คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : CHAPTER 5 l ตัวละครใหม่ไม่ระบุสถานะ (รีไรท์)
CHAPTER 5
Can you keep a SECRET?
ปึง! ปึง!
“เอ้า เงียบหน่อย!” เสียงของอาจารย์หนุ่มหน้าห้องตะโกนดังลั่นหลังวางหนังสือสำหรับสอนลงบนโต๊ะเสียงดัง
เขายืนเท้าเอวมองเด็กนักเรียนในความปกครองของตน กวาดสายตามองไปรอบห้อง เมื่อพบว่าเด็กนักเรียนมาครบจึงเอ่ยปากพูดเรื่องที่ตั้งใจเอาไว้ตั้งแต่ต้น
“เอาล่ะ
วันนี้พวกเธอจะมีเพื่อนใหม่เข้ามาอยู่ด้วย นี่! เธอน่ะ เข้ามาสิ”
เมื่อสิ้นเสียงอาจารย์
เหล่าเด็กนักเรียนก็พากันจ้องมองผู้มาใหม่อย่างไม่วางตา
พวกเขาเริ่มซุบซิบกันเมื่อเห็นเด็กนักเรียนชายในชุดเครื่องแบบเดียวกันกับพวกเขาก้าวเท้าเข้ามาในห้อง
ผิวขาวจนเกือบซีด ผมสีดำสนิท
และแววตาที่ดูไร้อารมณ์คือสิ่งที่บ่งบอกตัวตนของเด็กใหม่
ปึง! ปึง!
เสียงหนังสือกระทบโต๊ะหยุดเสียงที่ดังเซ็งแซ่ไปทั่วห้องเรียนได้ชะงัด
อาจารย์หนุ่มกระแอ่มไอเล็กน้อยก่อนจะหันหน้าไปหานักเรียนใหม่ “แนะนำตัวสิ”
“ฉันชื่อมินยุนกิ ยินดีที่ได้รู้จัก” น้ำเสียงราบเรียบ ใบหน้านิ่งไม่ไหวติง ช่างเป็นการแนะนำตัวที่ไม่น่าประทับใจเลยแม้แต่น้อย
เด็กบางคนที่เห็นแบบนั้นก็ส่ายหน้าและเลิกให้ความสนใจทันที เมื่อเห็นว่าเพื่อนใหม่ของพวกเขาคงจะเป็นมนุษย์ประเภทไม่น่าเข้าหาสักเท่าไหร่
หลังจากแนะนำตัวเสร็จ
ผู้เป็นอาจารย์ก็มองหาที่นั่งให้กับยุนกิ เขากวาดตามองไปทั่วห้องเรียนอีกครั้ง
เมื่อพบที่นั่งว่างก็ชี้นิ้วไปยังที่นั่งตรงนั้นทันที “เธอไปนั่งตรงนั้นก็แล้วกัน”
ยุนกิมองไปยังโต๊ะตัวนั้นตามมือของผู้เป็นอาจารย์
ก่อนจะโค้งศีรษะลงเป็นการเคารพแล้วเดินไปยังโต๊ะตัวดังกล่าว
“อาจารย์คร้าบ~
ให้ไปนั่งตรงนั้นไม่ได้นา
เดี๋ยวเด็กใหม่ก็เหม็นขยะจนเรียนไม่ไหวหรอก” เสียงเด็กนักเรียนในห้องคนหนึ่งดังขึ้น
พาเอาคนที่เหลือหัวเราะตามกันเสียงดังลั่น
จีมินแสร้งหัวเราะกลบเกลื่อนตามเมื่อถูกอาจารย์มอง
มือบางยกขึ้นเกาท้ายทอยของตัวเองด้วยความเขินอาย ในช่วงเวลาแบบนี้เขาทำตัวไม่รู้เลยว่าควรจะทำตัวยังไง
ครืด…
ยุนกิเลื่อนเก้าอี้แล้วนั่งลง
จีมินหันมองผู้มาใหม่ คนตัวเล็กยกมือของตัวเองขึ้นทักทายพร้อมรอยยิ้ม “สวัสดี ฉันพัคจีมินนะ”
“…”
มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่จีมินได้รับ
