ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ตราพันธนาการหัวใจ #ป๋อจ้าน #ป๋อตี้จ้านเกอ

    ลำดับตอนที่ #1 : >

    • อัปเดตล่าสุด 20 ต.ค. 62




    << Chapter 1 >>






    พรึบ!!


    แสงไฟจากหน้ารถยนต์สาดเข้ามาท่ามกลางความมืดมิดส่งผลให้ทั่วทั้งบริเวณเริ่มส่องสว่าง ผมรู้สึกตัวตื่นทันทีเมื่อโดนความเจิดจ้าของมันเล่นงานเข้า 


    “อ๊าา..”


    เมื่อยชิบ

    เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่วะ


    ขณะที่สมองทำการประมวลผลผมก็ลองขยับแขนขาไปพร้อมกันแต่กลับพบว่าตัวเองถูกจับมัดนั่งอยู่บนเก้าอี้ราวกับนักโทษรอคำสั่งประหาร สายตาที่เพิ่งถูกเปิดใช้งานค่อยๆปรับโฟกัสเพื่อมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจนขึ้น ชายหนุ่มหนวดเฟิ้มประมาณห้าถึงหกคนเห็นจะได้ยืนรวมพลไม่ห่างออกไปนักอีกทั้งอาวุธในมือก็ครบครัน ผมลอบกลืนน้ำลายอึกใหญ่เพราะรู้สึกคุ้นเคยกับเหตุการณ์พวกนี้ดี


    คราวนี้ไปกระตุกหนวดใครเข้าอีกวะ

    จำได้ว่าเมื่อคืนก็ไม่ได้หิ้วสาวคนไหนกลับห้องนี่หว่า

    หรือจะเป็นแม่สาวผมทองที่ผมเผลอขยิบตาเข้าให้หนึ่งที


    ตั้งแต่แตกเนื้อเป็นหนุ่มเต็มกายชีวิตของเซียวจ้านต้องพัวพันอยู่กับลูกกระสุนปืนนับครั้งไม่ถ้วน บ้างก็เกิดจากการรนหาเรื่องเดือดร้อนเข้าตัวเอง บ้างก็เกิดจากการอยู่เฉยๆแต่ดันมีเรื่องวิ่งเข้ามาหา ช่วยไม่ได้นี่หว่าก็คนมันเกิดมาคารมดี รูปหล่อ พ่อรวย สาวๆคนไหนได้เห็นเป็นต้องตกหลุมพรางของไอ้เสือนักท่องราตรีตัวนี้กันทุกราย แม้กระทั่งเด็กเสี่ยหรือเด็กเจ้าพ่อถึงจะมีปลอกคอล่ามแสดงความเป็นเจ้าของอยู่แล้วก็ไม่เว้น


    ฉายาจ้องตาสิบสามวิเสร็จโจ๋ไม่ได้ถูกขนานนามมาเล่นๆนะคร้าบ


    ผลพวงจากความเสน่ห์แรงเกินห้ามใจของผมมักนำพาเอาลูกกระสุนปืนตามติดมาด้วยแทบทุกครั้งไป อ๊ะๆแต่อย่าเพิ่งมองผมในแง่ร้าย ผมไม่ใช่ไอ้เสือประเภทที่ว่ากินเหยื่อไม่เลือกหน้าเหมือนนักท่องราตรีคนอื่นๆ ถึงผมจะรักสนุกแค่ไหนแต่ก็รู้ขอบเขตของตัวเองดีน่า ก่อนปรายตามองใครผมต้องแน่ใจว่าคนๆนั้นไม่ขึ้นสถานะถูกจับจองถึงจะเริ่มทำการล่าอย่างเป็นทางการ


    เฮ้อออ

    แต่ดูเหมือนเรดาร์เรื่องนี้ของผมยังอ่อนหัดนัก

    แค่เจอคุณเธอออดอ้อนเสียงหวานปากร้องปาวๆว่าโสด

    คำว่าโสดไม่ได้เหมารวมว่าเธอไม่ใช่เด็กเสี่ยซะหน่อย

    ตื่นเช้าเจอปืนจ่อหัวนับสิบกระบอกก็เคยมาแล้ว

    ดีที่ว่าโลกนี้มีอำนาจของเงินอยู่ผมถึงยังมีชีวิตรอด(เพื่อมาโดนจับอีกรอบจนได้)


    หลังจากเจอเหตุการณ์เสี่ยงอันตรายบ่อยเข้าช่วงหลังผมจึงงดออกล่าถือว่าเป็นการพักผ่อนทั้งกายทั้งใจ ยิ่งตอนนี้ผมมาท่องเที่ยวอยู่ในประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถิ่นมาเฟียเก่า พอจะรู้ข้อมูลคร่าวๆถึงองค์กรลับซึ่งมีการจัดตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่ให้เหล่าเจ้าพ่อมาเฟียแก๊งต่างๆแบ่งเขตปกครองอย่างเป็นระเบียบไม่ก้าวก่ายกัน ไม่ว่าจะเป็นแก๊งเล็กแก๊งน้อยต่างก็แฝงตัวอยู่แทบทุกตารางเมตรของประเทศนี้ ผมตั้งใจมาเที่ยวแบบไม่มีเจตนาแอบแฝง(จริงๆนะ) ใครจะกล้าเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงถึงถิ่นมาเฟียด้วยการไปนอนกับสาวที่ไหนก็ไม่รู้ เกิดถูกหวยดันไปเจอคนที่มีเจ้าของอยู่แล้วหรือเป็นเด็กเสี่ยหรือไม่แน่หนักถึงขั้นเป็นเด็กในความปกครองของเจ้าพ่อ


    ไม่อยากจะนึกถึงบทลงโทษซึ่งรออยู่ปลายก้นเหว

    หลุมศพระบุชื่อเซียวจ้านพ่วงด้วยวันที่ชาตะ-มรณะ

    แค่คิดก็ขนลุกชูชัน(ไอ้นั่นก็ชัน)ไปทั้งตัว


    “เอ๊ะ..นั่นน่ะสิ”

    “ก็ในเมื่อผมค่อนข้างแน่ใจว่าไม่ได้ไปยุ่งกับใครแล้วทำไมอยู่ดีๆเรื่องมันถึงลอยเข้าตัวได้วะ”


    ภาพจำสุดท้ายคือช่วงเวลาตีหนึ่งของเมื่อคืนผมกำลังร่วมปาร์ตี้อยู่ในคลับอย่างเมามัน หลังจากกระดกเหล้าเข้าปากไปได้สักพักก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมา คนที่คุ้นเคยกับน้ำเมาและสถานที่อโคจรย่อมรู้อยู่แล้วว่าอาการเมาแอลกอฮอล์กับเมาเพราะถูกวางยามันต่างกันชัดเจน 


    ซึ่งผมถูกจัดให้อยู่ในประเภทหลัง


    ตอนนั้นผมตั้งสติไม่ค่อยอยู่ ขาทั้งสองข้างพยายามพาร่างกายกลับที่พักแต่สุดท้ายภาพก็ตัดไปที่ผนังสีขาวพร้อมกับสติที่ดับเลือน ตื่นมาอีกทีก็เจอหน้าพี่เบิ้มรอต้อนรับแถมอาวุธครบมืออีกต่างหาก คนอะไรจะซวยซ้ำซวยซ้อนได้ขนาดนี้ ผมเพิ่งวางเขี้ยวเล็บได้ไม่นานเรื่องก็ดันลอยเข้าหาตัว ไม่ว่าจะลองคิดจนหัวระเบิดสักกี่ครั้งก็หาเหตุผลที่ตัวเองถูกจับมาอยู่ที่นี่ไม่ได้จริงๆ 


    เอาวะ

    ถ้าเผลอทำอะไรผิดไปคงต้องใช้เงินเจรจาอีกรอบ

    ทุกครั้งมักได้ผลเสมอและครั้งนี้คงไม่ต่างกันนักหรอก


    “นี่พี่ชาย”คำแรกที่หลุดออกจากปากก็ต้องใช้น้ำเสียงออดอ้อนกันหน่อย 

    “.......”

    “พี่ชายคนนั้นนั่นแหละ”ผมลองเรียกซ้ำอีกทีเพื่อดูปฏิกิริยาตอบรับ พี่เบิ้มหันมามองเพียงเล็กน้อยก่อนจะส่งสัญญาณให้พี่เบิ้มอีกคนไปรายงานนายของตัวเอง ผมไม่ชอบการถูกเมินนักแต่เมื่ออยู่ในสถานการณ์เป็นรองคงต้องแสร้งทำเสียงออดอ้อนต่อไป

    “.......”

    “เฮ้พี่ชาย..แก้มัดกันก่อนดีกว่าไหม เราจะได้เจรจากันดีๆ”

    “หุบปาก”


    เสียงเข้มขนาดนี้ไม่น่าเรียกพี่เบิ้มแต่คงต้องเป็นลุงเบิ้มแทนแล้วมั้ง


    “น่านะพี่ชาย ผมไม่คิดหนีไปไหนหรอก”

    “.......”

