หนังสือโบราณและจี้ลึกลับ ปาฏิหาริย์รักทรงพลัง
อ่านเองเหะ..รับรอง..ไม่หนุกเย้ย 555+
ผู้เข้าชมรวม
157
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
หนังสือโบราณและจี้ลึกลับ ปาฏิหาริย์รักทรงพลัง
มินามิ เด็กสาวอายุ 17 ปี อาศัยอยู่ ณ ศาลเจ้าแห่งหนึ่งมาตั้งแต่เล็ก หลังจากที่พ่อและแม่ของเธอ ซึ่งเป็นนักโบราณคดีได้เสียชีวิตอย่างไร้สาเหตุ ทุกคนเล่าว่าพ่อและแม่ของฉันเสียชีวิตด้วยอาการตกใจ จึงหัวใจวายอย่างฉับพลัน ฉันจึงมาอาศัยอยู่กับแม่ชีปาเรียซึ่งเป็นคุณยายของเธอ ฉันฝันอยากเป็นนักโบราณคดีเพื่อจะทำงานวิจัยที่พ่อและแม่ของเธอและคณะทีม ได้ช่วยกันทำไว้ก่อนจะเสียชีวิตให้เสร็จ แต่เธอก้อแค่นักเรียน ม.ปลาย ธรรมดาคนนึง ตอนนี้ที่ฉันทำได้ก้อคือ ... ตั้งใจเรียนให้จบ แต่เธอก้อคิดอยู่เสมอว่าสาเหตุการเสียชีวิตของพ่อและแม่ของเธอย่อมไม่ใช่แค่หัวใจวายอย่างเดียวแน่ๆ เธอจึงพยายามตามหาผู้ที่ร่วมทีมวิจัยที่พ่อและแม่ของเธอทำงานเสียชีวิต แต่การหาใครซักคนซึ่งก้อไม่รู้ที่ชื่อและหน้าตาเลยเนี่ยมันก้อยากมากหรือแทบจะไม่มีโอกาสเลยก้อว่าได้ แต่พ่อและแม่ของฉันได้ให้สร้อยจี้หินสีขาวกับเธอไว้ก่อนตาย ฉันก้อไม่รู้เหมือนกันว่ามันคือสร้อยอะไร แต่ฉันก้อจะพยายามถึงที่สุด
ปิดเทอมวันแรกฝนก้อตกลงมาอย่างหนัก ข้าวต้มร้อนๆค่ะคุณยาย ฉันได้ทำข้าวต้มมาให้คุณยายปาเรียตามปกติ เกือบ 10 ปีแล้วเนอะที่มินามิมาอยู่กับยายน่ะ ค่ะ อีก 3 วันก้อ 10 ปีพอดีค่ะที่มินามิมาอยู่กับคุณยาย และอีก 3 วันก้อถึงวันครบรอบการจากไปของคุณพ่อและคุณแม่ โธ่ มินามิยังไม่เลิกล้มความตั้งใจเรื่องงานวิจัยนั่นอีกเหรอ ค่ะ มินามิต้องรู้ความจริงอะไรบางอย่างให้ได้ คุณยายปาเรียก้อได้แต่แค่ปลอบใจ แต่มินามิก้อยังไม่ล้มความตั้งใจของเธอเลยแม้แต่นิด
