Once upon a time รักนายแล้วจริงๆนะคนดี
เมื่อเธอต้องหลุดเข้าไปในโลกที่ไม่เคยมีใครรู้จักเพียงเพราะความเข้าใจผิดของพระเจ้าแล้ว'เขา'จะช่วยเธอได้อย่างไร?
ผู้เข้าชมรวม
55
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
If color is representative of the feelings . I Love You Is not Love colorless But a lot of color on the world.
" I Love It " is like a ruler on both sides , and he stood there, we do not try to walk toward each other , it was just " a face " only.
Nobody on earth can give definition to the meaning of love , but the love of the "self " is .
Last love, not what is beautiful or not beautiful, not something good or bad, not the flowers , not the mountains, not the sky and not the wind and storm, not someone who is not a book , not a CD, not the words or actions , not life, not substance, and not the world. but it is just ..
“Feeling .. For your loved ones .. only . "
บทนำ
“ตุบๆๆ” ฉันวิ่งกระหืดกระหอบไปข้างหน้าโดยที่ยังไม่รู้ทิศทาง ความมืดมิดปกคลุมทั่วทุกหนแห่ง ความน่ากลัวกำลังคืบคลานเข้ามา สมองฉันไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้น นอกจากสั่งการว่า “เธอต้องวิ่ง”...
“แกรกๆๆ” มัน..มาแล้ว เสียงแหวกพุ่มไม้และเสียงเหยียบใบไม้แห้งกรอบแกรบดังขึ้นข้างหลังฉัน เป็นสัญญาณเตือนว่ามันเข้ามาใกล้ขึ้นทุกทีๆ ฉันจึงต้องซอยเท้าให้ถี่ขึ้นเพื่อเพิ่มความเร็ว
“พึ่บพั่บๆๆๆ” ไม่ทันแล้วสิ่งมีชีวิตข้างหลังกระพือปีกใหญ่ยักษ์ของมันบินโฉบข้ามหัวฉันแล้วลงสู่พื้น มาดักอยู่ตรงหน้า
“แกว๊กกก” เสียงร้องข่มขู่น่ากลัวจากสัตว์ประหลาดตัวเขื่องนั้น ดังกึกก้องไปทั่วทั้งพื้นที่ ฉันได้แต่ยืนหลับตานิ่งแล้วพยายามนึกถึงเรื่องที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิตทั้งหมด ทั้งเรื่องดีๆและเรื่องร้ายๆ เพราะถ้าจะหนีก็คงไม่ทันแล้ว ฉันคงได้แต่ยืนรอความตายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...
ปากใหญ่อ้ากรามขึ้นกว้าง มันกว้างมากพอที่จะกลืนคนหนึ่งคนเข้าไปได้อย่างสบายๆ เขี้ยวแหลมคมของมันเคลื่อนเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ พร้อมที่จะบดขยี้ร่างอันบอบบางของเธอให้แหลกเละ ดวงตาสีแดงก่ำของมันบ่งบอกถึงความกระหายเหยื่อ กลิ่นสาบคาวเลือดที่ติดอยู่ตามตัวของมันลอยโชยผ่านเข้ามาในระบบการหายใจของหญิงสาวทำให้รู้สึกคลื่นไส้ เหมือนของเหลวจากกระเพาะจะมาจุกอยู่ที่อก หยดน้ำอุ่นๆเริ่มไหลรินออกมาจากดวงตากลมโต เธอได้แต่ยืนนิ่งงัน สะกดความกลัวไว้ข้างในเท่านั้น สายลมหนาวเย็นโชยผ่านปะทะตัวของเธอ ร่างกายของหญิงสาวสั่นสะท้านด้วยความเหน็บหนาวและความกลัวผสมปนเปกันไปหมด พระอาทิตย์เริ่มขึ้นจากขอบฟ้าทำให้เธอเริ่มเห็นสิ่งแวดล้อมรอบๆกายได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ท้องฟ้ายามเช้ามืดเป็นสีทไวน์ไลฟ์ รอบๆเป็นป่ารก มืดมนเหมือนปกคลุมไปด้วยมนตร์ดำ มันเต็มไปด้วยต้นไม้ใหญ่ พุ่มไม้หนาม และเถาวัลย์