ร่างขาวทำเพียงเหลือบมองจีมินเล็กน้อย ไม่แสดงท่าทีเป็นมิตรให้เห็น
เมื่อเป็นแบบนั้นจีมินจึงได้แต่หัวเราะแก้เก้อแล้วหันหน้าไปทางอาจารย์ที่ดูเหมือนว่ากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง
“อาทิตย์หน้านี้เราจะไปทัศนศึกษาที่เกาะเชจูกัน
นี่เป็นจดหมายถึงผู้ปกครองของพวกเธอ ส่งต่อๆ กันไปด้วยล่ะ
ในนั้นจะมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายบอกไว้หมดแล้ว และบังคับว่าต้องไปทุกคน
ห้ามขาดแม้แต่คนเดียว โอเค เตรียมเรียนได้แล้ว วันนี้ก็ตั้งใจเรียน
อย่ามัวแต่คุยกันล่ะ”
อาจารย์หนุ่มพูดรัวเร็วอย่างไม่มีหยุดพัก
เขาส่งเอกสารปึกหนึ่งให้หัวหน้าห้องแจกให้เด็กในห้อง
จากนั้นจึงเดินออกไปปล่อยให้เด็กๆ ได้พูดคุยกันก่อนเสียงออดเข้าเรียนจะดัง
เสียงพูดคุยไปทั่วห้องอีกครั้ง
ประเด็นใหม่ร้อนระอุในตอนนี้คือการไปทัศนศึกษาที่ใครหลายคนรอคอย
บ้างก็นัดกันว่าจะไปซื้อชุดใหม่ บ้างก็คุยว่าจะเอาอะไรไปกันบ้าง
ต่างจากจีมินที่นั่งมองเอกสารในมือด้วยความกังวล
ถึงแม้ว่าทุนที่เขาได้จะครอบคลุมไปถึงการไปทัศนศึกษา
แต่ค่าใช้จ่ายจิปาถะที่ต้องใช้ที่นั่นก็ไม่ใช่น้อยๆ จีมินไม่อยากใช้เงินอย่างฟุ่มเฟือย
อีกอย่างเขาไม่อยากทิ้งให้คุณยายต้องอยู่ที่บ้านคนเดียว แต่จะไม่ไปก็คงไม่ได้
ในเมื่ออาจารย์ยื่นคำขาดมาแบบนั้นมีหรือที่เขาจะกล้าขัด
แต่ในระหว่างที่กำลังพิจารณาเอกสารในมืออยู่นั้น
อยู่ๆ ก็มีมือปริศนายื่นมาฉกเอกสารในมือของเขาไป เมื่อจีมินหันไปมองว่าเป็นใครก็พบว่าเป็นจองกุกที่ตอนนี้กำลังถือมันอยู่
“เอาคืนมานะจองกุก” พยายามจะเอื้อมมือไปคว้าแต่ก็ได้เพียงอากาศ จองกุกหมุนตัวหนีได้ทัน
เขาชูเอกสารขึ้นสูงเหนือหัว มองคนตัวเล็กกว่าอย่างขบขัน
“พ่อของฉันไม่น่าเอาเงินมาใช้กับขยะแบบนี้เลย
เสียดายแทนจริงๆ” คำพูดเจ็บแสบที่ออกมาจากปากร้ายกาจนั่นชวนให้คนตัวเล็กกำหมัดแน่น
พยายามนับหนึ่งถึงสิบในใจเพื่อสะกัดกั้นอารมณ์โมโหไม่ให้มันปะทุขึ้นมา
“ฉันบอกให้เอาคืนมาไง”
“ก็ไม่ได้อยากจะจับนักหรอก”
ลดระดับมือลง “…ของๆ ขยะน่ะ มันก็ขยะดีๆ นี่เอง”
แกร๊บ…
กระดาษเรียบสวยถูกขยำจนเป็นก้อนกลม
จองกุกปามันใส่หน้าของคนตัวเล็กเต็มแรงก่อนจะเดินจากไป ภาพเหตุการณ์ทุกอย่างตกอยู่ในสายตาของเพื่อนร่วมห้องทุกคน
มองดูมันราวกับเป็นเพียงละครตลกฉากหนึ่งที่เรียกเสียงหัวเราะคิกคักได้มากโข จีมินก้มลงหยิบก้อนกระดาษขึ้นมาแล้วเดินกลับที่นั่งของตน
