ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    {ใต้เงาฤดูกาล: ฤดูหนาว} ใต้เงาสายหมอก

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • อัปเดตล่าสุด 8 ธ.ค. 53


    ใต้เงาสายหมอก
     
    บทนำ
     
    เสียงสนทนาที่คล้ายต่อล้อต่อเถียงกันของใครบางคนดังลั่นออกมาจากตัวบ้านหลังใหญ่ จนคนที่เพิ่งเปิดประตูก้าวลงมาจากรถยี่ห้อเชฟโรเลตรุ่น คอร์เว็ตต์ สติงเรย์ สีเงิน ซึ่งจอดอยู่หน้าโรงเก็บรถใกล้ๆกันต้องส่ายหน้าอย่างระอา
    ธันวาส่งกุจแจรถให้คนรับใช้ที่รีบเข้ามารับไปจัดการต่ออย่างรู้หน้าที่ แล้วออกเดินไปทางต้นเสียงชวนแสบแก้วหูช้าๆโดยไม่รีบร้อนอะไร จนเข้ามาในบ้าน มองไปยังห้องนั่งเล่นที่ตกแต่งอย่างสวยหรูแต่ค่อนข้างเรียบง่ายแล้วนั่นล่ะ เขาถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเลยทีเดียว เมื่อเห็นคนสองคนยืนประจันหน้าเถียงกัน และต้นเหตุการทะเลาะเบาะแว้งของทั้งคู่ห้อยต่องแต่งแถมเปียกมะล่อกมะแล่กอยู่ในอ้อมกอดของเด็กหญิงที่ขึ้นชื่อได้ว่าเป็นน้องเล็กของบ้าน
    พี่สิงห์แกล้งเม อย่ามาแก้ตัวเลยนะว่ามองไม่เห็น ตุ๊กตาตัวใหญ่ยิ่งกว่าท่อนบนอ้วนๆของพี่สิงห์แท้ๆ จะพลาดทำน้ำหวานหกใส่ได้ยังไง เสียงสูงของเด็กสาวหวีดใส่ชายหนุ่มร่างบึกบึนในชุดหน่วยคุ้มครองปฏิบัติการพิเศษตรงหน้าเต็มกำลัง
    เดี๋ยวเลยนะยัยเม ท่อนบนกับพุงอ้วนๆของเธอน่ะสิไม่ว่า แล้วมันก็เป็นอุบัติเหตุจริงๆ ใครจะไปรู้ล่ะว่าเธอเกิดเล่นพิลึก เอาตุ๊กตาโปเกม่อนของเธอมานั่งดูทีวีบนโต๊ะวางของอย่างนั้นน่ะ ฝ่ายชายผู้เป็นพี่ไม่ยอมลงให้ง่ายๆ แถมคำพูดที่ใช้สวนกลับก็เล่นเอาน้องสาวหน้าแดงแปร๊ดยิ่งกว่าเดิมเพราะโดนจี้ถูกจุดและความโมโหที่พุ่งสูงมากยิ่งขึ้น
    ก่อนที่อะไรๆจะแย่ลงไปกว่านั้นถึงขั้นลงไม้ลงมือ และที่สำคัญ ก่อนที่หูของเขาและเหล่าคนรับใช้ที่พากันหลบอยู่อีกฝั่งของบ้านตรงทางห้องครัวจะใช้การไม่ได้ ธันวาซึ่งเป็นพี่ใหญ่จึงตัดสินใจเรียกชื่อน้องๆเสียงเข้มเป็นการเตือนสติ
    นายสิงห์ ยัยเม
    และได้ผล เมื่อน้องคนเล็กเป็นฝ่ายละสายตาที่จ้องพี่ชายเฮงซวยอย่างดุเด็ดเผ็ดมันออกก่อน แล้วยกมือสวัสดีพี่ชายคนโตลวกๆ
    ฝ่ายนายสิงห์กลอกตาอย่างยียวน ก่อนจะเอ่ยทักกวนๆ
    ไง ได้ฤกษ์กลับบ้านแล้วเหรอ หายไปหลายวัน
    ธันวาเพียงพยักหน้า ไม่หลงไปกับกลของน้องชาย ก่อนตอบเรียบๆ
    มีเรื่องที่บริษัทนิดหน่อย
    เขารู้ดี สิงห์ หรือ สิงหา น้องชายของเขาเป็นคนนิ่งๆแค่ภายนอก แต่จริงๆแล้วค่อนข้างใจร้อน หากการตัดสินใจเฉียบขาดแม่นยำเป็นเลิศ ทำให้เกื้อหนุนอาชีพหน่วยคุ้มครองปฏิบัติการพิเศษ หรือเรียกง่ายๆว่าบอดี้การ์ด ที่ทำอยู่ได้เป็นอย่างดี
    นานๆทีหรอกถึงจะเห็นสิงหาน๊อตหลุดแบบนี้
    และที่หาดูได้ยากยิ่งกว่าก็คืออาการโมโหโกรธาของน้องคนเล็กวัยสิบแปดปีอย่างเมษา ปรกติเด็กสาวจะเป็นคนร่าเริง พูดเก่ง ต๊องเล็กๆ ขี้งอนหน่อยๆ ใจร้อนนิดๆ แต่ไม่ค่อยแสดงอารมณ์ไม่ดีออกมาให้เห็นบ่อยนัก
    ตัวการก็เจ้าตุ๊กตาโปเกมอนรูปร่างคล้ายนกคล้ายมังกรสีขาวสลับน้ำเงินที่อยู่ในอ้อมแขนของหล่อนนั่นล่ะ
    ตั้งแต่เด็กๆมาแล้ว เมษาบ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้มาแต่ไหนแต่ไร ในห้องของเด็กสาวมีของสะสมแทบทุกชนิดที่เกี่ยวกับมัน
    มีพักหลังๆที่เพลาๆลงบ้าง เพราะเด็กสาวปันใจที่มีอยู่มากกว่าครึ่งไปให้ตัวหุ่นยนต์หัวหน้าฝ่ายดีจากเรื่องทรานสฟอร์มเมอร์เสียแล้ว
    ธันวาและสิงหาจะไม่สงสัยเลย หากห้องของเมษาจะมีตัวตุ๊กตุ่นตุ๊กตาของจุกจิกเกี่ยวกับหุ่นยนต์ตัวนั้นเพิ่มขึ้นมาหลายสิบชิ้นภายในเวลาไม่กี่อาทิตย์
    ธันวามองหน้าน้องสองคนสลับกันไปมา แล้วถาม
    แม่ไปไหน? ถึงปล่อยให้ทะเลาะกันจนบ้านแทบแตกอย่างนี้
    ธันวาไม่ได้พูดประโยคหลังออกมาดังๆ ด้วยความที่เขาเป็นคนพูดน้อย และเห็นว่าไม่จำเป็น เพราะน้องสองคนของเขารับรู้ได้โดยไม่ต้องเอ่ย
    ไปเยี่ยมลุงศรัณย์อะไรเนี่ยล่ะค่ะ เห็นว่าเป็นเพื่อนเมื่อสมัยเรียนมหาฯลัย ลุงแกอยู่โรงพยาบาล เขาว่าอาการไม่ค่อยดี คงอยู่ได้ไม่นาน แม้เพิ่งจะตวาดเสียงดันลั่นด้วยความโกรธ แต่ตอนนี้น้ำเสียงของเมษามีแต่ความรู้สึกสงสารคนที่หล่อนพูดถึงจับใจ
    แต่อีกเดี๋ยวก็คงกลับ แม่เห็นแกคงดีใจแย่ บ่นคิดถึงอยู่ ฝ่ายน้องคนรองเองก็คงสงบสติได้แล้ว เสียงทุ้มจึงมีแววสลดหน่อยๆ และถึงจะเป็นน้องชาย แต่สิงหากับธันวาห่างกันไม่ถึงปีดี ต่างจากเมษาที่อายุน้อยกว่าพวกเขาเกือบรอบหนึ่งเต็มๆ ทำให้เขาใช้คำพูดเป็นกันเองราวกับเป็นเพื่อนกันกับพี่ชายคนโตเสมอ
    ยังไม่ทันขาดคำ นายค้อม คนดูแลรถของบ้านเมฆาธวนิชย์ก็เดินเข้ามารายงานว่าคุณเพ็ญสุวรรณ มารดาของสามพี่น้องกลับมาแล้ว ตอนนี้กำลังจะเดินเข้ามาในบ้าน และถามหาถึงคุณธันวา เพราะเห็นรถของชายหนุ่มจอดอยู่ในโรงรถ
