[แรงเกลียดชัง]
"ฉันจะฆ่าแกอีผัก อีเลว" แรงมากมายมหาศาลทุบรัวใส่ไม่ยั้ง และฉันเองก็ทำได้เพียงยอมรับมันอย่างไม่ขัดขืนใดๆ สมองกำลังมึนงงกับสิ่งที่เห็น
เหมือนกับหมัดหนักหน่วงที่น็อคกันกลางอากาศ
ฉันทำอะไรลงไป?
สุดท้ายก็ทำได้เพียงเฝ้าถามตัวเองๆซ้ำในขณะที่ร่างกายกำลังถูกทุบตีไม่ยั้ง มันจำมันไม่ได้ ต่อให้พยายามนึกให้ตายมันก็ไม่มีอะไรหลงเหลือในความทรงจำ จนสุดท้ายก็เลือกที่ปกป้องตัวเองจากความเจ็บปวดทั้งปวง
ฉันไม่อยากรู้..
ไม่อยากรู้ความจริงอะไรอีกแล้ว
"ฉันไม่ได้ทำ"
"ตอแหล หน้าแกมันประจานขนาดนี้ ยังบอกว่าแกไม่ได้ทำอีกหรอ"!! เธอออกแรงผลักจนร่างกระแทกกำแพงอยู่หลายครั้ง ผู้หญิงคนนี้กำลังคุ้มคลั่งไม่ต่างจากคนบ้า เธอกำลังบ้าเลือดความโกรธแค้นกำลังครอบงำ ฉันไม่สามารถทำอะไรได้เลยนอกจากปัดป้องมือไปเรื่อย เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้กับร่างกายตนเอง
"แกเกลียดฉันนักใช่มั้ย "
หลังจากจบคำพูดสายตาก็เห็นบางสิ่งกำลังวาววับอยู่ในมือหล่อน ก่อนที่มือบางจะเข้ามากระชากผมจนหน้าแหงนหงาย แรงกระชากมันมากพอที่จะทำให้เส้นผมหลุดเป็นกระจุก แสบหนังหัวจนน้ำตาไหล
สายตาผู้หญิงคนนี้ดูมุ่งร้าย มันหรี่ตาลงเล็กน้อย จนร่างกายอดหวั่นกลัวไม่ได้
"คิดว่าตัวเองสวยนักใช่มั้ย"
แกร๊กกกก...
"ยะ..อย่าา" เสียงใบมีดที่ถูกเลื่อนขึ้นทำให้ฉันมองตาค้างด้วยใจสั่นระรัว พยายามดิ้นสุดแรง แต่ทำยังไงก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมือของอีกฝ่ายที่ยึดตรึงไปได้
"แกกลัวงั้นหรอ"เสียงพูดครางต่ำ กับริมฝีปากที่เหยียดยิ้มเย็น"กลัวแล้วแกทำทำไม!! "
"ฉันไม่รู้ ไม่รู้ ได้ยินมั้ย"ฉันตะเบ็งสุดเสียง
จำไม่ได้ และไม่อยากจะจำด้วย
ตอนแรกฉันอยากรู้จักตัวเองในอดีตแทบตาย แต่มาตอนนี้มันกลับไม่อยากรับรู้อะไรอีกแล้วที่เกี่ยวกับอดีตบ้าๆ สมองมันรู้สึกปวดหน่วงไปหมด...
ราวกับมันกำลังจะระเบิด
"ไม่รู้ใช่มั้ย..ได้!"เธอลากเสียงตะวาดดัง ก่อนจะจ่อใบมีดลงบนใบหน้า
"กรี๊ดดดด" แรงกดกรีดที่ทิ่มแทงลงผิวกายมันมากพอที่จะทำฉันหวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด มันเจ็บมากซะจนหยุดน้ำตาไม่ได้
"ฉันจะทำให้แกรู้เอง.."