ทำเป็นไม่สนใจเสียงเหยียดหยามจากเพื่อนร่วมห้อง เขากางกระดาษแผ่นนั้นออกก่อนจะพยายามรีดมันให้เรียบ
ฝืนยิ้มออกมาเพื่อบอกว่าตัวเองไม่เป็นอะไร
ยุนกิเฝ้ามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเงียบเชียบ
ไม่มีคำปลอบ หรือคำถามใดๆ เล็ดรอดออกจากปาก มือขาวหยิบหูฟังขึ้นมาเปิดเพลงฟังเสียงดังเพื่อกลบเสียงพูดคุยของคนในห้อง
เพื่อที่เขาจะได้หลุดออกไปอยู่ในโลกของตัวเอง
----------Law of The
Jungle----------
“นัมจุน
อาจารย์ถามจริงๆ นะ เธอเป็นอันธพาลเหรอ ทำไมถึงได้มีแผลมาทุกวันแบบนี้”
ซอกจินถามนักเรียนหนุ่มที่กำลังนั่งรอให้เขาทำแผลให้ด้วยความไม่เข้าใจ
ตอนแรกก็คิดนะว่ามาทำงานที่โรงเรียนคงจะเงียบเหงาน่าดู แต่ดูเหมือนเขาจะคิดผิด
ก็ในเมื่อเด็กตรงหน้ามีแผลมาให้เขาได้ทำทุกวัน มาบ่อยชนิดที่ว่าแผลเก่ายังไม่ทันหายดี
แผลใหม่ก็เพิ่มมาอีกเรื่อยๆ
“ถ้าจะพูดแบบนั้นก็เกือบใช่ล่ะมั้งครับ”
“หน้าเขียวมาทุกวันแบบนี้อย่างเธอน่ะคงจะเป็นพวกหัวโจกเลยสิท่า” พูดจบก็จิ้มที่แผลช้ำอย่างแรงจนอีกฝ่ายร้องโอดโอย
“ซี้ด อาจารย์นี่เก่งจัง
รู้ได้ไงเนี่ย”
“แค่ดูก็รู้แล้วน่า
อยู่เฉยๆ สิ ต้องให้บอกกี่ครั้งฮะว่าอย่าขยุกขยิกน่ะ ไม่งั้นก็ทำเองเลยไป”
“โอเคครับ อยู่นิ่งๆแล้วครับ” นัมจุนยิ้ม ยกสองมือขึ้นเป็นสัญญาณว่ายอมแพ้
แต่ยังไม้ทันที่สำลีจะได้แตะลงที่แผล ประตูก็เปิดออก
เด็กนักเรียนคนหนึ่งยืนตัวงอ
สีหน้าไม่ค่อยดีนัก เมื่อเห็นดังนั้นซอกจินจึงละมือจากสิ่งที่ทำอยู่
เขาเดินเข้าไปใกล้ สอบถามอาการของเด็กด้วยความเป็นห่วง แต่น่าแปลก
เมื่อเด็กนักเรียนคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาใบหน้าเขากลับซีดเผือดยิ่งกว่าเดิม
เด็กหนุ่มมองหน้าซอกจินก่อนจะรีบโค้งหัวให้แล้วเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
ทิ้งให้ซอกจินยืนงงอยู่แบบนั้น
“นี่เธอน่ะ!” ชะโงกหน้าออกไปตะโกนเรียก แต่เด็กคนนั้นก็ไม่หยุดเดิน ซอกจินส่ายหัวด้วยความไม่เข้าใจ
ทั้งๆ ที่เมื่อกี้เด็กคนนั้นดูอาการไม่ค่อยดีแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับเดินหนีซะตัวปลิว
แถมยังทำหน้าเหมือนเห็นผีอีก
“ซอกจินอ่า~ รีบมาทำแผลต่อเร็ว เจ็บไปหมดแล้วเนี่ย”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกฉันว่าอาจารย์น่ะ!
