[SF Nyongtory] They Don't Know About Us - [SF Nyongtory] They Don't Know About Us นิยาย [SF Nyongtory] They Don't Know About Us : Dek-D.com - Writer

    [SF Nyongtory] They Don't Know About Us

    ผู้เข้าชมรวม

    1,336

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    1.33K

    ความคิดเห็น


    16

    คนติดตาม


    19
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  11 ต.ค. 56 / 17:03 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ


      ร่างโปร่งของคนที่เพิ่งขึ้นแสดงในรายการอินกิกาโยเสร็จเมื่อสักครู่ เดินวนไปเวียนมาอย่างคนกำลังรออะไรสักอย่าง

       
      พี่ผู้จัดการที่มาด้วยกันนั่งมองอยู่ด้วยความรู้สึกขบขันปนเห็นใจ ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ ว่าศิลปินดังแห่งค่ายวายจีคนนี้ กำลังเป็นแบบนี้เพราะอะไร

       
      "ฮยอง ผมยังไปไม่ได้หรอ นี่ผมต้องอยู่รออะไร ยังไงวันนี้ผมก็ยังไม่ได้รางวัล ผมไปเลยไม่ได้หรอ" พูดจบไม่รอคำตอบ คนที่เดินวนเป็นหนูติดจั่นเมื่อครู่ก็หันไปหยิบกระเป๋าใบเก่ง ตั้งท่าจะออกไปอย่างไม่ฟังคำขอของใคร แม้แต่พีดีของรายการก็ตาม

       
      "เฮ้ย จียง ใจเย็น" พี่ผู้จัดการลุกขึ้นขวางคนใจร้อนตรงหน้าที่กำลังจะเปิดประตูออกไป

       
      "อยู่ให้จบรายการก่อนสิ อีกนิดก็จะประกาศรางวัลแล้ว ประกาศรางวัลเสร็จเดี๋ยวนายก็ได้ไป อย่าทำให้เสียงานสิ แค่นี้น้องมันก็โดนว่าขนาดไหนแล้วรู้ไหม"

       
      คนอยากไปได้ฟังคำจากคนที่โตกว่า ยืนชั่งใจสักพักก่อนจะเดินไปโยนกระเป๋าลงบนโซฟา พร้อมทิ้งตัวลงนั่งอย่างไม่สบอารมณ์

       
      พี่ผู้จัดการถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ๆ ก่อนจะขอบคุณอะไรก็ตามที่ดลใจให้คนตรงหน้าเชื่อฟังเขาในตอนนี้
       
       
       
      "ผมจะไปทันเขาใช่มั้ยครับฮยอง" เสียงที่แสดงชัดถึงความดีใจเอ่ยออกมาขณะที่กำลังเดินไปขึ้นรถ

       
      "ทันสิ ไม่ต้องรีบขนาดนั้นก็ได้" เหมือนไม่ได้ยิน คนที่เดินยิ้มออกมาจากสตูดิโอกลับยิ่งเดินเร็ว ยิ้มกว้างขึ้นไปอีก เอากับเขาสิ ถ้าคนอื่นมองมา คงคิดว่าเด็กนั่นกำลังจะรีบไปหาแฟนแน่ๆ

       
      แต่มันจะเป็นไปได้ยังไง ในเมื่อทั้งสองคน ต่างก็เป็น 'ผู้ชาย' ด้วยกันทั้งคู่ ...

       
      คนที่เฝ้ามองการเติบโตในทุกๆด้านของเด็กทั้งสองมาตั้งแต่ก่อนเดบิวท์ ได้แต่ส่ายหัวอย่างไม่รู้จะทำไงดี

       
      "ผมจะขับรถไปเองนะครับ ฝากบอกพี่ผู้จัดการที่ไปกับซึงรีด้วยว่าให้กลับไปได้เลย เดี๋ยวผมพาเขากลับเอง" พูดจบคนพูดก็หายเข้าไปในรถสปอร์ตคันหรู ก่อนจะขับออกไปอย่างที่คนมองยังมองตามแทบไม่ทัน

       
      คนรับคำสั่ง ส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะกดโทรศัพท์ทำตามคำขอนั้น ถือเป็นรางวัลที่อุตส่าห์ทนหน้าบูดอยู่จนงานจบอย่างที่เขาขอร้องก็แล้วกัน
       
       
       
      'People say we shouldn’t be together
       
      We're too young to know about forever
       
      But I say they don’t know what they're talk-talk-talkin’ about'
       
       
       
       
       
      ใจเต้นแรงขึ้น ในขณะที่ระยะห่างยิ่งน้อยลง สายตาคนมาใหม่จับจ้องคนบนเวทีที่กำลังส่งยิ้มหวานในแบบที่เขาชอบให้บรรดาแฟนคลับที่มางานแฟนไซน์ของตัวเอง

       
      ยิ้มที่เขาหลงใหล มองเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ ...

