คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : CHAPTER 7 l เปลี่ยน (รีไรท์)
CHAPTER 7
창문을 안 열으면 좋은 거 어떻게 보이나요
ถ้าไม่เปิดหน้าต่าง
แล้วจะมองเห็นสิ่งดีๆได้ยังไงกัน
หลังจากการเดินทางหลายชั่วโมง
ในที่สุดเรือก็แล่นเทียบท่า คณะเดินทางจากทงอันนั่งรถบัสต่อไม่นานนักก็มาถึงที่พักบนเกาะเชจู
ด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางทำให้เด็กๆ ต่างดีใจที่จะได้เอาสัมภาระเข้าไปเก็บ
หากแต่อาจารย์ซนซองดึก ขาโหดประจำโรงเรียนกลับสั่งให้ทุกคนเข้าแถวเพื่อตรวจกระเป๋า
ทำเอาเด็กนักเรียนส่งเสียงค้านกันใหญ่
แต่ถึงแม้จะไม่เต็มใจ เด็กทุกคนก็ต้องยืนเข้าแถวเรียงหน้ากระดาน
เปิดกระเป๋ารอให้อาจารย์มารื้อค้นอยู่ดี คนไหนที่มือไว
ล้วงเอาของต้องห้ามทันก็แอบเอามาซ่อนไว้ในเสื้อ แต่บางคนที่ไม่ทันก็ได้แต่มองตามของตัวเองในถุงตาละห้อย
ของผิดกฎที่ห้ามนำมาถูกนำใส่ถุงที่เตรียมเอาไว้มากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจารย์ผู้ตรวจคิ้วกระตุก
ไม่แน่ใจว่าเด็กพวกนี้จะมาทัศนศึกษา หรือว่าจัดปาร์ตี้กันแน่
“โอวอนพิล นี่อะไร” ขวดน้ำสีเขียวเข้มคุ้นตาถูกแกว่งไปมาอยู่ในมือของผู้เป็นอาจารย์
เจ้าของขวดเหล้าได้แต่อ้ำอึ้ง ยืนส่งสายตาขอความช่วยเหลือจากเพื่อนข้างกาย
“ฉันบอกแล้วใช่มั้ยว่าอย่าเอาของแบบนี้มา
พวกแกนี่มันเด็กเหลือขอจริงๆ ห้ามอะไรไม่เคยฟัง”
“เอ่อ...
อาจารย์ซองดึกก็พูดเกินไปนะครับ” ซอกจินที่ยืนมองอยู่นานเดินเข้ามากู้สถานการณ์
แต่เมื่อถูกตาสายตาดุๆ หันกลับมามองอย่างเอาเรื่อง เล่นเอาหัวใจแทบจะหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
“คุณเป็นอาจารย์ใหม่จะไปรู้อะไร
ไอ้พวกนี้น่ะ ด่าไปมันก็ไม่สำนึกหรอก”
“แต่นักเรียนบางคนอาจจะไม่ได้เป็นแบบนั้นก็ได้นี่ครับ” พยายามพูดในแง่ดีหวังให้สถานการณ์ตรงนี้เบาความมาคุลงบ้าง
เพราะซอกจินคิดว่าเด็กนักเรียนก็คงไม่ชอบได้ยินคำพวกนี้เหมือนที่เขาไม่ชอบมัน
“เฮอะ
เด็กพวกนี้ดูแค่หน้าไม่ได้หรอก คุณก็อย่าไปเชื่ออะไรพวกมันมากนักเลย”
ดูเหมือนว่าสิ่งที่เขาต้องการสื่อให้อาจารย์ฝ่ายปกครองฟังนั้นจะไม่เข้าถึงอีกฝ่ายเลย
กำแพงอคติหนาเกินกว่าเข้าจะพังมันลงได้เพียงคำพูดไม่กี่คำ เมื่อเป็นแบบนั้นซอกจินจึงตัดสินใจว่าจะไม่พูดอะไรต่อ
เขาทำเพียงพยักหน้าสื่อว่าเข้าใจ จากนั้นจึงหันไปตรวจกระเป๋าของนักเรียนคนอื่นแทน
ซอกจินไล่ตรวจมาเรื่อยๆ
เจอเหล้าบ้าง บุหรี่บ้างก็ทำได้เพียงยึดของเหล่านั้นมาแล้วตักเตือนไปเล็กน้อย
จนกระทั่งมาถึงจุดที่แทฮยองยืนอยู่
เขามองใบหน้าหยิ่งยโสของแทฮยองแล้วได้แต่ส่ายหัว
ช่างเป็นเด็กที่ไม่มีสัมมาคารวะเอาซะเลย
“เปิดกระเป๋าสิ”
สั่งเด็กตรงหน้า เมื่อแทฮยองยอมเปิดกระเป๋าเขาจึงล้วงมือลงไป
สายตาก็มองหาของต้องห้ามสำหรับการมาทัศนศึกษา และในจังหวะที่กำลังจะเอามือออก