"นายา!!!" ในระหว่างที่คนตรงหน้ากำลังกดกรีดใบมีดลงบนหน้าของฉัน เสียงดังกึกก้องของใครบางคนที่เข้ามาใหม่ก็ทำให้ผู้หญิงคนนี้ยอมผละออกด้วยความตกใจ เจ้าของเสียงทุ้มมองมาทางฉัน ก่อนจะสถบบางอย่างออกมา เขาปรี่เข้าไปกระชากคัตเตอร์ออกจากมือหญิงสาวแล้วเหวี่ยงมันออกไป
"พอได้แล้วเจ๊"
"ไม่ แกอย่ามายุ่ง ฉันจะฆ่ามัน กรี๊ดดดดด" เธอหวีดร้องตัวแดงก่ำ ทำท่าจะเข้ามาทำร้ายฉันอีกรอบ แต่ผู้ชายตรงหน้าก็คว้าร่างบางเอาไว้ ออกแรงลากจนเธอให้พ้นจากตัวฉัน
"เกิดเหี้ยไรวะ"เสียงฝีเท้าหนักๆวิ่งเข้ามา ตามด้วยเสียงผู้ชายอีกคนที่ดังขึ้น
"เหี้ยโอ มึงเอาเจ๊กูไปดิ!" เสียงตะโกนจากผู้ชายที่กำลังรั้งผู้หญิงคนนั้นดังขึ้น ผู้ที่เข้ามาใหม่ดูจะตกใจไม่น้อยแต่เขาก็มีสติมากพอ ร่างสูงตรงเข้าไปรวบตัวหญิงสาวคนนั้น ฉุดกระชากลากถูจนเอาเธอออกไปได้ ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนไม่ยอมง่ายๆ ร่างบางหวีดร้องปัดป่ายมือราวกับคนบ้า
ตัวฉันเองในตอนนี้ทำได้เพียงนอนอยู่บนพื้น มองภาพเหตุการณ์ทุกอย่างอย่างทำอะไรไม่ได้ สองตาเห็นทุกอย่าง แต่ภาพทั้งหมดก็ดูเลือนลางพร่ามัวเหลือเกิน
ฉันเจ็บไปทั้งตัว...ราวกับร่างกายใกล้แตกสลาย
"ลุกขึ้น"ผู้ชายตรงหน้าพูดสั้นห้วน เสียงของเขาทำให้ฉันพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง
"อย่าสำออย"
"..."
ฉันไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย ร่างกายมันดูจะไร้เรี่ยวแรง เขาเองก็คงรำคาญไม่น้อยที่เห็นฉันนอนแน่นิ่งเป็นรูปปั้นอยู่แบบนี้ ร่างสูงจิปากอย่างรำคาญ ก่อนจะตรงเข้ามากระชากแขนฉันสุดแรง
"เจ็บ!!"ฉันเผลอครางอย่างเจ็บหน่วง
"แค่นี้บ่นว่าเจ็บ สำออยล่ะ"เขาสลัดมือออกจากแขนราวกับรังเกียจ ทันทีที่ฉันเริ่มทรงตัวได้
"อย่าเอาเรื่องวันนี้ไปบอกใคร ไม่งั้นอย่าหาว่าไม่เตือน" เสียงกดต่ำดังขึ้น เขากำลังพูดข่มขู่ ฉันในตอนนี้ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย ภาพข้างหน้าและทุกอย่างดูพร่ามัวไปหมด มันเป็นอีกครั้งที่เขาแสดงความหงุดหงิดออกมาเมื่อฉันเอาแต่เงียบ
"นี่! ได้ยินที่พูดมั้ยวะ"
มือหนาเชยคางของฉันที่กำลังก้มต่ำให้เงยขึ้น ก่อนที่เจ้าตัวจะผละออกไปด้วยความตกใจ
"เห้ย!! หัวเธอเลือดออก" เสียงลนลานดังแว่วเข้ามา รู้ตัวอีกทีกร่างกายก็ดูเบาหวิวราวกับปุยนุ่น ฉันรู้สึกถึงแรงโอบรัดรอบลำตัว สองหูได้ยินเสียงฝีเท้าที่ก้าวเดินอย่างเร่งรีบ
"แม่ง!เกลียดหว่ะ" มันคือคำพูดสุดท้ายที่ฉันได้ยิน ก่อนที่ทั้งโลกจะมืดดับไป
"เห้! ตื่น" แรงเขย่าที่แขนทำให้ฉันกระพริบตาถี่ ผงกหัวขึ้นเล็กน้อยอย่างมึนงง สองมือขยี้ตาพลางมองไปรอบๆก็พบว่าตอนนี้กำลังนั่งอยู่ในรถ ในตอนที่มองสำรวจเสียงสั้นห้วนอันเป็นเอกลักษณ์ของใครบางคนก็ดังขัดขึ้น
"ลงไป" เป็นครั้งแรกที่ฉันได้มองผู้ชายตรงหน้าอย่างพิจารณา
เขาจัดว่าเป็นคนที่ดูดีมาก ใบหน้าได้สัดส่วนถึงจะติดหงุดหงิดไปหน่อยแต่ก็ไม่สามารถบั่นทอนความหล่อเหลาของเขาได้เลย ริมฝีปากหยักลึกสีแดงระเรื่ออย่างคนสุขภาพดีกำลังเม้มแน่น สายตาคมที่มองมาทำเอาร่างกายออกอาการร้อนวูบ
ดวงตาของเขามันมีเสน่ห์อย่างประหลาด ดึงดูดชวนน่าค้นหา ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดูดกลืนให้หลงวน จัดว่าเป็นผู้ชายที่ดูหล่อร้ายและดูน่ารักในเวลาเดียวกัน
ส่วนเรื่องนิสัย? อืมม..ไม่รู้สิ!