       
      เริ่มมีเสียงฮือฮามากขึ้น เมื่อหลายๆคนเริ่มมองเห็นบุคคลมาใหม่อย่างเขา ยิ้มกว้างขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเจ้าของงาน

       
      ยิ้มหวานจากคนที่ทำให้เขาวุ่นวายใจมาตลอดวัน เพราะกลัวว่าจะมาไม่ทันเซอร์ไพรส์ ดับทุกอารมณ์หงุดหงิดในใจ

       
      ยิ้มที่ทำให้เขารู้สึกเป็นสุข ...

       
      ยืนมองคนตรงหน้าให้หายคิดถึง ก่อนจะยื่นอัลบั้มในมือไปให้เจ้าของงาน เจ้าของรอยยิ้มหวานคนนั้น

       
      "พี่ชื่ออะไรฮะ" เสียงหวานๆเอ่ยถาม พร้อมส่งยิ้มที่หวานกว่ามาให้

       
      "... จียงกี้" เสียงหัวเราะคิกดังมาจากคนตั้งท่าจะเขียนชื่อเขาลงบนอัลบั้ม

       
      ท่าทางตั้งอกตั้งใจเซ็นลายเซ็นให้เขา เรียกรอยยิ้มกว้างได้มากขึ้นอีก ... เขาจะรู้ตัวไหม ว่าน่ารักมากขนาดไหน และทำให้ฮยองคนนี้รู้สึกอย่างไรบ้าง
       
       
      "เสร็จแล้วฮะ" คนพูดยืนขึ้น ยื่นอัลบั้มพร้อมลายเซ็นให้จียงกี้ฮยองที่มาเซอร์ไพรส์เขาแบบไม่ทันตั้งตัว ไหนบอกว่าต้องไปอัดรายการอินกิกาโยนี่นา แล้วมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงนะ

       
      คนตรงหน้าที่ทำให้ใจเขาเต้นแรง อ้าแขนออกแบบที่เคยทำประจำ เพื่อให้เขาได้เข้าไปสวมกอด ก่อนจะสะกิดให้หันไปถ่ายรูปคู่กัน

       
      ท่าทางของคนที่มาเซอร์ไพรส์ทำให้เขายิ้มได้ไม่หยุด ตื่นเต้น ดีใจ ตกใจ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะมาเซอร์ไพรส์กันแบบนี้

       
      "พี่จะรอนะ" เสียงไม่เบาจากคนโตกว่าเรียกเสียงกรี๊ดจากผู้ร่วมงาน และเรียกสีเลือดบนหน้าเจ้าของงานได้เป็นอย่างดี

       
      ก่อนจะคว้ามือข้างซ้ายของเขาขึ้นมาจูบเบาๆ แล้วเดินจากไป เหลือทิ้งไว้แค่เสียงกรี๊ดที่ดังขึ้นกว่าเดิม และความร้อนที่เพิ่มบนใบหน้าเจ้าของมืออย่างห้ามไม่อยู่
       
       
       
      'Cause this love is only getting stronger
       
      So I don’t wanna wait any longer
       
      I just wanna tell the world that you're mine girl'
       
       
       
       
       
      "ฮยอง" เสียงใสดังขึ้น เมื่อเสร็จงานแล้วเดินมาเจอคนเป็นพี่ที่นั่งรออยู่ในห้องพักของตัวเอง

       
      "ว่าไงซึงรี" ร่างเล็กกว่าเดินหน้างอเข้ามาหาอย่างที่คนเห็นนึกสงสัยไม่ได้ว่านี่เขาทำอะไรพลาดไปรึเปล่า

