คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 6 l ทัศนศึกษา (รีไรท์)
CHAPTER 6
It’s sad when you feel alone in a
room full of people.
“ทุกคนเข้าแถวเร็ว จะได้เวลาเช็คชื่อแล้ว!” เสียงหัวหน้าห้อง 2-A ตะโกนบอกเพื่อนร่วมชั้นที่เอาแต่วิ่งเล่นไปมาให้เข้าประจำที่
วันนี้เป็นวันที่นักเรียนชั้นปีที่
2 ของม.ปลายทงอันจะไปทัศนศึกษาที่เกาะเชจู ทำให้เด็กๆ ต้องมารวมตัวกันที่สนามเพื่อเตรียมเช็คชื่อขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่
จีมินเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน เขายืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง
เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ลืมของอะไรแล้วจึงกระชับกระเป๋าเป้ที่ไหล่
ก่อนจะเดินไปยังรถเพื่อต่อแถวเช็คชื่อ
“พัคจีมินครับ”
อาจารย์ผู้รับหน้าที่เช็คชื่อพยักหน้ารับรู้
เมื่อเห็นดังนั้นจีมินจึงโค้งหัวเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นรถ ร่างเล็กพยายามสอดส่ายสายตาหาที่นั่งว่าง
แต่ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็เหมือนไม่มีใครต้อนรับเขาสักคน
เพื่อนร่วมชั้นต่างพากันปฏิเสธ ซ้ำร้ายยังไล่ให้เขาไปหาที่นั่งอื่นแทน
เป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนเพื่อนคนอื่นๆ พากันขึ้นมานั่งเกือบเต็มคันรถ
จีมินทำหน้าเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ
พลันได้ยินเสียงหัวเราะของจองกุกแว่วมาก็รู้ได้ทันทีว่าที่เป็นแบบนี้คงไม่พ้นฝีมือของอีกฝ่ายแน่ๆ
“พัคจีมิน
รถจะออกแล้ว ทำไมยังไม่หาที่นั่งอีก”
เสียงอาจารย์ที่ตะโกนจากหน้ารถทำให้จีมินยิ่งคิดหนัก
คนตัวเล็กไม่รู้จะทำยังไง ไอ้จะให้นั่งกับพื้นเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาหรอก
แต่พออาจารย์ถามแล้วจะให้ตอบว่า ‘เพื่อนไม่ให้ผมนั่งด้วยครับ’ ดูจะเป็นปัญหายิ่งกว่า
ไม่รอให้อาจารย์ได้เรียกชื่อเป็นครั้งที่สอง
จีมินตัดสินใจเดินไปที่หน้ารถ จังหวะนั้นเองเขาก็หันไปเห็นเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง
ที่ข้างๆ กันนั้นเป็นยุนกิ ซึ่งเขาเดินผ่านไปในทีแรกเพราะไม่กล้าทัก ไม่คิดว่ามันจะยังว่างอยู่จนถึงตอนนี้
จีมินยืนอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าแล้วยื่นนิ้วไปสะกิดคนที่ใส่หูฟัง
หลับตาพริ้มอยู่ “ยุนกิ...”
ไม่มีเสียงตอบรับ
มีเพียงดวงตาเรียวที่มองกลับมาราวกับจะถามว่า ‘มีอะไร’ เพียงแค่นั้นก็ทำให้จีมินต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก
“เอ่อ...