"ลงไปทำแผลซะ"เพราะฉันมัวแต่จ้องหน้าเขาเงียบมันเลยทำให้คนด้านข้างเริ่มรำคาญ ทันใดนั้นร่างสูงก็ขยับเข้ามาจนฉันต้องย่นคอหนีด้วยความระแวง เอียงตัวถอยห่างเมื่อร่างสูงโน้มตัวเข้ามาใกล้ มันใกล้มากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจผ่าวร้อนที่รินรดต้นคอ กับกลิ่นหอมอ่อนที่โรยรินชวนใจสั่น
"เอ้า..เชิญ!"เขาเอี้ยวตัวมาเปิดประตูให้ ก่อนจะผายมือให้ฉันลงจากรถ ตอนแรกก็อดระแวงไม่ได้ แต่พอปรับสติให้เป็นปกติฉันก็ได้แต่เลิกลั่กด้วยความตกใจ
"ขะ..ขอบใจ" ฉันขอบคุณอย่างเสียไม่ได้
"เป็นบ้ารึเปล่า ลงไปได้แล้ว!" ร่างสูงเบิกตาขึ้นเล็กน้อยอย่างแปลกใจ
แล้วการที่พูดขอบคุณมันเป็นเรื่องบ้าตรงไหน..ฉันคิดอย่างขุ่นเคือง
เขากำลังเอ่ยปากไล่ด้วยสายตา และฉันก็ไม่ได้หน้าด้านหน้าทนอยากนั่งบนรถที่เจ้าของเขาไม่ได้รับเชิญด้วย ฉันผงกหัวขอบคุณอีกครั้ง ก่อนจะลงจากรถพาร่างอันบอบช้ำเดินเข้าไปในคลินิก
ใช้เวลาทำแผลเพียงสิบห้านาที แผลตรงหัวไม่ได้ใหญ่มาก ไม่จำเป็นต้องเย็บอะไร แต่รอยกรีดก็ดูจะลึกพอควร หมอเลยให้แค่ยาแก้ปวดมากินก่อนจะปิดปากแผลให้เล็กน้อย ตอนนี้ฉันกำลังจะเดินไปจ่ายค่ายา แต่ก็ถูกขัดซะก่อน
"มีคนจ่ายให้คุณแล้วคะ"
"คะ"ฉันอุทานอย่าแปลกใจจนพยาบาลต้องตอบอีกรอบ
"มีผู้ชายตัวสูงๆหล่อๆเขามาจ่ายค่ายาให้คุณแล้วค่ะ"
"งั้นหรอคะ ขะ..ขอบคุณมากค่ะ" ฉันพูด มือบางกำถุงยาก่อนจะพาร่างอันแสนอ่อนล้าเดินออกมายังภายนอก นัยย์ตาคู่งามสอดส่ายมองไปรอบๆแต่ก็ไม่พบใครสักคน
ผู้ชายคนนั้นคงไม่ได้อยู่รอแล้ว เขาแค่มาส่งฉันไว้ที่นี่เท่านั้น
"เห้ออ!"ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างเหนื่อยอ่อน เรื่องแย่ๆในวันนี้ค่อยๆไหลเข้ามาในสมองเหมือนกระแสน้ำที่เชี่ยวกราด
'อีหน้าด้าน แกมันร่าน แกมายุ่งกับผัวฉันทำไม!!' คำพูดของผู้หญิงคนนั้นยังวิ่งวนอยู่ในหัวไม่ไปไหน 'แกเกลียดฉันมากใช่มั้ย ไหนแกบอกว่ารักพี่ฉันไงแล้วแกไปยุ่งกับรหัสทำไม แกทำทำไม!!'