    ขอบคุณค่ะลุง เมษารับคำแทนพี่ชายทั้งสอง ด้วยรู้ดีกว่าพวกเขาคงแค่พยักหน้ารับเงียบๆ
    นายค้อมยิ้มให้นายทั้งสาม ก่อนจะขอตัวกลับไปทำหน้าที่ของตน
    และเพียงไม่กี่วินาทีต่อมา หญิงวัยกลางคนที่ยังดูอ่อนกว่าอายุจริงก็เดินเข้ามาถึงห้องนั่งเล่น แววตานางเป็นประกายด้วยความยินดีเมื่อเห็นลูกๆทั้งสามอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ก่อนจะยกมือรับไหว้จากสามพี่น้อง
    วันนี้เป็นวันดีจริงๆ นายสิงห์ไม่มีงานด่วน ยัยเมไม่ไปเที่ยวไหน แถมนายธันยังกลับบ้านมาได้จังหวะเหมาะพอดี ผู้เป็นแม่เอ่ยพลางค่อยๆนั่งลงบนโซฟากำมะหยี่ตัวโปรด
    ใครว่าไม่มีงานด่วนครับ สิงหาชี้ไปที่เครื่องแบบที่ใส่อยู่เป็นการประกอบคำพูดของตน ก่อนเอ่ยคล้ายฟ้อง แต่ลูกสาวแม่สิครับ ทำผมสาย
    เอ๊ะ เรื่องอะไรมากล่าวหากันอย่างนี้ล่ะพี่สิงห์ เมษาที่เพิ่งจะนั่งลงข้างมารดาลุกพรวด
    ก็เรามากล่าวหาพี่ก่อนนี่ พี่ชายสวนทันควัน
    และก่อนที่จะมีการวางมวยร่วมสายเลือดยกสองขึ้น ธันวารีบขัดด้วยการถามมารดาสั้นๆ
     จังหวะเหมาะ?
    คุณเพ็ญสุวรรณที่กำลังจะดุลูกชายคนรองกับลูกสาวคนเล็กมีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาที่อ่อนโยนอยู่เสมอคล้ายมีน้ำคลอคลองราวกับจะร้องไห้
    เพื่อนแม่เสียแล้วจ้ะ
    เมษารีบนั่งลงตามเดิม แล้วประคองมือทั้งสองข้างของผู้เป็นแม่อย่างปลอบประโลม
    เสียใจด้วยนะคะแม่
    สิงหาเองเลือกที่จะนั่งลงอีกข้างหนึ่งของคุณเพ็ญสุวรรณ แม้ไม่ได้พูดอะไร แต่กิริยาของชายหนุ่มแสดงถึงความห่วงใยได้เป็นอย่างดี
    เหลือเพียงธันวาที่คุกเข่าลงตรงหน้ามารดา แล้วถามเสียงอ่อนโยนอย่างที่นานๆครั้งจะมีให้ได้ยิน
    มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับแม่?
    คุณเพ็ญสุวรรณยิ้มบางๆ รู้สึกเป็นปลื้มและภูมิใจในตัวลูกทั้งสามเหลือเกิน
    แม่ถึงว่าจังหวะเหมาะไงจ๊ะ ศรัณย์มีลูกอยู่สามคน แต่เห็นว่าลูกสาวสองคนแรกไม่ค่อยถูกกันกับคนเล็กเท่าไหร่ เห็นนัยน์ตาสามคู่ที่มองมาอย่างงงๆว่ามารดากำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่ คุณเพ็ญสุวรรณจึงรีบชี้แจงต่อว่า
    ตอนนี้ลูกสองคนอยู่บ้านใหญ่ แล้วก็จะสืบทอดกิจการของเพื่อนแม่ต่อ แต่คนเล็กนี่สิ กำลังจะย้ายไปอยู่อพาร์ตเม้นต์เล็กๆแถวสุทธิสาร แถมเพิ่งจบปริญญาตรีมา หางานทำยังไม่ได้ ผู้เป็นแม่สบตาลูกชายคนโตตรงๆอย่างอ้อนวอน แม่เลยอยากรบกวนให้ธันรับหนูน้ำค้างแกเข้าทำงานเป็นเลขาฯเราหน่อย
    เมื่อคิ้วเข้มได้รูปของลูกชายคนโตเริ่มขมวดเข้าหากันราวกับกำลังจะแย้ง คุณเพ็ญสุวรรณจึงรีบเอ่ยเสริม
    แม่เจอหนูน้ำค้างด้วยนะวันนี้ แต่ไม่เห็นลูกสาวอีกสองคนของนายศรัณย์แม้แต่เงา ทั้งๆที่บิดาของตนกำลังจะตายแท้ๆ แกน่ารักมากๆเลยนะจ๊ะ แม่ถูกชะตาด้วยเหลือเกิน อีกอย่างแม่สงสารเขา ยังไงรับแกเข้าทำงานสักพักให้ตั้งตัวได้ก่อนแล้วค่อยให้ออกก็ยังไม่สายนะจ๊ะ ถือว่าทำบุญช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกันนะตาธัน
    เจอมารดาร่ายยาวแถมยกสัจธรรมขึ้นมาอ้างเข้าแบบนี้ ไม่เพียงแต่ลูกชายคนโตอย่างธันวาที่ถึงกับเบิกตากว้างตกตะลึงเท่านั้นหรอก แต่ลูกอีกสองคนที่นั่งขนาบข้างก็อึ้งกิมกี่พูดไม่ออกไปตามๆกัน
    แม่ของพวกเขาดูแปลกๆยังไงชอบกล
    แล้วเขาจบปริญญาตรีคณะอะไรมาครับแม่? ธันวาถามพลางถอนหายใจอย่างย้อมแพ้
    สายศิลป์จ๊ะ คุณเพ็ญสุวรรณยิ้มหวานเมื่อเห็นลางชนะอยู่ไม่ไกล
    สายศิลป์ แต่จะให้มาเป็นเลขาฯเนี่ยนะครับ? สิงหามองผู้เป็นแม่ราวกับนางได้เสียสติไปแล้วอย่างไรอย่างนั้น
    งานเลขาฯจะไปยากอะไรนักเชียวจ๊ะ แถมปรกติตาธันก็ทำงานคนเดียวมาตลอดอยู่แล้ว แม่แค่อยากช่วยเขาเฉยๆ ให้มีรายได้มีเงินเก็บระหว่างที่กำลังหางานประจำทำจริงๆ มารดาตอบหน้าตาย เล่นทำเอาลูกๆได้แต่ปลงอยู่ในใจ บทจะดื้อหรือเอาแต่ใจขึ้นมา แม่ที่แสนอ่อนหวานของพวกเขาก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติและไม่มีใครเกินเลยทีเดียว
    ก็ได้ครับแม่ ให้เขาเริ่มงานเมื่อพร้อมแล้วกันครับ ธันวายอมตกลงในที่สุด สร้างรอยยิ้มให้เกิดบนใบหน้าของคุณเพ็ญสุวรรณ
    แต่เขาคิดไปเองหรือเปล่านะ ที่รอยยิ้มของแม่ดูจะออกไปในทางเจ้าเล่ห์เจ้ากลมากกว่าโล่งใจ
    ธันวารีบตัดความรู้สึกแปลกๆนั้นทิ้งไป
    คงไม่มีอะไรหรอก
    โดยไม่รับรู้เลยว่า ลางสังหรณ์ของตนเองแม่นยำจนน่าเก็บไปใช้เดาหวยบ้าง
    เพราะในขณะนั้น คุณเพ็ญสุวรรณกำลังนึกถึงเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่เพื่อนของนางจะสิ้นใจ
     