ตรงนี้มีคนนั่งรึเปล่า” ถามไปอย่างไม่มันใจนัก “…ถ้าไม่มีใครนั่ง ฉันขอนั่งได้มั้ย”
ยุนกิไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย
ทำเพียงมองไปทางด้านนอกรถ เมื่อเห็นดังนั้นจีมินจึงคิดเองเออเองว่าอีกฝ่ายอนุญาต
หย่อนก้นนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย พร้อมหันไปพูดขอบคุณเสียงเบา
ตลอดเวลาชั่วโมงเศษที่นั่งอยู่ข้างกัน
ยุนกิเอาแต่หลับตลอดทาง มีบ้างที่บางครั้งหัวทุยนั้นจะเอียงมาพิงเข้ากับไหล่เล็ก
จีมินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร
ซ้ำยังปล่อยให้คนที่นอนหลับสบายได้ใช้ไหล่ของตนเป็นหมอนอยู่อย่างนั้น
จนกระทั่งมาถึงท่าเรือ คนตัวเล็กจึงใช้นิ้วสะกิดคนที่นอนอยู่ให้รู้สึกตัว
“ถึงแล้วนะยุนกิ”
“อือ...” คนที่อยู่ในห้วงนิทราส่งเสียงตอบรับงึมงำอยู่ในลำคอ ท่าทางที่เหมือนเด็กยังไม่ตื่นดีทำเอาจีมินเผลอหลุดขำ
“นี่ ยุนกิ
คนอื่นเขาลงจากรถกันแล้วนะ” สิ้นเสียงเรียกครั้งที่สอง
คนตัวขาวเด้งตัวเองขึ้นมาจากไหล่ของจีมิน
ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน มองจีมินที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยสายตาไม่พอใจ
“คือฉัน...เห็นว่ามันถึงแล้วก็เลยปลุก
ถ้าทำให้นายไม่พอใจก็ขอโทษด้วยนะ”
“วันหลังไม่ต้องยุ่ง” จะเรียกว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่ได้เคยคุยกันเลยก็ว่าได้
จีมินส่งยิ้มฝืดให้ยุนกิ ก่อนจะลุกขึ้นยืน หลบทางให้อีกฝ่ายได้ลุกออกจากที่เพื่อลงจากรถ
บนรถที่ว่างเปล่า
จีมินคิดว่าคงเหลือเพียงเขาเพียงคนเดียว แต่เมื่อกำลังจะก้าวขาเดิน
กลับมือมีมาแตะที่ไหล่ให้ได้สะดุ้ง พอหันไปมองก็เห็นจองกุกที่ยืนอยู่
สัญชาตญาณบอกกับเขาให้หันหลังกลับแล้วรีบลงจากรถ แต่เสียงของจองกุกที่ดังไล่หลังมาทำให้ขาเล็กต้องหยุดชะงัก
เป็นโอกาสให้จองกุกได้เดินเข้ามาใกล้
“ทัศนศึกษาครั้งนี้...”
จองกุกยื่นหน้าของตนเข้าไปใกล้กับจีมินมากขึ้น
ปากหนากระซิบเสียงเบาอยู่ข้างหู “… ขอให้สนุกนะ”
เมื่อทุกอย่างพร้อมเรือสำราญลำใหญ่ก็เริ่มออกเดินทาง
เข็มนาฬิกาบนเรือชี้ว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง
บ่งบอกว่าอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเดินทางถึงเกาะ อาจารย์จึงประกาศให้นักเรียนนำสัมภาระไปเก็บที่ห้องและมีเวลาอิสระ
3 ชั่วโมง
จากนั้นจึงค่อยมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยและทำกิจกรรมกันอีกครั้ง
สิ้นเสียงประกาศ เด็กนักเรียนพากันแบกสัมภาระของตนไปยังห้องพักตามรายชื่อที่ได้ประกาศไว้ในตอนแรก
เด็กนักเรียนคนอื่นพากันเข้าห้องของตัวเองด้วยความตื่นเต้น
ต่างกับจีมินที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
คิดไม่ตกว่าเขาควรรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี ไม่รู้จะเรียกว่าพรหมลิขิตหรือว่าโชคร้ายกันแน่ที่ห้องพักของจีมินมีทั้งแทฮยองและจองกุกอยู่ด้วยกัน
“จะยืนอยู่แบบนี้อีกนานมั้ย
