บ้านวุ่นอุ่นรัก
เมื่อจู่ๆ ซุปเปอร์สตาร์หนุ่มหล่ออย่างพานิน ต้องมาเป็นคนในครอบครับเดียวกับชาลิดา หญิงสาวที่แม้แต่หน้ายังไม่อยากจะมองกัน แต่ความใกล้ชิดกลับทำให้เกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย และพานินจะทำอย่างไรเมื่อวันหนึ่งรู้ตัวว่าได้ตกหลุมเธอที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวไปซะแล้ว ท
ผู้เข้าชมรวม
100
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ
ทารกในตะกร้า
ในตลาดยามเช้าที่ค่อนข้างจะวุ่นวาย มากมายไปด้วยพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนเดินสวนกันไปมา สุชาดาแม่ค้าขายปลาทูคุณแม่ยังสาวกำลังเข็ญรถใส่ปลาทูมาตั้งแผงที่ตลาดพร้อมกับเด็กหญิงชาลิดา ลูกสาววัยแปดปีหน้าตาน่ารักในชุดนักเรียนของเด็กประถม ถือตะกร้าเดินตามแม่มา
สุชาดาเริ่มจัดวางปลาทูเรียงบนแผง ชาลิดาจึงวางตะกร้าไว้บนโต๊ะใกล้ๆ เพื่อมาช่วยแม่อีกแรง
“ แม่มิ้นช่วย ” เธอบอกหลังวางตะกร้าใบนั้นลง
“ โอ้ยไปเรียนเถอะ เดี๋ยวจะไปไม่ทันนะ ” คนเป็นแม่กลัวตัวเองจะเป็นภาระจึงไล่ให้ชาลิดาไปเรียน แต่ลูกสาวก็ยังยืนยันจะช่วยทำต่อไป
“ เหลือเวลาอีกตั้งนาน โรงเรียนก็ไม่ไกลสักหน่อย มิ้นช่วยแม่เสร็จแล้วค่อยไปก็ได้ ” พูดจบคำเด็กน้อยก็ลงมือทันที
สุชาดาจึงได้แต่มองแล้วยิ้มยอมลูกสาวคนนี้ เพราะเหตุนี้เองผู้คนในตลาดจึงมักชื่นชมชาลิดาว่าเป็นเด็กน้อยแสนขยันและกตัญญู รวมถึงหน้าตาที่น่ารักจิ้มลิ้มราวกับลูกผู้ดีมีสตางค์มากกว่าลูกแม่ค้าธรรมดาๆ สุชาดาเองก็ภูมิใจในตัวเธอเช่นกัน
“ ยัยตัวเล็กนี่หลับปุ๋ย ไม่ร้องสักแอะเลยจริงๆ นะ ” สุชาดาพูดกับลูกสาวคนโตถึงทารกตัวน้อยอีกคนในตะกร้าที่ชาลิดาวางไว้ไม่ไกล ระหว่างที่ช่วยกันวางปลาทู
“ เราโชคดีนะแม่ที่น้องเลี้ยงง่ายแบบนี้ ถ้าพ่อยังอยู่คงรักยัยตัวเล็กไม่แพ้เราหรอกเนาะ ” ชาลิดากับแม่คุยกันไปยิ้มไปอย่างมีความสุข
ไม่ไกลนักที่หน้าตลาด ขอทานชายวัยกลางคนผู้หิวโหย ใส่เสื้อผ้าขาดวิ่นเดินกุมท้องตัวงอเข้าตลาดมาราวกับคนบ้า จนผู้พบเห็นไม่กล้าแม้แต่จะมองด้วยความรังเกียจสมเพศและกลัวพร้อมๆ กัน และด้วยความหิวโหยนั่นเองเขาตัดสินใจขโมยของกินในตลาด ขอทานวิ่งตรงไปที่แผงขายปลาทูดึงตะกร้าที่วางอยูใกล้กับชาลิดาออกมาอย่างรวดเร็วเพราะคิดว่ามีอาหารอยู่ ชาลิดาหันมองตามเขาไปก่อนจะร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ
“ แม่ขโมย มันเอาน้องไป ” เมื่อตะโกนบอกแม่ เธอก็ไม่รอช้าที่จะวิ่งตามไปทันที
สุชาดาเองก็เช่นกัน เธอรีบวิ่งตามขอทานและลูกสาวอย่างไม่ชีวิต คิดแต่ว่าอย่างไรก็ต้องได้ลูกของตนกลับคืนมาให้ได้ พ่อค้าแม่ค้าบริเวณใกล้เคียงก็วิ่งตามมาช่วยด้วยเช่นกัน
ขอทานวิ่งหนีมาเรื่อยๆ ทิ้งระยะห่างจากสองแม่ลูกและชาวบ้านมามากแล้ว จึงหยุดมองอาหารในตะกร้าและพบว่าสิ่งที่ตรงหน้าคือเด็กทารกตัวน้อยๆ ที่หลับไม่รู้เรื่องอะไร เขาจึงโมโหมาก