    จริงๆนะเพ็ญ ผมลองเช็กดูแล้ว ลูกชายคนโตของคุณกับยัยน้ำค้างเป็นเนื้อคู่กันจริงๆ
    หากใครคนอื่นที่ไม่ใช่ศรัณย์มาพูดอย่างนี้ นางคงได้หัวเราะแล้วย้อนให้ว่างมงาย แต่ตั้งแต่สมัยเรียนด้วยกันแล้ว ที่เขาแสดงความสามารถด้านโหราศาสตร์ทำนายดวงได้อย่างแม่นยำเป็นขวัญตาให้เพื่อนๆดูมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
    ผมรู้สึกผิดกับยัยน้ำค้างจริงๆ ทั้งๆที่...เพิ่งจะยอมรับแกให้มาอยู่ร่วมเมื่อไม่นานมานี้แท้ๆ กลับจะต้อง...ทิ้งแกให้กลับไปเผชิญโลกนี้...เพียงลำพังอีก เสียงของชายบนเตียงคนไข้ขาดหายไปเป็นช่วงๆ นัยน์ตาสีเข้มดูล่องลอย หากยังพยายามมองไปทางประตู ราวกับจะมองทะลุให้เห็นหญิงสาวผู้เป็นลูกซึ่งยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง รออย่างสิ้นหวัง...รอเวลาที่พ่อจะต้องจากไป
    ผมขอร้อง...คุณช่วยดูแลยัยน้ำค้างต่อจาก...ผมที ยัยนันกับยัยปันเกลียด...น้ำค้างอย่างกับอะไรดี ผมหวังพึ่งใครไม่ได้อีกแล้ว...นอกจากคุณ
    น้ำตาของคุณเพ็ญสุวรรณไหลริน ยามที่สัญญากับเพื่อนเสียงพร่า
    อย่าห่วงเลยศรัณย์ ฉันจะดูแลหนูน้ำค้างอย่างดีที่สุด
     