3 วันต่อมา วันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของพ่อและแม่ของฉัน ฉันได้ฝันประหลาด เธอฝันว่า พ่อและแม่ของเธอมาหาเธอ แล้วพูดกับเธอว่า มินามิลูกรัก ต่อไปคือการเริ่มต้นสิ่งที่ลูกรอมานานหลายไป เอาชนะอุปสรรค์ต่างๆให้ได้นะ พ่อและแม่จะคอยเป็นกำลังใจให้ มีสติและทำแต่สิ่งที่ดี จงจำไว้ มันเริ่มแล้ว และฉันก้อตกใจตื่นขึ้น เธอทบทวนสิ่งที่พ่อและแม่ของเธอบอกไว้ด้วยความงง และเมื่อพระอาทิตย์ขึ้นจากขอบฟ้า ฉันเตรียมดอกไม้เพื่อจะไปไหว้หลุมศพพ่อและแม่ของเธอ มินามิ วันนี้ยายไม่ค่อยสบายน่ะ มินามิไปเถอะ ค่ะคุณยาย ฉันได้เดินออกจากศาลเจ้าเพื่อตรงไปไหว้หลุมฝังศพของพ่อและแม่เธอที่เชิงเขา เมื่อไหว้เสร็จเธอจึงไปที่พิพิธภัณฑ์โบราณซึ่งเป็นที่ที่รวมของเก่าแก่ที่สุด และในตอนเด็กคุณพ่อและคุณแม่ก้อชอบพาฉันมาเที่ยวที่นี่ ฉันเดินดูวัตถุโบราณสักพักก้อรู้สึกว่าข้างนอกฝนตกหนักมา เธอจึงเดินอยู่ในพิพิธภัณฑ์เพื่อรอให้ฝนหาย ฉันเดินมาหยุดอยู่ที่ห้องจำลองชิ้นส่วน และแบบจำลองพีระมิดโบราณ ฉันชอบพีระมิดมาก เธอทึ่งกับคนโบราณที่สามารถแกะสลักก้อนหิน และจัดเรียงก้อนหินนัก 1000 ก้อน ที่มีขนาดใหญ่โต มาสร้างเป็นพีระมิดได้ ฉันหยุดดูสักพักไฟในพิพิธภัณฑ์ก้อเกิดดับ ทำให้บริเวณโดยรอบมืดสนิท ทำให้ฉันตกใจมาก แต่เธอสังเกตเห็นสร้อยจี้หินสีขาวที่พ่อและแม่ของเธอให้ไว้ก่อนตายได้ส่องประกายขึ้น ทำให้ฉันตกใจ เพราะปกติมันจะไม่เรืองแสง ฉันถอดสอยออกเพื่อใช้เป็นไฟส่องทางเพื่อจะออกจากพิพิธภัณฑ์นี้ ฉันสังเกตเห็นหนังสือเล่มหนึ่งของผู้ชายคนนึงก้อสามารถเรืองแสงได้ และผู้ชายคนนั้นก้อใช้วิธีการเดี๋ยวกับเธอก้อคือใช้มันส่องเพื่อออกจากพิพิธภัณฑ์นี้ แต่ฉันก้อไม่ได้สนใจ เธอจึงเดินกลับศาลเจ้าเพราะนี้ก้อเย็นมากแล้วเดี๋ยวคุณยายปาเรียจะเป็นห่วง ขณะที่ฉันเดินกลับบ้านเธอพยายามทำให้สร้อยหินเส้นนั้นมันเรืองแสงอีกครั้ง แต่ทำยังไงมันก้อไม่เรืองแสงอีก เป็นเพราะอะไรกันนะ ทำไมอยู่ในพิพิธภัณฑ์อยู่ดีๆมันก้อเรืองแสงขึ้นมาได้ล่ะ ฉันได้เล่าเรื่องทั้งหมดเกี่ยวกับสร้อยเส้นนั้นให้คุณยายปาเรียฟัง แต่คุณยายบอกว่า มันอาจจะถูกปลุกให้ตื่นแล้วก้อได้ เวลาจะเป็นตัวบอกให้หลานรู้เอง แต่มันก้อทำให้ฉันงงเข้าไปใหญ่ --(คุณยายของมินามิเป็นแม่ชีที่ถือศีลมานาน ท่านจึงรู้สึกถึงพลังลึกลับอย่างหนึ่ง แต่ท่านไม่ได้บอกมินามิเพราะเมื่อถึงเวลา