“แกว๊กกก” สัตว์ประหลาดตรงหน้าร้องขึ้นอีกครั้งแล้วพุ่งตัวเข้ามาจู่โจมหญิงสาว “กรี๊ดดด”หญิงสาวหลับตาปี๋แล้วกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เลือดมากมายไหลอาบไปทั่วทั้งเรือนร่างขาวบอบบาง จนกลายเป็นสีแดงฉาน จากใบหน้าที่เคยเป็นสีชมพูระเรื่อสวยหวานกลับกลายเป็นซีดเผือดไร้สีเลือด ทุกอย่างดับวูบอยู่เพียงแค่นั้น พร้อมกับร่างไร้สติของสาวน้อยที่ที่ถูกกลืนกินโดยสัตว์หน้าตาอัปลักษณ์ “การ์กอยส์*”
“กรี๊ดดด” ฉันกระเด้งตัวขึ้นจากหมอนและที่นอนแสนนุ่มนิ่ม เหงื่อเม็ดโตผุดอยู่ตามร่างกายและไรผม ทำให้รู้สึกเหนียวเหนอะหนะ น้ำตามากมายไหลออกมาจนรู้สึกปวดตา พร้อมกับเสียงกรีดร้องเสียงดังเก้าร้อยแปดสิบเดซิเบลของฉัน เสียงนั้นดังพอที่จะทำให้พ่อกับแม่ตกใจ แล้วรีบไต่บันไดขึ้นมาหาฉันบนห้องทันที
ปังๆๆๆ! “เอพริล ลูกเป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้พ่อกับแม่เข้าไปหน่อยสิลูก” เสียงทุบประตูปังๆที่หน้าห้องของฉันที่คาดว่าน่าจะเป็นพ่อที่ยืนทุบมันอยู่ พร้อมกับเสียงของแม่ที่ตะโกนเข้ามาด้วยน้ำเสียงที่เจือไปด้วยความเป็นห่วงมากมาย
“...”
“เปิดประตูให้พ่อหน่อยสิลูก” เสียงทุบประตูเริ่มเงียบไปพร้อมด้วยเสียงของพ่อที่บอกให้ฉันมาเปิดประตูให้อีกรอบ
“ค่ะพ่อ”... ฉันเดินไปปลดล็อกกลอนที่หน้าประตูห้อง เพื่อให้ท่านทั้งสองคนเข้ามา
“U-U”...
“เอพริลเมื่อกี้นี้ลูกเป็นอะไร บอกพ่อกับแม่มาซิ” แม่ถามฉันพร้อมกับจับตัวฉันบิดไปบิดมาด้วยความเป็นห่วง
“ลูกนอนตกเตียงหรือเปล่า หรือว่า มีใครแอบเข้าห้องมาเอาผ้าห่มอุดปากลูก?” พ่อถามฉันด้วยน้ำเสียงปนตลก
“นี่คุณ...ลูกกำลังตกใจอยู่นะ” แม่หันไปดุพ่อแล้วก็ตีที่แขนของท่านเบาๆ
“T^T แม่อ่ะ” พ่อพูดพร้อมกับทำหน้างอนๆใส่แม่
“แล้วนี่ลูกเป็นอะไร ร้องเสียงดังไปถึงในครัวแน่ะ” แม่ไม่สนใจพ่อ แต่หันมาถามฉันแทน
* ”การ์กอยส์” เป็นสัตว์ในตำนาน มีหน้าตาอัปลักษณ์ รูปร่างคล้ายคน มังกร และค้างคาวผสมกัน มีนิสัยดุร้าย
“U-U...” ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไป แต่เหมือนแม่จะดูออกว่าฉันเป็นอะไร
“นี่ลูก...ฝันแบบนั้นอีกแล้วใช่มั้ย”
“ค่ะ... (._.)”
“...”
“...”
พ่อกับแม่ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่หันไปมองหน้ากันเท่านั้น...
“งั้น...เดี๋ยวพ่อกับแม่ลงไปรอข้างล่างนะ แม่ทำข้าวต้มปลา กับนมอุ่นๆไว้ให้ รีบอาบน้ำแล้วก็ลงไปกินซะนะลูก เดี๋ยวมันจะเย็นหมด” แม่บอกพร้อมกับฉุดพ่อให้ลุกไปกับแม่อย่างเข้าอกเข้าใจ ว่าไม่ควรจะถามอะไรให้ฉันรู้สึกอึดใจไปมากกว่านี้
...พวกท่านน่ารักกับฉันแบบนี้เสมอนั่นแหละ...
“ซ่าาา” หยดน้ำจากฝักบัวไหลชำระเม็ดเหงื่อที่เกาะอยู่ตามร่างกายของฉัน ซึ่งเกิดจากความฝันอันโหดร้ายเมื่อสักครู่นี้ออกไป ทำให้ฉันรู้สึกสบายตัวขึ้นมากกว่าเก่า แต่จิตใจของฉันไม่ได้รับการชำระล้างให้รู้สึกดีจากความขุ่นมัวเมื่อสักครู่นี้เลยแม้แต่สักเสี้ยวเดียว
เมื่ออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉันก็ค่อยๆเดินลงบันไดไปที่ในครัวเพื่อที่จะลงไปกินข้าวต้มตามที่แม่บอก แต่ฉันคงจะลงไปถึงแล้วถ้าฉันไม่ได้ยินบทสนทนาระหว่างพ่อกับแม่เข้าซะก่อน...