    “อย่างน้อยก็ต้องให้เกียรติคนที่ตัวเองจับมาหน่อยสิ นายใหญ่ไม่ได้สอนมารยาทหรือไง ถูกจับมัดท่านี้มันเมื่อยจะตาย”

    “หึ”


    แน่ะ..ยังจะมาหงมาหึ 

    ถ้าหลุดไปได้เมื่อไหร่นะจะจับถอนหนวดให้เกลี้ยงเลยคอยดู


    ขณะที่ผมกำลังจะอ้าปากอีกครั้งก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ ‘นายใหญ่’ ของพวกมันก้าวลงจากรถพอดี แค่ลำพังไอ้คันเก่าที่ส่องไฟใส่หน้าผมก็แสบตามากพออยู่แล้วนี่ยังจะมีรถคันใหม่มาเพิ่มอีกเหรอ ดึกดื่นขนาดนี้ไม่หลับไม่นอนกันหรือไงวะ


    ฟึบ


    “นายคือเซียวจ้าน”

    “.......”


    ร่างสูงเขวี้ยงแผ่นกระดาษเอกสารใส่ตัวอีกคนก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบเริ่มชวนสนทนา ผมดึงคิ้วเข้าหากันด้วยความแปลกใจหลังจากเห็นข้อมูลกองอยู่บนตัก ข้อมูลในนั้นระบุตัวตนของผมรวมถึงครอบครัวอย่างชัดเจน


    นี่มันไม่ใช่แค่เรื่องผิดใจกันธรรมดา

    ไอ้หมอนี่ดันสืบหาข้อมูลครอบครัวของผมด้วยงั้นเหรอ


    “คุณเป็นใคร ต้องการอะไรจากผม”

    “นายคือเซียวจ้านใช่ไหม”น้ำเสียงเข้มเอ่ยย้ำประโยคเดิมไม่ยอมตอบคำถามของผมแม้แต่คำเดียว

    “ในเมื่อคุณรู้อยู่แล้วจะถามทำไม”

    “ฉันแค่ต้องการความแน่ใจเท่านั้น”

    “ใช่ ผมคือเซียวจ้าน”

    “งั้นเราคงต้องแนะนำตัวกันอย่างเป็นทางการ”

    “ผมไม่แนะนำตัวกับศัตรู”

    “ยกให้ฉันอยู่ในฐานะศัตรูเลยเหรอ..ว่าที่ลูกเขย”


    เดี๋ยวครับคุณ

    ยังไม่ทันเข้าอินโทรก็เริ่มเข้าท่อนฮุคแล้วเหรอ


    “ละ..ลูกเขย..นี่คุณหมายถึงอะไร!!”

    “ฉันคืออี้โจว เป็นหัวหน้าผู้ดูแลเขตหนึ่งสาม ตอนนายมาเที่ยวที่นี่ครั้งแรกนายอาจจะไม่รู้จักฉันแต่มีอยู่ชื่อหนึ่งที่นายต้องรู้จักอย่างแน่นอน” 

    “.......”

    “จื่ออี้”



    (*อี้โจวคือประมุขเนี่ยในปมจ*)

    (*จื่ออี้คือแม่นางเวินฉิงในปมจ*)



    ชิบ-หาย!!


    “คะ..คุณเป็นอะไรกับจื่ออี้”

    “เธอเป็นลูกสาวของฉัน”


    ชิบ-หาย คูณ ชิบ-หาย!!


    ย้อนกลับไปตอนที่ผมมาเที่ยวที่นี่เป็นครั้งแรก อันที่จริงก็ต้องเรียกว่ามาทำงานถึงจะถูก จื่ออี้คือผู้หญิงที่ผมพบเข้าโดยบังเอิญ เธอเป็นคนใจดี ยิ้มหวาน และที่สำคัญคือเธอช่วยเป็นไกด์นำเที่ยวให้กับผมในช่วงเวลาพักผ่อนหลังเสร็จงาน ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวต่างเมืองก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็ว ผมกับเธอได้เริ่มคบหาดูใจกันตลอดระยะเวลาสามอาทิตย์ คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องราวต่อจากนั้นเป็นยังไง ไอ้เสืออย่างผมก็ยังคงเป็นไอ้เสืออยู่วันยังค่ำ สามอาทิตย์เป็นเวลามากพอให้ผมเชยชมเหยื่อจนหนำใจ เมื่อครบสามอาทิตย์แล้วผมจำเป็นต้องกลับไปยังรังเดิมของตัวเอง ผมได้ทำการบอกเลิกเธอและจบความสัมพันธ์ระหว่างเราอย่างไร้เยื่อใย (รู้ว่าเลวครับไม่ต้องย้ำ) หลังจากนั้นเราก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกจนผมแทบลืมชื่อเธอไปแล้วด้วยซ้ำ นึกไม่ถึงว่าการกลับมาเยือนประเทศนี้อีกครั้งจะดันเจอแจ็กพอตเข้าอย่างจัง ใครจะไปรู้ว่าจื่ออี้ดันเป็นถึงลูกสาวของหัวหน้าแก๊งผู้ดูแลเขตหนึ่งสาม


    แค่เห็นเลข13ลอยขึ้นในหัวก็รู้สึกชะตาใกล้ขาดแล้วไอ้เซียวจ้านเอ้ยยย


    “เมื่อสามเดือนก่อนนายเคยคบกับจื่ออี้ใช่ไหม”

    “ผมยอมรับว่าเคยคบกับจื่ออี้ก็จริงแต่นั่นเป็นเรื่องที่นานมากแล้ว คุณคงไม่ได้จับตัวผมมาเพื่อถามเรื่องแค่นี้หรอกนะ”

     “แต่ไหนแต่ไรฉันไม่เคยยุ่งกับความสัมพันธ์ส่วนตัวของลูกสาวอยู่แล้ว เธอจะคบใครหรือเลิกคบใครฉันไม่สนใจ ตราบใดที่มันไม่ทำให้ลูกของฉันต้องเจ็บปวดถึงขั้นเลือดตกยางออก”

    “งั้นคุณก็มั่นใจได้ว่าผมไม่เคยทำร้ายลูกสาวคุณแม้แต่ปลายเล็บ”

    “ฉันรู้”

    “เรื่องอะไรที่ผ่านมาแล้วก็ให้มันแล้วไปเถอะนะ เอาเป็นว่าผมขอโทษสำหรับทุกอย่าง ทีนี้คุณปล่อยตัวผมได้แล้วใช่ไหม”

    “ก็คงได้”

    “ดีเลย แฮะๆ”รอยยิ้มหวานผุดขึ้นบนใบหน้าคล้ายเห็นหนทางสว่างรอดพ้นเอื้อมมือเจ้าพ่ออยู่ไม่ไกล ยังไม่ทันจะวิ่งถึงปลายทางก็ต้องสะดุดล้มลงซะก่อนเมื่อได้ยินประโยคถัดมา

    “แต่เพราะเป็นนาย..เซียวจ้าน ก็เลยถือเป็นข้อยกเว้น”

    “ว่าไงนะ!!”

    “นายเป็นความบังเอิญที่ดันโผล่เข้ามาอยู่ในแผนการของฉัน ยิ่งได้อ่านประวัตินายแล้วก็ยิ่งทำให้ฉันตัดสินใจปล่อยนายไปไม่ได้จริงๆ”

    “อ๋อ ผมรู้แล้ว หลังจากอ่านประวัติของผมคงทำให้คุณแทบตาลุกวาว ใครๆที่ได้รู้จักผมก็อาการไม่ต่างจากคุณนักหรอก คุณคงอยากได้สมบัติของพ่อผมสินะ ผมขอบอกไว้ก่อนว่าคุณอย่าเพิ่งคิดไกล ผมก็ส่วนผม พ่อก็ส่วนพ่อ เราสองคนเกี่ยวพันกันแค่ทางสายเลือดเท่านั้น คนอย่างเขาไม่มีทางยกมรดกให้ผมง่ายๆ ผมขอแนะนำให้คุณหาลูกเขยคนใหม่จะดีกว่า ผมไม่เหมาะกับลูกสาวคุณ ขนาดเกิดมาเป็นลูกของพ่อ..ผมก็ยังทำได้ไม่ดีพอด้วยซ้ำ”ผมหลุบตาต่ำลงเมื่อนึกย้อนไปถึงใบหน้าของใครอีกคน คำพูดหวานๆเสมือนครอบครัวจริงๆที่พูดใส่กันเกิดขึ้นครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ผมก็จำไม่ได้แล้ว

    “ฉันไม่ได้ต้องการสมบัติแต่ฉันต้องการอะไรที่มากกว่านั้น”

    “ถ้าคุณต้องการลูกเขยก็ช่วยเลือกคนที่ประวัติสะอาดกว่าผมก็แล้วกัน”

    “สิ่งที่ฉันต้องการอยู่ในตัวนาย..เซียวจ้าน ต้องเป็นนายแค่คนเดียว”

    “คุณพูดอะไรผมไม่เข้าใจ”

    “นายคือสมบัติอันล้ำค่า ดูท่านายคงไม่รู้ตัวเลยสินะ”

    “ถ้าคุณหมายถึงหน้าตาล่ะก็..ผมยอมรับก็ได้ พระเจ้าต้องทำงานหนักขนาดไหนกันนะกว่าจะสร้างสรรค์ผลงานล้ำค่าได้ถึงขนาดนี้”


    ในวันที่ไม่มีอะไรดีเลยแต่อย่างน้อยต้องจำไว้เสมอว่ายังมีหน้าตาของเราที่ยังดีอยู่


    “หึ..วาจาของนายนี่สมกับเป็นพ่อหนุ่มนักรัก มิน่าล่ะจื่ออี้ถึงได้หลงคารมของนาย เรื่องนั้นฉันไม่เถียง แต่สิ่งที่พูดไปทุกคำฉันหมายความตามนั้นจริงๆ”

    “.......”

