"กูว่ากูเก็ทแล้วหล่ะ" เปลวคือคนแรกที่เอ่ยขึ้น หลังจากที่ฉันเล่าย้อนเรื่องราวทั้งหมด
"กูก็เก็ทล่ะ" ตามด้วยพี่รามอีกคน เขาสองคนมองหน้ากันอย่างมีเลศนัย ก่อนพยักหัวให้อีกฝ่าย
"เหมือนกัน" แต่ที่น่าตกใจที่สุด คือคนชื่อฟรานต่างหาก คำพูดสั้นๆก็รอยยิ้มมุมปาก ทำเอาทุกคนถึงกับหน้าเหวอ ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นอะไร แต่ตอนนี้หมอนี่กำลังอยู่หัวเราะคนเดียวไม่ต่างจากคนบ้า
"เข้าใจอะไร" คิ้วมันแทบพันกันอยู่แล้ว ทั้งที่เป็นเจ้าของเรื่องราว แต่กลับไม่เข้าใจซักอย่าง ได้แต่มองหน้าทุกคนอย่างต้องการคำตอบ
ก่อนหน้านี้ฉันตัดสินใจเล่าเรื่องให้พวกเขาฟัง ถึงจะเล่าไม่หมดทุกอย่าง แต่ก็พยายามปะติดปะต่อเรื่องราวให้ดีที่สุด มีเพียงเรื่องเดียวที่คิดจะปิด นั่นก็คือเรื่องที่ถูกรหัสวางยา แค่นี้ชีวิตก็ย่ำแย่มากพอแล้ว ฉันไม่อยากเอาปัญหาของตัวเอง ไปใส่หัวใครให้มันรกสมองหรอก
ไม่อยากเป็นภาระไปมากกว่านี้...
คำพูดถูกถ่ายทอดอย่างเชื่องช้า หน่วงหน้าอกทุกคราเมื่อโดนสะกิด คิดว่าพวกเขาคงดูออก ถึงแม้ไม่ได้เล่าเรื่องที่เสือย่ำยีก็ตาม แค่รอยจ้ำแดงตามเนื้อตามตัว กับบาดแผลตรงฝ่ามือที่เด่นหรา มันก็น่าเพียงพอแล้วที่จะเดาทิศทางของเรื่องทั้งหมด
"ผักเอ้ย! จะดีใจหรือเสียใจแทนดีเนี่ย" กระบอกตาสั่นระริก ดีที่พี่รามเดินเข้ามาปลอบ ก่อนขยี้หัวฉันจนยุ่งไปหมด
"อย่าร้องนะโว้ย หน้าเธอมันอุบาทว์" พี่รามยังไม่เท่าไหร่ แต่คนชื่อเปลวเนี่ย กล้าดียังไงมาผลักหัวฉัน รู้นะว่าอยากปลอบบ้าง แต่ไม่ถูกชะตาซะแล้ว เขาผลักมาฉันก็ผลักตอบ น้ำตาเมือกี้ไหลย้อนกลับเข้าที่เดิม ร้องไม่ออกจริงๆ
"คะ" เอาตามตรงนะ อยู่ดีๆก็เป็นห่วงน้องโอขึ้นมา เขาไม่ใช่คนผิด ฉันเองต่างหากที่ดึงผู้ชายคนนั้นเข้ามาเอี่ยว ถ้าจะโทษใคร ก็ขอให้เป็นฉันคนเดียวก็พอ
"เปล่าๆ ไม่มีอะไร" ร่างสูงตอบปัด เขาส่งยิ้มเหมือนต้องการให้ฉันสบายใจ แต่พอมองลึกในตาคู่นั้น มันกลับว่างเปล่ามืดมนจนใจเริ่มเสีย
"เท่าที่เล่ามา ยังไงเรื่องนี้เสือก็ผิดเต็มๆที่ใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา แต่ผักเองก็มีส่วนผิดอยู่นะ มีอะไรทำไมไม่ถามเจ้าตัว ไปถามคนอื่นทำไม รู้อยู่ว่าเสืออารมณ์ร้อนแค่ไหน ยิ่งรู้ว่าแอบไปคุยกับคนอื่น แถมหมอนั่นยังชอบผักอีก เป็นผู้ชายคนไหนก็ทนไม่ได้หรอก เสือคงมีเหตุผลของมัน" ถึงกับสะอึก เมื่อพี่สิงห์ออกปากตำหนิ
จริงอย่างที่เขาพูด เพียงแต่ตอนนี้ฉันไม่พร้อมจะให้ใครมาตอกย้ำ แผลมันมีเต็มหัวใจ ไม่ได้มาที่นี่เพื่อให้ใครมาซ้ำเติมหรือทำให้เจ็บช้ำเพิ่ม ฟังนิดเดียวก็กระทบกระเทือนจิตใจแล้ว
พอทีเถอะ! ไหนบอกว่าเข้าใจฉัน แต่ดันออกปากเข้าข้างหมอนั่นจนออกนอกหน้า อยู่ไปก็รู้สึกแย่ สู้ไปจากที่นี่ไม่ดีกว่าหรอ
"นี่จะบอกว่าผักผิด แล้วเสือทำถูกงั้นหรอ พี่เอาสมองส่วนไหนมาคิด" พูดมายืดยาว กลับทำให้รู้สึกแย่กว่าเดิม น้อยเนื้อต่ำใจจนบอกไม่ถูก ยอมรับว่าไม่พอใจมาก ไม่แปลกที่เขาจะเข้าข้างเป็นธรรมดา ก็เป็นพี่น้องกันหนิ ฉันมันคนนอก พูดให้ตายยังไงก็ผิดอยู่วันยันค่ำ
"เปล่า!พี่ไม่ได้เข้าข้างเสือ" อากาศดูขะมุกขะมัวจนฝืนต่อไปไม่ไหว ทุกคนดูตกใจมากเมื่อฉันเดินหนีดื้อๆ ไม่สนใจสายตาของใครทั้งนั้น ใครจะคิดยังไงก็ช่าง แค่อยากสงบสติเงียบๆคนเดียว แต่พี่สิงห์ก็ดันตามมาอีก
"ผักก็ใจยะ.."