สายตาก็บังเอิญไปเห็นกล่องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กที่คุ้นตาแอบซ่อนอยู่
“อาจารย์คงต้องขอยึดบุหรี่ซองนี้นะ” ชูกล่องบุหรี่ในมือให้เด็กหนุ่มดูแล้วใส่ลงในถุง
แต่ยังไม่ทันที่จะได้เดินไปไหนแทฮยองก็จับข้อมือของซอกจินไว้แน่น
“ไม่รู้รึไงว่าผมเป็นใคร
เอาคืนมา” สายตาแข็งกร้าวทำเอาซอกจินสะอึก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมแพ้
เขาสะบัดข้อมือออก ซ่อนถุงไว้ข้างหลังตัวเองเพื่อกันไม่ให้เด็กหนุ่มมาแย่งชิงไป
“ไม่ได้
เธอเป็นใครอาจารย์ไม่รู้หรอก แต่กฎของการมาทัศนศึกษาคือห้ามพกของพวกนี้มา”
“ก็บอกให้เอาคืนมาไงวะ!” แทฮยองกระชากข้อมือของคนตรงหน้าฝั่งที่ถือถุงใส่ของอย่างแรง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเรียกความสนใจทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นให้หันไปมอง
แต่เด็กหนุ่มไม่สนใจ เขายังคงบีบข้อมือของซอกจินแรงขึ้นเรื่อยๆ
“แทฮยอง
ปล่อยมืออาจารย์เดี๋ยวนี้” ราวกับเสียงสวรรค์
ร่างสูงโปร่งเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อเห็นว่าซองดึกเดินมาทางตน
แทฮยองปล่อยข้อมือของเขาแล้ว หากแต่ยังคงจ้องมาไม่วางตา
“วันหลังหัดบอกอาจารย์ใหม่นี่ด้วยว่าอย่ามายุ่งกับฉัน”
เสียงเซ็งแซ่ดังไปทั่วเมื่อแทฮยองหยิบกระเป๋าของตนแล้วเดินออกไป
แต่ก็เงียบลงทันทีที่เจอเสียงตะโกนด่าของผู้เป็นอาจารย์
ซองดึกไล่นักเรียนที่ยืนอยู่ให้เข้าไปเก็บสัมภาระที่ห้อง ทำให้ที่ตรงนี้เหลือพวกเขาเพียงแค่สองคน
ซอกจินมองใบหน้าของอาจารย์ขาโหดด้วยความไม่เข้าใจ ทั้งๆ ที่แทฮยองพูดจาไม่สุภาพใส่
แต่กลับปล่อยให้เดินจากไปได้ง่ายๆ ไม่มีการทำโทษอะไรสักอย่าง
ยังไม่ทันที่ปากอิ่มจะได้เอ่ยถามอะไร
อาจารย์ผิวเข้มก็เอ่ยขึ้นมาราวกับรู้ว่าซอกจินกำลังสงสัยอะไรอยู่
“คิมแทฮยอง จอนจองกุก
จองโฮซอก” เสียงเข้มเว้นช่วงไปเล็กน้อย
ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งจึงพูดต่อ “ถ้าไม่อยากถูกไล่ออกก็อย่าไปยุ่งกับเด็กพวกนั้นจะดีกว่า”
----------Law of the
Jungle----------
“บังเอิญจังเนอะ
เราได้อยู่ห้องเดียวกันอีกแล้ว”
ยุนกิหันมองตามเสียง
เขามองเห็นใบหน้าของจีมินที่อยู่ห่างออกไปกำลังส่งรอยยิ้มมาให้ เขาพยักหน้าให้อีกฝ่ายเล็กน้อย
แล้วหันกลับมานำของออกจากกระเป๋าเดินทางเหมือนเดิม ในขณะที่จีมินเองก็เริ่มจัดของตัวเองบ้างเช่นกัน
“นาย...” เหมือนคนพูดจะดูลังเลอยู่เล็กน้อย จีมินมองคนตัวขาวที่นั่งเงียบไปนานอย่างใจจดใจจ่อ
“ฉันลืมเอายาสีฟันมา
ขอยืมของนายได้รึเปล่า”
“ได้สิ ถ้าขาดอะไรอีกก็บอกได้เลยนะ
ก็เราเพื่อนกันนี่นา”
คำว่าเพื่อนที่ได้ยินจากจีมินทำให้ยุนกิรู้สึกแปลก
ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเขาไปโมเมเอาตอนไหนว่าเป็นเพื่อนกัน
แต่ถึงอย่างนั้นยุนกิก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“ขอบใจนะ” เขาเอ่ยคำขอบคุณเพียงแผ่วเบา แต่ด้วยความที่ห้องเงียบมันจึงได้ยินชัดเจน