    “ฉันกำลังยื่นข้อเสนอให้นาย..เซียวจ้าน นายจะยอมแต่งงานกับจื่ออี้หรือเปล่า นายจะยอมทำตราพันธะเพื่อเข้ามาเป็นคนในตระกูลของฉันไหม ถ้านายให้ความร่วมมือฉันสัญญาว่านายจะไม่เจ็บตัวแม้แต่นิด”

    “ตราพันธะงั้นเหรอ นี่มันไม่ต่างอะไรจากการจับคลุมถุงชนกับคนที่ไม่ได้รัก ทำไมผมต้องยอมเข้าไปเป็นคนในตระกูลของคุณด้วย เหอะ..ไม่มีวันซะล่ะ”

    “นั่นถือเป็นคำปฏิเสธ”

    ก็เออสิวะ

    “ในเมื่อฉันยื่นข้อเสนอแล้วนายไม่ยอมรับก็ช่วยไม่ได้..เพราะสิ่งที่ฉันต้องการไหลพล่านอยู่ในตัวนาย มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ฉันจะได้ครอบครองมันและตอนนี้ฉันก็กระหายซะเหลือเกิน”

    “คะ..คุณจะทำอะไร เฮ้ย!! อย่านะเว้ย!!”

    “ประทับตราพันธะให้เรียบร้อย พวกมึงลงมือได้!!”

    “ครับนาย!!”


    เมื่อสิ้นสุดการสนทนาผมก็ถูกพี่เบิ้มคนที่หนึ่งและพี่เบิ้มคนที่สองล็อคตัวเข้าให้ ส่วนพี่เบิ้มอีกคนทำท่าเตรียมอุปกรณ์บางอย่างซึ่งผมเดาเอาว่ามันคงเกี่ยวพันกับไอ้ตราพันธงพันธะอะไรนั่น ผมพยายามดิ้นหนีทั้งใช้ลูกถีบลูกเตะแต่ก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผลต่อร่างกายพี่เบิ้มแม้แต่นิด ในใจภาวนาถึงคุณงามความดีที่เคยทำไว้ให้ช่วยผมจนรอดพ้นจากสถานการณ์นี้สักที 


    สาธุคุณที่อยู่บนฟ้า

    ช่วยเสกอะไรถล่มลงมาก็ได้

    ช่วยลูกเสือตาดำๆคนนี้ด้วยเถอะ

    ถ้าผมรอดจากเหตุการณ์นี้ขอสัญญาว่าจะงดชานมไข่มุกเป็นเวลาสามเดือน

    เพี้ยงๆๆ


    ปัง!!


    ดูเหมือนคนบนฟ้าจะส่งความช่วยเหลือมารวดเร็วปานส่งพัสดุอีเอ็มเอส อยู่ดีๆก็เกิดเสียงวุ่นวายขึ้นด้านนอกโกดังพร้อมกับเกิดระเบิดควันทางด้านในบดบังวิสัยทัศน์ไปจนหมด ผมใช้จังหวะนี้ในการเอาหัวพี่เบิ้มสองคนเขกกันและรีบวิ่งหนีฝ่าความมืดทันที 


    เอ่อ..ถือว่าสัญญางดชานมไข่มุกที่พูดไปเมื่อกี้ไม่เคยเกิดขึ้นละกัน


    “เฮ้ยอย่าหนีนะเว้ย!!”


    แน่จริงก็ตามมาให้ทันสิไอ้พี่เบิ้มหัวเกรียน

    แบร่~~


    “เกิดอะไรขึ้นวะ!!”

    “นายครับ คือ..”

    “พูดมา!!”

    “คนของเขตแปดห้ายกพวกมาบุกรังเราแล้วครับนาย”

    “ว่าไงนะ!!”

    “จะให้ผมทำไงดีครับ หากสภากลางรู้ว่าเราทำผิดกฎแอบจับตัว..”

    “ช่างหัวสภากลางสิวะ!! ไปจับตัวเซียวจ้านมาให้ได้!! ถ้าใครเข้ามาขวางฆ่าทิ้งอย่าให้เหลือ!!”

    “ตะ..แต่..”

    “อะไรอีกวะ!!”

    “มันพา ‘ลูกๆ’ มาด้วยนะครับนาย”

    “หึ..ถ้าพวกมึงไม่มีปัญญาจัดการมันงั้นกูเองนี่แหละที่จะเป็นคนลงมือ ไปซะ!!”

    “คะ..ครับนาย”

    “ไอ้เขตแปดห้า ไอ้เด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”

    “.......”

    “อยู่ดีไม่ว่าดีรนหาที่ตายเองนะ หวังอี้ป๋อ”

























    “........”


    ผมใช้ความนิ่งสยบทุกความเคลื่อนไหวขนาดปวดตดยังต้องอดกลั้นเอาไว้ก่อน พี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งสองสามสี่กรูกันเข้ามาในห้องที่ผมใช้เป็นฐานลับชั่วคราว คนมันจะซวยช่วยไม่ได้มีห้องเป็นร้อยดันตามมาถูกอีกแน่ะ พวกมันเริ่มแบ่งกำลังกันค้นหายังที่ซ่อนต่างๆซึ่งคาดว่าผมจะหลบอยู่ในนั้น ยิ่งพวกมันเข้าใกล้มากเท่าไหร่ผมก็ยิ่งพยายามขดตัวเองอยู่ในซอกลังไม้ขนของให้เล็กที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากวิ่งหาทางออกอยู่นานผมก็ค้นพบว่าสถานที่แห่งนี้น่าจะยังไม่ใช่ฐานที่ตั้งของเขตหนึ่งสามที่แท้จริง เหมือนเป็นเพียงแค่โกดังเก็บของทั่วไปซะมากกว่า พวกมันจงใจจับตัวผมมายังโกดังร้างห่างไกลผู้คนด้วยเหตุผลบางอย่างซึ่งเกี่ยวข้องกับข้อมูลที่ผมรู้มาก่อนหน้านี้


    “ในเมื่อฉันยื่นข้อเสนอแล้วนายไม่ยอมรับก็ช่วยไม่ได้..เพราะสิ่งที่ฉันต้องการไหลพล่านอยู่ในตัวนาย มีเพียงวิธีเดียวเท่านั้นที่ฉันจะได้ครอบครองมันและตอนนี้ฉันก็กระหายซะเหลือเกิน”


    สิ่งที่ฉันต้องการไหลพล่านอยู่ในตัวนาย

    อะไรคือสิ่งที่ฉันต้องการ?

    หะ..ไหลพล่าน

    แถมยังมีวิธีเดียวเท่านั้นที่จะทำให้มันไหลออกมาเพื่อครอบครองมัน

    บ้าน่า..

    หรือว่าสิ่งที่มันต้องการจริงๆคือน้ำกะทิของผมอย่างงั้นเรอะ!!


    “เฮ้ย!! เจอตัวมันแล้ว จัดการเลย!!”


    ยังไม่ทันคิดฟุ้งซ่านได้นานนักในที่สุดผมก็ถูกพี่เบิ้มตามหาจนเจอเข้าซะก่อน ข้อมือบางเลือกหยิบสิ่งของต่างๆในห้องขึ้นมาเป็นอาวุธ รู้ทั้งรู้ว่าพลังทางกายผมไม่อาจสู้อีกคนได้แต่อย่างน้อยยอมต่อสู้จนตัวตายก็ดีกว่าถูกจับไปประทับตราพันธะบ้าบออะไรนั่น 


    “อย่าคิดหนีเลยดีกว่าน่า”

    “พี่เบิ้ม ระหว่างไข่กับไก่อะไรเกิดก่อนกัน”

    “ถามอะไรของมันวะ”

    “รู้ไหมว่าจริงๆแล้วไก่เกิดก่อนไข่อีกนะ”

    “.......”กินจุดกันไปตามระเบียบ

    “เพราะว่าถ้าไม่มีไข่ก็จะออกไก่เป็นตัวไม่ได้ เอ้ยไม่ใช่ๆๆ เพราะถ้าไม่มีไก่ก็จะฟักไข่ไม่ได้ แต่เอาจริงๆไม่ว่าจะไข่หรือไก่เกิดก่อนก็ไม่ใช่ว่าไก่จะเลือกเกิดก่อนหรือเกิดหลังแต่ไข่ต่างหากที่เลือกเกิดก่อนหรือเกิดหลัง อันที่จริงไก่นั่นแหละเกิดหลังแล้วไข่ก็ดันเกิดก่อน”

    “พวกมึงเข้าใจที่มันพูดไหม”

    “กูว่า..”

    “เสร็จโจ๋แล้วโว้ย!!”

    “โอ๊ยยย!!”

    “แสบชิบหาย จัดการมันเร็วๆสิ!!”