"พอแล้ว! ผักไม่อยากฟัง ถ้าจะให้มองผู้ชายคนนั้นในแง่ดี ผักทำไม่ได้จริงๆ" ทิฐิทำให้ฉันสวนทันควัน เกลียดที่ทุกคนพยายามหลอกล่อ คิดว่าฉันโง่มากงั้นหรอ ดูก็รู้ว่าพวกเขาหาข้อแก้ตัวให้เสือแค่ไหน 'เสือคงมีเหตุผลของมัน' เหตุผลบ้าบออะไร ตรรกะบ้านไหนที่สอนให้ขืนใจผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้
ข้ออ้างมันฟังไม่ขึ้น พี่สิงห์ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของฉัน ไม่เคยเลย!
"พี่สิงห์จะไปเข้าใจอะไร พี่ไม่ใช่ผักหนิ" ไม่วายประชดด้วยอารมณ์ครุกรุ่น
"ผิดก็ว่าไปตามผิด โตๆกันแล้ว อย่าใช้อารมณ์แบบไอ้เสือสิ เกลียดนิสัยแบบนั้นไม่ใช่ แต่ทำไมตอนนี้ดันมาเป็นซะเอง มันไม่น่ารักเลยนะผัก" ได้แต่ยืนนิ่งเพราะเพิ่งคิดได้ สิ่งที่กล่าวมันดันจริงทุกอย่าง ฉันไปติดนิสัยขี้โมโหจากเสือตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ให้ตายเถอะ!
"สรุปง่ายๆ ไม่ว่าพวกพี่จะพูดยังไง ผักก็ไม่สนไอ้เสือจริงๆแล้วใช่มั้ย" คราวนี้หัวใจถึงกับวูบโคลงเคลง พื้นกระเบื้องดูเอียงไปมาจนน่าปวดหัว ร่างกายทำท่าหมดแรงลงให้ได้ เมื่อเจอกับคำถามที่ไม่คาดคิด
"ยกโทษไม่ได้เลยรึไง จะทิ้งมันให้ได้เลยหรอ?" ได้แค่เม้มปากกลั้นสะอื้น ทั้งที่อยากพูดแทบตาย เสียงไล่ต้อนตามหลังหลอกหลอนพอๆกับความคิดในหัวสมอง
"หลายครั้งแล้วพี่สิงห์ ผักให้โอกาสเสือมามากแล้ว ฮึก..." เคยถามตัวเองมาตลอด มีเหตุผลอะไรที่ยังไม่ไปสักที ถูกเสือทำร้ายมาก็มาก ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ยังเจ็บไม่พออีกหรอ
"ผักไม่รักมันบ้างหรอ" พี่สิงห์เก่งนะ ที่พูดให้คนเหมือนตายทั้งเป็นได้ ร่างสูงเคลื่อนกายเข้ามาใกล้ ก่อนจับไหล่หมุนตัวฉันให้เผชิญหน้า
"ว่าไง..."
"รักมันคงไม่สำคัญแล้วพี่สิงห์.." ได้แต่ยิ้มทั้งน้ำตา ให้กับร่างสูงที่จ้องอย่างคาดคั้น ฉันรู้ว่าเขาคาดหวังสิ่งไหน แต่คงตอบในสิ่งที่ต้องการไม่ได้
คงไม่ทัน..
เพราะฉัน ได้ตัดสินใจไปแล้ว
"ต่อให้ต้องตาย ผักก็จะไม่กลับไปหาผู้ชายคนนั้นเด็ดขาด"
3 อาทิตย์ต่อมา
เสือ บรรยาย..