แล้วถ้าจะมาบ่นว่าเจ็บแบบนี้วันหลังก็อย่าไปมีเรื่องสิ
คราวหน้าจะไม่ทำแผลให้แล้วจริงๆ ด้วย” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี
มือก็หยิบจับนั่นนี่ไปมา ยาทาแก้ฟกช้ำถูกป้ายลงบนใบหน้าของเด็กหนุ่ม
นิ้วเรียวนวดคลึงไปมาที่บาดแผลเพื่อให้ตัวยาซึมซับ
ในขณะที่ริมฝีปากสวยก็คอยเป่าลมให้เหมือนกับเวลาเป่าแผลให้เด็ก
แต่ดูเหมือนจะเป่าผิดที่ไปหน่อย
เพราะตอนนี้ใบหน้าของนัมจุนและซอกจินห่างกันเพียงแค่คืบ
พอรู้ตัวอีกทีดวงตาของทั้งคู่ก็สบประสานกันเข้าแล้ว
นัมจุนเอียงใบหน้าของตัวเองเล็กน้อย
ดวงตาคมมองที่ริมฝีปากได้รูปตรงหน้าก่อนจะขยับเข้าใกล้
แค่เพียงนิดเดียว
ก่อนที่ริมฝีปากของทั้งคู่จะสัมผัสกัน เด็กนุ่มก็ต้องร้องโวยออกมาเสียงดังลั่น
“โอ๊ย!
อาจารย์ทำบ้าอะไรเนี่ย!”
“เธอ! เธอนั่นแหละจะทำอะไร”
ใบหน้าสวยขึ้นสีจากเหตุการณ์เมื่อครู่
เกือบไปแล้วไหมล่ะ
ถ้าเขาไม่เอาสำลีจิ้มที่แผลของนัมจุนป่านนี้คงจะจูบกับเด็กนั่นไปแล้ว ให้ตายเถอะ
ลูกศิษย์กับอาจารย์เลยนะ ถ้าใครมาเห็นเข้าเขาคงตายแน่ๆ อาจจะโดนเอาไปประจาน มากสุดก็โดนไล่ออกทั้งๆ
ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่ถึงเดือน
“จิ้มมาซะแรง
คิดจะฆ่ากันหรือไงครับ” ทำปากยื่นปากยาว
บ่นผู้เป็นอาจารย์จนอีกฝ่ายค้อนกลับตาเขียว
“เฮอะ
โดนแค่นี้ไม่ตายหรอก ทีเวลาไปตีกับคนอื่นมาไม่เห็นจะร้องเลย
ทีแบบนี้จะมาทำเป็นโอดครวญ ไป กลับไปห้องเรียนได้แล้ว”
“หน้าแดงขนาดนี้เขินก็บอก” เหมือนจี้จุดคนขี้อายได้อย่างจัง ซอกจินหันหน้าหนีทันทีที่โดนแซว
เขาทำเป็นเปิดสมุดลงชื่อเข้าใช้ห้องพยาบาลแล้วยื่นให้นัมจุน
“เขียนชื่อแล้วก็ออกไปเรียนได้แล้ว”
“ครับ
ตอนเที่ยงเจอกันนะครับอาจารย์”
ซอกจินทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้อย่างหมดแรงหลังนัมจุนออกจากห้องไป
เขารู้สึกใจเต้นกับเหตุการณ์เมื่อครู่สุดๆ อีกนิด แค่อีกนิดเท่านั้น
รู้สึกเหมือนกำลังแหย่ขาเข้าไปในคุกข้างนึงไม่มีผิด ในใจคิดแต่ว่าเขาคงต้องระวังนัมจุนให้มากกว่านี้แล้ว
ไม่อย่างนั้นคงแย่แน่ๆ
----------Law of The
Jungle----------
แอ๊ด…
เสียงฝืดเคืองของประตูดาดฟ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้งานส่งเสียงเมื่อผู้มาเยือนเปิดมันออก
ยุนกิใช้สายตาสำรวจรอบๆ บริเวณ เมื่อเห็นว่าที่นี่มีแค่เขาคนเดียวจึงเดินไปยังเก้าอี้ไม้เก่าตัวยาวที่ถูกตั้งไว้ชิดริมกำแพง
มือขาวปัดฝุ่นที่เกาะมันอยู่เล็กน้อยก่อนจะหย่อนก้นนั่งลง
หยิบอาหารกลางวันที่มีเพียงแค่ขนมปังหนึ่งก้อนกับนมหนึ่งกล่องวางไว้ข้างตัว
“ไม่รู้หรือไงว่าที่นี่เขาห้ามเข้า”
เงามืดที่ทาบทับ
พร้อมกับเสียงทุ้มๆ ทำให้ยุนกิเงยหน้าขึ้นมอง ตอนนี้ตรงหน้าเขาคือเด็กนักเรียนคนหนึ่งที่ดูแล้วน่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันยืนอยู่
“ถามแล้วยังไม่ตอบอีก
ไม่รู้หรือไงว่าฉันคือใคร”
ดวงตาเรียบเฉยที่สะท้อนกลับชวนให้น่าหงุดหงิดใจ
คนผิวเข้มสบถอยู่ในลำคอ มองคนที่ยังนั่งนิ่งเป็นทองไม่รู้ร้อน
จนในที่สุดก็ทนไม่ไหวเป็นฝ่ายพูดออกมาก่อน
“ฉันคิมแทฮยอง ปี 2 ห้อง A ทีนี้รู้จักรึยัง” ถึงแม้จะแนะนำตัวออกไปแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตอบอะไรกลับมา
ตอนนี้แทฮยองเริ่มจะมีน้ำโหขึ้นมาบ้างแล้ว
คนตรงหน้าที่เอาแต่จ้องมองมาโดยไม่พูดอะไร สายตานิ่งเฉยราวกับไม่สะท้อนภาพใดๆ ถึงแม้ว่าจะมีตัวตนของเขาสะท้อนอยู่ในนั้นก็ตาม
นี่เขากำลังยืนพูดกับอากาศอยู่หรือไง
“ช่วยหลบไปได้มั้ย
มันเกะกะ” คนตัวขาวพูด เอื้อมมือไปหยิบอาหารกลางวันของตนเพื่อจะเปลี่ยนที่
เห็นทีว่าวันนี้เขาคงไม่ได้กินข้าวอย่างสงบแบบที่คิด แต่จังหวะที่กำลังจะหยิบกลับถูกแย่งไปเสียก่อน
“เด็กใหม่สินะ
ถึงได้ไม่รู้จักฉัน”
ตุ้บ
กล่องนมในมือถูกปล่อยลงพื้น
รองเท้าผ้าใบยี่ห้อดังเหยียบซ้ำลงไปเต็มแรง น้ำนมสีขาวกระจายไปทั่ว
บ้างก็กระเด็นเปรอะทั้งเจ้าตัวคนทำ และเจ้าของมัน
ยุนกิมองตามภาพนั้นอย่างเลื่อนลอย ความทรงจำเก่าๆ ถูกขุดขึ้นมาอีกครั้ง
เขาไม่ได้ย้ายมาที่นี่เพื่อจะโดนอะไรแบบนี้…
ร่างบางทิ้งอาหารกลางวันของตนไว้เบื้องหลัง
เขาเดินหนีแทฮยองเพราะไม่อยากพูดอะไรให้มันมากความ
ประสบการณ์ในอดีตสอนเขาว่ายิ่งต่อกรก็มีแต่จะยิ่งวุ่นวาย เขาก็แค่อยากจะหาที่สงบๆ อยู่
ทำไมจะต้องมาวุ่นวายกับเขาด้วยนะ
หมับ!
“ฉันไม่ชอบให้คนเดินหนี”
พูดเหมือนเด็กเอาแต่ใจ มือก็กำข้อมือของอีกฝ่ายไว้แน่น “ที่นี่คือที่ของฉัน ถ้านายจะขึ้นมาต้องได้รับอนุญาตจากฉันก่อน จำไว้ด้วย”
ยุนกินไม่ตอบ ดวงตาเรียวมองแทฮยองนิ่ง
ทั้งสองคนมองตากันแบบนั้นอยู่ครู่หนึ่ง จนกระทั่งแทฮยองปล่อยมือออก ร่างบางจึงเดินไปที่ประตูทันที
ในใจนึกเสียดายท้องฟ้ากว้าง กับสายลมเย็นๆ ถึงแม้เขาจะชอบมัน
แต่หากที่นี่มีเจ้าของแล้ว เขาก็จะไม่มาเหยียบมันอีก
ตึก ตึก ตึก
เสียงฝีเท้าสองคู่ดังสอดประสานกันตรงขั้นบันได
ต่างกันตรงที่ฝ่ายหนึ่งเดินลง และอีกฝ่ายหนึ่งเดินขึ้น
ในช่วงจังหวะที่กำลังจะเดินสวนกัน สายตาของทั้งคู่ก็สบกันโดยบังเอิญ
หนึ่งคือดวงตาที่เฉยชาของยุนกิ และอีกหนึ่งคือสายตาระคนสงสัยของโฮซอก
“หืม?” ใบหน้าที่คุ้นตาทำให้โฮซอกหยุดชะงัก ผิวขาวซีดราวกับคนไม่เคยโดนแสงแดด
ใบหน้าที่เฉยเมยเหมือนไม่สนใจโลกนั่นอีก มันดูคุ้นราวกับเขาเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
เขาหยุดยืน มองตามคนที่เดินลงบันไดไป ในหัวพยายามคิดทบทวนเพราะเขารู้สึกติดใจกับสายตานั่นเหลือเกิน
“มัวแต่ไปยืนทำอะไรตรงนั้นไม่ขึ้นมาสักทีวะ”
เสียงของแทฮยองปลุกโฮซอกให้ออกจากภวังค์
เขาพยักหน้าส่งสัญญาณว่ารับรู้แล้วเดินขึ้นไปหาเพื่อนของตนที่ตอนนี้เดินเข้าไปนั่งข้างในแล้ว
“ทำไมนมมันหกเรี่ยราดแบบนี้วะ” ถามเพื่อนสนิทที่นั่งหน้าบึ้งเมื่อเห็นกล่องนมบุบบนพื้น
ส่วนรอบข้างไม่ต้องพูดถึง มีแต่นมกระจายเต็มไปหมด
“ช่างเหอะ
ว่าแต่ของที่ฝากอ่ะ”
“อะ เอาไป” ส่งน้ำอัดลมและขนมในมือในเพื่อน “แม่ง
ไม่เคยเดินไปซื้อเองหรอก ฝากกูตลอด” ถึงปากจะบ่นแต่ก็ยอมทำให้
ก็โฮซอกเคยปฏิเสธแทฮยองได้ที่ไหนกัน
“เห็นคนเมื่อกี้ที่เดินสวนกับมึงมั้ย” แทฮยองเปิดบทสนทาในขณะที่มือก็แกะห่อขนมไปด้วย
“อือ
ว่าจะถามอยู่พอดีว่าใคร”
“กูก็จะถามมึงอยู่เนี่ยว่ารู้จักไหม
เหมือนจะเป็นเด็กใหม่ แต่ไม่รู้อยู่ปีอะไร หน้าตาโคตรชวนหงุดหงิดเลย” พูดไปก็กำถุงขนมในมือแน่น ยิ่งนึกถึงเขาก็ยิ่งโมโห หน้าตาก็หยิ่ง พูดด้วยก็ไม่พูด
แถมยังเดินหนีเขาอีก อย่าให้รู้แล้วกันว่าอยู่ปีไหน ห้องอะไร พ่อจะไปตามจัดการซะให้เข็ด
ข้อหาหือกับคิมแทฮยอง
“คุ้นหน้าอยู่นะ
แต่ไม่รู้จักว่ะ” โฮซอกตอบ “แดกไวๆ
ใกล้หมดเวลาพักแล้ว แล้วที่ไปซื้อมาให้นี่สำนึกบุญคุณกูบ้างนะ”
“โอ้โห้ เดี๋ยวนี้มีรำเลิกบุญคุณด้วย
เป็นพระคุณอย่างยิ่งเลยครับท่านโฮซอก ไหนๆ วันนี้สงสัยลมจะแรง
ผมเสียท่านโฮซอกเสียทรงหมดแล้ว เดี๋ยวกระผมจะช่วยจัดให้ใหม่นะครับ” พูดจบมือหน้าก็ขยี้เข้าที่หัวเพื่อนตัวเองอย่างแรง โฮซอกร้องลั่น คว้ามือแทฮยองมาจับแน่น
ถลึงตาใส่แล้วใช้มืออีกข้างเอื้อมไปขยี้ผมอีกฝ่ายเป็นการแก้แค้น
หลังจากนั้นสงครามเพื่อนซี้ขนาดย่อมก็เริ่มขึ้น
ต่างฝ่ายต่างพยายามล็อคคอกันอย่างไม่มีใครยอมใคร เสียงหัวเราะดังไปทั่วดาดฟ้ากว้าง
ความสนุกสนานของวัยเยาว์ส่งกลิ่นหอมหรุ่น อบอุ่นอยู่ภายในหัวใจ แต่ลึกๆ แล้วภายในใจของใครบางคนกลับกังวลกับสิ่งที่เป็นอยู่
เขาจึงได้แต่ภาวนาขอให้วันแบบนี้คงอยู่ตลอดไป
----------------------------------------------------------------
KATAEBUM Talk 1
ตอนแรกก่ะว่าจะให้ก้าโผล่ออกมาช้ากว่านี้
แต่เปลี่ยนใจ ออกเร็วบทจะได้เยอะๆ ฮิ
ช่วงนี้ฝึกงาน ก็ยุ่งๆอ่ะโนะ
เอาไปแค่นี้ก่อน ;__________;
ส่วนใครที่มีทวิตเรา....ก็ทำเป็นไม่เห็นเวลานี่โผล่ไปบนทวิตเถิดค่ะ
555555555555
รู้สึกละอายใจเหลือเกิล
อีก 50% นี่ไม่น่านานนะ
คิดว่าอาทิตย์หน้านี่ล่ะ เจอกันค่า
----------------------------------------------------
KATAEBUM TALK 2
ครบ 100% แล้ว ฮือ *จุดพลุ* รอนานสินะ
รอนานใช่มั้ย ขอโทษค่ะ ;______;
ตอนนี้จบก็เท่ากับว่าตัวละครออกครบทุกตัวแล้ว
กงล้อก็เริ่มหมุนแล้วเช่นกัน
ตอนต่อไปมาทายกันว่าก้าจะได้พูดกี่คำ
55555555555555555
เจอกันตอนหน้าค่ะ
#ฟิคป่า
ความคิดเห็น