    ผมฉวยโอกาสตอนที่เหล่าพี่เบิ้มทำหน้างุนงงปัดเศษฝุ่นบนลังไม้ให้ฟุ้งกระจายจนเข้าตาคนตรงหน้าส่งผลให้พวกมันร้องโอดโอยเสียการมองเห็นไปพักใหญ่ ผมไม่ถนัดใช้กำลังก็จริงแต่อย่างน้อยสมองอันปราดเปรื่องของผมก็ยังทำงานดีอยู่ ด้วยสกิลพูดจาหลอกล่อเบี่ยงเบนความสนใจศัตรูถึงทำให้ผมหนีรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้


    “อะฮ่า..ทีนี้รู้ยังว่าไข่กับไก่อะไรเกิดก่อน แบร่~~”

    “แสบนักนะมึง!!”


    ไหนๆก็กำลังจะหนีพ้นแล้วขอหันไปแลบลิ้นเยาะเย้ยด้วยความสะใจสักหนึ่งทีก็แล้วกัน จังหวะที่ผมหัวเราะอย่างเริงร่าใส่เหล่าพี่เบิ้มทั้งหลายอยู่ดีๆพวกพี่เบิ้มก็เริ่มหยุดชะงักฝีเท้าลงอย่างกะทันหันทำให้ผมต้องพลอยหยุดตามไปด้วย สีหน้าซีดเผือดราวกับเห็นตัวประหลาดส่งผลให้ผมเอ่ยคำถามขึ้นมา


    “อะไร เป็นอะไรกัน ไม่อยากเล่นวิ่งไล่จับแล้วเหรอพี่เบิ้ม”

    “ขะ..ข้างหลัง”

    “หืมม”

    “ข้างหลังนะ..นั่นมัน..”


    แม้จะไม่เห็นในสิ่งที่พวกพี่เบิ้มเห็นแต่ผมก็เริ่มทำหน้าซีดเผือดไม่ต่างกัน สิ่งที่อยู่ข้างหลังผมตอนนี้ทำให้พี่เบิ้มหวาดกลัวมากซะจนหัวแทบหด 


    อย่าบอกนะว่าเป็นลาสบอส


    ด้วยความสงสัยปนอยากรู้จึงทำให้ผมตัดสินใจค่อยๆหันหลังกลับไปมองเจ้าสิ่งนั้นทันที วินาทีแรกที่เราสบตากันพลันเกิดความรู้สึกมวนท้องคล้ายจะอาเจียนอย่างห้ามไม่อยู่ ขาทั้งสองข้างชะงักงันตัวแข็งทื่อแน่นิ่งกับที่ไม่อาจก้าวเท้าขยับหนีไปไหน ดวงตาเบิกโพลงด้วยความตกตะลึงเพราะสิ่งที่ปรากฏ ณ เบื้องหน้าเป็นยิ่งกว่าลาสบอสซะอีก


    “โรบอท..มะ..มือสังหาร”

    “นะ..หนีเร็ว!!”


    วี้ด..


    เสียงผิวปากดังแทรกออกมาจากในความมืดเป็นดั่งคำสั่งเริ่มต้นการสังหารทันที สิงโตนักล่าตัวใหญ่ทั้งสองวิ่งกระโจนข้ามผมไปเพื่อจัดการเหล่าพี่เบิ้มที่กำลังวิ่งหนีกันอลหม่าน คนพวกนั้นช้าไปเพียงก้าวเดียวก็ถูกคมเขี้ยวของเจ้าป่าขย้ำเนื้อไม่เหลือชิ้นดี ผมไม่จำเป็นต้องมองภาพก็พอเดาได้จากเสียงร้อยโหยหวนขอชีวิตทางด้านหลัง จากหนึ่งเป็นสองจากสองเป็นสามจากสามเป็นสี่และจากสี่ก็ค่อยๆลดเสียงลงเจือจางสลายหายไป ไม่หลงเหลือแม้กระทั่งลมหายใจที่แสดงถึงการมีตัวตนอยู่


    “.......”

    “.......”


    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับชีวิตเซียวจ้าน

    ตอนนี้ผมควรได้นอนพักอยู่ในห้องโรงแรมหรือไม่ก็แช่น้ำอุ่นสบายตัว

    ทำไมพอลืมตาตื่นก็ดันพบว่าถูกจับโดยฝีมือเจ้าพ่อ

    แถมยังถูกบังคับให้ต้องแต่งงานกับลูกสาวเจ้าพ่ออีกต่างหาก

    ยังไม่ทันหนีไปไหนพ้นก็ต้องเจอสิงโตนักล่าก่อเหตุฆาตกรรมในระยะประชิดตัว

    นี่เป็นผลพวงจากการยกเลิกสัญญางดกินชานมไข่มุกหรือไงนะ


    หลังจากยืนครุ่นคิดอะไรเรื่อยเปื่อยในหัวอยู่นานผมก็เริ่มตั้งสติได้ เจ้าสิงโตนักล่าไม่ได้มุ่งหมายทำร้ายตัวผมอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่ามันค่อนข้างเป็นมิตร(?)ในระดับหนึ่ง ดูจากท่าทีของพวกพี่เบิ้มคงสรุปได้อย่างเดียวว่าเจ้าของสิงโตรวมถึงคนที่บุกเข้ามาทลายหัวหน้าแก๊งเขตหนึ่งสามต้องเป็นฝ่ายศัตรูอย่างแน่นอน นายอี้โจวคงเดินไปเหยียบหางแก๊งไหนสักแก๊งก็เลยถูกเอาคืน แท้จริงเขาไม่ได้ตั้งใจมาช่วยผมหรอกแค่มีหนี้ต้องสะสางกับหัวหน้าแก๊งเท่านั้น หากผมจะเดินออกไปจากสมรภูมิรบแห่งนี้ก็ย่อมทำได้สินะเพราะผมไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ตั้งแต่แรกซะหน่อย


    “.......”


    เว้นแต่ว่าผู้ชายที่ยืนซ่อนตัวอยู่หลังความมืดจะไม่ยอมให้ผมจากไปง่ายดายน่ะสิ


    วี้ด..


    พลันเสียงผิวปากดังขึ้นอีกครั้งสิงโตเจ้าป่าทั้งสองตัวก็เดินกลับไปหาผู้เป็นนายด้วยความเชื่องช่างดูไม่เหมือนสัตว์ที่เพิ่งทำการล่าเหยื่อมาหมาดๆ ผมเฝ้ารอให้ใครอีกคนเริ่มต้นบทสนทนาก่อนเพราะไม่รู้ว่าควรทักทายกันในสถานการณ์นี้อย่างไรดี


    เฮ้..เป็นไง

    สิงโตของนายขย้ำเก่งดีนะ


    หรือไม่ก็..

    สวัสดี

    ผมชื่อเซียวจ้าน

    สัตว์เลี้ยงของคุณน่ารักจัง

    มันเพิ่งช่วยชีวิตผมเอาไว้

    แลกเบอร์ติดต่อกันหน่อยดีไหม

    เผื่อวันไหนผมเดือดร้อนอีกจะได้รบกวนสิงโตของคุณช่วยมาจัดการให้ที


    “กลับ”น้ำเสียงเข้มเอ่ยขึ้นมาเรียบง่ายแต่แฝงไว้ด้วยความเด็ดขาดดึงให้ผมหลุดออกจากห้วงภวังค์

    “หะ..ห๊ะ”และแน่นอนว่าสิ่งที่เขาได้รับกลับไปจากผมมีเพียงคิ้วขมวดเข้าหากันเป็นปมเท่านั้น

    “ฉันบอกว่า..กลับ”

    “ผมไม่เข้าใจที่คุณพูดเลยสักนิด”


    ผมได้แต่ทำท่าทีงุนงงพลางจ้องมองร่างสูงขยับกายเดินออกจากความมืดราวกับถูกตรึงไว้ เขาใช้เพียงสามก้าวก็มาปรากฏตัวท่ามกลางแสงจันทร์ที่ฉายส่องจากด้านนอกหน้าต่าง ชายที่ยืนอยู่เบื้องหน้าถือว่าหล่อเหลาเอาการ อีกทั้งยังดูสง่า ท่าทางสุขุม แววตาสงบนิ่งดั่งทะเลสาบน้ำแข็ง ริมฝีปากเย็นชาเรียบตรงไร้ซึ่งความรู้สึก เขาปล่อยปอยผมให้ตกลงปรกหน้าเล็กน้อยและรวบผมด้านบนมัดเก็บไว้ข้างหลัง ชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มดูเข้ากันดีกับผมสีเทาอ่อน มันช่วยส่งให้เขาดูน่าเกรงขามเหมาะสมกับตำแหน่งที่พี่เบิ้มว่าเอาไว้เมื่อครู่


    โรบอทมือสังหาร

    นักฆ่าผู้เย็นชาไร้ความปราณีอีกทั้งยังใช้สิงโตเป็นอาวุธคู่กาย


    โอ้โหแฮะ

    เท่ชิบหายไปเลย


    “ฉันบอกว่า..กลับ”

    “กลับไปไหน”

    “กลับไปกับฉัน”

    “แฮะๆ วันนี้ผมเล่นสนุกมากพอแล้ว ตอนนี้ปวดตัวอยากกลับไปอาบน้ำนอนจะแย่ ไอ้แก๊งที่คุมเขตหนึ่งสามไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผมเลย ผมแค่ตกเป็นเหยื่อคนหนึ่งเท่านั้น”

    “.......”