ผม...คือคนที่ตายทั้งเป็น
"อ๊ากกกกกก!" เสียงข้าวของหล่นระเนระนาด ซ้ำซากหลายครั้งจนชินชา บ่งบอกได้ดีว่าผู้ที่ทำอยู่ในห้วงอารมณ์แบบไหน ของทุกชิ้นดูขวางหูขวางตาไปหมด เลือกได้ ผมก็อยากทำลายทิ้งให้สิ้นซาก
เกะกะ
ต้องเอาออกไปซะ
โคร้ม!
"อ๊ากกกกกก" ทุกครั้งที่ทำ ขนกายจะลุกตั้งชันไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงร้องโหยหวนของตนเอง ดังหลอกหลอนกรีดแทงเข้าไปในหู ฟังดูเจ็บปวด ไม่ต่างจากสัตว์มีบาดแผล มันคงเป็นแบบนั้นจริงๆ! เพราะผมคือสัตว์ตัวนึง เป็นได้แค่หมาที่มีแผลเหวอะหวะ...
หมาหัวเน่า ที่ไม่มีใครอยากเอา
"หึ" ร่างกายเอนพิงกำแพง กระดกเบียร์พลางแค่นหัวเราะสมเพชตัวเอง ห้องที่เคยสดใส มาวันนี้กลับกลายเป็นสีเทาหม่น ถูกปกคลุมด้วยม่านหมอกมืดครึ้ม ข้าวของที่เคยเป็นชิ้นเป็นอัน มาบัดนี้ต่างมีสภาพเป็นแค่ที่ระบายอารมณ์ เศษซากประหลักหักพัง ไม่ต่างจากก้อนเนื้อตรงหน้าอก ที่แหลกลานไม่มีชิ้นดี
ผม...ไม่เหลือใครอีกแล้ว
"ผัก.." เกลียดชื่อนี้ชะมัด แต่ปากยังพร่ำหาไม่หยุด จะมีใครรู้บ้าง ว่าทรมานเจียนตายแค่ไหน เมื่อในแต่ละวันที่ล่วงเลย ไม่มีวันไหนที่ภาพของผู้หญิงคนนั้น จะไม่ตามมาหลอกหลอน
ใช่! ผมเป็นประสาทเข้าไปทุกที เคยคิดว่าเพ้อเพราะฤทธิ์เหล้า แต่ไม่ว่าจะขยี้ตาตัวเองกี่ที มันก็ยังเห็นเแบบเดิมอย่างนั้น ผักกาดยังอยู่ที่นี่ เธอยังวนเวียนอยู่รอบกายผม คอยส่งยิ้มจากมุมต่างๆของห้อง
ฟังดูเหมือนบ้า แต่ผมพูดจริงนะ เรายังอยู่ด้วยกันจริงๆ ผักไม่ได้หนีไปไหน ถึงแม้ในบางครั้ง สายตาที่จ้องมองมา มันเต็มเปี่ยมไปด้วยความเจ็บปวด ที่บีบคั้นหัวใจจนทนไม่ไหว อยากดึงเธอเข้ามาปลอบประโลม แต่พอเอื้อมมือไขว่คว้า ภาพมายาเหล่านั้นก็เป็นเพียงเงา
เลือนหาย...
ในช่วงแรกๆ ผมยังใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติได้ แต่หลังจากที่ผ่านไปสักพัก ผมก็ได้รู้คำตอบ คำว่าปกติมันไม่เคยมีมาตั้งแต่แรก ใจของผม ดูเหมือนจะตายไปแล้วตั้งแต่วันนั้น
"โธ่เว้ย!!!" ผมปากระป๋องเบียร์ใส่ฝาผนังเต็มแรง ทั้งที่เป็นคนทำลายทุกอย่างเองกับมือ แม้แต่เครื่องสื่อสารเพียงชิ้นเดียวที่จะติดต่อเธอได้ ผมก็คนเป็นคนทำลายจนสิ้นซาก แล้วเป็นไง ตอนทำมันสะใจ แต่หลังจากนั้น ผลกรรมมันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัว
คงต้องยอมรับความจริง ว่าผมคิดถึงผักจนแทบบ้า จะลงแดงตายให้ได้ ไม่ต่างจากงมเข็มในมหาสมุทร ผมลองมาหมดทุกทาง ถ่อไปดักรอที่หน้าบ้านก็ทำ หลายวันผ่านไปยังไม่เห็นแม้เงา ผักกาดไม่ได้อยู่ที่นั่น
ยิ่งนานวัน อาการก็เริ่มไม่สู้ดี โคม่าหนักเอาการ ถึงขั้นเป็นหมาจนตรอก ยอมบากหน้าไปหาพี่สิงห์ แต่ก็ต้องพบกับความผิดหวัง เพราะพี่สิงห์ไม่ได้อยู่ที่คอนโด หรือแม้แต่ที่ร้าน ก็มีแต่เพื่อนของเฮียที่อยู่เฝ้า
หลายวันมานี้ ผมทรุดหนักเพราะโดนพิษไข้เล่นงาน ไม่มีใครสนใจไยดี ตายไปก็คงไม่มีใครรู้ แต่ถึงไม่สบาย มือยังควานหากระป๋องเบียร์ไม่เลิก ผมทำทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองลืม แต่รอยคราบเลือดบนพื้นยังคงอยู่ เป็นเครื่องเตือนใจชั้นดี ที่ทำให้ผมจมดิ่งไปกับอดีต ตอกย้ำความผิดในสิ่งที่ทำ
ความผิด ที่รู้ซึ้งดีแก่ใจ
"ผักกาด.." ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บร้าว ต้องนอนคุดคู้จนร่างสั่นเทา ไม่ลืมหยิบเศษผ้าของคนที่คิดถึงมากอดแนบอก จินตนาการณ์ว่ามันมีตัวตน มโนเพ้อฝันในหัว ว่าได้กอดเจ้าหล่อนผ่านเสื้อผ้าเหล่านี้
อุ่น อบอุ่นมาก...
มันจะดีแค่ไหนนะ ถ้าได้กอดผักจริงๆ จะดีแค่ไหน ถ้าผมมีโอกาสได้เจอเธออีกสักครั้ง ยังมีหลายเรื่องที่ไม่ได้ทำ อีกหลายเรื่องที่ไม่ได้พูด แค่อยากให้ผักกลับมา กลับมาก็พอแล้ว ผมพร้อมจะแลกทุกอย่าง
"มานอนทำไมตรงนี้ พื้นมันสกปรกนะ" เสียงหวานใสดังอยู่ไม่ไกล เหมือนของจริงเลย วันนี้ผมได้ฝันถึงผักสักที หลังจากที่ไม่ได้นอนมาหลายวัน
ฝันดีจริงๆ...
"เสือ นายได้ยินฉันมั้ย" แรงสะกิดตรงต้นแขน กับเสียงเรียกที่สม่ำเสมอ ทำให้ให้ผมยอมปรือตา แวบแรกที่เห็น คือห้องที่เคยมืดมน มาตอนนี้กลับสว่างไสวเจิดจ้า เส้นผมสีทองคุ้นตา ต้องกระทบแสงแดดจนเปล่งประกาย พอลองเพ่งมองดีๆ ก็เริ่มเห็นเค้าลางใบหน้าที่เฝ้าคิดถึง
มะ..ไม่จริงใช่มั้ย นี่ผมฝัน หรือตายไปแล้วกันแน่..
"นายคิดถึงฉันมั้ย!"
[ต่อ]
มะ..ไม่จริงใช่มั้ย นี่ผมฝัน หรือตายไปแล้วกันแน่..
"นายคิดถึงฉันมั้ย!"
"ผัก ผัก.." ถามมาได้ว่าคิดถึงมั้ย ยัยโง่เอ้ย!ดูไม่ออกเลยรึไง ว่าผมคิดถึงเธอมากจนจะกลายเป็นบ้าอยู่แล้ว ใครก็ได้ช่วยย้ำให้ชัดเจนที คนที่อยู่ตรงหน้าตอนนี้ คือผักกาดจริงๆใช่มั้ย
ผักกลับมา..เธอไม่ทิ้งผมแล้ว
"ผัก.." ตั้งแต่วันแรกจวบจนวันนี้ รอยยิ้มพิมพ์ใจยังคงตราตรึงไม่รู้ลืม ผมเหม่อมองอย่างคลั่งไคล้ ยอมทิ้งศักดิ์ศรีทุกอย่าง ตะเกียกตะกายคลานซมซานเข้าไปหา แต่แล้วร่างบางที่อยู่ตรงหน้ากลับชักเท้าหนี เธอไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้ แต่กลับเคลื่อนตัวไกลออกไป ไกลออกไปเรื่อยๆ จนผมเอื้อมคว้าไม่ถึง
"ผัก อย่าเพิ่งไป อย่าไปขะ..ขอร้อง"
ปึก!
"แหกตาดูดีๆ นี่ใคร" ตอนที่ผมหยัดตัวหวังจะกอด ก็มีอะไรบางอย่างสวนกระแทกหน้าอกเข้าอย่างจัง ร่างกายของผมล้มปึง นอนจุกสิ้นท่าอย่างน่าสมเพช เมื่อสิ่งที่ว่า กลับกลายเป็นฝ่าเท้าขนาดใหญ่ ที่เหยียบย่ำอยู่กลางหน้าอก มองยังไงก็ไม่ใช่เท้าผู้หญิง แต่มันคือเท้าของผู้ชายดีๆนี่เอง
"..." ลมหายใจของอีกฝ่าย ถูกระบายอย่างฮึดฮัด
"มองดีๆ" เสียงย้ำดังขึ้นอีกรอบ ดึงสติเลื่อนลอยให้อยู่กับเนื้อกับตัว ภาพของผักกาดหายไป ถูกแทนที่ด้วยใบหน้าแสนคุ้นตาของใครอีกคน ร่างกายสูงชะลูด ใช้หางตาตวัดมองผมอย่างดูแคลน คงนึกสมเพชอยู่สินะ เออใช่! ผมมันน่าสมเพชจริงๆ
"ฮะ..เฮีย" เป็นพี่สิงห์ไม่ใช่ใครอื่น แล้วผักกาดหล่ะ เมียผมหายไปไหน เมื่อกี้เธอยังคุยกับผมอยู่เลย มือผลักพี่สิงห์ให้พ้นทาง ใจมันร้อนอยู่ไม่สุก เพราะไม่ว่าจะมองไปทางไหน ก็ไม่เห็นแม้เงาคนที่มองหา
"เฮียมาได้ไง แล้ว.."
"ถ้ามองหาคนนั้น เขาไม่ได้มาด้วยหรอก" พี่สิงห์คงรู้ว่าผมหาใคร เขาถอนหายใจเหมือนเหนื่อยหน่ายเต็มทน ร่างสูงไม่รอให้ผมถาม พี่แกก็เดินไปหยิบถุงขยะ ก่อนจะเริ่มเก็บกระป๋องเบียร์ที่เรี่ยราดตามพื้น
"มึงไม่ดูแลตัวเองเลยสินะ อย่าทำให้กูเป็นห่วงสิ" พี่สิงห์ยังคงเหมือนเดิม ไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน ต่อให้ผมทำตัวไม่ดีใส่ พี่ก็ยังเป็นพี่อยู่วันยันค่ำ
"..." ใจห่อเหี่ยวฉับพลัน ความดีใจก่อนหน้านี้หล่นหายไปหมด ผักไม่ได้มาด้วยหรอกเหรอ เมื่อกี้ผมตาฝาดไปเองสินะ ผม...ผมเจ็บ!
"ไม่เจอกันหลายอาทิตย์ มึงเป็นไงบ้าง" รีบยกมือขึ้นป้องตา เมื่อพี่สิงห์เปิดผ้าม่านออกจนกว้าง แสงสว่างในรอบหลายวัน ได้เห็นเดือนเห็นตะวันกับเขาก็วันนี้
"แล้วผักหล่ะ ผักไม่มาด้วยหรอ เฮียเอาผักไปซ่อนไว้ไหน" ผมไม่คิดจะตอบ อะไรก็ไม่สำคัญไปกว่าเรื่องของคนที่ผมอยากรู้
"มึงกินข้าวกินปลาบ้างเปล่า" ไม่มีสิ่งไหนหลุด นอกจากเรื่องอื่นที่พี่สิงห์พยายามเฉไฉ
หมับ
"ผะ..ผมขอโทษที่เคยก้าวร้าว ผมขอโทษนะเฮีย" ร่างสูงหยุดเคลื่อนไหว เมื่อผมพยุงร่างซูบผอมเข้าไปหา ปลายนิ้วดึงรั้งชายเสื้อของผู้เป็นพี่ไม่ต่างจากเด็ก ได้แต่มองสิ่งเหล่านั้นผ่านกระบอกตาที่ร้อนฉ่า มองแผ่นหลังกว้างที่เคยปกป้องผมนับครั้งไม่ถ้วน
แล้วก็ได้แต่คิดย้อน...
นึกไปถึงวันเก่าๆ วันที่บ้านเราแตกแยก วันที่ผมเดินเข้าไปหาพี่สิงห์แบบนี้ ดึงชายเสื้อของเขาเอาไว้ ขอร้องให้พี่พาผมไปอยู่ด้วย จากวันนั้น...พี่ก็คือผู้ให้ชีวิตครั้งใหม่ แต่ผมเองเป็นน้องที่แย่ ดีแต่ทำร้ายจิตใจคนที่รักนับครั้งไม่ถ้วน
"ผมขอโทษจริงๆ ขอโทษทุกอย่าง แต่เฮียคืนเมียผมมาเถอะนะ" ผมเอ่ยปากอ้อนวอน แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้ใส่ใจในคำร้องขอ
พึ่บ!