“นี่พ่อ...แม่ว่าบางทีเราน่าจะพาเอพริลไปหาหมอนะ”
“ชู่ว์..แม่น่ะ พูดซะเสียงดังเลย เดี๋ยวเอพริลมาได้ยินเข้าก็เสียใจหรอก”
“ลูกไม่ได้ยินหรอกน่า แม่ว่าบางทีลูกอาจจะจิตหลอนก็ได้นะพ่อ”
“แต่พ่อว่าไม่น่าใช่นะ พ่อว่ามันต้องมีเงื่อนงำอะไรเชื่อมโยงกับเรื่องนี้แน่ๆเลย อย่างเช่น ผี หรือเจ้ากรรมเก่า อะไรทำนองนี้”
“อะไรทำให้พ่อคิดแบบนั้นล่ะ” ฉันที่แอบฟังอยู่คิดว่าแม่จะว่าพ่อว่าบ้าซะอีก เพราะว่าแม่เป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องอะไรพวกนี้อยู่แล้ว แล้วทำไม จู่ๆถึงได้...
“ก็ลูกของเราน่ะ ฝันแบบนี้เฉพาะคืนก่อนถึงวันเกิดนี่ แล้ววันนี้ลูกเราก็สิบแปดขวบแล้วด้วย” พ่อพูดด้วยคำน่ารักๆที่ฉันกับแม่มักจะได้ยินจนชินแล้ว อืม..นั่นสินะวันนี้มันวันเกิดฉันนี่นา นี่ฉันลืมไปได้ยังไงเนี่ย
“งั้นแม่ว่า เราน่าจะพาลูกไปทำบุญสะเดาะเคราะห์ หรือไม่ก็ไปไล่ผี ไปดูดวง ไปดำน้ำดูปะการัง บลาๆๆ” แม่พูดโดยที่ไม่เว้นช่องว่างหายใจ ซึ่งถ้าเป็นปกติฉันคงจะรู้สึกว่ามันตลก แล้วก็สุมหัวกันหัวเราะคิกคักกับพ่อสองคน แต่นี่ฉันกลับขำไม่ลงกับท่าทีแบบนี้ของแม่ เพราะเรื่องที่ท่านกำลังร่ายอยู่นี้ เป็นเรื่องความเป็นความตายของฉัน บางที...ฉันก็คิดว่าฉันไม่ควรจะมาอยู่ให้พ่อกับแม่เป็นทุกข์เพราะฉัน ท่านคงเป็นห่วงที่ฉันเอาแต่ฝันแบบนี้มาตลอดสิบสองปี ใช่...ฉันต้องร้องไห้โยเยกับฝันนี้มาตั้งแต่หกขวบแล้ว
ฉันกลั้นก้อนสะอื้นเอาไว้ในอก แล้วปั้นหน้ายิ้มเดินลงบันไดไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งรออยู่ด้านล่าง เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คุณพ่อคุณแม่คุยเรื่องอะไรกันอยู่คะ^^” ฉันถามพร้อมกับปั้นรอยยิ้มสดใสให้ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เพื่อให้ท่านทั้งสองคนรู้สึกสบายใจที่ฉันยังมีความสุขดี (ถึงแม้ความจริงมันจะไม่ได้เป็นอย่างนั้นอะนะ U-U)
“อะ..เอ่ออ” คุณแม่ดูอึกอักเล็กน้อย ส่วนคุณพ่อก็รีบหยิบหนังสือพิมพ์ที่วางอยู่บนโต๊ะตรงหน้ามาทำเป็นอ่าน ปิดหน้าหนีจากฉันทันที
“เอพริล แม่ว่าลูกไปกินข้าวต้มเถอะจ้ะ เดี๋ยวจะเย็นหมด ไม่อร่อยนะ” แม่พูดกับฉันด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูใจดี พร้อมกับยิ้มน้อยๆมาให้
“ค่ะ” ฉันตอบไปตามปรกติ เพราะไม่อยากให้แม่จับได้ว่าฉันไปได้ยินสิ่งที่ท่านสองคนพูดกันเมื่อสักครู่นี้
ฉันเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะอาหารในตำแหน่งที่ฉันมักจะนั่งอยู่ประจำ โดยมีข้าวต้มและนมอุ่นวางอยู่ที่ตำแหน่งที่นั่งของฉันแล้ว ส่วนของพ่อกับแม่เป็นข้าวต้มปลาเหมือนๆกันกับฉัน แต่ต่างกันเพียงที่ว่าในแก้วของแม่เป็นกาแฟ และแก้วของคุณพ่อเป็นน้ำส้ม
เมื่อนั่งกันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว พวกเราก็ท่องบทสวดขอบคุณอาหารที่เรามักจะสวดกันอยู่ทุกวันก่อนที่จะกินอาหารแต่ละมื้อ ฉันค่อยๆละเลียดข้าวต้มจากขอบถ้วยก่อนเพราะว่ามันจะเย็นกว่าตรงกลางถ้วย ที่มันร้อนจนสามารถทำให้ลิ้นพองได้ ข้าวต้มฝีมือแม่ยังอร่อยไม่เคยเปลี่ยนเลย...