    “คุณอยากจะแก้แค้นคู่อริก็ทำเลย ผมจะลืมเรื่องคืนนี้ให้หมด ไม่เอาไปฟ้องตำรวจแน่นอน งั้น..ทางใครทางมันก็แล้วกันนะ ราตรีสวัสดิ์”


    ฟุบ!!


    “อ๊ะ!!”


    ขณะที่ผมเตรียมชิ่งหนีออกมาก็ดันถูกล็อคคอจากทางด้านหลังเข้าซะก่อน ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทำให้ผมใช้ขาขวากระทืบลงแรงไปที่อีกคนทันที ไอ้คุณโรบอทไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆแต่กลับรีบจับผมทุ่มลงกับพื้นด้วยความโมโห เขากดตัวผมล็อคไว้ไร้หนทางใดให้ต่อสู้ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังพยายามดิ้นสุดแรงแม้จะสู้ไม่ได้ก็ใช้ฝีปากตะโกนดังลั่นให้เขาหนวกหูเล่นแทนแล้วกัน 


    ไม่ใช่ว่าไอ้หมอนี่ก็อยากทำตราพันธะบนร่างผมด้วยอีกคนหรอกเหรอ


    “ปล่อยโว้ยยยยยยยย ปล่อยยยยยย!!”

    “อย่าดิ้นได้ไหม”

    “อ๊าาา ตัวคุณ..ตัวนายหนักชะมัด!!”ตอนแรกก็อยากเคารพอยู่หรอกพอเจอแบบนี้เข้าอย่าเรียกมันเลยสรรพนามคำว่าคุณน่ะ

    “ถ้านายไม่คิดหนีฉันถึงจะปล่อย”

    “นายต้องการอะไรอีกล่ะ”

    “ตัวนาย”


    อีกแล้วเหรอ

    เดี๋ยวนี้เซียวจ้านหัดเนื้อหอมกับเพศเดียวกันตั้งแต่เมื่อไหร่


    “จะอะไรกันนักกันหนา ปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันไม่มีสิ่งที่พวกคุณ..มึง..นายต้องการหรอก”

    “ปล่อยไม่ได้”

    “ทำไมจะไม่ได้”

    “นายกำลังตกอยู่ในอันตราย”

    “ห๊ะ”สิ่งเดียวที่ผมเห็นคือตัวเขานี่แหละอันตรายมากที่สุดเลย

    “เพราะฉะนั้นนายถึงจำเป็นต้องกลับไปกับฉัน”

    “จะมีอะไรอันตรายไปกว่าไอ้สิงโตสองตัวนั้นอีก”

    “จะกลับไม่กลับ”

    “อ๊ะๆ ตรงนั้นเจ็บ!! นายช่วยพูดแบบที่เข้าใจง่ายๆหน่อยได้ไหม”

    “เรื่องมันยาวเอาไว้จะเล่าให้ฟัง”

    “ถ้าไม่เล่าตอนนี้แล้วจะให้ฉันไว้ใจนายได้ยังไง”

    “นายไม่มีสิทธิ์เลือกนอกจากไว้ใจฉัน”

    “เหอะ ตลกสิ้นดี เราสองคนรู้จักกันสักนิดไหม เจอกันครั้งแรกก็มาถึงเนื้อถึงตัวแถมชวนกลับบ้านอีกต่างหาก คิดไม่ซื่อหรือเปล่าเนี่ย”

    “ตอนนี้ยังไม่รู้จักแต่อีกหน่อยได้รู้แน่”

    “ฮะ..เฮ้ยย!! ปล่อยนะเว้ยยยยยย!! ปล่อยยยยยยย!!”


    อยู่ดีๆผมก็ถูกอีกคนอุ้มขึ้นพาดบ่าอย่างรวดเร็วทั้งที่ยังไม่ทันตัดสินใจอะไรด้วยซ้ำ เมื่อเห็นผมดิ้นมากๆเข้าไอ้คุณโรบอทก็ลงมือทำให้ผมสลบแบบไม่ถงไม่ถามสุขภาพกันสักคำ คืนนี้ผมจึงหลับตานอนอีกครั้งบนเตียงใหม่และหวังว่าเมื่อลืมตาตื่นอีกทีจะไม่ถูกจับมัดนั่งยางอยู่ที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้


    อาเมน


    “ได้ตัวเป้าหมายแล้ว”

    “พาคุณชายกลับคฤหาสน์เลยไหมครับ”

    “ไม่ ยังไม่ใช่ตอนนี้”

    “แล้วจะให้ผม..”

    “พาฉันไปที่ฐานลับของกลุ่มพันธมิตร”

    “รับทราบครับ เหล่าต้า!!”



     (*เหล่าต้า=ลูกพี่*)






















    “เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด อี้โจวต้องการสิ่งนั้นจริงๆด้วย”

    “พวกเราจะทำยังไงกันดี ถ้าแผนการของพวกมันสำเร็จต้องมีคนเดือดร้อนแน่”

    “สภากลางยังไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น”

    “เราควรรีบรายงานสภากลางให้เร็วที่สุดนะ”

    “ไม่มีประโยชน์ พวกเราตามสืบเรื่องนี้มาพักใหญ่แล้วแต่หลักฐานยังไม่มากพอถึงเอาผิดมันไม่ได้สักที”

    “ปล่อยให้เขตหนึ่งสามลอยนวลแบบนี้ไม่ดีแน่ เราไม่รู้เลยว่ามันวางแผนจะทำอะไรอีก”

    “นายคิดว่ายังไงอี้ป๋อ”

    “…….”


    ดวงตาคมจ้องมองใบหน้าของชายผู้หนึ่งซึ่งปรากฏอยู่บนจอมอนิเตอร์มีตัวอักษรด้านข้างระบุข้อมูลชัดเจนว่า ‘เซียวจ้าน’ เขากำลังรับฟังกลุ่มพันธมิตรร่วมประชุมหารือหัวข้อสำคัญด้วยความนิ่งสงบอยู่นานราวกับพยายามใช้ความคิด


    เขตหนึ่งสาม

    องค์กรใต้ดิน

    กระบวนการค้ามนุษย์


    ทุกอย่างล้วนเชื่อมโยงกัน

    มาจนถึงวันนี้ดันมีชื่อชายปริศนาเพิ่มมาอีกหนึ่ง


    ‘เซียวจ้าน’


    ย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทุกอย่าง ‘อี้โจว’ เจ้าพ่อมาเฟียชื่อดังผู้เป็นหัวหน้าดูแลเขตหนึ่งสาม ชายผู้นั้นกับพ่อของเขาเคยเป็นคู่ค้าทางธุรกิจกันมาก่อน หลังจากที่พ่อเขาเสียไปและได้ยกตำแหน่งให้เขาขึ้นมาดูแลเขตแปดห้า ความสัมพันธ์ของพวกเราทั้งสองตระกูลก็สั่นคลอนเพราะเขาค้นพบถึงความผิดปกติบางอย่างซึ่งเกี่ยวพันกับธุรกิจมืด


    เมืองชิรัณย์ 


    ประเทศที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถิ่นมาเฟียเก่าเพราะในสมัยก่อนผู้คนนับถือตนเป็นใหญ่ เกิดการก่อตั้งตระกูลต่างๆมากมายกลายเป็นประเทศแห่งศูนย์รวมของเหล่าเจ้าพ่อทั้งหลาย ในยุคมืดนั้นธุรกิจผิดกฏหมายมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ต่อมาจึงได้มีองค์กรหนึ่งที่เรียกกันว่าสภากลางทำการกวาดล้างปฏิรูปประเทศให้กลับมาขาวสะอาดดังเดิม สภากลางเป็นดั่งผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศโดยมีหน้าที่คอยแบ่งเขตการปกครองให้กับกลุ่มคนรุ่นหลังรวมถึงผู้สืบทอดสายเลือดประจำตระกูลอันเก่าแก่ หลังจากแบ่งการปกครองแล้วผู้ดูแลเขตจะต้องเคารพกฎซึ่งกันและกัน ไม่ก้าวก่ายอำนาจที่อยู่นอกเหนือพื้นที่ของตัวเองเป็นอันขาดเพื่อความสงบและเป็นระเบียบเรียบร้อย นอกจากนั้นก็ยังมีกฎอีกข้อหนึ่งที่สำคัญซึ่งระบุไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามไม่ให้ตระกูลใดก็ตามไปเกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจมืดหรือพัวพันถึงธุรกิจผิดกฎหมาย แต่ดูเหมือนว่าอี้โจวกำลังคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อสภากลาง แผนการบางอย่างที่เขาค้นพบนำมาซึ่งการประชุมใหญ่ระหว่างกลุ่มพันธมิตรในวันนี้


    แน่นอนว่าแผนการนั้นเกี่ยวพันกับผู้ชายที่ชื่อเซียวจ้านด้วยเช่นกัน


    “ว่ายังไงอี้ป๋อ ทุกคนรอการตัดสินใจของนายอยู่”เจ้าของชื่อถอนหายใจไล่ความคิดที่ไหลวนในหัวพลางจ้องมองไห่ควานผู้เป็นเจ้าของคำถาม ไห่ควานถือเป็นรุ่นพี่และคู่ค้าคนสำคัญที่เขามักปรึกษาปัญหาชีวิตบ่อยที่สุดเวลามีเรื่องไม่สบายใจ