    ตอนนั้นนางรับปากไปเพราะสงสารและเห็นใจเพื่อนจริงๆ แต่ตอนนี้มานึกทบทวนดู ลึกๆแล้วนั่นอาจจะเป็นความเห็นแก่ตัวด้วยก็ได้ นางหวังว่าลูกชายผู้เงียบขรึม แต่เก็บความใจดีอ่อนโยนไว้ข้างในอย่างธันวา จะได้พบเจอรักแท้ ที่สามารถแปรเปลี่ยนฤดูหนาวอันแสนอ้างว้างเดียวดาย ให้กลายเป็นฤดูใบไม้ผลิที่แสนสดใสเสียที
    และเท่าที่ได้พบปะพูดคุย หนูน้ำค้างก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสดชื่นเบิกบานจนเกินพอเลยทีเดียว
    คนพูดไม่เก่งกับคนพูดไม่หยุด...คงเป็นการผสมผสานที่น่าสนใจไม่หยอกเลยทีเดียว
    เฮ้อ สงสัยเราจะต้องรีบหาฤกษ์หายามมงคลกับคิดชื่อหลานคนแรกเสียแล้วสิ
    คิดแล้วคุณเพ็ญสุวรรณก็หัวเราะออกมาเบาๆโดยไม่รู้ตัวทำเอาสามพี่น้องมองตากันอย่างระแวงในพฤติกรรมแปลกๆของมารดา