มันหมายความว่าไง ฉันรักใคร?
แล้วคนชื่อรหัสคือใครกัน?
ฉันได้แต่เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา แต่ทุกครั้งที่พยายามนึก สิ่งที่ได้ตอบกลับมามันมีเพียงความว่างเปล่า...
ยิ่งอยากรู้ ยิ่งไม่รู้...
สุดท้ายฉันก็ถอนหายใจอย่างนึกยอมแพ้ สลัดความค้างคาทั้งหมดก่อนจะเรียกแท๊กซี่เพื่อกลับบ้าน ปลดปล่อยความคิดทุกอย่างให้มันล่องลอย ให้มันไหลผ่านไปไม่ต่างกับสายน้ำ
เหตุการณ์เมื่อวันก่อนทำเอาเพื่อนฉันหัวเสียน่าดู ใช่!พวกนั้นเห็นร่องรอยพกช้ำตามตัวที่แสนเด่นสง่า แน่นอนว่าพวกเขาพยายามซักถาม แต่สุดท้ายฉันก็ทำได้แค่โกหกไป...
ฉันสะดุดล้มเอง..ให้ตายเถอะ! แม้แต่เด็กอนุบาลก็ยังไม่เชื่อ
มันเป็นคำโกหกที่ทุเรศสิ้นดี และดูเหมือนทุกคนจะไม่เชื่อคำโกหกชิ้นโตในครั้งนี้ แต่สุดท้ายพวกเขาก็หยุดซักไซร้เมื่อเห็นสีหน้าเหนื่อยอ่อนของฉัน
ไม่รู้สิ! ฉันไม่สนว่าพวกเขาจะเชื่อหรือไม่ ก็แค่ไม่อยากเป็นภาระของใครไปมากกว่านี้
"เดี๋ยวม่านไปเรียนก่อนนะ" เสียงม่านฟ้าดังมาจากทางห้องครัว ร่างบางถือถ้วยข้าวต้มที่โชยกลิ่นหอมฉุยมาวางตรงหน้าก่อนที่เจ้าตัวจะรีบหอบหนังสือเรียน"ผักอยู่ได้ใช่มั้ย"
"เราอยู่ได้ ม่านไปเถอะ" ฉันไม่อยากให้ม่านเป็นห่วง ตั้งแต่ประสบอุบัติเหตุในตอนนั้นม่านฟ้าก็ดูแลฉันอย่างดีมาโดยตลอด เธอดูแล เป็นคนทำกับข้าวให้กินทุกมื้อ จนบางครั้งก็อดเกรงใจไม่ได้ จริงๆเธอไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนี้ก็ได้
"ม่านขอโทษนะ"
ฉันพยักหน้าเล็กน้อยก่อนก้มหน้าตักข้าวต้มเข้าปาก เสียงรถยนต์นอกบ้านที่เคลื่อนตัวออกไปไกลทำให้แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ในบ้านเหลือฉันอยู่คนเดียวแล้วจริงๆ
หลังจากวันก่อนที่โดนทำร้ายทุกคนก็เห็นพ้องต้องกันว่าฉันควรหยุดเรียนซะ ร่างกายบ้าๆนี่มันยังไม่หายดี
'แกควรพักผ่อนนะผัก' เพราะคำพูดของมินเลยทำให้ฉันต้องขาดเรียนมาสองวันแล้ว
ครืดดด....
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นหลังจากที่นอนเงียบแน่นิ่งมาหลายวันทำให้อดแปลกใจไม่ได้
ใครโทรมา...
แต่เมื่อมองชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ ฉันก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้นไปอีก
"พี่สิงห์"
[อัพครบ 100%]
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย