ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic BTS] Law of The Jungle (kookmin, namjin)

    ลำดับตอนที่ #8 : CHAPTER 6 l ทัศนศึกษา (รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 60






    CHAPTER 6

    It’s sad when you feel alone in a room full of people.

     

     

     

     

                “ทุกคนเข้าแถวเร็ว จะได้เวลาเช็คชื่อแล้ว! เสียงหัวหน้าห้อง 2-A ตะโกนบอกเพื่อนร่วมชั้นที่เอาแต่วิ่งเล่นไปมาให้เข้าประจำที่

                วันนี้เป็นวันที่นักเรียนชั้นปีที่ 2 ของม.ปลายทงอันจะไปทัศนศึกษาที่เกาะเชจู ทำให้เด็กๆ ต้องมารวมตัวกันที่สนามเพื่อเตรียมเช็คชื่อขึ้นรถบัสที่จอดรออยู่ จีมินเองก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นเดียวกัน เขายืนสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองอีกครั้ง เมื่อแน่ใจว่าไม่ได้ลืมของอะไรแล้วจึงกระชับกระเป๋าเป้ที่ไหล่ ก่อนจะเดินไปยังรถเพื่อต่อแถวเช็คชื่อ

     

                พัคจีมินครับ

     

                อาจารย์ผู้รับหน้าที่เช็คชื่อพยักหน้ารับรู้ เมื่อเห็นดังนั้นจีมินจึงโค้งหัวเล็กน้อยแล้วเดินขึ้นรถ ร่างเล็กพยายามสอดส่ายสายตาหาที่นั่งว่าง แต่ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็เหมือนไม่มีใครต้อนรับเขาสักคน เพื่อนร่วมชั้นต่างพากันปฏิเสธ ซ้ำร้ายยังไล่ให้เขาไปหาที่นั่งอื่นแทน เป็นแบบนั้นอยู่หลายครั้งจนเพื่อนคนอื่นๆ พากันขึ้นมานั่งเกือบเต็มคันรถ จีมินทำหน้าเลิกลั่ก ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อ พลันได้ยินเสียงหัวเราะของจองกุกแว่วมาก็รู้ได้ทันทีว่าที่เป็นแบบนี้คงไม่พ้นฝีมือของอีกฝ่ายแน่ๆ

     

                พัคจีมิน รถจะออกแล้ว ทำไมยังไม่หาที่นั่งอีก

     

                เสียงอาจารย์ที่ตะโกนจากหน้ารถทำให้จีมินยิ่งคิดหนัก คนตัวเล็กไม่รู้จะทำยังไง ไอ้จะให้นั่งกับพื้นเขาก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นปัญหาหรอก แต่พออาจารย์ถามแล้วจะให้ตอบว่า เพื่อนไม่ให้ผมนั่งด้วยครับดูจะเป็นปัญหายิ่งกว่า

                ไม่รอให้อาจารย์ได้เรียกชื่อเป็นครั้งที่สอง จีมินตัดสินใจเดินไปที่หน้ารถ จังหวะนั้นเองเขาก็หันไปเห็นเก้าอี้ว่างตัวหนึ่ง ที่ข้างๆ กันนั้นเป็นยุนกิ ซึ่งเขาเดินผ่านไปในทีแรกเพราะไม่กล้าทัก ไม่คิดว่ามันจะยังว่างอยู่จนถึงตอนนี้

     

                จีมินยืนอ้ำอึ้งอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจรวบรวมความกล้าแล้วยื่นนิ้วไปสะกิดคนที่ใส่หูฟัง หลับตาพริ้มอยู่ ยุนกิ...

     

                ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงดวงตาเรียวที่มองกลับมาราวกับจะถามว่า มีอะไรเพียงแค่นั้นก็ทำให้จีมินต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

     

                เอ่อ... ตรงนี้มีคนนั่งรึเปล่า ถามไปอย่างไม่มันใจนัก “…ถ้าไม่มีใครนั่ง ฉันขอนั่งได้มั้ย

     

                ยุนกิไม่ตอบอะไรอีกเช่นเคย ทำเพียงมองไปทางด้านนอกรถ เมื่อเห็นดังนั้นจีมินจึงคิดเองเออเองว่าอีกฝ่ายอนุญาต หย่อนก้นนั่งลงเป็นที่เรียบร้อย พร้อมหันไปพูดขอบคุณเสียงเบา

     

                ตลอดเวลาชั่วโมงเศษที่นั่งอยู่ข้างกัน ยุนกิเอาแต่หลับตลอดทาง มีบ้างที่บางครั้งหัวทุยนั้นจะเอียงมาพิงเข้ากับไหล่เล็ก จีมินที่เห็นแบบนั้นก็ไม่ได้ว่าอะไร ซ้ำยังปล่อยให้คนที่นอนหลับสบายได้ใช้ไหล่ของตนเป็นหมอนอยู่อย่างนั้น จนกระทั่งมาถึงท่าเรือ คนตัวเล็กจึงใช้นิ้วสะกิดคนที่นอนอยู่ให้รู้สึกตัว

     

                ถึงแล้วนะยุนกิ

     

                อือ...คนที่อยู่ในห้วงนิทราส่งเสียงตอบรับงึมงำอยู่ในลำคอ ท่าทางที่เหมือนเด็กยังไม่ตื่นดีทำเอาจีมินเผลอหลุดขำ

     

                นี่ ยุนกิ คนอื่นเขาลงจากรถกันแล้วนะ สิ้นเสียงเรียกครั้งที่สอง คนตัวขาวเด้งตัวเองขึ้นมาจากไหล่ของจีมิน  ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากัน มองจีมินที่ส่งยิ้มมาให้ด้วยสายตาไม่พอใจ

     

                คือฉัน...เห็นว่ามันถึงแล้วก็เลยปลุก ถ้าทำให้นายไม่พอใจก็ขอโทษด้วยนะ

     

                วันหลังไม่ต้องยุ่ง จะเรียกว่าเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่ที่ได้เคยคุยกันเลยก็ว่าได้ จีมินส่งยิ้มฝืดให้ยุนกิ ก่อนจะลุกขึ้นยืน หลบทางให้อีกฝ่ายได้ลุกออกจากที่เพื่อลงจากรถ

     

                บนรถที่ว่างเปล่า จีมินคิดว่าคงเหลือเพียงเขาเพียงคนเดียว แต่เมื่อกำลังจะก้าวขาเดิน กลับมือมีมาแตะที่ไหล่ให้ได้สะดุ้ง พอหันไปมองก็เห็นจองกุกที่ยืนอยู่ สัญชาตญาณบอกกับเขาให้หันหลังกลับแล้วรีบลงจากรถ แต่เสียงของจองกุกที่ดังไล่หลังมาทำให้ขาเล็กต้องหยุดชะงัก เป็นโอกาสให้จองกุกได้เดินเข้ามาใกล้

     

                ทัศนศึกษาครั้งนี้...จองกุกยื่นหน้าของตนเข้าไปใกล้กับจีมินมากขึ้น ปากหนากระซิบเสียงเบาอยู่ข้างหู “… ขอให้สนุกนะ

     

     

     

     

     

                เมื่อทุกอย่างพร้อมเรือสำราญลำใหญ่ก็เริ่มออกเดินทาง เข็มนาฬิกาบนเรือชี้ว่าตอนนี้เป็นเวลาบ่ายสอง บ่งบอกว่าอีกหลายชั่วโมงกว่าจะเดินทางถึงเกาะ อาจารย์จึงประกาศให้นักเรียนนำสัมภาระไปเก็บที่ห้องและมีเวลาอิสระ 3 ชั่วโมง จากนั้นจึงค่อยมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยและทำกิจกรรมกันอีกครั้ง

     

                สิ้นเสียงประกาศ เด็กนักเรียนพากันแบกสัมภาระของตนไปยังห้องพักตามรายชื่อที่ได้ประกาศไว้ในตอนแรก เด็กนักเรียนคนอื่นพากันเข้าห้องของตัวเองด้วยความตื่นเต้น ต่างกับจีมินที่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู คิดไม่ตกว่าเขาควรรับมือกับสถานการณ์นี้ยังไงดี ไม่รู้จะเรียกว่าพรหมลิขิตหรือว่าโชคร้ายกันแน่ที่ห้องพักของจีมินมีทั้งแทฮยองและจองกุกอยู่ด้วยกัน

     