เกะกะ” เสียงดังมาจากทางด้านหลังของจีมินพร้อมแรงที่ผลักให้คนตัวเล็กพ้นทาง
เมื่อตั้งตัวได้จีมินก็รีบถอยหลบให้ผู้มาใหม่ได้เปิดประตูเข้าห้อง
จากนั้นตนเองจึงเดินตามหลังเข้าไป
ภายในห้องพักสำหรับผู้โดยสารขนาดเล็กประกอบไปด้วยเตียงสองชั้นสองเตียง
กับพื้นที่อีกเล็กน้อยสำหรับวางกระเป๋า จองกุกเลือกเตียงนอนฝั่งซ้ายมือ
ส่วนแทฮยองนั้นเลือกเตียงนอนชั้นสอง มองไปที่เตียงฝั่งขวาชั้นล่างก็เห็นกระเป๋าของผู้ร่วมห้องอีกหนึ่งคนวางอยู่
จีมินจึงต้องนอนที่เตียงชั้นบนอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
หลังจากเก็บของเสร็จ
ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดของอาจารย์ ในตอนแรกจีมินว่าจะอยู่ในห้อง
นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียว
แต่แผนของเขาก็ต้องพังลงเมื่อเห็นสายตาของจองกุกที่จ้องมาอย่างไม่วางตาตั้งแต่ตอนเอากระเป๋าเข้ามาวาง
ด้วยความที่ไม่ไว้ใจ คนตัวเล็กจึงเลือกที่จะออกมาเดินสำรวจรอบๆ เรือแทน
ผืนน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มสลับคราม
ประกอบกับสายลมเย็นๆ ที่พัดอยู่ตลอดเวลาเรียกรอยยิ้มจากคนตัวเล็กได้มากโข
จีมินไม่ได้มาทะเลหลายปีแล้ว ครั้งล่าสุดคือตอนที่ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว
เมื่อคิดถึงความทรงจำในวันนั้น จากที่เคยยิ้มอย่างสดใสก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้า
จีมินหลับตาลงเพื่อซึมซับกลิ่นอายของทะเล ให้ทะเลช่วยชำระล้างความเศร้าในใจของเขา
ในขณะที่กำลังสูดกลิ่นอายของทะเลเข้าปอด
จีมินก็สังเกตเห็นเพื่อนร่วมห้องพักอีกคนนั่งฟังเพลงอยู่เพียงลำพังที่มุมหนึ่งของเรือ
เขารีบเดินเข้าไปทักทายอีกฝ่ายทันที ราวกับลืมที่เคยถูกว่าเมื่อตอนอยู่บนรถไปซะสนิท
“ยุนกิ” เอ่ยเรียกคนที่เหม่อมองท้องฟ้าอย่างใจลอย แต่ที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงันเช่นเคย
“นายคงไม่ได้ยินล่ะมั้ง ถ้างั้นขอฉันนั่งด้วยคนนะ”
จีมินลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน
“อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ?” รู้ว่าคงจะไม่ได้ยินคำตอบรับกลับมา แต่ก็ยังคงพูดต่อไป “ฉันเห็นนายอยู่คนเดียวตลอดเลย ไม่เหงาบ้างเหรอ เก่งจัง
ฉันเองก็อยากทำให้ได้แบบนายบ้าง”
มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเป็นระยะที่ทำให้บรรยากาศตรงนี้ไม่เงียบเหงาเกินไป
จีมินก้มหน้าลง ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยโดยไม่รู้ว่ามีสายตาของยุนกิที่แอบมองอยู่
“ฉันเองก็เหงานะ
ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ยังหาเพื่อนไม่ได้สักคนเลย ฉันเองก็อยากมีเพื่อนบ้าง
ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่มีใครคุยกับฉันสักคน...” เสียงที่เคยพูดอย่างเจื้อยแจ้วในตอนแรกเริ่มแผ่วเบา
จีมินเม้มริมฝีปากของตัวเองเมื่อคิดว่าควรจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปดีหรือไม่
“ถ้านายไม่ว่าอะไร...”