จีมินที่ได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มร่าออกมา ดูเหมือนว่าการเป็นเพื่อนกับยุนกิกำลังใกล้เข้ามาอีกก้าว
“ถ้าเก็บของเสร็จแล้วก็ไปกันเถอะ
เดี๋ยวอาจารย์จะว่าเอา”
ยุนกิพยักหน้ารับ
ทั้งสองคนเดินไปรวมตัวกับคนอื่นๆ ซึ่งยืนอยู่ที่หน้าที่พัก
ตามกำหนดการของวันนี้แล้ว พวกเขาจะได้ไปปีนเขาเพื่อศึกษาธรรมชาติ
โดยจะมีเจ้าหน้าที่เป็นคนคอยนำทาง จีมินที่รอเวลานี้มานานหันไปพูดคุยกับยุนกิที่อยู่ข้างๆ
อย่างร่าเริง ทำเอาคนที่แอบมองอยู่อย่างจองกุกรู้สึกหมั่นไส้ขึ้นมา ภาพตรงหน้าเขาคือจีมินหัวเราะต่อกระซิกกับยุนกิอยู่แบบไม่เกรงใจใคร
เห็นแล้วก็รู้สึกแปลกๆ อยากเดินไปแยกสองคนนั้นให้ออกจากกัน
ทันใดนั้นรอยยิ้มร้ายก็ปรากฏเมื่อจองกุกคิดแผนการบางอย่างออก
เขาหัวเราะเบาๆ เพียงลำพังเมื่อคิดว่าสิ่งที่เขากำลังจะทำนั้นน่าสนุกเพียงใด
“เด็กๆ
จำไว้ให้ดีนะว่าต้องเดินตามเจ้าหน้าที่ ห้ามออกนอกเส้นทางเด็ดขาด” เสียงเจ้าหน้าที่พูดผ่านโทรโข่งดังก้อง เนื่องจากเส้นทางที่พวกเขากำลังจะเดินจากนี้เป็นภูเขา
หากหลงทางขึ้นมาจะแย่เอาได้
จากคำบอกเล่าของเจ้าหน้าที่
ป่าฮัลลาเป็นป่าที่อุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการใช้เป็นที่ศึกษาธรรมชาติ พวกเขาได้ทำทางไว้สำหรับนักเดินทางเพื่อให้เดินได้สะดวก
หากหลุดออกไป อาจจะหลงทางได้ โดยเฉพาะในช่วงที่หมอกลงในบางพื้นที่แบบนี้
เพราะฉะนั้นการไม่เดินออกนอกเส้นทางจึงเป็นเรื่องที่ดีที่สุด
ตลอดการทำข้อตกลงก่อนการเดินป่า
เด็กนักเรียนทุกคนต่างตั้งใจฟังเป็นอย่างดี พวกเขารับฟังกฏข้อห้าม รวมไปถึงข้อปฏิบัติอย่างเคร่งครัดในการปีนเขา
และเนื่องด้วยฝนที่ตกในตอนเช้าทำให้พื้นที่บางส่วนนั้นอันตราย
ทำให้อาจจะไม่ได้แวะในบางจุดตามที่ได้ตกลงไว้ในตอนแรก
หลังจากยืนอยู่หน้าทางขึ้นเขามานาน
ในที่สุดก็ได้เวลาเดินป่ากันเสียที ระหว่างทางจีมินรับฟังที่เจ้าหน้าที่อธิบายต้นไม้ต้นต่างๆ
อย่างตั้งใจ จนกระทั่งเขาเจอต้นไม้ตนหนึ่ง คนตัวเล็กหยุดมองมันอยู่เนิ่นนานเพราะรู้สึกสนใจในความแปลกที่ไม่เคยได้พบมาก่อน
รู้ตัวอีกทีเขาก็อยู่รั้งท้ายแถวมาไกล ด้วยความที่กลัวว่าจะพลัดหลงกับเพื่อน จีมินจึงรีบเดินหวังจะตามให้ทัน
แต่ก็ถูกมือปริศนามาปิดปากเอาไว้ ก่อนจะลากเขาออกมาให้พ้นเส้นทางเดินปกติ
“อื้อ! อื้อ~”
“ชู่~ อยู่เงียบๆ ถ้าไม่อยากเจ็บตัว” หัวใจเต้นรัวแรง น้ำเสียงที่คุ้นเคยทำให้คนตัวเล็กเบิกตากว้าง
จีมินนิ่งเงียบตามที่อีกฝ่ายบอก จนมือหนานั้นปล่อยให้ริมฝีปากของเขาเป็นอิสระ
แต่ไม่ทันให้ได้ร้องท้วงเขาก็ถูกจองกุกลากเข้ามาในป่าลึกมากขึ้น
จนมองไม่เห็นทางที่เดินมาในตอนแรก
“ปล่อยนะ!” สะบัดมือออกจากจองกุก จ้องมองอีกฝ่ายด้วยสายตาไม่พอใจ
จองกุกจะเล่นแรงเกินไปแล้ว
“จะโวยวายทำไม ฉันไม่ได้พานายมาฆ่าหรอกน่า”
“เล่นอะไรของนาย!”