                จะยืนอยู่แบบนี้อีกนานมั้ย เกะกะ เสียงดังมาจากทางด้านหลังของจีมินพร้อมแรงที่ผลักให้คนตัวเล็กพ้นทาง เมื่อตั้งตัวได้จีมินก็รีบถอยหลบให้ผู้มาใหม่ได้เปิดประตูเข้าห้อง จากนั้นตนเองจึงเดินตามหลังเข้าไป

     

                ภายในห้องพักสำหรับผู้โดยสารขนาดเล็กประกอบไปด้วยเตียงสองชั้นสองเตียง กับพื้นที่อีกเล็กน้อยสำหรับวางกระเป๋า จองกุกเลือกเตียงนอนฝั่งซ้ายมือ ส่วนแทฮยองนั้นเลือกเตียงนอนชั้นสอง มองไปที่เตียงฝั่งขวาชั้นล่างก็เห็นกระเป๋าของผู้ร่วมห้องอีกหนึ่งคนวางอยู่ จีมินจึงต้องนอนที่เตียงชั้นบนอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง

     

                หลังจากเก็บของเสร็จ ยังเหลือเวลาอีกหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลานัดของอาจารย์ ในตอนแรกจีมินว่าจะอยู่ในห้อง นั่งอ่านหนังสือเงียบๆ คนเดียว แต่แผนของเขาก็ต้องพังลงเมื่อเห็นสายตาของจองกุกที่จ้องมาอย่างไม่วางตาตั้งแต่ตอนเอากระเป๋าเข้ามาวาง ด้วยความที่ไม่ไว้ใจ คนตัวเล็กจึงเลือกที่จะออกมาเดินสำรวจรอบๆ เรือแทน

     

                ผืนน้ำทะเลสีน้ำเงินเข้มสลับคราม ประกอบกับสายลมเย็นๆ ที่พัดอยู่ตลอดเวลาเรียกรอยยิ้มจากคนตัวเล็กได้มากโข จีมินไม่ได้มาทะเลหลายปีแล้ว ครั้งล่าสุดคือตอนที่ยังอยู่พร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว เมื่อคิดถึงความทรงจำในวันนั้น จากที่เคยยิ้มอย่างสดใสก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเศร้า จีมินหลับตาลงเพื่อซึมซับกลิ่นอายของทะเล ให้ทะเลช่วยชำระล้างความเศร้าในใจของเขา

     

                ในขณะที่กำลังสูดกลิ่นอายของทะเลเข้าปอด จีมินก็สังเกตเห็นเพื่อนร่วมห้องพักอีกคนนั่งฟังเพลงอยู่เพียงลำพังที่มุมหนึ่งของเรือ เขารีบเดินเข้าไปทักทายอีกฝ่ายทันที ราวกับลืมที่เคยถูกว่าเมื่อตอนอยู่บนรถไปซะสนิท

     

                ยุนกิเอ่ยเรียกคนที่เหม่อมองท้องฟ้าอย่างใจลอย แต่ที่ได้รับกลับมามีเพียงความเงียบงันเช่นเคย นายคงไม่ได้ยินล่ะมั้ง ถ้างั้นขอฉันนั่งด้วยคนนะ

     

                จีมินลอบมองใบหน้าของอีกฝ่ายก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างกัน

     

                อยู่คนเดียวไม่เหงาเหรอ?” รู้ว่าคงจะไม่ได้ยินคำตอบรับกลับมา แต่ก็ยังคงพูดต่อไป ฉันเห็นนายอยู่คนเดียวตลอดเลย ไม่เหงาบ้างเหรอ เก่งจัง ฉันเองก็อยากทำให้ได้แบบนายบ้าง

     

                มีเพียงเสียงคลื่นทะเลที่ซัดสาดเป็นระยะที่ทำให้บรรยากาศตรงนี้ไม่เงียบเหงาเกินไป จีมินก้มหน้าลง ยิ้มอย่างเศร้าสร้อยโดยไม่รู้ว่ามีสายตาของยุนกิที่แอบมองอยู่

     

                ฉันเองก็เหงานะ ตั้งแต่มาเรียนที่นี่ยังหาเพื่อนไม่ได้สักคนเลย ฉันเองก็อยากมีเพื่อนบ้าง ตั้งแต่เกิดเรื่องก็ไม่มีใครคุยกับฉันสักคน... เสียงที่เคยพูดอย่างเจื้อยแจ้วในตอนแรกเริ่มแผ่วเบา จีมินเม้มริมฝีปากของตัวเองเมื่อคิดว่าควรจะพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกไปดีหรือไม่

     

                ถ้านายไม่ว่าอะไร...

