย็นนี้ค่อยคุย

     

                โฮซอกพยักหน้า เขามองตามคนที่เดินไปทางประตู

     

                ปัง!

     

                เสียงประตูปิดลง เป็นจังหวะเดียวกับที่น้ำตาเม็ดใสร่วงหล่นจากดวงตาเรียว ความอุ่นร้อนของมันเรียกสติให้คนที่นั่งนิ่งได้รู้สึกตัว โฮซอกไม่สนใจว่าตอนนี้มือเขาจะเลอะซอสหรือไม่ เขาปาดน้ำตาออกจากใบหน้าของตนลวกๆ แต่ยิ่งเช็ดก็เหมือนว่ามันจะยิ่งไหลออกมามากกว่าเดิม

     

                เรื่องที่แทฮยองชอบยุนกินั้น เขารู้ดีอยู่แก่ใจ ทั้งท่าทีของเพื่อนรักที่เปลี่ยนไป ไหนจะเวลาที่พวกเขาได้อยู่ด้วยกันที่โรงเรียนลดลงเพราะแทฮยองเลือกที่จะไปอยู่ข้างๆ ยุนกิมากกว่า และที่แห่งนั้น บนดาดฟ้า... ที่ๆ เคยมีแค่พวกเขาสามคนเท่านั้นที่จะขึ้นไปได้ พื้นที่พิเศษที่โฮซอกคิดว่าเขาได้แบ่งปันมันร่วมกันกับแทฮยอง ตอนนี้มันกลายเป็นพื้นที่พิเศษทำหรับแทฮยองและยุนกิไปแล้ว

     

                โฮซอกยังคงจำภาพนั้นได้ติดตาไม่มีวันลืม ท่ามกลางแสงแดดที่ร้อนระอุ ตรงพื้นที่พิเศษของเขา ภาพที่แทฮยองก้มตัวลงหอมแก้มยุนกิที่หลับอยู่บนม้านั่ง ก่อนจะแสร้งทำเป็นไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อยุนกิตื่น ภาพเหล่านั้นอยู่ในสายตาของเขาทุกการกระทำ และวันนี้ที่แทฮยองหลุดชื่อของยุนกิออกมาด้วยตัวเองก็ทำให้โฮซอกยิ่งมั่นใจ เขาถึงได้ถามออกไปแบบนั้น เผื่อว่าคำตอบมันจะช่วยให้เขาตัดใจได้ง่ายมากขึ้น

     

                ฮึก...แทฮยอง...มึงมันโง่ แต่กูเองก็โง่เหมือนกันที่ไปหลงรักคนโง่แบบมึง

     

                หยดน้ำตายังคงไหลริน โฮซอกยกมือขึ้นจับหัวใจของตัวเอง ดูเหมือนว่าการตัดใจนั้นจะไม่ง่ายเลย

     

     

     

     

    --------------------Law of the Jungle--------------------

     

     

     

     

                พ่อว่ายังไงนะครับซอกจินเอ่ยเสียงสั่นเทา ดวงตาอ่อนล้ามองพ่อของตนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ฟันขาวขบริมฝีปากอิ่มแน่น เขายกมือที่สั่นเทาขึ้นมาประสานกันบนตัก หลับตาลงเพื่อรวบรวมสติที่ตอนนี้แตกกระเจิงเพียงเพราะได้ยินชื่อของนัมจุน

     

                ซอกจิน ถือว่าพ่อขอร้องนะ ช่วยพ่อหน่อยเถอะ

     

                ผมคงไม่ว่าง พ่อปฏิเสธเขาไปเถอะครับ

     

                พ่อก็อยากจะทำแบบนั้นนะ แต่...สีหน้าลำบากใจของผู้เป็นพ่อทำเอาหัวใจปวดหนึบ พอเห็นแบบนั้นแล้วซอกจินก็ปฏิเสธไม่ลง

     

                ทำไมต้องเป็นผมด้วย น้ำเสียงสั่นจนตัวเองรู้สึกได้ แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่สังเกตเห็นมัน