ถามด้วยความโมโห
แต่สิ่งที่ได้รับกลับมามีเพียงรอยยิ้มกวนประสาทเท่านั้น
“เห็นอยากมามากไม่ใช่เหรอไง
ป่าน่ะ ช่วยสงเคราะห์ให้แล้วยังไม่ขอบคุณอีก” มือกอดอก
มองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย้ยหยัน
จีมินมองตอบกลับด้วยความโกรธเคือง
เกิดความเงียบอยู่นานจนคนตัวเล็กทนไม่ไหวเป็นฝ่ายเบือนหน้าหนี จีมินรีบสาวเท้ากลับไปยังทิศทางที่คิดว่าเป็นทางออก
แต่ก็ถูกคนตัวสูงมาดักทางไว้ มือแกร่งจับที่ข้อแขนของจีมินแน่น
แต่คนตัวเล็กก็พยายามสะบัดมันออก ทั้งคู่ยื้อยุดกันอยู่สักพัก
จนกระทั่งขาเล็กเสียหลักลื่นตกจากเนินที่พวกเขายืนอยู่
ฟุ่บ! แซ่ก แซ่ก แซ่ก!
จีมิน
และจองกุกลื่นไถลลงมาอย่างรวดเร็ว พอรู้สึกตัวอีกทีก็ลงมาอยู่ด้านล่างเนินแล้ว
“โอย...” เสียงร้องครางของจองกุกดังขึ้น เขาพยายามลุกขึ้นนั่ง แต่ก็ต้องทรุดลง
เมื่อรู้สึกเจ็บที่ข้อเท้าด้านขวา
“นายเป็นอะไรมากรึเปล่า” จีมินเดินเข้ามาถาม เขาจับที่ข้อเท้าของจองกุกด้วยความเป็นห่วง
ดูแล้วคงจะเจ็บไม่ใช่น้อย
“เหอะ
ห่วงตัวเองก่อนเหอะ หัวแตกขนาดนั้นยังจะมาถามอีก”
มือเล็กรีบแตะที่หัวของตัวเองทันทีที่ได้ยินจองกุกพูด
เลือดสีแดงสดที่ติดมือมาทำเอาหน้าเสีย
แต่พอเห็นคนตรงหน้าเอาแต่จับข้อเท้าของตัวเองอยู่ คนตัวเล็กก็รีบช่วยดูอาการทันที
“โอ๊ย!” จองกุกร้องออกมาเมื่อจีมินแตะตรงจุดที่เริ่มบวมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
“ข—ขอโทษ”
“แม่งเอ๊ย” เสียงสบถทำให้คนที่จับข้อเท้าดูอาการอยู่อย่างกล้าๆ กลัวๆ นั้นต้องตกใจ
พอเงยหน้ามองก็เห็นจองกุกกำลังจิ้มที่หน้าจอมือถือตัวเองอย่างหงุดหงิด
“เอามือถือนายมา”
“ฉันลืมไว้ที่ห้อง...”
“เออ! โว้ย!