"นะ..นั่นเฮียจะไปไหน" ถึงตอนแรกจะนิ่งฟัง แต่หลังจากนั้น ร่างกำยำก็เดินดิ่งตรงไปทางห้องนอน เล่นเอาผมใจคอไม่ดี รีบเดินตามไปติดๆ ถึงแม้ร่างกายแทบไม่มีแรงเขยื้อนเลยก็ตาม
"กูแค่มาทำหน้าที่" เสียงเบาหวิวฟังดูไม่มั่นคง หัวใจทำท่าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ บีบตัวเกร็งแน่น เมื่อพี่สิงห์หยิบกระเป๋าเดินทางขึ้นมา ก่อนจะกวาดดึงเสื้อผ้าของผักกาดใส่กระเป๋า
"ขอโทษนะเสือ แต่เขาใช้กูมาเก็บของแค่นั้น"
"เก็บ เก็บไปไหน" ใจผมแทบขาดรอนๆ ตอนที่พี่สิงห์ไม่ตอบ มัวแต่ก้มหน้าก้มตา หยิบเสื้อผ้าของผักกาดใส่กระเป๋าลูกเดียว
"..." ต้องไม่ใช่แบบนี้สิ ไม่มีทาง ผมไม่ยอมหรอก
"ผะ..ผมไม่ให้ นี่มันของของผัก เฮียไม่มีสิทธิ์มายุ่ง" สิ้นสุดความคิด ร่างกายที่โงนเงนก็เดินไปคว้ากระเป๋าขึ้นมากอดแนบอก ผมให้เฮียเอาไปไม่ได้ ผมไม่เหลืออะไรอีกแล้ว นี่มันของต่างหน้าชิ้นสุดท้ายของผักนะ ใจคอจะไม่เหลืออะไรให้ผมจดจำเลยรึไง
ผักใจร้าย..
ผลัก!
"เสือ หลบ!" ใครจะว่าดื้อด้านก็ช่าง ต่อให้พี่สิงห์ผลักผมก็กลับมาใหม่ ผมมันคนโง่ เจ็บก็ไม่ยอมปล่อย ยังคงกอดทุกอย่างด้วยความหวงแหนสุดชีวิต เอาจนพี่สิงห์เริ่มอ่อนแรง ร่างสูงหยุดผลักไสไปแล้ว สองตาของเขาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาไม่ต่างจากผม
และในที่สุดมันก็...
แหมะ!
"เฮียอย่ามายุ่ง" อ่าา..ในที่สุดมันก็ไหลจนได้ นี่นะหรอจุดจบที่ผมวาดฝัน ความฝันของผมมันสวยงามกว่านี้นะ ต้องไม่ใช่แบบนี้
"ยะ..อย่าเอาของผักไป เอาไปไม่ได้..."
"ไอ้เสือ ฟังกูนะ!" พี่สิงห์เม้มปาก บิ่นหน้าหนีไปทางอื่น เขาเองคงไม่อยากเห็นภาพอันน่าสมเพชของผมนักหรอก นานพอควรกว่าที่เฮียจะหันกลับมา ร่างสูงเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ คุกเข่าอยู่เบื้องหน้า แล้วก็เริ่มพูดอีกครั้ง
พูดในประโยค ที่ทำให้ผมใจสลายทันที
"ผู้หญิงคนนั้น เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว"
"..."
"เรื่องของมึงกับเขา มันจบแล้วเสือ" ถึงแม้ฝ่ามืออุ่นจะลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู แต่ร่างกายกลับไม่รับรู้อีกต่อไป
"ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์ มึงยังดูไม่ออกอีกหรอ จะหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ ตื่นจากฝันได้แล้ว"
"ไม่จริง" ผม...กำลังจะตาย
[ต่อ]
"ผู้หญิงคนนั้น เขาจะไม่กลับมาที่นี่อีกแล้ว"
"..."
"เรื่องของมึงกับเขา มันจบแล้วเสือ" ถึงแม้ฝ่ามืออุ่นจะลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู แต่ร่างกายกลับไม่รับรู้อีกต่อไป
"ผ่านมาตั้งหลายอาทิตย์ มึงยังดูไม่ออกอีกหรอ จะหลอกตัวเองไปถึงเมื่อไหร่ ตื่นจากฝันได้แล้ว"
"ไม่จริง" ผม..กำลังจะตาย
"กินข้าวหน่อยนะ เดี๋ยวพี่ทำให้" อีกฝ่ายเปลี่ยนเรื่องพูด เมื่อเห็นอาการไม่สู้ดี คงเป็นน้องที่แย่มาก ที่ทำให้พี่ต้องเสียน้ำตาจนได้ แม้แต่ตอนพ่อแม่ทะเลาะกัน ผมยังไม่เห็นน้ำตาจากผู้ชายคนนี้ซักหยด พี่ชายที่เคยเข้มแข็งมาตลอด มาบัดนี้กลับร้องไห้ให้กับคนอย่างผม