“…”
“เรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย?”
“นายบ้าหรือเปล่า”
“ฮะ น—นายได้ยินด้วยเหรอ” คนตัวเล็กทำหน้าตาเหรอหรา หันไปมองก็เห็นยุนกิส่งสายตาติดจะรำคาญมาให้
ยุนกิหยิบหูฟังออกมาจากเสื้อแจ๊คเก็ตแล้วชูให้อีกฝ่ายดู
ที่ปลายสายของหูฟังนั้นไม่ได้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่นเพลงใดๆ
“พูดมาก น่ารำคาญ”
เป็นครั้งที่สองของวันที่ถูกยุนกิว่าเอา
แต่จีมินก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เขามองตามคนที่ลุกออกไปด้วยความอาย
ใครจะไปคิดว่ายุนกิแค่ใส่หูฟังเฉยๆ ไม่ได้ฟังเพลงอย่างที่เขาเข้าใจในทีแรก
เขาเลยพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปแบบนั้น แต่ถึงแม้จะรู้สึกอาย ขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกโล่งใจที่ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปให้อีกคนได้รู้ว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับยุนกิจริงๆ
----------Law of the Jungle----------
“เบื่อว่ะ” แทฮยองบ่น ตอนนี้เขากำลังนอนเปื่อยเป็นตัวสล็อตอยู่เตียงฝั่งตรงข้ามจองกุก
ขายาวๆ พาดไว้กับช่องว่างของขั้นบันไดของเตียงสองชั้น แทฮยองหน้าบึ้ง การเดินทางไปเกาะเชจูใช้เวลานานเกินไป
ต้องมาติดแหง็กอยู่บนเรือตั้ง 13 ชั่วโมงแบบนี้เขาไม่ชอบเอาซะเลย
ทำไมถึงไม่ขึ้นเครื่องบินให้จบๆ ไปนะ
คนผิวสีน้ำผึ้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมา
ก่อนจะหันไปมองเพื่อนของตนที่เล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย
ได้ยินเสียงสบถมาเป็นระยะแล้วก็ไม่กล้าจะเรียกสักเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวจะเป็นการกวนสมาธิเพื่อน
จึงพูดลอยๆ ออกมาแทน ได้ยินไม่ได้ยินก็เรื่องของมันแล้วล่ะ
“เฮ้ย
กูออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ มี’ไรโทรมาแล้วกัน” เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะเดินออกนอกห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ
แทฮยองหันซ้ายหันขวา
เขาตัดสินใจเดินหาโฮซอกที่ตั้งแต่ขึ้นเรือมาก็ไม่ได้เจอกันเพราะอยู่คนละห้อง
ส่งข้อความก็แล้ว โทรศัพท์หาก็แล้ว แต่ไม่ได้รับสัญญาณตอบรับสักอย่าง
จะไปหาที่ห้องก็ไม่รู้ว่าห้องไหน เดินหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอ เด็กหนุ่มถอนหายใจ
หันหลังกลับเพื่อจะเดินไปยังห้องเล่นเกม
แต่สายตาก็ไปสะดุดกับแผ่นหลังดูท่าทางอมทุกข์ของคนหนึ่งเข้า
รอยยิ้มร้ายจุดขึ้นที่มุมปาก