     

                “…”

     

                เรามาเป็นเพื่อนกันมั้ย?”

     

                นายบ้าหรือเปล่า

     

                ฮะ นนายได้ยินด้วยเหรอคนตัวเล็กทำหน้าตาเหรอหรา หันไปมองก็เห็นยุนกิส่งสายตาติดจะรำคาญมาให้

                ยุนกิหยิบหูฟังออกมาจากเสื้อแจ๊คเก็ตแล้วชูให้อีกฝ่ายดู ที่ปลายสายของหูฟังนั้นไม่ได้เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือหรือเครื่องเล่นเพลงใดๆ

     

                พูดมาก น่ารำคาญ

     

                เป็นครั้งที่สองของวันที่ถูกยุนกิว่าเอา แต่จีมินก็ไม่ได้ใส่ใจมันมากนัก เขามองตามคนที่ลุกออกไปด้วยความอาย ใครจะไปคิดว่ายุนกิแค่ใส่หูฟังเฉยๆ ไม่ได้ฟังเพลงอย่างที่เขาเข้าใจในทีแรก เขาเลยพูดความรู้สึกของตัวเองออกไปแบบนั้น แต่ถึงแม้จะรู้สึกอาย ขณะเดียวกันเขากลับรู้สึกโล่งใจที่ได้พูดความรู้สึกของตัวเองออกไปให้อีกคนได้รู้ว่าเขาอยากจะเป็นเพื่อนกับยุนกิจริงๆ

     

     

     

     

    ----------Law of the Jungle----------

     

     

     

     

                เบื่อว่ะแทฮยองบ่น ตอนนี้เขากำลังนอนเปื่อยเป็นตัวสล็อตอยู่เตียงฝั่งตรงข้ามจองกุก ขายาวๆ พาดไว้กับช่องว่างของขั้นบันไดของเตียงสองชั้น แทฮยองหน้าบึ้ง การเดินทางไปเกาะเชจูใช้เวลานานเกินไป ต้องมาติดแหง็กอยู่บนเรือตั้ง 13 ชั่วโมงแบบนี้เขาไม่ชอบเอาซะเลย ทำไมถึงไม่ขึ้นเครื่องบินให้จบๆ ไปนะ

     

                คนผิวสีน้ำผึ้งลุกขึ้นบิดขี้เกียจไปมา ก่อนจะหันไปมองเพื่อนของตนที่เล่นเกมในโทรศัพท์อย่างเอาเป็นเอาตาย ได้ยินเสียงสบถมาเป็นระยะแล้วก็ไม่กล้าจะเรียกสักเท่าไหร่ เพราะเดี๋ยวจะเป็นการกวนสมาธิเพื่อน จึงพูดลอยๆ ออกมาแทน ได้ยินไม่ได้ยินก็เรื่องของมันแล้วล่ะ

     

                เฮ้ย กูออกไปเดินเล่นข้างนอกนะ มีไรโทรมาแล้วกัน เสียงทุ้มเอ่ยก่อนจะเดินออกนอกห้องโดยไม่รอฟังคำตอบ

     

                แทฮยองหันซ้ายหันขวา เขาตัดสินใจเดินหาโฮซอกที่ตั้งแต่ขึ้นเรือมาก็ไม่ได้เจอกันเพราะอยู่คนละห้อง ส่งข้อความก็แล้ว โทรศัพท์หาก็แล้ว แต่ไม่ได้รับสัญญาณตอบรับสักอย่าง จะไปหาที่ห้องก็ไม่รู้ว่าห้องไหน เดินหาจนทั่วแล้วแต่ก็ไม่เจอ เด็กหนุ่มถอนหายใจ หันหลังกลับเพื่อจะเดินไปยังห้องเล่นเกม แต่สายตาก็ไปสะดุดกับแผ่นหลังดูท่าทางอมทุกข์ของคนหนึ่งเข้า

     

                รอยยิ้มร้ายจุดขึ้นที่มุมปาก เป้าหมายในคราวแรกเปลี่ยนไปทันที แทฮยองเดินตามแผ่นหลังนั้นไปเงียบๆ จนกระทั่งสองขาของตัวเองขึ้นมาหยุดอยู่บนดาดฟ้าของเรือ แทฮยองเดินไปรอบๆ จนเจอคนที่ตามหาในที่สุด