เวลาจะเป็นตัวบอกทุกอย่างกับมินามิเอง)-- ขณะที่ฉันกำลังปิดศาลเจ้า สร้อยจี้หินก้อเรืองแสงขึ้น สร้อยได้เปล่งแสงเป็นสีชมพูสวยมาก ฉันจึงเรียกคุณยายมาดู แต่ขณะจะเดินไปเรียก ฉันสังเกตเห็นว่าหน้าศาลเจ้ามีชายคนนึงนอนตากฝนอยู่ฉันจึงเดินเข้าไปดูใกล้ๆ ชายหนุ่มคนนั้นได้นอนสลบอยู่ ฉันจึงไปเรียกคุณยายมาดู คุณยายและฉันจึงพยุงชายคนนั้นไปพักในบ้านก่อน ฉันนำผ้าชุบน้ำมาเช็ดตัวชายคนนั้น พรุ่งเช้าชายคนนั้นก้อฟื้นขึ้น แต่...ชายคนนั้นกลับจำอะไรไม่ได้เลย และฉันได้สังเกตเห็นจี้หินซึ่งแต่เดิมเป็นสีขาว แต่ตอนนี้กลายเป็นสีชมพูอ่อนซะแล้ว สร้อยเส้นนี้คงเปลี่ยนสีได้มั้ง คุณยายนำกระเป๋าของชายคนนั้นมาคืน ซึ่งคุณยายเก็บได้จาหน้าศาลเจ้า นี่คุณ ยังจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ ฉันถามชายคนนั้นด้วยความสงสาร แต่ถามอะไรชายคนนั้นก้อเงียบ และคุณยายก้อเดินเข้ามา นี่มินามิ ยายต้องไปนั่งสมาธิของชมรมแม่ชีน่ะ คงไปสัก 2 อาทิตย์เหมือนกับทุกปี แต่ปีนี้หลานอยู่เฝ้าศาลเจ้าเถอะ และดูแลชายคนนั้นให้ดีด้วย เดี๋ยวยายเก็บข้าวของก่อนนะ ค่ะคุณยาย ฉันมีรู้สึกว่าต้องมีเรื่องอะไรต่อจากนี้อีกแน่ๆ ความรู้สึกแปลกๆนี่มันอะไรกันนะ ฉันเดินไปส่งคุณยายที่สถานีรถไฟ โดยชายคนนั้นขอไปด้วย คุณยายดูแลตัวเองดีๆนะ หลานก้อเหมือนกันนะมินามิดูแลตัวเองด้วย ค่ะ คุณยาย รถไฟออกจากสถานี ฉันเดินกลับบ้านกับชายคนนั้น ระหว่างทางกลับศาลเจ้าฉันเหลือบเห็นดอกซากุระ ว้าวสวยจัง ดอกซากุระบานแล้ว สวยจังเลย ฉันเป็นคนชอบดอกซากุระมากๆ เห็นเมื่อไหร่ก้ออดดีใจไม่หาย นี่นาย เค้าเรียกว่าดอกซากุระ ดอกซากุระเหรอ เธอคงชอบล่ะสิ ชายคนนั้นมองหน้าฉันแล้วยิ้ม วันนี้ดอกซากุระบาน เดี๋ยวฉันจะทำซุปสูตรพิเศษให้นายนะ รับรองอร่อยมาก เพราะทำจากดอกซากุระที่เพิ่งออกเลย และฉันกับชายคนนั้นก้อเก็บดอกซากุระเพื่อไปทำซุปกันอย่างสนุกสนาน เมื่อถึงบ้านฉันก้อจัดการทำซุปสูตรพิเศษของฉัน นี่นาย อร่อยมั้ย อืม อร่อยที่สุดเลย ชายคนนั้นชอบซุปของฉันมาก เมื่อกินซุปเสร็จชายคนนั้นก้อหยิบกระเป๋าขึ้นมา แล้งถามฉัน มินามิเธอรู้มั้ยข้างในนี้เป็นอะไร อ้าว ฉันจะรู้ได้ไงก้อมันเป็นของนายนินา นายนั่นถามเปลกๆ แล้วนายนั่นก้อเปิดดู ในกระเป๋ามีหนังสือเล่มใหญ่ 1 เล่ม แต่ไม่มีอะไรเขียนอยู่เลย เป็นหนังสือโบราณเล่มใหญ่ที่ว่างเปล่า แต่หน้าปกของหนังสือเขียนด้วยอักษรกรีซโบราณ แต่..