“ โธ่เว้ย อะไรวะเนี้ย ” เขาตะโกน
ในเมื่อทารกไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการขอทานคนนั้นจึงไม่คิดเอาไปด้วยเพราะไม่มีประโยชน์อะไร เขามองบริเวณรอบๆ หาที่ๆ จะวางของได้ พบกับรถกระบะคันหนึ่งจึงรีบเอาตะกร้าไปวางไว้แล้วรีบวิ่งหนีต่อไปเพราะกลัวพวกแม่ค้าที่วิ่งตามจะมาจับตนส่งตำรวจ
ทุกคนที่วิ่งตามขอทานมาวิ่งผ่านรถกระบะคันนั้นไปอย่างไม่ได้สังเกตอะไร ทางด้านเจ้าของรถสองสามีภรรยาถือของที่ซื้อจากตลาดกลับมาเต็มไม้เต็มมือกลับขึ้นรถของตนและออกไปทันที่โดยไม่รู้เลยว่าได้เอาบางสิ่งบางอย่างติดมาด้วย
ขอทานคนนั้นวิ่งหลบจนพ้นพวกชาวบ้านและไม่ถูกจับได้ สุชาดาวิ่งตามมาหาลูกสาวคนเล็กไม่เจอเธอไม่รู้จะทำเช่นไรต่อไป ได้แต่ทรุดตัวอยู่ข้างทางและเริ่มร้องไห้ออกมา ชาลิดาเองก็ไม่ต่างจากแม่แต่เธอต้องเข้มแข็งเข้าไว้ เธอจึงพูดปลอมสุชาดา
“ แม่ ไม่เป็นไรนะ เราต้องเจอน้อง มิ้นจะตามหาน้องให้เจอนะแม่ ” เธอพูดและคิดเช่นนั้นจริงๆ แม้จะไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไปก็ตาม
พวกแม่ค้าที่ตามมาช่วยด้วยกันก็ต่างเห็นใจสุดาชาที่สามีตายไปไม่นาน ลูกสาวที่พึ่งเกิดได้เพียงสามขวบก็มาหายไปอีก
“ พวกเราจะช่วยหานะดา ไปเถอะ ไปแจ้งตำรวจก่อน ” แม่ค้าคนหนึ่งพูดจบก็ช่วยพยุงสุชาดาขึ้นแล้วพาเดินกลับไปสถานีตำรวจใกล้ตลาด
สองสามีภรรยาขับรถมาถึงบ้านอันใหญ่โตของพวกเขา คนรับใช้จึงรีบเดินมาที่รถเพื่อช่วยถือของ
“ เจ้านินไปโรงเรียนแล้วใช่ไหม ” เจ้าของบ้านหญิงถามคนใช้ถึงลูกชายของตน
“ ค่ะ ตาดมไปส่งเรียบร้อยแล้วค่ะ ” หัวหน้าแม่บ้านตอบ
“ เอ๊ะ นี่เด็กทารกนี่คะ น่ารักเชียว ” คนใช้คนหนึ่งพูดขึ้นที่ด้านหลังของรถ สองสามีภรรยาจึงรีบเดินไปดู
“ เด็กจริงๆ ด้วยค่ะคุณ ” คนเป็นภรรยาตกใจรีบหันบอกสามีและอุ้มเด็กขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนอย่างเอ็นดู
“ ไปคุณ ไปแจ้งตำรวจเถอะ ป่านนี้พ่อแม่เด็กคงเป็นห่วงแย่ ” คนเป็นสามีเองก็ตกใจไม่น้อย เขาชวนภรรยาไปแจ้งความแต่เธอกลับปฏิเสธ
“ เป็นห่วงเหรอคะ ฉันว่าเขาตั้งใจทิ้งเด็กมากกว่า ถ้าเอาไปแจ้งตำรวจคงไม่พ้นต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าแน่ๆ อย่าเลยดีกว่าค่ะ ” เธอพูดตามที่ตนเข้าใจ
“ แล้วจะทำไงล่ะคุณ ” ชายหนุ่มถามภรรยา
“ เอาอย่างนี้ไหมคะ เรารับเด็กคนนี้ไว้เป็นลูกสาวเราซะเลย ยังไงก็ถือว่าสวรรค์ส่งเด็กคนนี้มาให้ ” เธอดูท่าจะปลื้มเด็กคนนี้ไม่น้อยจึงเสนอกับสามี
“ เอางั้นหรอคุณ ” เขาเองก็ถูกชะตากับเด็กน้อยแต่ก็ยังลังเลอยู่
“ นะคะ ฉันกำลังอยากได้ลูกสาวพอดีเลย ” เธอพูดพรางส่งสายตาอ้อนวอนจนสามียอมตกลงในที่สุด
ผลงานอื่นๆ ของ Nartnada ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Nartnada
ความคิดเห็น