หลังจากที่กินอาหารเช้าเสร็จแล้ว ฉันเป็นคนอาสารับเก็บโต๊ะล้างจานเอง พ่อกับแม่จึงออกไปนั่งรอที่ห้องนั่งเล่นแล้ว
เมื่อฉันล้างจานเสร็จ ฉันก็รีบสาวเท้าออกจากห้องครัวทันที เพราะฉันรับปากพ่อกับแม่ว่าจะไปดูซีรีย์เกาหลีเรื่องใหม่ ที่โซฟาชุดในห้องนั่งเล่น กับพวกท่าน
แต่เมื่อฉันออกมาจากห้องครัว ทุกอย่างกลับมืดมิด ฉันพยายามคลำหาสวิตช์ไฟ ที่ผนังบ้าน แต่ก็หาไม่เจอ
“พ่อคะ แม่คะ”
“...”
ฉันตะโกนหาพ่อกับแม่ แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือความเงียบเพียงเท่านั้น...
ใจฉันเริ่มหาย แต่ทันใดทั้นก็มีแสงริบหรี่จากทางข้างหน้าตรงเข้ามาหาฉัน พร้อมกับใบหน้าที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดีของใครบางคน
“แฮบปี้เบิร์ท เดย์ ทู๊ยู้วว” พ่อพยายามดัดเสียงให้สูงๆ ทำให้ฉันหลุดหัวเราะออกมาเบาๆ
“แฮบปี้เบิร์ท เดย์ ทู ยู” เสียงของแม่แม้ว่าจะดูแก่ไปนิด แต่รอยยิ้มและความตั้งใจที่จะทำเรื่องแบบนี้ให้ฉัน ยังไงฉันก็รู้สึกว่ามันเพราะอยู่ดี
“แฮบปี้เบิร์ท เดย์ ทู ยู” และเสียงนุ่มทุ้ม ที่ฟังดูอบอุ่นนั้นจะเป็นของใครไม่ได้นอกซะจาก...แดเนียล แฟนของฉันเอง ><
(นี่แดเนียล แอบไปร่วมมือกับคุณพ่อคุณแม่ตอนไหนนะ?...)
“แฮบปี้เบิร์ทเดย์ แฮบปี้เบิร์ทเดย์ แฮบปี้เบิร์ท เดย์ ทู ยู...” สามเสียงร้องประสานกันในตอนสุดท้าย มันทำให้ฉันซาบซึ้ง จนอยากจะร้องไห้ออกมา
ฉันค่อยๆหลับตาแล้วอธิฐานขอพรไปสามข้อ ข้อที่หนึ่ง ขอให้พ่อกับแม่ของฉันมีความสุข ข้อที่สอง ขอให้ฉันกับแดเนียลรักกันไปนานๆ และข้อสุดท้าย...ขอให้ฉันหายจากความฝันอันโหดร้ายนี้
ฉันค่อยๆลืมตาขึ้น แล้วเป่าเทียนทั้งสิบแปดเล่มบนเค้กนมสดหน้าเนียนจนดับหมด ไฟในห้องจึงสว่างขึ้นมา
“ขอให้ลูกร่างกายแข็งแรง แล้วก็สวยเหมือนพ่อตลอดไป” พ่อพูดพร้อมกับยื่นมือมาตบบ่าฉันเบาๆ
“สวยเหมือนฉันต่างหากคุณ”คุณแม่ทักท้วง
“ขอให้เธอมีความสุข แล้วก็รักกับฉันนานๆนะ^^
ผลงานอื่นๆ ของ Chamomile l.n ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Chamomile l.n
ความคิดเห็น