ฉันต้องตกใจมากเพราะตอนนั้นที่นายนั่นหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาหน้าปกเป็นสีขาว สักพักก้อกายเป็นสีชมพูอ่อนในพริบตา นี่เธอสร้อยเส้นนี้ จี้หินสีชมพูของเธอทำไมมันเป็นสีเดียวกับหนังสือเล่มนี้เลยล่ะ แล้วตอนนี้หนังสือเล่มนี้ก้อเปล่งแสงเหมือนกับจี้ของมินามิเลย จิงสิ สร้อยของฉันเปล่งแสงสีชมพูพร้อมหนังสือเล่มนี้เลย ทำไมนายช่างสังเกตจัง เดี๋ยวฉันจะเรียกนายว่าไลท์คุงนะ ไลท์คุงผู้คนพบแสงสว่าง ในขณะที่ฉันตั้งชื่อให้ไลท์คุง ไลท์คุงก้อกำลังมองหนังสือนั้นด้วยความสงสัย ฉันจึงเล่าเรื่องการตายของคุณพ่อและคุณแม่ของฉันให้ไลท์คุงฟัง และเล่าถึงสร้อยเส้นนี้ด้วย มินามิ ช่วยถอดสร้อยจี้หินมาหน่อยได้มั้ย ถอดสร้อยเหรอ ฉันจึงตัดสินใจถอดสร้อยให้ไลท์ไป ไลท์จะเอาไปทำอะไรน่ะ ดูสิมินามิ ไลท์นำแสงจากจี้หินของฉันส่องหนังสือเล่มนี้ และแสงก้อสะท้อนไปที่กระจกบานใกล้ๆ จนเกิดตัวอักษร มันเป็นอะไรที่อัศจรรย์มาก นี่มินามิเธอรู้มั้ยมันคืออะไร ตัวอักษรพวกนี้น่ะ ฉันยิ้มเพราะนี่คือตัวอักษรที่คุณพ่อและคุณแม่เคยสอนฉัน มันคือตัวอักษรโบราณน่ะ เขียนไว้ว่า หัวใจแห่งความดีงาม ความหวัง สมาธิ และจิตใจที่เข้มแข็ง รวมกันเป็นหนึ่งเดียว มีแค่นี้เหรอ ไลท์ถามเมื่อฉันพูดจบ อืมก้อแค่นี้แหละ ไลท์เงียบไปสักพัก และจ้องหนังสือและสร้อยเส้นนั้น จิงสิ ฉันนึกออกแล้ว ฉันเคยเจอหนังสือเล่มนี้ ไลท์รีบหันมามองฉันทันที ฉันเคยเห็นหนังสือเล่มนี้ส่องแสงตอนที่ไฟที่พิพิธภัณฑ์ดับน่ะ และตอนนี้สร้อยเส้นนี้ก้อเปล่งแสงในฉันเหมือนกัน งั้นมินามิช่วยพาฉันไปที่พิพิธภัณฑ์หน่อยได้มั้ย ฉันก้ออยากไปหรอกนะ แต่พิพิธภัณฑ์คงปิดแล้วล่ะ ไว้รอพรุ่งนี้เช้าดีกว่า หลังจากนั้นเราก้อแยกย้ายเข้านอน