เป้าหมายในคราวแรกเปลี่ยนไปทันที แทฮยองเดินตามแผ่นหลังนั้นไปเงียบๆ
จนกระทั่งสองขาของตัวเองขึ้นมาหยุดอยู่บนดาดฟ้าของเรือ แทฮยองเดินไปรอบๆ จนเจอคนที่ตามหาในที่สุด
“ไงไอ้ซีด มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะ
ไม่มีเพื่อนคบเหรอ”
“หนีอีกคน
แต่ดันมาเจออีกคน ขอฉันอยู่แบบสงบๆไม่ได้หรือไง”
คำพูดที่ได้ฟังทำเอาแทฮยองเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ
“หนีใครมา”
ยุนกิไม่ตอบ
ใบหน้าของคนที่มาขอเป็นเพื่อนลอยขึ้นมาในสมอง คนตัวขาวทำเพียงเสตามองไปทางอื่น
หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ เปิดเพลงเสียงดังจนมันดังทะลุออกมา
ทำเอาอีกคนที่ยืนอยู่รู้สึกหงุดหงิดที่โดนเมินเข้าอย่างจัง
“ฉันถามไม่ได้ยินรึไง” มือหนากระชากหูฟังอย่างแรงจนยุนกินิ่วหน้า
“เอาคืนมา” เอื้อมมือของตนไปหวังจะหยิบคืน
แต่อีกฝ่ายกลับเอามันซุกเข้ากระเป๋าเสื้อของตัวเองแทน
“มาเล่นเกมกันก่อน” เคยมีใครสักคนบอกเอาไว้ว่า คนที่เพื่อนกันนั้นมักจะมีนิสัยคล้ายกัน
และจองกุกกับแทฮยองก็นิสัยไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ คนตัวสูงส่งยิ้มท้าทายยุนกิที่กำลังกัดปากของตนอย่างชั่งใจ
“ไม่เล่น เอาคืนมา”
“ก็บอกแล้วไง
มาเล่นเกมกันก่อน เกมง่ายๆ...” สายตาเบนไปยังท้องทะเลกว้าง
ก่อนจะกลับมามองที่ยุนกิอีกครั้ง “นายกล้ากระโดดลงไปรึเปล่า”
“ไร้สาระ” ขาเรียวก้าวเข้าหาแทฮยองหวังจะแย่งหูฟังคืนมา
แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบทัน
“ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทะเลมันลึกขนาดไหน
นายว่าถ้านายตกลงไป พวกอาจารย์จะหานายเจอรึเปล่า?”
“เอาคืนมานะ!” ตะโกนเสียงดัง ใบหน้าแดงจัดด้วยความโมโห ท่าทางที่ต่างไปจากเคยของยุนกิทำให้แทฮยองตื่นเต้น
ยิ่งยุนกิแสดงอารมณ์โกรธออกมาเขาก็ยิ่งสนุก คนตัวสูงเดินไปชิดกับขอบเหล็ก
ก่อนจะหยิบหูฟังออกมาแล้วยื่นไปนอกตัวเรือ
“ถ้าอยากได้มันมากขนาดนั้นล่ะก็ลงไปงมหาเองในทะเลก็แล้วกัน” มือหนาปล่อยหูฟังสีขาวในมือร่วงลงสู่ท้องทะเลด้วยความรวดเร็ว
และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น
ตู้ม!! ซ่า!!~
เสียงของหนักตกลงกระทบผืนน้ำ
เรียกให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกหันมองเป็นจุดเดียว
เด็กนักเรียนที่อยู่บริเวณด้านนอกพากันวิ่งมาเกาะขอบเรือเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น
เสียงโวยวายดังไปทั่วว่ามีนักเรียนพลัดตกน้ำ ในขณะที่แทฮยองกำลังยืนมองคนที่ตกลงไปในทะเลด้วยความตกใจ
“แม่งเอ๊ย!”