ให้มันได้อย่างนี้สิวะ” มือหนาขยี้ผมตัวเอง
เขาเริ่มรู้สึกเกลียดตัวเองขึ้นมาหน่อยๆ ที่เล่นเกมในโทรศัพท์จนแบตหมด
พอถึงเวลาฉุกเฉินเลยไม่เหลือแบตให้ใช้แบบนี้
“นายลุกไหวรึเปล่า
เดี๋ยวฉันช่วยพยุงนะ ลองเดินดูกันเถอะ เพื่อเจอเจ้าหน้าที่อยู่แถวนี้” เหมือนกับที่จีมินพูดเป็นเรื่องประหลาด คนตัวสูงทำหน้าตาเหลือเชื่อใส่
แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไร
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการเจ็บข้อเท้าที่มันเริ่มมีมากขึ้นเลยทำให้คนอย่างจองกุกเงียบลงหรือเปล่า
แต่นั่นก็ทำให้จีมินแอบรู้สึกดีไม่น้อยเหมือนกันที่ไม่โดนตะคอกใส่อีก
จีมินประคองจองกุกให้ลุกขึ้นเดินอยู่นาน
แต่ก็ต้องล้มเหลวเมื่อจองกุกเจ็บมากจนไม่สามารถลุกขึ้นได้
ทั้งคู่จึงทำได้เพียงนั่งอยู่กับที่รอความช่วยเหลือเท่านั้น
“อ๊ะ...” คนตัวเล็กสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ จองกุกก็เอื้อมมือมาแตะตรงบาดแผลบริเวณหน้าผาก
“อยู่เฉยๆ” คนตัวสูงออกคำสั่ง
จีมินมองอย่างไม่เข้าใจเท่าไหร่นัก
ตอนแรกเขาคิดว่าจะถูกแกล้งให้เจ็บตัวมากกว่าเดิม แต่ที่ไหนได้
ผ้าสีขาวสะอาดที่ไม่รู้จองกุกไปเอามาจากไหนถูกหยิบขึ้นมาเช็ดคราบเลือดอย่างแผ่วเบา
ใบหน้าที่เข้าใกล้กันทำเอาเขารู้สึกหายใจขัดขึ้นมาซะดื้อๆ
“แม่บ้านให้มา
ไม่ได้อยากจะพกหรอก” จองกุกพูดขึ้นราวกับจะแก้เขิน “ตอนนี้ก็เย็นแล้ว เดี๋ยวพวกเจ้าหน้าที่ก็คงมา
อย่าเสร่อเดินไปไหนให้หลงมากไปกว่านี้อีกล่ะ”
แล้วใครกันที่ทำให้ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้
จีมินอยากจะสวนกลับไปอย่างนั้น แต่ก็ทำได้เพียงนั่งนิ่งๆ
เพราะกลัวว่าจะพูดอะไรไม่ถูกใจจองกุกเข้า จีมินคิดว่าในเวลาแบบนี้มาทะเลาะกันอาจจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก
ผ่านไปหลายชั่วโมง
แสงอาทิตย์ที่ส่องลงมาเริ่มหมดลง อากาศในป่าก็เริ่มเย็นตาม ถึงแม้ว่านี่จะไม่ใช่หน้าหนาว
แต่เพราะฝนที่ตกเมื่อเช้าทำให้ภายในป่ายังคงมีความชื้น อากาศจึงเย็นพอสมควร จีมินเขยิบเข้าหาคนตัวสูงเพื่อรับไออุ่นอย่างไม่รู้ตัว
ในขณะที่จองกุกเองก็ขยับเข้าหาจีมินเพราะรู้สึกหนาวเย็นเช่นกัน
แซ่ก แซ่ก
เสียงลมพัดใบไม้เสียดสีกันไปมาทำให้คนตัวเล็กสะดุ้ง
เพราะคิดว่าจะมีสัตว์ป่าออกมา ท่าทางเหมือนลูกแมวนั่นทำให้จองกุกที่มองอยู่ตลอดรู้สึกแปลกๆ
เขารู้สึกได้ถึงแรงสั่นตรงชายเสื้อแจ็คเก็ตที่เขาสวมอยู่ มันสั่นจนเขารู้สึกรำคาญ
หมับ!