     

                ไงไอ้ซีด มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวล่ะ ไม่มีเพื่อนคบเหรอ

     

                หนีอีกคน แต่ดันมาเจออีกคน ขอฉันอยู่แบบสงบๆไม่ได้หรือไง

     

                คำพูดที่ได้ฟังทำเอาแทฮยองเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ หนีใครมา

     

                ยุนกิไม่ตอบ ใบหน้าของคนที่มาขอเป็นเพื่อนลอยขึ้นมาในสมอง คนตัวขาวทำเพียงเสตามองไปทางอื่น หยิบหูฟังขึ้นมาเสียบเข้ากับโทรศัพท์ เปิดเพลงเสียงดังจนมันดังทะลุออกมา ทำเอาอีกคนที่ยืนอยู่รู้สึกหงุดหงิดที่โดนเมินเข้าอย่างจัง

     

                ฉันถามไม่ได้ยินรึไง มือหนากระชากหูฟังอย่างแรงจนยุนกินิ่วหน้า

     

                เอาคืนมาเอื้อมมือของตนไปหวังจะหยิบคืน แต่อีกฝ่ายกลับเอามันซุกเข้ากระเป๋าเสื้อของตัวเองแทน

     

                มาเล่นเกมกันก่อน เคยมีใครสักคนบอกเอาไว้ว่า คนที่เพื่อนกันนั้นมักจะมีนิสัยคล้ายกัน และจองกุกกับแทฮยองก็นิสัยไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ คนตัวสูงส่งยิ้มท้าทายยุนกิที่กำลังกัดปากของตนอย่างชั่งใจ

     

                ไม่เล่น เอาคืนมา

     

                ก็บอกแล้วไง มาเล่นเกมกันก่อน เกมง่ายๆ...สายตาเบนไปยังท้องทะเลกว้าง ก่อนจะกลับมามองที่ยุนกิอีกครั้ง นายกล้ากระโดดลงไปรึเปล่า

     

                ไร้สาระ ขาเรียวก้าวเข้าหาแทฮยองหวังจะแย่งหูฟังคืนมา แต่อีกฝ่ายกลับเบี่ยงตัวหลบทัน

     

                ฉันก็แค่อยากรู้ว่าทะเลมันลึกขนาดไหน นายว่าถ้านายตกลงไป พวกอาจารย์จะหานายเจอรึเปล่า?”

     

                เอาคืนมานะ! ตะโกนเสียงดัง ใบหน้าแดงจัดด้วยความโมโห ท่าทางที่ต่างไปจากเคยของยุนกิทำให้แทฮยองตื่นเต้น ยิ่งยุนกิแสดงอารมณ์โกรธออกมาเขาก็ยิ่งสนุก คนตัวสูงเดินไปชิดกับขอบเหล็ก ก่อนจะหยิบหูฟังออกมาแล้วยื่นไปนอกตัวเรือ


               
    ถ้าอยากได้มันมากขนาดนั้นล่ะก็ลงไปงมหาเองในทะเลก็แล้วกัน มือหนาปล่อยหูฟังสีขาวในมือร่วงลงสู่ท้องทะเลด้วยความรวดเร็ว

     

                และแล้วเหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น

     

                ตู้ม!! ซ่า!!~

     

                เสียงของหนักตกลงกระทบผืนน้ำ เรียกให้ทุกคนที่อยู่ภายนอกหันมองเป็นจุดเดียว เด็กนักเรียนที่อยู่บริเวณด้านนอกพากันวิ่งมาเกาะขอบเรือเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น เสียงโวยวายดังไปทั่วว่ามีนักเรียนพลัดตกน้ำ ในขณะที่แทฮยองกำลังยืนมองคนที่ตกลงไปในทะเลด้วยความตกใจ

     

                แม่งเอ๊ย!