ตู้ม!! ซ่า!!~
ผืนน้ำกระจายเป็นวงกว้างอีกครั้ง
แทฮยองพยายามดำน้ำหาคนที่จมหายในทะเลด้วยความหงุดหงิดใจ
ใครจะไปคิดว่าไอ้ซีดมันจะบ้าบิ่นขนาดกระโดดตามหูฟังลงไปในทะเล เขาก็แค่แหย่เล่นสนุกๆ
เท่านั้น ทำไมอีกฝ่ายจะต้องจะเป็นจะตายกับหูฟังแค่อันเดียว
เสียงเจ้าหน้าที่และอาจารย์ดังอยู่เหนือหัว
บอกให้แทฮยองรับห่วงยางเอาไว้แล้วอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะจัดการต่อเอง
แต่ใจที่ร้อนรนของแทฮยองคงจะทำแบบนั้นไม่ได้
เขาเก็บอากาศเข้าจนเต็มปอดแล้วดำลงหาคนตัวขาวอีกครั้ง
จนกระทั่งพบกับร่างที่ดูบอบบางลอยนิ่งอยู่ ไม่รอช้า แทฮยองรีบว่ายไปดึงมือของยุนกิให้โผล่พ้นน้ำ
แทฮยองมองใบหน้าที่ซีดเซียวของคนในอ้อมแขนของตนแล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด
เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอใครโง่ขนาดนี้มาก่อน เป็นของเล่นที่น่าเบื่อสุดๆ
----------Law of the Jungle----------
“เอาล่ะ จะบอกอาจารย์ได้รึยังว่าทำไมเพื่อนถึงตกน้ำ”
อาจารย์ประจำห้องพยาบาลเอ่ยถามนักเรียนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ภายในห้องพักของตัวเอง
โดยที่เตียงอีกฝั่งมีร่างของยุนกินอนนิ่งอยู่
“ก็แค่เล่นกันเฉยๆ”
“เล่นกันเฉยๆ แล้วเพื่อนเธอจะตกลงไปได้ยังไง
ที่กั้นก็สูงขนาดนั้น พวกเธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะจะได้มุดรูแล้วตกลงไปน่ะ” ซอกจินดุ เขามองแทฮยองที่ดูเหมือนจะไม่สำนึกผิดที่ทำให้เกิดเรื่องแล้วก็โมโห
“วิ่งไล่จับไง’จารย์ แบบมันสะดุดเลยล้ม แล้วก็หล่นลงไป” โกหกออกมาคำโต
“งั้นเดี๋ยวอาจารย์ไปถามพวกเพื่อนๆ
ที่เห็นเหตุการณ์เอาก็ได้ ถ้าสาเหตุจริงๆ ไม่ใช่แค่การเล่นกันล่ะก็
เธอโดนพักการเรียนแน่” ซอกจินบอกอย่างคาดโทษก่อนจะเดินออกจากห้องไป
แทฮยองเมินเฉยกับคำขู่นั้น
เขาไม่สนใจมันหรอก เพราะเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น
ในเมื่อทุกคนต่างรู้ดีว่าแทฮยองเป็นคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น
เด็กหนุ่มล้มตัวลงนอนบนที่นอนของจองกุกด้วยความเบื่อหน่าย
เขาถูกกักบริเวณไม่ให้ออกจากห้องนี้จนกว่าจะถึงเกาะเชจู ยกเว้นแค่ตอนออกไปกินข้าว
นอกนั้นก็ทำได้เพียงนอนเล่นอยู่ภายในห้องนี้เท่านั้น แทฮยองหันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่หัวคิ้วก็ขมวดชนกันกันอีกครั้ง
เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนอยู่ นั่งยองๆ ลงมองใบหน้าขาวใกล้ๆ
“ตัวซีดชะมัด
ผอมแห้งขนาดนี้กินข้าวบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ ตัวก็บางอย่างกับผู้หญิง” พูดไปก็ยกแขนของอีกฝ่ายขึ้นลงราวกับกำลังวัดน้ำหนัก
แกร่ก...