จองกุกคว้ามือเล็กมาจับไว้
ถึงแม้จีมินพยายามจะชักมือออก แต่เขาก็ยังจับไว้แน่น
“รำคาญ
กระตุกอยู่นั่นแหละ”
เวลาผ่านไปนาน จากฟ้าสว่าง
จนตอนนี้ทั้งป่าตกอยู่ในความมืดมิด จีมินและจองกุกผล็อยหลับไปด้วยความเพลีย
ด้วยอากาศที่หนาวเย็นลงเรื่อยๆ ทำให้ทั้งคู่นั่งกอดกันอย่างไม่รู้ตัว ในขณะที่อีกด้านของป่า
เจ้าหน้าที่ยังคงตามหาตัวเด็กทั้งสองคนอย่างไม่ลดละ
หลังจากได้รับแจ้งจากอาจารย์ว่ามีนักเรียนหายไประหว่างการเดินป่า
เจ้าหน้าที่จึงทำการตามหาทันที แต่ด้วยอุปสรรคหมอกที่ลงปกคลุมพื้นที่ทำให้การตามหาเป็นไปอย่างล่าช้าจนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนกลางคืน
หลังจากพยายามกันอยู่นาน ในที่สุดพวกเขาก็เจอตัวทั้งคู่
จองกุกและจีมินได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นจากเจ้าหน้าที่ก่อนจะถูกพากลับที่พัก
คืนนั้นทั้งจีมินและจองกุกโดนอาจารย์รุมสวดเสียยกใหญ่
แต่ถ้าจะพูดให้ถูกคือจีมินโดนคนเดียวเต็มๆ มากกว่า
คนตัวเล็กถูกขู่เรื่องพิจารณาทุนอีกครั้ง จากข้อหาก่อเรื่องในระหว่างการทัศนศึกษา
ในขณะที่จองกุกถูกต่อว่าเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น
เช้าวันต่อมา
อาจารย์ซองดึกผู้มีหน้าที่เป็นหัวเรือใหญ่ในการดูแลการทัศนศึกษาครั้งนี้ได้ออกมาประกาศยกเลิกกำหนดการทั้งหมด
เนื่องจากเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น ตั้งแต่บนเรือ จนกระทั่งเรื่องในป่าเมื่อวาน
พวกเขาจะกลับโซลกันทันทีหลังจากพาทุกคนแวะซื้อของฝากเสร็จเรียบร้อย
ซึ่งเมื่อเด็กนักเรียนได้ยินแบบนั้นต่างก็โวยวายกันใหญ่ที่อยู่ๆ
ทริปของพวกเขาก็ล่มไม่เป็นท่า และเมื่อซองดึกเดินออกไป เด็กๆ ทุกคนต่างมองไปทางจีมินที่ยืนก้มหน้าอยู่อย่างรู้สึกผิด
เสียงพูดคุยที่มีชื่อจีมินอยู่ในบทสนทนาดังขึ้นอย่างไม่หยุดหย่อน
คนตัวเล็กได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
รู้สึกไม่ดีที่เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การทัศนศึกษาครั้งนี้ต้องจบลง
“เพราะแกเลย
พวกเราถึงต้องกลับโซลกันเร็วแบบนี้” เด็กคนหนึ่งพูดขึ้น
พวกเขารวมกลุ่มกันเดินเข้ามาหาจีมินอย่างเอาเรื่อง
“ฉันขอโทษ” มือเล็กกำแน่น เขาก้มหน้าลงไม่กล้าสบสายตาเพื่อนร่วมห้อง
ผั้วะ!
ศีรษะเล็กสั่นคลอนจากแรงที่ตบลงมาไม่เบานัก
จีมินนิ่วหน้าเมื่อมันกระเทือนไปถึงแผลที่หัว
เขาได้ยินเสียงหัวเราะดังขึ้นจากรอบข้าง ไม่ชอบช่วงเวลาแบบนี้เอาซะเลย
“หลบไป” จองกุกพูดเสียงเข้ม
เขาเดินเข้ามาคั่นกลางระหว่างจีมินและกลุ่มเพื่อนร่วมห้อง
หน้าตาไม่สบอารมณ์ของจองกุกทำให้ทุกคนพากันแยกย้าย แตกกระเจิงกันไปคนละทาง
จีมินมองแผ่นหลังของคนตรงหน้าอย่างไม่เข้าใจ
จนกระทั่งอีกฝ่ายหันหน้ากลับมา
หัวใจที่เคยเต็มไปด้วยความสงสัยก็เต้นระรัวด้วยคำพูดที่ไม่คาดคิดของจองกุก
“วันหลังอย่าให้ใครมารังแกนาย
นอกจากฉัน”
----------Law of the
Jungle----------
ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้พูดออกไปแบบนั้น
ตอนนี้จองกุกรู้สึกอยากจะเอาหัวตัวเองโขกกระจกรถหลายๆ ทีให้มีสติ ตั้งแต่ที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป
ถึงจะผ่านมาหลายชั่วโมงแล้ว แต่มันก็ยังติดอยู่ในหัวไม่หายไปไหน
“เป็นไรวะ” โฮซอกถามขึ้นด้วยความสงสัย หลังจากขอแลกที่นั่งกับคนในห้อง B ได้เขาก็ไม่รอช้าที่จะมาหาเพื่อนสนิททั้งสองคนทันที เขาเขยิบไปนั่งข้างๆ
จองกุก มองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “หรือว่ามึงเจ็บขา
ให้กูพาไปโรง’บาลพ่อกูมั้ย”
“ไม่เป็นไร” จองกุกตอบปัด เขาพิงหัวกับกระจกรถ มองวิวนอกหน้าต่างเพื่อดับความคิดฟุ้งซ่านในใจ
“มึงก็ห่วงมันจังเลยนะ
เอาแต่ถามตั้งแต่ขึ้นมาจนกูรำคาญแทนไอ้จองกุกแล้วเนี่ย”
โฮซอกชูหมัดใส่ทันทีที่ได้ยินเสียงจิกกัดจากคนผิวเข้มที่นั่งข้างๆ
ถ้าเขาเอาแต่ถามจองกุกตั้งแต่ขึ้นรถ แทฮยองก็คงไม่ต่าง เพราะเอาแต่กวนเขามาตลอดตั้งแต่ขึ้นรถ
ทั้งแย่งขนม ทั้งแย่งมือถือไปเล่นเกม แถมเอาเท้าก่ายแบบไม่เกรงใจ
พอเป็นห่วงเพื่อนก็มาขัดคอกันอีก
“แดกๆ ไปเหอะ
กวนตีนกูอยู่ได้ เดี๋ยวมึงจะได้กินตีนแทนขนม”
“โหดจังนะมึง
ทีกับจองกุกแม่งพูดดี กับกูนี่หยาบใส่ตลอด” น้ำเสียงน้อยใจที่ถูกส่งมาจากคนข้างตัวทำเอาเขาต้องเบะปาก
ทำตัวเป็นเด็กขาดความรักไปได้ น่ารักมากมั้งมึงอ่ะ
“จะทะเลาะอะไรกันนักหนาวะ”
ถึงปากจะพูดกับเพื่อนตัวเอง แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เบาะที่เยื้องกันออกไปไม่กี่แถว
จองกุกมองจีมินที่นั่งหลับตาพริ้ม
เอนหัวซบยุนกิอยู่ แก้มยุ้ยๆ ที่โผล่พ้นขอบเบาะทำให้เขาอยากจะเดินเข้าไปดึงมันแรงๆ
อยากจะแกล้งให้อีกฝ่ายร้องไห้ซะให้เข็ด เมื่อคิดได้ดังนั้นกลุ่มเส้นผมดำขลับก็ต้องส่ายไปมาอย่างรุนแรง
เมื่อรู้สึกตัวได้ว่าตัวเองกำลังคิดเรื่องอะไรแปลกๆ
คนตัวสูงเบนสายตาออกจากแก้มกลมกลับมายังกระจกรถอีกครั้ง จองกุกไม่รู้ว่าโฮซอกย้ายไปนั่งติดริมกระจกตอนไหน
และไม่รู้ว่าแทฮยองนอนหลับไปตอนไหน แต่ที่ใครเคยพูดเอาไว้ว่ากระจกมักสะท้อนความจริงนั้นอาจจะเป็นจริง
สิ่งที่จองกุกเห็นผ่านเงาสะท้อนของกระจกรถตอนนี้คือภาพที่โฮซอกทำเป็นมองดูวิวนอกรถแต่แท้จริงแล้วกำลังมองใบหน้าของแทฮยองที่นอนพิงไหล่ของตัวเองอยู่
นิ้วเรียวยกขึ้นเกลี่ยที่กระจกแผ่วเบา เหมือนกับกำลังลูบไล้หน้าผากของแทฮยอง
รอยยิ้มถูกส่งออกมาโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัว และจองกุกเองก็ไม่ได้เอ่ยทักอะไรออกไป
เขาหลับตาลงเพื่อที่จะไม่ต้องเห็นภาพเหล่านั้น
ภาพของความรู้สึกที่โฮซอกคอยปกปิดมันเอาไว้ตลอด...
----------Law of the
Jungle----------
หลังจากส่งนักเรียนทุกคนที่หน้าประตูเสร็จแล้ว
ก็ได้เวลาที่เขาควรกลับบ้านเสียที ซอกจินยืนบิดขี้เกียจเล็กน้อย ความเมื่อยล้าจากการเดินทางทำให้เขาอยากจะกลับบ้านแล้วอาบน้ำพักผ่อนไวๆ
เฮือก!