     

                ตู้ม!! ซ่า!!~

     

                ผืนน้ำกระจายเป็นวงกว้างอีกครั้ง แทฮยองพยายามดำน้ำหาคนที่จมหายในทะเลด้วยความหงุดหงิดใจ ใครจะไปคิดว่าไอ้ซีดมันจะบ้าบิ่นขนาดกระโดดตามหูฟังลงไปในทะเล เขาก็แค่แหย่เล่นสนุกๆ เท่านั้น ทำไมอีกฝ่ายจะต้องจะเป็นจะตายกับหูฟังแค่อันเดียว

     

                เสียงเจ้าหน้าที่และอาจารย์ดังอยู่เหนือหัว บอกให้แทฮยองรับห่วงยางเอาไว้แล้วอยู่เฉยๆ เดี๋ยวเจ้าหน้าที่จะจัดการต่อเอง แต่ใจที่ร้อนรนของแทฮยองคงจะทำแบบนั้นไม่ได้ เขาเก็บอากาศเข้าจนเต็มปอดแล้วดำลงหาคนตัวขาวอีกครั้ง จนกระทั่งพบกับร่างที่ดูบอบบางลอยนิ่งอยู่ ไม่รอช้า แทฮยองรีบว่ายไปดึงมือของยุนกิให้โผล่พ้นน้ำ

                แทฮยองมองใบหน้าที่ซีดเซียวของคนในอ้อมแขนของตนแล้วยิ่งรู้สึกหงุดหงิด เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอใครโง่ขนาดนี้มาก่อน เป็นของเล่นที่น่าเบื่อสุดๆ

     

     

     

     

    ----------Law of the Jungle----------

     

     

     

     

                เอาล่ะ จะบอกอาจารย์ได้รึยังว่าทำไมเพื่อนถึงตกน้ำอาจารย์ประจำห้องพยาบาลเอ่ยถามนักเรียนที่นั่งหน้ามุ่ยอยู่ภายในห้องพักของตัวเอง โดยที่เตียงอีกฝั่งมีร่างของยุนกินอนนิ่งอยู่

     

                ก็แค่เล่นกันเฉยๆ

     

                เล่นกันเฉยๆ แล้วเพื่อนเธอจะตกลงไปได้ยังไง ที่กั้นก็สูงขนาดนั้น พวกเธอไม่ใช่เด็กเล็กๆ นะจะได้มุดรูแล้วตกลงไปน่ะ ซอกจินดุ เขามองแทฮยองที่ดูเหมือนจะไม่สำนึกผิดที่ทำให้เกิดเรื่องแล้วก็โมโห

     

                วิ่งไล่จับไงจารย์ แบบมันสะดุดเลยล้ม แล้วก็หล่นลงไปโกหกออกมาคำโต

     

                งั้นเดี๋ยวอาจารย์ไปถามพวกเพื่อนๆ ที่เห็นเหตุการณ์เอาก็ได้ ถ้าสาเหตุจริงๆ ไม่ใช่แค่การเล่นกันล่ะก็ เธอโดนพักการเรียนแน่ซอกจินบอกอย่างคาดโทษก่อนจะเดินออกจากห้องไป

     

                แทฮยองเมินเฉยกับคำขู่นั้น เขาไม่สนใจมันหรอก เพราะเขามั่นใจว่าจะไม่มีใครกล้าพูดอะไรทั้งนั้น ในเมื่อทุกคนต่างรู้ดีว่าแทฮยองเป็นคนที่ไม่ควรยุ่งด้วย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

     

                เด็กหนุ่มล้มตัวลงนอนบนที่นอนของจองกุกด้วยความเบื่อหน่าย เขาถูกกักบริเวณไม่ให้ออกจากห้องนี้จนกว่าจะถึงเกาะเชจู ยกเว้นแค่ตอนออกไปกินข้าว นอกนั้นก็ทำได้เพียงนอนเล่นอยู่ภายในห้องนี้เท่านั้น แทฮยองหันไปมองคนที่นอนนิ่งอยู่หัวคิ้วก็ขมวดชนกันกันอีกครั้ง เขาเดินเข้าไปใกล้ร่างที่นอนอยู่ นั่งยองๆ ลงมองใบหน้าขาวใกล้ๆ

     

     ตัวซีดชะมัด ผอมแห้งขนาดนี้กินข้าวบ้างรึเปล่าก็ไม่รู้ ตัวก็บางอย่างกับผู้หญิงพูดไปก็ยกแขนของอีกฝ่ายขึ้นลงราวกับกำลังวัดน้ำหนัก

     

                แกร่ก...