เช้าพรุ่งเข้าฉันและไลท์รีบตื่นแต่เช้าเพื่อมุ่งหน้าไปพิพิธภัณฑ์ ฉันพาไลท์ไปยังพีระมิดโบราณนั่น ไลท์หยิบหนังสือและขึ้นมาและฉันก้อก้มดูการเปลี่ยนแปลงของสร้อย หนังสือโบราณและสร้อยหินกายเป็นสีแดง ฉันตกใจมาก เพราะสีแดงที่เห็นมันน่ากลัวเหมือนเลือดมาก ทำให้ฉันนึกถึงการตายของคุณพ่อและคุณแม่ของฉัน ฉันจึงวิ่งออกไปจากพิพิธภัณฑ์ มินามิเป็นอะไรหรือเปล่า ไลท์วิ่งตามออกมาแล้วถามฉัน ไลท์ฉันกลัวจัง ฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่น และหวาดกลัว ไลท์พาฉันไปนั่งพัก ไลท์ถอนหายใจด้วยใบหน้าที่ผิดหวัง ฉันเป็นตัวถ่วงไลท์ใช่มั้ย ฉันขอโทด ไลท์ยิ้มแล้วบอกว่า มินามิน่ะไม่ผิดหรอก ที่ผิดน่ะผมเอง ถ้าผมจำที่มาของหนังสือโบราณเล่มนี้ได้ มันคงคืบหน้ากว่านี้ แล้วผมทำให้มินามิลำบากอีกแล้ว ไม่หรอก ฉันรู้นะว่าไลท์กำลังทำเพื่อฉันอยู่น่ะ ไลท์หันมองหน้าฉัน ผมสัญญานะว่าจะต้องหาความจริงเกี่ยวกับสร้อยและหนังสือโบราณนี้ให้ได้ เมื่อไลท์พูดจบก้อมีชายใส่ชุดประมาณ 3 คน ลงมาจากรถสีดำหรู และพวกนั้นก้อเดินมาทางนี้ พวกนั้นยืนตัวตรง ตรงหน้าไลท์ คุณหนูครับเชิญครับ อะไรกันนี่ พวกนั้นเป็นใครกัน นายเป็นใคร ฉันไม่ใช่คุณหนูอะไรของนายหรอก ไลท์ปฏิเสธชายชุดดำพวกนั้น แต่ชายชุดดำพวกนั้นได้ช่วยกันจับตัวไลท์ ไลท์จึงจับมือฉันแล้วพาฉันวิ่งหนี ไลท์พวกนั้นตามมาแล้ว ฉันวิ่งหนีสุดแรงและก้อสะดุดล้ม โอ้ยยย เจ็บจัง มินามิเป็นไงบ้าง หนีไปเถอะไลท์ หนีไป แต่ไลท์ไม่ฟังเค้าได้พาฉันไปหลบอยู่ข้างๆทาง แต่ชายชุดดำพวกนั้นก้อตามมาเจอ มีคุณตาคนหนึ่งเดินมาหาไลท์ คุณหนูกลับบ้านเถอะ ไลท์เค้าอาจจะรู้จักเธอนะ กลับไปกับเค้าเถอะ ฉันรู้ดีว่าถ้าไลท์ไปครั้งนี้อาจจะไม่ได้กลับมาอีก แต่นี่ก้อเป็นทางเดียวที่ไลท์จะจำทุกอย่างได้ และแล้วไลท์ก้อยอมไปกับชายชุดดำพวกนั้น ขอบคุณเธอมากที่ให้คุณหนูกลับบ้าน คุณตาคนนั้นขอบใจฉัน ไม่เป็นไรค่ะ แต่ตอนนี้ไลท์ความจำเสื่อมคงจำอะไรไม่ได้ ต้องเป็นฝีมือมันแน่ๆ มันอะไรหรอคะ ทำไมไลท์ต้องเป็นอย่างนี้ คุณหนูน่ะไม่ได้ชื่อไลท์หรอก แต่ชื่อ คิระ เป็นนักเรียน ม.ปลาย ซึ่งเป็นนักสืบอัจฉริยะ ของ FBI ซึ่งเป็นองค์การลับระดับโลก โอ้ ม้ายยยยย ไลท์เนี่ยนะ เราบอกอะไรกับหนูมากไม่ได้รู้ไว้แค่นี้ แล้วห้ามไปบอกใครนะ จากนั้นชายชุดดำพวกนั้นก้อเดินจากไปพร้อมไลท์หรือคิระนั่นเอง ฉันเดินกลับบ้านคนเดียวอยากเงียบๆ คงไม่มีใครช่วยค้นหาความลับของสร้อยและหนังสือโบราณนั่นอีกแล้วแน่ๆ และเมื่อฉันมองไป ก้อเห็นสร้อยหินเปลี่ยนเป็นสีดำ มันดำมืดมาก เหมือนกำลังมีอะไรเข้ามาใกล้ๆฉัน ฉันรีบวิ่งเพื่อกลับไปยังศาลเจ้าให้เร็วที่สุด น่ากลัวจัง ความรู้สึกนั่น มันเป็นความรู้สึกที่บรรยายไม่ถูก มีทั้งเหงา เศร้า โดดเดี่ยว และความรู้สึกเครียดแค้น อย่างรุนแรง มันคืออะไรกันนะ ฉันนั่งคิดเท่าไรก้อคิดไม่ออกซะที ถ้าตอนนี้ไลท์มานั่งอยู่ข้างๆฉัน เค้าก้อคงคิดอะไรดีๆได้แล้วแน่ๆ โอ้ยยย ทำไมฉันโง่ขนาดนี้เนี่ย แต่ฉันน่ะไม่โง่หรอก ไลท์นายบ้านั่นฉลาดเกินไปเองแหละ นักเรียน ม.ปลาย ซึ่งเป็นนักสืบอัจฉริยะ ของ FBI ซึ่งเป็นองค์การลับระดับโลก เชอะ ใครจะไปแคร์นายล่ะ หิมะตกซะแล้วเหรอเนี่ยฉันจึงเข้าไปในบ้าน
เช้าพรุ่งขึ้น ฉันกลับไปที่พิพิธภัณฑ์อีกครั้ง และก้อเจอไลท์กำลังจ้องมองพีระมิดนั่น ฉันดีใจมากจึงวิ่งไปหา ไลท์คุง ฉันคิดไว้แล้วว่าคุณต้องมาที่นี่ ไลท์มองหน้าฉัน เธอนี่ก้อฉลาดนิ งั้นส่งจี้หินมาให้ฉันซะดีๆ ฉันงงมากเพราะไลท์เปลี่ยนไป และแปลกไปมาก แต่ก้อไลท์นินา ฉันจึงถอดสร้อยเส้นนั้นเพื่อส่งให้ไลท์ หยุดนะมินามิ อย่าส่งนะ มีชายอีกคนหน้าเหมือนไลท์เลย ไลท์แยกร่างได้เหรอ ทำไมไลท์มี 2 คน แล้วไหนล่ะไลท์ตัวจริง ในเมื่อมีไลท์ถึง 2 คน แถมยังเหมือนกันมาก ฉันจะรู้ได้ไงว่าคนไหนล่ะ ที่เป็นไลท์ตัวจริง ส่งมาเถอะ ส่งสร้อยนั้นมาเร็วๆ ไลท์คนแรกขอร้องให้ฉันส่งสร้อยให้ ส่วนไลท์คนที่สองบอกให้ฉันเก็บสร้อยไว้อย่าส่งให้ใคร แล้วฉันจะเชื่อใครดีล่ะ ไลท์ช่วยฉันด้วย แล้วฉันจะรู้ได้ไงว่าคนไหนไลท์คุงตัวจริงล่ะ ฉันตะโกนออกไปอย่างดัง ไลท์คุงคนแรกบอกว่า นี่มินามิฉันไงไลท์ของเธอ นี่ไงหนังสือโบราณ จริงสิไลท์มีหนังสือโบราณ ใช่แน่ๆนั่นคือไลท์ เด๋วก่อนมินามิ ไลท์คนที่ 2 พูดขึ้น หนังสือโบราณ ทั้งสองคนมีหนังสือโบราณเหมือนกันเหรอเนี่ย