    “ตอนนี้เราทำได้แค่ปกป้องเป้าหมาย ส่วนการสืบหาหลักฐานเพิ่มเติมคงต้องรอเวลาที่พวกมันเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้ง สภากลางจะไม่มีทางเชื่อข้อมูลที่ไม่มีน้ำหนักมากพอ”

    “เรื่องเก็บรวบรวมหลักฐานรายงานต่อสภากลางปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉัน”

    “ฉันจะช่วยประสานงานเรื่องนี้เอง”

    “ขอบใจมากจี้หยาง จั๋วเฉิง”ชายหนุ่มเอ่ยกับคนทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม จั๋วเฉิงมีสายสืบแองแฝงตัวอยู่ในทุกพื้นที่ ส่วนจี้หยางมีความสัมพันธ์อันดีกับหลายตระกูลคงพอช่วยเป็นหูเป็นตาแทนกันได้

    “อวี้เฉิน นายช่วยส่งคนไปดูแลชายคนนั้นได้ไหม ฉันหมายถึงพ่อของเซียวจ้าน”

    “พี่ไห่ควาน พี่คิดว่าพวกมันจะกล้าไปยุ่งกับพ่อของเซียวจ้านด้วยเหรอ”

    “กันไว้ก็ดีกว่าแก้ จริงไหมอี้ป๋อ”

    “.......”

    “อวี้เฉินคนนี้ขอรับประกันว่าจะทำสุดความสามารถ สบายใจหายห่วงได้เลย”เจ้าตัวยักคิ้วอย่างอารมณ์ดีพลางเก็บแฟ้มเอกสารต่างๆเตรียมไปทำหน้าที่ของตน จะมีก็เพียงแค่ชายหนุ่มผู้นั่งตำแหน่งเก้าอี้หัวโต๊ะที่ยังคงเป็นกังวลอยู่


    ยิ่งมีบุคคลนอกเข้ามาเกี่ยวพันมากเท่าไหร่แผนการเปิดโปงธุรกิจมืดของอี้โจวก็ยิ่งยากมากขึ้นเท่านั้น


    (*อวี้เฉินคือพ่อขนมเข่งในปมจ*)

    (*จี้หยางคือคนงามเมืองอี้ในปมจ*)

    (*จั๋วเฉิงคืออาเฉิงคนซึนในปมจ*)

    (*ไห่ควานคือศิษย์พี่มือชงอันดับหนึ่งในปมจ*)



    ไม่นานนักทุกคนก็ทยอยแยกย้ายกันออกไปหลังจากประชุมหารือเสร็จเรียบร้อย เดิมทีมีแค่เขากับไห่ควานที่อยู่ในกลุ่มพันธมิตรแต่ต่อมาไห่ควานเป็นผู้ชักชวนให้อวี้เฉิน จี้หยาง และจั๋วเฉิงเข้ามาร่วมในกลุ่มเดียวกันโดยมีเป้าหมายหลักคือการกวาดล้างผู้ใช้อิทธิพลมืด หลังจากสภากลางเห็นชอบทำเรื่องอนุมัตินั่นหมายถึงสมาชิกในกลุ่มพันธมิตรทุกคนจะต้องถือตนเป็นพี่น้องกัน หากมีใครคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลใดตระกูลหนึ่งก็ให้ถือว่ามีศัตรูร่วมกันทั้งหมด ทั้งที่อี้โจวก็รู้ความจริงข้อนี้ดีและรู้ด้วยว่าเขาไม่คิดจะปล่อยให้ลอยนวลไปง่ายๆ ทำไมอีกคนถึงไม่ยอมหยุดแต่กลับลากบุคคลนอกเข้ามามีส่วนร่วมในแผนการเพิ่มมากขึ้นไปอีก


    มังกรหัวเดียวริอาจจะสู้กับมังกรห้าหัว

    หรือว่าอี้โจวมีแผนการอะไรลอบวางเอาไว้

    นี่มันคิดจะทำชั่วอะไรอีกนะ


    “อี้ป๋อ”ไห่ควานส่งเสียงเรียกดึงสติเขากลับมา ข้อมือหนาจัดการปิดประตูเพื่อกันไม่ให้ลูกน้องตนได้ยินเรื่องที่จะคุยกันต่อจากนี้

    “พี่ไห่ควาน”

    “นายยังไม่หยุดคิดอีกเหรอ”

    “ข้อมูลที่ผมรู้มาผมจะยังไม่บอกกลุ่มพันธมิตรจนกว่าผมจะแน่ใจจริงๆ ผมรู้ว่าอี้โจวต้องการบางสิ่งและเรื่องนี้เกี่ยวพันกับเซียวจ้านโดยตรง มันถึงได้วางแผนหลอกล่อให้เซียวจ้านมาที่เมืองชิรัณย์”

    “ผู้ชายคนนั้น..โชคร้ายที่ต้องตกมาเป็นเครื่องมือของคนชั่ว”

    “โครงการลับที่พ่อของเขาเคยสร้างไว้เมื่อหลายปีก่อน”

    “อี้ป๋อ นายคิดว่ากุญแจสำคัญในโครงการลับนั้นคืออะไร”

    “ผมคิดว่า..”

    “.......”

    “กุญแจสำคัญที่พ่อของเขาเก็บซ่อนไว้ในโครงการลับก็คือเซียวจ้าน”

    “.......”

    “คือเลือดของเขา นั่นแหละคือกุญแจสำคัญ”

    “นายแน่ใจเหรอ”

    “ผมค่อนข้างแน่ใจจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ อี้โจวตั้งใจจะใช้ตราพันธะผูกมัดให้เซียวจ้านกลายเป็นคนในตระกูล ถ้ามันทำสำเร็จมันจะมีสิทธิ์ในตัวของเซียวจ้านทุกอย่าง”

    “ตราพันธะมีผลผูกพันทั้งกายและใจหากแต่การประทับตราต้องเกิดจากความยินยอมทั้งสองฝ่าย”

    “แล้วพี่คิดว่าคนกระหายอำนาจอย่างอี้โจวจำเป็นต้องรอความยินยอมด้วยเหรอ”

    “ก็ไม่น่ะสิ”

    “อี้โจวต้องการใช้เลือดของเซียวจ้านเพื่อทำบางอย่าง เจ้าตัวน่าจะยังไม่รู้ถึงความจริงข้อนี้และควรปล่อยให้เขาไม่รับรู้ต่อไปเพื่อความปลอดภัยของตัวเขาเอง”

    “อี้ป๋อ..พี่เป็นห่วงนายนะ ยิ่งเราสืบใกล้ความจริงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสี่ยงอันตรายมากเท่านั้น เมื่อคืนนี้นายบุกไปที่โกดังและทำร้ายคนของอี้โจว มันคงไม่กล้ารายงานสภากลางแต่มันไม่มีทางปล่อยนายเอาไว้แน่ ตอนนี้นายเก็บสิ่งที่มันต้องการเอาไว้ใกล้ตัว ไม่ช้าก็เร็วมันจะต้องมาทวงสิ่งที่มันต้องการกลับคืนไป”

    “เซียวจ้านไม่ใช่สิ่งของ ผมจะดูแลให้เขาอยู่ในความปกครองของผมเอง”

    “นี่มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆแล้วนะ พี่กลัวว่านายจะรับมือพวกมันไม่ไหว อี้โจวไม่สนใจกฎระเบียบหรือสภากลางด้วยซ้ำ มันสามารถเล่นสกปรกกับนายได้ทุกเมื่อ”

    “งั้นเหรอ”ร่างสูงแค่นเสียงเย็นชาพลางมองออกไปนอกหน้าต่าง ดวงตาคมฉายแววดั่งนัยน์ตาปีศาจที่พร้อมสังหารศัตรูให้ตายคามือ

    “อี้ป๋อ..”

    “ก็ให้มันลองดูสิ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าระหว่างมันกับผม..มือของใครจะเปื้อนเลือดสกปรกมากกว่า ดูท่าลูกๆของผมคงกระหายอยากออกล่าเหยื่อจะแย่แล้ว”ไห่ควานหัวเราะเบาๆเมื่อนึกถึงใบหน้าลูกๆที่อีกคนหมายถึง

    “นายนี่สมกับฉายาโรบอทมือสังหารจริงๆ แต่ถึงยังไงนายก็ปกป้องเซียวจ้านในสภาพที่เป็นอยู่ตลอดไปไม่ได้หรอก”

    “พี่จำเรื่องที่ผมเคยพูดเอาไว้ได้ไหม เกี่ยวกับตราพันธะ”

    “นายคงไม่ได้คิดที่จะ..”

    “ครับ ผมกำลังคิด”

    “นายรู้ดีว่าผลที่ตามมาคืออะไร นายยอมที่จะเสียสละส่วนตัวงั้นเหรอ”

    “ถ้าเพื่อปกป้องส่วนรวมแล้วทำไมผมต้องลังเล”

    “อี้ป๋อ นายลองคิดให้ดีๆนะ”

    “ผมคิดมาดีแล้ว”


    เพราะมันคือวิธีเดียวที่สามารถปกป้องผู้ชายคนนั้นให้อยู่ข้างกายได้


    “การทำตราพันธะมีสิ่งที่ต้องแลก มันมีผลผูกพันทั้งกายและใจหากแต่การประทับตราต้องเกิดจากความยินยอมทั้งสองฝ่าย”

    “ผมยินยอม ส่วนที่เหลือก็แค่..”