ซอกจินสะดุ้งโหยงเมื่ออยู่ๆ
ก็มีมือปริศนามาแตะเข้าที่ไหล่ แต่พอหันหน้ากลับไปมองแก้มนิ่มก็ชนเข้ากับนิ้วมือของใครบางคน
“ยินดีต้อนรับกลับนะครับอาจารย์” รอยยิ้มสวย
พร้อมถ้อยคำต้อนรับอันอบอุ่นทำเอาหัวใจของคนเป็นอาจารย์เกือบเต้นผิดจังหวะ
นัมจุนดึงมือของตัวเองกลับไปแล้ว แต่ซอกจินก็ยังรู้สึกร้อนที่แก้มไม่หาย
“ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอไง” ซอกจินถาม มองนาฬิกาพบว่าเป็นเวลาหกโมงเย็นแล้ว
และแน่นอนว่ามันเลยเวลาเลิกเรียนมานานแล้วด้วย
“ผมอยู่รออาจารย์นั่นแหละ”
“จะรอทำไม
กลับบ้านได้แล้วไป” โบกมือไล่คนตัวสูงกว่าที่ทำตัวเหมือนเด็กงอแง
ร่างโปร่งเดินไปหยิบกระเป๋าของตนมาถือ
หากแต่ก็โดนคนที่วิ่งตามมาแย่งไปอย่างง่ายดาย พอจะหันไปต่อว่าก็โดนเล่นงานด้วยรอยยิ้มพิมพ์ที่ทำให้ใจเต้นอีกรอบ
เขาจึงหาเรื่องอื่นขึ้นมาคุยเพื่อที่จะลดอาการใจเต้นของตน
“เออใช่
ตอนไปทัศนศึกษาน่ะ อาจารย์ซองดึกบอกว่าให้ระวังจองกุก แทฮยอง แล้วก็โฮซอกด้วยล่ะ
นายรู้มั้ยว่าเพราะอะไร”
“เจ้าพวกนั้นมันเป็นเด็กแสบ
อาจารย์เพิ่งจะย้ายมาคงจะไม่รู้สินะครับ ว่าแต่อาจารย์ซองดึกไม่ได้บอกเหรอครับ
ว่าต้องระวังผมด้วยน่ะ”
“หือ? เธอว่าอะไรนะ อาจารย์ไม่ค่อยได้ยินเลย”
ซอกจินหันไปถามเด็กหนุ่มที่เดินตามหลัง
เพราะลมที่พัดมาพอดีเขาจึงได้ยินประโยคสุดท้ายที่นัมจุนพูดไม่ชัดนัก
“ไม่มีอะไรครับ
แค่จะบอกว่าไม่ได้เจอตั้งหลายวัน คิดถึงซอกจินจัง”
“ย่าห์!
บอกแล้วใช่มั้ยว่าให้เรียกว่าอาจะ—!...” อยู่ๆ เสียงก็หายไปจากลำคอเอาซะดื้อๆ
เมื่อใบหน้าของคนที่เด็กกว่าอยู่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบ
นัมจุนมองคนที่แก้มขึ้นสีด้วยรอยยิ้มขำ
เขาเลื่อนใบหน้าของตนเข้าหาซอกจินช้าๆ จนกระทั่งริมฝีปากของทั้งคู่สัมผัสกัน
พลั่ก!
มือเรียวผลักอกของคนตรงหน้าออก
ใบหน้าหวานแดงก่ำ เป็นช่วงเวลาที่เกิดขึ้นเพียงแค่ไม่กี่วินาที แต่ร่างโปร่งรู้สึกเหมือนกำลังจะระเบิด
เขาคว้ากระเป๋าของตัวเองมาก่อนจะวิ่งหนีเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว
คนที่บุกจู่โจมอาจารย์ห้องพยาบาลยืนยิ้มด้วยความชอบใจ
เขาแลบลิ้นเลียริมฝีปากตนช้าๆ ความนุ่มนิ่มยังคงติดอยู่ให้ได้รู้สึก
ยิ่งได้เห็นใบหน้าที่แดงเหมือนเด็กสาวที่สูญเสียจูบแรกก็ยิ่งชอบ
คิดถูกจริงๆ ที่เลือกให้คิมซอกจินเป็นเหยื่ออันดับหนึ่งของเขา
-------------------------------------------------------------
KataeBum TALK
จองกุกไม่ใช่เด็กร้ายกาจอะไรขนาดนั้นค่ะ
ผู้ร้ายตัวจริงยังไม่ออก (หัวเราะ)
ตัวละครทุกตัวมีเหตุผลในการกระทำของตัวเองเสมอนะคะ
สำหรับบางคนที่อยากพูดคุย ทักมาได้เลยน้า
@KataeBum13
แต่อย่ามาทวงเราเลย เดี๋ยวเราจิตตก 5555555555555
ขอบคุณคนอ่านที่ถึงจะดองบ้าง
ช้าบ้างแต่ก็ยังไม่จากกันไปไหน รักค่ะ (เขิน)
#ฟิคป่า
ความคิดเห็น