     

                พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน นัมซุนแค่บอกว่าลูกชายของเขาอยากให้ลูกไปเป็นครูสอนพิเศษที่บ้านตอนเย็น

     

                แล้วถ้าผมไม่ไปได้รึเปล่าครับ

     

                ทำไมล่ะ

     

                ซอกจินหลบสายตาที่มองมา เขาไม่กล้าบอกความจริงออกไป เหตุการณ์ในวันนั้นมันโหดร้ายเกินกว่าจะเอ่ยปากบอกใครได้ และเขาก็ไม่ต้องการขุดมันขึ้นมาทำร้ายตัวเองอีก ซอกจินไม่อยากกลับไปหวาดระแวง หวาดกลัวทุกสิ่งเหมือนช่วงแรกๆ อีกแล้ว

     

                พ่อของนัมจุนช่วยเราไว้มาก พ่อเองก็ไม่อยากขัดเขา เพราะงั้น—”

     

                ก็ได้ครับ ผมจะทำตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

     

                งั้นไปขึ้นรถกับผมเลยมั้ยครับอาจารย์ น้ำเสียงทุ้มที่คุ้นเคยสะกดให้ซอกจินตัวแข็งทื่อ ไม่กล้าหันหน้าไปมอง มือที่อยู่บนตักสั่นจนแทบควบคุมไว้ไม่อยู่

     

                เธอคือนัมจุนสินะ จินฮาเอ่ยทักเด็กหนุ่มที่เดินเข้ามาในบ้านของตน ท่าทางของนัมจุนดูสุภาพเรียบร้อยเกินอายุ แต่ถึงอย่างนั้นก็เหมือนจะแอบซ่อนอะไรบางอย่างไว้

     

                ครับ ต้องขอโทษคุณลุงด้วยที่อยู่ๆก็มาโดยที่ไม่ได้บอกล่วงหน้าก่อน

     

                ไม่เป็นไรหรอก เข้ามานั่งก่อนสิ

     

                นัมจุนโค้งตัวให้คนมีอายุมากกว่า เขาเดินมานั่งลงข้างๆ ซอกจิน แต่ทันทีที่นั่งลง ซอกจินก็รีบเขยิบออกห่างทันที ท่าทางของผู้เป็นอาจารย์ทำให้เด็กหนุ่มหลุดขำ เขาเขยิบตัวให้ใกล้ชิดอีกฝ่ายมากขึ้น

     

                ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการก่อนนะครับ ผมคิมนัมจุนครับ เป็นนักเรียนของโรงเรียนที่อาจารย์ซอกจินทำงานอยู่

     

                อ้าว ถ้าแบบนี้ก็รู้จักกันแล้วสิ

     

                รู้จักกันดีเลยล่ะครับ ใช่มั้ยครับอาจารย์หันไปส่งยิ้มหวานใส่คนข้างกาย นัมจุนหัวเราะในลำคอกับท่าทีตลกๆ ของซอกจิน แต่สำหรับซอกจินแล้วมันไม่น่าตลกเลยสักนิด

     

                “...อะ...อือ

     

                ถ้าคุณลุงไม่ว่าอะไร เย็นนี้ผมขอตัวอาจารย์ซอกจินไปสอนที่บ้านผมเลยนะครับ

     

                ได้สิ ปีสามแล้วนี่นะ ใกล้สอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วด้วย ลุงเข้าใจว่าเราไม่อยากเสียเวลา เพราะงั้นไปเถอะ

     

                แต่ว่า…!” เป็นซอกจินที่เอ่ยขัดขึ้นมา

     

                ทำไมเหรอครับอาจารย์

     

                ไม่...ไม่มี

     