    หาวิธีทำให้อีกฝ่ายยินยอมประทับตราพันธะก็เท่านั้นเอง
























    “โอ๊ยยย..ปวดชิบ”


    น้ำเสียงโอดโอยมาพร้อมกับสติที่หลุดออกจากห้วงความฝัน ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมองเพดานพยายามครุ่นคิดถึงสิ่งที่เกิดกับตัวเอง จะว่าดูคล้ายความฝันก็ไม่เชิงแต่ดูคล้ายความจริงก็เหลือเชื่อเกินไปหน่อย 


    เปิดระบบทวนความทรงจำแบบเร่งด่วน

    เมื่อคืนผมถูกช่วยโดยฝีมือคู่อริที่ตั้งใจมาถล่มรังเจ้าพ่อแต่เขากลับได้ของฝากติดมือกลับบ้านซึ่งก็คือเซียวจ้านผู้ทรงเสน่ห์คนนี้

    จบการรายงานความทรงจำ


    “โรบอทมือสังหาร!!”


    พอเริ่มปะติดปะต่อเรื่องราวก่อนที่ผมสลบไปก็ต้องเผลอกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ผมยังคงจำน้ำเสียงสุดท้ายของพี่เบิ้มได้ดีว่าโหยหวนแค่ไหนยามถูกสิงโตขย้ำเนื้อและคนที่สั่งการก็ยังคงลอยนวลอยู่


    ต้องรีบหนี!!

    หนีให้ไกลไอ้คุณโรบอทหน้านิ่งมากที่สุดเท่าที่จะทำได้!!


    ไวเท่าความคิดผมรีบลุกออกจากเตียงและตรงไปยังบานประตูทันที แทบไม่มีเวลาสังเกตด้วยซ้ำว่าตอนนี้ถูกจับตัวมาอยู่ที่รังของใครกันแน่ ไม่ว่าจะเป็นรังของใครก็ตามผมไม่พร้อมทำตราพันธะอะไรทั้งนั้น ผมจะไม่มีวันยอมจบชีวิตโสดของตัวเองในเมืองที่ขึ้นชื่อว่าเป็นถิ่นมาเฟียเก่าอย่างชิรัณย์เป็นอันขาด


    “.......”


    มือทั้งสองข้างกำลูกบิดประตูแน่นก่อนจะค่อยๆลองขยับเพื่อเปิดมันออก ผลปรากฏว่าห้องนี้ไม่ได้ถูกล็อคอย่างที่คิดเอาไว้ ถึงอย่างนั้นผมก็ยังคงระวังตัวเองอยู่เสมอ คนอย่างเขาไม่น่าหละหลวมถึงขั้นปล่อยให้นักโทษหนีไปง่ายๆ ถ้าหากที่คุมขังไม่ถูกปิดตายนั่นก็หมายความว่า..


    “แฮะๆ หวัดดี”


    หมายความว่ามีผู้คุมคอยเฝ้านักโทษอยู่น่ะสิ


    ผมแอบตกใจเล็กน้อยเมื่อเจอกับชายคนหนึ่งที่ยืนเฝ้าประตูอยู่ไม่ห่างจึงทำทีโบกมือทักทาย ดูจากท่าทางแล้วคนนี้น่าจะใจดีกว่าพวกพี่เบิ้มที่พบเมื่อคืนเป็นร้อยเท่า 


    “คุณชายฟื้นแล้วเหรอครับ”นอกจากจะส่งยิ้มคืนกลับมาก็ยังพูดจาโต้ตอบด้วยเสียงไพเราะอีกแน่ะ ช่างต่างจากเจ้านายผู้สั่งให้สิงโตขย้ำคนมาหมาดๆราวฟ้ากับเหว

    “อ้อใช่ๆ เพิ่งฟื้นเมื่อกี้ก็เลยออกมาสำรวจสถานที่(หลบหนี)น่ะ ว่าแต่นายคือ..”

    “ผมชื่ออวี๋ปินแต่คุณชายเรียกปินปินก็ได้ครับ”เจ้าตัวพูดพร้อมกับฉีกยิ้มกว้างไปถึงใบหู แบบนี้ค่อยน่าสนทนาด้วยหน่อย

    “นายเป็นคนของโรบอทเหรอ”

    “โรบอท..เอ่อ..”

    “ก็คนที่หน้านิ่งๆเหมือนโรบอทไง คนที่จับตัวฉันมาแล้วสั่งให้นายเฝ้าไว้น่ะ”

    “อ๋อ..คุณชายคงหมายถึงเจ้าของฉายาโรบอทมือสังหาร”

    “เออนั่นแหละ”

    “ทำไมคุณชายถึงเรียกว่าโรบอทล่ะครับ”

    “ก็ใครใช้ให้เขาทำหน้านิ่งสมฉายาล่ะ ฉันไม่รู้จักชื่อก็เลยต้องเรียกแทนว่าโรบอทไปก่อน”

    “หวังอี้ป๋อครับคุณชาย”

    “หืมม”

    “ชื่อของเหล่าต้าคือหวังอี้ป๋อ”

    “เรียกยากกว่าโรบอทเยอะเลยแฮะ”

    “ว่าแต่คุณชายต้องการอะไรเพิ่มเติม ให้ผม..”

    “ไม่ต้องหรอกปินปินอา~ ฉันแค่อยากถามอะไรนิดหน่อย”ได้เวลาตีซี้แล้วสิ

    “ได้ครับคุณชาย”

    “ทำงานที่นี่นายได้เงินเดือนดีไหม”

    “เอ่อ..คุณชายถามทำไมเหรอครับ”

    “ถ้าฉันบอกว่าฉันจะเสนอเงินให้นายเป็นสองเท่ามากกว่าเงินเดือนที่นายได้รับ นายจะตกลงหรือเปล่า”

    “คะ..คุณชาย..จะเสนอเงินให้ผมทำไมครับ”

    “ง่ายมากเลยปินปินอา~”

    “.......”

    “ฉันก็อยากให้นายพาหนีไปจากที่นี่น่ะสิ ถามได้”


          (*อวี๋ปินคือน้องเวินหนิงขุนพลผีในปมจ*)




















    “ปล่อยโว้ยยยยย!! ปล่อยยยยย!!”

    “อยู่นิ่งๆได้ไหม”

    “อ๊ากกก!! ช่วยด้วย!! ผมกำลังถูกลักพาตัว!! ปล่อยยยยย!!”


    ตุบ!!


    ผลจากความพยายามติดสินบนลูกน้องของศัตรูผู้ซื่อสัตย์ผลลัพธ์ลงเอยด้วยการที่ผมถูกนายโรบอทอุ้มขึ้นพาดบ่าทันที อวี๋ปินส่งยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่เอาเรื่องลับระหว่างเราสองคนไปฟ้องนายตัวเองได้สำเร็จ 


    จำไว้เลยนะปินปิน!!


    “ออกรถได้”


    ผมไม่รู้ว่าตัวเองกำลังจะถูกพาไปที่ไหนเพราะอีกคนไม่ยอมอธิบายเรื่องราวให้ผมฟังสักอย่าง ร่างสูงนั่งนิ่งตลอดทางพลางเสมองออกไปยังบริเวณนอกหน้าต่างไม่คิดสบตากันสักวินาที ผมเห็นว่าไร้ประโยชน์ที่จะขัดขืนจึงเริ่มชวนสนทนาทั้งที่รู้ว่าอาจกลายเป็นการชวนคุยฝ่ายเดียวก็ตาม


    “นี่..”

    “.......”

    “อี้ป๋อ”

    “.......”


    สมกับเป็นโรบอทจริงๆด้วยแฮะ


    “ฉันมีสิทธิ์รู้อะไรสักอย่างไหม ปกติในละครพวกผู้ร้ายจะบอกแผนการให้ตัวเอกฟังหมดเลยนะ นายเล่นจับฉันมาแบบนี้ไม่คิดจะพูดสักคำหรือไง”

    “ไว้ค่อยเล่าให้ฟัง”

    “แต่ฉันอยากรู้ตอนนี้นี่ หัวหน้าเขตหนึ่งสามอะไรนั่นต้องการให้ฉันแต่งงานกับจื่ออี้ พอฉันไม่ยอมก็ทำท่าจะประทับตราพันธะบ้าอะไรก็ไม่รู้ แล้วอยู่ๆนายก็มาทำลายรังของมันจนไม่เหลือซากแถมยังจับตัวฉันมาอีกต่างหาก”

    “.......”

    “นายมีความแค้นอะไรกับอี้โจวเหรอ”

    “.......”

    “หรือแท้จริงแล้วนายแอบชอบจื่ออี้ ดูท่าอี้โจวคงไม่ชอบลูกเขยที่มีกลิ่นสาปสิงโตใช่ไหมล่ะ ฮะฮ่า~”

    “.......”