"หิวมั้ย" สายตาเป็นห่วงเป็นใย ทำเอาผม...ทั้งเจ็บ ทั้งจุก
หมับ
"แกไม่สบายด้วยหรอ ทำไมไม่ดูแลตัวเองบ้าง" ตัวของผมสั่นสะท้านอย่างสุดกลั้น ก้มหน้าซุกกระเป๋าหลบซ่อนคราบน้ำตาที่เปียกชื้น แต่พอพี่สิงห์เอามือมาแตะหน้าผากเท่านั้น ผมก็ทนเก็บความปวดร้าวเอาไว้ไม่ไหว
"ลุกเร็วเข้า" มือหนาเข้ามาประคอง
"ฮะ..เฮีย ผมอยู่ไม่ได้" เวรกรรมตามทันแล้วสินะ ผลกรรมของผม คงมาในรูปแบบของผักกาด ผมขาดเธอไม่ได้ แค่คิดว่าชีวิตหลังจากนี้จะไม่มีผู้หญิงคนนั้น ก็เหมือนตกนรกหมกไหม้แล้ว
"ไปอาบน้ำอาบท่าซะ จะได้สดชื่น" หาคำตอบให้กับตัวเองไม่เจอ ค้นให้ตายก็ไม่มีคำตอบ รู้แค่เพียงเมื่อไม่มีผัก โลกทั้งโลกแลดูพังทะลาย ผมเหมือนคนจมน้ำ ที่กำลังขาดอากาศหายใจ เฉียดใกล้ความตายเข้าไปเรื่อยๆ
"ไม่ ผมไม่ไปไหนทั้งนั้น" สองตาพร่ามัว ยังฝืนสะบัดตัวหนี เรี่ยวแรงที่เหลือน้อยนิด ทำให้ผมล้มขลุกกระแทกกับพื้นจนเจ็บหัวเข่า
"เสือ" ความตกใจเกิดขึ้น แต่ยังดื้อเพ่ง ไม่ยอมให้เฮียเข้ามาคว้าตัวง่ายๆ
"บอกเถอะนะ จะให้ผมกราบก็ได้ ผักอยู่ที่ไหน" เพราะสิ่งที่ผมทำ มันเกินว่าที่ตัวเองคิดไว้เยอะ ยอมจำนนอย่างหมดหนทาง
นั่นก็เพราะ ผู้หญิงเพียงคนเดียว...
"ผะ..ผมจะไม่ไปวุ่นวาย ขอแค่มองดูห่างๆก็พอ ผมให้สัญญา"ปากพร่ำเพ้อเพราะพิษไข้ ขอแค่ได้เจอหน้าอีกสักครั้ง ไม่ว่าพี่สิงห์ต้องการสิ่งไหน ผมพร้อมจะแลกทุกอย่าง
แก้วแหวนเงินทองรึก็มี หรือจะเอาชีวิต ผมยอมมอบให้...
ขอแค่ได้เจอผัก ขอแค่สักครั้ง..
ลึกลงไปในใจ มันเป็นห่วงผักมากเหลือเกิน เธอสบายดีมั้ย ใช้ชีวิตอยู่ยังไง มีคนคอยดูแลเอาใจใส่หรือเปล่า กลับกลายเป็นว่า ผมแคร์ยัยนั่นมากกว่าตัวเองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
"..." ความเงียบปกคลุมจนทั่ว พี่สิงห์ไม่ตอบรับคำอ้อนวอนใดๆ อาจสมน้ำหน้าดูถูกดูแคลน หรืออาจมองกันด้วยสายตาสมเพชจับใจ
แต่ช่างเถอะ! จะมองกันแบบไหน เวลานี้คงไม่สำคัญ
"นะเฮีย ขอแค่ได้เห็น แค่อยากรู้ว่าเธอสบายดีมั้ย ผะ.."
"เขามีความสุขดี มีความสุขมากกว่าตอนอยู่กับมึง" ไม่เว้นช่องว่างให้พูดต่อ คมมีดจากคำพูดก็บางลึกกรีดแทงเข้าไปในใจ สะอึก เมื่อโดนความจริงตอกเข้าหน้า
ความจริงที่ว่า ผักกาดอยู่ได้โดยไม่มีผม
"ไปอาบน้ำเถอะ" พี่สิงห์คงอ่อนใจเต็มทน เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่ ออกปากไล่เมื่อเห็นผมนั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่กับพื้น ปากยังพูดเรื่อยๆ ถึงแม้ร่างแข็งแกร่งจะเดินตัดผ่านไปทางห้องครัว เพื่อไปหาอะไรให้ผมกิน
"อาบเสร็จจะได้กินข้าวกินยา ทำตัวให้เป็นผู้เป็นคนหน่อย"
"ผม..ไม่อยากทำ" ข่มตาปิดกั้น คำพูดเมื่อกี้ยังตามหลอกหลอนไม่จางหาย แค่อยากนั่งบื้ออยู่เฉยๆ ปล่อยกายไม่ขยับเขยื้อนไปไหน ตายตอนนี้ได้เลยยิ่งดี
เพราะผม...ไม่อยากมีชีวิตอีกต่อไปแล้ว
"เชื่อกูสักครั้งเถอะนะ" รู้ว่าเฮียเป็นห่วง แต่มันหมดกำลังใจแล้วจริงๆ อย่าว่าแต่อาบน้ำเลย เรี่ยวแรงที่ใช้หายใจในตอนนี้ยังแทบไม่มี ลมหายใจดูไร้ค่า เหมือนกับคนตาบอด ยังไม่รู้ทิศทางที่จะก้าวเดินต่อ
ผมหลง!