                งั้นก็ไปกันเถอะครับ ผมขอตัวก่อนนะครับคุณลุงนัมจุนลุกขึ้นยืนโค้งตัวลาอย่างมีมารยาท จากนั้นทำทีเป็นทำโทรศัพท์หล่นอยู่บนโซฟา แล้วก้มตัวลงหาผู้เป็นอาจารย์ อย่ามัวแต่อ้อยอิ่งสิครับซอกจิน รูปในมือถือผมมันพร้อมหลุดทุกวินาทีเลยนะ

     

                “!!” คำขู่ที่ได้ยินทำให้ผู้เป็นอาจารย์หน้านั่งนิ่ง มือของเขาสั่นเทา ดวงตาอ่อนล้าเหลือบมองผู้เป็นพ่อด้วยความกลัว

     

                ไปกันเถอะครับอาจารย์รอยยิ้มร้ายส่งให้คนที่นั่งหน้าซีด นัมจุนโค้งตัวลาพ่อของซอกจินอีกครั้ง แล้วเดินนำออกมาโดยไม่รอเพราะเขารู้ดีว่าไม่ว่ายังไงซอกจินก็ต้องตามเขาออกมาอยู่ดี

     

                เพียงไม่นานนักประตูรถก็ถูกปิดเสียงดังลั่นด้วยฝีมือของอาจารย์หนุ่ม บรรยากาศภายในรถนั้นเงียบสงัด ซอกจินขยับตัวจนชิดประตูฝั่งตนอย่างไม่กลัวว่าหากประตูรถไม่ได้ล็อคเอาไว้ เขาอาจจะกลิ้งหล่นลงไปตอนไหนก็ได้ แต่ในช่วงเวลานี้ อะไรก็ไม่น่ากลัวเท่ากับนัมจุน เด็กหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆ เขาในตอนนี้

     

                อ๊ะ!ร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ๆ ก็โดนดึงจนตัวปลิวสู่อ้อมอกของเด็กหนุ่ม ซอกจินส่งสายตาไม่พอใจให้คนที่ยิ้มเยาะมาที่ตน เขาผลักนัมจุนออก เหลือบมองคนขับรถด้วยความหวั่นใจว่าจะเห็นภาพเมื่อครู่นี้หรือไม่

     

                ไม่ต้องห่วงหรอกครับอาจารย์ ต่อให้เขาเห็นมากกว่านี้ก็ไม่เอาไปบอกใครหรอก

     

                อย่ามาทำรุ่มร่ามกับฉันนะ!ปัดมือหนาที่วางทาบทับอยู่บนขาอ่อนตัวเองออก ขืนตัวหนีแขนยาวๆ ที่เริ่มอ้อมมาทางด้านหลังและรวบเขาเอาไว้ในอ้อมกอด

     

                นัมจุนกระซิบข้างใบหูนิ่ม มากกว่านี้ก็เคยทำมาแล้ว จำไม่ได้เหรอครับ

     

     

     

     

     

    -----------------------------------------------------

    KataeBum Talk

    อุต๊ะ แทแท เริ่มทำคะแนนไล่ตามเพื่อนของตัวเองบ้างแล้วเหรอ

    ว่าแต่มีคนทายถูกด้วยอ่ะ 55555555555555555

    เอางี้ดีมะ เก็บเเต้ม ใครทายถูกมีสิทธิ์มีชื่อเวลาจับฉลากชิงหนังสือ

    จะมีคนอยากได้มั้ย 555555555555555555555

    คิดว่าอยากทำเล่มเก็บแหละ แต่ไม่ใช่ตอนนี้แน่นอน ยังไม่ถึงครึ่งเรื่องเลย....

    เออใช่ วันนี้กดบัตรคอน ใครไปบ้างไหนยกมือหน่อย ใครไปก็เจอกันนะคะ เย้!

    -----------------------------------------------------

    Talk Again

    ทีมใครดี... วีก้าก็ดี วีโฮปก็น่าสนใจ

    แต่ทีมวีไรต์นี่น่าสนใจสุดๆ (ถ้าจะเขวี้ยงอะไรมาขอของกินค่ะ 55555555)

    #ฟิคป่า



     
    ♔THE ORA♔
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×