เสียงหูฟังสองข้างกระทบกันไปมาดังขึ้นเบาๆ
เมื่อมันลอยอยู่ในอากาศ แทฮยองแกว่งมันไปมาอย่างนึกสงสัย
ที่เขาถืออยู่มันก็แค่หูฟังธรรมดาๆ ไม่ใช่ยี่ห้อแพง หรือหรูหราอะไร
ไม่รู้เจ้านี่จะหวงอะไรนักหนา ของแบบนี้ถึงหายไปก็ซื้อได้ใหม่หลายสิบอันซะด้วยซ้ำ เพราะอะไรถึงทำให้เจ้านี่ถึงยอมกระโดดน้ำตาม
แถมตอนเขาพาขึ้นมาบนเรือมือของคนตัวขาวก็ยังกำมันแน่นไม่ยอมปล่อย
เขาวางหูฟังไว้ข้างหมอนของยุนกิ
นั่งมองหน้าคนหลับอยู่แบบนั้น จนกระทั่งยุนกิทำท่าทางเหมือนรู้สึกตัวถึงได้สะดุ้งแล้วรีบกลับไปที่เตียงของตน
ทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคนที่นอนอยู่ทำเพียงแค่ขยับตัวเท่านั้น
ครืด~
“ไง
นั่งเป็นหมาสิ้นฤทธิ์เลยนะมึง” เพื่อนสนิทที่ปรากฏตัวตรงประตูทำให้แทฮยองยิ้มกว้าง
เขายกมือทักทายอีกฝ่ายแล้วตบปุๆ ลงที่พื้นที่ข้างตัว
เป็นสัญญาณให้เพื่อนเข้ามานั่ง
“ไม่ไปทำกิจกรรมรึไง
มาทำอะไรที่นี่” แทฮยองถาม
ดูจากเวลาแล้วก็ได้เวลาที่ต้องทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียนคนอื่นพอดี
“ไม่เอาอะ
แม่งน่าเบื่อจะตาย มานั่งดูหมาแบบมึงยังสนุกกว่าตั้งเยอะ”
“คำก็หมา สองคำก็หมา
ถ้ากูเป็นหมา แล้วมึงล่ะเป็นอะไร ไอ้ม้า”
“เลือกประเภทมาให้ขนาดนี้แล้วยังจะมาถามอีกนะมึงนี่” พูดจบกล้มตัวลงนอน เอาเท้าเขี่ยเพื่อนให้พ้นทาง
“แน่ใจว่ามาหากู
เอาเท้าเขี่ยซะขนาดนี้ ห้องตัวเองมีทำไมไม่ไปนอนวะ” แทฮยองบ่นอุบ
เขาลุกขึ้นก่อนจะปีนขึ้นไปยังเตียงชั้นสองแล้วล้มตัวลงนอนบ้าง
ภายในห้องเล็กๆ ที่เข้าสู่ความเงียบงัน
มีหัวใจสามดวงที่กำลังเต้นในจังหวะที่ต่างกัน
แต่เจ้าของของมันกลับยังไม่รู้ตัว
----------------------------------------------------------------
KATAEBUM Talk
ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ...
ที่เหลือจะมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ ;____;
KataeBum Talk 2
ครบ 100 แล้ววววววว
ขอโทษที่ให้ต้องรอนานค่ะ
ตอนนี้แต่งยากมากเลย
อาจเป็นเพราะร้างมาหลายเดือน หัวเลยไม่แล่น บอกตรงๆแม้แต่ตัวเองยังเกือบลืมพล็อต
5555555555555 พยายามแต่งหาความสมเหตุสมผลสุดชีวิต จริงๆจะให้จบภายใน 12 ตอนแท้ๆ
ดูท่าจะยากแล้วล่ะ ;________; ขอให้อ่านกันอย่างสนุกสนานนะคะ
ติชมได้เสมอน้า
เป็นคนไม่ชอบทวงเม้นต์
แต่บางทีก็อยากได้ฟีดแบ็คเหมือนกัน
เพราะจะได้รู้ว่าเราต้องแก้ไขตรงไหน
หรือคงอะไรไว้บ้าง
แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ #ฟิคป่า
ความคิดเห็น