".." มันสับสน ไร้ทางออก
"มึงจะทำไม่ทำ" แต่แทนที่พี่สิงห์จะเข้าใจความรู้สึก กลับกลายเป็นตะคอกเสียงใส่ เขาระบายลมหายใจด้วยความหงุดหงิด เมื่อผมยังนิ่งนั่งเป็นตอไม้
"..." ทำได้เพียงปรือตา มองสีหน้าเคร่งเครียดของพี่สิงห์ด้วยใจแสนอ่อนล้า เหมือนพี่แกกำลังชั่งใจอะไรสักอย่าง เนิ่นนานมาก กว่าจะมีเสียงหลุดรอดอีกครั้ง
"ถ้ามึงไม่ทำ งั้นกูเปลี่ยนใจนะ" แต่แล้วทันใดนั้น ราวกับมีแสงสว่างสาดซัดซัดเข้ามาตรงปลายอุโมงค์ ใจที่เคยเต้นแผ่วเบา มาบัดนี้กลับเร่งอัตราจังหวะเร็วขึ้นอย่างไม่มีเหตุผล..
เร็วขึ้น และเต้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
"ไปอาบน้ำซะ แล้วแต่งตัวดีๆ" ขะ..ขออีกรอบได้มั้ย เมื่อกี้เฮียพูดว่าไงนะ ผม ผม..
"โอกาสครั้งสุดท้ายแล้วเสือ ครั้งสุดท้ายแล้วที่กูจะช่วย"
"ฮะ..เฮีย" ใจที่เคยแห้งเหี่ยว มาบัดนี้กลับฟื้นคืนชีพ ราวกับมีผีเสื้อนับร้อยบินวนในท้อง โหวงเหวงไปทั้งตัว ร่างกายมันเบาหวิวแปลกๆ
ยังไม่พอ ช่วยย้ำให้ได้ยินอีกที
ผมไม่ได้หูฝาด ไม่ได้เป็นบ้าจนเกิดภาพหลอนไปเอง
ที่ได้ยินเมื่อกี้ มันคือ...
"ชักช้าทำไม เร็วเข้าสิวะ" เสียงเร่งกระชั้น ทำเอาน้ำตาลูกผู้ชายไหลอีกหน คราวนี้ผมไม่ได้ร้องเพราะเสียใจ แต่ผมร้องไห้ ด้วยความยินดีสุดชีวิต ดีใจจริงๆ ที่มีพี่ชายคนนี้คอยอยู่ข้างๆเสมอ
"กระตือรือร้นหน่อย กูจะพามึงไปเจอเมียไง" ผมได้ลิ้มรสคำว่าเจ็บปวด ในช่วงหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา ไม่มีวันไหนเลย ที่ผมจะไม่กล่าวโทษตัวเอง ผมโทษ!ที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของผักกาด ความเจ็บช้ำ ความเสียใจ ความรู้สึกที่ครั้งนึงผมเคยทอดทิ้งเธอ หัวอกของใครสักคน ที่เฝ้ารอบางสิ่งอย่างมีความหวัง
มาวันนี้ ผมรู้ซึ้งหมดแล้ว...
"พี่พะ..พูดจริงใช่มั้ย ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่มั้ย" ความเจ็บป่วยหายไปปริบทิ้ง เมื่อเห็นรอยยิ้มกว้างของคนตรงหน้า ถ้ามีหูมีหาง ป่านนี้มันคงกระดิกด้วยความดีใจสุดขีด ทุกอย่างตอกย้ำความจริง ว่าตัวเองไม่ได้ฝันอยู่แน่ๆ
จะได้เจอหรอเนี่ย จะได้เจอแล้วใช่มั้ย...
"กูเป็นพี่มึงนะ น้องจะเป็นจะตายทั้งคน จะทนเฉยอยู่ได้ไง" ที่ผ่านมา ผมไม่น่าทำให้ผู้ชายคนนี้ผิดหวังเลยจริงๆ รู้แล้วว่าพี่สิงห์รักมากแค่ไหน สิ้นคิดเหลือเกิน! ที่มัวอิจฉาอะไรไม่เข้าเรื่อง ทั้งที่ความจริง ผมต่างหากที่เป็นคนโชคดีที่สุดในโลก
"ในเมื่อเขาไม่มา กูจะพาไปหาเอง" ผม..จะได้เจอหน้าผักกาดแล้ว
[อัพครบ 100%]
มรึงโชคดีนะ..มีพี่อย่างสิงห์
ผู้ชายบ้าอะไร แปรปวนยิ่งกว่าวัยหมดประจำเดือน
ผักนางต้องสตรอง อีเสือทำมาตั้งหลายตอนและ อย่ายอมมมม