     

                เสียงหูฟังสองข้างกระทบกันไปมาดังขึ้นเบาๆ เมื่อมันลอยอยู่ในอากาศ แทฮยองแกว่งมันไปมาอย่างนึกสงสัย ที่เขาถืออยู่มันก็แค่หูฟังธรรมดาๆ ไม่ใช่ยี่ห้อแพง หรือหรูหราอะไร ไม่รู้เจ้านี่จะหวงอะไรนักหนา ของแบบนี้ถึงหายไปก็ซื้อได้ใหม่หลายสิบอันซะด้วยซ้ำ เพราะอะไรถึงทำให้เจ้านี่ถึงยอมกระโดดน้ำตาม แถมตอนเขาพาขึ้นมาบนเรือมือของคนตัวขาวก็ยังกำมันแน่นไม่ยอมปล่อย

     

                เขาวางหูฟังไว้ข้างหมอนของยุนกิ นั่งมองหน้าคนหลับอยู่แบบนั้น จนกระทั่งยุนกิทำท่าทางเหมือนรู้สึกตัวถึงได้สะดุ้งแล้วรีบกลับไปที่เตียงของตน ทำเป็นหยิบมือถือขึ้นมาดู ก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อคนที่นอนอยู่ทำเพียงแค่ขยับตัวเท่านั้น

     

                ครืด~

     

                ไง นั่งเป็นหมาสิ้นฤทธิ์เลยนะมึง เพื่อนสนิทที่ปรากฏตัวตรงประตูทำให้แทฮยองยิ้มกว้าง เขายกมือทักทายอีกฝ่ายแล้วตบปุๆ ลงที่พื้นที่ข้างตัว เป็นสัญญาณให้เพื่อนเข้ามานั่ง

     

                ไม่ไปทำกิจกรรมรึไง มาทำอะไรที่นี่ แทฮยองถาม ดูจากเวลาแล้วก็ได้เวลาที่ต้องทำกิจกรรมร่วมกับนักเรียนคนอื่นพอดี

     

                ไม่เอาอะ แม่งน่าเบื่อจะตาย มานั่งดูหมาแบบมึงยังสนุกกว่าตั้งเยอะ

     

                คำก็หมา สองคำก็หมา ถ้ากูเป็นหมา แล้วมึงล่ะเป็นอะไร ไอ้ม้า

     

                เลือกประเภทมาให้ขนาดนี้แล้วยังจะมาถามอีกนะมึงนี่ พูดจบกล้มตัวลงนอน เอาเท้าเขี่ยเพื่อนให้พ้นทาง

     

                แน่ใจว่ามาหากู เอาเท้าเขี่ยซะขนาดนี้ ห้องตัวเองมีทำไมไม่ไปนอนวะ แทฮยองบ่นอุบ เขาลุกขึ้นก่อนจะปีนขึ้นไปยังเตียงชั้นสองแล้วล้มตัวลงนอนบ้าง

     

                ภายในห้องเล็กๆ ที่เข้าสู่ความเงียบงัน มีหัวใจสามดวงที่กำลังเต้นในจังหวะที่ต่างกัน แต่เจ้าของของมันกลับยังไม่รู้ตัว                                                                                                                       

     

     

     

     

    ----------------------------------------------------------------

    KATAEBUM Talk

    ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ... ที่เหลือจะมาต่อเร็วๆนี้ค่ะ ;____;

    KataeBum Talk 2

    ครบ 100 แล้ววววววว ขอโทษที่ให้ต้องรอนานค่ะ

    ตอนนี้แต่งยากมากเลย อาจเป็นเพราะร้างมาหลายเดือน หัวเลยไม่แล่น บอกตรงๆแม้แต่ตัวเองยังเกือบลืมพล็อต 5555555555555 พยายามแต่งหาความสมเหตุสมผลสุดชีวิต จริงๆจะให้จบภายใน 12 ตอนแท้ๆ

    ดูท่าจะยากแล้วล่ะ ;________; ขอให้อ่านกันอย่างสนุกสนานนะคะ ติชมได้เสมอน้า

    เป็นคนไม่ชอบทวงเม้นต์ แต่บางทีก็อยากได้ฟีดแบ็คเหมือนกัน

    เพราะจะได้รู้ว่าเราต้องแก้ไขตรงไหน หรือคงอะไรไว้บ้าง

    แล้วเจอกันตอนหน้าค่ะ #ฟิคป่า

     

     

    ♔THE ORA♔




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×