โอ้ยยยย ฉันจะรู้ได้ไงเนี่ย นี่มินามิดูสีของจี้หินเธอสิว่ามันเป็นสีอะไร ไลท์คนที่สองพูดขึ้น จิงสิ ฉันลืมนึกไปเลย สีของจี้หิน ตอนนี้จี้หินของฉันเป็นสีแดง แสดงว่าหนังสือโบราณก้อต้องเป็นสีแดง และแล้วไลท์คนแรกก้อหายไปในพริบตา มันหนีไปแล้วไลท์คุง ช่างมันเถอะ มินามิไม่เป็นไรใช่มั้ย อืม มันยังไม่ได้ทำอะไรฉัน แล้วไลท์คุงมาได้ไง ฉันมารับเธอน่ะ ฉันไปที่ศาลเจ้าแต่ไม่เจอเธอ ฉันจึงมาที่นี่ ไลท์คุงมารับฉันเหรอ แล้วไลท์คุงจะมารับฉันไปไหนเหรอ มาเถอะ ตามฉันมา ที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว ไลท์พาฉันขึ้นรถของพวกชายชุดดำ หรือว่าความจำของไลท์กลับคืนมาแล้ว แต่ทำไมไลท์ยังจะช่วยฉันอีกล่ะ ถึงแล้วมินามิ นี่ที่ไหนเหรอไลท์ มันคือศูนย์ปฏิบัติการณ์ลับของ FBI น่ะ ฉันมองไปรอบๆ นี่มันไม่ต่างอะไรกับบ้านร้างเลย แถมยังสกปรกอีกต่างหาก ฉันเดินตามไลท์ไป ไลท์นำมือมาวางบนเสาบนที่ทั้งเก่าและผุ สักพักประตูบ้านก้อเปิด สภาพข้างในดูเหมือนจะแย่กว่าตอนดูข้างนอกซะอีก เนี่ยอ่ะเหรอองค์การลับนานาชาติ แต่ไม่น่าเชื่อ ไลท์นำมือไปวางไว้บนผนังบ้านอีกแล้ว แถมยังกดอะไรก้อไม่รู้บนไม้ดู ไม่เห็นจะมีสักปุ่มเลย ฉันจึงกระซิบถามไลท์เบาๆ นี่ไลท์ทำอะไรเหรอ มันเป็นรหัสผ่านน่ะ เงียบหน่อย ถ้าเสียงดังเลเซอร์ที่อยู่แถวนี้จะทำงาน มันอาจจะฆ่าเราได้ โห อะไรกันเนี่ย ฉันงงไปหมดแล้ว แต่สักพักผนังบ้านก้อเปิดออก ว้าว ผนังบ้านกายเป็นลิฟท์เหรอเนี่ย ฉันแปลกใจมาก บ้านหลังแบบนี้ไม่น่าจะมีลิฟท์ แถมยังมีชั้นใต้ดินถึง 3 ชั้นอีก ไลท์พาฉันลงมาถึงชั้นใต้ดินของบ้าน เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ฉันก้อพบสำนักงานที่มีอุปกรณ์ไฮเทคมากมาย แถมยังดีไซน์ห้องซะดูหรูหราอีก ไลท์พาฉันเข้ามาในห้องมีเจ้าหน้าที่ของ FBI ทำงานกันอยู่ประมาณ 7 คน ทุกคนลุกขึ้นยืนทักทายขณะไลท์เดินผ่าน สวัดดีครับคุณหนู สวัสดีค่ะคุณคิระ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ smilemay ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ smilemay
ความคิดเห็น