       
      "ฮยอง ..." เดินมาหยุดตรงหน้า ก่อนทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ออกมา จนคนที่มองรู้สึกใจเสียพลางอ้าแขนหวังจะกอดปลอบใจมักเน่ของเขา

       
      "เป็นอะไร แล้วทำไมไม่เรียกโอปป้าล่ะหื๊อ" แต่แล้วกลับเกิดเรื่องน่าแปลกใจขึ้น เมื่อคนหน้างอ นอกจากจะไม่ยอมให้กอดแล้ว ยังตีเข้าที่แขนสองข้างของคนเป็นพี่อย่างแรง

       
      "ไม่ต้องมาโอปป้งโอปป้าอะไรเลยนะฮะ พี่ทำแบบนี้ได้ยังไง ผมตกใจแทบแย่ตอนพี่จูบมือผม พี่ไม่กลัวว่าคนอื่นจะรู้หรอฮะว่าเรา...เป็นอะไรกัน"

       
      เสียงใสที่เคยแต่ออดอ้อน บัดนี้ขึ้นเสียงอย่างควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ ใบหน้าแดงก่ำไปหมดอย่างที่คนมองก็ยังไม่รู้ว่าด้วยความโมโหหรือเพราะความเขิน

       
      "ไม่ตื่นเต้นหรอ พี่ว่ามันตื่นเต้นดีออก" คนโตกว่าโอบแขนรอบคนเป็นน้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ดีที่คนเป็นน้องไม่งอแง ยอมให้กอดแต่โดยดี

       
      "มันตื่นเต้นเกินไปฮะ ผมตกใจแทบแย่ โอปป้าอ่ะ ทีหลังไม่เอาแบบนี้แล้วนะ ผมทำตัวไม่ถูก" คำเรียกแทนตัวเปลี่ยนไปอย่างที่ทำให้คนฟังรู้สึกอิ่มเอมใจ

       
      "หื๊อออ ใครเริ่มก่อนกันแน่ วันนั้นใครกันนะ เรียกพี่ว่าโอปป้าเต็มปากเต็มคำออกทีวีด้วย" มือใหญ่ย้ายมาบีบจมูกของเด็กเจ้าเล่ห์เบาๆด้วยความหมั่นไส้

       
      "ก็แล้วใครกันล่ะ ตอบว่าโทรี่ๆให้ผมดีใจ ผมเลยเผลอเรียกโอปป้าออกไปแบบนั้นอ่ะ" มือเล็กพยายามแกะมือที่บีบจมูกของเขาเอาไว้

       
      "ก็แล้วใครใช้ให้ถามว่าซึงรีเป็นอะไรสำหรับพี่ พี่เกือบตอบออกไปแล้วว่าเป็นคนรัก ดีที่ห้ามใจตัวเองไว้ทัน" คนเป็นน้องยิ้มเขินกับคำของคนเป็นพี่ ก่อนจะซุกหน้าลงกับไหล่ของคนที่กอดเอาไว้
       
       
       
      'They don’t know about the things we do
       
      They don’t know about the "I love you"’s
       
      But I bet you if they only knew (they don't know)
       
      They would just be jealous of us,
       
      They don’t know about the up all nights
       
      They don’t know I've waited all my life
       
      Just to find a love that feels this right
       
      Baby they don’t know about, they don’t know about us'
       
       
       
       
       
      มืออุ่นๆของคนโตกว่าเลื่อนมาไล้เบาๆที่แก้มนุ่มๆของคนเป็นน้อง

       
      คนซุกไหล่ เงยขึ้นมาสบตากับเจ้าของมือซุกซนนั้น

       
      พลางหลับตาลงรอรับสัมผัสนุ่มนวลนั้น
       
       
       
      'One touch and I was a believer
       
      Every kiss it gets a little sweeter
       
      It’s getting better
       
      Keeps getting better all the time girl'
       
       
       
       
       
      เสียงเคาะประตูแทรกขึ้นท่ามกลางบรรยากาศหวานๆของคนสองคน

       
      "อื้อๆ" คนน้องสะดุ้งตกใจก่อนจะใช้มือยันอกให้คนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวยอมผละออกจากตัวเอง

       
      คนเป็นพี่กดจูบหนักๆลงบนริมฝีปากนั้นอีกครั้ง ก่อนจะยอมถอยออกอย่างจำใจ

       
      "ฮะ ว่าไงฮะ อ่อฮะ ขอบคุณมากนะฮะ" คนตัวเล็กตรงไปเปิดประตูก่อนจะพบว่าเป็นทีมงานมาบอกว่าพวกเขาสามารถออกมาได้แล้ว เพราะเคลียร์สถานที่ไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

       
      "ว่าแต่พี่ผู้จัดการกลับไปหมดแล้วนี่ฮะ ลืมผมได้ยังไงเนี่ย" พูดไปพลางทำหน้าบู้ ยิ่งทำให้คนอารมณ์ค้างจากเมื่อกี๊ อยากตรงเข้าไปปิดปากเล็กๆแต่พูดไม่หยุดนั่นอีกสักรอบ

       
      "โอปป้าฮะ ไหนๆก็อยู่รอผมมาถึงขนาดนี้แล้ว ไปส่งผมที่คอนโดหน่อยสิฮะ ผมไม่อยากนั่งแท็กซี่ไปเอง" พูดไปก็เข้ามาคลอเคลียแบบที่รู้ว่าคนขับรถมาต้องใจอ่อนแน่ๆ

       
      "ไม่เอาอ่ะ พี่เหนื่อยแล้ว อยากกลับบ้านนอนเหมือนกัน" พูดแล้วก็นึกขำในใจ ในเมื่อเป็นเขาเองนี่แหละที่ไล่พี่ผู้จัดการพวกนั้นให้กลับไปให้หมด เพราะคาดหวังว่าจะได้รับการออดอ้อนแบบนี้จากคนตรงหน้า

       
      "หื๊อออ โอปป้าอ่ะ ไปส่งผมหน่อยนะฮะ ไม่ห่วงผมหรอ ปล่อยรินั่งแท็กซี่กลับคนเดียว"

       
      "... พี่ง่วงแล้ว ถ้าไปส่งนาย พี่คงขับรถกลับบ้านตัวเองไม่ไหวแน่ๆ เฮ้อออ พี่ไปละนะ" แกะมือที่เกาะแขนตัวเองออก ก่อนจะทำทีเดินตรงไปที่ประตู แต่ยังไม่ทันจะเปิดประตูออกไป ก็รับรู้ได้ถึงแบ็คฮัคที่คนเป็นน้องมอบให้
       
       
      "... งั้น ... คืนนี้นอนค้างห้องผมมั้ยล่ะฮะ ที่ห้องเพิ่งเติมน้ำยาแอร์มา แอร์เย็นฉ่ำเลยนะฮะ"
       
       
       
      'They don’t know how special you are
       
      They don’t know what you’ve done to my heart
       
      They can say anything they want
       
      'Cause they don’t know us'
       
       
       
       
       
      "ซีงรีอ่า นายจำได้ไหมว่าพี่จูบนายที่มือข้างไหน" คนถูกถามที่ยืมแขนคนถามหนุนนอนต่างหมอน เงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัย

       
      "อืมม มือซ้ายใช่มั้ยฮะ" พลางยกมือข้างซ้ายของตัวเองขึ้นมาดู ก่อนจะมั่นใจเพราะความรู้สึกอุ่นร้อนนั้นยังติดอยู่เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อกี๊

       
      "นิ้วไหนรู้ไหมหืม" คนเป็นพี่ยังถามต่อ

       
      "...ไม่รู้สิฮะ ผมจำไม่ได้อ่า" อาการเหมือนคนง่วงนอนเลยไม่อยากจะนึกอะไร ทำให้คนถามต้องจับมือซ้ายข้างนั้นขึ้นมาทำให้ดูอีกครั้ง
       
      "นิ้วนี้ไง" ริมฝีปากบางบรรจงจูบเบาๆลงบนนิ้วนางของมือเล็ก
       
       
      "ให้มันเป็นเครื่องแทนใจที่มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่รู้นะ ว่านายเป็นของโอปป้า และโอปป้าก็เป็นของนาย เบ่บี๋ของโอปป้า"
       
       
      'They don’t know what we do best
       
      It's between me and you, our little secret
       
      But I wanna tell 'em'
       
      I wanna tell the world that you're mine girl'
       
       
       
       
      ... They don’t know about us ...
       
       
      Fin

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×