    ________________________________

    เป็นยังไงบ้างคะ? สำหรับบทนำ
    หวังว่าเพื่อนๆคงจะถูกใจนะคะ (ถึงสำนวนของหมูจะซ้ำๆซากๆแถมห่วยพอดูทีเดียว TT_TT)
    และอย่าลืมติชมมาได้เลยนะคะ หมูจะได้นำไปใช้พัฒนาการเขียนให้ดีขึ้นกว่านี้

    ปล. เพื่อนๆหลายๆคนคงรู้สึกว่านิสัยของนายสิงห์เนี่ย เหมือนไฟขาเลยใช่มั้ยคะ แต่อย่าห่วงเลยค่ะ จริงๆแล้วเหมือนคุณดินมากกว่า 555 ล้อเล่นค่า รออ่านไปเรื่อยๆนะคะ แล้วจะได้รู้ว่าความจริงแล้วนิสัยของนายสิงห์เนี่ย...เหมือนใครกันแน่ เอ้ย ไม่ใช่ค่ะ ไม่เหมือนใครในชุดสี่หัวใจแห่งขุนเขาหรอกค่ะ (แต่ถ้าจะให้เห็นชัดเห็นลึกอย่างท่องแท้แล้วล่ะก็ เห็นทีคงต้องรออีกนานเลยล่ะค่ะ จนภาคสุดท้ายโน่น ซึ่งจะเป็นเรื่องราวของสิงหาโดยตรง)

    ขอฝากเนื้อฝากตัวกับนิยายเรื่องนี้ด้วยนะค้า

    สำหรับวันนี้ บายค่า
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×