    “อ้อ..ต้องใช่แน่ๆ นายไม่อยากให้ฉันแต่งงานกับจื่ออี้ก็เลยจับตัวฉันมา ถ้าเป็นเพราะเรื่องนี้เราคุยกันได้นะ”

    “เมื่อไหร่นายจะหยุดพูดสักที”

    “ก็จนกว่านายจะยอมบอกเหตุผลนั่นแหละ”

    “ช่วยนั่งเงียบๆจนกว่าจะกลับถึงคฤหาสน์ได้ไหม”

    “แล้วไอ้เมื่อกี้มันยังไม่ใช่คฤหาสน์หรือไง บ้านนายมีกี่หลังกันแน่เนี่ย เป็นเจ้าพ่อมาเฟียแยกร่างได้เหรอนายน่ะ ทำไมถึงนอนหลายเตียงนัก”

    “เอ่อ..คุณชาย สถานที่เมื่อกี้คือฐานลับของกลุ่มพันธมิตรครับ ที่ที่เรากำลังจะไปต่างหากคือบ้านของเหล่าต้า”

    “อวี๋ปิน”

    “.......”

    “ขับรถไป”

    “คะ..ครับ”


    คนถูกดุทำเสียงตะกุกตะกักไม่กล้าเอ่ยปากขัดขึ้นมาอีกแสดงถึงความเคารพต่อคำสั่งผู้เป็นนาย ไอ้คุณโรบอทคงจะปกครองลูกน้องด้วยความกลัวล่ะสิ มิน่าล่ะตอนที่ผมเสนอเงินให้นอกจากอวี๋ปินจะไม่รับยังคาบเอาเรื่องนี้ไปรายงานอีกต่างหาก


    “ส่วนนาย..”

    “หืมม”

    “ฉันจะเล่าทุกอย่างให้ฟังเมื่อกลับไปถึงคฤหาสน์”

    “แต่..”

    “ถ้าไม่เงียบก็ลงจากรถไปซะ”


    ผมอดเบ้ปากใส่คนที่นั่งอยู่ด้านข้างไม่ได้ เขาคงคิดสินะว่าโลกใบนี้ต้องหมุนรอบตัวเขาตลอดเวลา ถ้าหากผมอยู่ในสถานะลูกน้องก็คงต้องยอมทำตามคำสั่งโดยดีแต่ขอโทษทีที่ผมดันเป็นเซียวจ้านและมีสิ่งหนึ่งที่เขาควรรู้ไว้


    ผมไม่ใช่ลูกน้องของใครหน้าไหนทั้งนั้น

    เขาคิดว่าผมไม่กล้าทำในสิ่งที่เขาพูดงั้นเหรอ

    ผมจะแสดงให้ดูว่าผมกล้ามากกว่าที่เขาคิดเอาไว้


    ฟึบ!!


    “นายจะทำอะไร!!”

    “ก็ลงจากรถไงเล่า!!”


    ข้อมือบางกดเปิดประตูรถกะทันหันพัดพาเอาสายลมด้านนอกให้ลอยเข้ามา ผมตั้งใจว่าจะแอบกระโดดลงจากรถในช่วงที่อวี๋ปินตีโค้งเพราะช่วงนั้นรถจะชะลอตัวลงถึงแม้กระแทกพื้นก็คงไม่เจ็บเท่าไหร่นัก


    เอาวะ

    ลองเล่นหนังบู๊ดูสักครั้ง

    อย่างมากก็คงแค่เจ็บตัวไม่ถึงตายหรอก


    หมับ!!


    “ใครใช้ให้นายทำจริง เซียวจ้าน!!”


    ยังไม่ทันที่ผมจะได้เริ่มทำตามแผนการข้อมือหนาก็เอื้อมมาดึงประตูเอาไว้ซะก่อน พวกเรายื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่นานแต่ไม่ว่าผมพยายามดิ้นรนขัดขืนแค่ไหนก็ดูเหมือนเขาจะไวกว่าผมหนึ่งก้าวเสมอ ทันทีที่ประตูปิดลงอี้ป๋อก็กดเสียงต่ำสั่งให้อวี๋ปินล็อครถสกัดหนทางหลบหนีพร้อมส่งสายตาอาฆาตชนิดที่ว่าดุดันยิ่งกว่าสิงโตตอนออกล่าเหยื่อซะอีก


    “ตัวแสบ!!”

    “อ๊ะ!! ปะ..ปล่อยยยย!!”


    เมื่อความอดทนถึงขีดสุดอี้ป๋อก็จัดการกระชากเสื้อเชิร์ตที่ปกคลุมร่างคนตรงหน้าออกก่อนจะใช้มันทำเป็นเชือกมัดแขนคนคิดหนีเอาไว้ ผมอยู่ในสภาพท่อนบนเปลือยเปล่าพร้อมกับถูกจับมัดแขนทั้งสองข้างชูไว้เหนือหัวและไม่นานนักเขาก็กดผมให้เอนลงไปนอนกับเบาะ ไม่เพียงเท่านั้นแต่ร่างสูงยังโถมทั้งตัวลงมาเป็นเชือกพันธนาการไม่ให้ผมดิ้นรนขัดขืนอีก แม้พยายามจะก่นด่าออกไปแต่ก็ถูกอุ้งมือหนาของเขาปิดปากซะก่อน 


    “อ่อยอะเอ้ยไอ้อนอั่ว!!” 

    “นายกำลังทำให้ฉันหมดความอดทน”

    “อนไอ้อ้ายอ้อไอ้อ้องอน อ่อยยยยยย!!”

    “หึ ในเมื่อดื้อนักก็อยู่ท่านี้จนกว่าจะถึงที่หมายก็แล้วกัน”

    “ไอ้อนอ้า!! อ่อยยยย!! อื้อออออ!!”


    อวี๋ปินอดที่จะสงสารแขกของเจ้านายตัวเองไม่ได้หลังจากเห็นภาพการต่อสู้ขนาดย่อมผ่านทางกระจกหลัง คนทั้งคู่คงไม่รู้ตัวเลยว่าจากสายตาบุคคลที่สามร่างกึ่งเปลือยเปล่าทาบทับบดเบียดกันอยู่บนเบาะชวนให้จินตนาการไปไกลเพียงใด


    เหล่าต้าไม่เคยถึงเนื้อถึงตัวใครมากเท่านี้มาก่อน

    แถมยังไม่เคยแสดงอาการฉุนเฉียวราวกับคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่

    ใกล้จะอดใจไม่ไหวแล้วหรือเปล่านะ


    ก็ไม่แปลก

    ผู้ชายที่ชื่อเซียวจ้านมีรอยยิ้มหวานแถมยังมีลูกเล่นแพรวพราว

    คนแบบนี้แหละเหมาะสมจะมากระเทาะก้อนน้ำ ‘แข็ง’ เหล่าต้าของเขาเป็นที่สุด

    แต่ยังไงก็น่าสงสารอยู่ดี

    เอวบางแค่นั้นเองจะรับแรงของเหล่าต้าพ้นถึงรุ่งเช้าได้ยังไง


    อืมมม

    จะว่าไป..รุกแรงตั้งแต่ยังไม่ทันถึงคฤหาสน์

    สมกับเป็นทั่นจริงๆ

    เรื่องนี้ต้องขยายซะหน่อยแล้ว


    นิ้วเรียวแอบหยิบมือถือขึ้นมารายงานสถานการณ์ลงไปในกลุ่มลับที่เอาไว้คุยสัพเพเหระระหว่างเพื่อนร่วมงานด้วยกัน อวี๋ปินยิ้มร่าหลังจากกดส่งข้อความลงไปในกลุ่ม ‘ตั้งมาสักชื่อมันจะตายหรือไง’ สำเร็จ



    ‘ทุกคน..เตรียมตั้งรับข่าวใหญ่เอาไว้ให้ดี’

    ‘.......’

    ‘ดูท่าว่าพวกเรากำลังจะได้ต้อนรับต้าซ้ออย่างเป็นทางการอีกไม่นานแล้วล่ะ’



    ..อ่านแล้ว 85 คน..



    ‘OMG!!’




     (*ต้าซ้อ=พี่สะใภ้ ในบริบทหมายถึงเมีย..แค่กๆ แฟนของลูกพี่*)




    << To Be Continued >>

    #ตราพันธนาการหัวใจ


    ได้ฤกษ์เปิดเรื่องใหม่อีกแล้ว(ทั้งที่เรื่องเก่ายังไม่จบ555)

    ช่วงนี้เดินวนในกูซูเพราะหลงป๋อตี้จ้านเกอมากๆ ><

    ถ้ามีตัวละครใหม่จะพยายามใส่ชื่อนักแสดงเอาไว้ด้านล่างนะคะเวลาอ่านจะได้นึกภาพออก

    เดี๋ยวอีพีหน้าจะพาน้องสิงโตมาทำความรู้จัก น้องไม่ดุอย่างที่คิดน้า

    ในส่วนของช่วงแรกจะใส่ข้อมูลมาเยอะหน่อยหวังว่าจะไม่งงกันนะคะ

    เจอกันใหม่อีพีหน้าถ้าได้รับผลตอบรับดีจะขยันมาอัพบ่อยๆไปเล้ยย


    รักนักอ่านและนักอ่านเงาทุกท่าน *ปาหัวใจชุบแป้งทอดใส่บ้าน*


    ปล.ทั่นป๋อในเรื่องทำผมลักษณะประมาณนี้นะคะ ไม่รู้จะอธิบายยังไงขอแปะภาพละกัน






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×